ประวตัิศาสตรโ์บราณคดี โครงการอนุรกัษ์อาคารวชิรานุสรณ์(ตึกเหลือง) ประวตัิศาสตรโ์บราณคดีของพื้นที่วชิรพยาบาล 1. สมยัก่อนเกิดป๊ากสามเสน (ก่อน พ.ศ. 2449) พื้นที่บริเวณวชิรพยาบาลเป็นพื้นที่เก่าแก่ พบร่องรอยการอยู่อาศัยมาตั้งแต่อย่างน้อยในสมัย อยุธยา ซึ่งได้มีการกล่าวถึงวัดคอนเซ็ปชัญว่าเป็นนิคมชาวโปรตุเกส ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น ้าเจ้าพระยาฝั่ง ตะวันออก ในย่านสามเสน บริเวณนี้เป็นพื้นที่ที่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงพระราชทานแก่ ชาวโปรตุเกสที่เข้าร่วม การสงครามกับฝ่ายอยุธยา ราว พ.ศ. 2217 จึงเป็นหลักฐานได้ว่าพื้นที่บริเวณนี้ โดยเฉพาะริมน ้าเจ้าพระยา ได้มีชุมชนเข้ามาอยู่อาศัยแล้ว เมื่อเข้าสู่ยุครัตนโกสินทร์ ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีชาวเขมรซึ่งลี้ภัยมาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระราชทานที่บริเวณย่านวัดคอนเซ็ปชัญซึ่งเป็นย่านชาว คริสต์แต่เดิมให้เป็นที่อยู่แก่ชาวเขมรเหล่านี้ซึ่งนับถือศาสนาคริสต์ จึงได้ตั้งบ้านเขมรขึ้น ต่อมาได้มีชาว ญวนที่นับถือศาสนาคริสต์เข้ามาเพิ่มเติม จึงได้ตั้งบ้านอยู่ใกล้เคียงกัน และสร้างวัดขึ้นคือ วัดนักบุญฟรัง ซิสเซเวียร์ ในช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้น พื้นที่ย่านสามเสนเป็นพื้นที่ชาวพระนครด้านเหนือ เป็นที่ตั้งของ ชุมชนต่างชาติ ต่างศาสนา ยังไม่มีการกล่าวถึงในบันทึกถึงความส าคัญของย่านนี้มากมาย จนกระทั่ง พ.ศ. 2394 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้ขุดคลองผดุงกรุงเกษม พร้อมทั้งมี พระราชด าริให้มีการขยายขอบเขตพระนครออกไป ย่านสามเสนจึงกลายมาเป็นพื้นที่ริมพระนคร ซึ่งคงจะ มีความคึกคักมากกว่าแต่ก่อน ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บ้านเมืองได้มีการขยายตัวในหลาย ๆ ด้าน ผู้คนเริ่มมากขึ้น เมืองเริ่มมีการขยายตัวออกไปอย่างกว้างขวาง ในส่วนทิศเหนือของพระนคร ได้มี การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากพระราชด าริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในการที่จะสร้าง
-2 - -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --- ข้อมูลอ้างอิงจากรายงานฉบับสมบูรณ์ งานศึกษาด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี โครงการอนุรักษ์อาคารวชิรานุสรณ์ (ตึกเหลือง) บริษัท กุฎาคาร จ ากัด พระราชวังดุสิตในราว พ.ศ. 2441 ในการสร้างพระราชวังดุสิตพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงเสด็จพระราชด าเนินโดยรถยนต์ และรถม้าพระที่นั่งทางถนนสามเสน ซึ่งเป็นถนนเก่าคดเคี้ยวอยู่ ในสมัยนั้น ทรงเล็งเห็นถึงความไม่สะดวกต่อมาจึงได้ทรงโปรดให้ตัดถนนราชด าเนิน และถนนพระราชวัง ดุสิต พร้อมตัดถนนเชื่อมมาจากพระราชวังดุสิตให้เชื่อมกับถนนสามเสน แสดงให้เห็นถึงความส าคัญของ ย่านสามเสนและถนนสามเสนที่เป็นย่านเก่ามาแต่เดิม จากการศึกษาแผนที่ที่จัดท าขึ้นใน พ.ศ. 2446 แสดงให้เห็นถึงความขยายตัวของเขตเมือง ในทางตอนเหนือของพระนคร มีการสร้างพระราชวังดุสิตและมีการตัดถนนสายต่างๆ อย่างเป็นระเบียบ แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนโดยรอบเขตพระราชฐาน บริเวณพื้นที่วชิรพยาบาลถูกจัดแบ่งในเขตถนนที่มีการตัด ตรง แสดงให้เห็นถึงการแบ่งพื้นที่เป็นแปลงใหม่ในช่วงเวลาดังกล่าว แต่ในแผนที่ไม่มีการระบุว่าในเวลาที่ มีการส ารวจท าแผนที่มีสิ่งก่อสร้างใด หรือใครเป็นเจ้าของพื้นที่โครงการ แต่ได้แสดงชื่อพื้นที่ดินแปลง ข้างเคียงว่า PrinceMahit ซึ่งหมายถึงพื้นที่วงกลมหมื่นมหิศรราชฤทัย ด้านเหนือใกล้ถนนดวง เดือนนอก (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นถนนราชวิถี) ด้านตะวันออกติดถนนสามเสน บริเวณรอบเป็นพื้นที่ ชุมชนที่มีการจัดสรรแบ่งเขตพื้นที่เป็นแบบสมมาตร จากการตัดถนนในช่วงสร้างพระราชวังดุสิต ภาพซ้าย : แผ่นที่ พ.ศ. 2466 แสดงพื้นที่บริเวณกรุงเทพมหานคร ในกรอบสีแดงแสดงพื้นที่โครงการ และบริเวณใกล้เคียง ภาพขวา : ภาพขยายแผนที่ พ.ศ. 2446 แสดงต าแหน่งพื้นที่โครงการฯ (กรอบสีแดง) พื้นที่วังกรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย (กรอบสีเหลือง) (ที่มา : กรมแผนที่ทหาร) ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว บริเวณนี้เป็นย่านที่มีการคมนาคมที่ สะดวก ทั้งทางเรือ ทางถนนสามเสน และยังมีรถรางสายสามเสน มีวังและบ้านตั้งอยู่มาก แต่ยังไม่ พบว่าหลักฐานที่ดินบริเวณพื้นที่โครงการก่อน พ.ศ. 2448 มีใครเป็นเจ้าของ หรือมีการใช้ประโยชน์ อย่างไรบ้าง นอกจากนี้บริเวณพื้นที่ใกล้เคียงโดยรอบยังเป็นพื้นที่ตั้งของวังและต าหนักของเชื้อพระวงศ์ บ้านของขุนนางผู้ใหญ่ รวมถึงข้าราชการชั้นสูงจ านวนหนึ่งอีกด้วย เช่น วงกรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย ต าหนักพระองค์เจ้าอาทรทิพนิภา (ต าหนักทิพย์) เป็นต้น
-3 - -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --- ข้อมูลอ้างอิงจากรายงานฉบับสมบูรณ์ งานศึกษาด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี โครงการอนุรักษ์อาคารวชิรานุสรณ์ (ตึกเหลือง) บริษัท กุฎาคาร จ ากัด แผนผังบริเวณโดยรอบโรงเรียนพยาบาลได้จาก ม.ร.ว.เหมือนหมาย จรูญโรจน์ (ที่มา : reurnthai.com) 2. สมัยแรกสร้างบ้านหิมพานต์และป๊ากสามเสน (พ.ศ.2449- 2455) บริเวณพื้นที่โครงสร้างฯ มีการกล่าวถึงเป็นครั้งแรกในราว พ.ศ. 2448 ว่าเป็นที่ตั้งของบ้าน พระสรรพการหิรัญกิจ (เชย อิศรภักดี) ซึ่งได้เริ่มก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2448 ปรากฏภาพ แผนผังบ้านในแผน ที่ พ.ศ. 2450 (ร.ศ.126) มีรูปลักษณะพื้นที่แปลงเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า อันมีอาณาเขต ดังนี้ ทิศตะวันออก จรด ถนนสามเสน ทิศใต้ จรด ถนนสังคโลก ด้านทิศใต้ของถนนสังคโลกมีคลองที่ เชื่อมออกไปยังแม่น ้าเจ้าพระยาชื่อ คลองอั้งโล่ ทิศตะวันตก ติดกับ พื้นที่เจ้าของรายอื่น ถัดออกไปเป็นถนนขาว ด้านทิศเหนือ ติดกับ ตึกแถว ถัดไปเป็นถนนสุโขทัย พื้นที่โดยรอบบ้านพระสรรพการหิรัญกิจ เป็นพื้นที่ย่านสามเสนซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของพระ นครซึ่งเป็นศูนย์กลางความเจริญในเวลานั้น แต่ด้วยความขยายตัวของเขตเมืองในช่วงรัชการที่ 3 - 5 โดยเฉพาะการสร้างพระราชวังดุสิตในสมัยรัชการที่ 5 ท าให้เหล่าข้าราชบริพารส่วนหนึ่งตามออกมาตั้ง บ้านเรือนในด้าน ทิศเหนือใกล้พระราชวังดุสิต บ้านพระสรรพการหิรัญกิจ อาจเป็นหนึ่งในนั้น หรืออาจมีพื้นเพเป็นคนย่านนี้อยู่แต่เดิมยังไม่พบหลักฐานในช่วงนี้ ใกล้กับพื้นที่โครงการฯ เป็นชุมชนชาว สยาม ชาวเขมร ชาวญวน และชาวจีนที่ตั้งรกรากมาตั้งแต่ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ส่วนพื้นที่บ้านพระสรรพ การหิรัญกิจยังไม่พบหลักฐานว่าแต่เดิม ใครเป็นเจ้าของที่ดิน มาพบหลักฐานว่ามีการก่อสร้างบ้าน แล้ว ทั้งนี้ พื้นที่ติดกับบ้านพระสรรพการจะเป็นพื้นที่ที่เป็นวัง โดยมีวังที่เก่าที่สุดคือ วังของพระเจ้า น้องยาเธอ กรมหมื่นมหิศรราชฤทัย เสนาบดีกระทวงพระคลังมหาสมบัติ ซึ่งพระสรรพการเองเคยรับ ราชการ ในกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ขึ้นต่อกรมหมื่นมหิศรราชฤทัย ก่อนลาออกมาเป็นผู้จัดการฝ่ายไทย ของ แบงก์สยามกัมมาจล นอกจากนี้ ยังมีวังของกรมหมื่นทิวากรวงษ์ประวัติ ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น ้า เจ้าพระยา ส่วนบ้านสรรพการอยู่ลึกเข้ามาในแผ่นดิน ตัวขอบเขตของบ้านจะไม่ติดกับแม่น ้า แต่มีคลอง เล็ก ๆ ชื่อคลองอั้งโล่เชื่อมต่อตัวบ้านกับแม่น ้าเจ้าพระยา บ้านพระสรรพการหิรัญกิจหรือบ้านหิมพานต์ ไม่ปรากฏหลังฐานการก่อสร้าง เช่น แบบแปลน หรือรายการสิ่งของส าหรับการก่อสร้างและตกแต่ง เนื่องจากเป็นของเอกชน จึงไม่มีบันทึกทางการ
-4 - -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --- ข้อมูลอ้างอิงจากรายงานฉบับสมบูรณ์ งานศึกษาด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี โครงการอนุรักษ์อาคารวชิรานุสรณ์ (ตึกเหลือง) บริษัท กุฎาคาร จ ากัด กล่าวถึงดังเช่นวังของเจ้านาย การบันทึกคงเป็นเพียงเจ้าของบ้านจัดท าแต่ไม่สามารถค้นหาข้อมูลเหล่านี้ ได้ พบหลักฐานเป็นแผนผังที่ปรากฏในแผนที่กรุงเทพฯ ซึ่งแผนที่ฉบับแรกที่ปรากฏบ้านพระสรรพการ คือ แผนที่บริเวณกรุงเทพ ร.ศ. 162 (พ.ศ. 2450) สามารถศึกษาจากแผนที่พบว่ามีแผนผังที่ดินเป็นรูป สี่เหลี่ยมผืนผ้าวางตามยาวตามแนวทิศตะวันออก-ตะวันตก มีการขุดคูบ้านรอบเขตพื้นที่บริเวณภายใน โดยผันน ้าจากแม่น ้าเจ้าพระยาผ่านคลองอั้งโล่ มีรั้วรอบเป็นรั้วก่ออิฐถือปูน ด้านหน้าของบ้านหันออกสู่ ถนนสามเสน มีทางเข้าหลักสองทาง เพื่อเข้าสู่ตัวอาคารหลักทั้งสองหลังของบ้าน พื้นที่ส่วนหน้าบ้านเป็น ส่วนของตัวอาคารหลักสองหลัง และสนามหน้าบ้าน กินพื้นที่ประมาณ 1 ใน 3 ของพื้นที่ ส่วนด้านหลัง เป็นพื้นที่ของเขาดิน กินพื้นที่ 2 ใน 3 ของพื้นที่ ด้านหน้าของบ้านซึ่งติดกับถนนสามเสนมีรถรางผ่าน นับเป็นที่ดินที่ใกล้เมืองและสามารถเดินทางได้สะดวกสบายทั้งทางเรือ ทางรถ และทางรถราง พื้นที่ด้าน ทิศตะวันออกถัดจากถนนสามเสนไปยังมีสภาพ เป็นเรือกสวน แผนที่บริเวณกรุงเทพ ร.ศ.126 (พ.ศ.2450) แสดงพื้นที่ย่านสามเสน และต าแหน่งบ้านหิมพานต์และป๊ ากสามเสน (กรอบสีแดง) (ที่มา : ส านักผังเมือง กรุงเทพมานคร, หนึ่งศตวรรษ กรุงเทพมหานคร (กรุงเทพฯ : ส านักผังเมือง กรุงเทพมหานคร), 2550)
-5 - -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --- ข้อมูลอ้างอิงจากรายงานฉบับสมบูรณ์ งานศึกษาด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี โครงการอนุรักษ์อาคารวชิรานุสรณ์ (ตึกเหลือง) บริษัท กุฎาคาร จ ากัด ภาพซ้าย : แผนที่บริเวณกรุงเทพ ร.ศ.126 (พ.ศ. 2450) แสดงพื้นที่บ้านหิมพานต์ และป๊ ากสามเสน (ที่มา : ส านักผังเมือง กรุงเทพมหานคร, หนึ่งศตวรรษ กรุงเทพมหานคร, 2550) ภาพขวา : ภาพขณะก่อสร้างบ้านหิมพานต์ (พ.ศ. 2448 – 2451) (ที่มา : หอจดหมายเหตุแห่งชาติ) หลักฐานอีกย่างหนึ่งของบ้านพระสรรพการหิรัญกิจ คือ ภาพถ่ายบ้านก าลังก่อสร้าง ซึ่งพบ จาก หอจดหมายเหตุแห่งชาติแสดงให้เห็นภาพตึกใหญ่หรือตึกพระสรรพการขณะก าลังก่อสร้าง ยัง ไม่มีการสร้างหลังคา ถ่ายจากด้านหน้าบ้าน โดยบริเวณหน้าบ้านมีการปลูกต้นไม้ไว้บางส่วน บ้านพระ สรรพการได้มีหลักฐานปรากฏอีกครั้งในหนังสือ Twentieth Century Impressions of Siam ได้กล่าวถึง ขุนนางสยามผู้หนึ่ง ซึ่งมีความส าคัญมากคือ พระสรรพการหิรัญกิจ เป็นบุตรคนที่สามของพระยา พรหมพิบาล ซึ่งเป็นขุนนางเก่าแก่ที่มีอ านาจมาก มีภรรยาชื่อคุณทรัพย์ พระสรรพการมีบ้านที่ใหญ่โต สวยงามที่สุดในพระนคร เป็นรองเพียง พระบรมมหาราชวัง นอกจากข้อความข้างต้น ในหนังสือยังปรากฏบ้านของพระสรรพการ มีอาคารหลักจ านวน 2 หลัง อาคารหลักทั้งสองหลังขอเรียกว่า ตึกพระสรรพการหิรัญกิจ และตึกคุณทรัพย์ตามชื่อของเจ้าของ บ้านและภรรยา ตึกทั้งสองเป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ศิลปะตะวันตก ผังอาคารรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หันด้าน ยาวออกสู่ด้านหน้า ตึกคุณทรัพย์ตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของตึกพระสรรพการฯ เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมของ ตึกพระสรรพการฯ เป็นแบบ Neo classic ที่มีการผสมผสานองค์ประกอบตกแต่งจากสถาปัตยกรรมแบบ Gothic และศิลปะแบบ Art Nouveau ซึ่งงานออกแบบในลักษณะนี้เป็นความถนัดพิเศษของกลุ่มช่างอิตา เลียนที่เข้ามาท างานในสยามเวลานั้น ภาพบน : แผนที่บริเวณกรุงเทพ ร.ศ.126 (พ.ศ.2450) แสดงแผนผังอาคารบ้านหิมพานต์ ภาพซ้ายล่าง : ภาพตึกคุณทรัพย์, ภาพขวาล่าง : ภาพตึกพระสรรการหิรัญกิจ (ที่มา : Wright, Arnold, Twentieth Century Impressions of Siam ZBangkok : White LotsX, 1994, page 256.) ส่วนรูปแบบสถาปัตยกรรมของตึกคุณทรัพย์ ถึงแม้ตัวอาคารจะมีขนาดเล็กกว่าตึกพระสรรพ การฯ แต่มีความหรูหราและอ่อนช้อยงดงามสมกับเป็นที่พักของสตรีผู้สูงศักดิ์ การวางผังอาคารด้านหน้า เป็นรูปแบบสมมาตร แต่ปรับเปลี่ยนผังของมุขด้านทิศใต้ให้เป็นรูปหักมุมเหลี่ยมเพื่อสร้างความแตกต่าง
-6 - -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --- ข้อมูลอ้างอิงจากรายงานฉบับสมบูรณ์ งานศึกษาด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี โครงการอนุรักษ์อาคารวชิรานุสรณ์ (ตึกเหลือง) บริษัท กุฎาคาร จ ากัด และลดความเป็นทางการจากฝั่งมุขทิศเหนือที่มีผังเป็นรูปสี่เหลี่ยม ในขณะที่ทางเข้าอาคารตรงกึ่งกลาง ตึกเป็นเพียงมุขระเบียงชั้นสองที่ยื่นออกมาเพื่อคุมอัฒจันทร์ทางขึ้นตึกเท่านั้น มิได้ออกแบบให้เป็นมุข เทียบรถยนต์อย่างตึกใหญ่ของ พระสรรพการฯ ทั้งนี้เพื่อให้ดูมีฐานานุศักดิ์ที่ลดลงเมื่อมอง เปรียบเทียบกัน ทางด้านหลังของตึกออกแบบให้มีหอคอยสูง 3 ชั้น หลังคายอดโดมสี่เหลี่ยม (ไม่ปรากฏ หลักฐานหรือรูปแบบการใช้งาน) แต่เมื่อมองจากทางด้านหน้าตึกที่เป็นมุมมองหลัก จะสังเกตเห็นยอด โดมเพียงเล็กน้อย อาจเพียงเพื่อให้เกิดลักษณะพิเศษทางสถาปัตยกรรมและตั้งใจมิให้เด่นกว่าตึก 3 ชั้น ของพระสรรพการฯ เมื่อมองเปรียบเทียบกัน การสร้างบ้านหิมพานต์นี้กินระยะเวลาระหว่าง พ.ศ. 2448 - 2451 ซึ่งในการขึ้นตึกใหม่ พระสรรพ การหิรัญกิจและทรัพย์ภรรยาได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ได้เสด็จ พระราชด าเนินไปประทับยังบ้านพระสรรพการหิรัญกิจ เมื่อวันเสาร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2451 ทรงพระราชทานน ้าสังข์และพระราชทานพรแก่พระสรรพการหิรัญกิจและทรัพย์พระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เสด็จพระราชด าเนินทอดพระเนตรในบ้าน และห้องต่าง ๆ แล้วเสด็จพระราชด าเนิน ไปประทับ บนกระโจมบนเขาดินหลังบ้านประทับเสวยน ้าชาแล้วจึงเสด็จกลับ งานขึ้นตึกใหม่มีในวันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2451 เวลายามหนึ่ง พระสรรพการหิรัญกิจ ได้อัญเชิญพระบรมโอรสธิราชมกุฎราชกุมาร (พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว) และพระบรม วงศานุวงศ์เสด็จมาในงาน และขุนนางชั้นผู้ใหญ่มาหลายท่าน นอกเหนือจากตัวบ้านหิมพานต์ซึ่งใช้เป็นบ้านพักของพระสรรพการหิรัญกิจแล้ว บริเวณ ด้านหลังของบ้าน ยังได้สร้างเขาดินขนาดใหญ่ และเรียกว่า ป๊ ากสามเสน สร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ พักผ่อนหย่อนใจ พบประสังสรรค์ของชาวพระนคร ในการเปิดป๊ ากสามเสนนี้ สมเด็จกรมพระยา ด ารงราชานุภาพ ได้เสด็จมาเป็นประทานในพิธี เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2451 โดยป๊ ากสามเสนนี้มี การเก็บค่าเข้าชมเป็นรายครั้งและ รายปี มีการประชาสัมพันธ์ป๊ ากสามเสนนี้ในหนังสือพิมพ์ไทย ในช่วง พ.ศ. 2451 จากข่าวที่ลงเรื่องบ้านหิมพานต์นี้ท าให้ทราบรายละเอียดเกี่ยวกับตัวบ้านคือ ที่ดินในป๊ ากหรือ บ้าน หิมพานต์มีขนาด 16,000 ตารางวา มีก าแพงล้อมรอบทั้งสี่ด้านมีประตูทางเข้าทางถนนสามเสน 2 ประตู มีประตูทางแม่น ้าเจ้าพระยา 1 ประตู เรียกว่า ประตูนาค ภายในก าแพงมีคลองกว้าง 4 วา ลึก 6 ศอก ล้อมรอบ กลางป๊ ากมีตึก 2 หลังท าอย่างประเพณีงดงาม ภายในมีก าแพงอีกชั้นหนึ่ง ภายนอกหรือตอนหน้าตึก มีโรงละครใหญ่ 1 โรง กระโจมแตร 1 กระโจม มีกรงเลี้ยงสัตว์ต่างๆ มีสระว่ายน ้าและสนามหญ้า มีเขาก่อด้วยหินขนานใหญ่ มีถ ้าส าหรับเข้าไปเที่ยวภายในได้ เข้าถ ้ามีน ้า กระโจนออกซ่า ๆ เมื่อต้องการดู และมีสระหน้าเขาประดับประดาด้วยเครื่องทะเล ภายในถ ้ามีทางขึ้น ยอดเขาได้ และมีพระพุทธรูปไว้ส าหรับบูชาหรือนมัสการในถ ้า มีเขาก่อด้วยหินเป็นเนินเขา มีกระโจมตั้ง กระถางต้นไม้ลายคราม และมีต้นไม้ดอกไม้ ต้นไม้ใบปลูกตามริมคลองและข้างถนนต่างๆ กับมีสระน ้าพุ หน้าตึกใหญ่ ภายในหลังบ้านมีเขาดิน ถนนบนเขาท าด้วยปูนซีเมนต์ ภายในอุโมงค์กว้างขวางและมี ทางออกจากอุโมงค์ลงสระน ้าขนาดใหญ่ได้ บนเขามีที่พักท าด้วยศิลาและปลูกแต่ไม้หอมมีกระโจมบน
-7 - -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --- ข้อมูลอ้างอิงจากรายงานฉบับสมบูรณ์ งานศึกษาด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี โครงการอนุรักษ์อาคารวชิรานุสรณ์ (ตึกเหลือง) บริษัท กุฎาคาร จ ากัด ยอดเขา และมีที่พักหลายแห่ง เป็นกระโจมบ้าง เป็นเรือนบ้าง มีเครื่องดื่มต่าง ๆ มีโรงกาแฟ และหมาก พลูบุหรี่พร้อม มีเก้าอี้ส าหรับนั่งกลางสนาม มีเรือส าหรับพายในคลองและในสระ ภาพซ้าย : ก าแพงบ้านหิมพานต์ ภาพขวา : โรงละครภายในบ้านหิมพานต์ (ที่มา : Wright, Arnold, Twentieth Century Impressions of Siam, 256.) ในวันเปิดป๊ ากสามเสน พระสรรพการหิรัญกิจได้อันเชิญสมเด็จฯ กรมพระยาด ารงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยขณะนั้น เสด็จมาเปิดประตูบ้านหิมพานต์และป๊ ากสามเสนเป็นฤกษ์ ในวันที่ 1 พฤศจิกายน ร.ศ. 127 ป๊ ากสามเสน ใช้งบประมาณก่อสร้างประมาณ 800,000 บาท เปิดด าเนินการ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ร.ศ.127 เวลาท าการคือ ระหว่าง 7.00 น. - 24.00 น. ค่าผ่านประตูคนละ 1 บาท รายปีมีแบบเหรียญทองปีละ 200 บาท และเหรียญเงินปีละ 100 บาท มีผู้ติดตามได้ครั้งละ 2 คน ส่วน โรงละครนั้น สร้างแบบยุโรปมีการเก็บค่าเข้าชมตามล าดับชั้น ตั้งแต่ 1 บาท ถึง 60 บาท มี การแสดงมหรสพ ได้แก่ งิ้ว หนังฉาย เพลงฉ่อย ลิเกทรงเครื่อง เครื่องสาย ละครพูด และน าหนังจาก ยุโรปเข้ามาฉาย ป๊ ากสามเสนด าเนินกิจการได้ถึงเมื่อไรยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด จากข่าวโฆษณาใน หนังสือพิมพ์ไทยมีเพียงช่วง ร.ศ.127 (พ.ศ. 2451) หลังจากนั้นยังไม่พบข้อมูลเกี่ยวกับป๊ ากสามเสน เพิ่มเติม ภาพซ้าย : ภาพห้องภายในบ้านหิมพานต์ (ที่มา : Wright, Arnold, Twentieth Century Impressions of Siam, (Bangkok : White Lotus, 1994), 256.) ภาพขวา : ภาพสมเด็จกรมด ารงราชานุภาพเสด็จเปิดป๊ ากสามเสน พื้นที่ภายในบ้านหิมพานต์และป๊ ากสามเสนปรากฏในหนังสือพิมพ์ไทย ฉบับวันที่ 17 ตุลาคม 2451 ลง ข่าวถึงบ้านหิมพานต์ไว้ว่า “ในป๊ ากหรือบ้านหิมพานต์ มีที่ดินประมาณ 16,000 ตารางหรือ 40 เส้นตารางเหลี่ยม มีก าแพง ล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน มีประตูทางเข้าทางถนนสามเสน 2 ประตู มีประตูทางแม่น ้าเจ้าพระยา 1 ประตู เรียกว่า
-8 - -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --- ข้อมูลอ้างอิงจากรายงานฉบับสมบูรณ์ งานศึกษาด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี โครงการอนุรักษ์อาคารวชิรานุสรณ์ (ตึกเหลือง) บริษัท กุฎาคาร จ ากัด ประตูนาค ภายในก าแพงมีคลองกว้าง 4 วา ลึก 6 ศอกล้อมรอบ กลางป๊ ากมีตึก 2 หลังท าอย่างประณีต งดงาม ภายในก าแพงมีกั้นอีกชั้นหนึ่ง คือ เป็นชั้นนอกชั้นใน ภายนอกหรือตอนหน้าตึก มีโรงละครใหญ่อย่างงาม 1 โรง มีกระโจมแตร 1 กระโจม มีกรงเลี้ยง สัตว์ต่าง ๆ มีสระว่ายน ้าและสนามหญ้า มีเขาก่อด้วยหินขนาดใหญ่ มีถ ้าส าหรับเข้าไปเที่ยวภายในได้ เข้า ถ ้า มีน ้ากระโจนออกซ่า ๆ เมื่อต้องการดู และมีสระหน้าเขาประดับประดาด้วยเครื่องทะเล ภายในถ ้า มีทางขึ้น ยอดเขาได้ และมีพระพุทธรูปไว้ส าหรับบูชาหรือนมัสการในถ ้า มีเขาก่อด้วยหินปลูกต้นไม้ ต่าง ๆ แล้วมีเขาหรือเนินเขาส าหรับลงน ้าได้ มีหินก่อเป็นเนินเขาเป็นหมู่ ๆ มีกระโจมถางต้นไม้ลายคราม และมีต้นไม้ดอกไม้ ต้นไม้ใบปลูกตามริมคลองและข้างถนนต่าง ๆ กับมีสระน ้าพุหน้าตึกใหญ่ ภายในหลังบ้านมีเขาดิน ถนนบนเขาท าด้วยปูนซีเมนต์ ภายในเขามีอุโมงค์กว้างขวางและมี ทางออกจากอุโมงค์ลงสระน ้าขนาดใหญ่ได้ บนเขามีที่พักท าด้วยศิลาและปลูกล้วนแต่ไม้หอมทั้งสิ้น มี กระโจมบนยอดเขา และมีที่พักหลายแห่ง เป็นกระโจมบ้าง เป็นเรือนบ้าง มีกระโจมแตร มีสระน ้าข้าง ๆ ก่อตัวศิลาเป็นหย่อม ๆ ส าหรับที่ดูน ้า มีเครื่องดื่มต่าง ๆ มีโรงกาแฟ และหมากพลูบุหรี่พร้อม มีเก้าอี้ ส าหรับนั ่งกลางสนาม มีเรือส าหรับพายในคลองและในสระด้วย มีท่าน ้าและสนามหญ้าใหญ่และเล็ก และ ชายป่าต่าง ๆ หลายแหล่งล้วนปลูกไม้ดอกใบทั้งสิ้น และอีกหลายอย่างเหลือที่จะพรรณนา สิ่งเหล่านี้ที่ท าได้แล้วยังจะท าต่อไปเพื่อความสุขส าราญของผู้ที่จะไปเที่ยวพักผ่อนร่างกาย อย่างเดียว และต่อไปจะมีเครื่องกลไกล และสิ่งต่าง ๆ ส าหรับดูในนั้นด้วย ซึ่งท าอยู่เป็นอันมาก ป๊ ากนี้จะเปิดให้ท่านทั้งหลายไปเที่ยวได้ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน รัตนโกสินทร์ 127 เป็นต้น ไป จะเปิดตั้งแต่เวลา 1 โมงเช้าจนถึงเวลา 2 ยามปิด เพราะฉะนั้น ท่านจะพาบุตรภรรยาหรือญาติมิตร สหายไปเที่ยวดูเที่ยวชมได้ตลอดไปในป๊ ากนั้น เมื่อได้เสียเงินค่าเข้าประตูคนละ 1 บาท แล้วป๊ ากนี้ได้ท า โดยทุนรอน เป็นอันมากและได้ท าอย่างประณีต ซึ่งได้จ่ายเงินสิ้นไปแล้วประมาณ 800,000 บาท หรือ 10,000 ชั ่งเศษ ความประสงค์ก็เพื่อจะให้ท่านทั้งหลาย ผู้ที่บ่นว่าไม่ทราบว่าจะไปเที่ยวไหน ได้ไป เที่ยวที่ป๊ ากนี้เท่านั้น เพื่อความสุขส าราญพักผ่อนการงานที่ได้ท ามา และเพื่อได้พบประสนทนากับ บรรดาเพื่อนฝูง ที่จะได้ไปพร้อมกันที่ป๊ ากนี้เสมอ ๆ ไป เจ้าของป๊ ากนี้จะมีความยินดี ถ้าผู้ที่ได้ไปเที่ยวแล้วมีความเห็นจะให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขอย่างใด ซึ่งจะท าให้ผู้ไปเที่ยวได้รับความสุขส าราญแล้ว ยินดีที่จะท าให้เปลี่ยนแปลงแก้ไข ตามความเห็นนั้นทุก ประการ และขอแนะน าว่าถ้าท่านไปเที่ยวแล้ว ควรจะไปตั้งแต่บ่าย 4 โมงล่วงแล้วเป็นต้นไป เพราะแดด ร่มเย็นสบาย หิมพานต์ป๊ ากสามเสน วันที่ 20 ตุลาคม รัตนโกสิทรศก 127 พระสรรการหิรัญกิจ” เหตุที่พระสรรพการสร้างบ้านและสวนกว้างใหญ่สวยงามให้ผู้คนเยี่ยมชมนั้นพระสรรพการได้ กล่าวในวันที่สมเด็จฯ กรมพระยาด ารงราชานุภาพ เสด็จฯ เปิดป๊ ากสามเสนมี ใจความว่า
-9 - -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --- ข้อมูลอ้างอิงจากรายงานฉบับสมบูรณ์ งานศึกษาด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี โครงการอนุรักษ์อาคารวชิรานุสรณ์ (ตึกเหลือง) บริษัท กุฎาคาร จ ากัด “…ในกรุงเทพมหานครเวลานี้ ข้าราชการพ่อค้าราษฎร ย่อมมีความเจริญขึ้นเป็นล าดับ และยวดยานพาหนะก็เจริญยิ่งขึ้น จะขาดอยู่ก็ที่เที่ยวส าหรับพักผ่อนการงานที่ได้ท ามาเหน็ดเหนื่อยประการ หนึ่ง อีกประการหนึ่ง กรุงเทพพระมหานครเวลานี้ ย่อมมีชนชาวต่างประเทศเข้ามาชมพระบรมโพธิ สมภารอยู่เนือง ๆ แต่สถานที่ส าหรับจะพักนั้น ถ้าเป็นคนที่มั ่งมีก็จะหาที่ไม่ค่อยได้เหมาะ โดยเหตุผลเหล่านี้ ข้าพระพุทธเจ้าจึงได้สร้างตึกขึ้นสองชั้นหลังท าอย่างประณีต และจัดท าสวน ปลูกต้นไม้และสนามขึ้น เพื่อให้ชนทั้งหลายมาเที่ยวหรือมาพักอาศัยอยู่ที่ตึกได้ เมื่อได้เสียเงินตามสมควร เพื่อให้เป็นชื่อเสียงส าหรับต่างชาติว่า ในกรุงเทพพระมหานคร มีสวนและตึกส าหรับพักอย่างดีจะได้รับใส่ เกล้าเปิดให้มหาชนมาเที่ยวได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป...” ส าหรับที่มาของค าว่าบ้านหิมพานต์ คาดว่าจะมาจากสวนขนาดใหญ่ ที่มีต้นไม้นานาพรรณ และภูเขา บ่อน ้าจ าลองต่างๆ มากมายแปลกตา ราวกับป่าหิมพานต์หนังสือพิมพ์ได้เขียนถึงว่า “…ใครเคยฟังเทศน์มหาพนที่พรรณาถึงป่ าและเขา ก็เป็นแต่ค ากล่าวไว้ในใบลาน ไม่ได้เห็น ของจริงด้วยในตาถ้าใครได้ไปดูในบ้านหิมพานต์ป๊ ากสามเสนแล้ว นั้นและจะได้เห็นของจริงด้วยในตาเอง ...ใครไม่ไป ก็เท่ากับขาดความเห็นของแปลกในกรุงเทพฯ ไปอย่างหนึ่ง...” ส่วนโรงหนังหรือโรงละครนั้น สร้างแบบยุโรป และมีการจัดที่นั่งตามแบบตะวันตก คือ บ๊อก พิเศษหรือรอแยลบ็อก บ๊อกธรรมดา บ๊อกไปรเวต สตอลนั่งหน้าฉาก และที่นางชั้นที่ 3 ราคาตั๋วต่างกันไป ตั้งแต่ 1 บาท ถึง 60 บาท มีการแสดงมหรสพ ได้แก่ งิ้ว หนังฉาย ลิเกทรงเครื่อง เครื่องสาย ละคร พูด และยังมีการน าหนังจากยุโรปเข้ามาฉายอีกด้วย เป็นที่น่าเสียดายว่า ภายหลังจากบ้านหิมพานต์สร้างเสร็จและเปิดใช้งานได้เพียง 2 - 3 ปี ป๊ ากสามเสนก็ได้ปิดตัวลงเนื่องจากเกิดเหตุที่พระสรรพการหรัญกิจซึ่งเป็นผู้จัดการแบงก์สยามกัมมาจล ลาออก หลังปัญหาด าเนินกิจการแบบแบงก์ผิดพลาดเสียหาย รวมถึงการประกาศในราชกิจจา นุเบกษา ให้มีการโอนที่ดินบ้านหิมพานต์เป็นกรรมสิทธิ์ของแบงก์สยามกัมมาจลทุนจ ากัด ร่อยรอยหลักฐานเกี่ยวกับบ้านหิมพานต์ปรากฏขึ้นอีกครั้งเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเจ้าของบ้าน และที่ดินเมื่อ พ.ศ. 2454 พระสรรพการหิรัญกิจที่ขณะนั้นด ารงต าแหน่งผู้จัดการแบงก์สยามกัมมาจล ทุน จ ากัดฝ่ายไทย ด าเนินกิจการผิดพลาดท าให้ต้องลาออกจากต าแหน่งและถูกฟ้องล้มละลาย จนต้องถูก ถอดยศใน พ.ศ.2554 (ร.ศ.130) ท าให้บ้านหิมพานต์ป๊ ากสามเสนรวมถึงที่ดินได้ถูกโอนกรรมสิทธิ์เป็น ของแบงก์สยาม กัมมาจล ทุนจ ากัด สภาพพื้นที่โดยรอบ บ้านของพระสรรพการหิรัญกิจหรือบ้านหิมพานต์หรือป๊ ากสามเสน ในอดีตเป็นทุ่งนาเรียกว่า ทุ่งสามเสน อยู่ในพื้นที่อ าเภอดุสิตซึ่งเป็นอ าเภอชั้นในของมณฑลกรุงเทพฯ อ าเภอดุสิตเป็นอ าเภอที่มี ประชากรอยู่ไม่มากนักมีพื้นที่กว้าง มีถนนหลายสายตัดผ่านมีวังเจ้านายอยู่หลายพระองค์และบ้านของ ขุนนางหลายคนถนนสามเสนเป็นถนนที่ตัดขึ้นต่อจากถนนจักรพงษ์ในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยถนนสามเสน เป็นถนนที่เส้นทาง ทางบกเพื่อเดินทางขึ้นไปตอนเหนือของพระนครสายแรกและส้นทางเสด็จฯ ไป
-10 - -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --- ข้อมูลอ้างอิงจากรายงานฉบับสมบูรณ์ งานศึกษาด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี โครงการอนุรักษ์อาคารวชิรานุสรณ์ (ตึกเหลือง) บริษัท กุฎาคาร จ ากัด ยังพระราชวังสวนดุสิตก่อนการสร้างถนนราชด าเนินของรัชกาลที่ 5 นอกจากถนนแล้วบริเวณนี้ยังมี เส้นทางของรถรางด้วยคือ รถรางสายสามเสน วิ่งจากบางกระบือไปจรดกับถนนวิทยุ รถรางสายนี้ยังมี ทางแยกเข้าไปตลาดสามเสนซึ่งอยู่บริเวณแม่น ้าเจ้าพระยาตรงปากคลองสามเสน นอกจากบ้านของพระสรรพการหิรัญกิจที่ตั้งริมถนนสามเสนแล้ว รอบบ้านของพระสรรพการ หิรัญกิจยังเป็นที่ตั้งของขุนนางหลายคนวังของเจ้านายหลายพระองค์ ได้แก่ วังศุโขทัย วังพระเจ้าบรม วงศ์เธอ พระองค์เจ้าเกษมศรีศุภโยค กรมหมื่นทิวากรวงศ์ประวัติ วังพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าไช ยันมงคล กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย ต าหนักทิพย์ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทรทิพนิภา บ้านพระยาบุรุษรัตนราชพัลลพ บ้านพระยาประเสริฐศุภกิจ บ้านพระยามหิธร และยังมีสถานีต ารวจพระ นครบาลสามเสนตั้งอยู่บริเวณเชิงสะพานกิมเซงหลี (สะพานโสภณ) อีกด้วย ศาสนสถานส าคัญที่ตั้งอยู่บริเวณนี้ คือ วัดราชผาติการามและวัดปราสาทบุญญาวาส วัดราชผาติกา รามเป็นวัดร้างโบราณชื่อว่า วัดส้มเกลี้ยง ในสมัยรัชกาลที่ 3 พวกญวนเข้ารีตซึ่งเป็นทหารปืนใหญ่ใน สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศรรังสรรค์ (พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว) ตั้งอยู่ บริเวณนั้นเรียกว่า บ้านญวน ได้รื้ออิฐวัดส้มเกลี้ยงไปใช้ท าให้ไม่เหลือสภาพวัดเดิม รัชกาลที่ 3 จึง ปรับโทษให้สมเด็จพระเจ้า น้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศรรังสรรค์ สร้างวัดขึ้นใหม่เป็นการผาติกาม แล้วพระราชทานชื่อว่า วัดราชผาติการาม วัดราชผาติการามได้รับการปฏิสังขรณ์มาจนถึงสมัยรัชกาลที่ 5 วัดปราสาทบุญญาวาสตั้งอยู่ด้านหลังวังศุโขทัย บริเวณปากคลองสามเสน แต่เดิมมีชื่อว่า วัดคลองสาม เสนและวัดขวิด สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นใน พ.ศ. 2376 และเปลี่ยนชื่อเป็น วัดปราสาทบุญญาวาส ใน พ.ศ. 2487 ดังจะเห็นในปัจจุบัน ประวตัิพระยาสรรพการหิรญักิจ (เชย อิศรภคัดี) เชย อิศรภักดี เกิดเมื่อ พ.ศ. 2423 (ร.ศ.99) ตรงกับปีมะโรงเป็นบุตรคนที่ 3 จาก 5 ของ พระพรหมาภิบาล (แขก) และคุณหญิงเปลี่ยน พรหมาภิบาล พระพรหมาภิบาลบิดาของ เชย สรรพการ เป็นสมุหราชองครักษ์หรือต ารวจหลวง ผู้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง พระพรหมาภิบาล (แขก) และคุณหญิงเปลี่ยน พรหมาภิบาล (ที่มา : ปฏิทินวันเกิดของผู้ที่อยู่ในสกุล “อิศรภักดี” และสกุลที่เกี่ยวข้อง)
-11 - -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --- ข้อมูลอ้างอิงจากรายงานฉบับสมบูรณ์ งานศึกษาด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี โครงการอนุรักษ์อาคารวชิรานุสรณ์ (ตึกเหลือง) บริษัท กุฎาคาร จ ากัด พระพรหมาภิบาล (แขก) และคุณหญิงเปลี่ยน พรมหมาภิบาล มีบุตร ธิดา จ านวน 5 คนได้แก่ 1. บุตรชาย ชื่อ เลื่อน หรือ จ่าแผลงฤทธิ์รอนราญ รับราชการในกรมต ารวจรักษาพระองค์ 2. บุตรชาย ชื่อ ช่วง หรือ หลวงประสารศุภพจน์ รับราชการในกระทรวงศึกษาธิการ 3. บุตรชาย ชื่อ เชย หรือ พระสรรพการหิรัญกิจรับราชการเป็นเลขานุการพระคลังมหาสมบัติ ต่อมาเป็น พระอรรถวสิษฐสุธี รับราชการในกรมอัยการ 4. บุตรหญิง ชื่อ จ าเริญ 5. บุตร ชื่อ เคลื่อน หรือ พระอิศรภักดีธรรมวิเทต รับราชการในกระทรวงยุติธรรม ครอบครัวอิศรภักดี (ที่มา : ปฏิทินวันเกิดของผู้ที่อยู่ในสกุล “อิศรภักดี” และสกุลที่เกี่ยวข้อง) พระสรรพการหิรัญกิจ, คุณทรัพย์ ยมาภัย, พระพรหมาภิบาล, พี่น้องของพระสรรการ (ที่มา : “Wright, Arnold, Twentieth Century Impressions of Siam, 256.) พระสรรพการหิรัญกิจได้สมรสกับทรัพย์ ยมาภัย ผู้เป็นธิดาของนายพลตรี พระยาอภัยรณ ฤทธิ์ (เวก ยมาภัย) ขุนนางผู้ใหญ่ในกรมพระต ารวจหลวงกับคุณนวลอภัยรณฤทธิ์ เนื่องจากคุณหญิง เปลี่ยน พรหมาภิบาล และคุณนวลอภัยรณฤทธิ์ มีความสนิทสนมกันตั้งแต่ครั้งเป็นเจ้าจอมหม่อมห้าม
-12 - -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --- ข้อมูลอ้างอิงจากรายงานฉบับสมบูรณ์ งานศึกษาด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี โครงการอนุรักษ์อาคารวชิรานุสรณ์ (ตึกเหลือง) บริษัท กุฎาคาร จ ากัด ในรัชกาลที่ 4 ด้วยกันจนจะสิ้นรัชกาล จึงต่างออกจากวังมาอยู่บ้านและต่างก็ได้สมรส และในเวลาต่อมา จึงได้ให้บุตร - ธิดาสมรสกัน ด้านประวัติการศึกษาของพระสรรพการหิรัญกิจนั้นไม่พบหลักฐานว่าท่านเรียนจบด้านใดจาก ที่ใด แต่ทราบว่าเมื่อท่านได้จบการศึกษาแล้วได้เข้ารับราชการเป็นเลขานุการพระคลังมหาสมบัติภายใต้ พระบัญชาของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าไชยยันมงคล กรมหมื่นมหิศรราชฤทัย พระอนุชาของราช กาลที่ 5 และเป็นผู้ทรงด ารงต าแหน่งเสนาบดีพระคลังมหาสมบัติ ต่อมาพระองค์ทรงด าริถึงการ ก่อตั้งธนาคารพาณิชย์แห่งแรกของกรุงสยาม จึงทรงริเริ่มการทดลองตั้งธนาคารขนาดเล็กขึ้นที่ตึกแถว ต าบลบ้านหม้อในนาม บุคคลัภย์ (Book Club) เมื่อ พ.ศ. 2447 ซึ่งเปิดด าเนินการเป็นลักษณะ ของกิจการห้องสมุดก่อน ทรงให้ พระสรรพการหิรัญกิจลาออกราชการเพื่อด ารงต าแหน่งผู้จัดการ ซึ่งมีการรวบรวมผู้ลงเงินทุนจากที่ต่าง ๆ โดยพระองค์เจ้าไชยันมงคล กรมหมื่นมหิศรราชฤทัย ทรงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 1 พระสรรพการหิรัญกิจเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่ 2 และยังมีผู้ถือหุ้นอีก จ านวนหนึ่ง เช่น พระคลังข้างที่ ธนาคารต่างชาติ บรรดาเศรษฐีชาวสยาม พ่อค้าชาวจีนและฝรั่ง เป็นต้น บุคคลัภย์ด าเนินกิจการเป็นธนาคารพาณิชย์ โดยเริ่มด้วยการรับฝากเงินจากประชาชนทั่วไป และขยายขอบเขตของธุรกิจให้กว้างขวาง เพิ่มธุรกิจต่างๆ จนธนาคารได้รับความนิยมและประสบ ความส าเร็จด้วยความรู้ความสามารถด้านการเงินและการบริหารจัดการของท่าน จนกระทั่ง พ.ศ.2449 บุคคลัภย์ได้จัดตั้งเป็นบริษัทแบงก์สยามกัมมาจลทุนจ ากัด พระสรรพการหิรัญกิจยังคงด ารงต าแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายไทย โดยธนาคารตั้งอยู่ริมแม่น ้าเจ้าพระยาใกล้ตลาดน้อยที่เป็นย่านของคนจีน และฝรั่ง ซึ่งเป็นบริเวณที่ตั้งของธนาคารต่างประเทศในสยามสมัยนั้น ภาพซ้าย : กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย (ที่ 4 จากซ้าย), พระสรรการหิรัญกิจ (ที่ 6 จากซ้าย) ถ่ายภาพร่วมกับผู้เกี่ยวข้อง ที่บุคคลัภย์ บ้าน หม้อ ภาพขวา : พระสรรพการหิรัญกิจ (ตรงกลาง) ถ่ายภาพร่วมกับผู้เกี่ยวข้องทั้งชาวสยาม จีน และฝรั่ง ที่บริษัท แบงก์สยามกัมมาจล ทุนจ ากัด (ที่มา : ราชส านักสยาม) ในปี พ.ศ. 2448 พระสรรพการหิรญักิจเริ่มสร้างบ้านหิมพานต์ที่ดินใหญ่ริมถนนสาม เสน เป็ นตึกฝรั ่ง 2 หลัง คือ ตึกพระสรรพการฯ และตึกคุณทรัพย์ หรือที่เรียกในภายหลังว่า ตึกเหลืองและ ตึกชมพูพร้อมทั้งโรงหนัง สร้างแล้วเสร็จปี พ.ศ. 2451 จากบันทึกของบุตรพระ
-13 - -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --- ข้อมูลอ้างอิงจากรายงานฉบับสมบูรณ์ งานศึกษาด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี โครงการอนุรักษ์อาคารวชิรานุสรณ์ (ตึกเหลือง) บริษัท กุฎาคาร จ ากัด สรรพการหิรัญกิจคนหนึ่ง ชื่อ คุณวัฒนา อิศรภักดี เล่าในหนังสืองานศพว่าท่านมีรสนิยมสูงกว่าคน ทั่วไปในยุคนั้น เครื่องเรือน ข้าวของเครื่องใช้นั้นเป็นของนายที่เข้ามาจากยุโรปทั้งสิ้น เครื่องแก้ว เครื่อง ถ้วยจานยังประทับตราประจ าตัวของท่าน ซึ่งได้สั่งท ามาจากประเทศอังกฤษ ชุดรับประทานอาหารแบบ ฝรั่งก็เป็นเครื่องเงินอังกฤษ นอกจากนั้นท่านยังเป็นนักสะสมของหลายสิ่งตามแบบสังคมชั้นสูง ทั้ง หนังสือ พระพุทธรูป นกพิราบ พืชพรรณต่างๆ ไม้ดัด ที่ปลูกในบริเวณสวนของป๊ ากสามเสน ซึ่งได้เปิด เป็นสาธารณะที่นับว่าเป็นแห่งแรกของพระนคร นอกจากนั้นยังมีของที่พิเศษในป๊ ากสามเสน อย่างดอกหัววัวที่สรรพการน าเข้าจาก ต่างประเทศ มาขยายพันธุ์ด้วยตนเอง เพื่อจัดในสวนและจ าหน่าย ซึ่งในป๊ ากมีการขายอาหารและ สินค้าต่างๆ เช่น ท๊อฟฟี่เต่าทองสูตรชาววังเป็นสินค้าอีกด้วย จานที่ประทับตราประจ าตัวของพระสรรการหิรัญกิจ ด้านหลังจานมีตราที่ระบุว่าผลิตจากประเทศอังกฤษ (ที่มา : ถ่ายภาพจานที่บ้านคุณพีรพงศ์ อิศรภักดี) เหรียญหิมพานต์ที่จ าหน่ายส าหรับเป็นสมาชิกป๊ ากนั้นเรียกว่า เหรียญอนุญาตชมชวน 127 อีกด้านของเหรียญยังมีการออกแบบเป็นตราประจ าตัวของพระสรรพการหิรัญกิจอีกด้วยคือเป็นรูปโล่ตรง กลางมีตัวเลขจารึกว่า ร.ศ.99 ด้านข้างทั้ง 2 ฝั่งเป็นเทวดาถือพระขรรค์ ด้านบนโล่เป็นพญานาค 3 เศียร ด้านล่างเป็นแถบผ้า มีตัวเลข 1242 ทั้งหมดนี้เป็นสัญลักษณ์สื่อถึงปีเกิดของท่านซึ่งก็คือปีนักษัตร ปี มะโรง ร.ศ.99 และ จ.ศ.1242 นั่นเอง เหรียญอนุญาตชมสวน 127 และตราประจ าตัวพระสรรพการหิรัญกิจ (ที่มา : www.thaimedals.com) ตราประจ าตัวของ พระสรรพการนอกจากจะใช้ประทับบนข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ แล้วยังมี ปรากฏในอาคารในห้องวชิรานุสรณ์ บริเวณฝ้าเพดานชั้น 2 อีกด้วย โดยที่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลค้นพบ เมื่อท าการขูดสีที่ทาทับออก (ไม่ทราบปี) เป็นลวดลายสวยงาม ซึ่งนอกจากจะมีสัญลักษณ์พญานาคและ
-14 - -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --- ข้อมูลอ้างอิงจากรายงานฉบับสมบูรณ์ งานศึกษาด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี โครงการอนุรักษ์อาคารวชิรานุสรณ์ (ตึกเหลือง) บริษัท กุฎาคาร จ ากัด ตัวเลขสื่อถึงปีเกิด พระสรรพการแล้ว ยังมีรูปไก่ที่สื่อถึงปีระกา ซึ่งตรงกับ พ.ศ. 2541 อันเป็นปีที่ ก่อสร้างตึกเหลืองเสร็จนั่นเอง ภาพลายฝ้าเพดินภายในห้องวชิรานุสรณ์ (ที่มา : วชิรพยาบาล, 100 ปี พระราชทานก าเนิดวชิรพยาบาล...สู่มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช (กรุงเทพฯ : ม.ป.ท., 2555)) ส าหรับการสร้างโรงหนังในบริเวณบ้านนั้น สันนิษฐานที่มาที่ไปจากประวัตของคุณทรัพย์ ยมา ภัย ภรรยาของพระสรรพการหิรัญกิจ เนื่องจากคุณทรัพย์เคยได้เข้าถวายตัวตั้งแต่อายุยังน้อยไปฝึกหัด ละครหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้ฝึกหัดจนคล่องแคล่ว จนได้ออกแสดงเป็นละครหลวงตัวดีอยู่เสมอ ภายหลังคุณทรัพย์ได้กราบถวายบังคมลาออกมาจากวังเพื่อสมรส พระสรรพการหิรัญกิจจึงได้จัดให้มีโรง ละคอนเพื่อให้คุณทรัพย์ที่แสดงละครเช่นเดิม ดังนั้นต่อมาคุณทรัพย์จึงได้ออกโรงแสดงที่โรงละคอน ในป๊ ากสามเสน เป็นละคร ร าท านองละครดึกด าบรรพ์ จนได้ปีกว่าละครสามเสน ภาพโรงหนังในป๊ ากสามเสน (ที่มา : “Wright, Arnold, Twentieth Century Impressions of Siam, 256.) จากการสัมภาษณ์พีระพงษ์ หลานปู่ของพระสรรพการหิรัญกิจ คาดว่าตึกชมพูก็ถูกสร้างขึ้น เพื่อเป็นเกียรติแก่คุณทรัพย์ผู้ซึ่งเคยอยู่ในวังมาเป็นระยะเวลานาน พระสรรพการหิรัญกิจจึงต้องการให้ คุณทรัพย์ ได้อยู่อย่างหรูหรา สะดวกสบายไม่ต่างจากภาพถ่ายจะเห็นได้ว่าตึกชมพูนั้นได้มีการ ตกแต่งประดับประดา ด้วยรายละเอียดที่สวยงามวิจิตรเป็นอย่างมาก บ้านหิมพานต์หรือป๊ ากสามเสนเปิดเป็นสวนสาธารณะได้ไม่นานก็เป็นอันต้องถูกปิดตัวลง เนื่องจากพระสรรพการหิรัญกิจได้ด าเนินกิจการธนาคารเสียหายจนถูกฟ้องล้มละลายกระทั่งวันที่ 19 มิ.ย. พ.ศ. 2453 ได้มีประกาศพระบรมราชโองการ ถอดยศพระสรรพการหิรัญกิจ โดยบ้านและที่ดินก็ถูก
-15 - -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --- ข้อมูลอ้างอิงจากรายงานฉบับสมบูรณ์ งานศึกษาด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี โครงการอนุรักษ์อาคารวชิรานุสรณ์ (ตึกเหลือง) บริษัท กุฎาคาร จ ากัด ยึดตกเป็นทรัพย์สินของแบงก์สยามกัมมาจล แต่สาเหตุที่ท าให้เกิดเรื่องราวนั้นไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด บ้างก็ว่าพระสรรพการหิรัญกิจถ้ากิจการผิดพลาดจนธนาคารเสียหายแล้วลาออก บ้างก็ว่ากระท าการ สุจริต บ้างก็ว่ากู้เงินจากแบงก์ไปสร้างบ้านใหญ่โตตามาสามารถใช้เงินเดือนคือแบงก์ได้ จนต้องยกบ้าน และที่ดินให้เป็นการชดเชยหนี้สิน อย่างไรก็ดี คุณพีระพงษ์ อิศรภักดี เล่าว่า คุณปู่ของท่านเล่าถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นว่าได้เกิดผิด ใจบางอย่างกับผู้ถือหุ้นชาวจีนที่เป็นคนคุมบ่อน ออกหวยในเยาวราช ท าให้คนจีนจ านวนมากพร้อมใจกัน ถอนหุ้นและถอนเงินฝากจากธนาคาร เป็นผลให้กิจการธนาคารมีปัญหา ในฐานะผู้จัดการแบงก์ ท่านจึง ถูกยึดทรัพย์และล้มละลายในที่สุด หลังจากพ้นราชการถูกถอดยศและยึดทรัพย์ นายเชยได้ย้ายไปอยู่ที่บ้านสามเสนซอย 11 และ ได้ไปเรียนกฎหมาย สอบไล่ได้ภายใน 1 ปี จนได้เป็นอัยการหรือทนายหลวง เข้ารับราชการกรมอัยการ และได้รับพระราชทินนามเป็น อ ามาตย์โท พระอรรถวสิษฐสุธี ในเวลาต่อมานายเชยได้เข้าขอพระราชทานนามสกุลจากรัชกาลที่ 6 ซึ่งได้นามสกุล พระราชทานว่า “อิศรภักดี” โดยมีประกาศ ในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 2 พ.ค.2458 เป็นผลให้ลูกหลาน นายเชย อิศรภักดี ได้ใช้นามสกุลอิศรภักดีกันโดยถ้วนหน้า รวมถึงครอบครัวซึ่งก็บิดา มารดาพี่น้องและ ลูกหลานของพี่น้อง ของท่านด้วย ในปี พ.ศ.2514 คุณน้อม อิศรภักดี ผู้เป็นหลานของอาเชย อิศรภักดี ได้จัดการรวบรวมประวัติ ตระกูลเพื่อท าหนังสือปฏิทินวันเกิดของผู้อยู่ในสกุลอิศรภักดี จากปฏิทินวัดเกิดดังกล่าว พบว่าเชยอิศร ภักดี มีบุตรธิดาประมาณ 20 คนด้วยกัน นอกจากนี้ในการสัมภาษณ์คุณพีระพงษ์ อิศรภักดี ท าให้ ทราบว่าปู่ของท่านมีลูกจ านวนมากจากภรรยาหลายคนที่ทราบชื่อ ได้แก่ คุณทรัพย์ นางช้อย จ าเริญ เป็น ต้น คุณพีระพงษ์ อิศรภักดี ยังเล่าถึงเกร็ดที่น่าสนใจเป็ นอย่างมากว่า ปู่ ของท่านเคยขอ พระราชทานนามสกุล อิสระบุรุษ จากราชกาลที่ 6 แต่พระองค์ได้พระราชทานนามสกุลอิศรภักดีให้แทน ซึ่งมีความหมายว่า การภักดีต่อผู้เป็นใหญ่ สื่อถึงว่านายเชย เป็นผู้ที่จงรักภักดีต่อผู้เป็นใหญ่ซึ่งก็คือ พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 6 นั่นเอง นอกจากนี้ยังทรงเคยให้พระอรรถวสิษฐสุธีไปเข้าเฝ้า และทรงตรัส ท่ามกลางหมู่ข้าราชบริพารว่า “ไอ้เชยมันไม่ได้โกงใคร” ซึ่งนับว่าเชย อิศรภักดีได้รับศักดิ์ศรีของ ท่านคืนแล้ว เพียงแต่ว่าไม่ได้มีการ ป่าวประกาศต่อสาธารณชนเท่านั้น หลังจากได้เข้ารับราชการอีกครั้ง พระอรรถวสิษฐสุธีได้เขียนหนังสือต่างๆ ไว้มากมาย ช่วง ระหว่างปี พ.ศ.2463 ถึง พ.ศ.2468 เช่น หนังสือ “อักขระสมัย และพระบรมราชาธิบาย พ.ศ.2463 เล่ม 1” คอลัมน์ในนิตยสารรายเดือน “ศัพท์ไทย” หนังสือท านายฝัน “ค าท านายฝัน ประมวลตามความเชื่อ ตาม คติชาวบ้าน” หนังสือกฎหมาย “ธรรมศาสตร์วินิจฉัย” เป็นต้น พระอรรถวสิษฐสุธีรับราชการจนเกษียณอายุ และยังประกอบอาชีพเป็นทนายความต่อที่บ้าน อิศรภักดี สามเสน ในช่วงบั้นปลายชีวิต ท่านด ารงชีวิตอยู่อย่างสมถะ รักสันโดษ ไม่ได้หรูหราอย่างเมื่อ สมัย อยู่บ้านหิมพานต์ ไม่ชอบนั่งรถยนต์ ไม่ดูละครภาพยนตร์ ลูกของท่านได้บันทึกถึงค ากล่าวของ ท่านไว้ว่า เห็นสิ่งสวย ๆ แล้วจะเกิดความทะเยอทะยานอยากได้อีก ลูกท่านยังทิ้งท้ายไว้ว่า “ท่านคงตระหนักแก่ตนแล้วว่าความทะเยอทะยานอาจน ามาซึ่งความทุกข์”
-16 - -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --- ข้อมูลอ้างอิงจากรายงานฉบับสมบูรณ์ งานศึกษาด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี โครงการอนุรักษ์อาคารวชิรานุสรณ์ (ตึกเหลือง) บริษัท กุฎาคาร จ ากัด จากประวัติตลอดช่วงเวลาชีวิตของท่าน สามารถกล่าวไว้ว่านายเชย อิศรภักดี หรือพระสรรพ การหิรัญกิจ หรือ พระอรรถวสิษฐสุธี นั้นเป็นผู้มีความรู้ความสาม ารถรอบด้าน ท่านมีความรู้ ความสามารถทางด้านบริหารจัดการการเงินเป็นอย่างดีถึงขั้นเป็นผู้จัดการธนาคารสมัยจัดตั้งได้เป็นคน แรก มีความเชี่ยวชาญด้านทักษะภาษาเป็นอย่างยิ่ง ทั้งต้องเจรจาติดต่อสื่อสารภาษาอังกฤษกับ ชาวต่างชาติในกิจการแบงก์ และการเป็นอัยการและทนายความที่ต้องอาศัยการพูดการเจราจาที่ น่าเชื่อถือ และการเขียนหนังสือที่ท่านเขียน อีกทั้งยังเป็นผู้มีความพยายามใฝ่รู้ใฝ่เรียนจากการศึกษา ด้านกฎหมายด้วยตนเองอีกด้วย พระอรรถวสิษฐสุธีถึงแก่กรรมลงในวัย 73 ปี ในปี พ.ศ. 2496 แต่ลูกหลานยังไม่ได้มีความ พร้อมที่จัดงานศพให้ จนเวลาล่วงเลยมาเกือบ 20 ปี ถึงได้มีการจัดงานพระราชทานเพลิงศพและ ฌาปนกิจศพ “พระอรรถวสิษฐสุธี” (เชย อิศรภักดี) และนางช้อย อรรถวสิษฐสุธี อิศรภักดี” ณ วัด เทพศิรินทราวาส พระนคร ในวันที่ 9 ก.พ. 2513 3. สมยัตงั้วชิรพยาบาล (พ.ศ. 2455- 2497) เพื่อบ้านหิมพานต์ไม่ได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของแบงก์สยามกัมมาจล ทุนจ ากัด เมื่อ พ.ศ. 2454 แล้วในปีนั้นเองพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อซื้อที่ดินและ สิ่งปลูกสร้างบริเวณบ้านพระสรรพการหิรัญกิจจากแบงก์สยามกัมมาจลทุนจ ากัด เพื่อจัดตั้งเป็น สถานพยาบาล โดยทรงมอบให้เป็นสาธารณะประโยชน์ในความดูแลของกรมสุขาภิบาล กระทรวง นครบาล การซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนี้ใช้จ านวนเงิน 240,000 บาท ซื้อที่ดินโฉนดเลขที่ 145/3354/อ เลขที่ 19 (เดิมคือ บ้านเลขที่ 677 ถนนสามเสน อ าเภอดุสิต เคยเป็นกรรมสิทธิ์ของพระสรรพการหิรัญ กิจ) (เชย อิศรภักดี) ได้ที่ดิน 27 ไร่ มีสิ่งปลูกสร้างที่ประกอบด้วยตึก 2 หลัง เรือนไม้ 1 หลัง และกระโจม 1 หลัง ทรงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) เสนาบดีกระทรวงนครบาลเป็นผู้ปรับปรุง เปลี่ยนแปลงพื้นที่และอาคารเพื่อให้เหมาะสมกับการเป็นสถานพยาบาล ได้ทรงออกค่าปรับปรุงซ่อมแซม สถานที่ จัดหาเครื่องมือเครื่องใช้ทางการแพทย์และการพยาบาล ตลอดจนอุปกรณ์อื่นๆสิ้นพระราชทรัพย์ 37,576 บาท จึงส าเร็จพร้อมเปิดเป็นสถานพยาบาลได้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จ พระราชด าเนินเปิด วชิรพยาบาลเมื่อ วันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2455 โดยวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2555 ได้มีการประกาศราชากิจจานุเบกษา ยกโรงพยาบาลให้ประชาชนเป็นพระราชกุศล พระอรรถวสิษฐสุธีครั้งเป็นอัยการ (ที่มา : ปฏิทินวันเกิดของผู้ที่อยู่ในสกุล “อิศรภักดี” และสกุลที่เกี่ยวเนื่อง)
-17 - -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --- ข้อมูลอ้างอิงจากรายงานฉบับสมบูรณ์ งานศึกษาด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี โครงการอนุรักษ์อาคารวชิรานุสรณ์ (ตึกเหลือง) บริษัท กุฎาคาร จ ากัด พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชด าเนินเปิดโรงพยาบาล (ที่มา : 96 ปีวชิรพยาบาล) แผนที่ พ.ศ. 2454 แสดงต าแหน่งวชิรพยาบาล แสดงให้เห็นสิ่งก่อสร้างภายในวชิรพยาบาล ในช่วงแรกยังคงใช้สิ่งก่อสร้างเดิมของบ้านหิมพานต์เป็นหลัก (ที่มา : หน่วยวิจัยแผนที่และเอกสารประวัติศาสตร์ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) แพทย์ประจ าโรงพยาบาลและผู้อ านวยการคนแรก คือ หมอดิลลิกี (Dr.Tilleke) ซึ่งขณะนั้น เป็นแพทย์อยู่ที่โรงพยาบาลสามเสน สังกัดกรมศุขาภิบาล กระทรวงนครบาล โดยโรงพยาบาลสามเสนได้ ช่วยเหลือในกิจการวชิรพยาบาลยุคเริ่มต้นเป็นอย่างมาก พ.ศ. 2457 กระทรวงนครบาลเสนอให้มีการยุบรวมโรงพยาบาลสามเสนซึ่งเป็นห้องไม้ชั้น เดียวประมาณ 25 ห้อง ตั้งอยู่ปลายถนนสุโขทัยริมแม่น ้าเจ้าพระยา เข้ากับวชิรพยาบาล โดยโอนเงิน งบประมาณของโรงพยาบาลสามเสนใช้ในวชิรพยาบาลด้วย เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2457 เมื่อมีการ รวมโรงพยาบาลสามเสนเข้ามาด้วยแล้ว กิจการของวชิรพยาบาลนอกจากจะตรวจรักษาผู้ป่วยภายนอก แล้ว มีรับผู้ป่วยโอสถกรรมอยู่ชั้นล่างของตึกใหญ่ กับที่เรือนไม้ชั้นเดียว (ต่อมาเป็นสโมสรวชิรพยาบาล) ผู้ป่วยสูติกรรมและห้องผ่าตัดใหญ่อยู่ชั้น 2 ส่วนชั้น 3 เป็นที่พักแพทย์ ส่วนชั้นล่างสุดเป็นพื้นซีเมนต์ เป็น เตียงผู้ป่วยโรคระบาด ได้แก่ ไข้ทรพิษ เป็นต้น ส่วนตึก 2 ชั้น ใช้เป็นบ้านพักผู้อ านวยการโรงพยาบาล และครอบครัว พื้นที่บริเวณวชิรพยาบาลมีสภาพดั้งเดิมตั้งแต่ก่อตั้งเป็นโรงพยาบาลมาจนกระทั่ง พ.ศ. 2462 จึงได้เริ่มมีการก่อสร้างปรับปรุงสิ่งก่อสร้างภายในวชิรพยาบาล มีการขุดบ่อน ้าสร้างทางเดินมาตึกพัก
-18 - -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --- ข้อมูลอ้างอิงจากรายงานฉบับสมบูรณ์ งานศึกษาด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี โครงการอนุรักษ์อาคารวชิรานุสรณ์ (ตึกเหลือง) บริษัท กุฎาคาร จ ากัด แพทย์ ไปโรงครัว ที่พักพยาบาล และโรงครัว และได้มีการสร้างอาคารเพิ่มหลายหลังใน พ.ศ. 2469 เมื่อวชิรพยาบาลได้ย้ายมาอยู่ในความดูแลของกรมสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย ใน พ.ศ. 2472 สมเด็จฯ เจ้าฟ้ามหิดลอดุยเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ ได้ทรงว่างโครงการ พัฒนาวชิรพยาบาล ในส่วนโครงการว่าด้วยการก่อสร้างให้มีการสร้างตึกโรงพยาบาลเฉพาะ เช่น ตึกศัล กรรม ตึกสูติกรรม ในแผนการนี้มีการกล่าวถึงคูคลองในโรงพยาบาลว่าให้มีการขยายคูคลองเพื่อล าเลียง ผู้ป่วยทางเรือจากแม่น ้าเจ้าพระยา แสดงให้เห็นว่าในเวลาดังกล่าว คูบ้านยังคงมีอยู่แต่อาจตื้นเขินลงส่วน บ่อน ้าภายในบ้าน มีอยู่ควรมีการถ่มบ่อซึ่งเป็นแหล่งเพราะพันธุ์ยุงลาย ตึกเล็กหรือตึกชมพู (ตึกคุณ ทรัพย์เมื่อสมัยบ้านพระสรรพการหิรัญกิจ) ใช้เป็นที่พักพยาบาล แผนที่ส ารวจเมื่อ พ.ศ. 2464 แสดงต าแหน่งวชิรพยาบาลและสิ่งก่อสร้างภายในวชิรพยาบาล ระยะนี้พื้นที่เริ่มมีความเปลี่ยนแปลง สนามหน้าตึกถูกลดทอนเหลือถนนวงกลมแห่งเดียวเพื่อเข้าตึกเหลืองและมีการตัดถนนตรงเข้าตึกเหลืองเพิ่มเติม คูภายในวชิรพยาบาลและตึกเก่าทั้งสองหลังยังคงอยู่ เขามอและบ่อน ้า รั้วก่ออิฐถือปูนรอบพื้นที่ยังคงอยู่ (ที่มา : กรมแผนที่ทหาร) ภาพซ้าย : ผังบริเวณวชิรพยาบาล พ.ศ. 2472 แสดงให้เห็นสระน ้าขนาดใหญ่ด้านทิศเหนือของเขาดิน ภาพขวา : ตึกพระสรรการหิรัญกิจ บริเวณด้านหน้าอาคาร ภาพถ่ายราว พ.ศ. 2490
-19 - -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --- ข้อมูลอ้างอิงจากรายงานฉบับสมบูรณ์ งานศึกษาด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี โครงการอนุรักษ์อาคารวชิรานุสรณ์ (ตึกเหลือง) บริษัท กุฎาคาร จ ากัด ภาพซ้าย : ภาพถ่ายมุมสูงจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ หลัง พ.ศ. 2505 มองเห็นตึกอ านวยการที่เพิ่งสร้างใหม่ ภาพถ่ายทางอากาศ พ.ศ. 2495 แสดงพื้นที่วชิรพยาบาลและพื้นที่โดยรอบ 4. สมยัโรงเรียนพยาบาลผดงุครรภแ์ละอนามยัวชิรพยาบาล (พ.ศ.2497-2554) วชิรพยาบาลได้ด าเนินการเรื่อยมา มีการขยายสาขาต่างๆ ต่อเดิมตึกเก่าและก่อสร้างตึกใหม่ เพื่อรองรับการรักษาพยาบาลและเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้นนอกจากเป็นพยาบาลรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ต่าง ๆ วชิรพยาบาลยังได้เปิดเป็นโรงเรียนแพทย์และพยาบาลอีกด้วย ในปี พ.ศ. 2497 กรมสาธารณสุขได้จัดตั้งโรงเรียนอบรมผดุงครรภ์ชั้น 2 ขึ้นในวชิรพยาบาล นับเป็นโรงเรียนผดุงครรภ์แห่งแรกของประเทศไทย โดยคัดเลือกนักเรียนผดุงครรภ์จากทั่วประเทศ ท า การอบรมในหลักสูตรเมื่อจบการศึกษาจะถูกส่งกับคืนล าเนาเพื่อช่วยการคลอดบุตรและมารดาทารก สงเคราะห์ ตลอดจนงานสาธารณะสุขอื่นๆ เกี่ยวกับการป้องกันโรค ในประชาชนในท้องถิ่นได้เข้าถึง ระบบสาธารณะสุข มากขึ้น ตึกเหลืองในช่วงเวลานี้กลายเป็นตึกเรียนและหอพักของนักเรียนพยาบาล ต่อมาโรงเรียนพยาบาลได้ย้ายไปยังตึกใหม่ที่ดินริมแม่น ้าเจ้าพระยา ตึกเหลืองจึงถูกใช้เป็นห้องสมุด บริเวณชั้น 1 และส านักงานพยาบาล ที่ชั้น 2 - 3 เรื่อยมาจน พ.ศ. 2500 วันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2480 มีพระราชกฤษฎีการโอนสิทธิและกิจการวชิรพยาบาลจากกรม สาธารณะสุขมาอยู่ในความดูแลของเทศบาลนครกรุงเทพฯ และ พ.ศ. 2498 วชิรพยาบาลมีฐานะเป็นกอง ๆหนึ่งในส่วนราชการเทศบาลนครกรุงเทพฯ
-20 - -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --- ข้อมูลอ้างอิงจากรายงานฉบับสมบูรณ์ งานศึกษาด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี โครงการอนุรักษ์อาคารวชิรานุสรณ์ (ตึกเหลือง) บริษัท กุฎาคาร จ ากัด พ.ศ. 2499 วชิรพยาบาลได้มีการซื้อที่ดินผืนใหม่ขยายเขตพื้นที่ของโรงพยาบาลไปจดแม่น ้า เจ้าพระยา เพื่อก่อสร้างอาคารเพิ่มเติมส าหรับเป็นหอพักนักเรียนพยาบาล พ.ศ. 2500 วชิรพยาบาลมีเนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ มีสิ่งก่อสร้างประกอบด้วยตึก 13 หลัง เรือน ไม้ 30 หลัง และมีการก่อสร้างอาคารต่างๆ เพิ่มเติมอีกเรื่อยมา โดยได้รับเงินสนับสนุนทั้งจากเทศบาล นครกรุงเทพฯ และกระทรวงมหาดไทยและเงินบริจาค พ.ศ. 2528 มีการก่อตั้งโรงเรียนแพทย์ ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็ นวิทยาลัยแพทยศาสตร์ กรุงเทพมหานคร และวชิรพยาบาล (วพบ.) ในปี พ.ศ. 2536 และ พ.ศ. 2541 ตามล าดับ ภาพซ้าย : ตึกพระสรรพการหิรัญกิจบริเวณด้านหน้าอาคาร ภาพขวา : ตึกพระสรรพการหิรัญกิจบริเวณด้านหลังอาคาร ภาพด้านหลังของตึกพระสรรพการหิรัญกิจบริเวณมุขด้านหลังอาคาร
-21 - -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --- ข้อมูลอ้างอิงจากรายงานฉบับสมบูรณ์ งานศึกษาด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี โครงการอนุรักษ์อาคารวชิรานุสรณ์ (ตึกเหลือง) บริษัท กุฎาคาร จ ากัด ภาพซ้าย : ภาพถ่ายทางอากาศบริเวณวชิรพยาบาล จากทิศตะวันตกเฉียงเหนือหลัง พ.ศ. 2503 ภาพขวา : ด้านหลังของตึกพระสรรการหิรัญกิจ 5. สมยัมหาวิทยาลยันวมินทราธิราช (พ.ศ.2554 - ปัจจุบัน) เนื่องในโอกาสการก่อตั้งวชิรพยาบาลครบ 100 ปี ในปี พ.ศ. 2554 พระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามมหาวิทยาลัยว่ามหาวิทยาลัยนว มินทราธิราช เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2554 (มีผลบังคับใช้วันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556) โรงเรียน แพทย์และพยาบาล จึงได้ชื่อเป็นคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาลและคณะพยาบาลศาสตร์เกื้อการุณย์ มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ปัจจุบัน คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช มีแผนด าเนินการ ก่อสร้างอาคารต่าง ๆ ได้แก่ โครงการก่อสร้างอาคารผู้ป่วยนอก 9 ชั้น และที่จอดรถใต้ดิน โครงการ ก่อสร้างอาคาร 6 ชั้น ส าหรับโภชนาการและหน่วยสนับสนุน โครงการก่อสร้างอาคารหอพัก พยาบาล โครงการก่อสร้างอาคารเวชภัณฑ์กลาง และโครงการอนุรักษ์ตึกพระสรรพการหิรัญกิจ ทั้งนี้ ใน ปี พ.ศ. 2558 ได้มีการก าหนดแนวคิดการบูรณะซ่อมแซมตึกวชิรานุสรณ์กลับมาอีกครั้งในโครงการ อนุรักษ์ตึกพระสรรพการหิรัญกิจ และสวนประวัติศาสตร์ในพื้นที่วชิรพยาบาล ของคณะแพทยศาสตร์วชิ รพยาบาล โดยแผนการอนุรักษ์นั้น จะท าการบูรณะปรับปรุงรูปแบบอาคารให้ใกล้เคียงกับยุคแรกของการ ตั้งโรงพยาบาลตามการสันนิฐานจากหลักการ ทางประวัติศาสตร์โบราณคดี โดยจะปรังปรุง ซ่อมแซมโครงสร้างอาคาร และจะเปลี่ยนเพิ่มเติมพื้นที่และองค์ประกอบของอาคารบางส่วนเพื่อให้ สอดคล้องกับการใช้งานอาคารในอนาคต
-22 - -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- --- ข้อมูลอ้างอิงจากรายงานฉบับสมบูรณ์ งานศึกษาด้านประวัติศาสตร์โบราณคดี โครงการอนุรักษ์อาคารวชิรานุสรณ์ (ตึกเหลือง) บริษัท กุฎาคาร จ ากัด ภาพถ่ายอาคารวชิรานุสรณ์(ตึกเหลือง) ก่อนการบูรณะ --------------------------------------------------------------------------------