ข้อมูลทั่วไป/สถานการณ์ของพื้นที่ สภาพทั่วไป เขตบางพลัดเดิมมีฐานะเป็นต าบลบางพลัด ขึ้นกับอ าเภอบางซื่อ ต่อมายกฐานะเป็น อ าเภอบางพลัด ขึ้นกับจังหวัดธนบุรี และถูกยุบลงเป็นต าบลบางพลัดขึ้นกับอ าเภอบางกอกน้อย จังหวัดธนบุรี เมื่อจังหวัดธนบุรีได้ถูกรวมกับกรุงเทพมหานคร โดยเปลี่ยนจากต าบลเป็นแขวง และเปลี่ยนอ าเภอเป็นเขต ต าบลบางพลัดจึงถูกเปลี่ยนเป็นแขวงบางพลัดขึ้นกับส านักงานเขตบางกอกน้อย ต่อมาได้ยกฐานะเป็นเขต บางกอกน้อย สาขาบางพลัดและในที่สุดจึงได้เปลี่ยนเป็นส านักงานเขตบางพลัดในปี พ.ศ. 2532 ปัจจุบัน สถานที่ท าการของส านักงานเขตบางพลัดตั้งอยู่เลขที่ 39 ถนนจรัญสนิทวงศ์ (ติดคลองบางพระครู) แขวงบาง อ้อ เขตบางพลัด พื้นที่ เขตบางพลัดตั้งอยู่พื้นที่ราบลุ่มภาคกลาง บนฝั่งแม่น้าเจ้าพระยา มีเนื้อที่ 11.36 ตารางกิโลเมตร ทิศเหนือ - จรดทางรถไฟสายใต้ซึ่งเป็นแนวแบ่งเขตเขตกรุงเทพมหานครกับจังหวัดนนทบุรี (อ าเภอ บางกรวย) ทิศตะวันออก - จรดแม่น้าเจ้าพระยา ทิศใต้ - จรดถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า ทิศตะวันตก - จรดถนนบรมราชชนนี ต่อเขตบางกอกน้อย แบ่งออกเป็น 4 แขวง ได้แก่ 1. แขวงบางยี่ขัน พื้นที่ประมาณ 2.886 ตารางกิโลเมตร 2. แขวงบางบ าหรุ พื้นที่ประมาณ 2.332 ตารางกิโลเมตร 3. แขวงบางพลัด พื้นที่ประมาณ 3.296 ตารางกิโลเมตร 4. แขวงบางอ้อ พื้นที่ประมาณ 3.846 ตารางกิโลเมตร ถนนสายหลัก คือ ถนนจรัญสนิทวงศ์ สะพาน คือ สะพานพระรามเจ็ด ซอย จ านวน 103 ซอย ซอยส าคัญที่เป็นทางลัด ได้แก่ ซอยจรัญสนิทวงศ์ 85, 86, 87, 88, 89, 90, 91, 91, 92, 93, 94, 95, 96, 97 และ 98 คลอง จ านวน 39 คลอง (อยู่ในความรับผิดชอบของสานักการระบายน้า 9 คลองและสานักงานเขต 30 คลอง) โรงพยาบาลและศูนย์บริการสาธารณสุข
1. โรงพยาบาล จ านวน 1 แห่ง คือ โรงพยาบาลยันฮี สถานีต ารวจ จ านวน 1 แห่ง คือ 1. สถานีตารวจนครบาลบางพลัด สถานีดับเพลิง จ านวน ๒ แห่ง คือ 1. สถานีดับเพลิงบางอ้อ พื้นที่เขตบางพลัดเป็นพื้นที่ที่มีความเจริญเติบโตในทุกด้าน เช่น เศรษฐกิจ สังคม การจราจร การศึกษา การคมนาคม มีเส้นทางรถไฟฟูาตัดผ่าน ท าให้มีผู้คนเข้ามาสัญจรค้าขายในพื้นที่อยู่เป็นประจ า มีทั้ง ผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่และเป็นประชากรแฝง ท าให้เกิดปัญหาด้านมลพิษทั้งทางน้ า ทางเสียง ทางอากาศ ขยะ มูลฝอย ปัญหาสาธารณภัย ปัญหาด้านอาชญากรรมและยาเสพติด และสุขภาวะของประชาชนในพื้นที่ ท าให้ ต้องมีการจัดการมลพิษในด้านต่างๆ ให้มีปริมาณที่ลดลง ส่งเสริมให้มีการแปรรูปขยะไปใช้ประโยชน์ พัฒนา ระบบการปูองกันและบรรเทาสาธารณภัย เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลความปลอดภัยและความเป็นระเบียบ เรียบร้อยของเมืองทั้งในเรื่องของอาชญากรรม ยาเสพติด ส่งเสริมกิจกรรมต่างๆ เพื่อพัฒนาสุขภาวะที่ดีของ ประชาชนในพื้นที่ เช่น กิจกรรมกีฬา การออกกาลังกาย ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจและตระหนักในการปูองกัน และควบคุมโรคให้กับประชาชน รวมไปถึงการตรวจสอบคุณภาพอาหารของสถานประกอบการให้ประชาชนได้ บริโภคอาหารที่สะอาดถูกหลักอนามัย ส านักงานเขตบางพลัดได้หามาตรการและระบบการปูองกันและการพัฒนาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่แบบ บูรณาการจึงเน้นสร้างองค์ความรู้และจิตสานึกให้แก่ภาคส่วนต่าง ๆ ต่อความส าคัญของพื้นที่สีเขียวของเมือง และสร้างความร่วมมือและปลูกจิตสานึกให้ประชาชน ฟื้นฟู บ ารุงรักษา และเพิ่มพื้นที่เป็นพื้นที่สีเขียว เพื่อเพิ่ม ความ ร่มรื่นและลดภาวะโลกร้อนที่เป็นอยู่อย่างยั่งยืน ในด้านสังคม สถานการณ์และสภาวะแวดล้อมของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ส่งผลให้ประเทศ ไทยและกรุงเทพมหานครประสบปัญหาทั้งเรื่องสภาพแวดล้อม ความเหลื่อมล้าทางสังคม โครงสร้างประชากร ที่เปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมเด็กและผู้สูงอายุที่มีมากกว่าวัยทางานสังคม ผู้สูงวัยถูกทอดทิ้งโดดเดี่ยว พ่อแม่ใช้เวลา กับการหารายได้ ไม่มีเวลาอบรมลูกหลานท าให้เกิดปัญหาสังคมตามมา และยังมีการเปลี่ยนแปลงตามกระแส โลกาภิวัตน์ซึ่งท าให้ความเจริญทางด้านวัตถุมากขึ้นแต่กลับท าให้ความเจริญทางใจกลับลดน้อยถอยลง ส านักงานเขตบางพลัดจึงให้ความส าคัญทางด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมความเป็นเอกลักษณ์ทาง วัฒนธรรมของไทย และจะมุ่งให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ให้บริการทางการศึกษาและพัฒนาเยาวชน และประชาชนของกรุงเทพมหานครเป็นไปอย่างทั่วถึงและเป็นรูปธรรม
การศึกษาบริบทชุมชน ชื่อ: วัดวิมุตยาราม เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ฝุายมหานิกาย ตั้งอยู่ในแขวงบางอ้อ เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ติด แม่น้ าเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี ไม่มีหลักฐานการสร้างวัดว่า สร้างสมัยใด ใครเป็นผู้สร้าง แต่จากหลักฐานการสร้างพระประธานใน อุโบสถ ที่จารึกไว้ว่า ยายมา กับ ท่านตาสน ชักชวนสัปบุรุษสร้างพระพุทธรูปองค์นี้ เมื่อวันอังคาร ขึ้น 3 ค่ า เดือน 4 พุทธศักราช 2356 จึงสันนิษฐานว่าน่าจะสร้างวัดขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เดิมชาวบ้านเรียกว่า วัด ละมุดสีดา เพราะมีต้นละมุดสีดาใหญ่อยู่ในวัด หรือเรียกว่า วัดละมุดล่าง เพราะมีวัดทางทิศหนืออีกวัดคือ วัด ละมุดไทย อาจเพราะมีชาวมอญสร้างวัดอยู่ข้าง ๆ พระอุปัชฌาย์เขียน พุทธรักขิโต เจ้าอาวาสในสมัยนั้น คง เห็นว่า ค าว่า ละมุด ในชื่อของวัดนั้นมีเสียงคล้ายค าว่า วิมุติ ซึ่งแปลว่า "หลุดพ้น" ในภาษาบาลี อีกทั้งวัดละมุด ในขณะนั้นรอดพ้นจากการถูกระเบิดในสงครามอย่างน่าอัศจรรย์ จึงได้เปลี่ยนชื่อวัดมาเป็น "วัดวิมุตยาราม" ภายในวัดมีพระอุโบสถ สามารถมองเห็นได้ไกลจากอีกฝั่งของแม่น้ าเจ้าพระยา ส่วนภายในพระอุโบสถ ประดิษฐานพระประธานองค์ใหญ่ มีการเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม
การศึกษาบริบทชุมชน ชื่อชุมชน: ชุมชนวัดวิมุตยาราม ลักษณะชุมชน: เป็นชุมชนแออัด มีบ้านเรือนจ านวน: 238 หลังคาเรือน - ครอบครัวประชากร 1245 คน ชาย 563 คน หญิง 682 คน ข้อมูลสภาพชุมชนโดยรวม - สภาพชุมชนรอบบริเวณโรงเรียนมีลักษณะเป็นชุมชนเมือง มีบ้านเรือนประชาชน วัด ตลาด และร้าน ขายของช า อาชีพหลักของคนในพื้นที่
การศึกษาบริบทชุมชน ชื่อ: ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. ส านักงานกลาง หรือ EGAT Learning Center, Headquarters ศูนย์การเรียนรู้ กฟผ. ส านักงานกลาง หรือ EGAT Learning Center, Headquarters ศูนย์การ เรียนรู้ด้านพลังงานไฟฟูา ที่จะพาทุกคนไปจุดแสงประกายแสงแห่งความคิดสร้างสรรค์ เรียนรู้อย่างสนุกสนาน ไปกับการผจญภัยในโลกพลังงานไฟฟูา ณ กฟผ. ส านักงานกลาง เชิงสะพานพระราม 7 อ.บางกรวย จ.นนทบุรี จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์ด้านการผลิตไฟฟูาที่ค านึงถึงชุมชนและ สิ่งแวดล้อมมากกว่า 50 ปี และเป็นภาพลักษณ์ของ กฟผ. ในการมุ่งสู่การเป็น Trust & Pride of the Nation รวมถึงการเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านพลังงานของประเทศไทยและของโลกตั้งแต่อดีตปัจจุบันและอนาคต นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านอาคารอนุรักษ์พลังงานมาตรฐานระดับนานาชาติมุ่งหมายเพื่อเกิด ประโยชน์สูงสุดคืนสู่สังคม ปัจจุบันทาง กฝผ. ได้ร่วมมือกับทางโรงเรียนวิมุตยารามพิทยากรจัดตั้งห้องเรียนสีเขียวเพื่อให้ผู้เรียนมี สมรรถนะในด้านนี้
จากการศึกษาข้อมูล สรุปผลได้ดังนี้ ห้องเรียนสีเขียวในโรงเรียน 414 ห้อง ครัวเรือนขยายผลสู่ครัวเรือน 123,496 ครัวเรือน ลดการใช้พลังงานไฟฟูาสะสม 42.73 GWh ลดค่าใช้จ่ายพลังงานไฟฟูาสะสม 187 ล้านบาท ลดการปล่อย CO2 สะสม 22 ล้านKgCO2eq นักเรียนในโครงการกว่า 4 ล้านคน โรงเรียนสีเขียว 238 โรงเรียน โรงเรียนคาร์บอนต่ า 912 โรงเรียน โรงเรียนคาร์บอนต่ าสู่ชุมชน 539 โรงเรียน อาคารเบอร์ 5 ในสถานศึกษา 31 อาคาร
การศึกษาบริบทชุมชน ชื่อ: มัสยิดบางอ้อ ตามประวัติค าบอกเล่าของคนในชุมชนกล่าวว่า ‘แขกแพ’ คือกลุ่มชาวมุสลิมที่อาศัยอยู่บน เรือนแพซึ่งจอดอยู่ตามริมฝั่งแม่น้ าและคลองในอยุธยามาแต่เดิม โดยส่วนใหญ่เป็นมุสลิมนิกายซุนนี (Sunni) อีกทั้งยังประกอบขึ้นจากผู้คนหลากหลายกลุ่มชาติพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นชาวอาหรับ ชาวมลายู และชาวจาม ฯลฯ ส่วนมากประกอบอาชีพค้าขายหรือรับราชการเป็นขุนนาง อีกทั้งการที่พวกเขาลงหลักปักฐานในอยุธยาเป็น เวลานาน ท าให้เกิดการแต่งงานกับคนท้องถิ่น ผสมกลมกลืนจนเรียกได้ว่าเป็น ‘มุสลิมท้องถิ่น’ (Localized Muslim) กลุ่มหนึ่งของลุ่มน้ าภาคกลาง เมื่อถึงคราวกรุงศรีอยุธยาแตกใน พ.ศ. 2310 บรรดาแขกแพเหล่านี้อพยพหนีสงคราม ถอนเรือนแพ ล่องตามล าน้ าเจ้าพระยาลงมาหาท าเลปลอดภัย บ้างเข้าไปสมทบกับชุมชนชาวมุสลิมที่ตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณ ตลาดแก้ว-ตลาดขวัญ (จังหวัดนนทบุรี) แต่ส่วนใหญ่จะล่องแพต่อลงมาจนถึงราชธานีใหม่ที่เมืองบางกอก โดย จะไปรวมตัวกันอยู่ที่กุฎีใหญ่ (มัสยิดต้นสน) ใกล้ปากคลองบางหลวง (บางกอกใหญ่) เพื่อประกอบศาสนกิจและ กิจกรรมต่าง ๆ ในขณะที่แขกแพบางกลุ่มไปตั้งชุมชนบริเวณปากคลองบางกอกน้อย (มัสยิดหลวงอันซอริซซุน นะฮ์) หรือลงใต้ไปจนไปถึงย่านคลองสานและย่านบางล าพูล่าง (เจริญนคร) เหล่าลูกหลานของแขกแพเหล่านี้ ยังคงสืบสายสกุล และมีสายสัมพันธ์เครือญาติโยงใยตลอดสายน้ าเจ้าพระยาตั้งแต่อยุธยาจนถึงกรุงเทพฯ จวบ จนถึงปัจจุบัน
ส าหรับชุมชนมัสยิดบางอ้อ แขกแพกลุ่มหนึ่งได้มารวมตัวกันผูกแพริมตลิ่งย่านบางอ้อ ซึ่งในอดีตเป็น พื้นที่เรือกสวนเพาะปลูกผลไม้ จากค าบอกเล่าของบรรพบุรุษว่า มัสยิดบางอ้อหลังแรกเป็นเรือนไม้บนแพ ส าหรับใช้ประกอบพิธีละหมาด แต่เมื่อชุมชนขยายจนมีจ านวนคนมาละหมาดมากขึ้น จึงได้ยกมัสยิดเรือนแพ ขึ้นมาบนฝั่งและขยายต่อเติมให้กว้างขึ้น จนกระทั่งใน พ.ศ. 2462 ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎ เกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้หลักผู้ใหญ่ในชุมชนจึงได้อุทิศที่ดินเพื่อเป็นมัสยิด และร่วมกับออกทุนทรัพย์สร้างมัสยิดก่ออิฐ ถือปูนอย่างดงงามหลังปัจจุบันขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ชาวชุมชนมัสยิดบางอ้อยังมีประวัติด้านการประกอบอาชีพที่น่าสนใจ อย่างการได้รับ สัมปทานค้าไม้ซุงจากภาคเหนือ และน าเรือไปลากซุงมาจากปากน้ าโพธิ์ นอกจากนี้ยังมีกิจการโรงเลื่อยไม้และ เรือเมล์วิ่งระหว่างกรุงเทพฯ-ปากน้ าโพอีกด้วย จากภาพถ่ายทางอากาศภาพหนึ่งของ ปีเตอร์ วิลเลียม-ฮันต์ ใน พ.ศ. 2489 แสดงให้เห็นแพซุงผูกรวมกันทอดยาวอยู่ด้านหน้ามัสยิดบางอ้อและอู่ซุงขนาดใหญ่ เป็นหลักฐาน แสดงถึงอดีตกิจการอันรุ่งเรืองและเป็นรากฐานส าคัญให้กับคนชุมชนแห่งนี้ หากสังเกตภูมินามย่านบางอ้อ-บางพลัด ในแนวถนนจรัญสนิทวงศ์ ยังคงปรากฏการใช้นามสกุลของ นายห้างมุสลิมค้าซุงจากชุมชนมัสยิดบางอ้อเป็นชื่อเรียก อาทิ ซอยมุขตารี ซอยโยธาสมุทร ซอยสิทธิวณิช ซอย ด ารงผล ซอยมานะจิตต์ เป็นต้น
ผลการศึกษาวัฒนธรรมชุมชน ภูมิปัญญาท้องถิ่นและประเพณีส าคัญ ประเพณีสงกรานต์อัญเชิญพระพุทธรูปแซกค า พระแซกค า เป็นพระพุทธรูปหล่อด้วยทองนพคุณ หรือทองค าโบราณ ศิลปะสมัยเชียงแสนยุค ปลาย หน้าตักกว้าง 18 นิ้ว ปางมารวิชัย ขัดสมาธิราบ สร้างขึ้นประมาณระหว่าง พ.ศ. 1700-1800 ได้อัญเชิญ มาจากเวียงจันทน์เมื่อ พ.ศ. 2369 และพระบาทสมเด็จพระนั่ง เกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้เป็นพระประธานในพระอุโบสถของวัดคฤหบดีตั้งแต่เริ่มตั้งวัดมาจนปัจจุบันนับเป็นพระพุทธรูป ที่ประชาชนเขตบางพลัดเลื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง งานประเพณีสงกรานต์เขตบางพลัด จัดขึ้นราววันที่ 8-12 เมษายนของทุกปี โดยมีขบวนเรืออัญเชิญ พระแซกค าองค์จ าลองจากวัดคฤหบดี บริเวณสะพานพระราม 8 ล่องตามแม่น้ าเจ้าพระยามายังวัดวิมุตยาราม แขวงบางอ้อ เขตบางพลัด บางปีจะจัดพิธีแห่ทางรถ มีขบวนแห่ที่สวยงามกิจกรรมในงานจะมีพิธีสรงน้ าพระ แซกค า รดน้ าขอพรผู้ใหญ่ ท าบุญตักบาตร ปล่อยปลา การแสดงโปงลาง บรรเลงดนตรีไทย ลิเก และมหรสพ อื่น ๆ ซึ่งในแต่ละปี ประชาชนเข้าร่วมงานเป็นจ านวนมาก
พิธีเวียนเทียนวันมาฆบูชา วันมาฆบูชา จะเป็นวันที่พระสัมมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง “โอวาทปาติโมกข์” แก่พระสงฆ์เป็นครั้ง แรก หลักจากตรัสรู้มาแล้วเป็นเวลา 9 เดือน โดยหลักค าสอนของ “โอวาทปาติโมกข์” ถือเป็นหัวใจหลักของ พระพุทธศาสนา โดยสามารถสรุปใจความได้ว่า “ท าความดี ละเว้นความชั่ว และท าจิตใจให้บริสุทธิ์” ทั้งนี้วันมาฆบูชาจึงถือเป็นส าคัญทางศาสนาของประเทศไทย และถูกก าหนดให้เป็นวันหยุดราชการ เพื่อให้ประชาชนได้ร าลึกความส าคัญ และประกอบพิธีทางศาสนา เพื่อบูชาพระรัตนตรัย
ผลการศึกษาวัฒนธรรมชุมชนและภูมิปัญญาท้องถิ่น แผนการจัดการเรียนรู้1 เรื่อง เข้มแข็งด้วยภูมิปัญญาของชุมชน หน่วยการเรียนรู้ที่ 10 เรื่อง ชีวิตมีคุณค่า ภูมิปัญญาของชุมชน เวลา 1 คาบ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2566 ผู้สอน นายภูเบศร บุริวัฒน์ สาระที่ 3 เศรษฐศาสตร์ มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ส 3.2 เข้าใจระบบ และสถาบันทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ. และความจ าเป็นของ การร่วมมือกันทางเศรษฐกิจในสังคมโลก ตัวชี้วัด อธิบายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของคนในชุมชน ( ส 3.2 ป. 4/1 ) วิเคราะห์ผลการเรียนรู้/ สาระการเรียนรู้ 1. ด้านความรู้ บอกวิธีการสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนได้ 2. ด้านทักษะ ทักษะการสื่อสาร เพื่อให้นักเรียนสร้างร้านค้าในชุมชนตามจินตนาการของตนเองได้ ทักษะความคิด ตระหนักถึงผลที่เกิดจากชุมชนเข้มแข็ง 3. คุณลักษณะที่พึ่งประสงค์ มีวินัย ใฝุเรียนรู้ มุ่งมั่นในการท างาน รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ สมรรถนะที่ส าคัญของผู้เรียน ความสามารถในการสื่อสาร ความสามารถในการคิด
จุดประสงค์การเรียนรู้ เมื่อจบบทเรียนแล้วนักเรียนสามารถ 1. บอกวิธีการสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนได้ (K) 2. ตระหนักถึงผลที่เกิดจากชุมชนเข้มแข็ง (A) 3. เพื่อให้นักเรียนสร้างร้านค้าในชุมชนตามจินตนาการของตนเองได้ (P) สาระส าคัญ / ความคิดรวบยอด ถ้าคนในชุมชนรู้วิธีการสร้างชุมชนให้เข้มแข็งด้วยการใช้สิ่งของที่ผลิตในชุมชน ชุมชนนั้นก็จะมีความกินดีอยู่ดี มีฐานะ ทางเศรษฐกิจที่ดี และมีความมั่นคง กระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยเทคนิคการสอนแบบ โมเดลซิปปา (CIPPA Model) นักเรียนท าความเคารพเพื่อฝึกมารยาทพื้นฐานทางสังคมก่อนเรียนทุกชั่วโมง ขั้นที่1 ทบทวนความรู้เดิม 1. นักเรียนเล่นเกมกระตุ้นสมอง ชื่อเกมทายภาพ 3 ภาพ 2. ครูทบทวนเศรษฐกิจในชุมชน อาชีพต่างๆ ในชุมชน และอาชีพในชุมชนวัดวิมุตยารามรอบๆ โรงเรียนให้นักเรียนได้ฟังและ ร่วมแสดงความคิดเห็นสั้นๆ ขั้นที่2 การแสวงหาความรู้ใหม่ 1. ครูตั้งประเด็นค าถามให้นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่า ชุมชนจะเข้มแข็ง Strong Community ผู้คนอยู่ดีกินดีมี ความมั่นคงทางเศรษฐกิจได้ผู้คนในชุมชนควรปฏิบัติอย่างไร 2. ครูขออาสาสมัครนักเรียน 2-3 คน ออกมาแสดงความคิดเห็นหน้าชั้นเรียน ขั้นที่3 เชื่อมโยงความรู้ใหม่ความรู้เดิม 1. นักเรียนตอบค าถามกระตุ้นความคิด ชุมชนเข้มแข็ง ในความคิดเห็นของนักเรียนเป็นอย่างไร (พิจารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยให้อยู่ใน ดุลยพินิจของครูผู้สอน) 2. ครูให้นักเรียน ร่วมกันวิเคราะห์ประเด็นที่ครูก าหนด ดังนี้ - ถ้าในชุมชนมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่ดีจะก่อให้เกิดผลอย่างไร - เพราะเหตุใด จึงต้องมีการประสานประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ขั้นที่4 แลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจ 1. ครูน าคลิปวิดีโอ เรื่องชุมชนเข้มแข็ง มาให้นักเรียนได้รับชมเป็นตัวอย่าง หลังจากนั้นอภิปรายร่วมกัน 2. ครูตั้งค าถามว่านักเรียนได้เรียนรู้อะไรในคลิปนี้บ้าง ครูขออาสาสมัครแสดงความคิดเห็น 2-3 คน 3. ครูจึงตั้งค าถามว่า นักเรียนจะมีวิธีท าอย่างไรในชุมชนเข้มแข็ง พัฒนาเอกลักษณ์ความเป็นท้องถิ่น ยกตัวอย่างชุมชน วัดวิมุต พัฒนา จะท าอย่างไรให้เป็นชุมชนเข้มแข็ง เอกลักษณ์ความเป็นท้องถิ่นมีอะไรบ้าง หรือมีสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติมี ศิลปวัฒนธรรม หรือประเพณีพื้นบ้านอะไรบ้างที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาท่องเที่ยวซึ่งในชุมชนวัดวิมุต มีแหล่งประวัติศาสตร์ ที่เป็นสถานที่ปรากฏเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว 4. จากนั้นร่วมกันอภิปรายว่า วัดวิมุตสามารถพัฒนาให้เป็นจุดเชื่อมโยงต่อจากสถานที่ท่องเที่ยวหลักอื่นๆได้ท าให้การเดินทาง สะดวกแก่นักท่องเที่ยว เมื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวจะต้องมีเศรษฐกิจเกิดขึ้น
ขั้นที่5 สรุปและจัดระเบียบความรู้ 1. ครูให้นักเรียนแต่ละคนคิดว่า ถ้าวัดวิมุตเป็นสถานที่ท่องเที่ยว จะต้องมีเศรษฐกิจเข้ามาเพิ่มเติมหรือไม่ยกตัวอย่างเช่น ร้านค้าต่างๆ เมื่อมีนักท่องเที่ยวอาจจะมีการจ าหน่ายสินค้าอุปโภค บริโภค ของที่ระลึก หรืออนาคตอาจจะ มีการผลิตสินค้าใน ชุมชนที่แสดงเอกลักษณ์ในชุมชนมาจ าหน่ายให้กับนักท่องเที่ยวได้หรืออาจจะมีการตั้งร้านค้าที่แตกต่างไปจากร้านค้าปกติ ร้านค้าอาจจะมีสีสันสวยงาม ร้านค้าที่มีรูปลักษณ์แปลกตา เพื่อเพิ่มมูลค่าหรือดึงดูดนักท่องเที่ยว หรืออาจจะตั้งในรูปแบบกลุ่ม หรือสหกรณ์ขึ้น ให้นักเรียนร่วมกันอภิปราย 2. นักเรียนตอบค าถามกระตุ้นความคิด การรวมกลุ่มจัดตั้งสหกรณ์มีส่วนช่วยให้ชุมชนเข้มแข็งได้อย่างไร (ช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่คนในชุมชนท าให้ เศรษฐกิจของชุมชนมีความเข้มแข็ง) ขั้นที่6 การปฏิบัติและ / หรือการแสดงผลงาน 1. นักเรียนท าใบงาน นักเรียนแต่ละกลุ่มวาดรูปร้านค้าในจินตนาการหรือในฝันหรือร้านค้าที่นักเรียนคิดว่า จะสามารถเพิ่ม มูลค่าของสินค้าหรือดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาท่องเที่ยวในชุมชนวัดน้อยพัฒนาได้ ขั้นที่7 การประยุกต์ใช้ความรู้ 1. นักเรียนสร้างโมเดล ร้านค้าในจินตนาการ โดยใช้วัสดุที่มีในท้องถิ่นหรือวัสดุที่สามารถน ามาสร้างร้านค้าให้มีรูปแบบที่มี สีสันสวยงาม จากความคิดของตนเอง สามารถเพิ่มมูลค่าของสินค้าหรือเป็นที่ดึงดูดใจแก่นักท่องเที่ยวได้ สื่อ/แหล่งเรียนรู้ 1.สื่อ Power Point เรื่อง ชีวิตมีคุณค่า ภูมิปัญญาของชุมชน 2.แหล่งเรียนรู้เพิ่มเติมจากอินเตอร์เน็ตสื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 3.คลิปวิดีโอเรื่อง ชุมชนเข้มแข็ง https://www.youtube.com/watch?v=QbQ2Qtfx0mw 4.ใบงาน เรื่อง ร้านค้าในจินตนาการ การวัดและประเมินผล มาตรฐาน การเรียนรู้/ ตัวชี้วัด วิธีการวัดผล เครื่องมือวัดผล เกณฑ์ การประเมินผล ด้านความรู้ 1. บอกวิธีการสร้างความ เข้มแข็งให้ชุมชนได้ (K) ใบงาน เรื่อง ร้านค้าใน จินตนาการ แบบบันทึกผลคะแนนเก็บ ใบงาน เกณฑ์การประเมิน 1-5 หมายถึง ผ่าน 0 หมายถึง ไม่ผ่าน ด้านทักษะ/สมรรถนะที่ ส าคัญ 1. เพื่อให้นักเรียนสร้าง ร้านค้าในชุมชนตาม จินตนาการของตนเองได้ (P) ใบงาน เรื่อง ร้านค้าใน จินตนาการ แบบบันทึกผลคะแนนเก็บ ใบงาน เกณฑ์การประเมิน 1-5 หมายถึง ผ่าน 0 หมายถึง ไม่ผ่าน ด้านคุณลักษณะที่พึง ประสงค์ 1. ตระหนักถึงผลที่เกิดจาก ชุมชนเข้มแข็ง (A) การสังเกตพฤติกรรมในการ ตอบค าถาม แบบสังเกตพฤติกรรมในการ ตอบค าถาม การมีส่วนร่วม ในการเรียนรู้ การสังเกตพฤติกรรมในการ ตอบค าถาม การมีส่วนร่วม ในการเรียนรู้ ได้ระดับดีขึ้น ไป ถือว่าผ่าน
การบูรณาการกับกลุ่มสาระอื่น ๆ 1. การบูรณาการกับกลุ่มวิทยาศาสตร์ การคิดอย่างมีเหตุผล ในชั้น ม. 2 ดังนี้ ครูให้นักเรียนวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของภูมิปัญญาของชุมชนอย่างเป็นเหตุเป็นผล เพื่อเสริมสร้างให้นักเรียนมีพัฒนาการด้าน ความรู้และทักษะที่จ าเป็นต่อการด ารงชีวิต 2. การบูรณาการกับกลุ่มสาระกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย บูรณาการสาระการฟัง การดู และการพูด ในชั้น ม. 2 ดังนี้ ครูให้นักเรียนวิเคราะห์และวิจารณ์เรื่องเกี่ยวกับภูมิปัญญาของชุมชน โดย ฟัง พูด อ่าน และเขียนข้อมูลภูมิปัญญาของชุมชน คุณธรรมที่สอดแทรก 1. คุณธรรมในเรื่อง การใฝุเรียนรู้ โดยครูสอดแทรกคุณธรรมการใฝุเรียนรู้ ในชั้นม. 2 ดังนี้ โดยให้นักเรียนแสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆในเรื่องวัฒนธรรมไทย ทั้งในชั้นเรียนและอินเทอร์เน็ตด้วยการเลือกใช้สื่อ อย่างเหมาะสม บันทึกความรู้ วิเคราะห์ สรุปเป็นองค์ความรู้ สามารถน าไปใช้ชีวิตประจ าวันได้ 2. คุณธรรมในเรื่อง ความสามัคคี โดยครูสอดแทรกคุณธรรม ความสามัคคี ในชั้นม. 2 ดังนี้ โดยครูให้นักเรียนปฏิบัติงานที่มอบหมาย ให้บรรลุผลตามที่ต้องการ เกิดงานอย่างสร้างสรรค์ ปราศจากการทะเลาะวิวาท ไม่ เอารัดเอาเปรียบกัน เป็นการยอมรับความมีเหตุผล ยอมรับความแตกต่างหลากหลายทางความคิดของเพื่อนในห้องเรียน
บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เข้มแข็งด้วยภูมิปัญญาของชุมชน จ านวน 1 คาบ ผลการจัดการเรียนการสอน ดังนี้ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………. ปัญหา/อุปสรรค ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………. แนวทางแก้ไข ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………. ข้อเสนอแนะ (ครูพี่เลี้ยง) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชื่อ...................................................... ( นายภูเบศร บุริวัฒน์) นักศึกษาฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู ลงชื่อ………………..………..…………….. ( นางสาวขวัญฤทัย แสงโพธิ์) ครูพี่เลี้ยง ลงชื่อ………………..………..…………….. ( นางสาวมาริสา นุงอาหลี ) หัวหน้ากลุ่มสาระสังคมศึกษาฯ
แบบบันทึกผลคะแนนเก็บ ใบงาน เรื่อง ร้านค้าในจินตนาการ เลขที่ ชื่อ – นามสกุล รวม คะแนน (5) ผลการประเมิน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 (ลงชื่อ).................................................ผู้สอน นายภูเบศร บุริวัฒน์ เกณฑ์การประเมิน 1-5 หมายถึง ผ่าน 0 หมายถึง ไม่ผ่าน
การสังเกตพฤติกรรมในการตอบค าถาม การมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ เกณฑ์การประเมิน ได้ระดับดีทุกรายการ ถือว่าผ่าน หมายเหตุ การตัดสินใช้เกณฑ์ฐานนิยม เลขที่ ชื่อ – นามสกุล จ านวนครั้ง ผลการประเมิน 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 (ลงชื่อ).................................................ผู้สอน ดีมาก ดี ปานกลาง ปรับปรุง สนใจในการตอบค าถาม ร่วมแสดงความคิดเห็น มากกว่า 7 ครั้ง สนใจในการตอบค าถาม ร่วมแสดงความคิดเห็น 5-6 ครั้ง สนใจในการตอบค าถาม ร่วมแสดงความคิดเห็น 3-4 ครั้ง สนใจในการตอบค าถาม ร่วมแสดงความคิดเห็น 1-2 ครั้ง