น.ส.ดวงกมล พึ่งเดช ม.6/5 เลขที่ 23
เลขเซยตกแกลำละัง
SET AND
EXPONENT
เซต
เป็นคำที่ไม่ให้ให้นิยาม (UNDEFINED TERM) เรามักใช้เซต
แทนสิ่งที่อยู่ร่วมกัน ซึ่งหมายถึงกลุ่มของสิ่งต่างๆ ที่เราสามารถ
กำหนดสมาชิกได้ชัดเจน (WELL-DEFINED) หรือก็คือความ
หมายของเซตนั่นเอง
การเขียนเซต
1. เขียนแบบแจกแจงสมาชิก (TABULAR FORM)
เป็นการเขียนเซตโดยบรรจุสมาชิกทั้งหมดของเซตลงในวงเล็บปีกกา และระหว่าง
สมาชิกแต่ละตัวคั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค (,)
ตัวอย่าง
เซตของจำนวนนับที่น้อยกว่า 7 เขียนแทนด้วย {1,2,3,4,5,6,}
เซตของพยัญชนะไทย 5 ตัวแรก เขียนแทนด้วย { ก,ข,ฃ,ค,ฅ }
(หมายเหตุ: ถ้าเซตมีจำนวนสมาชิกมากมาย เราใช้ “…” แทนสมาชิกที่เหลือ)
2. เขียนสับเซตแบบบอกเงื่อนไขของสมาชิกในสับเซต (SET BUILDER FORM)
การเขียนเซตแบบบอกเงื่อนไขของสมาชิก ใช้ตัวแปรเขียนแทนสมาชิกพร้อมทั้ง
บอกสมบัติหรือบอกเงื่อนไขการเป็นสมาชิก โดยใช้เครื่องหมาย “ | ” คั่นระหว่าง
ตัวแปร และเงื่อนไข ซึ่ง เครื่องหมาย “ | ” แทนคำว่า โดยที่
ตัวอย่าง
1. A = { X / X เป็นวันชื่อวันในหนึ่งสัปดาห์ }
ตอบA = { จันทร์ , อังคาร , พุธ , พฤหัสบดี , ศุกร์ , เสาร์ , อาทิตย์}
2. B = { X / X เป็นเซตของจำนวนเต็ม }
ตอบB= { … , – 3 , – 2 , – 1, 0 , 1 , 2 , 3 , …}
เซตจำกัด
(FINITE SET)
คือ เซตที่สามารถนับจำนวนสมาชิกได้ทั้งหมดและมีจำนวนที่แน่นอน
ตัวอย่าง
1. A = {1, 2, 3, 4, 5} มีสมาชิก 5 สมาชิก
2. B = {X | X เป็นจำนวนนักศึกษา คบ.5/3 หมู่ 1
เอกคณิตศาสตร์}
**หมายเหตุ เซตว่าง (EMPTY SET) ถือเป็นเซตจำกัด เขียนสัญลักษณ์
แทนเซตว่างได้ดังนี้ หรือ { }
เซตอนันต์
(INFINITE SET)
คือ เซตที่ไม่สามารถบอกจำนวนสมาชิกได้เพราะสมาชิกมีจำนวนมาก
ตัวอย่าง
1. A = {1, 2, 3, … }
2. B = {3 , 5 , 7 , … }
เซตว่าง
(EMPTY SET)
คือ เซตที่ไม่มีสมาชิก หรือมีจำนวนสมาชิกในเซตเป็นศูนย์ สามารถเขียนแทนได้
ด้วยสัญลักษณ์ {} หรือ Ø
ตัวอย่าง
1. A = {X | X เป็นจำนวนเต็ม และ 1 < X < 2}
ตอบA = {Ø}
2. B = { X | X เป็นจำนวนเต็มบวก และ X + 1 = 0 }
ตอบB= {Ø}
เอกภพสัมพัทธ์
(RELATIVE UNIVERSE)
คือ เซตที่กำหนดขอบเขตของสิ่งที่ต้องการศึกษา ซึ่งถือว่าเป็นเซต
ที่ใหญ่ที่สุด โดยมีข้อตกลงว่า ต่อไปจะกล่าวถึงสมาชิกของเซตนี้
เท่านั้น จะไม่มีการกล่าวถึงสิ่งใดที่นอกเหนือไปจากสมาชิกของเซตที่
กำหนดขึ้นนี้ โดยทั่วไปนิยมใช้สัญลักษณ์ U แทนเอกภพสัมพัทธ์
ตัวอย่าง
1. A = {1, 2, 3, 4, 5} มีสมาชิก 5 สมาชิก
2. B = {X | X เป็นจำนวนนักศึกษา คบ.5/3 หมู่ 1
เอกคณิตศาสตร์}
**หมายเหตุ เซตว่าง (EMPTY SET) ถือเป็นเซตจำกัด เขียนสัญลักษณ์
แทนเซตว่างได้ดังนี้ หรือ { }
เซตอนันต์
(INFINITE SET)
คือ เซตที่ไม่สามารถบอกจำนวนสมาชิกได้เพราะสมาชิกมีจำนวนมาก
ตัวอย่าง
1. A = {1, 2, 3, … }
2. B = {3 , 5 , 7 , … }
เซตว่าง
(EMPTY SET)
คือ เซตที่ไม่มีสมาชิก หรือมีจำนวนสมาชิกในเซตเป็นศูนย์ สามารถเขียนแทนได้
ด้วยสัญลักษณ์ {} หรือ Ø
ตัวอย่าง
1. A = {X | X เป็นจำนวนเต็ม และ 1 < X < 2}
ตอบA = {Ø}
2. B = { X | X เป็นจำนวนเต็มบวก และ X + 1 = 0 }
ตอบB= {Ø}
ยูเนียน
(UNION)
มีนิยามว่า เซต A ยูเนียนกับเซต B คือเซตซึ่งประกอบด้วยสมาชิกที่
∪เป็นสมาชิกของเซต A หรือ เซต B หรือทั้ง A และ B สามารถเขียน
แทนได้ด้วย สัญลักษณ์ A B
ตัวอย่าง
A ={1,2,3}
B= {3,4,5}
∴ ∪A B = {1,2,3,4,5}
เราสามารถเขียนก
ารยูเนี่ยนลงในแผนภาพได้ดังนี้
อินเตอร์เซกชัน
(INTERSECTION)
มีนิยามคือ เซต A อินเตอร์เซกชันเซต B คือ เซตซึ่งประกอบด้วยสมาชิกที่เป็น
∩สมาชิกของเซต A และเซต B สามารถเขียนแทนได้ด้วยสัญลักษณ์ A B
ตัวอย่าง
A ={1,2,3}
∴ ∩B = {3,4,5}
A B = {3}
เราสามารถ
เขียนการอินเตอร์เซกชันลงในแผนภาพได้ดังนี้
คอมพลีเมนต์
(COMPLEMENTS)
คอมพลีเมนต์ (CO
MPLEMENTS) มีนิยามคือ ถ้าเซต A ใดๆ ใน
เอกภพสัมพัทธ์ U แล้วคอมพลีเมนต์ของเซต A คือ เซตที่ประกอบ
ด้วยสมาชิกที่เป็นสมาชิกของ U แต่ไม่เป็นสมาชิกของ A สามารถ
เขียนแทนได้ด้วยสัญลักษณ์ A’
ตัวอย่าง
U = {1,2,3,4,5}
∴ A ={1,2,3}
A’ = {4,5}
เราสามารถเขียนการคอมพลีเมนต์ของเซตลงในแผนภาพได้ดังนี้
สับเซต
(SUBSET)
ถ้าสมาชิกทุกตัวของ A เป็นสมาชิกของ B แล้ว จะเรียกว่า A เป็นสับเซตของ B จะ
⊂เขียนว่า เซต A เป็นสับเซตของเซต B แทนด้วย A B
ถ้าสมาชิกบางตัวของ A ไม่เป็นสมาชิกของ B จะเรียกว่า A ไม่เป็นสับเซตของ B
⊄เซต A ไม่เป็นสับเซตของเซต B แทนด้วย A B
สมบัติของสับเซต
⊂1) A
A (เซตทุกเซตเป็นสับเซตของตัวมันเอง)
⊂2) A U (เซตทุกเซตเป็นสับเซตของเอกภพสัมพัทธ์)
⊂3) Ø A (เซตว่างเป็นสับเซตของทุกๆ เซต)
⊂4) ถ้า A Ø แล้ว A = Ø
⊂ ⊂ ⊂5) ถ้า A B และ B C แล้ว A C (สมบัติการถ่ายทอด)
⊂ ⊂6) A = B ก็ต่อเมื่อ A B และ B A
7) ถ้า A มีจำนวนสมาชิก N ตัว สับเซตของเซตจะมีทั้งสิ้น 2N สับเซต
สับเซตแท้
⊂นิยาม A เป็นสับเซตแท้ของ B ก็ต่อเมื่อ A B และ A ≠ B
ตัวอย่าง
กำหนดให้ A = { A , B , C } จงหาสับเซตแท้ทั้งหมดของ A
วิธีทำ สับเซตแท้ของ A ได้แก่
Ø, {A} , {B} ,{C} , {A,B} , {A ,C} , {B,C}
มีจำนวนส
มาชิกทั้งสิ้น 7 สับเซต
หมายเหตุ ถ้า A มีจำนวนสมาชิก N ตัว สับเซตแท้ของเซตA
จะมีทั้งสิ้น 2N –1 สับเซต
เพาเวอร์เซต
(POWER SET)
คำว่า เพาเวอร์เซต
เป็นคำศัพท์เฉพาะ ซึ่งใช้เป็นชื่อเรียกเซตเซตหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับ
เรื่องสับเซต
เพาเวอร์เซตของ A เขียนแทนด้วย P(A)
P(A) คือเซตที่มีสับเซตทั้งหมดของ A เป็นสมาชิก
สมบัติของเพาเวอร์เซต
⊂ให้ A , B
เป็นเซตใดๆ
1) Ø P(A)
⊂2) A P(A)
3) P(A) ≠ Ø
⊂ ⊂4) P(A) P(B) ก็ต่อเมื่อ A B
5) ถ้า A มีสมาชิก N ตัว P(A) จะมีสมาชิก 2N ตัว
แบบฝึกหัด
1.จงบอกจำนวนสมาชิกของแซตต่อไปนี้
1) A = { 1234 }
2) B = { 1 , 2 , 3 , 4 }
3) C = { a , b , c , de , f , gh , ijk }
4) D = { x | x เป็นจำนวนเต็มบวกที่อยู่ระหว่าง 10 และ 20 }
5) E = { x | x เป็นจำนวนเต็มบวกและน้อยกว่า 0 }
2.ให้ A = {a,b,c,d} จงพิจารณาข้อความต่อไปนี้เป็นจริงหรือเท็จ
∈1) { a } A
∉2) { b , c } A
3) ∅ ∉ A
3.เซตต่อไปนี้ เซตใดเป็นเซตจำกัด ข้อใดเป็นเซตอนันต์
4.จงหาสับเซตทั้งหมดของเซตต่อไปนี้
1) { 1 }
2) { 1 , 2 }
3) { -1 , 0 , 1 }
4) { x , y }
5) { a , b , c }
∅6)
5.จงหาเพาเวอร์เซตของแต่ละเซตต่อไปนี้
1) { 5 }
2) { 0 , 1 }
3) { 2 , 3 ,4 }
∅4)
6.ให้ A = { x | x เป็นพยัญชนะในคำว่า " กรรมกร " }
B = { x | x เป็นพยัญชนะในคำว่า " มรรคา " }
C = { x | x เป็นพยัญชนะในคำว่า " มกราคม " }
D = { x | x เป็นพยัญชนะในคำว่า " รากไม้ " }
จงพิจารณาว่าเซตคู่ใดบ้างเท่ากัน
เลขยกกำลัง
การเขียนตัวเลขที่มีการคูณซ้ำหลาย ๆ ครั้งในรูปแบบย่อ ให้
สามารถอ่านได้เข้าใจได้ง่ายขึ้นและไม่สับสน จึงเขียนในรูปแบบ
ของ เลขยกกำลัง โดยมีส่วนประกอบทั้งหมด 2 ส่วน คือ ฐาน
ของเลขยกกำลัง และ เลขชี้กำลัง
ความหมายของ
เลขยกกำลัง
สมบัติของเลขยกกำลัง คือ ตัวช่วย สมบัติต่าง ๆ
ในการจัดรูปของเลขยกกำลังให้ ของเลขยกกำลัง
สามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้นและสั้นลง
โดยมีสมบัติ 7 ข้อ ในทั้งหมด 7 ข้อ
อาจจะมีเงื่อนไขพิเศษอื่น ๆ ที่
สามารถทำให้เกิดสมบัติอื่น ๆ เข้า
มาอีก แต่ในที่นี้เราขอยกตัวอย่าง
ทั้ง 7 ข้อมาเท่านั้น เพื่อให้ไม่เกิด
ความสับสน
สมบัติข้อที่ 1
จะช่วยให้เราสามารถประหยัดเวลาในการ
คำนวณได้มาก คือ เมื่อเราพบเลขยกกำลังที่
มีเลขชี้กำลังเท่ากับ 0 จะทำให้เลขยกกำลัง
ตัวนั้นมีค่าเท่ากับ 1 ได้ทันที
สมบัติข้อที่ 2
โดยปกติแล้วการเขียนเลขยกกำลังนิยม
เขียนให้เลขยกกำลังมีค่าเป็นบวกอยู่เสมอ
เพราะฉะนั้นสมบัตินี้จะช่วยให้เราสามารถ
เปลี่ยนเลขยกกำลังที่ติดลบให้มาเป็นบวก
ได้
สมบัติข้อที่ 3
“เลขฐานเหมือนกันคูณกัน เลขยกกำลัง
นำมาบวกกัน” สมบัติในข้อนี้จะช่วยให้เรา
สามารถยุบเลขยกกำลังที่มีเลขฐานเดียวกัน
ให้สามารถเขียนเพียงตัวเดียวได้
สมบัติข้อที่ 4
“ฐานเหมือนกันหารกัน เลขยกกำลังนำ
มาลบกัน” สมบัติในข้อนี้จะช่วยให้เรา
สามารถยุบเลขยกกำลังที่มีเลขฐานเดียวกัน
ให้สามารถเขียนเพียงตัวเดียวได้
สมบัติข้อที่ 5
สมบัติการกระจายเลขยกกำลัง เพื่อความ
สะดวกในการยุบเลขยกกำลังที่มีการซ้อน
กัน ซึ่งควรระวังวงเล็บดี ๆ เนื่องจากความ
หมายจะเปลี่ยนไปทันที ถ้าไม่ได้ใส่วงเล็บ
สมบัติข้อที่ 6
นี้คล้ายกับสมบัติข้อที่ 5 คือ ใช้หลักการ
การกระจายเหมือนกัน ข้อควรระวังของ
สมบัตินี้คือ สามารถกระจายได้แค่การคูณ
และการหารเท่านั้น โดยเลขยกกำลังจะไม่
สามารถกระจายได้ในการบวกและการลบ
เด็ดขาด
สมบัติข้อที่ 7
นี้คล้ายกับสมบัติข้อที่ 5 และ 6 คือ ใช้หลัก
การการกระจายเหมือนกัน ข้อควรระวังของ
สมบัตินี้คือ สามารถกระจายได้แค่การคูณและ
การหารเท่านั้น โดยเลขยกกำลังไม่สามารถ
กระจายได้ในการบวกและการลบเด็ดขาด
การบวก ลบ
เลขยกกำลัง
จะทำได้ก็ต่อเมื่อ เลขยกกำลังนั้นมีฐานเท่ากันและมีเลขชี้กำลังเท่า
กัน โดยการนำสัมประสิทธิ์ของเลขยกกำลังนั้นมาบวกหรือลบกัน
ตัวอย่าง
ข้อสังเกต ถ้าเลขยกกำลังมีฐานเท่ากัน แต่เลขชี้กำลังต่างกัน จะนำสัมประสิทธิ์
ของเลขยกกำลังมาบวกหรือลบกันไม่ได้ จะต้องใช้วิธีแยก
ตัวประกอบ
ตัวอย่าง
แบบฝึกหัด
1.จงทำให้อยู่ในรูปอย่างง่าย และมีเลขชี้กำลังเป็นบวก
เมื่อ A , B , C , X , Y , Z ≠ 0 และ M , N , P , Q
เป็นจำนวนเต็ม
2.จงทำให้อยู่ในรูปอย่างง่าย และมีเลขชี้กำลังเป็นบวก
3.จงทำให้อยู่ในรูปอย่างง่าย