วิเคราะห์วรรณกรรมซีไรต์ นาฏกรรมบนลานกว้าง คุณครูที่ปรึกษา คุณครูพมรศรี ชูรัตน์ จัดทําโดย นางสาวพรรณรมณ แกวชูใส ้ เลขที่๒๙ นางสาววิศรุตา วิวัฒน์เลขที่๓๕ ชั ้นมัธยมศึกษาปี ที่๕/๙ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาภาคใต้ สํานักงานเขตพื ้ นที่การศึกษามัธยมศึกษานครศรีธรรมราช เพื่อเป็ นส่วนหนึ่งของการเรียนรายวิชา ท๓๐๒๑๓ วรรณกรรมปัจจุบัน ภาคเรียนที่๑ ปี การศึกษา๒๕๖๖
คํานํา การวิเคราะห์วรรณกรรมที่ได้รับรางวัลซีไรต์ เรื่อง นาฏกรรมบนลานกว้าง เป็ น หนังสือที่จัดทําขึ้น เพื่อเป็ นส่วนประกอบหนึ่งของรายวิชา๓๐๒๑๓ วรรณกรรมปัจจุบัน เพื่อให้การศึกษาวรรณกรรมที่ ได้รับรางวัลซีไรต์เรื่อง นาฏกรรมบนลานกว้าง จัดทํา เพื่อให้ข้อมูลเกี่ ยวกบประวัติขอ ั งผู้แตง วรรณกรรมที่ได้รับรางวัลซีไรต์การวิเคราะห์โครง ่ เรื่องการดําเนินเรื่องทัศนคติหรือมุมมองของ ผู้เขียนวิเคราะห์แนวคิด จุดมุ่งหมายและ คุณค่าทางวรรณกรรมของเรื่องนี้ ทั้ งนี้ ต้องขอขอบคุณพระคุณอาจารย์พมรศรี ชูรัตน์ ที่คอยให้คําปรึกษาและชี้แนะ แนวทางการวิเคราะห์ “นาฏกรรมบนลานกว้าง” มา ณ ที่นี้ด้วย ผู้จัดทําหวังเป็ นอยางยิ ่งว่ าการวิเคราะห์วรรณกรรมที่ได้รับรางวัลซีไรต์เรื่องนี ่้จะ เป็ นประโยชน์ตอผู้ ศึกษาสําหรับนําไปใช้ในการเรียนรู้เสริมสร้างความเข้าใจมากยิ ่ งขึ ่ ้น จัดทําโดย นางสาวพรรณรมณ แกวชูใส ้ นางสาววิศรุตา วิวัฒน์
ประวัติผ้แต่งู คมทวน คันธนูเป็ นนามปากกาของ ประสาทพร ภูสุศิลป์ ธรเกิดเมื่อวันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๙๓ ที่ธนบุรีนักประพันธ์ชาวไทยที่ได้รับรางวัลซีไรต์ ควทวนสําเร็จการศึกษา ชั้นประถมศึกษาจากโรงเรียนดรุณวัฒนา ชั้นมัธยมศึกษา ตอนต้นจากโรงเรียนชิโนรสวิทยาลัย ชั้ นมัธยมศึกษาตอนปลายจากโรงเรียนสวนกุหลาบ วิทยาลัยและปริญญาตรีจากคณะวารสารศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อสําเร็จ การศึกษาได้นํางานนิตยสาร และหนังสือพิมพ์หลายแห่ง อาทิ ปุถุชน ประชาธิปไตย มติ ชน ปัจจุบันเป็ นนักเขียนอิสระ คมทวนเริ่มแต่งคําประพันธ์ขณะเรียนชั้ นมัธยมศึกษาตอนปลาย ลงในหนังสือของ ชมรมภาษาไทย เมื่อศึกษาอยูในมหาลัยธรรมศาสตร์ เขียนกลอนเปล ่ ่า, บทความและบท ละครลงหนังสือวรรณศิลป์ ของมหาวิทยาลัย งานประพันธ์มีหลายประเภท เรื่องสั้น เช่น กบฏ:วรรณกรรมซาดิสม์ (พ.ศ. ๒๕๑๘) ซึ่งใช้นามปากกา โกสุม พิสัย แสงดาวแห่ง ศรัทธา (พ.ศ. ๒๕๒๑) ฯ บทกวี เช่น นาฏกรรมบนลานกว้าง (พ.ศ. ๒๕๒๔) กาศรวลํ โกสินทร์ (พ.ศ. ๒๕๒๕) นวนิยาย เช่น นายขนมต้ม คนกล้านอกตํานาน (พ.ศ. ๒๕๒๙) พราน (พ.ศ. ๒๕๓๔) ฯ บทกวีชุด นาฏกรรมบนลานกว้าง ได้รับรางวัล วรรณกรรม สร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (รางวัลซีไรต์) ประจําปี พุทธศักราช ๒๕๒๖
ลักษณะคําประพันธ์ นาฏกรรมบนลานกว้างวรรณกรรมประเภทร้อยกรองโดดเด่นด้วยความ หลากหลายของฉันทลักษณ์และทํานองเสียงที่แตกต่างจากบทกวีร่วมสมัย เขียนเป็ น กลอนแปด ๑๑บทและแทรกร่วม กบ ฉันทลักษณ์อื่นอีก ๑๑ ั บท นอกจากนี้ยัง ประกอบด้วยโคลงสาร สารโศลก ๖ เพลงขอทาน เพลงช้าเจ้าหงส์ เพลงโคราช กลอนลํา อิ สานและพญาเป็ นเรื่องร่วมสมัยที่ย้อย ยกประวัติศาสตร์มาพรรณนาบ้าง เนื้อหาของบทกวี คือการ ประนามชนชั้ น สูงหรือผู้มีอํานาจในสังคม โดยโยงภาพ ความทุกข์ ทรมานและ ความแค้นของคนยากจน ผู้ด้อยโอกาสกบเหตุการณ์ จลาจล๑๔ ัตุลาคม และ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ เข้ามาเปรียบเทียบเชิงอุปมา ผู้เขียนสามารถ ประสมประสานถ้อยคํา สํานวน ทั้ ง เก่ าและใหม่เข้าในโครงสร้างอันสมดุลแบบเก่ า คําที่เลือกใช้มีเสียงและ ความหมาย เหมาะ กบปริบทอย ัางมาก่
เนื้อเรื่องย่อ เป็ นเรื่องร่วมสมัยที่ย้อนยุกต์ประวัติศาสตร์มาพรรนาบ้าง เนื้อหาของบทกวีการ ประณามชนชั้ นสูงหรือผู้มีอํานาจในสังคม โดยโยงภาพความทุกข์ทรมานและความแค้น ของคน ยากจน ผู้ด้อยโอกาสกบั เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม และเหตุการณ์ ๖ ตุลาคม เข้ามา เปรียบเทียบเชิงอุปมา ผู้เขียนสามารถประสมประสานถ้อยคํา สํานวนทั้ งเก่ าและใหม่เข้า ในโครงสร้างอันสมดุลแบบเก่ า คําที่เลือกใช้มีเสียงและความหมายเหมาะกบปริบทอย ัาง่ มาก รายชื่อตอนทั้ งหมด ๑. ต้านพายุ ๒. คืนวันแห่งพายุฝน ๓. แด่เธอผู้ไต่ขุนเขา ๔. ขอทานบรรดาศักดิ์ ๕. คําถาม-คําตอบร่วมสมัย ๖. "กาลเวลาพิสูจน์คําพูดคน" ๗. "ตุลารําพึง" ๘. ธุลีดิน ๙. จากเพื่อนถึงเพื่อน ๑๐. คําประกาศของคนถือปากกา ๑๑. ไผเล่าไผ… ๑๒. คําติง ๑๓. แด่เพื่อนหนังสือพิมพ์
๑๔. ถึงบัณฑิต ๑๕. นักเขียน:นักศิลปะ ๑๖. คนขอฝน ๑๗. มีแต่เร่งเข้าไปรื้อด้วยมือเรา ๑๘. หลังลมอับ-พยับแดด ๑๙. ด้วยรัก ๒๐. ความในใจครั้งสุดท้าย ๒๑. บาดแผลและไฟ ๒๒. เดินทัพทางไกล ๒๓. บทรําพึงนอกพงพี ๒๔. ความหิวของเรา ๒๕. เหตุแห่งผล ๒๖. นาฏกรรมบนลานกว้าง ๒๗. รุ้งกินเมือง
นาฏกรรมบนลานกว้าง เมื่อสังคมมีความชัวเลวและปนเปื ่ ้อนความอัปยศไว้ การเศร้าเสียใจ รํ่าไห้ก็ไม่ สามารถที่จะช่วยให้อะไรดีขึ้นได้เลย แต่ถ้าตัวเรากล้าที่จะสู้ตอไปด้วยความมั ่ นใจใน่ ความสามารถแล้ว ก็ จะกาวต ้ ่อไปแบบไม่ยอท้อจนถึงสิ ่่งที่ต้องการคือ ชัยชนะ และ ในตอนนี้ไม่มีเทวดาหรือโชคจะมาช่วยเราได้ มีแค่ตัวเราเท่านั้ นที่จะสู้ต่อ ในวันที่มืดมน ตกทางลําบากตรากตรํา กลัวสั่ นทั้ งตัวและหัวใจ แต่ก ็ยังยิมส้่งกาลังใจเพื่อให้ผ ํ านพ้นและ ่ สู้ต่อไปให้กน แม้ตัวเองนั ั้นก ็มีความรู้สึกหวันใจ หวาดกลัวก่ตาม ต ็ ่างคนต่างไม่สามารถ ออกไปจากสถานที่มืดมนแห่งนี้ได้ ยิงอยู่ยิ่ งมองไม ่่เห็นทางออก สิ่งที่ช่วยได้นั้นคือความ สามัคคี จับมือไว้ให้แน่น เราทุกคนต่างมีหน้าที่เดียวกนคือ การสู้ต ัออย่ างไม ่ ่ยอท้อ ่ เพื่อน คือนักสู้ พร้อมถือธงโบกประท้วงแม้จะมีอุปสรรคเข้ามามากมาย มีภาพสลดหดหู่ก ็ ตาม ก ็ กาวต ้ ่อไปเท่าที่เธอมีสิทธิ์ในการทํา ทําตอไปในขณะที่เรายังมีชีวิต ยังมีลมหายใจ ่ ในขณะ ที่นักการเมืองไม่เคยหิวกระหาย ก็ไม่มองเห็นถึงคนที่ยากลําบากไม่มีข้าว ไม่มีแม้แตนํ ่ ้ าให้ กิน แต่ลูกหลานตนมีกินชีวิตสบายอยาไม ่ ่รู้ร้อนรู้เห็น คนยากลําบากก็นังขอทานเพื่อขอ ่ อาหารประทังชีวิตจนบางคนทนไม่ไหวจนต้องสิ้ นชีวิตไป ประชาชนที่ทํางานก็เหน็ด เหนื่อยนั้นไม่มีอํานาจในตัวเองหากใครคัดค้านไม่เห็นด้วยกบนักการเมือง ั ที่ทําแต่ตํ่าทราม ก ็โดนปลิดชีวิตเสีย สังคมที่แก่ งแยงก่ น ใครพลาดก ั ็จะกลายเป็ นเหยื่อที่โดนพวกเสือร้ายรุม หยาดเหงื่อ และเลือดของประชาชนที่ท่วมเต็มพื้ นที่แต่กลับไม่สนใจใยดียังใช้ชีวิตสบาย ไม่รู้ร้อนรู้ หนาว บนสถานการณ์ที่คับขันที่เต็มไปด้วยพวกนักการเมืองชัวเลวนี่ ้ กาลเวลาจะบอกเอง วาใครทํากรรมอะไรไว้ กรรมจะตอบสนองการกระทําทุกอย ่ างของพวกเขาเอง ถึงแม้จะมี ่ อุปสรรคหลายร้อยสิ่ง จะหนักหนาแค่ไหนพวกเราก ็จะไม่หนีในเมื่อมีทั้ งตัวและมือเป็น
อาวุธในการประคับประคองตัวเรา ยามเพื่อนสูญหายในวันที่ซึ่งความบริสุทธิ์โดนเปื้อน ด้วยเลือด ศพโดนฝังรากลึกลงดินกลิ่ นศพฟุ้งกระจาย การนองเลือดจากการโดนกระสุน ปลิดชีวิต จนเกิดเป็ นความแค้นของประชาชน ทุกเท้าทุกยางก่ าวจะยังคงอยู ้ สู้ต่ ่อจนความ ฝันบรรลุสําเร็จในระหวางที่หนีไปอีกทางเป็ นทางที่แปลกใหม ่ ่แต่ก ็ยังคงปิ ดก้นไว้ ั เหมือนกบวั าเป็ นนกที่ทั ่้ งปี กและขนขาดกาลังซุกซ ํ ่อนอยู ยิ ่ งบาดเจ็บยิ ่งหนาวยิ่ งเหนื่อย ่ อ่อนล้า วิงไปเห็นขณะสังหารหมู ่่ เห็นแล้วรู้สึกขมขื่น หวาดกลัวไปหมด แต่ประชาชนนั้น ก ็กล้าที่จะฝ่ าฝื นตอ ่ ตระหนักไว้วาความชั ่ วของพวกนักการเมืองนั ่ ้น สวางยิ ่งกว่ าดวงอาทิตย์ที่สาดส ่ ่อง มายังโลก สะบัดความกลัวในหัวออก ขยายปี กที่หักออกและฉีกกรงเล็บอยางเหิมเกริม ่ ประชาชนยอมปลิดชีวิตตัวเองโดยไม่สนใจวาตัวเองจะมีลมหายใจอยู ่ต่ ่อหรือไม่ตัวเรา นั้นมีความยากลําบากกวาจะเก่ ิดขึ้นมาได้ ทุกหยดของเลือดไม่ได้ไร้ค่าเลย หน้าที่ของ ประชาชนอยางตัวเราต้องเผชิญหน้าต ่อ เก่ ิดความผิดพลาดขึ้นมานันคือบทเรียนในการ ่ กาวต ้ ่อไป ด้วยสํานึกในหน้าที่มีเกียรติกพร้อมที่จะสิ ็ ้ นชีวิตเพื่อปลุกใจให้ผู้คนลุกมากขึ้น กวาเดิม ่ นันคือความลําบากยากกว ่าการก่ าเนิดขึ ํ้นมา จึงเปรียบเสมือนกบใบไม้หลายหลาย ั ใบที่ยอมปลิดจากต้นลงไปเป็ นเนื้อดิน เลือดจะไหลออกมามากแค่ไหนก็ อยาคิดจะล้มเลิก ่ เดินไปด้วยใจมุ่งมันเพื่อนเดินช้าก ่ช ็่วยกนพยุงเพื่อนลุกขึ ั้นมา เชื่อเถอะวามีใครอีกหลาย ่ คนที่กาลังก ํ าวไปตามท้องถนนที่ตัวเราเดินอยู ้ ในเส้นทางที่รายล้อมไปด้วยพวกคน ่ ความคิดโลกแคบคอยปลิดชีวิตอยูตลอด เป็ นเรื่องธรรมดาที่ ่ ผู้คนจะมีล้มระหวางทาง แต่ ่ ทิศทางปากกาต้องยืนหยัด เพราะเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ดินแห้งทั้ งผืนตัวก็แข็ง มือก็ปูด โดนล่ามด้วยโซ่อยางไม ่ ่เห็นใจ อดข้าวอดนํ้ าจนหนังแทบจะติดกบกระดูก ั แล้วเหตุใดที่ นักข่าวจึงประกาศข่าวปลอม ยกยองพวกนักการเมือง ่ “กลุ่มอีแร้งคะนองลม” ที่ศักดิ์ศรีตํ่า ต้อยเหมือนโคลน จับจ้องแต่จะทําให้ประชาชนล่มจมและลืมความเป็ นประชาธิปไตย เกิด
มาแค่ครั้งนึงแต่ดันใช้อํานาจของตนทําลายคนในประเทศเอง หนังสือพิมพ์ต้องเผยให้ ประชาชนภาคอื่นเห็นถึงความเลวทราม หยาบคายอยางตรงไปตรงมาและเท็จจริง ไม ่ ่ใช่ตี แผข่ ่าวเพื่อยกยองพวกกลุ่ ่มนักการเมืองให้ดูดี ศักดิ์ศรีของคนที่ทําหนังสือพิมพ์ต้องรู้จัก อ่อนน้อมและถอมตน รวมถึงความซื่อสัตย์ต ่ ่อผลงาน ปากกาเป็ นเกียรติศักดิ์ของนักขาวถ้า ่ นําเสนอข่าวที่เป็ นความจริง ไม่โกหกประชาชนก็จะนับถือและชื่นชม แต่ถ้าหากคดโกง ไม่ซื่อสัตย์ก็ จะอยูได้ไม ่ ่นานก ็ล้มเลิกและล่มจม กวาจะเป็ นบัณฑิตได้นั ่้ นไม่ง่ายเลย แต่ละขั้ นที่จะผานมาได้บ้วนลําบากมามากมาย ่ ซึ่งสังคมไทยที่เน่าเฟะพร้อมที่เหยียบใครด็ตามที่ทําพลาด ทําให้คานิยมของคําว ่า ่ 'ปริญญา' เหมือนกบปราการสูงที่ผ ั านไปได้ยาก และเหมือนแบ ่ งชนชั ่้ นกนไปก ันมาั สําหรับใครที่ดั้ นด้นอยากจะเป็นบัณฑิต หากมีความคิดที่หวังแต่เงินทอง ก็ปฏิบัติตนตาม ตําราที่เคยเรียนให้ชินกเพียงพอ แบบนี ็ ้จึงมีบัณฑิตไร้ประโยชน์อยูเต็มไปหมด เสื ่้อครุยที่ ปนเปื้อนไปด้วยความป่ าเถื่อนนี้ ทําให้อนาคตข้างหน้าล้วนแต่เป็ นภาระของสังคม จําต้อง เป็ นตัวกววาดเศษซกกองขยะให้สังคม แต่ละวันของเหลาบัณฑิต ที่ต้องมาทําลายสิทธิ ่ นอกเหนือขอบเขตที่ตนสั่ งสม แต่ละกาวที่เดินผ ้ านจึงต้องมาชะล้างความโสมมด้วยมือ ่ ของตนเอง นักเขียนหนอ ที่ยกตนเป็ นใหญ่ ถือทิฐิตวัดปลายปากกาด้วยอารมณ์ที่ครึกกรุ่น ต่าง คนต่างอิจฉา คอยแบงแยกชนชั ่้นกนตลอด ใครล้มก ั ็คอยเหยียบยํ้ า “ ฉันนี่แหละคือคน สร้างผลงานศิลป์ คุณที่ช่างยุงไม ่ ่เข้าเรื่องก็คอยมาติฉินนินทา ฉันเขียนเพื่อหากินให้อิ่ ม ท้อง ฉันนี่แหละคือผู้เสียสละที่แท้จริง ” ไม่วาจะเสียงก ่ ่นด่าของเหลานักเขียน ไม ่ ่วาจะ่ เป็ นนักเขียนที่รังแกนักเขียนด้วยกนเอง ชั ่างน่าอนาถใจที่สังคมยังเป็ นเช่นนี้ สังคมที่น่า เวทนา เต็มไปด้วยคราบนํ้ าตาและคราบเลือด คงไม่เว้นจะวนกลับมาที่เดิม ฉะนั้นแล้วก็ จง
ทําลายทิฐิของตนทิงไปซะ สร้างพลังสามัคคีในหมู ้่นักเขียน ไม่ควรเป็ นชนชั้นใดชน ชั้ นหนึ่ง ถึงจะมีปื นมาจ่อ มีมีดมาขู่ ก ็ อยาได้กลัวเพราะเรามีปากกาเพียงเล ่ ่มเดียว เขียน พรรณนาขึ้นมา ทําลายโซ่ตรวนที่ล่ามเอาไว้ ด้วยใจของเราเอง นักเขียนคือเสรีภาพ ที่ไม่ ควรกมกราบเป็ นทาส ้ ใคร เมื่อเป็ นศิลปิ นที่สร้างผลงาน คงต้องมองเห็นชัยชนะที่อยู่ ข้างหน้า ใช้ความซื่อสัตย์คู่กบปากกา นี่แหละหนา จึงควรค ั ่าแก่นักเขียนของเหล่า ประชาชน เสียงบรรเลงเพลงที่ดังมาไม่ขาดสาย ขบวนแห่นางแมวที่กาลังเดินมา ที่ร้องขอข้าง ํ ขอปลาให้พอเป็ นพิธี แต่นางแมวหัวสั่ นคลอช่างตางก่น ตะเกั ียกตะกายหาทางหนีด้วย ความกลัว แต่ก ็หนีไม่ได้เนื่องด้วยอยูในกรง ที่หนีไม ่ ่พ้นนํ้ าสาดจนมันหวาดกลัวและสิ้ น หวัง ตอให้จะแห ่ ่ตั้ งแตต้นยั ่นจบหมู่บ้าน ตอให้จะแห ่ ่ตั้ งแต่เช้ายันเย็น แตดูท่ ่าจะไร้วี่แวว ของสายฝน อีกทั้ งแมวน้อยที่ขดตัว ที่หวาดกลัวจนหูสั่ น ไม่ได้ช่วยให้ฝนได้เทลงมา เสียเลย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก ็ไม่ได้ช่วย สิ่งรอบตัวทุกที่ก็ อยูนิ่่ งไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีเพียงแค่เสียง ถอดถอนหายใจของผู้คนที่แร้งแค้นกลางไร่นา สุดท้ายเสียงฉิ่งเสียงฆ้องก็หยึดลง จาก ความยินดีเป็ นความผิดหวัง แทนที่จะได้นํ้ าฝนฟ้า กลับเป็ นคราบนํ้ าตาไว้รดตัวนางแมว หญิงสาวผู้อยูในยุคสมัยใหม ่ ่ไม่ใช่ดอกไม้ไว้ประดับประดาให้คนชมเหมือนแต่ ก่อน เราคือมนุษย์คนหนึ่ง เราไม่ใช่เครื่องมือสําเร็จความใคร่ของใครๆ เป็ นผู้หญิงก็มีตัวมี หัวใจเหมือนกนไม ั ่ใช่ขี้ข้าแสนทุกร์ระทมที่ต้องคอยมาเป็ นสนามอารมณ์ให้พวกผู้ชายสัก หน่อยเราเกิดมามีเสรีภาพ ใครคิดจะทําตัวหยาบช้าก็ อยาหวังพวกเรามีมือมีเท้าอีกนับพัน ที่ ่ พร้อมจะท้าทายทุกทุกคนเกิดเป็ นหญิงกแบกรับไว้เก ็ ือบครึ่ งชีวิตเริ่มตั้ งแต่แบกท้องที่มี เด็กตั้ งแตต้นๆ และเราพร้อมที่จะยืนหยัดต ่ ่อเพศสภาพของตน แต่เราจะยอมจํานนเพียงแค่ สัจธรรม เราจะฝื นกฎเกณฑ์และค่านิยมต่างๆที่เหยียบยํ่าเราตอให้หนาแค ่ ่ไหนก็จะงัด
ออกมาให้หมด เพื่อจะหลุดพ้นกฎที่ครอบงํา ผู้หญิงอยางเรา จะดับความเศร้าและสิ ่้ นหวัง เรามีเสียงที่ดังมากพอ มีแรงใจ มีพลังกายที่จะรวมเป็ นหนึ่งเดียว เรากเหมือนผู้ชายนี่แหละ ็ ที่ยิงใหญ่่ไม่แพ้กนไม ั ่ใช่วัวควายที่มาสวมเขาให้น่าเวทนาเราคือเพื่อนหญิงพลังหญิงจะไม่ แบมือขอร้องใครมีแต่เราจะเข้าไปทําด้วยตัวของเราเอง พบเจอเธอที่ลําธารทุกๆอยางต่ างกลายเป็ นความอ ่ ่อนหวาน ที่มีรสและกลิ่ นแสน ละมุนละไม ทําให้ลืมทุกสิ่งไปชัวขณะนึง มือทั ่ ้ งสองที่ประคองกนไป เหมือนก ับบั ่วงที่ คลายไม่ออก ด้วยใจสองดวงที่ใกล้ชิดสนิทกน เหมือนแทบจะผนึกไว้เป็ นหนึ่งเดียว พวง ั แกมของน้องนางเหมือนเลือดฝาด ผิว ้ กายที่ขาวสะอาดเหมือนกุหลาบแรกแย้ม ดวงตาของ เธอเปิ ดขึ้นน้อยๆ ดุจดวงตะวันที่ต้องมนต์ แต่ไม่ทันไรก็มีอุปสรรค เหมือนฝนที่โหม กระหนํ่า ทําลายทุกสิ่งจนวอดวาน เหมือนดังวันวิปโยคที่โกรกเข้ามา สองตาก ่ ็เหมือน อาวุธที่รุนแรงไม่เบาลงเลย ผืนป่ าเงียบเหมือนที่ร้าง ทั้ งหนาวเย็นและเจ็บแสบ เหมือน สวรรค์ที่สร้างไว้ถูดทําลายลงไป รอเธอมามองก็ไม่เคยเห็นไม่เคยกลับมาจากเธอที่ลําธาร เหลือเพนิยายที่เล่าต่อๆกนไปแต ั ่จะรักเธอเสมอและตลอดไป จะเผชิญอุปสรรคต่างๆ เพื่อให้ได้พบเจอเธออีกครั้ง เมื่อไฟที่ร้อนอยูตลอดเริ ่่มมอดลง มือที่สามอยางชู้รักก ่ ็จะรีบมารับช่วงต่อทันที เห็น ภายนอกดูหวานชื่น รักกนดีปานจะกลืนก ั ิน จริงๆแล้วภายในกลับผุพังเหมือนซากศพ ก็ เหมือนดวงดาวที่สวางสไว และค ่ ่อยๆดับไปที่ละดวงจนเหมือนเศษกระดาษ เพราะ กาลเวลาเป็ นตัวกาหนด ที่ทําลายความสัตย์ตรงและความกล้า ํ มันก็คือการแตกแยกและ ความแตกต่าง ที่มีช่องวาวระหว่างก่ นทําให้หวั ั นไหว ยิ ่ งยื ่ ้ อก ็ยิงห่่างเหิน ผลก็คือเป็ นแผลใจ ที่ถูกเก็บไว้ไม่ลืม เพราะกฎของความรักนี่แหละ ใครที่สําเร็จก็ไม่ยอมกมตํ่า กลายยเป็ นว ้ า่ ทุกวันนี้เกียรติเปื้อนไปด้วยมลทิน ที่เฝ้าแต่ร้องหาที่จะสายร้อยร้าวให้เหมือนเดิม แม้วันที่
เสียใจก็ต้องยืนยืดอกให้องอาจ ต่อให้มันคงก่ ็พังเพราะคนตาขาว ถ้าพลาดขึ้นมาก ็ แค่กล้า รับผิด นันคือเก ่ ียรติที่แท้จริงและยังคงยืนยาวต่อไป เดินหน้าต่อไป ถึงบางครั้งจะมีพลาด พลั้ งไปบ้าง เลือดตกยางออก วัน เวลา จะเป็ นไปยังไงก็ไม่เคยตัวตนของตัวเองหรอกถึง นํ้ าตาจะไหลนองจนล้มถนนสร้างความแค้นมากมายยากจะสานฝันให้เป็ นจริงถ้ายังมี สมองและมือสองมือที่ยังคงมุ่งมันต่่อไป นันแหละคือสิ ่ ่งที่สร้างทุกทุกสิ่งเป็ นสิ่งที่มือที่ สามไม่กล้าจะชิงไป ขอแค่อยางทิ ่ งความหวัง และจงอดทน ้ ไปเถอะน้องชายถ้ามันปวดใจ ความเป็ นเพื่อนของเรายังคงคุ้นเคย แม้ความฝันที่ อ่อนโยนและหวานละมุมจะไม่มีก็ตามในโลกใบนี้มีอะไรบ้างที่ไม่เปลี่ยนแปลง ทุกยาง่ ยอมหายไปตามวัฏจักร ทุกคนก ่ ็ ยอมมีบาดแผล แต ่ ่ก ็ แตกตางก่ นไป จะเก ั ็บไว้จําหรือเก็บไว้ อยางเดียวหรือซํ ่ ้ ามันกแล้วแต ็ ่หรือจะร้องไห้ให้กบความฝันในวันวาน ั เหลือแค่ความ เข้มแข็งที่จะช่วยเสริมและคอยแต่งเติม แม้จะมีบาดแผลมาเพิ่ มก ็ห้ามร้อง มันคือความ ข่มขืน ยิงเส้นทางยาวไกลยิ ่งก่าวยิ ้ งหม่ นหมอง เหมือนเต ่ าที่เดินบ้าอืดอาด ่ ไปเถอะน้องถ้า มันโดดเดี่ยว ไม่ใช่หนีสิ่งแล้วมาเจออีกสิ่งให้ทุกข์ใจ ตราบวันนี้ไม่มีใครไม่เคยผิดพลาด ทุกหน้ากระดาษก็ล้วนมีบาดแผลทั้ งนั้น นักสู้ยอมฝ่ าฟันเพื่อสร้างวันใหม ่ ่ทุกวันคํ่า บาดแผลก ็เหมือนไฟที่ลุกไหม้เศษฝื น ถ้าเอามีดมากรีดแผลให้ดู ก็คงต้องยอมเชือด ใครสักคน ให้ผู้คนได้เห็นกนไป ถ้าหวังที่จะมีชีวิตที่อิสระ ก ั ็ต้องมีข้อตกลงเป็ นธรรมดา และพร้อมที่ฝ่ ามันไป ให้เปรียบเปรยก็เหมือนนกที่มีปี ก แต่ปี กกลีบพังยับเยินจนดูไม่ได้ แบบนั้นก ็ต้องยอมบินขึ้นฟ้าตอไปเพื่อปกป้องความเป็ นอิสระของตัวเองให้เหนือกว ่ าสิ ่่ง อื่นใด ซึ่งบาดแผล ต่อให้จะเจ็บจนลามไปถึงขั้ วจิตใจ แต่ก ็ อยาได้ขาดความคิด ความไตร ่ ตรองเหมือนใครคนอื่นๆ ไฟก็ เช่นกน ถ้าเป็ นไฟก ั ็ต้องมาเผาเศษฟื น เพื่อให้ความสวางและ่ ความอบอุ่น ขจัดความขมขื่นให้ผู้คน เด็กๆทั้ งหลาย ก่อนที่จะเดินไปไหน ช่วยมาฟัง
คําถามเบื้องต้นที่จะเป็ นคําตอบในตอนสุดท้ายกนดีไหมเพื่อที่เธอจะคิดและไตร ั ่ตรอง ตลอดการเดินทาง เธอเคยได้ยินหรือส่าคุ้นเคยกบคําสิ ั่งนี้ไหม “ความอ่อนโยนที่แข็งแกร่ง และความตํ่าที่สูงส่ง ซึ่งของพวกนี้ไม่มีอะไรเหมือนกนหรือเสมอก ั นเลย นั ั นคือความ ่ สมดุลที่ควรจะเป็ นแบบนั้น อยาไปด้านใดด้านหนึ่งจนสุดทาง ให้อยู ่ก่ ึ่ งกลางระหวางทาง่ จะดีที่สุด ” เด็กๆทั้ งหลาย คิดวาความอัปลักษณ์อะไรจะน ่ ่ากลัวไปกวาการ คนหลงตัวเอง และ ่ ไม่มีความไม่เฉียบคมแบบไหน จะแพร่ได้กวางเหมือนความคิดที่คับแคบก ่ น และบนพื ั้ น โลกเรานี้แหละ ที่เต็มไปด้วยความยากไร้ เต็มไปความด้อยโอกาส เพราะนํ้ าตาของผู้คนที่ หลังออกมาด้วยความคับแคบและสิ ่ ้ นหวังในชีวิตไม่วาหนทางที่เดินมายากลําบากแค ่ ่ไหน แต่ต้องมีจิตใจที่ตั้ งมันและยอมยืนหยัดสู้ต ่่อไปให้เหมือนป้อมปราการเหล็กท่ามกลางรัง ปลวก และอยาลืมถ ่ อมตน มีความรอบคอบในชีวิต ่ จงเดินหน้าต่อไป เพราะเธอยังต้อง แบกความคาดหวังและภาระอันยิงใหญ่่จะรอเธออยูข้างหน้า และ ่ เธอจะได้รู้จักกบการยกั ยอง่วาตนเองนี่แหละคือนักสู้ที่แท้จริง และจะเป็ นเหมือนนิทานไม ่ ่รู้จบ สําหรับผู้ที่อยู่ เบื้องหลังและคอยผลักดันเธอไม่มีใครสามารถขัดขืนประวัติศาสตร์ได้หรอก เพราะเมื่อถ้า เกิดทําผิดพลาด แล้วไม่ยอมแกไข ทุกอย ้ างก่ย ็อมแปรเปลี่ยน ต ่ ่อให้จะสามัคคีกนมากแคั ่ ไหน แต่ถ้าเกิดดึงดัน ไม่ฟังใคร ทําตามใจตน ทุกสิ่งที่ทํามาก็จะหายไปกบตาั ถ้าย้อนไปในอดีตไล่จนถึงปัจจุบัน ปรากฏการณ์ของบ้านเมืองของเรา ซึ่งมีชื่อที่ ไพเราะเหมือนมีเทพมาตั้ งให้ แต่วาไม ่ ่มีใครกล้าปฏิเสธถึงความเน่าเฟะที่เกิดขึ้นของนํ้ ามือ ของคนมีอํานาจในสังคม มันเป็ นความจริงที่เถียงไม่ได้ วาสภาพความเป็ นอยู ่ โดยรอบของ ่ ประชาชน เต็มไปด้วยคําหลอกลวง เหมือนกบภาพมายาที่ผู้ปกครองสร้างมาทุกยุคทุกสมัย ั ที่บ้านเมืองเรา มีถนนชื่อวา ประชาธิปไตย แต ่ ่ทําไมพวกเราถึงไม่เคยเห็นเส้นทางที่ชื่อวา่
เสรีภาพเลย? ที่บ้านเมืองเรา มีพานที่รองรับรัฐธรรมนูญให้สง่างาม แต่ก ็ปราศจากสิทธิ์ ของความเป็ นมนุษย์ ที่นี่ก็มีคําพูดที่พูดเกี่ ยวกบความเสมอภาค แตั ่คนพูดกลับเป็ นพวก เผด็จการ ที่มีแต่ความเลวทราม คอยยัดเยียดให้ประชาชนเรียกตนวาพลเมืองดีเด ่ ่นของชาติ ความยุติธรรมที่สูงส่งก ็ ถูกคนเหล่านี้เหยียบยํ่าเพราะกฎหมายมันอ่อนแอและไร้ความ ศักดิ์สิทธิ์ คนพวกนี้จึงได้ใจและกดขี่ประชาชนตาดําๆ กดขี่ผู้ยากไร้ และด้อยโอกาส ความ คับแค้นใจและความโศกเศร้าหลังออกมาเป็ นสายเลือด ให้พวกเผด็จการได้ดื่มก ่ินจะโทษ ใครดีที่ทําให้บ้านเมืองเป็ นแบบนี้ จะโทษผู้คนที่มีความคิดแคบ ปล่อยให้พวกปี ศาจร้าย สูบกินเลือดเนื้อต่อไป หรือผู้มีอํานาจ ที่ไม่เห็นหัวพวกเราตั้ งแต่เรียกแล้ว มันไม่เคยรู้สึกถึง ชีวิตที่บีบคั้ นของหัวใจและท้องไส้ของพวกเราหรอก ลองมองให้ลงไปอีกสิ ไล่ไปจนถึง อนาคตอีกครั้ง ไม่มีอะไรน่าอายเทาก่ บการที่เรายอม ั จํานนกบความเป็ นจริงเหล ั ่านี้ ในเมื่อ ความเป็ นจริงที่เราได้เห็น บอกพวกเรามาตลอด วาความปรารถนาไม ่ ่เคยทําสําเร็จ ถ้าเรายัง เพิกเฉยต่อมัน บทเรียนที่ดีที่สุดก็คือ กล้าที่จะลุกขึ้นสู้ กล้าที่จะพูดออกมาด้วยเสียงของเรา กล้าที่จะยืนหยัดต่อหน้าพวกนักการเมืองเห็นแก่ตัว เพื่อสยบความไม่สงบทั้ งหมด ผู้คนยังคงทนกบความทุกข์ รวมถึงความลําบากก ั ็ยังไม่ลดลง ทั้ งเหนื่อยและเจ็บใจ จะอ้างวาไม ่ ่เจ็บก็คงไม่ได้แต่ถึงหลังเลือดออกมาถึงจะจะบาดแผลฉกรรจ์แต ่่ก ็ยังจะ เดินหน้าต่อไป พวกคนชั้นสูงยังทําตัวอ้อยอิ่ งไม่ไหวติงกบสิ ั่งที่ตนทํา ต้องขจัดป้อม ปราการเพชรที่เปรียบเหมือนพวกกินเลือดเนื้อประชาชน เพื่อปากท้องและชีวิตที่ดีขึ้น กล่าวถึงคนที่ออกจากบ้านเกิด มาทํางานในเมืองกรุง เพื่อหวังให้ชีวิตจะสุขสบาย มี กินมีใช้ โดยที่ลืมคนข้างหลัง เช่นปู่ ยาตายาย ลืมไร ่ ่นา ลืมประเพณีเดิม ลืมอาหารข้าวปลา เหมือนของแปลกหน้า ลืมทุกสิ่งที่เคยจากมา ใครๆก็ บอกวาคนในเมืองหลวงเป็ นพวก ่ หน้าไหว้หลังหลอก อีกทั้ งเมืองใหญ่ก ็มีแต่ตึกราบ้านช่อง มีแต่ฝุ่ นควันมลพิษ จากนางงาม
บ้านนา กลายมาเป็ นนางงามตู้กระจกในเมืองกรุง ต้องทนลําบากหากินเลี้ยงตัวเองและ ครอบครัว ชีวิตมีแต่เหงื่อและนํ้ าตาความจนมันน่ากลัวอยางใครใครเขาว ่ าจะให้นอนสบาย ่ ไม่ทําอะไรก็ น่าเกลียด แต่กลับบ้านเราไม่กวาหรือ กลับมารับกลิ ่่ นแดดกลิ่ นฝนของอีสาน บ้านนา มาฟังเสียงแคนในงายรื่นเริง กลับบ้านเกิดดีกวาถ้าอยู ่ เมืองหลวงแล้วทุกข์ใจ ่
การวิเคราะห์โครงเรื่อง นาฏกรรมบนลานกว้าง ตัวละคร ไม่มีตัวละครปรากฎในเรื่องนาฏกรรมบนลานกว้าง ผู้แต่งเน้นอธิบายเหตุการณ์ในอดีต ฉาก เหตุการณ์ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๑๖ และ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๖ โศกนาฏกรรมครั้งนั้น ล้วนเกิดขึ้น ทั้ งหมด ณ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กรุงเทพมหานครฯ เหตุการณ์ที่ทามกลางการ่ ประท้วงของกลุ่มผู้คัดค้านอันดุเดือด โศกนาฏกรรม ที่เปี ยกชุ่มไปด้วยกลิ่ นคาวเลือดของผู้ บริสุทธิ์ ยังคงเป็ นที่พูดถึงนับจนปัจจุบันนี้ วิธีการแต่ง เขียนเป็ นกลอนแปด ๑๑ บท และแทรกร่วมกบฉันทลักษณ์อื่นอีก ั๑๑ บท นอกจากนี้ยัง ประกอบด้วยโคลงสาร สารโศลก ๖ เพลงขอทาน เพลงช้าเจ้าหงส์ เพลงโคราช กลอนลําอิ สาน และพญา
ลักษณะการดําเนินเรื่อง มีการดําเนินเรื่องเป็ นบทเป็ นตอน ในแตละตอนที่สั ่้นและกระชับ ทําให้อ่านได้เข้าใจง่าย ในบางตอนอาจจะเลาเรื่องราวที่ย้อนไปในอดีต รวมถึงกล ่ าวถึงสถานที่นั ่้นๆ เพื่อให้ผู้อ่าน มีอารมณ์ร่วมในการอานวรรณกรรม่ การใช้ถ้อยคํา สํานวน ภาษา ใช้ภาษาเปรียบเทียบเชิงอุปมา ผู้เขียนสามารถประสมประสานถ้อยคํา สํานวนทั้ งเก่ าและ ใหม่เข้าในโครงสร้างอันสมดุลแบบเก่ า คําที่เลือกใช้มีเสียงและความหมายเหมาะกบั ปริบทอยางมาก่ ท่วงทํานองการแต่ง ผู้แต่งใช้สํานวนภาษาที่สละสลวย อ่านง่ายเข้าใจได้ง่าย ใช้การเปรียบเทียบเชิง อุปมาอุปไมย แต่กระนั้นภายในสํานวนภาษาที่สละสลวย กลับแฝงไปด้วยถ้อยคําเสียดสี ที่กล่าวถึงผู้มีอํานาจในสังคมไทย และในบางถ้อยคําเต็มไปด้วยอารมณ์ที่คับแค้นของ ผู้ด้อยโอกาส ที่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากสังคมไทยที่กดขี่ วิธีคิดสร้างสรรค์ ผู้เขียนได้นําฉันทลักษณ์โบราณพื้ นบ้านและท้องถิ่ น มาใช้เป็ นพาหะแสดงชีวิตและ ความคิดปัจจุบันได้อยางกลมกลืน เหมาะสม และงดงาม นอกจากนี ่้ ยังมีความสมบูรณ์
ทางวรรณศิลป์ ซึ่งผู้เขียนได้เลือกสรรถ้อยคําที่มีพลัง มีความหมายกระทบใจ มีความ ลึกซึ้งในแง่ความหมาย และแตงคําประพันธ์หลายประเภทได้ดี ่ เป็ นการสร้างสรรค์บทกวี ที่หลายหลากมากรูปแบบ สะท้อนความทุกข์ยากของคนหลากหลายชั้น มุงมั ่นและพุ่ งเป้า ่ เพื่อความเทาเทียมก ่ นนั ั นคือสังคมอุดมการณ์ ซึ่งคมทวน คันธนู ต ่ อสู้อย ่ างคงทน ใน ่ ผลงานและวิถีทาง นาฏกรรมบนลานกว้างอาจไม่ใช่งานที่ดีที่สุด แต่คือหนังสือที่เป็ นบท กวีที่แสนบริสุทธิ์ด้านงานฝี มือเล่มหนึ่งของยุคสมัย ทัศนะหรือมมมองของผุ้เขียนู จากวันนั้นลุวันนี้ ขณะที่โลกเคลื่อนไหวเร็วไวจนแปลกประหลาดชวนหวาดเกรงหัวใจใน ตนเองพลันพบความ สงบนิ่ ง ดิ่ งดํ่ารสธรรมดาที่แจ้งตาแจ้งเจนความเป็ นไปในสามัญ สมมุติแม้แต่มงกุฎครอบ เศียรก็มิเพียรปรารถนา การเวลาแปรผัน ทวามันมิกล้าทําร้ายจิตใต้สํานึกถึงและงดงามของความเป็ นคนผู้รู้ตัวตน ่ แล้วแน่ แน่วเพื่อรักษาวิญญาณ อุดมการณ์ซึ่งยังฝังติดจิตใจไม่จางวาจักอยู ่อย่ างไร โดยไม ่ ่ งอนง้อของความเข้าใจ ไม่ปริปากแย้มความยากเข็ญ บนทางบําเพ็ญเลือกเกลือกกลํ้ า ฯลฯ ช่วงยํ่าเย็นแห่งวัยวัน การบรรลุในการไม่บรรลุช่างเอกอุเกินจะพรํ่าประมวล (คมทวน คัน ธนู)
การวิเคราะห์แนวคิด จุดม่งหมาย เจตนาของผุ้เขียนู แนวคิด เป็ นวรรณกรรมสะท้อนสังคมปัจจุบันด้วยแง่คิดที่ผดุงความยุติธรรมในสังคม ปลุกสํานึก ความเป็ นมนุษย์ ช่วยจรรโลง และให้กาลังใจผู้ต ํ ่อสู้เพื่อสังคมที่ดีกวา่ จุดม่งหมายุ สะท้อนสังคมไทยและการเมืองในสมัยนั้น เจตนาของผ้เขียนู ปลุกจิตสํานึกและความเป็ นมนุษย์ของคนไทยให้มากขึ้น และตระหนักถึงเหตุการณ์ใน อดีตที่เป็ นโศกนาฏกรรมในวันวันมหาวิปโยคและเหตุการณ์สังหารหมู่ที่มหาลัย ธรรมศาสตร์
คุณค่าของวรรณกรรม พิจารณาคุณค่า ผลสะท้อนจากการอ่าน คุณค่าด้านวรรณศิลป์ การใช้ภาษาที่สละสลวย แต่แฝงไปด้วยถ้อยคําเสียดสี กล่าวถึงผู้มีอํานาจในสังคมไทย ที่ กดขี่และไม่ยุติธรรมต่อผู้ด้อยโอกาส คุณค่าด้านเนื้อหาสาระ การพูดถึงเหตุการณ์การเมืองประเทศไทยในอดีตที่เต็มไปด้วยความไม่ยุติธรรม ที่มีการ เอาเปรียบผู้คน เกิดการนองเลือดขึ้น เป็ นโศกนาฏกรรมที่โหดร้ายทารุณกบเพื่อนมนุษย์ ั ด้วยกนั กระทําด้วยความชัว่ ร้าย ความเลวทราม อัปยศนี้ ท้องฟ้ามืดมนและหดหู่ในยามที่ ดิ้ นรนเพื่อความยุติธรรม คุณค่าด้านสังคม เป็ นวรรณกรรมสะท้อนสังคมปัจจุบันด้วยแง่คิดที่ผดุงความยุติธรรมในสังคม ปลุกสํานึก ความเป็ นมนุษย์ ช่วยจรรโลง และให้กาลังใจผู้ต ํ ่อสู้เพื่อสังคมที่ดีกวา ่ การนําไปประยุกต์ใช้ ตระหนักถึงเหตุการณ์ในอดีตที่บงบอกว่ า สังคมไทยเรายังไม ่ ่มีความยุติธรรมมาอยาง่ ยาวนานและเต็มไปด้วยความขัดแย้ง เนื่องจากผู้คนยังมีการเอารัดเอาเปรียบกน ทําให้ ั
ก่อให้เกิดความไม่สงบสุข ขาดความสามัคคี และไม่ควรเอาเปรียบผู้ที่ด้อยกวาด้วยด้วย ่ อํานาจที่ตนมี
บรรณานุกรม คมทวน คันธนู./ ๒๕๕๗./นาฏกรรมบนลานกว้าง รางวัลซีไรต์ ประจําปี ๒๕๒๖./พิมพ์ ครั้งที่๑๔/กรุงเทพฯ:/สํานักพิมพ์สิริมงคลคํา.