สมัยรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว นาฎศิลป์ไทย
รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว นับเป็นยุคทองของศิลปะด้านการแสดง ศิลปะด้านนาฏศิลป์เจริญรุ่งเรืองมาก ทั้งแบบจารีตคือ โขน ละครนอก ละครใน และละครแบบใหม่ซึ่งได้รับอิทธิพลของประเทศตะวันตก อันได้แก่ ละครร้อง ละครพูด ละครดึกดำ บรรพ์ ความสนพระทัยของพระองค์ต่องานแสดงนั้น มิใช่เพียงแต่การทอดพระเนตรดังเช่นรัชกาลที่ผ่านมา แต่ได้มีส่วน พระราชนิพนธ์บทละครทั้งภาษาไทย และภาษาต่างประเทศรวมประมาณ 180 เรื่อง พระองค์โปรดให้ตั้งกรมมหรสพขึ้น มีการทำ นุบำ รุงศิลปะทางโขน ละคร และดนตรีปี่พาทย์ทำ ให้ศิลปะทำ ให้มีการฝึกหัดอย่างมี ระเบียบแบบแผน และโปรดตั้งโรงเรียนฝึกหัดนาฏศิลป์ในกรมมหรสพ นอกจากนี้ยังได้มีการปรับปรุง วิธีการแสดงโขนเป็นละคร ดึกดำ บรรพ์เรื่องรามเกียรติ์และได้เกิดโขนบรรดาศักดิ์ที่มหาดเล็กแสดงคู่กับโขนเชลยศักดิ์ที่เอกชนแสดง ที่มาและความสำ คัญ นาฎศิลป์ไทย สมัยรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
การแสดงโขนเป็นศิลปะขั้นสูงของไทยที่มีมาตั้งแต่อดีตทั้งส่วนของพระมหากษัตริย์และประชาชนทั่วไป รัชกาลที่ 6 สนับสนุนศิลปะการแสดง โขนด้วยการพระราชนิพนธ์บท ทรงควบคุมการจัดแสดงและฝึกซ้อมด้วยพระองค์เอง โดยเหตุที่คณะโขนหลวง ในรัชกาลที่ ๖ ประกอบด้วย ขุนนางข้าราชการที่มียศ มีตำ แหน่ง มีบรรดาศักดิ์ จึงเรียกกันว่า “โขนบรรดาศักดิ์” ส่วนโขนเอกชนนั้นเรียกว่า “โขนเชลยศักดิ์” ซึ่งเริ่มมีมา ตั้งแต่ครั้งยังดำ รงตำ แหน่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช มหาดเล็กในพระองค์ได้รวมตัวกันเล่นโขนเพื่อความสนุกสนาน พระองค์จึงทรงโปรดฯ ให้ครูโขนละครจากคณะของเจ้าพระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์ พระองค์ทรงมีพระราชดำ ริว่าโขนสมัครเล่นสมควรจะแสดงได้ดีกว่าโขนอาชีพ เนื่องจากมีพื้นฐานการศึกษาที่ดีกว่า โดยเทียบเคียงกับประเทศอังกฤษว่ายกย่องศิลปินให้เป็นขุนนาง พระองค์ยังได้ทรงใช้ศิลปะการแสดง ดังกล่าวในการสอดแทรกพระราโชบายหรือพระราชดำ ริ โดยเฉพาะโขนซึ่งใช้วรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์เป็นหลักในการแสดง มุ่งเน้นความสำ คัญ ด้านคุณธรรมและยกย่องพระมหากษัตริย์ที่เปรียบประดุจสมมติเทพ โขน นาฎศิลป์ไทย สมัยรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
โขนบรรดาศักดิ์ โขนเชลยศักดิ์ ย้อนไปเมื่อครั้งดำ รงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ทรงจัดให้มหาดเล็กในพระองค์หัดเล่นโขน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “โขนสมัครเล่น” ในเวลาต่อมา โขนคณะนี้เรียกอีกชื่อว่า “โขนบรรดาศักดิ์” นาฎศิลป์ไทย สมัยรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว โขนเชลยศักดิ์ คือ โขนที่ฝึกหัดให้มหาดเล็กแสดงและโขนสำ หรับประชาชนทั่วไปแสดง
บทละครพูด นาฎศิลป์ไทย สมัยรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ทรงพระราชนิพนธ์บทละครพูดเป็นจำ นวนมาก ทั้งบทละครที่ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นมาใหม่ และบทพระราชนิพนธ์ที่ทรงแปลหรือแปลงงานจากต้นฉบับภาษาต่างประเทศ งานนิพนธ์ประเภทละคร ของพระองค์ได้รับอิทธิพลจากงานประพันธ์ของกวีต่างชาติหลายคน หน้าที่สำ คัญของงานบทละครพูดที่ ทรงพระราชนิพนธ์คือ การถ่ายทอดแนวพระราชดำ ริของพระองค์ผ่านตัวละคร เพื่อสื่อสารต่อผู้อ่านหรือ ผู้ชม บทละครพูดที่แต่งขึ้นสามารถให้วาทกรรมเสียดสี วิพากษ์สังคมขณะนั้น, โน้มน้าวใจประชาชนให้ คล้อยตาม รวมถึงการสร้างภาพลักษณ์ตามพระราชประสงค์ งานพระราชนิพนธ์บทละครมักปรากฏ “ทหาร” เป็นตัวละครเอกของเรื่อง จะเห็นได้จากตัวอย่างดังต่อไปนี้
1. ฉวยอำ นาจ รัชกาลที่ 6 พระราชนิพนธ์ขึ้นเพื่อให้เสือป่าเล่นระหว่าง การซ้อมรบเสือป่า ที่ค่ายหลวงบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2466 โดยทรงใช้นามปากกาว่า “ศรีอยุธยา” 2. หัวใจนักรบ บทละครพูดในพระราชนิพนธ์ที่รู้จักกันแพร่หลาย ทั้งยังถูกนำ มาเล่นเป็นละครเรื่อยมา พระราชนิพนธ์บทละคร ขึ้นในปี 2456 โดยทรงมีจุดมุ่งหมายชักจูงให้คนไทยหันมา สนับสนุนกิจการเสือป่าที่พระองค์ทรงก่อตั้งขึ้นในปี 2454 นาฎศิลป์ไทย สมัยรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
หัวใจนักรบ กลแตก ฟอกไม่ขาว โพงพาง เห็นแก่ลูก ฉวยอำ นาจ บทละครพูดที่ทรง พระราชนิพนธ์ขึ้นเอง บทละครพูดที่ทรง แปลจากต่างประเทศ บทละครพูดที่ทรง ดัดแปลงจากต่างประเทศ ปรียทรรศิกา ต้อนรับลูก โรมิโอและจูเลียต เวนิสวานิช ตามใจท่าน มิตรแท้ นินทาสโมสร กุศโลบาย งดการสมรส ล่ามดี หมอจำ เป็น วิไลเลือกคู่ นาฎศิลป์ไทย สมัยรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเอาพระราชหฤทัยใส่ทำ นุบำ รุงศิลปะการแสดงของไทย ทั้งดนตรี และนาฏศิลป์ ในฐานะมรดกทางวัฒนธรรมอันแสดงเอกลักษณ์ และความเจริญรุ่งเรืองของชาติ จึงสมควรรวบรวม ศิลปินผู้มีความรู้ความสามารถในศิลปะการแสดงแขนงต่างๆ ให้ร่วมกันสืบสาน รักษา และพัฒนาให้มรดกทาง ศิลปวัฒนธรรมเหล่านี้ คงอยู่เป็นศรีสง่าของชาติไทยสืบไป ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้โอนย้ายหน่วยงานที่ดูแล การมหรสพทั้งหลาย ซึ่งเคยกระจัดกระจายอยู่ตามกรมต่างๆ มารวมอยู่ในกรมมหรสพ ที่ทรงตั้งขึ้นเมื่อพุทธศักราช ๒๔๕๔ ประกอบไปด้วย ๔ หน่วยงานสำ คัญ ได้แก่ กรมโขนหลวง, กรมปี่พาทย์หลวง, กรมช่างมหาดเล็ก และกองเครื่องสายฝรั่งหลวง การปรับปรุงกรมมหรสพ นาฎศิลป์ไทย สมัยรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
นาฎศิลป์ไทย สมัยรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่ พระราชทานพระบรมราโชบายในการควบคุมกำ กับดูแลงานของกรมมหรสพ ทั้งรายละเอียดการจัดแสดง การแต่งตั้งผู้บังคับบัญชา หรือเจ้ากรม ตลอดจนการพระราชทานบำ เหน็จรางวัลตอบแทน ความดีความชอบ ก็มีพระบรมราชวินิจฉัยด้วยพระองค์เอง นอกจากนี้ ยังได้ทรงประดิษฐ์ราชทินนามเพื่อพระราชทาน แก่ข้าราชการกรมมหรสพ ให้ตรงตามความสามารถ หรือหน้าที่ของผู้รับพระราชทาน ด้วยถ้อยคำ อันไพเราะสละสลวย คล้องจองกัน เช่น พระนัฏกานุรักษ์ หลวงพำ นักนัจนิกร หลวงสุนทรเทพระบำ หลวงนัฏกรรมขยัน หลวงดึกดำ บรรพ์ประจง หลวงดำ รงวิธีรำ หลวงภรตกรรมโกศล
นาฎศิลป์ไทย สมัยรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เกิดปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ทั่วโลก ซึ่งประเทศไทย ก็ประสบปัญหานี้เช่นกัน รัฐบาลจึงยุบเลิกกรมมหรสพ โดยโอนย้ายงานของกรมมหรสพไปอยู่ในความดูแลรับผิดชอบ ของกระทรวงวัง จนกระทั่งสมัยเปลี่ยนแปลงการปกครอง รัฐบาลในขณะนั้น จึงได้โอนย้ายงานที่เกี่ยวข้องกับ การมหรสพจากกระทรวงวัง ไปสังกัดกรมศิลปากรตราบจนถึงปัจจุบัน
นาฎศิลป์ไทย สมัยรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ในรัชกาลนี้ทรงโปรดให้มีการสร้างพระราชวังทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดหลายแห่ง และด้วยความที่ทรงโปรดในศิลปะโขนละคร จึงทรงให้ในพระราชวังแต่ละแห่งนั้นมีโรงละครประจำ พระราชวังอยู่ด้วยเสมอ ได้แก่ สิ่งก่อสร้างที่เกี่ยวเนื่องด้วยนาฏยศิลป์ 1.โรงละครในพระบรมมหาราชวัง สร้างแบบไม่ถาวร ตั้งอยู่หลังพระที่นั่งบรมพิมาน ติดกับบริเวณสวนศิวาลัย สร้างขึ้นเมื่อคราวงานหมู ซึ่งเป็นงานเฉลิม พระชนมายุสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเจริญพระชนมายุ 60 พรรษา
นาฎศิลป์ไทย สมัยรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว 2.โรงละครในพระราชวังดุสิต สร้างต่อท้ายพระที่นั่งอัมพรสถาน ด้านตะวันตก เป็นอาคารไม้มีโรงละครอยู่ชั้นบน 3.โรงละครในพระราชอุทยานสราญรมย์ เป็นอาคารไม้ชั้นเดียว ยกพื้นจากดินเล็กน้อย
นาฎศิลป์ไทย สมัยรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว 4.โรงละครสวนมิสกวัน ตรงข้ามวังปารุสกวัน เป็นโรงละครที่ทันสมัยเป็นอาคารไม้ทั้งหลัง ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลี่ 5 และมีการปรับปรุงอีกครั้งในรัชกาลนี้ ด้านหน้าทางเขาโรงละคร มีบันไดใหญ่แยกขึ้นสองข้างบอกซ์คูหา ชั้นบนส่วนกลางเป็นที่ประทับทอดพระเนตร มีทางเดินเข้าบอกซ์คูหาด้านหลังทั้งสองซีกอย่างโรงละครในต่างประเทศ กลางเวทีส่วนล่าง ถ้าเล่นละครจะตั้งเก้าอี้สำ หรับคนดู ถ้าเล่นโขนจัดเป็นเวทีแสดง ผู้ดูโขนนั่งดูอยู่วงนอกทั้ง 3 ด้าน บนฝ้ามีรอกสำ หรับสายรอกวิ่งบนเพดาน เมื่อตัวโขนเหาะสามารถชักรอกให้ลอยมากลางเวทีได้ 5.โรงละครที่พระราชวังสนามจันทน์ ใช้ท้องพระโรงพระที่นั่ง สามัคคีมุขมาตย์เป็นโรงละคร
นาฎศิลป์ไทย สมัยรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว 6.โรงละครที่พระราชวังบางปะอิน ตั้งอยู่มุมสนาม หน้าพระที่นั่งเวหาสจำ รูญ (พระที่นั่งเก๋งจีน เทียนเหม็งเตีย) 7.โรงละครที่พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ตั้งอยู่ริมทะเล ต่อเนื่องกับพระตำ หนักที่ประทับด้านทิศใต้
สมาชิกในกลุ่ม ม.6/13 1.นางสาวธิวาภรณ์ จันทเลิศ เลขที่ 28 2.นางสาวศิรภัสสร อุไรรัตน์ เลขที่ 29 3.นางสาวอัสมา ไกรรักษ์ เลขที่ 31 4.นางสาวฉัฏธิดา ไมตรี เลขที่ 32
ขอขอบคุณ