The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

บทความวิจัย

บทความวิจัย

การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทย เรื่องการอ่านจับใจความส าคัญ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนอุดรธรรมานุสรณ์ โดยใช้เทคนิคการสอน KWL Plus THE DEVELOPMENT OF THAI LANGUAGE LEARNING ACHIEVEMENT ON READING FOR MAIN IDEA FOR MATAYOMSUKSA 3 UDONTHAMMANUSORN SCHOOL USING KWL PLUS TECHNIQUE จุติภรณ์ สิทธิศรี1 และนุชนงค์ อุเทศพรรัตนกุล2 Chutiporn Sitthisri1 and Nuchanong Uthedpornratanakul2 1 นักศึกษาระดับปริญญาตรีหลักสูตรครุศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี 1 B.A student, Bachelor of Education Program, UdonThani Rajabhat University 2 อาจารย์ประจ าหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร คณะมนุษยศาสตร์ 2 Professor, Thai Language Program, Faculty of Humanities and Social Sciences, UdonThani Rajabhat University บทคัดย่อ งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์1) เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ เรื่อง การอ่าน จับใจความส าคัญ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที ่ 3 โรงเรียนอุดรธรรมานุสรณ์ โดยใช้ กระบวนการเรียนรู้ KWL Plus ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง การอ่านจับใจความส าคัญ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนอุดรธรรมานุสรณ์ โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ KWL Plus การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน โดยใช้สถิติ t-test Dependent และสถิติ t-test for One Sample ผลการศึกษาพบว่า 1) การพัฒนา ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทย เรื ่องการอ ่านจับใจความส าคัญ ของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที ่ 3 โดยใช้เทคนิคการสอน KWL Plus ที ่พัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 82/83 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80/80 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง * ผู้ประสานงาน: จุติภรณ์ สิทธิศรีผู้ประสานงาน อีเมล: [email protected]


การอ่านจับใจความส าคัญ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบกระบวนการ เรียนรู้KWL Plus ก่อนเรียนและหลังเรียน ได้รับการจัดการเรียนรู้ มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 8.36 คะแนน และ 12.48 คะแนน ตามล าดับ และเมื่อเปรียบเทียบระหว ่างคะแนนก่อน และหลังเรียน พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การอ่านจับใจความส าคัญ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ค าส าคัญ : กระบวนการเรียนรู้ KWL Plus, การอ่านจับใจความส าคัญ บทน า ภาษาไทยเป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนจนเกิดความช านาญในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร การเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อน าไปใช้ในชีวิตจริง การอ่าน การอ่านออกเสียงค า ประโยค การอ่านบทร้อยแก้ว ค าประพันธ์ชนิดต่าง ๆ การอ่านในใจเพื่อสร้างความเข้าใจ และการคิดวิเคราะห์สังเคราะห์ความรู้จากสิ่งที ่อ ่าน เพื ่อน าไปปรับใช้ในชีวิตประจ าวัน การอ ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรองเป็นท านองเสนาะได้ถูกต้อง อธิบาย ความหมายโดยตรงและความหมายโดยนัยของค า ประโยค ข้อความ ส านวนโวหาร จากเรื่อง ที ่อ ่าน เข้าใจค าแนะน า ค าอธิบายในคู ่มือต ่าง ๆ แยกแยะข้อคิดเห็นและข้อเท็จจริง จับใจความส าคัญของเรื่องที่อ่านและน าความรู้ความคิดจากเรื่องที่อ่านไปตัดสินใจแก้ปัญหา ในการด าเนินชีวิต มีมารยาทและมีนิสัยรักการอ ่าน และเห็นคุณค ่าสิ ่งที ่อ ่าน (หลักสูตร แกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551, 37-40) ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานและหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน ปี 2551 ได้เน้นให้ผู้เรียนรู้จักกระบวนและวิธีการอ ่านเพื ่อที ่จะสามารถจับใจความสรุป เนื้อหาต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง รวมถึงให้ผู้เรียนรู้จักภาษาที ่ถือว ่าเป็นเอกลักษณ์และเป็น สมบัติทางวัฒนธรรมของชาติอันจะก ่อให้เกิดความเป็นเอกภาพและการสร้างบุคลิกภาพ ของคนในชาติให้มีความเป็นไทย เป็นเครื ่องมือที ่ใช้ในการศึกษาสร้างความเข้าใจซึ ่งกัน และกัน สานสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกัน ท าให้สามารถประกอบธุรกิจการงานด ารงชีวิตอยู่ใน สังคมได้อย่างสันติสุข รวมถึงสามารถศึกษาเรื่องราวทางภูมิปัญญาของบรรพบุรุษทั้งทาง ด้าน วัฒนธรรมประเพณี สุนทรียภาพ ถือเป็นสมบัติอันล ้าค ่าควรที ่จะอนุรักษ์ให้คงอยู่ การอ่านจับใจความส าคัญจึงเป็นส่วนส าคัญที่ช่วยให้บุคคลต่าง ๆ สามารถท าความเข้าใจกับ


เนื้อเรื ่องหรือเรื ่องราวที ่ให้ความสนใจและน าข้อมูลเหล ่านั้นมาวิเคราะห์สังเคราะห์ หาประโยชน์ที่ได้จากการอ่าน และสามารถน าประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงได้ ไม่จ าเป็นที่จะต้อง อ่านเฉพาะบทร้อยแก้ว แต่ยังรวมไปถึงบทประพันธ์งานวรรณคดีวรรณกรรมบทร้อยกรอง ปกติ เพื่อที่จะให้ทราบถึงเรื่องราวข้อเท็จจริงและสามารถน าเรื่องราวเหล่านั้นมาปรับใช้ใน การด าเนินชีวิตให้ได้มากที่สุด ให้เห็นคุณค่าความส าคัญของสิ่งที่ตนเองอ่านได้อย่างลึกซึ้งและ มีประโยชน์อย่างแท้จริง การจัดการเรียนการสอนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนอุดรธรรมานุสรณ์ ประจ าปีการศึกษา 2566 พบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนอุดรธรรมานุสรณ์ นักเรียนส่วนใหญ่มีข้อบกพร่องทางด้านการอ่านจับใจความส าคัญ เพราะนักเรียนยังคงขาด ความรู้พื้นฐานทางภาษาไทย ส่งผลให้เกิดปัญหาด้านการอ่าน นักเรียนไม่มีนิสัยรักการอ่าน มีทัศนคติที่ไม่ดีต่อหนังสือ ไม่ชอบการอ่านหนังสือหรือจดจ่อกับการอ่าน นักเรียนบางส่วน อ่านหนังสือไม่คล่อง ออกเสียงไม่ถูกต้องตามอักขระ และที่ส าคัญนักเรียนอ่านจับใจความ ส าคัญไม่ได้ หรือจับใจความส าคัญได้ไม่ถูกต้อง ท าให้นักเรียนไม่สามารถสรุปเรื่องราวเป็น ค าพูดของตนเองได้ ผู้วิจัยจึงได้ค้นหาวิธีการแก้ปัญหาในการอ่านของนักเรียน พบว่า เทคนิคการสอน แบบ KWL Plus ซึ่งเป็นเทคนิคการสอนอ่านที่เน้นให้ผู้เรียนได้ฝึกทักษะการอ่านจับใจความ ได้เป็นอย่างดี ดังที่ (วัชรา เล่าเรียนดี, 2547: 92-94) ได้กล่าวไว้ว่า การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบ KWL Plus แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีการคิดค้นขึ้นมาอย่างมากมายนั้น การจัด กิจกรรมการเรียนรู้แบบ KWL Plus เป็นวิธีการสอนที่น่าสนใจเพราะเป็นการสอนที่เน้นให้ ผู้เรียนได้ฝึกทักษะกระบวนการทางความคิด ฝึกท าความเข้าใจกับเรื่องที่อ่านโดยใช้โครงสร้าง ความรู้ที่ตนเองมีอยู่ และรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ แบบ KWL Plus ยังสามารถช่วย ให้ผู้เรียนจดจ าเนื้อหา ใจความส าคัญของเรื ่องที ่อ ่าน และน าเสนอออกมาในรูปแบบที่ หลากหลาย จากการศึกษาเอกสารผลการวิจัยทั้งต ่างประเทศและในประเทศชี้ให้เห็นว ่า นักเรียนที่ได้รับการสอนด้วยเทคนิค KWL Plus เป็นการจัดกิจกรรมการสอนอ่านที่เปิด โอกาสให้ผู้อ่านได้ใช้ความรู้ความเข้าใจจากประสบการณ์เดิมของตนที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ ช่วยตีความหรืออธิบายความหมายในเนื้อเรื่อง เช่น มีการคาดคะเนเหตุการณ์ในเรื่องที่อ่าน การตรวจสอบความถูกต้องของการคาดคะเน และการตั้งค าถามเกี่ยวกับเรื่องที่อ่าน


จากความเป็นมาและปัญหาดังกล่าวผู้วิจัยจึงมีความสนใจและต้องการที่จะแก้ไข ปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นโดยใช้การจัดการเรียนรู้กระบวนการเรียนรู้ KWL Plus เพื่อให้ผู้เรียน มีส่วนร ่วมในกิจกรรมของชั้นเรียนและการจัดการเรียนการสอน และเพื่อกระตุ้นแนวคิด ทางด้านการพัฒนาในรายวิชาภาษาไทยในเรื่องการอ่านจับใจความส าคัญให้มีประสิทธิภาพ มากยิ่งขึ้น วัตถุประสงค์การวิจัย 1. เพื ่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ เรื ่อง การอ ่านจับใจความส าคัญ ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนอุดรธรรมานุสรณ์ โดยใช้เทคนิคการสอน KWL Plus ที่ มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2. เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง การอ่านจับใจความส าคัญ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนอุดรธรรมานุสรณ์ โดย ใช้เทคนิคการสอน KWL Plus สมมุติฐานการวิจัย 1. ความสามารถในการอ่านจับใจความส าคัญ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ KWL Plus หลังเรียนเทียบกับเกณฑ์ร้อยละ 80 2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื ่อง การอ ่านจับใจความส าคัญ ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้รูปแบบกระบวนการเรียนรู้KWL Plus หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน วิธีด าเนินการวิจัย 1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากร ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ก าลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2566 จ านวน 3 ห้อง รวม 80 คน ประกอบด้วย ชั้น ม.3/1, ม.3/2 และ ม.3/3 กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/1 ที่ก าลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จ านวน 1 ห้อง จ านวนนักเรียน 25 คน ได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย 2. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ผู้วิจัยได้สร้างเครื่องมือในการด าเนินการวิจัย ประกอบด้วย


1. แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการสอนกระบวนการเรียนรู้ KWL Plus วิชา ภาษาไทย เรื่อง การอ่านจับใจความส าคัญ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 จ านวน 5 แผน แผนการจัดการเรียนรู้ละ 1 ชั่วโมง รวม 5 ชั่วโมง 2. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทยเรื่อง การอ่านจับใจความส าคัญ จ านวน 30 ข้อ 3. แบบประเมินทักษะการอ่านจับใจความเป็นแบบมาตราส่วนประเมินค่า 3 ระดับ โดยใช้เกณฑ์การประเมิน (Rubric Score) จ านวน 1 ฉบับ 3. การเก็บรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยมีขั้นตอนการเก็บรวบรวมข้อมูล ดังนี้ 1. ศึกษาหลักสูตร วิเคราะห์หลักสูตร ก าหนดจุดประสงค์การเรียนรู้และสาระการ เรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ตามหลักสูตรแกนการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 เกี่ยวกับการ อ่านจับใจความส าคัญ 2. ศึกษาวิธีสร้างและเขียนแบบทดสอบประเภทเลือกตอบจากหนังสือการวัดผล การศึกษาของ สมนึก ภัททิยธนี (2549: 202-232) 3. ติดต่อประสานงานกับผู้บริหารโรงเรียนเพื่อขอความร่วมมือในการศึกษาและ ทดลองใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การอ่านจับใจความส าคัญ 4. เลือกนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่ก าลังศึกษาในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 5. จัดท าแผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การอ่านจับใจความส าคัญ และประเมิน ความสอดคล้องเชิงเนื้อหา (IOC) 6. สร้างและหาคุณภาพของแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์ คัดเลือกคุณภาพ มีค่า IOC ค่าความยาก ค่าอ านาจจ าแนก และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับ 7. น าไปใช้จัดกรรมการเรียนรู้โดยการชี้แจงกระบวนการจัดการเรียนรู้ด้วยชุด กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การอ่านจับใจความส าคัญ เพื่อให้ผู้เรียนปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง 8. ทดสอบก ่อนเรียน (Pre-test) กับนักเรียนกลุ่มตัวอย่างด้วยแบบทดสอบ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทย เพื่อน าคะแนนมาวิเคราะห์เป็นคะแนนก่อนเรียน 9. ด าเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การอ่าน จับใจความส าคัญกับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที ่ 3 ที ่เป็นกลุ ่มตัวอย ่าง โดยผู้วิจัยและ


ผู้ช ่วยนักวิจัยเป็นผู้ออกแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เอง ใช้เวลา 5 ชั ่วโมง โดยผู้วิจัย ด าเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้กับนักเรียนกลุ ่มตัวอย ่าง โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื ่อง การอ ่านจับใจความส าคัญ และแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ จ านวน 5 ชุด/แผน รวม 5 ชั่วโมง โดยระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ครูผู้สอนและผู้ช่วย ผู้วิจัยจะท าการสังเกตพฤติกรรมด้านทักษะการอ่านจับใจความของนักเรียนไปด้วย 10. เมื ่อสิ้นสุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท าการทดสอบหลังเรียน (Post-test) กับนักเรียนกลุ่มเดิมในแต่ละโรงเรียน ด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนภาษาไทย แบบประเมินทักษะการอ่านจับใจความส าคัญ ซึ่งแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนภาษาไทย เป็นเอกสารทั้งสองฉบับเป็นชุดเดียวกันกับที่ใช้ทดสอบก่อนเรียน และแบบประเมินทักษะการอ่านจับใจความ หลังการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ 11. หาประสิทธิภาพการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การอ่านจับใจความส าคัญ E1/E2 12. น าคะแนนจากการตรวจแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและ แบบประเมินทักษะการอ ่านจับใจความส าคัญมาวิเคราะห์ข้อมูลโดยวิธีทางสถิติ เพื ่อ ตรวจสอบสมมติฐาน 4. การวิเคราะห์ข้อมูล ผู้วิจัยได้ด าเนินการการวิเคราะห์ข้อมูล ดังนี้ 1. วิเคราะห์หาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การอ่านจับใจความ ส าคัญ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที ่ 3 ตามเกณฑ์ 80/80 ด้วยค ่าประสิทธิภาพของ กระบวนการ และประสิทธิภาพของผลลัพธ์ (E1/E2) 2. วิเคราะห์เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาไทย ของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การอ่านจับใจความส าคัญ ก่อนเรียน และหลังเรียนมาคิดคะแนนเป็นร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน (S.D.) แล้วน า คะแนนมาทดสอบสมมติฐาน โดยใช้สถิติ t-test Dependent 3. วิเคราะห์เปรียบเทียบทักษะการอ่านจับใจความของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 3 โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การอ่านจับใจความส าคัญ หลังเรียนมาคิดคะแนน เป็น ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D) แล้วน าคะแนนมาทดสอบสมมติฐาน โดยใช้สถิติ t-test for One Sample เทียบกับเกณฑ์ที่ก าหนด คือ ไม่ต ่ากว่าร้อยละ 80


สรุปผลการวิจัย การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทย เรื่องการอ่านจับใจความส าคัญ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้เทคนิคการสอน KWL Plus สรุปผลการศึกษาได้ดังนี้ ตารางที่ 1 ผลการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื ่อง การอ่านจับใจความส าคัญ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที ่ 3 โดยใช้เทคนิค การสอน KWL Plus ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 ที่มา: จุติภรณ์ สิทธิศรี (2566: 41) จากตารางที ่ 1 พบว ่า ค ่าเฉลี ่ยของคะแนนสอบระหว ่างเรียนมีค ่าเท ่ากับ 4.12 คะแนนรวม มีค่าเท่ากับ 1030 คะแนน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) มีค่าเท่ากับ 3.76 จาก คะแนนเต็ม 50 คะแนน ประสิทธิภาพตามเกณฑ์ของคะแนนกระบวนการระหว่างเรียน (E1) มีค่าเท่ากับ 82 และค ่าเฉลี่ยของคะแนนวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนมีค่าเท่ากับ 12.48 คะแนนรวม มีค่าเท่ากับ 312 คะแนน ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) มีค่าเท่ากับ 1.33 จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน ประสิทธิภาพตามเกณฑ์ของคะแนนวัดผลสัมฤทธิ์ทางการ เรียนหลังเรียน (E2) มีค่าเท่ากับ 83 รายการประเมิน จ านวน นักเรียน คะแนน เต็ม คะแนน รวม คะแนน เฉลี่ย S.D. ประสิทธิภาพ ตามเกณฑ์ 80/80 คะแนน กระบวนการ ระหว่างเรียน (E1 ) 25 50 1030 4.12 3.76 82 คะแนนวัด ผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียน หลังเรียน(E2 ) 25 15 312 12.48 1.33 83


ตารางที่ 2 การวิเคราะห์ประสิทธิภาพของการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชา ภาษาไทย เรื่องการอ่านจับใจความส าคัญ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้เทคนิค การสอน KWL Plus จากการทดลองใช้ เลข ที่ คะแนน ก่อน เรียน (15) คะแนนที่ได้จากการท าใบงานในแต่ละ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ รวมคะแนน กระบวนการ ระหว่าง เรียน (50) คะแนน หลัง เรียน (15) แผนที่ 1 (10) แผนที่ 2 (10) แผนที่ 3 (10) แผนที่ 4 (10) แผนที่ 5 (10) 1 12 10 10 9 8 10 47 14 2 7 10 10 9 7 10 46 15 3 9 10 9 10 8 9 46 13 4 8 10 8 8 9 9 44 14 5 13 9 10 10 10 8 47 15 6 4 9 8 7 8 8 40 10 7 9 7 7 8 7 8 37 13 8 10 9 8 9 10 9 45 13 9 10 10 8 9 7 9 43 12 10 8 8 7 9 10 9 43 12 11 10 8 9 8 8 9 42 13 12 11 8 8 8 7 9 40 12 13 7 7 7 6 7 7 34 12 14 6 8 8 7 7 8 38 11 15 9 8 8 6 9 8 39 12 16 6 8 9 7 8 8 40 10 17 8 10 8 8 10 9 45 13 18 6 7 9 8 7 8 39 11


เลขที่ คะแนน ก่อน เรียน (15) คะแนนที่ได้จากการท าใบงานในแต่ละ การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ รวมคะแนน กระบวน การระหว่าง เรียน (50) คะแนน หลัง เรียน (15) แผนที่ 1 (10) แผนที่ 2 (10) แผนที่ 3 (10) แผนที่ 4 (10) แผนที่ 5 (10) 19 7 8 9 8 7 8 40 12 20 10 8 9 8 8 9 42 13 21 6 7 8 7 6 7 35 11 22 8 7 8 7 8 7 37 12 23 8 8 10 7 9 9 43 13 24 9 8 7 8 9 10 42 14 25 8 7 9 7 6 7 36 12 รวม 209 209 211 198 200 212 1030 312 ค่า เฉลี่ย 8.36 8.36 8.44 7.92 8.00 8.48 41.2 12.48 S.D. 2.06 1.11 0.96 1.08 1.22 0.92 3.76 1.33 ร้อย ละ 55.73 83.66 84.44 79.22 80.00 84.88 82.4 83.20 ประสิทธิภาพกระบวนการ (E1 ) = 82.40 ประสิทธิภาพกระบวนการ (E2 ) = 83.20 ที่มา: จุติภรณ์ สิทธิศรี (2566: 43-43) ตารางที่ 3 ผลการวิเคราะห์เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การอ่าน จับใจความส าคัญ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้เทคนิคการสอน KWL Plus ก่อน เรียนและหลังเรียน (n = 25)


การทดสอบ S.D. MD S.D.D t Sig.(2-tailed) ก่อนเรียน 8.36 2.06 2.66 0.73 13.40 .05 หลังเรียน 12.48 1.33 ที่มา: จุติภรณ์ สิทธิศรี (2566: 45) จากตารางที่ 5 พบว่า เมื่อน าค่าที (t) ที่ค านวณได้ไปเปรียบเทียบกับตารางค่าวิกฤต ของที (Critical Values of t) ที่ df = 24 ระดับนัยส าคัญ .05 เป็นการทดสอบแบบทางเดียว (One-tail) ได้ค่า (t) เท่ากับ 1.71 ซึ่งค่า (t) ที่ค านวณได้มีค่าเท่ากับ 13.40 มากกว่าค่าจาก ตาราง แสดงว่า ค่าเฉลี่ยของคะแนนการทดสอบหลังเรียนมีค่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของคะแนนการ ทดสอบก่อนเรียนจริง อภิปรายผล การวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาภาษาไทย เรื่องการอ่าน จับใจความส าคัญ โดยใช้เทคนิคการสอน KWL Plus ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนอุดรธรรมานุสรณ์ จากผลการวิเคราะห์พบว ่า ผู้เรียนได้คะแนนเฉลี ่ยผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนก่อนเรียนเท่ากับ 8.36 คะแนน และคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลัง เรียน 12.48 คะแนน และเมื่อเปรียบเทียบคะแนนเฉลี ่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว ่าง คะแนนก ่อนและหลังเรียน พบว ่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื ่อง การอ ่าน จับใจความส าคัญ หลังเรียนสูงกว ่าก ่อนเรียนอย ่างมีนัยส าคัญทางสถิติที ่ระดับ .05 เนื่องมาจากการจัดกระบวนการเรียนการสอนที่มีการด าเนินการ ดังนี้ 1. แผนการจัดการเรียนรู้ เป็นเครื่องมือส าคัญของผู้สอนที่น ามาช ่วยส่งเสริมให้ ผู้เรียนเกิดทักษะการเรียนรู้ครบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านความรู้ ด้านร่างกาย ด้านสังคม เป็นต้น อีกทั้งยังมีส่วนช ่วยในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ส่งเสริมให้ นักเรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื ่อให้สามารถอยู ่ร ่วมกับผู้อื ่นในสังคมได้อย ่างมี ความสุข รวมไปถึงนักเรียนเกิดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ ่งผู้วิจัยได้จัดท าแผน การจัดการเรียนรู้ตามแนวคิดของ เอกรินทร์ สี่มหาศาล และคณะ (2552) ประกอบด้วย สาระส าคัญ จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมการเรียนรู้ สื ่อและแหล ่ง การเรียนรู้ การวัดและประเมินผล และบันทึกผลหลังการสอน โดยแผนการจัดการเรียนรู้ที่ดี


ควรประกอบด้วยองค์ประกอบที่ครบถ้วน เพื่อให้แผนการจัดการเรียนรู้มี ความสมบูรณ์ รวมถึงการปรับเปลี ่ยนกระบวนการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียน เน้นผู้เรียนเป็นส าคัญ เพื่อที่จะสามารถต่อยอดและพัฒนาได้ต่อไปได้อย่างมีคุณภาพ 2. แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง การอ่านจับใจความส าคัญ ผู้วิจัยได้น ากระบวนการ เรียนรู้KWL Plus (วิไลวรรณ สวัสดิวงศ์, 2547) ไดเสนอขั้นตอนของกระบวนการเรียนรู้ KWL Plus ไว้ดังนี้ 1. ขั้น K (What do I know) ขั้นตอนนี้ก่อนที่นักเรียนจะอ่านเรื่อง ครูอธิบายความคิดรวบยอดของเรื่องและก าหนดค าถาม โดยครูกระตุ้นหรือถามให้นักเรียน ได้ระดมสมอง (Brainstorms) เกี่ยวกับสิ่งที่นักเรียนรู้แล้ว และน าข้อมูลที่ได้มาจ าแนกแล้ว เขียนค าตอบของนักเรียน ในแผนภูมิรูปภาพช่อง K (What do I know) หลังจากนั้น นักเรียนและครูร ่วมกันจัดประเภทความรู้ที ่คาดการณ์ว ่าอาจเกิดขึ้นในเรื ่องที ่จะอ ่าน 2. ขั้น W (What do I want to learn) ในขั้นตอนนี้นักเรียนค้นหาความจริงจากค าถาม ในสิ่งที่สนใจ อยากรูหรือค าถามที่ยังไม่มีค าตอบเกี่ยวกับความคิดรวบยอดของเรื่อง พร้อมทั้ง ให้นักเรียนเขียนรายการค าถามที ่ตั้งไว้ ในระหว ่างอ่านนักเรียนสามารถเพิ ่มค าถามและ ค าตอบในกลุ่มของตัวเองได้ 3. ขั้น L1 (What did I learn) ในขั้นตอนนี้นักเรียนบันทึก ความรู้ที่ได้ระหว่างการอ่านและหลังการอ่าน ลงในช่อง L (What did I learn) พร้อมทั้ง ตรวจสอบค าถามที่ยังไม่ได้ตอบ 4. ขั้น L2 (Mapping) นักเรียนน าข้อมูลที่ได้จัดประเภท ไว้ในขั้นตอน K (What do I know) เขียนชื่อเรื่องไว้ในต าแหน ่งตรงกลางและเขียน องค์ประกอบหลักของแต่ละหัวข้อ พร้อมทั้งเขียนอธิบายเพิ่มเติมในแต่ละประเด็น 5. ขั้น L3 (Summarizing) ขั้นตอนนี้นักเรียนช่วยกันสรุปและเขียนสรุปความคิดรวบยอดจากแผนภูมิ ความคิด ซึ่งการเขียนในขั้นนี้จะเป็นประโยชน์ต่อครูและนักเรียนในการประเมินความเข้าใจ ของนักเรียน ผลการวิจัยพบว ่า ผู้เรียนได้คะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก ่อนเรียน เท่ากับ 8.36 คะแนน และคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน 12.48 คะแนน เมื่อ เปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างคะแนนก่อนและหลังเรียน พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การอ่านจับใจความส าคัญ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน แสดงให้เห็นว่าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังจากใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้ KWL Plus หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การอ่านจับใจความส าคัญ โดยใช้เทคนิค การสอน KWL Plus ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที ่ 3 โรงเรียนอุดรธรรมานุสรณ์


ผลการวิจัยพบว่า ผู้เรียนมีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 82/83 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80/80 จึงถือได้ว ่าเครื ่องมือที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพในการพัฒนาทักษะการอ ่าน จับใจความส าคัญของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ ค าผัส สารมาคม (2563) ได้ท าการวิจัย การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ความสามารถ ด้านการอ่านจับใจความและความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 4 โดยใช้การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้เทคนิค KWL มีประสิทธิภาพ 83.88/83.69 ซึ่งมี ค่าสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ และความสามารถในการคิดวิเคราะห์หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่าง มีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และสอดคล้องกับงานวิจัยของ สมฤดี ทาแดง (2564) ได้ท า การวิจัย การจัดการเรียนรู้การอ่านจับใจความส าคัญด้วยเทคนิค KWL Plus ร่วมกับแผนผัง ความคิด ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 84.68/82.90 ซึ่งสูง กว่าเกณฑ์ที่ก าหนดไว้คือ 80/80 3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การอ่านจับใจความส าคัญ โดยใช้เทคนิคการสอน KWL Plus ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนอุดรธรรมานุสรณ์ ก่อนเรียนและ หลังเรียน ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยใช้ความรู้และประสบการณ์เดิมเป็นฐานการเรียนรู้ มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 8.36 คะแนน และ 12.48 คะแนน ตามล าดับ และเมื่อเปรียบเทียบ ระหว่างคะแนนก่อนและหลังเรียน พบว่า นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การอ่าน จับใจความส าคัญ หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05 ท าให้ ผู้เรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น และมีทักษะในการอ่านจับใจความส าคัญมากขึ้น ข้อเสนอแนะ ข้อเสนอแนะเพื่อใช้ในการจัดการเรียนการสอน 1. การจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคการสอน KWL Plus เรื่อง การอ่านจับใจความ ส าคัญ ควรสอนหลักและวิธีการในการอ่านจับใจความส าคัญก่อนที่จะทดลองใช้ 2. การจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคการสอน KWL Plus ในขั้น K (What do I know) ควรกระตุ้นให้นักเรียนทุกคนได้ฝึกตั้งค าถามและระดมสมองเพื ่อให้เกิดการคิด วิเคราะห์และน าความรู้เดิมมาใช้


ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป 1. ควรศึกษาเกี่ยวกับวิธีการการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคการสอน KWL Plus ใน เนื้อหาอื่น ๆ ที่เห็นว่าเหมะสม เพื่อจะได้เกิดประโยชน์ต่อการเรียนการสอนมากขึ้น 2. ควรใช้การจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคการสอน KWL Plus ในการจัดการเรียน การสอนในเนื้อหาสาระที่ไม่ซับซ้อนมากเกินไป เพื่อให้นักเรียนได้เข้าใจในสาระเนื้อหาที่เรียน มากที่สุด เอกสารอ้างอิง กระทรวงศึกษาธิการ. (2561). หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จ ากัด. ค าผัส สารมาคม. (2563). การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง ความสามารถด้านการ อ่านจับใจและความสามารถด้านการคิดวิเคราะห์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้การพัฒนากิจกรรมการเรียนรู้เทคนิค KWL. มหาสารคาม : โรงเรียน โกสุมวิทยาสรรค์. วัชรา เล่าเรียนดี. (2547). เทคนิควิธีการจัดการเรียนรู้ส าหรับครูมืออาชีพ. นครปฐม : มหาวิทยาลัยศิลปากร. สมนึก ภัททิยธนี. (2549). การวัดผลการศึกษา. กาฬสินธุ์ : ประสานการพิมพ์. สมฤดี ทาแดง. (2564). การจัดการเรียนรู้การอ่านจับใจความส าคัญด้วยเทคนิค KWL Plus ร่วมกับแผนผังความคิด ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. ปริญญาการศึกษามหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยนเรศวร. วิไลวรรณ สวัสดิวงศ์. (2547). การพัฒนาทักษะการอ่านอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่จัดการเรียนรู้ด้วยเทคนิค KWL-Plus. ปริญญา ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยศิลปากร. เอกรินทร์ สี่มหาศาล และคณะ. (2552). กระบวนการจัดท าหลักสูตรสถานศึกษา แนวคิดสู่ ปฏิบัติ. กรุงเทพฯ : บุ๊คพอยท์.


Click to View FlipBook Version