The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

วันเข้าพรรษาและช่วงฤดูพรรษากาลตลอดทั้ง 3 เดือน พุทธศาสนิกชนชาวไทยถือเป็นโอกาสอันดีที่จะบำเพ็ญกุศลด้วยการเข้าวัดทำบุญใส่บาตร ฟังพระธรรมเทศนา

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

วันเข้าพรรษา

วันเข้าพรรษาและช่วงฤดูพรรษากาลตลอดทั้ง 3 เดือน พุทธศาสนิกชนชาวไทยถือเป็นโอกาสอันดีที่จะบำเพ็ญกุศลด้วยการเข้าวัดทำบุญใส่บาตร ฟังพระธรรมเทศนา

วันแรม 1 คำ่ เดอื น 8 ถึงขึน้ 15 ค่ำเดือน 11

http://www.pattaninfe.com/lbmueang/

 วันเข้าพรรษา จัดเป็นพิธีกรรมของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา

โดยทา่ นต้องประพฤติปฏิบัติตามพระพทุ ธบญั ญตั ิ (ขอ้ ทต่ี ้งั ขึน้ ให้
รู้ท่ัวกันการกาหนดเรียก การวางเป็นกฎข้อบังคับ) ท่ีทรงวางเป็น
ระเบียบข้อบังคับให้พระสงฆ์ต้องเขาจาพรรษาในสถานท่ีท่ีทรง
อนุญาตให้เข้าอาศัยอยู่ได้ และพิธีกรรมวันเข้าพรรษานี้
พุทธศาสนิกชนได้มีส่วนร่วมประกอบคุณงามความดีตามหน้าท่ี
ของชาวพุทธ เพือ่ ชว่ ยเหลอื พระสงฆอ์ ีกทางหนงึ่ ด้วย ซึง่ มปี ระวตั ิท่ี
น่าสนใจวันเขา้ พรรษา เริ่มตั้งแต่วันแรม ๑ ค่าเดือน ๘ จนถึงวัน
ข้ึน ๑๕ ค่าเดือน ๑๑ เรียกว่า ครบไตรมาส คือ ๓ เดือนน่ีเป็น
การเข้า "พรรษาต้น"ส่วนการเข้า"พรรษาหลัง"เริ่มต้ังแต่วันแรม
คา่ ๑ เดือน ๙ จนถึงวนั ขึ้น ๑๕ คา่ เดือน ๑๒

พระท่านจะทาการซ่อมแซมเสนาสนะที่ชารุดทรุดโทรมให้อยู่

ในสภาพที่ดีท่ีใช้อยู่อาศัยได้ จัดการปัดกวาดหยากไย่ เช็ดถูให้
สะอาด สาเหตุที่ต้องกระทาเสนาสนะให้มั่นคงและสะอาด ก็เพื่อจะ
ได้ใช้บาเพ็ญสมณกิจในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาได้เต็มที่ ไม่ต้องกลัว
ฝนจะร่ัวรดอุโบสถ ไหว้พระสวดมนต์เสร็จแล้วจึงกระทาพิธีเขา้ พรรษา
โดยกล่าวอธิษฐานต้ังใจเพื่ออยู่จาพรรษา ตลอดฤดูฝนในวันของท่าน
ทีต่ ้งั ใจจะอยู่

คากล่าวอธิษฐานพรรษาเป็นภาษาบาลีว่า "อิมัสะมิง อาวาเส
อิมัง เตมาสัง วัสสัง อุเปมิ" แปลว่า "ข้าพเจ้าขออยู่จาพรรษาในวัดน้ี
ตลอด ๓ เดอื น" โดยกลา่ วเป็นภาษาบาลีดงั น้ี ๓ คร้ัง ต่อจากน้ันพระ
ผู้น้อยก็กระทาสามีกิจกรรม คือ กล่าวขอขมาพระผู้ใหญ่ว่า "ขอขมา
โทษทไ่ี ดล้ ว่ งเกนิ ไปทางกาย วาจา ใจ เพราะประมาท"

ส่วนพระผู้ใหญ่ ก็กล่าวตอบว่า ลดโทษให้เป็นอันว่าต่างฝ่าย
ต่างให้อภัยกัน นับเป็นอันเสร็จพิธีเข้าพรรษาในเวลาน้ัน คร้ันวัน
ต่อไปพระผู้น้อยก็จะนาดอกไม้ธูปเทียนไปกราบพระเถรานุต่างวัด ผู้
ท่ตี นเคารพนบั ถอื

ประวัติพิธีเข้าพรรษาของพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนามี
เร่ืองเล่าว่า ในประเทศอินเดยี ในสมัยโบราณ เม่ือถึงฤดฝู น น้ามัก
ท่วม ผู้ท่ีสัญจรไปมาระหว่างเมือง เช่น พวกพ่อค้า ก็หยุดเดินทาง
ไปมาชั่วคราว พวกเดียรถีย์และปริพาชกผู้ถือลัทธิต่าง ๆ ก็หยุดพัก
ณ สถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งตลอดฤดูฝน ท้ังนี้เพราะการคมนาคม
ไม่สะดวก ทางเป็นหลุมเป็นโคลน เม่ือเกิดพระพุทธศาสนาแล้ว
พระพุทธเจา้ เสดจ็ จาริกเผยแพร่พระศาสนาต่อไป นับเปน็ พทุ ธจริยา
วัตรและในตอนแรกที่ยังมีพระภิกขุสงฆ์ไม่มาก พระภิกขุสงฆ์
ปฏิบัติประพฤติตามพระพุทธเจ้า ความครหานินทาใด ๆ ก็ไม่เกิด
มี ข้ึ น จึ ง ไ ม่ ต้ อ ง ท ร ง ตั้ ง บั ญ ญั ติ พิ ธี อ ยู่ จ า พ ร ร ษ า ค รั้ น พ อ
พระพทุ ธศาสนาแผข่ ยายออกไปกว้าง พระภิกขุสงฆ์ไดเ้ พิ่มปริมาณ
เพิม่ ข้นึ

วันหน่ึงพระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับอยู่ในกรุงราชคฤห์ มี
พระภิกขุ ๖ รูป ฉัพพัคคีย์ แม้เมื่อถึงฤดูฝน ก็ยังพากันจาริกไปมา
เที่ยวเหยียบย่าข้าวกล้าหญ้าระบัด และสัตว์เล็กสัตว์น้อยให้เกิด
ความเสียหายและตายไป ประชาชนจึงพากันติเตียนว่าไฉนพระ
สมณศากยบุตรจึงเท่ียวไปมาอยู่ทุกฤดูกาล พากันเหยียบย่าข้าว
กล้าและต้นไม้ตลอดจนทั้งสัตว์หลายตายจานวนมาก แม้พวก
เดียรถยี แ์ ละปรพิ าชก ก็ยงั หยุดพกั ในฤดฝู นหรอื จนแม้แต่นกก็ยงั รูจ้ ัก
ทารังเพ่ือพักหลบฝน เม่ือความเร่ืองน้ีทราบถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า
จึงทรงบัญญัติเป็นธรรมเนียมให้พระภิกษุสงฆ์อยู่จาพรรษาในที่แห่ง
เดียวตลอด 3 เดือน คือ ต้ังแต่วันแรม ๑ ค่าเดือน ๘ ถึงวันขึ้น ๑๕
ค่าเดือน ๑๑ ห้ามมิให้พระภิกษุเที่ยวไปค้างคืนท่ีอื่น หากมีธุระกิจ
เป็นอันชอบด้วยพระวินัย จึงไปได้ด้วยการทาสัตตาหกรณียะ คือ
ต้องกลับมาท่ีพักเดิมภายใน ๗ วัน นอกจากนั้นห้ามเด็ดขาด และ
ปรับอาณัติแก่ผู้ฝ่าฝืนล่วงละเมิดพระบัญญัติพิธีการปฏิบัติในวัน
เข้าพรรษา มีความเป็นมาดงั กล่าวนี้

อันเนื่องในวันเข้าพรรษานั้นพุทธศาสนิกชนมีการกระทาบุญ
ตักบาตรกัน ๓ วัน คือวันข้ึน ๑๔ - ๑๕ ค่า และวันแรม ๑ ค่า เดือน
๘ และขนมท่ีนิยมทากันในวันเข้าพรรษาได้แก่ ขนมเทียน และท่าน
สาธุชนท่ีมีความเคารพนับถือพระภิกษุวัดใด ก็จัดเครื่องสักการะ เช่น
น้าตาล น้าอ้อย สบู่ แปรง ยาสีฟัน พุ่มเทียน เป็นต้น นาไปถวาย
พระภิกษุวัดน้ัน ยังมีส่ิงสักการะบูชาที่พุทธศาสนิกชนนิยมกระทากัน
เป็นงานบุญน่าสนกุ สนานอกี อย่างหน่ึงคือ

"เทียนเข้าพรรษา" บางแห่งจะมีการบอกบุญเพื่อร่วมหล่อ
เทียนแท่งใหญ่ แล้วแห่ไปต้ังในวัดอุโบสถ เพ่ือจุดบูชาพระรัตนตรัย
ตลอด ๓ เดือน การแห่เทียนจานาพรรษาหรือเทียนเข้าพรรษาจัดเป็น
งานเอิกเกริก มีฆ้องกลองประโคมอย่างสนุกสนาน และเทียนน้ันมี
การหลอ่ หรือแกะเป็นลวดลายและประดับตกแตง่ กนั อยา่ งงดงาม

เ ท ศ ก า ล เ ข้ า พ ร ร ษ า น้ี ถื อ กั น ว่ า เ ป็ น เ ท ศ ก า ล พิ เ ศ ษ
พุทธศาสนิกชนจึง ขะมักเขม้นในการบุญกุศลยิ่งกว่าธรรมดาบางคน
ตั้งใจรักษาอุโบสถตลอด ๓ เดือน บางคนตั้งใจฟังเทศน์ทุกวันพระ
ตลอดพรรษา มีผู้ต้ังใจทาความดีต่าง พิเศษข้ึน ท้ังมีผู้งดเว้นการ
กระทาบาปกรรมในเทศกาลเข้าพรรษา และคนอาศัยสาเหตุแห่ง
เทศกาลเข้าพรรษาตั้งสัตย์ปฏิญาณเลิกละอายมุกและความชั่ว
สามานย์ต่าง ๆ โดยตลอดไป จึงนับเป็นบุคคลท่ีควรได้รับการยกย่อง
สรรเสรญิ และไดร้ บั สง่ิ อนั เป็นมงคล



ระหว่างเทศกาลเข้าพรรษานั้น พุทธศาสนิกชนนิยมไปวัด
ถวาย ทาน รักษาศีล ฟังธรรมและเจริญจิตภาวนา ซึ่งเป็นการเว้น
จากการกระทาความช่ัวบาเพ็ญความดีและชาระจิตให้สะอาด
แจ่มใสเคร่งครัดย่ิงข้ึน หลักธรรมสาคัญที่สนับสนุน คุณความดี
ดังกล่าวก็คือ "วิรัติ"คาว่า "วิรัติ" หมายถึงการงดเว้นจากบาป และ
ความช่วั ต่าง ๆ จัดเป็นมงคลธรรมขอ้ หนึ่ง เป็นเหตุนาบุคคลผู้ปฏิบัติ
ตามไปส่คู วามสงบสขุ ปลอดภัยและความเจรญิ รุ่งเรืองย่ิงขึน้ ไปวิรัติ

การงดเวน้ จากบาปน้ัน จาแนกออกได้เป็น ๓ ประการ คอื

๑. สมั ปัตตวิรัติ ได้แก่การงดเว้นจากๆ ด้วยเกิดความรูส้ ึก
ละอาย (หิริ) และเกดิ ความรสู้ กึ เกรงกลัวบาป(โอตตปั ปะ) ขึน้ มาเอง
เชน่ บคุ คลที่ได้สมาทานศลี ไว้ เม่อื ถูกเพอ่ื นคะยนั้ คะยอใหด้ ม่ื สรุ า ก็
ไมย่ ่อมด่ืมเพราะละอาย และเกรงกลวั ต่อบาปว่าไม่ควรทช่ี าวพุทธจะ
กระทาเช่นนั้นในระหว่างพรรษา

๒. สมาทานวริ ัติ ไดแ้ กก่ ารงดเว้นจากบาป ความชวั่ และ
อบายมขุ ต่าง ๆ ดว้ ยการสมาทานศีล ๕ หรือศลี ๘ จากพระสงฆโ์ ดย
เพียรระมัดระวงั ไม่ทาใหศ้ ีลขาดหรือดา่ งพรอ้ ย แม้มสี ่งิ ยว่ั ยวน
ภายนอกมาเรา้ กไ็ มห่ วั่นไหวหรือเอนเอยี ง

๓. สมจุ เฉทวิรัติ ไดแ้ กก่ ารงดเวน้ จากบาป ความชัว่ และ
อบายมุขตา่ ง ๆ ได้อยา่ งเดด็ ขาดโดยตรงเป็นคุณธรรมของพระอริย
เจ้า ถึงกระนน้ั สมุจเฉทวริ ตั ิ อาจนามาประยกุ ตใ์ ชก้ บั บคุ คลผงู้ ดเวน้
บาปความช่วั และอบายมุขตา่ ง ๆ ในระหวา่ งพรรษากาลแลว้ แมอ้ อก
พรรษาแลว้ ก็มกิ ลบั ไปกระทาหรือขอ้ งแวะอกี เชน่ กรณผี ูง้ ดเวน้ จาก
การดมื่ สุราและสงิ่ เสพตดิ ระหวา่ งพรรษากาล แลว้ กง็ ดเว้นได้
ตลอดไป เปน็ ตน้

 วกิ พิ ิเดีย สารานกุ รมเสรี. (2560). วนั เขา้ พรรษา
สบื คน้ เมือ่ 1 กรกฎาคม 2565, จากhttps://th.wikipedia.org/wiki/

หอ้ งสมุดประชาชน “เฉลิมราชกมุ าร”ี อาเภอเมอื งปตั ตานี
http://www.pattaninfe.com/lbmueang/


Click to View FlipBook Version