The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

นางสาว-จันทร์สิรีย์-มาตย์สำโรง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by got.2312, 2021-04-20 00:01:47

นางสาว-จันทร์สิรีย์-มาตย์สำโรง

นางสาว-จันทร์สิรีย์-มาตย์สำโรง

10 กฬี าทมี่ คี วามนิยมทสี่ ุดใน
โลก

นางสาว จนั ทรส์ ิรยี ์ มาตยส์ าโรง

คำนำ

รายงานฉบบั นี้เปน็ สว่ นหนึ่งองรายงาน โดยมีจุดประสงค์ เพือ่ การศึกษาความรทู้ ีไ่ ด้
จากเรือ่ ง10กีฬาทค่ี วามนิยมมากทสี่ ดุ ในโลก ซ่งึ รายงานน้มี ีเนอื้ หาเกี่ยวกบั ความรู้
จากกีฬาหลายชนดิ จากการศึกษาผู้จัดทำได้เลอื ก หัวข้อนี้ในการทำรายงาน
เน่ืองมาจากเป็นเร่ืองทนี่ ่าสนใจ และจะได้ร่วมอนุรักษ์กฬี าไปด้วย ผู้ให้ความรูแ้ ละ
แนวทางการศึกษา เพอ่ื นๆ ทุกคนท่ใี ห้ ความช่วยเหลือมาโดยตลอด ผจู้ ัดทำหวังว่า
รายงานฉบับน้ีจะใหค้ วามรู้ และเปน็ ประโยชน์แกผ่ ้อู ่านทุก ๆ ท่าน

นางสาว จนั ทรส์ ริ ยี ์ มาตยส์ าโรง

4กมุ ภาพนั ธ์ 2564

สารบัญ

คานา
สารบญั
บทท่ี1

1.SOCCER / FOOTBALL (ซอคเก้อร์ / ฟตุ บอล)
2.CRICKET (คริกเกต)
3. TENNIS (เทนนสิ )
4. FIELD HOCKEY (ฮอกก)ี้
5.VOLLEYBALL (วอลเลย์บอล)
6. TABLE TENNIS (เทเบลิ เทนนิส หรือ ปิ งปอง)
7. BASKETBALL (บาสเกตบอล)
8. BASEBALL (เบสบอล)
9.RUGBY (รักบ)ี้

10. GOLF (กอล์ฟ)

บทท1่ี

1. SOCCER / FOOTBALL (ซอคเก้อร์ / ฟุตบอล)

ฟตุ บอล หรอื ซอกเกอร์ เป็ นกฬี าประเภททมี ทเ่ี ลน่ ระหวา่ งสองทมี
โดยแตล่ ะทมี มผี เู ้ ลน่ 11 คน โดยใชล้ กู บอล เป็ นกฬี าทไ่ี ดร้ ับ
ความนยิ มมากทส่ี ดุ ในโลก โดยการเลน่ บนสนามหญา้ รปู
สเ่ี หลยี่ มผนื ผา้ หรอื สนามหญา้ เทยี มโดยมเี ป้าหมายอยตู่ รงกลาง
สนามทจ่ี ุดสน้ิ สดุ ของสนามทงั้ สองดา้ นเป้าหมายคอื การทา
คะแนนโดยใชเ้ ทา้ เพอื่ ใหไ้ ดบ้ อลเขา้ ประตขู องฝ่ ายตรงขา้ ม ใน
การเลน่ ท่วั ไปผรู ้ ักษาประตเู ป็ นผูเ้ ล่นเพยี งคนเดยี วทส่ี ามารถใชม้ อื

หรอื แขนของเขากับลกู บอลไดย้ กเวน้ การแบนนอกเขตโทษหรอื
กลอ่ ง 25 หลาทดี่ า้ นหนา้ ของเป้าหมาย

ผเู ้ ลน่ คนอนื่ จะใชเ้ ทา้ เตะลกู บอลในตาแหน่งทตี่ อ้ งการ บางครงั้
เนอ้ื ตัวหรอื หัวอาจใชเ้ พอ่ื แยกฟตุ บอลทล่ี อยอยใู่ นอากาศ ซงึ่ ใน
ทมี ทพี่ าทมี ฟตุ บอลไปสเู่ ป้าหมายนัน้ มแี นวโนม้ ทจี่ ะเป็ นผชู ้ นะ
หากคะแนนเทา่ กันพวกเขาจะถอื วา่ เสมอกนั แตใ่ นบางเกมทม่ี กี าร
ผูกอยา่ งสม่าเสมอและตอ้ งการหาผูช้ นะตอ้ งมชี ว่ งตอ่ เวลาพเิ ศษ
และ / หรอื การยงิ ลกู โทษขน้ึ อยูก่ ับกฎของการแขง่ ขนั นัน้ กฎการ
เลน่ ทที่ ันสมัยจะถกู รวบรวมในประเทศองั กฤษโดย Football
Association of England ในปี 1863 กฎของฟตุ บอลถกู สรา้ งขน้ึ
เพอื่ ใหเ้ ป็ นกฎการเลน่ ในปัจจุบัน ฟตุ บอลในระดับนานาชาตจิ ะถกู
จดั ขน้ึ โดย FIFA การแขง่ ขันระหวา่ งประเทศทม่ี ชี อื่ เสยี งทสี่ ดุ คอื
ฟตุ บอลโลกซงึ่ จัดขนึ้ ทกุ 4 ปี

2. CRICKET (คริกเกต)

ครกิ เกต็ เป็ นกฬี า มผี เู ้ ลน่ 11 คนตอ่ ทมี ทมี A ใสห่ นง่ึ เป็ นคนขวา้ ง
ลกู เรยี กวา่ คนขวา้ งลกู ขวา้ งลูกบอลสามแทง่ ทต่ี งั้ อยบู่ นสนามที่
เรยี กว่า wickets ทมี B จัดคนมารกั ษา คนทป่ี ฏบิ ตั ติ อ่ wickets
เรยี กว่าลกู บอล และสโมสรทถ่ี อื ลกู บอลนัน้ เรยี กวา่ คา้ งคาว ถา้ ลกู
บอลกระทบลกู บอลจากนัน้ มันจะวง่ิ เป็ นวงกลมเพอื่ ใหไ้ ดค้ ะแนนท่ี
เรยี กว่าวงิ่ จนกวา่ ทมี ทอี่ ยใู่ นทงุ่ นาจะเป็ นฝ่ ายทะโมนเพอื่ นาลกู
บอลกลบั มา ครกิ เกตมกี ารเลน่ มากกวา่ ใน 100 ประเทศ ซง่ึ นยิ ม
เลน่ ในออสเตรเลยี บังคลาเทศ องั กฤษ และอนิ เดยี



3. TENNIS (เทนนสิ )

เทนนสิ เป็ นกฬี าในรม่ หรอื กลางแจง้ ทแ่ี บง่ ออกเป็ น 2 การแขง่ ขนั
โดยมผี เู ้ ลน่ 1 คนในแตล่ ะดา้ นและ 1 ผเู ้ ลน่ ในประเภทคผู่ สม ผู ้
เลน่ แตล่ ะคนใชไ้ มเ้ ทนนสิ เพอ่ื สง่ ลกู บอลขา้ ม ตาขา่ ยภายในพนื้ ที่
ทกี่ าหนดโดยพยายามตลี กู เขา้ ไปในดนิ แดนของคแู่ ขง่ จนกระทั่ง
คแู่ ขง่ ไมส่ ามารถตลี กู กลับเขา้ ไปในดนิ แดนของเราได ้ เทนนสิ
เป็ นกฬี าทใ่ี ชแ้ ร็กเก็ต เกดิ ทยี่ โุ รปในปลายศตวรรษที่ 19 ในตอน
แรกเทนนสิ เรมิ่ แพรก่ ระจายไปยังประเทศทใี่ ชภ้ าษาอังกฤษ
โดยเฉพาะกลมุ่ ชนชนั้ สงู อนั ทจ่ี รงิ แลว้ เทนนสิ เป็ นกฬี าระดบั
นานาชาตแิ ละเป็ นเกมทเ่ี ลน่ กันในเกอื บทกุ ประเทศท่ัวโลกมา
ตงั้ แตป่ ี 2469 โดยมกี ารจัดการแขง่ ขนั ครงั้ แรก เทนนสิ กลายเป็ น
กฬี าอาชพี เทนนสิ ไดร้ วมอยใู่ นการแขง่ ขันกฬี าโอลมิ ปิกในกรุง
โซลในปี 1988



4. FIELD HOCKEY (ฮอกก)ี้

ฮอกกเ้ี ป็ นกฬี าทเี่ ลน่ ระหวา่ ง 2 ทมี มผี เู ้ ลน่ 11 คนตอ่ ดา้ นโดยการ
ตลี กู ทม่ี รี ูปร่างกลมแข็งเรยี กวา่ ลกู ยางโดยไมอ่ นุญาตใหล้ กู บอล
สมั ผัสสว่ นใดสว่ นหนง่ึ ของรา่ งกายยกเวน้ ผูร้ กั ษาประตทู มี่ สี ทิ ธใิ์ น
การเตะบอลและมอื เพอื่ ปัดบอล แตเ่ ฉพาะในสนามฟตุ บอล
เป้าหมายทที่ าคะแนนตอ้ งทาคะแนนจากในพน้ื ทเ่ี ป้าหมายซงึ่ อยู่
ในแนว 16 หลาทม่ี เี สน้ โคง้ เป็ นทเ่ี ขา้ ใจกนั วา่ กะโหลกศรี ษะน่ัน
คอื ตอ้ งเอาลกู บอลไปใหค้ ะแนนภายในกะโหลก



5. VOLLEYBALL (วอลเลย์บอล)

วอลเลย่ บ์ อลเรม่ิ ขนึ้ ในปี 1895 โดย William G. Morgan
ผูอ้ านวยการพลศกึ ษาทสี่ มาคมครสิ เตยี น Young Mans,
Holyoke, Massachusetts สหรัฐอเมรกิ าซงึ่ เกดิ ขน้ึ เพยี ง 1 ปีกอ่ น
การแขง่ ขนั กฬี าโอลมิ ปิกสมยั ใหมค่ รงั้ ที่ 1 ทเี่ อเธนสซ์ งึ่ เขา
พยายามคดิ และปรับเปลย่ี นกจิ กรรมตา่ ง ๆ
เพอื่ ทจี่ ะใชเ้ ป็ นกจิ กรรมสนั ทนาการหรอื ผ่อนคลายความตงึ เครยี ด
ใหเ้ หมาะกับฤดกู าลและเขาก็เกดิ ความคดิ ขนึ้ มาในขณะทดี่ เู กม
เทนนสิ เพราะเทนนสิ เป็ นกฬี าทตี่ อ้ งใชอ้ ปุ กรณ์เชน่ แร็กเก็ตบอล
ตาขา่ ยและอปุ กรณ์อน่ื ๆ อกี มากมาย มันมคี วามคดิ ทจ่ี ะใชต้ าขา่ ย
ขนาด 6 ฟตุ -6 นวิ้ จากพนื้ ล็อกสงู กวา่ ความสงู เฉลย่ี ชาย และใช ้
หลอดยางของลกู บาสเกต็ บอลเพอื่ ทาเป็ นลกู บอล แตป่ รากฏวา่
ยางในลกู บาสเก็ตบอลนัน้ เบาและชา้ เกนิ ไป ดังนัน้ การใชด้ า้ นนอก
ของลกู บาสเก็ตบอลซง่ึ ดใู หญแ่ ละหนาเกนิ ไป ดงั นัน้ ในปี 1906
มอรแ์ กนจงึ ตดิ ตอ่ กับ AGSpalding และ Brother Company เพอื่

สรา้ งลกู บอลตัวอยา่ งหนงึ่ ลกู โดยมเี สน้ รอบวง 25-27 นว้ิ ดว้ ย
น้าหนัก 9-12 ออนซท์ จ่ี ะใช ้ แทนการเลน่ บาสเกต็ บอล

6. TABLE TENNIS (เทเบลิ เทนนิส หรือ ปิ งปอง)

เทา่ ทม่ี หี ลักฐานเพยี งพอทจ่ี ะวจิ ยั มนั ทาใหเ้ รารูว้ า่ เทเบลิ เทนนสิ
เรมิ่ ขนึ้ ในประเทศองั กฤษในปี 2433 ในเวลานัน้ อปุ กรณท์ ใี่ ชใ้ น
การเลน่ ประกอบดว้ ยไมห้ นังคลา้ ยกับเทนนสิ วนั น้ี แตแ่ ทนทจ่ี ะยดื
มันดว้ ยเอ็นแทนทจ่ี ะใชม้ นั คลมุ ดว้ ยหนังสัตว์ ลกู บอลทใ่ี ชใ้ นการตี
เป็ นลกู บอลเซลลลู อยด์ เมอ่ื กระทบพน้ื ผวิ โต๊ะและไมท้ าใหเ้ กดิ
เสยี ง “Pik-Pok” ดงั นัน้ กฬี าน้จี งึ ถกู เรยี กอกี ชอื่ หนงึ่ หลงั จากไดย้ นิ
“PINGPONG” กลายเป็ นไมช้ นิ้ เดยี วแทนซง่ึ เคยเลน่ กนั อยา่ ง
แพร่หลายในยโุ รป



7. BASKETBALL (บาสเกตบอล)

ประวตั บิ าสเกตบอลมปี ระวัตยิ าวนานกวา่ 100 ปีนับตงั้ แตป่ ี พ.ศ.
2434 โดยดร. เจมสไ์ นสมทิ (เจมสไ์ นสมิ ธ ) ครูพลศกึ ษาท่ี
โรงเรยี นครสิ เตยี นแรงงาน ปัจจบุ นั คอื วทิ ยาลยั สปรงิ ฟิลด์
สปรงิ ฟิลด์ รัฐแมสซาชเู ซตสส์ หรฐั อเมรกิ า ในเวลานัน้ โคช้ ทมี
ฟตุ บอลของโรงเรยี นตอ้ งการการแขง่ ขันในร่มสาหรับนักเรยี น
ในชว่ งฤดหู นาว ดร. เจมสไ์ นสมทิ ใชต้ น้ ไมร้ ูปลกู พชี เพอื่ สรา้ งหว่ ง
ประตู ตดิ ตัง้ ทรี่ ะเบยี งของโถงทางเดนิ ซงึ่ มคี วามสงู ประมาณ 10
ฟตุ จากระเบยี ง เป็ นครงั้ แรกทใี่ ชล้ กู บอลฟตุ บอลกบั ผูค้ นนั่งบน
ทางรถไฟเพอ่ื หยบิ ลกู บอลออกจากประตเู มอื่ ยงิ ประตู รายการ 13
รายการเป็ นพนื้ ฐานของกฎโดยใชท้ ักษะมากกวา่ การใชก้ าลัง



8. BASEBALL (เบสบอล)

เบสบอลเป็ นกฬี าของทมี ทเี่ หยอื กหรอื ทเ่ี รยี กวา่ เหยอื กขวา้ งลกู
เบสบอลซงึ่ มขี นาดเทา่ กบั กาปั้นมขี นาดเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลางประมาณ
2 นวิ้ สาหรับทมี รุกทรี่ จู ้ ักกันในชอื่ ผูต้ หี รอื ผตู ้ เี พอื่ ตลี กู บอลดว้ ยไม ้
เบสบอล (ไมต้ ี ) ทาจากไมห้ รอื อลูมเิ นียม การใหค้ ะแนนในเกม
นัน้ จะไดร้ ับจากการทแ่ี บตเตอรว์ ง่ิ ไปแตะทฐี่ านซง่ึ วางไวท้ ่ี 4
คะแนนตามลาดบั เรมิ่ จากฐานแรกไปทโ่ี ฮมเพลทและบางครงั้ ถา้
ลกู บอลทาใหล้ กู บอลออกจากสนามในเสน้ ฟาวลม์ นั เรยี กวา่ วง่ิ
กลบั บา้ นซง่ึ จะไดค้ ะแนน 1 คะแนน เบสบอลนัน้ บางครงั้ เรยี กว่า
ลกู ไมแ้ ขง็ หรอื ลกู แขง็ เพอื่ ระบคุ วามแตกแยก ซอฟตบ์ อลมี
ลกั ษณะคลา้ ยกับกฬี าอน่ื ๆ



9. RUGBY (รักบ)ี้

รกั บฟ้ี ตุ บอล หรอื ทร่ี จู ้ ักกันในนามรกั บี้ เป็ นกฬี าประเภทหนง่ึ ที่
เกดิ ขนึ้ จากโรงเรยี นรกั บใี้ นรักบ้ี ใน Warwickshire องั กฤษเรมิ่ ตน้
ในปี 1826 ในเวลานัน้ เป็ นการแขง่ ขนั ฟตุ บอลภายในท่ี Rugby
School ซง่ึ ตัง้ อยใู่ น Rugby, England ผเู ้ ลน่ คนหนงึ่ ชอ่ื William
Webb Ellis (William Webb Ellis) ไดล้ ะเมดิ กฎการแขง่ ขัน
โดยการวงิ่ ถอื ลูกบอลซง่ึ ตัวเขาเองไมใ่ ชผ่ ูเ้ ลน่ ในผูร้ กั ษาประตแู ละ
วง่ิ และพาลกู บอลไปยงั เสน้ ประตทู เี่ ป็ นปฏปิ ักษ์เขาจงใจหรอื ไม่
แต่ แตก่ ารเลน่ นอกลนู่ อกทางของเขาไดร้ ับการพดู ถงึ อยา่ ง
กวา้ งขวางเกย่ี วกบั ผเู ้ ลน่ และผชู ้ มจนกระจาย ไปยังโรงเรยี นตา่ ง ๆ
ในประเทศองั กฤษ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ในหมนู่ ักเรยี นของโรงเรยี น
Cambridge ไดน้ าเอลลสิ มาเลน่ เพอื่ จดั การแขง่ ขนั โดยเรยี กชอื่
เกมใหม่ Rugby Games หลังจากนัน้ กลายเป็ นทน่ี ยิ มมากขนึ้
และมกี ารเปลย่ี นแปลงการเลน่ อยา่ งตอ่ เนอ่ื งในประเทศองั กฤษใน
ปี ค.ศ. 1823



10. GOLF (กอล์ฟ)

กอลฟ์ เป็ นกฬี าทเี่ ลน่ ในยามวา่ ง และแขง่ ขนั กันทงั้ ในระดบั มอื
สมคั รเลน่ และมอื อาชพี เป็ นกฬี าอกี ประเภททไี่ ดร้ ับความนยิ มใน
โลก ผเู ้ ลน่ จะมไี มห้ ลายชดุ แตไ่ มเ่ กนิ จะตอ้ งไมเ่ กนิ 14 อัน ใชใ้ น
การตลี กู เล็กเสร็จสน้ิ ในหลมุ ตอ่ เน่อื งอาจ 9 หรอื 18 หลมุ ตามที่
กาหนดโดยการนับจานวนครงั้ นอ้ ยทส่ี ดุ ทสี่ นามเด็กเลน่ ทด่ี ที ส่ี ดุ
ไดร้ ับการออกแบบใหม้ รี ะยะทางอปุ สรรค ในแตล่ ะหลมุ เชน่
อปุ สรรคน้า บงั เกอรท์ ราย ตน้ ไม ้ ความลาดเอยี งของสนาม เป็ น
ตน้



ทม่ี า

https://www.168asiatopten.com/top-10-most-popular-
sports-in-the-world/

อยา่ รังเกียจความพ่ายแพ้ เพราะมนั คอื กุญแจสู่ชยั ชนะ


Click to View FlipBook Version