การแสดงพื้นเมือง
ฟ้อนหมากกั๊บแก้บ (ภาคอีสาน)
นางสาวธันยพร เชือกพรม ม.6/5 เลขที่ 34
ลักษณะการแสดง
เป็นการเล่นที่ไม่มีรูปแบบตายตัว สุดแท้แต่ใครมีความ
สามารถในการแสดงออกถึงลีลาท่าทางที่โลดโผนให้
เป็นที่ประทับใจของหญิงสาวได้มากน้อยเพียงใด
หากเล่นกันเป็นคู่มีฝ่ายรุกฝ่ายรับ แล้วเปลี่ยนลีลาส
ลับกันก็ขึ้นอยู่กับโอกาสและปฏิภาณของผู้เล่น
วิธีการแสดง
การเหยาะย่างให้เข้ากับจังหวะดนตรี เป็นลีลาท่าทางต่างๆ
ตามแต่ตนจะวาดมโนภาพเป็นท่าทางต่างๆ เช่น การเลียน
แบบสั ตว์ การแลียนแบบนักมวยโบราณ แต่สิ่งที่จำเป็นคือ
มือที่ขยับแก้บ หรือรูดแก้บจะหยุดไม่ได้เลย ต้องขยับไป
ตลอดจนจบเพลง นักแสดงบางคนคิดท่าทางต่างๆ จน
สามารถแสดงโชว์เดี่ยว เป็นลีลาท่าทางต่างๆ นานนับสิ บ
นาที โดยผู้ชมไม่เบื่อหน่าย การเล่นกั๊บแก้บจึงเป็นศิลปะที่
แสดงความสามารถเด่นชั ดเฉพาะตัว
การแต่งกาย
ชาย สวมเสื้ อยันต์แขนกุดสี ขาวขอบชายเสื้ อสี แดง นุ่ง
ผ้าลายโสร่ง เป็นโจงกระเบนรั้งสูงถึงต้นขา ม้วนปลายผ้าสอด
ไปด้านหลัง (เรียกลักษณะการนุ่งผ้าเช่นนี้ว่า การนุ่งแบบเสื อ
ลากหาง) มัดศี รษะด้วยผ้าขาวม้า และมัดเอวด้วยผ้าขิด
หญิง สวมเสื้ อแขนกระบอก ห่มทับด้วยสไบขิด นุ่งผ้าซิ่น
มัดหมี่ยาวคลุมเข่า ผมเกล้ามวยประดับมวยผมด้วยดอกไม้
และสวมเครื่ องประดับเงิ น
เครื่องดนตรี
ประกอบจังหวะของภาคอีสาน มีด้วยกัน 2 ประเภท คือ
1. กั๊บแก้บไม้สั้ น เป็นไม้ผิวเรียบยาวประมาณ 4-6 นิ้ว
2. กั๊บแก้บไม้ยาว เป็นไม้ผิวเรียบมีการหยักร่องฟันปลา เพื่อขูด
กันให้เกิดเสี ยง
ลำเพลิน เป็นการขับลำอีกประเภทหนึ่งของชาวอีสาน
สั นนิษฐานว่าการขับลำเพลินมาจากการลำทำนองตีกลองน้ำ
เพราะจังหวะลีลาท่วงทำนองคล้ายคลึงกันมาก
กั๊บแก้บ
โอกาศที่ได้ใช้
สามารถเล่นได้ทุกโอกาสที่มีการบรรเลงดนตรีพื้ นบ้าน
และผู้เล่นส่ วนใหญ่มักจะแต่งกายเหมือนชาวอีสาน
โบราณ คือนุ่งผ้าเตี่ยวมีการสั กลวดลายบนร่างกาย
ปัจจุบันไม่นิยมการสั ก จึงมักจะใช้สี เขียนลวดลายขึ้น
แทน เช่นลายเสื อผงาด ลายหนุมานถวายแหวน ลาย
นกอินทรี ลายมอม ลายสิ งห์ เป็นต้น
รูปแบบของสื่ อที่จัดทำ
สมุดอิเล็กทรอนิก
นักเรียนมีแนวทางในการอรุรักษ์การแสดงชุดดัง
กล่าวอย่างไร
1.จงอธิบาย
2.พร้อมยกตัวอย่าง อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 5 บรรทัด
โดยการปลุกจิตสำนึกให้คนในท้องถิ่นตระหนักถึงคุณค่าแก่นสาระ
และความสำคัญของการรำหมากกั๊บแก้บ ส่ งเสริมสนับสนุนการจัด
กิจกรรมตามประเพณีและวัฒนธรรมต่างๆ สร้างจิตสำนึกของ
ความเป็นคนท้องถิ่น ที่จะต้องร่วมกันอนุรักษ์ ภูมิปัญญาที่เป็น
เอกลักษณ์ของท้องถิ่น