กลุ่มโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติ รัชมังคลาภิเษก กรอบการนำเสนอผลงาน นวัตกรรม / วิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) ประเภท ครูผู้สอน ด้านการจัดการเรียนรู้ Active Learning ปีการศึกษา 2565 ...................................................................................... ข้อมูลทั่วไป 1. ชื่อผลงาน กิจกรรมการเรียนรู้แบบ Active Learning ตามรูปแบบ KACHINO MODEL เพื่อยกระดับ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2. ชื่อผู้เสนอผลงาน ชื่อ นางสาวนุชมาศ สวัสดิ์พาณิชย์ ตำแหน่ง ครูชำนาญการ โทรศัพท์0833613801 3. ชื่อสถานศึกษา โรงเรียนปอพานพิทยาคม รัชมังคลาภิเษก ตำบล ปอพาน อำเภอ นาเชือก จังหวัด มหาสารคาม สังกัด เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษามหาสารคาม 4. ประเภทผลงาน ผลงานครู ( / ) ด้านการจัดการเรียนรู้ Active Learning รายละเอียดการนำเสนอผลงาน นวัตกรรม / วิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศ (Best Practice) ประกอบด้วย 1. ที่มาและความสำคัญของผลงานหรือนวัตกรรมที่นำเสนอ ความท้าทายของครูผู้สอนในศตวรรษที่ 21 ในการเตรียมผู้เรียนให้มีความพร้อมกับการมีทักษะการ เรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เป็นเรื่องสำคัญของการปรับเปลี่ยนของสังคมที่ส่งผลต่อวิถีการดำเนินชีวิต ครูจึง จำเป็นต้องตื่นตัวและเตรียมความพร้อมในการจัดการเรียนรู้ เพื่อเตรียมความพร้อมให้ผู้เรียนมีทักษะสำหรับ การดำรงชีวิตในยุคปัจจุบัน คือ ทักษะการเรียนรู้ (Learning Skill) ทักษะการคิด (Thinking Skill) และ หลักการของการจัดการเรียนการสอนที่ท้าทายการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 คือ การสอนที่มีประสิทธิภาพ ครูผู้สอน ต้องมีคุณสมบัติมากกว่าทำหน้าที่ในการสอน (Instructor) ครูผู้สอนต้องมีลักษณะของผู้ที่มี ความสามารถในการชี้แนะการเรียนรู้ (Learning Coaching) ที่สามารถนำผู้เรียนไปสู่โลกแห่งการเรียนรู้ที่ ผู้เรียนจะต้องเกิดการเรียนรู้จากการมีส่วนร่วมและเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง (Active Learning) (ศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, 2560) ครูผู้สอนจึงมีการจัดการเรียนการสอนในรายวิชาวิทยาศาสตร์โดยครูผู้สอนได้มีการจัดการเรียนรู้ให้ ผู้เรียนได้เกิดทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ซึ่งนำวิธีการสอนแบบโครงงาน (Project Method) และวิธีการ สอนแบบการสอนแบบผสมผสาน มาเป็นแนวทางในการพัฒนารูปแบบ การจัดการเรียนการสอน จนได้วิธีใหม่ คือ วิธีการสอนแบบ“KACHINO Model” เป็นการจัดการเขียนการสอนเชิงรุก (Active Learning) บูรณาการ หลักปรัชญาเศรษฐกิจ ครูผู้สอนออกแบบการจัดการเรียนการสอน วัตถุประสงค์เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนและผู้เรียน เกิดทักษะที่สำคัญ 3 ทักษะในการดำรงชีวิตในอนาคต คือ 1.ทักษะการเรียนรู้และอาชีพ ในโลกของการทำงาน ในปัจจุบันสังคมไม่ต้องการคนเรียนเก่ง จำเก่ง แต่สังคม ต้องการคนที่พร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เพราะความรู้ที่มีในวันนี้อีกไม่กี่ปี ข้างหน้าจะกลายเป็นความรู้เก่า เพราะฉะนั้นคนที่จะประสบความสำเร็จในอาชีพจะต้องเป็นคนที่พร้อมจะ
เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่ไม่มีในตำราเรียน และจะต้องเป็นผู้ที่มีความสุขในการเรียนรู้ เพื่อที่จะมีแรงจูงใจในการพัฒนา สิ่งใหม่ๆ ต้องคิดอย่างมีวิจารณญาณ และแก้ไขปัญหาได้นอกจากนี้ความสามารถของคนในการที่จะปรับตัว หรือเลือกทางเดินชีวิตให้เหมาะสม ซึ่งทักษะนี้จะช่วยให้สามารถเผชิญกับความไม่แน่นอนต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นใน อนาคต รวมไปถึงการรู้จักอยู่ร่วมกับผู้อื่น การทำงานร่วมกับผู้อื่น สามารถนำความรู้ความสามารถไปประกอบ อาชีพได้ 2.ทักษะด้านไอซีทีและการสื่อสาร คือการใช้เทคโนโลยีอย่างสร้างสรรค์ใช้ให้ถูกวิธีและเกิดประโยชน์ ใช้เทคโนโลยีเพื่อหาความรู้มากกว่าความบันเทิง รู้วิธีการที่จะเข้าถึงข้อมูลต่างๆ และสามารถประเมินได้ว่า ข้อมูลที่ มากมายเหล่านั้นมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ รู้จักอ้างถึงที่มาของข้อมูล มีทักษะที่จะนำเสนองานต่างๆ 3.ทักษะความคิดและนวัตกรรม คือทักษะในการคิดวิเคราะห์การแก้ปัญหา Problem Solving มี ความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งจะเอามาใช้ในการทำงานได้สามารถพัฒนาวิธีการใหม่ๆ ที่ช่วยให้การทำงานดีขึ้น สามารถใช้ ทักษะทางความคิด เพื่อสร้างทางเลือกใหม่ๆ ในการแก้ปัญหาให้ดีกว่าเดิมหรือแตกต่างไปจากเดิม ปัจจัยแห่งความสำเร็จในการจัดการเรียนการสอนของครูผู้สอนคือความร่วมมือของนักเรียน คุณครูผู้มี ประสบการณ์ให้คำปรึกษาและท่านผู้บริหารให้การสนับสนุนและช่วยชี้แนะแนวทาง จากการร่วมทำกิจกรรม ในระหว่างการจัดการเรียนการสอนนักเรียนมีความสามารถที่หลากหลายแตกต่างกันไปแต่ละบุคคล แต่ทุกคน ล้วนมีความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงานเพราะนักเรียนแต่ละคนมีบทบาทมีหน้าที่ที่ชัดเจน นักเรียนจึงมีความสุข ในการเรียนวิชาวิชาวิทยาศาสตร์ในการจัดการเรียนการสอนรูปแบบ KACHINO Model จึงส่งผลให้ผล สัมฤทธิ์ของนักเรียนเป็นไปตามมาตรฐานของโรงเรียน 2. จุดประสงค์และเป้าหมายของการดำเนินงาน 2.1 เชิงปริมาณ นักเรียนโรงเรียนปอพานพิทยาคม รัชมังคลาภิเษก ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 30 คน 2.2 เชิงคุณภาพ นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาวิทยาศาสตร์เพิ่มสูงขึ้น ร้อยละ 5 2.3 วัตถุประสงค์ 1) เพื่อยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรายวิชาวิทยาศาสตร์ให้สูงขึ้นอย่างน้อย ร้อยละ 5 2) เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้และรู้จักการใช้เทคโนโลยีในการค้นคว้าหาข้อมูล และนำเสนอ ชิ้นงาน สื่อสารออกมาเป็นกระบวนการได้ 3. กระบวนการผลิตผลงาน หรือขั้นตอนการดำเนินงาน การเรียนรู้ผ่านกิจกรรม (Activity-based Learning) ในการยึดหลักการให้ผู้เรียนสร้างองค์ความรู้ ด้วยตนเอง “Child Centered” การเรียนโดยการปฏิบัติจริง Learning by Doing และปฏิบัติเพื่อให้เกิดการ เรียนรู้และแก้ปัญหาได้ Doing by Learning เน้น“สอนแต่น้อย ให้เรียนมากๆ Teach less…Learn More” โดยครูได้จัดการเรียนแบบ Learning by Doing ใช้ “กิจกรรม Activity” เป็นหลักในการเรียนการ สอน โดยการ “ปฏิบัติจริง Doing” ในเนื้อหาทุกขั้นตอนของการเรียนรู้ เป็นการเรียนรู้ด้วยตนเอง ทุกคนใน กลุ่มเป็นผู้ปฏิบัติ คุณครูเป็นพี่เลี้ยงและเทรนเนอร์ กระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning ได้แก่ การพูดคุยแสดงความคิดเห็น และการลงมือ ปฏิบัติ และการประยุกต์ใช้ ซึ่งกระบวนการเรียนรู้แบบ Active Learning นั้น จะเน้นให้ผู้เรียน เรียนรู้และ สร้างองค์ความรู้ได้ด้วยตัวเอง จากการประสานงานร่วมกันระหว่างผู้เรียน โดยมีผู้สอนคอยชี้แนะและให้
คำแนะนำ ซึ่งวิธีการเหล่านี้ นับเป็นขั้นที่สูงกว่าการเรียนรู้ที่เกิดจากการฟัง การท่องจำ การเห็น การรับชม หรือที่เรียกว่า Passive Learning ทำให้สามารถส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนได้ถึง 90% การออกแบบนวัตกรรม KACHINO Guidance Model โดยใช้กระบวนการวงจรคุณภาพ P-D-CA มี 5 ขั้นตอน ในการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายมีรายละเอียดการพัฒนา ดังนี้ ขั้นตอนที่ 1 สำรวจและวิเคราะห์สภาพปัจจุบัน ปัญหา ความต้องการเกี่ยวกับการจัดกระบวนการ เรียนการสอนของนักเรียนในโรงเรียน ขั้นตอนที่ 2 ขั้นวางแผน (Plan) เป็นการออกแบบนวัตกรรมกระบวนการเรียนการสอนที่สอดคล้อง กับบริบทของโรงเรียน ขั้นตอนที่ 3 ขั้นปฏิบัติตามแผน (Do) เป็นสร้างความเข้าใจกับทุกฝ่าย เพื่อพัฒนานวัตกรรมไปใช้ใน การดำเนินการ มีการกำหนดแนวทาง วิธีการดำเนินการ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ เน้นการพัฒนาศักยภาพ ของผู้เรียน ขั้นตอนที่ 4 ขั้นตรวจสอบ (Check) เป็นการประเมินผลและตรวจสอบการใช้นวัตกรรม ขั้นตอนที่ 5 ขั้นปรับปรุงแก้ไข (Action) เป็นการสะท้อนผลการดำเนินงานตามสภาพจริง (Reflection) ผู้เรียนจะต้องมีคุณภาพ องค์ประกอบของการประเมินการเรียนการสอนตามแนวคิดเชิงระบบ ภาพที่ 1 แสดงการประเมินการเรียนการสอนตามแนวคิดเชิงระบบ ขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ
ภาพที่ 2 แสดงขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ รูปแบบและวิธีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน KACHINO Model K = Knowledge มีความรู้ทางวิชาการ A = Awareness มีความตระหนักรู้ นำความรู้ไปใช้อย่างมีคุณธรรมและจริยธรรม C = Can สามารถเรียนรู้ได้ สามารถทำได้สามารถคิดเชื่อมโยงได้ H = Head พัฒนาสมอง = Heart พัฒนาจิตใจ = Hand พัฒนาทักษะการปฏิบัติ = Health พัฒนาสุขภาพ = Happy เรียนอย่างมีความสุข I = Inquiry Method การเรียนรู้แบบสืบเสาะ N = Nonstop ไม่หยุดนิ่งในการเรียนรู้ O = Open mind เปิดใจที่จะเรียนรู้ ---------------------------------------------------------------------------------- Five Step to development Q = Learning to Question = ตั้งประเด็นคำถาม S = Learning to Search = สืบค้นความรู้ C = Learning to Construct = สรุปองค์ความรู้ C = Learning to Communicate = สื่อสารนำเสนอ S = Learning to Serve = บริการสังคม ----------------------------------------------------------------------------------
L = Literacy = ทักษะการรู้หนังสือ อ่านออก เขียนได้ N = Numeracy = ทักษะพื้นฐานด้านการคิดคำนวณ R = Reasoning = ทักษะการใช้เหตุผล ---------------------------------------------------------------------------------- ภาพที่ 3 แสดงรูปแบบและวิธีการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน KACHINO Model
การสอนแบบ KACHINO Model มี 4 ขั้นตอน ได้แก่ 1.ขั้นสร้างความรู้(K= Knowledge + A= Awareness) นักเรียนได้รับหน้าที่ของตนเองในกลุ่มในการช่วยกันทำงานตามกลุ่มที่ตนเองได้รับมอบหมาย ช่วยกัน สืบค้นข้อมูล และการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนนักเรียนในกลุ่มเกิดทักษะในการเรียนรู้ต่างๆ การใช้ เทคโนโลยีการคิดวิเคราะห์หรือการตัดสินใจ 2.ขั้นสร้างศักยภาพ (C= Can+ 5H= Head/ Heart/ Hand/ Health/ Happy) นักเรียนในกลุ่มการเรียนรู้ทุกคนจะต้องมีหน้าที่รับผิดชอบ สามารถเรียนรู้ได้ สามารถทำได้ สามารถ คิดเชื่อมโยงได้และพยายามทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มความสามารถ โดยครูจะมอบหมายงานให้ใน กลุ่ม โดยในกลุ่มจะต้องแบ่งหน้าที่กันเองโดยครูมีหน้าที่เป็นแค่ Coaching ให้นักเรียนเท่านั้น ในขั้นนี้นักเรียน จะได้พัฒนาในด้านต่างๆ เช่น พัฒนาสมอง พัฒนาจิตใจ พัฒนาทักษะการปฏิบัติพัฒนาสุขภาพ มีความสุข 3.ขั้นสร้างนวัตกรรม (I= Inquiry Method+ N= Nonstop) นักเรียนจะได้เรียนรู้แบบสืบเสาะ มีการทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างดี มีทักษะในการคิดวิเคราะห์การ แก้ปัญหา Problem Solving มีความคิดสร้างสรรค์สามารถนำไปใช้ในการทำงานได้ สามารถพัฒนาวิธีการ ใหม่ๆ ที่ช่วยให้การทำงานดีขึ้น สามารถใช้ทักษะทางความคิด เพื่อสร้างทางเลือกใหม่ๆ ในการแก้ปัญหาให้ ดีกว่าขึ้น 4. ขั้นการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ (O= Open mind) นักเรียนจะนำผลงานของกลุ่มตนเองร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้และแสดงผลงานของกลุ่มตนเอง มีการ แลกเปลี่ยนแนวความคิด พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะอย่างใจกว้าง มีการตอบคำถามเพื่อทดสอบความเข้าใจของ เพื่อนในห้องเรียน KACHINO Model สามารถนำมาใช้ผ่านรูปแบบกิจกรรม 3 กิจกรรม ดังนี้ 1. กิจกรรมมหิงสาสายสืบ ความเป็นมาของโครงการมหิงสาสายสืบ โครงการมหิงสาสายสืบ พัฒนามาจากโครงการรางวัล จอห์น มัวร์ อวอร์ด (The John Muir Award) ซึ่งเป็น โครงการที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศสก็อตแลนด์และประสบผลสำเร็จในการดำเนินโครงการเป็นอย่างมาก โดยมี แนวคิดสำคัญคือการเปิดโอกาสให้เด็กๆ ได้สำรวจ เรียนรู้และใกล้ชิดกับธรรมชาติซึ่งจะช่วยพัฒนาให้เกิด จิตสำนึกรักและหวงแหนในธรรมชาติ โครงการมหิงสาสายสืบ คืออะไร ? โครงการมหิงสาสายสืบ เป็นโครงการที่กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปีพ.ศ. 2548 โดยมุ่งเน้นให้เยาวชนพัฒนากระบวนการเรียนรู้ ทักษะ การทำงานร่วมกันเป็นทีมและส่งเสริมให้เยาวชน ได้มีโอกาสค้นหาและพัฒนาศักยภาพขอตน โดยการรวมกลุ่มทำกิจกรรมที่ท้าทายความสามารถในการสำรวจ ดูแลรักษาพื้นที่ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในท้องถิ่นของตนผ่านกิจกรรมการ “ค้นหา” พื้นที่ธรรมชาติที่กลุ่มมี ความสนใจแล้วจึงลงมือ “สำรวจ” พื้นที่นั้นอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ตลอดจนดำเนินการ “อนุรักษ์” พื้นที่ ดังกล่าวด้วยวิธีการต่างๆ ที่กลุ่มสามารถทำได้จากนั้นจึงนำประสบการณ์ความสำเร็จที่กลุ่มได้รับไป “แบ่งปัน” หรือเผยแพร่ ให้บุคคลอื่นได้รับรู้รับทราบและเห็นถึงประโยชน์ความสำคัญของพื้นที่นั้นต่อไป แนวคิดของโครงการคือ การเปิดโอกาสให้เด็กที่สนใจในทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ใกล้ชิดกับ
ธรรมชาติ ผ่านกิจกรรม 4 ระดับความท้าทาย จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ทั้งในด้าน (มิติ) วิทยาศาสตร์ และสังคม อีกทั้งยังเป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่เด็กและเยาวชนทำแล้วรู้สึกมีความสุข สนุกสนาน และไม่ใช่ “การ แข่งขัน” เพื่อชิงรางวัล แต่เป็นโครงการที่ส่งเสริมให้เยาวชนได้แข่งขันกับตัวเอง ท้าทายศักยภาพในตัวเองใน การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่น แนวทางการดำเนินกิจกรรม 4 ระดับความท้าทาย ขั้นค้นหา ➢ พื้นที่ตอบโจทย์กับวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการดำเนินโครงการ ➢ กำหนดขอบเขตพื้นที่ให้ชัดเจน ➢ ที่มา/ประวัติของพื้นที่/ความสำคัญ/ระยะทาง/การเดินทาง/ความปลอดภัย ➢ การขออนุญาตเข้าใช้พื้นที่ ขั้นสำรวจ ➢ ลักษณะทางกายภาพของพื้นที่ - ดิน น้ำ อากาศ/ภูมิประเทศ ➢ ลักษณะทางชีวภาพ - สิ่งมีชีวิตที่พบจริงในพื้นที่ทั้งพืชและสัตว์ รวมถึงสิ่งมีชีวิตในน้ำและบนบก ➢ ข้อมูลเจาะลึกของสิ่งที่สนใจ - รูปร่าง/ลักษณะ/วงจรชีวิต - ปัจจัยการดำรงชีวิต/การเจริญเติบโต - ความสำคัญ(ต่อพื้นที่/ต่อระบบนิเวศ)/ประโยชน์/สรรพคุณ ➢ การเชื่อมโยงข้อมูลเป็น “ระบบนิเวศ” ขั้นอนุรักษ์ ➢ ใช้ข้อมูลจากขั้นสำรวจและบริบทพื้นที่เป็นตัววางแนวทางของการใช้กิจกรรม ➢ กิจกรรมเป็นรูปธรรม/จับต้องได้/มีผลการดำเนินงาน/เกิดประโยชน์ยั่งยืน ➢ ขยายผลสู่กลุ่มเป้าหมาย ขั้นแบ่งปัน ➢ วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย (ทำกับใคร/จำนวนกี่คน) แล้วจึงคิดกิจกรรม ➢ กิจกรรมที่เป็นประโยชน์/น่าสนใจ (เกิดประโยชน์กับกลุ่มเป้าหมาย) ➢ เผยแพร่สิ่งที่ได้จาก 4 ระดับความท้าทาย
ภาพที่ 4 กิจกรรมการเรียนการสอนผ่านรูปแบบ KACHINO MODEL 2. การจัดการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน (Project-Based Learning) ครูได้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เน้นการลงมือทำ ครูเป็นผู้กระตุ้นเพื่อนำความ สนใจที่เกิดจากตัวนักเรียนมาใช้ในการทำกิจกรรมค้นคว้าหาความรู้ด้วยตัวนักเรียนเอง นำไปสู่การเพิ่มความรู้ที่ ได้จากการลงมือปฏิบัติการฟังและการสังเกต โดยนักเรียนมีการเรียนรู้ผ่านกระบวนการทำงานเป็นกลุ่ม ที่จะ นำมาสู่การสรุปความรู้ใหม่ มีการเขียนกระบวนการจัดทำโครงงาน ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน การจัดการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐานโดยมีทั้งหมด 6 ขั้นตอน ดังนี้ 1. ขั้นให้ความรู้พื้นฐาน ครูให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการทำโครงงานก่อนการเรียนรู้เนื่องจากการ ทำโครงงานมีรูปแบบและขั้นตอนที่ชัดเจนและรัดกุม ดังนั้นนักเรียนจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีความรู้ เกี่ยวกับโครงงานไว้เป็นพื้นฐาน เพื่อใช้ในการปฏิบัติขณะทำงานโครงงานจริง ในขั้นแสวงหาความรู้ 2. ขั้นกระตุ้นความสนใจ ครูเตรียมกิจกรรมที่จะกระตุ้นความสนใจของนักเรียน โดยต้องคิดหรือ เตรียมกิจกรรมที่ดึงดูดให้นักเรียนสนใจ ใคร่รู้ถึงความสนุกสนานในการทำโครงงานหรือกิจกรรมร่วมกัน โดย กิจกรรมนั้นอาจเป็นกิจกรรมที่ครูกำหนดขึ้น หรืออาจเป็นกิจกรรมที่นักเรียนมีความสนใจต้องการจะทำอยู่แล้ว
ทั้งนี้ในการกระตุ้นของครูจะต้องเปิดโอกาสให้นักเรียนเสนอจากกิจกรรมที่ได้เรียนรู้ผ่านการจัดการเรียนรู้ของ ครูที่เกี่ยวข้องกับชุมชนที่นักเรียนอาศัยอยู่หรือเป็นเรื่องใกล้ตัวที่สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง 3. ขั้นจัดกลุ่มร่วมมือ ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มกันแสวงหาความรู้ใช้กระบวนการกลุ่มในการวางแผน ดำเนินกิจกรรม โดยนักเรียนเป็นผู้ร่วมกันวางแผนกิจกรรมการเรียนของตนเอง โดยระดมความคิดและหารือ แบ่งหน้าที่เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติร่วมกัน หลังจากที่ได้ทราบหัวข้อสิ่งที่ตนเองต้องเรียนรู้ในภาคเรียนนั้นๆ เรียบร้อยแล้ว 4. ขั้นแสวงหาความรู้ ในขั้นแสวงหาความรู้มีแนวทางปฏิบัติสำหรับนักเรียนในการทำกิจกรรม ดังนี้ นักเรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมโครงงาน ตามหัวข้อที่กลุ่มสนใจ นักเรียนปฏิบัติหน้าที่ของตนตามข้อตกลงของ กลุ่ม พร้อมทั้งร่วมมือกันปฏิบัติกิจกรรม โดยขอคำปรึกษาจากครูเป็นระยะเมื่อมีข้อสงสัยหรือปัญหาเกิดขึ้น นักเรียนร่วมกันเขียนรูปเล่ม สรุปรายงานจากโครงงานที่ตนปฏิบัติ 5. ขั้นสรุปสิ่งที่เรียนรู้ ครูให้นักเรียนสรุปสิ่งที่เรียนรู้จากการทำกิจกรรม โดยครูใช้คำถาม ถาม นักเรียนนำไปสู่การสรุปสิ่งที่เรียนรู้ 6. ขั้นนำเสนอผลงาน ครูให้นักเรียนนำเสนอผลการเรียนรู้โดยครูออกแบบกิจกรรมหรือจัดเวลาให้ นักเรียนได้เสนอสิ่งที่ตนเองได้เรียนรู้เพื่อให้เพื่อนร่วมชั้น และนักเรียนอื่นๆในโรงเรียนได้ชมผลงานและเรียนรู้ กิจกรรมที่นักเรียนปฏิบัติในการทำโครงงาน ภาพที่ 5 ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน
ภาพที่ 6 การจัดการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน โครงงานสบู่จากใยไหม โครงงานลูกประคบสมุนไพร โครงงานกระถางจากกากชา โครงงานลิปสติกจากวัตถุดิบจากธรรมชาติ โครงงานเตาเผารักษ์โลก นำเสนอโครงงาน การจัดการเรียนรู้แบบใช้โครงงานเป็นฐาน (Project-Based Learning)
3. กิจกรรมแนะแนว ได้ดำเนินการช่วยเหลือนักเรียนโดยการให้คำปรึกษาเบื้องต้น มีการจัดกิจกรรมเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา เช่น กิจกรรมคู่บัดดี้ กิจกรรมสายรหัส กิจกรรมซ่อมเสริม กิจกรรมสื่อสารกับผู้ปกครอง กิจกรรมในห้องเรียน จากการดำเนินการดังที่กล่าวมาส่งผลให้นักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ อยู่อย่าง พอเพียง และปฏิบัติตนอยู่ในสังคมแห่งการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีความสุข นอกจากนี้นักเรียนยังมีผลงาน มี ทักษะชีวิต ทักษะอาชีพ และก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก การนำนวัตกรรม KACHINO Guidance Model เป็นการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยกระบวนการ Active learning เน้นผู้เรียนได้คิดได้ลงมือทำ เพื่อให้นักเรียนเป็นคนมีความสุข เข้าใจตนเองและผู้อื่น เป็นมนุษย์ที่มี ความสมบูรณ์ เป็นคนดี มีความรู้ ความสามารถ มุ่งสู่ตลาดแรงงาน ผลที่เกิดจากการนำนวัตกรรมไปใช้ 1. นักเรียนรู้จักตนเอง รักและเห็นคุณค่าในตนเอง รู้จักผู้อื่น ยอมรับความแตกต่างระหว่างบุคคล สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข 2. นักเรียนมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีสุขภาพจิตที่ดี ร่าเริง แจ่มใจ รู้ทันความเปลี่ยนแปลงของ สังคม 3. นักเรียนเป็นคนดีมีจิตใจอ่อนโยน รู้จักแบ่งปันและช่วยเหลือผู้อื่น มีจิตสาธารณะ 4. นักเรียนเป็นคนเก่ง กล้าแสดงออก 5. นักเรียนมีกระบวนคิดเป็นระบบ คิดเป็น แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ นักเรียนเป็นคนเก่ง กล้าแสดงออก นักเรียนมีจิตสาธารณะ
ภาพที่ 7 การดำเนินกิจกรรมตามรูปแบบ KACHINO MODEL 4. ผลการดำเนินการ/ผลสัมฤทธิ์/ประโยชน์ที่ได้รับ 4. 1 ผลที่เกิดตามจุดประสงค์ ผลการปฏิบัติตามกิจกรรมที่ออกแบบครอบคลุมและเป็นไป ตามจุดประสงค์ทุกจุดประสงค์โดยมี หลักฐานหรือข้อมูลประกอบ ดังนี้ 1. ผลการศึกษาพฤติกรรมทางการเรียนด้วยการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Active Learning) พฤติกรรมทางการเรียน หลังการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Active Learning) ดีขึ้นทั้งในด้านการทำงานเป็นกลุ่ม ของผู้เรียน การแสดงความคิดเห็น และการแสดงออกเพื่อสะท้อนความคิดเห็นร่วมกัน จากการสังเกตและ ประเมินของผู้สอน ดังตารางที่ 1 ตารางที่ 1 ผลการศึกษาพฤติกรรมทางการเรียน ด้วยการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Active Learning) นำเสนอผลงานอยู่เสมอ นักเรียนมีกระบวนคิดเป็นระบบ คิดเป็น แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้
หัวข้อกิจกรรม กิจกรรม สื่อ การวัดและการประเมินผล 1. จำลองการ ทำงานของปอด 2. บิงโกระบบ ร่างกาย 3. รถพลังลูกโป่ง 4. ดินน้ำมันลอยน้ำ 5. มหิงสาสายสืบ 1. บรรยาย 2. อภิปราย 3. ค้นคว้าและ นำเสนอผลงาน 4. ฝึกปฏิบัติ สร้างชิ้นงาน 1. Power point 2. ใบความรู้ 3. เอกสาร ประกอบการสอน 4. แบบฝึกปฏิบัติ 5. กิจกรรม แก้ปัญหา สังเกตการทำงานเป็นกลุ่มของผู้เรียน/ การแสดงความคิดเห็น/การมีส่วนร่วม ในการวิเคราะห์การสร้างชิ้นงาน พบว่า ผู้เรียนมีการทำงานเป็นกลุ่ม แสดงความคิดเห็นร่วมกัน มีแสดงออก มากขึ้น รวมถึงมีวางแผนร่วมกันในการ นำเสนอสะท้อนคิดแก้ปัญหาและสร้าง แผนผังความคิดเชื่อมโยงประเด็น บูรณาการเข้าด้วยกันได้ร่วมถึงมีการ นำเสนอได้ 2. ผลเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ด้วยการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Active Learning) คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ด้วยการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Active Learning) หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน ร้อยละ 44.4 ดังตารางที่ 2 ตารางที่ 2 ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ด้วยการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Active Learning) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน n คะแนนเต็ม ̅ S.D. อัตราผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน (ร้อยละ) ก่อนเรียน 15 20 6.06 0.88 44.4 หลังเรียน 15 20 16.40 2.92 3. ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนด้วยการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Active Learning) ความพึงพอใจของนักเรียนด้วยการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Active Learning) โดยรวมอยู่ระดับมาก ( ̅= 4.297, S.D.= 0.6501) เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า นักเรียน มีความพึงพอใจมากที่สุด คือ การเรียนการสอน แบบการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Active Learning) ช่วยฝึกให้นักเรียนเกิดความคิดสร้างสรรค์อยู่ในระดับมาก (̅=4.47, S.D.= 0.805 ) รองลงมาคือ การเรียนการสอนแบบการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Active Learning) มีความน่าสนใจ และรู้สึกสนุกกับการเรียน อยู่ในระดับมาก (̅=4.40,S.D.= 0.879) และน้อยที่สุดคือ การ เรียนการสอนแบบการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Active Learning) ทำให้นักเรียนมีทัศนคติที่ดีต่อการเรียน อยู่ใน ระดับมาก ( ̅=4.20, S.D.=0.748) และการเรียนการสอนแบบการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Active Learning) ช่วยให้นักเรียนสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง อยู่ในระดับมาก ( ̅=4.20, S.D.=0.748) ตามลำดับ ดังตารางที่ 3 ตารางที่ 3 ความพึงพอใจของนักเรียน ด้วยการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Active Learning) รายการประเมิน ̅ S.D. ระดับ 1. การเรียนการสอนแบบการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Active Learning) สอดคล้องกับเนื้อหาและวัตถุประสงค์ 4.07 0.442 มาก 2. การเรียนการสอนแบบการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Active Learning) มีความน่าสนใจ และรู้สึกสนุกกับการเรียน 4.40 0.879 มาก
รายการประเมิน ̅ S.D. ระดับ 3. การเรียนการสอนแบบการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Active Learning) ช่วยให้นักเรียนเข้าใจเนื้อหาในบทเรียนได้มากยิ่งขึ้น 4.40 0.489 มาก 4. การเรียนการสอนแบบการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Active Learning) ส่งเสริมให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้สามารถทำงานร่วมผู้อื่นได้ 4.07 0.679 มาก 5. การเรียนการสอนแบบการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Active Learning) ส่งเสริมกระบวนการคิด วิเคราะห์และแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง 4.33 0.471 มาก 6. การเรียนการสอนแบบการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Active Learning) ช่วยฝึกให้นักเรียนเกิดความคิดสร้างสรรค์ 4.47 0.805 มาก 7. การเรียนการสอนแบบการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Active Learning) สร้างบรรยากาศที่ดีในการศึกษา 4.33 0.596 มาก 8. การเรียนการสอนแบบการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Active Learning) ช่วยให้นักเรียนสามารถนำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง 4.20 0.748 มาก 9. นักเรียนมีความกล้าแสดงออกมากขึ้นโดยการเรียนการสอนแบบการ เรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Active Learning) 4.40 0.489 มาก 10. การเรียนการสอนแบบการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Active Learning) ทำให้นักเรียนมีทัศนคติที่ดีต่อการเรียน 4.20 0.748 มาก 11. นักเรียนอยากให้มีการเรียนการสอนแบบการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม (Active Learning) ในรายวิชาอื่นๆ อีก 4.30 0.800 มาก โดยรวม 4.297 0.6501 มาก 4.2 ผลสัมฤทธิ์ของงาน แก้ปัญหาและส่งเสริมวิชาการหรือพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนได้ตรงตามจุดประสงค์และ เป้าหมายอย่างครบถ้วนโดยมีข้อมูลทุกส่วนแสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น นักเรียนมีความ กระตือรือร้นในการเรียนการสอนมากยิ่งขึ้น มีความกล้าคิดกล้าแสดงความคิดเห็น สามารถสืบค้นข้อมูลได้ ผลการเรียนในรายวิชาวิทยาศาสตร์ ปีการศึกษา 2565 ผลการเรียนในรายวิชาวิทยาศาสตร์ ปีการศึกษา 2564 ภาพที่ 8 เปรียบเทียบผลการเรียนการสอนปี 2564 และ 2565
ภาพที่ 9 กิจกรรมการเรียนการสอนแบบ Active learning 4.3 ประโยชน์ที่ได้รับ จากความรู้ที่ข้าพเจ้าได้รับการพัฒนา ข้าพเจ้าได้นำความรู้ไปสร้างเพจบน facebook ซึ่งภายในจะมี เนื้อหาความรู้ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในแต่ละกิจกรรมการเรียน รู้ มีการมอบหมายให้นักเรียนทำกิจกรรมต่างๆ มีการเชื่อมโยงเทคโนโลยีสารสนเทศ ต่างๆที่มีอยู่บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมาใช้ประโยชน์ในด้านการจัดการ เรียนรู้ เพื่อให้นักเรียนรู้จักใช้อินเทอร์เน็ตให้เกิดประโยชน์สามารถใช้ในการเรียนออนไลน์ได้
ภาพที่ 10 แสดงการเผยแพร่การเรียนการสอนออนไลน์ จากความรู้ที่ข้าพเจ้าได้รับการพัฒนาและนำมาใช้ในการจัดการเรียนรู้นั่นเอง ทำให้มีเพื่อนครูให้ความ สนใจ และต้องการได้รับความรู้ จึงได้เผยแพร่ให้ความรู้กับเพื่อนครูทั้งในโรงเรียน 1. ข้าพเจ้าได้นำความรู้ไปใช้พัฒนาผู้เรียนแบบองค์รวม กล่าวคือ พัฒนาผู้เรียนทั้งด้านความรู้ ทักษะ กระบวนการและเจตคติโดยมีขั้นตอนดังนี้ 1.1) ศึกษาหลักสูตรของโรงเรียน ศึกษาเอกสารประกอบหลักสูตรและวิเคราะห์หลักสูตร 1.2) ออกแบบหน่วยการเรียนรู้และจัดทำแผนการเรียนรู้อย่างชัดเจน ซึ่งในแผนการจัดการเรียนรู้ นอกจากจะกำหนดมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดแล้ว จะกำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ที่ครอบคลุมทั้ง 3 ด้าน คือ ด้านพุทธิพิสัย ด้านจิตพิสัยและด้านทักษะพิสัย 1.3) ระบุเทคนิควิธีการในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ระบุใช้สื่อ/นวัตกรรมที่ใช้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ ที่เหมาะสมสอดคล้องกับเนื้อหาสาระและผู้เรียน 1.4) กำหนดวิธีการวัดและประเมินผลพร้อมเครื่องมือการวัดและประเมินผลไว้อย่างชัดเจน 1.5) จากนั้นนำแผนการจัดการเรียนรู้ไปใช้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียน เป็นสำคัญ ใช้สื่อ/ นวัตกรรมอย่างหลากหลายประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้รวมทั้งออกแบบและสร้างเครื่องมือวัดและ ประเมินผลการเรียนรู้ให้ครอบคลุมตามตัวชี้วัดและมาตรฐานการเรียนรู้ ทั้งนี้ข้าพเจ้ามีการวัดและประเมินผลในรายวิชาวิทยาศาสตร์คือ การประเมินการปฏิบัติ(Authentic Assessment) และการประเมินสภาพจริง (Performance Assessment) โดยผ่านการปฏิบัติของผู้เรียน โดย การวัดและประเมินผลด้วยวิธีการดังกล่าวต้องวัดและประเมินได้ครอบคลุม ครบถ้วนพฤติกรรมของผู้เรียนทั้ง 3 ด้าน ดังนี้ ด้านพุทธิพิสัย (Cognitive Domain) การประเมินความรู้ในรายวิชาวิทยาศาสตร์เป็นการให้ผู้เรียน ได้รับความรู้ความเข้าใจและสามารถประยุกต์ใช้ทั้งเนื้อหาด้านทฤษฎีและปฏิบัติซึ่งความรู้ในเนื้อหาสาระนี้ สามารถประเมินโดยการใช้แบบทดสอบ ด้านจิตพิสัย (Affective Domain) เป็นการประเมินการแสดงออกของผู้เรียนทั้งหมดตลอดจน การ ทำงานร่วมกันและคุณลักษณะต่างๆ ซึ่งสามารถประเมินด้วยวิธีการสังเกตได้อย่างชัดเจน ด้านทักษะพิสัย (Psychomotor Domain) การประเมินทักษะในรายวิชาวิทยาศาสตร์ตามทักษะ กระบวนการทางวิทยาศาสตร์และทักษะที่สำคัญของนักเรียนในศตวรรษที่ 21 2) นำไปบูรณาการกับหน่วย/เรื่องอื่นๆ ได้ ข้าพเจ้าสามารถนำความรู้จากการพัฒนาตนเองไปบูรณาการกับหน่วย/เรื่องอื่นๆ ได้กล่าวคือ ระหว่างที่ข้าพเจ้าวิเคราะห์หลักสูตรและออกแบบหน่วยการเรียนรู้ข้าพเจ้าจะประยุกต์ใช้องค์ความรู้ที่มีในการ เลือกตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้ที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันในการกำหนดหน่วยการเรียนรู้และกำหนด
สาระสำคัญหรือความคิดรวบยอดได้อย่างลงตัวในโครงสร้างรายวิชาวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีความเชื่อมโยงสอดคล้อง กันตั้งแต่มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้ความคิดรวบยอด การกำหนดเวลา (ชั่วโมง) และ การกำหนดน้ำหนักคะแนน รวมทั้งการตั้งชื่อหน่วยการเรียนรู้ซึ่งในแต่ละประเด็นมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน อย่างกลมกลืน 3) นำไปใช้บูรณาการกับรายวิชาอื่นๆ ได้ ข้าพเจ้าได้ใช้องค์ความรู้จากการพัฒนาตนเอง นำไปพัฒนาผู้เรียนให้เกิดองค์ความรู้ที่มีการเชื่อมโยงกันใน ทุกรายวิชา โดยการบูรณาการกับรายวิชาอื่นๆ ได้แก่ ภาษาไทย การสอนให้ผู้เรียนมองเห็นความสัมพันธ์ของการนำความรู้ด้านภาษาไทยมาใช้กับ รายวิชาวิทยาศาสตร์ได้แก่การสื่อสาร การใช้ถ้อยคำ การออกเสียงคำ อักขระ คำควบ กล้ำ ฯลฯ ให้ถูกต้องตามหลักภาษาไทย การเรียบเรียงบทความและรายงานผลเกี่ยวกับ ชิ้นงาน คณิตศาสตร์ การสอนให้ผู้เรียนรู้จักนำความรู้ทางคณิตศาสตร์ประยุกต์ใช้ในการคำนวณ การวัด การ กำหนดค่าใช้จ่าย ฯลฯ สังคมศึกษา การสอนให้ผู้เรียนการนาความรู้เกี่ยวกับเกี่ยวกับสังคมศึกษา ประวัติศาสตร์มาใช้ศึกษา ประวัติการดำเนินการด้านความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของเรื่องต่างๆ และความรู้เกี่ยวกับ ท้องถิ่นแต่ละแห่ง ความเชื่อและวัฒนธรรมของการศึกษาหาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ฯลฯ การงานอาชีพ และเทคโนโลยี การสอนให้ผู้เรียนใช้ความรู้เรื่องงานประดิษฐ์ และสร้างอุปกรณ์ หรือชิ้นงาน ตลอดจน การสร้างสื่อสามมิติในการนำเสนอผลงานทางวิทยาศาสตร์ การใช้สื่อเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการสืบค้นหาความรู้ และสามารถนำมาใช้ ประการการนำเสนอข้อมูลของนักเรียนเองได้อย่างเหมาะสม ฯลฯ ภาษาต่างประเทศ การสอนให้ผู้เรียนมีความรู้เกี่ยวกับคำศัพท์เฉพาะทางวิทยาศาสตร์ทั้งภาษาไทยและใช้ ภาษาอังกฤษในการเรียนรู้อย่างเหมาะสม ฯลฯ จะเห็นว่าจากข้อมูลข้างต้น ข้าพเจ้าสามารถใช้องค์ความรู้มาวิเคราะห์เป็นหลักในการบูรณาการกับ รายวิชาอื่นๆ ได้เหมาะสมตามสภาพจริงและยังสามารถนำไปใช้ในการจัดกิจกรรมได้อย่างลงตัว ภาพที่ 11 แสดงการบูรณาการกิจกรรมกับรายวิชาอื่นๆ ได้ 4) นำไปใช้เป็นต้นแบบเผยแพร่ขยายผลได้ จากผลการพัฒนาตนเองทำให้ข้าพเจ้าเกิดองค์ความรู้ที่เป็นกระบวนการ สามารออกแบบการพัฒนา ผู้เรียนอย่างมีระบบและขั้นตอนตามหลักวิชาการ กล่าวคือ เริ่มตั้งแต่การวิเคราะห์หลักสูตร ออกแบบหน่วย การเรียนรู้จัดทำแผนการเรียนรู้การใช้สื่อ/นวัตกรรม ตลอดจนการวัดและประเมินผลอย่างมีประสิทธิภาพ ตามสภาพจริงและจัดทำวิจัยชั้นเรียนซึ่งได้เผยแพร่ดังนี้
4.1) เผยแพร่เป็นเอกสารให้กับครูในโรงเรียน โรงเรียนในศูนย์เครือข่าย และโรงเรียนในสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 4.2) เผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์Facebook 4.3) เผยแพร่ในการประชุม สัมมนาครูกลุ่มสาระฯวิทยาศาสตร์ภายในโรงเรียน 4.4) เผยแพร่ผ่านการศึกษาดูงานของคณะครูโรงเรียนต่างๆ ภาพที่ 12 แสดงการเผยแพร่ขยายผล 5) เชื่อมโยง/นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ ความรู้ที่ได้จากการพัฒนาตนเองสามารถนำไปเชื่อมโยง/นำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ในการจัดกิจกรรม การเรียนรู้วิทยาศาสตร์และการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบออนไลน์ประกอบด้วย 1) การให้นักเรียนทำงานเป็นกลุ่ม เพื่อฝึกให้อยู่ร่วมกัน ให้ช่วยคิด ร่วมแสดงความคิดเห็น รับฟัง เพื่อน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน เป็นการพัฒนาคุณภาพให้เกิดเจตคติทางวิทยาศาสตร์ จะมีกฎกติการ่วมกันเพื่อ เรียนรู้การทำงานเป็นทีม เน้นการสร้างอาชีพ 2) ในการเรียนวิทยาศาสตร์ ทักษะสังเกต เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องฝึกฝนให้นักเรียนได้พัฒนาเรียนรู้ เพราะเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน แม้เรื่องใกล้ตัว การสร้างพื้นฐานการเป็นนักวิทยาศาสตร์โดยศึกษาสังเกต อย่างเป็นระบบเพื่อให้นักเรียนหาคำตอบด้วยตนเอง นับเป็นเป็นรากฐานสำคัญของการแสวงหาความรู้รวมทั้ง เป็นทักษะสำคัญของการดูแลตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัย 3)การทดลองวิทยาศาสตร์คือ สุดยอดปรารถนาของผู้เรียนระดับมัธยมศึกษา เพราะนักเรียน ได้ลง มือกระทำด้วยตนเอง ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมงานกับเพื่อน ใช้พลังความคิดสร้างสรรค์และ จินตนาการ ฝึก ทักษะการสังเกต ทำงานเป็นขั้นตอน มีระบบคิด มีเหตุมีผล ได้ค้นพบความรู้ด้วยตัวเอง มีความภาคภูมิใจ ได้ ลองทำ ลองแก้ไข ปรับปรุงพัฒนางาน ซึ่งจะนำไปสู่การเป็นคนที่มีหลักในการคิด การหาคำตอบอย่างมีเหตุผล ไม่หลงเชื่องมงาย ตลอดจนเป็นการฝึกใช้สมอง ตา มือ ให้สอดคล้องสัมพันธ์กันและฝึกการใช้อุปกรณ์ทาง วิทยาศาสตร์ การทดลองวิทยาศาสตร์เป็นกิจกรรมที่สนุก ท้าทายและตอบสนองการเรียนรู้ของครูและเด็ก 4) เรียนรู้ธรรมชาติเพื่อรู้จักและรู้รักษาโลก การให้นักเรียนได้เรียนรู้และเข้าใจในปรากฏการณ์ ธรรมชาติ การเปลี่ยนแปลงของโลก เหตุและผลกระทบต่างๆ จะช่วยให้นักเรียนในปัจจุบัน ซึ่งจะเติบโตเป็น ผู้ใหญ่ในอนาคต เรียนรู้ที่จะรักษาโลก ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้มนุษย์มีชีวิตอยู่อย่างเป็นสุข ได้ยาวนาน 5) การใช้เทคโนโลยีนักเรียนสามารถเลือกและใช้เทคโนโลยีด้านต่างๆ และมีทักษะกระบวนการทาง เทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาตนเองและสังคม ในด้านการเรียนรู้ การสื่อสาร การทำงาน การแก้ปัญหาอย่าง สร้างสรรค์ ถูกต้องเหมาะสมและมีคุณธรรม นำเทคโนโลยีมาใช้ประยุกต์ใช้ในการพัฒนางานสร้างอาชีพ
การแก้ปัญหา /การพัฒนาผู้เรียน ประโยชน์ 1) การแก้ปัญหา / พัฒนาผู้เรียนโดยใช้กระบวนการวิจัยในชั้นเรียน ข้าพเจ้าพัฒนาและแก้ไขปัญหาผู้เรียนโดยใช้กระบวนการวิจัยชั้นเรียน ชื่องานวิจัย การทดลองใช้สื่อหนังสือบทเรียนการ์ตูน เรื่อง ระบบร่างกายในการพัฒนาการเรียนรู้รายวิชา วิทยาศาสตร์ของนักเรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ชื่อผู้วิจัย นางสาวนุชมาศ สวัสดิ์พาณิชย์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ โรงเรียนปอพานพิทยาคม รัชมังคลาภิเษก บทคัดย่อ ในปัจจุบันสื่อมีความสัมพันธ์ในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ในทุกทุกด้าน ดังเช่นด้านการศึกษา คอมพิวเตอร์มีส่วนช่วยในการนำเสนอสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างน่าสนใจเป็นระบบ ทำให้เกิดความเพลิดเพลินจาก รูปแบบในการนำเสนอ สามารถช่วยให้ผู้สอนจัดทำบทเรียนการ์ตูน ทำให้ผู้ที่ทำการเรียนรู้เกิดประสบการณ์ และมีกระบวนการในการเรียนรู้ที่เป็นระบบและเกิดความเข้าใจได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังสามารถใช้ในการทบทวน ซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้อีกเป็นอย่างดี เมื่อต้องการศึกษาเพิ่มเติม มีข้อสอบเพื่อใช้ทดสอบความสามารถในการเรียนรู้ ของผู้เรียนได้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อผู้เรียนได้หัดทำข้อสอบมากเท่าไรก็ตามผู้เรียนก็จะเกิดการเรียนรู้และมี ความชำนาญและเกิดเป็นประสบการณ์ทางการเรียนรู้ในสาขาวิชานั้นต่อไป มีการประมวลผลการเรียนรู้ของ นักเรียน จึงได้ทำการวางแผนการดำเนินการและจัดทำสื่อหนังสือบทเรียนการ์ตูน เพื่อเพิ่มผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนของนักเรียนผลจากการใช้สื่อการสอนดังกล่าวโดยใช้แบบทดสอบและแบบสอบถาม และการ ประเมินสภาพจริงปรากฏว่า นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้เร็วและเข้าใจเนื้อหาได้เป็นอย่างดี รวดเร็วและมี ความสุขในการเรียนรู้ อีกทั้งยังสามารถพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ในการเรียนรู้อีกด้วย จากการจัดทำการ ประเมินโดยใช้แบบสอบถามผลปรากฏว่า ผลการใช้สื่อการเรียนการสอนที่จัดทำขึ้น จากการประเมินแบบสุ่ม ตัวอย่างนักเรียนที่ใช้สื่อการเรียนรู้ที่จัดทำขึ้นจำนวน 100 คน ในการประเมินทั้งหมด 6 หัวข้อหลัก 35 ข้อย่อย ซึ่งจะเป็นหัวข้อประเมินในทุก ๆ ด้านตามแบบประเมิน ปรากฏว่าผลการประเมินมีคะแนนรวมอยู่ ที่ระดับดี คือมีคะแนนมากที่สุด 2,402 คะแนน คิดเป็น 76.06 % จากการประเมินด้วยแบบทดสอบที่จัดขึ้นเพื่อทำการทดสอบหลังจากที่ใช้สื่อหนังสือบทเรียนปรากฏ ว่านักเรียนมีผลการเรียนดีขึ้นอยู่ใน ระดับดีมาก 30 คน ระดับดี 5 คน และในระดับพอใช้ 5 คน ภาพที่ 13 แสดงการเผยแพร่ขยายผล
ภาพที่ 14 สื่อชุดกิจกรรมการเรียนรู้ 2) การแก้ปัญหา / พัฒนาผู้เรียนโดยใช้นวัตกรรมทางการเรียนการสอน ข้าพเจ้าพัฒนาและแก้ไขปัญหาผู้เรียนโดยใช้นวัตกรรมทางการเรียนการสอน (Instructional innovation) โดยมีเป้าหมายตามหลักการจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ที่เน้นผู้เรียน เป็นสำคัญ ซึ่งต้องดำเนินการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นผู้มีความรอบรู้ ก้าวทันโลกและการเปลี่ยนแปลง มีคุณธรรม และจริยธรรมสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้และพัฒนาตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับปรัชญา การศึกษา ด้านประสบการณ์นิยม(Progressivism) และทฤษฎีการเรียนรู้ ด้านการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง (Constructivism) โดยสังเคราะห์เป็นนวัตกรรมการเรียนการสอน เกิดเป็นรูปแบบการจัดการเรียนรู้ KACHINO Model โดยมีขั้นตอนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้อย่างเป็นระบบ ดังรูป การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ KACHINO Model มีแนวทางการดำเนินการเพื่อส่งเสริมให้นักเรียน เกิด คุณลักษณะดังนี้ K = Knowledge มีความรู้ทางวิชาการ A = Awareness มีความตระหนักรู้ นำความรู้ไปใช้อย่างมีคุณธรรมและจริยธรรม C = Can สามารถเรียนรู้ได้ สามารถทำได้ สามารถคิดเชื่อมโยงได้ H = Head พัฒนาสมอง = Heart พัฒนาจิตใจ = Hand พัฒนาทักษะการปฏิบัติ = Health พัฒนาสุขภาพ = Happy การเรียนอย่างมีความสุข I = Inquiry Method การเรียนรู้แบบสืบเสาะ N = Nonstop ไม่หยุดนิ่งในการเรียนรู้ O = Open mind เปิดใจที่จะเรียนรู้ ภาพที่ 15 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ KACHINO Model
ครูผู้สอนได้ดำเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนบันได 5 ขั้น ซึ่งเริ่มต้นจากการตั้งคำถาม 1)เรียนรู้การตั้งคำถาม สงสัย ใคร่รู้ (Learning to Question :Q) ใช้เทคนิค 5 w 1 H Who ใคร (ในเรื่องนั้นมีใครบ้าง) What ทำอะไร (แต่ละคนทำอะไรบ้าง) Where ที่ไหน (เหตุการณ์หรือสิ่งที่ทำนั้นอยู่ที่ไหน) When เมื่อไหร่ (เหตุการณ์หรือสิ่งที่ทำนั้นทำเมื่อวัน เดือน ปี ใด) Why ทำไม (เหตุใดจึงได้ทำสิ่งนั้น หรือเกิดเหตุการณ์นั้นๆ) How อย่างไร (เหตุการณ์หรือสิ่งที่ทำนั้นทำเป็นอย่างไรบ้าง) ภาพที่ 16 เรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา 2) เรียนรู้การแสวงหาสารสนเทศ สืบเสาะ ค้นคว้า (Learning to Search : S) - องค์กรที่จัดให้บริการสารสนเทศแก่ผู้ใช้โดยตรง เช่น ห้องสมุด , พิพิธภัณฑ์หอจดหมายเหตุ , และ หอศิลป์ - แหล่งอื่นที่ไม่ได้บริการโดยตรง เช่น บุคคล สถานที่ เหตุการณ์ - แหล่งสืบค้น Online เช่น อินเตอร์เน็ต ภาพที่ 17 มีการใช้สื่อออนไลน์ มีกลุ่มแลกเปลี่ยนข้อมูล มีเครือข่ายในการทำงาน
3) เรียนรู้เพื่อสร้างองค์ความรู้ สรุป (Learning to Construct : C ) แหล่งกำเนิดขององค์ความรู้ - ความรู้ที่ได้รับการถ่ายทอดจากบุคคลอื่น - ความรู้เกิดจากประสบการณ์การทำงาน - ความรู้ที่ได้จากการวิจัยทดลอง - ความรู้จากการประดิษฐ์คิดค้นสิ่งใหม่ ๆ - ความรู้ที่มีปรากฏอยู่ในแหล่งความรู้ภายนอกโรงเรียนและนักเรียนได้นำมาใช้ ภาพที่ 18 นำเสนอข้อมูลจากการลงมือปฏิบัติจริง 4) เรียนรู้เพื่อการสื่อสารสื่อสาร สัมพันธ์ (Learning to Communicate : C) 1. การนำเสนอข้อมูลโดยรายงานวิจัย /บทความ ( Text Presentation) 2. การนำเสนอโดยตาราง ( Tabular Presentation ) 3.การนำเสนอด้วยกราฟหรือแผนภูมิ ( Graphical Presentation ) 4. การนำเสนอด้วยวาจา ภาพที่ 19 นำเสนอข้อมูลจากการลงมือปฏิบัติจริง 5). เรียนรู้เพื่อตอบแทนสังคม การให้บริการ (Serve: S) 1. มนุษย์มีรูปแบบการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน ผู้สอนจึงต้องใช้วิธีการสอนที่หลากหลายการพร้อมรับการ เปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เพื่อปรับตนเองในปัจจุบัน ให้พร้อมรับกับสิ่งที่จะตามมาในอนาคต
2. ผู้เรียนควรเป็นผู้กำหนดองค์ความรู้ของตนเอง ไม่ใช่นำความรู้ไปใส่สมองผู้เรียน แล้วให้ผู้เรียน ดำเนินรอยตามผู้สอน 3. โลกยุคใหม่ต้องการผู้เรียนซึ่งมีวินัย มีพฤติกรรมที่รู้จักยืดหยุ่น หรือปรับเปลี่ยนให้เข้ากับ สถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม 4. เนื่องจากข้อมูลข่าวสารในโลกจะทวีเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ทุกๆ 10 ปี โรงเรียนจึงต้องใช้วิธีสอนที่ หลากหลาย โดยให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในรูปแบบต่างๆ กัน 5. ให้ใช้กฎเหล็กของการศึกษาที่ว่า “ระบบที่เข้มงวดจะผลิตคนที่เข้มงวด” และ “ระบบที่ยืดหยุ่นก็ จะผลิตคนที่รู้จักการยืดหยุ่น” 6. สังคม หรือชุมชนที่มั่งคั่ง ร่ำรวยด้วยข้อมูลข่าวสาร ทำให้การเรียนรู้สามารถเกิดขึ้นได้ในหลายๆ สถานที่การพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นเพื่อปรับตนเองในปัจจุบัน ให้พร้อมรับกับสิ่งที่จะตามมาใน อนาคต 7. การเรียนรู้แบบเจาะลึก (deep learning) มีความจำเป็นมากกว่าการเรียนรู้แบบผิวเผิน 8.การสอนที่จัดว่ามีประสิทธิภาพ ต้องการครูที่มีคุณสมบัติมากกว่าการเป็นผู้ทำหน้าที่สอน 9. การศึกษาเล่าเรียนในโรงเรียน (schooling) กับ การศึกษา (education) อาจไม่ใช่เรื่องเดียวกัน 10. โลกอนาคตจะให้ความสำคัญกับการจัดการศึกษาที่บ้าน (Home – based education) มากขึ้น ภาพที่ 20 จัดนิทรรศการ เปิดบ้านวิชาการ เยาวชนคนต้นแบบ เพิ่มพื้นที่สีเขียวในโรงเรียน จากการดำเนินการข้างต้นจึงทำให้เกิด KACHINO ในขั้นตอนต่างๆแทรกอยู่ในแต่ละกิจกรรมการ เรียนรู้ จึงหลอมรวมเกิดเป็นนวัตกรรมการเรียนรู้ดังแผนภาพดังนี้
ภาพที่ 21 แสดงขั้นตอนจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ KACHINO Model จากการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ KACHINO Model ส่งผลให้เกิดการพัฒนาผู้เรียนทั้งในด้าน เนื้อหา ทักษะ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์เพื่อเตรียมพร้อมต่อการเป็นนักเรียนในศตวรรษที่ 21 ต่อไปได้ อย่างมีประสิทธิภาพ ลำดับที่ รายการ ๑ รางวัลระดับเหรียญทอง กิจกรรมการประกวดแกะสลักผลไม้ ระดับชั้น ม.๑-ม.๓ ในงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ ๗๐ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๕ ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ๒ โครงการมหิงสาสายสืบและผ่านเกณฑ์การประเมิน ๓ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ ๒ ระดับเหรียญทอง กิจกรรมการประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ ประเภททดลอง ระดับชั้น ม.๑-ม.๓ ในงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ ๗๐ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๕ ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ๔ รางวัลระดับเหรียญทอง กิจกรรมการประกวดโครงงานวิทยาศาสตร์ ประเภททดลอง ระดับชั้น ม.๔-ม.๖ ในงาน ศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ ๗๐ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๕ ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ๕ รางวัลระดับเหรียญทอง กิจกรรมการแข่งขันการแสดงทางวิทยาศาสตร์ (Science Show) ระดับชั้น ม.๑-ม.๓ ในงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ ๗๐ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๕ ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ๖ รางวัลระดับเหรียญทอง กิจกรรมการประกวดผลงานสิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์ ระดับชั้น ม.๔-ม.๖ ในงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ ๗๐ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๕ ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ๗ รางวัลชนะเลิศ ระดับเหรียญทอง กิจกรรมการประกวดแกะสลักผลไม้ระดับชั้น ม.๑-ม.๓ ในงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ ๗๐ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๕ ระดับเขตพื้นที่การศึกษา (ตัวแทนไปแข่ง ระดับชาติ) ๘ รางวัลระดับเหรียญทองกิจกรรมการแข่งขันโครงงานคุณธรรม ระดับชั้น ม.๑-ม.๓ ในงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ ๗๐ ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๕ ระดับเขตพื้นที่การศึกษา
5. ปัจจัยความสำเร็จ 5.1 โรงเรียนมีพันธกิจและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการดำเนินงานตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและด้าน วิทยาศาสตร์ 5.2 ครูผู้สอนมีศักยภาพ มีคุณสมบัติครบถ้วน ตรงตามรายวิชาที่สอน และมีความรับผิดชอบสามัคคีในและ สามารถทำงานจนประสบความสำเร็จในงานที่ตนเองได้รับมอบหมาย 5.3 ผู้บริหารมีนโยบายที่ชัดเจน ส่งเสริม สนับสนุนและเป็นแบบอย่างที่ดีแก่นักเรียน ครู และชุมชน มีความมุ มานะ มุ่งมั่นในการทำงานจนประสบความสำเร็จ 5.4 คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้ปกครอง ชุมชน สถานประกอบการต่างๆมีส่วนร่วมในการจัดการเรียนการ สอนและให้ความร่วมมือในเป็นอย่างดี ตารางแสดงรายการอบรม ประชุม สัมมนา และศึกษาดูงาน ที่ วัน เดือน ปี เรื่อง สถานที่ หน่วยงานที่จัด จำนวน ชั่วโมง 1 19 พ.ค.2564 อบรมออนไลน์ OBEC 2021 Webinar “การจัดการเรียนการสอนออนไลน์ยุค ปกติใหม่ : มุมมองของผู้บริหาร นักวิชาการ และครู” ในหัวข้อ เทคนิค และวิธีการสอนออนไลน์แบบมี ปฏิสัมพันธ์และห้องเรียนออนไลน์โดยใช้ โครงงานเป็นฐาน - สำนักงาน คณะกรรมการ การศึกษาขั้น พื้นฐาน - 2 20 พ.ค.2564 อบรมออนไลน์ OBEC 2021 Webinar “การจัดการเรียนการสอนออนไลน์ยุค ปกติใหม่ : มุมมองของผู้บริหาร นักวิชาการ และครู” ในหัวข้อ การจัด กิจกรรมการเรียนออนไลน์ตามแนวคิดเก มิฟิเคชันและการวัดและประเมินสำหรับ การเรียนออนไลน์ - สำนักงาน คณะกรรมการ การศึกษาขั้น พื้นฐาน - 3 10-11 ก.ค.2564 อบรมเชิงปฏิบัติการโครงการพัฒนาและ ปรับปรุงหลักสูตรสถานศึกษาและ หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้ - โรงเรียนปอพาน พิทยาคม รัชมัง คลาภิเษก - 4 28 ก.ค.2564 อบรมครูผู้สอน เรื่อง สมอง จิตใจและ การเรียนรู้ : บูรณาการสู่ห้องเรียน ธรรมชาติ - มหาวิทยาลัย มหาสารคาม - 5 7-8 สิงหาคม 2564 อบรมหลักสูตร นวัตกรรมการเรียนรู้ สู่ ทักษะอาชีพ - สพม.มค - 6 14-15 สิงหาคม 2564 อบรมหลักสูตร การพัฒนาสื่อการสอน ออนไลน์ให้ปัง สพม.มค -
ที่ วัน เดือน ปี เรื่อง สถานที่ หน่วยงานที่จัด จำนวน ชั่วโมง 7 14-15 สิงหาคม 2564 อบรมเชิงปฏิบัติการพัฒนาทักษะการ จัดการเรียนรู้รูปแบบออนไลน์สำหรับครู สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน - สำนักงาน คณะกรรมการ การศึกษาขั้น พื้นฐาน 15 8 31 สิงหาคม 2564 หลักสูตรอบรมครูด้วยระบบออนไลน์ วิชาวิทยาศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษา ตอนต้น เรื่อง ยืดเส้นยืดสาย ร่างกาย แข็งแรง Online Training for Middle School Science Teachers: Workout for Better Life - สสวท. 20 9 31 สิงหาคม 2564 หลักสูตรอบรมครูด้วยระบบออนไลน์ วิชาวิทยาศาสตร์กายภาพ: เคมี ระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย เรื่อง เคมีกับ พลังงานทดแทน (Online Training for High School Physical Science (Chemistry) Teachers: Chemistry and Renewable Energy) - สสวท. 20 10 11-12 ก.ย.2564 อบรมหลักสูตร การพัฒนาทักษะการคิด วิเคราะห์ และสมรรถนะผู้เรียนตาม แนวทาง PISA - สพม.มค - รวมจำนวนชั่วโมงที่ได้รับการพัฒนา 55 6. บทเรียนที่ได้รับ (Lesson Learned) 6.1 นักเรียนมีความสามารถในการสื่อสารและการใช้เทคโนโลยีและมีความสามารถในการสื่อสาร อย่าง สร้างสรรค์ 6.2 ครูได้ออกแบบจัดการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับผู้เรียนทำให้ผู้เรียนมีความสุขในการเรียนและส่งผลให้ นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ดีขึ้น 6.3 บรรยากาศในห้องเรียนเต็มไปด้วยความสนุกสนาน ไม่น่าเบื่อ ไม่ต้องมาฟังครูบรรยายเพียงอย่างเดียว ครู สามารถนำความรู้และประสบการณ์มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับนักเรียนจนเกิดองค์ความรู้ใหม่ ๆ 6.4 การจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ Active Learning ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการเรียนรู้กับนักเรียน นักเรียนได้ฝึกทักษะการคิด การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การทำงานร่วมกัน นักเรียนสามารถยอมรับความสามารถ ของแต่ละบุคคลที่มีความแตกต่างกัน 6.5 สถานศึกษาเป็นแหล่งเรียนรู้ภายในที่ผู้เรียนสามารถหาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่และเป็นที่ยอมรับของ นักเรียน ผู้ปกครอง ชุมชนและผู้อื่น
7. การเผยแพร่/การได้รับการยอมรับ/รางวัลที่ได้รับ การเผยแพร่ผลงานนักเรียน ❖ นักเรียนเข้าแข่งขันโครงงานวิทยาศาสตร์ ประเภททดลอง ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ได้รางวัล เหรียญทอง ในงานมหกรรมความสามารถทางศิลปหัตถกรรม วิชาการ และเทคโนโลยีของ นักเรียน ❖ นักเรียนเข้าแข่งขันโครงงานวิทยาศาสตร์ ประเภททดลอง ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ได้ รางวัลเหรียญทอง ในงานมหกรรมความสามารถทางศิลปหัตถกรรม วิชาการ และเทคโนโลยีของ นักเรียน ❖ นักเรียนเข้าแข่งขันการแสดงทางวิทยาศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ได้รางวัลเหรียญเงิน ในงานมหกรรมความสามารถทางศิลปหัตถกรรม วิชาการ และเทคโนโลยีของนักเรียน ❖ นักเรียนเข้าแข่งขันการแสดงทางวิทยาศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ได้รางวัลเหรียญ ทอง ในงานมหกรรมความสามารถทางศิลปหัตถกรรม วิชาการ และเทคโนโลยีของนักเรียน ❖ นักเรียนเข้าแข่งขันสิ่งประดิษฐ์ทางวิทยาศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ได้รางวัลเหรียญ ทอง ในงานมหกรรมความสามารถทางศิลปหัตถกรรม วิชาการ และเทคโนโลยีของนักเรียน ❖ นักเรียนได้เข้าร่วมและผ่านเกณฑ์การประเมินโครงการมหิงสาสายสืบ ของกรมส่งเสริมคุณภาพ สิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 8 ปีซ้อน ตั้งแต่ปีการศึกษา 2554- ปัจจุบัน รับรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติจากหน่วยงานภาครัฐ/เอกชน เป็นที่ยอมรับในวงวิชาชีพ (ภายใน 2 ปี นับถึง วันที่ยื่นขอรับการประเมิน) ❖ รางวัลทรงคุณค่า สพฐ. (OBEC AWARDS) ระดับชาติ รองชนะเลิศระดับเหรียญทอง ครูผู้สอนยอด เยี่ยม ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย กิจกรรมแนะแนว ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการ สอน ปี 2563
❖ รางวัลทรงคุณค่า สพฐ. (OBEC AWARDS) ระดับภาค ชนะเลิศระดับเหรียญทอง ครูผู้สอนยอดเยี่ยม ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย กิจกรรมแนะแนว ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการเรียนการสอน ปี 2564 ❖ ได้รับรางวัลชนะเลิศ ประเภทสื่อสร้างสรรค์ด้านสิ่งแวดล้อม กิจกรรมคลิปโฆษณาความยาว 1 นาที
❖ ได้รับรางวัลชนะเลิศ ประเภทนวัตกรรมการจัดการเรียนการสอนที่สอดคล้องตามแนวการประเมินผล นักเรียนร่วมกับนานาชาติ (PISA) ความฉลาดรู้ด้านคณิตศาสตร์ ❖ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ประเภทสื่อสร้างสรรค์ด้านสิ่งแวดล้อม กิจกรรมสารคดีสั้นหรือหนัง สั้น ความยาวไม่เกิน 3 นาที
❖ ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ระดับเหรียญเงิน การประกวด Best Practice ประเภทครูผู้สอน ❖ ได้รับรางวัลแห่งความภาคภูมิใจมหิงสาสายสืบ 10 ปีซ้อน ( พ.ศ. 2554- 2564 )
❖ นำเสนอโครงงานคุณธรรมเฉลิมพระเกียรติ “เยาวชนไทย ทำดีถวายในหลวง” ปีการศึกษา 2565 ❖ รางวัลครูดีไม่มีอบายมุข เนื่องในวันครูแห่งชาติประจำปีการศึกษา 2563
ภาคผนวก
ประวัติส่วนตัว ผลงาน
ภาพกิจกรรม
ภาพกิจกรรม
สื่อประกอบการเรียนการสอน