35
การฟ้อนรำหรือเต้นรำ เครื่องดนตรีที่ใช้บรรเลงมีลักษณะเฉพาะเป็นของท้องถิ่นนั้นๆเป็นสัญลักษณ์ของ
ท้องถ่นิ หรอื ชนเผ่า
โดยส่วนใหญ่แล้วการนำเพลง ดนตรีประเภทพื้นบ้านมาบรรจุในผลงานสร้างสรรค์นาฏศิลป์
นั้นมีลักษณะการนำเพลงพื้นบ้านดั้งเดิมนำมาแต่งบทร้องขึ้นใหม่และจากการนำเพลงสมัยใหม่มา
ผสมผสานกับเพลงจังหวะพื้นบ้านรูปแบบของการนำดนตรีมาประยุกต์นั้นเกิดขึ้นอย่างหล ากหลาย
โดยยังคงให้เกิดความเป็นท้องถิ่นมีกลิ่นอายของวัฒนธรรมดั้งเดิมเข้ามาผสมผสาน ซึ่งสามารถสร้างสรรค์
ไดอ้ ยา่ งอิสระไมจ่ ำกดั รปู แบบ
3.4.3 วงดนตรสี ากล
วงดนตรีสากลที่เกิดขึ้นในศตวรรษต้นๆจนถึงปัจจุบัน จะมีลักษณะการผสมวงที่แตกต่างกันทั้ง
ชนิดของเครื่องดนตรีและจำนวนชิ้นที่ใช้ในการบรรเลง ความหลากหลายของเครื่องดนตรีและจำนวน
ผู้เล่นกอ่ ให้เกดิ วงดนตรีตามสมัยนยิ มเป็นดงั น้ี
ภัคดนตรีหรือวงแชมเบอร์มิวสิค (Chamber Music) เป็นลักษณะการผสมวงในราชสำนัก
หรือผสมวงเลน่ ในห้องโถงเป็นลกั ษณะของวงแบบง่ายๆ ตามปกติมีนักดนตรี 2 ถงึ 9 คน จะมชี อ่ื ต่างกันไป
ตามจำนวนผู้บรรเลง การผสมจำนวน 9 เครื่องดนตรีเป็นที่สุดสำหรับบทเพลงและการบรรเลงเรียกว่าภัค
ดนตรหี รือดนตรีเชมเบอร์
วงดุริยางค์ (Orchestra) ใช้บรรเลงเพลงที่เรียกว่า ดนตรีวงดุริยางค์ (Orchestra music)
วงดนตรีแบบนี้จะมีความสมบูรณ์ได้ก็ต้องเป็นวงดนตรีที่เรียกว่า วงดุริยางค์ชิมโฟนี ( Symphony
orchestra) ประกอบด้วยเครื่องดนตรีและผู้บรรเลงเปน็ จำนวนมาก เพราะผู้ที่ปฏิบตั เิ ครื่องสายนัน้ จะตอ้ ง
มีการเพิม่ หรือทวคี ูณจำนวน
วงดุริยางค์ประกอบการแสดงอุปรากรและละคร (Orchestral for accompaniment and
Opera) วงดุริยางค์ประเภทนี้ประกอบด้วยเครื่องดนตรี 4 กลุ่ม เช่นเดียวกับวงดุริยางค์ชิมโฟนีแต่เป็นวง
ขนาดเล็กกว่ามจี ำนวนผู้เล่นอยา่ งมาก 60 คน
วงดุริยางค์ขนาดเล็กบรรเลงเพลงประชานิยมหรือดนตรีป็อปปูลาร์และดนตรีลีลาศ ( Small
orchestra for playing popular and Dance music)
วงโยธวาทิต (Military Band) ใช้เครื่องดนตรีอย่างเดียวกันกับวงดุริยางค์ยกเว้นเครื่องสายที่ใช้
คันสีเท่านั้นที่ไม่ใช้เลย วงประเภทนี้จึงมีแต่เครื่องเป่าล้วนคือ เครื่องลมไม้และเครื่องลมทองเหลืองเหมาะ
กบั งานภายนอกสถานทง่ี านนำแถวเดนิ ขบวนและงานบรรเลงเพลงคอนเสิร์ตกลางแจ้ง
แตรวง (Bass band) ประกอบด้วยเครื่องดนตรี 2 กลุ่มคือ เครื่องลมทองเหลืองและกลุ่มเครื่อง
กระทบ
36
วงแจ๊ส (Jazz Band) ประกอบด้วย กลุ่มแซ็กโซโฟน คลาริเน็ต ทรัมเป็ต ทรอมโบน ดับเบิลเบส
เปยี โนและเคร่ืองกระทบของแจส๊ ในปัจจบุ นั กตี ารไ์ ฟฟ้าก็นิยมเล่นในวงแจ๊สด้วย
ดนตรีสากลเป็นสิ่งที่ผู้สร้างสรรค์ผลงานส่วนใหญ่นำมาใช้ในการบรรจุเพลงในนาฏศิลป์ประยุกต์
โดยมวี ิธีการนำมาหลายลักษณะเชน่ นำเคร่ืองดนตรไี ทย ดนตรพี ืน้ บ้านหรือดนตรีประเภท อ่นื ๆมาผสมกบั
ดนตรีสากลเพื่อให้ได้เอกลักษณ์ของการแสดงนั้นๆ ในรูปแบบของดนตรีประยุกต์ทั้งการประยุกต์แบบ
ผสมผสานระหว่างวงดนตรี การประยุกต์แบบใช้เฉพาะเลือกเอกลักษณ์ทำนอง ดนตรีนำมาดัดแปลงใหม่
การเลือกใช้เทคนิคทางดนตรีมาตัดต่อ เช่น เสียงจากธรรมชาตหิ รือเสียงทีท่ ำใหเ้ กิดขึ้นเองหรอื อัดเสียงพูด
บรรยาย ร้องเพลง สวดมนต์ นำมาสร้างสรรค์ให้เกิดความแปลกใหม่ขึ้น ซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องใช้จินตนาการ
บนพื้นฐานความรู้อย่างละเอียดถี่ถ้วน ดังนั้นดนตรีมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อประสาทสัมผัสของผู้แสดงให้มี
ความเข้าใจในการสื่อความหมาย การเลือกสรรเพลงหรือดนตรีต้องมีการใช้การเลือกสรรเพื่อให้เหมาะสม
กับชุดการแสดงผู้เขียนได้สรุปหลักวิธีการเลือกสรรเพลง ดนตรีที่นำมาประกอบการสร้างสรรค์ผลงานดงั นี้
กำหนดแนวคิดของการแสดงแล้วค่อยออกแบบการใช้เพลง ดนตรี กำหนดจากบทร้องที่นำมาเป็นบท
แสดงแล้วค่อยบรรจุเพลง ดนตรี กำหนดจากท่าทางก่อนแล้วเลือกรูปแบบดนตรีเพลงกำหนดจากเพลง
ดนตรีแลว้ นำทา่ ทางมาใส่
ผู้สร้างสรรค์ผลงานอาจจะไม่มีความรู้ทางดนตรีมากนัก ซึ่งเมื่อกำหนดแนวคิดกำหนดท่าทาง
เบื้องต้นแล้วจำเป็นต้องอธิบายสิ่งที่ผู้สร้างสรรค์ต้องการให้ผู้ช่วยด้านดนตรีเข้าใจในแนวคิดนั้นอย่าง
ชัดเจนผู้ประพันธ์เพลงยังต้องอาศัยองค์ประกอบในเนื้อหาขอ งผู้สร้างสรรค์ท่าฟ้อนต่างๆเพื่อนำมาเป็น
จินตนาการในการคิดทำนองให้แปลกใหม่เช่น ลักษณะของการฟ้อนรำที่ต้องการการเคลื่อนไหวแบบช้า
สลบั เร็วและจบลงชา้
การอธิบายช่วงการแสดงอย่างชัดเจนมีส่วนทำให้การคิดสร้างสรรค์เพลงเป็นไปด้วยดี ซึ่งอาจมี
การบรรจุเพลงที่ประพันธ์ขึ้นใหม่หรือเพลง ดนตรี ที่นำมาประยุกต์ผสมผสานขึ้นนอกจากนี้ยังควรระวัง
เรื่องอารมณ์ความตอ่ เน่ืองของเพลงให้มีความสอดคล้องกบั การแสดง
3.5 เครอื่ งแต่งกาย
เครื่องแต่งกายในการสร้างสรรค์นาฏศิลป์นั้น จำเป็นต้องศึกษาเรื่องขององค์ประกอบศิลป์ในทาง
ทศั นศลิ ป์เพ่อื เป็นประโยชน์ตอ่ การนำไปใชข้ นาดและสดั ส่วนใหม้ ีความสัมพนั ธก์ นั ในรปู รา่ งของผูแ้ สดงไม่ดู
แล้วผิดสดั สว่ น ความกลมกลนื การตกแต่งจากสี วัสดุ ท่ดี แู ล้วโดดเด่นเป็นพิเศษแต่เม่ือพจิ ารณาแล้วไม่เข้า
กนั กจ็ ดั วา่ ไมก่ ลมกลนื การตดั กัน ทำไดห้ ลายวิธที ง้ั ในดา้ นลวดลาย สี สามารถสร้างให้ดแู ปลกตา เอกภาพ
มีความสัมพันธ์สอดคล้องกับความกลมกลืน เอกภาพในการออกแบบการแต่งกายนาฏศิลป์อาจหมาย
37
รวมถึงดูแล้วไม่ขัดตาไม่มากจนเกินไปแต่มีความงามเฉพาะเจาะจง การเน้นเป็นการเพิ่มจุดเด่นของเครื่อง
แต่งกายเช่น สร้อยคอ สายสังวาล ชฎา สีเป็นส่วนสำคัญในการมองเห็นการให้ความรู้สึกด้านอารมณ์ของ
การแสดงเพิ่มความน่าสนใจและเป็นสิ่งที่ในชุดระบำควรพิจารณาเป็นหลักตามหลักการใช้สีในจิตวิทยาให้
ความรูส้ กึ แตกต่างกัน
สีแดงเย้ายวนร้อนแรงเชื่อมั่นเปิดเผย สีเหลืองร่าเริงอ่อนโยนมีพลังจินตนาการสดใส สีเขียวสุขุม
เยือกเย็น สีฟ้าความสุขสงบพักผ่อนสดชื่นเรียบง่าย สีม่วงสูงส่งสง่าศรัทธา สีขาวสะอาดบริสุทธิ์นักคิดทรง
พลัง สดี ำมั่นใจนา่ เกรงขามดดุ นั โดดเดีย่ วสนี ้ำเงินผ้นู ำมั่นคงอบอุ่น
การออกแบบเครื่องแต่งกายในการสร้างสรรค์ผลงานนาฏศิลป์ส่วนใหญ่จะพบลักษณะเด่น
สำหรบั เครอื่ งแตง่ กายท่ใี ช้ในการแสดง ซง่ึ สามารถสรปุ หลกั การออกแบบไดด้ ังน้ี
นำโครงสร้างของรูปแบบการแต่งกายมาเป็นโครงสร้างหลักเช่น เส้นกรอบนอกของรูปทรงใน
เครื่องแต่งกายไทย ชฎามีส่วนแหลม กะบังหน้ากรอบหน้าทรงเหลี่ยมนำมาใส่รายละเอียดใหม่ภายใต้
กรอบแนวคิดในผลงาน
ลักษณะของวัสดุเช่น ผ้า ลวดลายผ้า เชือก เถาวัลย์ กระดุม ดิ้นปัก ขนนก ลูกปัด เครื่องประดับ
โลหะ การประยกุ ต์จากวสั ดุธรรมชาตนิ ำมาเปน็ สว่ นเสริมใหด้ ูมีมิติเพิ่มเอกลักษณ์ของชุด
รูปแบบเครื่องแต่งกายท้องถิ่นเช่น ชนเผ่าใส่ผ้าพื้นเมือง ทาตัวใส่สร้อยคอใหญ่ผู้สร้างสรรค์
สามารถนำมาประยกุ ต์ใชใ้ นงานท่ีต้องการแสดงถึงวฒั นธรรมท้องถิน่
การใช้เครื่องแต่งกายเพื่อสื่อความหมายพิเศษเช่น เป็นตัวเอก ตัวรอง ปีศาจ นางฟ้า พญายักษ์
เครือ่ งแตง่ กายท่นี ำมาออกแบบตอ้ งสอื่ ความหมายในตัวอย่างชัดเจนไมค่ ลุมเครอื
การใชเ้ ครื่องแตง่ กายเป็นอปุ กรณ์การแสดงเช่น การออกแบบกระโปรงยาว บาน เป็นกลีบดอกไม้
ในการแสดงใช้ผู้แสดงเป็นดอกไม้ กระโปรงคือกลีบดอกไม้หมุนตัวตลอดเวลา ลักษณะเช่นนี้เครื่องแต่ง
กายจัดว่าเป็นหลกั ของการแสดงจึงตอ้ งออกแบบใหเ้ หมาะสมและไม่ทำให้เกดิ การผิดพลาดของผแู้ สดง
ออกแบบตามจารีตปฏบิ ตั ิ เชน่ เครอื่ งแตง่ กายไทยตามแบบจารีตไม่ควรนำมาประยกุ ตใ์ นลักษณะ
การแสดงแบบมาตรฐานหรอื ทำให้ผดิ เพ้ียนจากเดิม เพราะเป็นเครื่องแตง่ กายเลยี นแบบของกษตั ริย์
3.6 อปุ กรณ์การแสดง
อุปกรณ์การแสดงเป็นสิ่งที่ทำให้การแสดงมีความน่าสนใจมากขึ้นในการสร้างสรรค์อุปกรณ์การ
แสดง สามารถนำความรู้ด้านจิตรกรรมมาใช้ในการออกแบบตกแต่งลวดลายอุปกรณ์การแสดงให้มีความ
สวยงาม อุปกรณ์ประกอบการแสดงเป็นส่วนหนึ่งที่พบในการแสดงใช้สื่อความหมายในการแสดงลักษณะ
38
การเลือกใช้อุปกรณ์การแสดงในนาฏศิลป์แต่ละประเภทแตกต่างกนั ไป สามารถสรุปการส่ือความหมายใน
การใช้อปุ กรณ์ ได้ดงั นี้
3.6.1 นาฏศลิ ปไ์ ทยแบบมาตรฐานและพนื้ เมือง
การแสดงนาฏศิลป์ไทยบางชุดต้องมีอุปกรณ์ประกอบการแสดงละครด้วย เช่น ระบำพัด ระบำ
นกเขา ฟ้อนเทียน ฟ้อนเล็บ ฟ้อนร่ม จีนรำพัด รำกิ่งไม้เงินทอง รำดาบ รำกริช รำพลอง ฟ้อนเล็บ ฟ้อน
เทียน ฟ้อนเก็บใบชา เซิ้งกระติ๊บ ร่อนแร่ อุปกรณ์แต่ละชนิดที่ใช้ประกอบการแสดงจะต้องสมบูรณ์
สวยงามและสวมใส่ได้พอดี หากเป็นอุปกรณ์ที่ต้องใช้ประกอบการแสดงผู้แสดงจะต้องมีทักษะในการใช้
อุปกรณ์ได้อย่างคล่องแคล่ววางอยู่ในระดับที่ถูกต้องสวยงามมีการใช้อุปกรณ์การแสดงเพื่อประกอบความ
สวยงามและเพอ่ื ใชเ้ ปน็ สว่ นหนง่ึ ของเนอ้ื หา
ภาพท่ี 7 รอ่ นแร่
(สำนักงานวัฒนธรรมจังหวดั ระนอง, 2558: ออนไลน์)
3.6.2 นาฏศลิ ป์ประยกุ ต์
อุปกรณ์ที่ใช้ประกอบการแสดงนาฏศิลป์ประยุกต์เป็นองค์ประกอบนาฏศิลป์ที่สำคัญอย่างหนึ่งที่
ทำให้การแสดงมีความสมบูรณ์ ผู้สร้างสรรค์สามารถออกแบบอุปกรณ์ได้ตามจินตนาการทั้งนี้มีทั้งการสื่อ
ความหมายเชิงนามธรรมและรูปธรรมเช่น การใช้ผ้าสีฟ้าขนาดใหญ่ขึงเป็นแนวนอนกลางเวทีสื่อถึงสายน้ำ
ลกั ษณะเช่นนี้จดั วา่ เปน็ การส่อื เลียนแบบธรรมชาตทิ ี่เปน็ รูปธรรมท่มี ีอยูจ่ ริง
39
ภาพท่ี 8 การแสดงแฟชั่นโชว์ในชดุ ผา้ ไหมไทย
(ททท.-สยามพารากอนเชอ่ื มไหมไทยวถิ ีไทยเทิดไท้ราชินี, 2015: ออนไลน)์
บทท่ี 4
การสร้างสรรค์ผลงานนาฏศิลป์ประยกุ ต์ชุดฟ้อนพทุ ธชนะมาร
การแสดงชุดฟ้อนพุทธชนะมาร (พาหุงตะกาถา) เป็นการแสดงนาฏศิลป์ประยุกต์โดยมีลักษณะ
การนำเอานาฏศิลป์พื้นเมืองอีสานผสมผสานกับการใช้เท้าแบบโขนและการเคลื่อนไหวแบบอิสระ
โดยใช้เครื่องดนตรีพื้นเมืองอีสานประยุกต์กับทำนองเพลงแบบสากลร่วมสมัย เนื้อเรื่องเกี่ยวกับพุทธ
ประวัติในตอนชนะมาร ซึ่งการสร้างสรรค์นี้เกิดจากการทดลองสร้างสรรค์ในรายวิชาผลงานสร้างสรรค์
นาฏศิลป์สำหรับครูเพื่อเป็นการทดลองนำไปใช้สอนในโรงเรียนโดยนำเนื้อหาในวิชาพุทธศาสนามาบูรณา
การร่วมกับวิชานาฏศิลป์เป็นเนื้อหาของเรื่อง โดยมีวิธีการดำเนินงานสร้างสรรค์ตามลำดับได้แก่ แนวคิด
แรงบนั ดาลใจ วิธีการสร้างสรรค์ การแบ่งชว่ งการแสดง การประดิษฐแ์ มท่ า่ และกระบวนทา่ การเคล่อื นไหว
บนเวทีและการแปรแถว เพลง ดนตรีและการแต่งกาย
4.1 แนวคิดฟ้อนพทุ ธชนะมาร
การศึกษาพุทธประวัติในตอนที่พระพุทธเจ้าผจญมารก่อนการตรัสรู้เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจอีก
ตอนหนึ่งในพระพุทธศาสนาซึ่งในตำราพุทธะคาถาจะปรากฏตาถะกาถาหนึ่งบท ชื่อพาหุงมหาตะกาถา
หรือที่รู้จักในชื่อบทสวดชนะมารที่นิยมนำมาสวดในการอธิษฐานจิตเพื่อให้รอดพ้นจากภยันตรายต่างๆใน
การทำงานหรือการเดินทางนำมาเสนองานสร้างสรรค์ในรูปแบบการแสดงนาฏศิลป์พื้นเมืองอีสานแบบ
ประยุกต์
4.2 แรงบันดาลใจฟอ้ นพทุ ธชนะมาร
ต้องการนำเนื้อหาของการเรียนการสอนในรายวิชาพุทธศาสนามาบูรณาการโดยใช้วิชานาฏศิลป์
สร้างสรรค์เพื่อเป็นประโยชนก์ ับนักเรียนในการจัดการเรียนรู้แบบบูรณาการเป็นการทดลอง นำไปใช้ใหไ้ ด้
เกิดผลจริงตามวัตถปุ ระสงค์
4.3 วิธีการสรา้ งสรรค์ฟ้อนพุทธชนะมาร
ทำการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับด้านเนื้อหา ประวัติความเป็นมาของตำนาน วางโครงเรื่อง
กำหนดรูปแบบนาฏยลักษณ์โดยใช้ลักษณะการแสดงแบบการฟ้อนมวยโบราณผสมผสานกับการเต้นโขน
ยักษ์ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์ ดนตรี เครื่องแต่งกาย ออกแบบดนตรีมาประกอบกันการออกแบบ
41
ท่าทางการแสดงโดยเลือกเอาลายเพลงทางอีสานเป็นหลัก ผลิตสื่อและอุปกรณ์พร้อมเครื่องแต่งกาย
ประกอบการแสดง คดิ ประดิษฐท์ า่ รำข้ึนใหม่จากจนิ ตนาการ ทดลองนำการแสดงไปใหน้ ักเรยี นในโรงเรียน
ที่ออกฝึกปฏิบัติการสอน ประเมินผลการแสดงจากผู้ชมซึ่งประกอบด้วยครู ผู้เชี่ยวชาญด้านนาฏศิลป์และ
นักเรียนในชั้นเรียน นำผลประเมินมาปรับปรุงแก้ไข ผลที่ได้อยู่ในคะแนนระดับดีมากแต่มีข้อเสนอแนะใน
การปรบั ปรุงซึ่งไดป้ รับปรงุ แล้วคอื ปรบั ท่าให้มีความเหมาะสมกับจังหวะเพลงมีการปรบั แก้ไขเพลงเพิ่มเติม
โดยให้มีความเป็นพื้นบ้านอีสานมากขึ้นนำท่าจากทักษะการแสดงโขนตัวยักษ์มาผสมเข้าไปในช่วงที่มีการ
แสดงของฝ่ายมารเพิ่มเติมการตีบทโดยใช้แม่ท่าจากแม่บทเล็กในบทของพระแม่ธรณีมีการปรับแถว
เพิ่มเติมเพื่อให้มีความหลากหลายในการแสดงหลังจากนั้นได้มีการนำเอาการแสดงชุดฟ้อนพุทธชนะมาร
(พาหุงตะกาถา) ออกแสดงในงานตา่ งๆ
4.4 การแบ่งช่วงการแสดงฟ้อนพทุ ธชนะมาร
การแสดงชุดฟ้อนพุทธะชนะมาร (พาหุงตะกาถา) เป็นการแสดงที่สื่อถึงเรื่องราวพุทธประวัติของ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าในตอนผจญมารซึ่งจะกล่าวถึงตั้งแต่ตอนพราหมณ์โสตถิยะน้อมถวายหญ้าคาเพื่อ
เกลี่ยเปน็ บลั ลงั กอ์ าสนะในการนัง่ ประทับเพื่อบำเพญ็ ธรรมจนถึงตอนที่พระแม่ธรณีแสดงตนบีบมวยผมจน
ทำใหพ้ ญามารพ่ายแพต้ ่อบารมแี ห่งพทุ ธะ นำเสนอในรูปแบบการแสดงแบง่ เป็น 4 ช่วง
ช่วงที่ 1 น้อมถวายหญ้าคา ใช้นักแสดงชาย 6 คนสมมุติตนเป็นกลุ่มพราหมณ์ที่รับจ้างตัดและ
หาบหญ้า แสดงท่าทางการฟ้อนที่สื่อถึงการเก็บเกี่ยวหญ้าและท่าทางในการเลื่อมใสศรัทธาพระพุทธองค์
เช่น ท่าไหว้ ท่าบังสุริยะ ท่ามัดหญ้า โดยมีการใช้อุปกรณ์ในการแสดงเป็นมัดหญ้าคา ใช้จังหวะการย่ำเท้า
แบบอีสานนับจังหวะตามจังหวะกระทบกลอง เสียงดนตรีที่บรรเลงโดยโหวดและแคนเป็นหลักสื่อถึง
บรรยากาศทมี่ ีลมพดั และแดดรอ้ น
ช่วงที่ 2 พญามารผจญ ใช้นักแสดงชาย 8 คน แสดงตนสมมุติเป็นพลมารที่ยกทัพมาเพื่อจะ
ขัดขวางพระพุทธองค์ในชว่ งน้ีจะใชท้ ่าการฟ้อนมวยโบราณผสมผสานการย่ำเท้า เก็บเท้าและนาฏยลักษณ์
แบบวงตัวยักษ์ในการแสดงโขน ประดิษฐ์เป็นแม่ท่าในการแสดงช่วงนี้โดยมีท่าทางเช่น ท่าช้างคีรีเมขล์
ท่าเสอื ลากหางทา่ แผลงศรทา่ ตะลกึ ตึก สอื่ ให้เห็นพลังและความเข้มแขง็ ของนกั แสดงชายพร้อมมีการแสดง
ท่าตบี ททีห่ มายถึงการเรียกพลและยกทัพแบบโขนยักษ์
ช่วงที่ 3 วสุธราบีบมวยผม ช่วงที่ 3 นี้ใช้นักแสดงทั้งสองฝ่ายแสดงท่าทางในการต่อสู้กันใช้
นักแสดงผู้หญิง 1 คนสมมุติตนเป็นพระแม่ธรณีแสดงอภินิหารบีบมวยผมเป็นมหาสมุทรเพื่อปราบพญา
มารใช้ท่าการแสดงทั้งแบบมวยโบราณในการต่อสู้และใช้การยกลอยโขนเพื่อแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่
ของการตอ่ สูพ้ รอ้ มทัง้ ใชด้ นตรที เี่ น้นจงั หวะเสยี งกลองทกี่ ระตนุ้ จังหวะเพ่มิ ความตื่นเตน้ ในการแสดง
42
ช่วงที่ 4 เหล่ามารสิโรราบ นักแสดงฝ่ายมารถือดอกบัวออกมาระบำ พร้อมกับฝ่ายพราหมณ์ก็จะ
นำเอาดอกบัวมาฟ้อนเพื่อน้อมถวายพระพุทธเจ้าแสดงท่าทางในการเลื่อมใสในบารมีและเป็นการแสดง
การสรรเสรญิ พระพทุ ธคุณ โดยใช้ดอกบัวเป็นอปุ กรณ์ ซงึ่ เปน็ สัญลักษณ์ของพระอรหนั ต์
4.5 การประดิษฐแ์ มท่ ่าและกระบวนทา่ ฟอ้ นพทุ ธชนะมาร
การแสดงชุดฟ้อนพุทธชนะมาร (พาหุงตะกาถา) ได้คิดประดิษฐ์ท่ารำโดยดัดแปลงมาจากการฝึก
ท่ารำมวยโบราณผสมผสานการแสดงทา่ นาฏยลกั ษณ์โขนยักษ์เกดิ เปน็ ท่าและแม่ทา่
ภาพท่ี 9 พิชิตมาร
(ป่ินเกศ วัชรปาณ, 2559: ออนไลน)์
4.6 การเคลื่อนไหวบนเวทแี ละการแปรแถวฟอ้ นพทุ ธชนะมาร
แถวท่ี 1 ฝา่ ยพราหมณ์ แถวปากผนังขวา
แถวที่ 2 ฝ่ายพราหมณ์ แถวสบั หว่าง
แถวที่ 3 ฝา่ ยพราหมณ์ แถวสบั หวา่ ง
แถวท่ี 4 ฝา่ ยมาร แถวหนา้ กระดานคู่
แถวที่ 5 ฝา่ ยมาร การเข้าคู่
แถวท่ี 6 ฝ่ายมาร แบง่ กลุ่ม 2 กล่มุ
แถวที่ 7 ฝา่ ยมาร การเขา้ คู่
แถวที่ 8 ฝ่ายมาร การรวมกลุม่
แถวที่ 9 แถวรวมกล่มุ 2 ฝา่ ย
แถวที่ 10 แถวรวมกล่มุ 2 ฝา่ ย
43
แถวที่ 11 แถวรวมกลุ่ม 2 ฝ่าย
แถวที่ 12 แถวรวมกลุ่ม 2 ฝ่าย
4.7 เพลงและดนตรฟี อ้ นพทุ ธชนะมาร
การแสดงชุดฟ้อนพุทธะชนะมาร (พาหุงมหาตะกาถา) วิธีการคิดประดิษฐ์ท่ารำแล้วจึงนำเพลงมา
ประกอบการแสดงโดยใช้การตัดต่อเพลงจากต้นฉบับ ซึ่งจะเลือกเอาลายเพลงที่เป็นจังหวะและทำนอง
เพลงแบบพื้นบ้านอีสานผสมผสานกับทำนองเพลงของเพลงสากลร่วมสมัยมาเป็นหลักในการแสดงอัน
ประกอบไปดว้ ย
ลายเพลงเปิดป่องฟ้า ในช่วงต้นที่บรรเลงโดยเครื่องดนตรีโหวด แคนและกลอง ลายเพลงพุทธะ
ชะยันตี ในช่วงที่ 3 ที่บรรเลงโดยวงดนตรีพื้นบ้านโปงลาง การนำเอาเมโลดี้เพลงสากลร่วมสมัยมาเป็น
ทำนองประกอบ
การบรรเลงดนตรีใช้วงดนตรีพื้นบ้านอีสาน (วงโปงลาง) ซึ่งประกอบด้วยเครื่องดนตรีโปงลาง
กลอง รำมะนา แคน พณิ โหวดและเครอื่ งประกอบจงั หวะ ฉิ่ง ฉาบเล็ก ฉาบใหญ่
4.8 การแตง่ กายฟอ้ นพุทธชนะมาร
นักแสดงชายฝ่ายพราหมณ์ นุ่งผ้าเป็นเหน็บเตี่ยวสั้นแบบอีสาน สวมเสื้อแขนสั้น มัดเอวด้วย
ผ้าไหม โพกศีรษะด้วยผ้า ลายพื้นเมือง วาดลายที่ขาทั้งสองข้างประดับด้วย สร้อยคอ เข็มขัดและกำไร
ขอ้ มือ (จะเน้นสใี หเ้ หน็ เป็นสีจีวรพระสงฆ์)
ภาพท่ี 10 การแตง่ กายฝา่ ยพราหมณ์
(ปนิ่ เกศ วัชรปาณ, 2559: ออนไลน์)
44
เคร่ืองแต่งกายนักแสดงชายฝา่ ยพญามาร นุ่งผา้ เป็นเหนบ็ เตี่ยวส้ันแบบอีสาน สวมเส้อื แขนส้ัน มดั
เอวด้วยผ้าไหม โพกศีรษะด้วยผ้า ลายพื้นเมือง วาดลายที่ขาทั้งสองข้าง ประดับด้วยกะบังหน้าเงิน
สรอ้ ยคอ เข็มขดั และกำไรขอ้ มอื (จะเน้นสีชุดไปใหม้ สี ีเข้มเช่น ดำ นำ้ เงิน)
ภาพท่ี 11 การแต่งกายฝ่ายพญามาร
(ปนิ่ เกศ วชั รปาณ, 2559: ออนไลน์)
เครื่องแต่งกายนักแสดงพระแม่ธรณี พระแม่ธรณีจะสวมเกาะอก ห่มทับด้วยผ้าสไบสีแดงและ
สที อง นงุ่ ผ้าถุงจบี ทรงเป็นหนา้ นางและสวมเครื่องประดบั รดั เกลา้ ผม สร้อยคอ เข็มขัด เปน็ ตน้
ภาพท่ี 12 การแต่งกายพระแมธ่ รณี
(ป่ินเกศ วชั รปาณ, 2559: ออนไลน์)
บทที่ 5
บทสรุป
การสร้างสรรค์ผลงานนาฏศิลป์หรือนาฏยประดิษฐ์เกิดจากผู้สร้างสรรค์ผลงานทางนาฏศิลป์
กำหนดแนวคิดรูปแบบจากการสั่งสมประสบการณ์ขึ้นในชุดการแสดง ผ่านการถ่ายทอดเรื่องราวจาก
นักแสดง การสร้างผลงานทางนาฏศิลป์จำเป็นต้องมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับประเภทของนาฏศิลป์
เพื่อนำมาใช้เป็นรูปแบบการคิดสร้างสรรค์ผลงานใหม่ประเภทนาฏศิลป์สามารถสรุปหลักการได้หลาย
ลักษณะแบ่งตาม เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ แบบมาตรฐานหรือแบบดั้งเดิม แบบพื้นเมืองหรือท้องถิ่น ยุคสมัย
นาฏศิลป์ไทย ชว่ ง 50 ปีทผี่ า่ นมา มกี ารกำหนดประเภทนาฏศิลป์เพ่ิมเตมิ เพอื่ ให้เห็นถึงนาฏศลิ ป์ตามจารีต
ดั้งเดิมและนาฏศิลป์ที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่ ทั้งนี้นาฏศิลป์ที่เกิดขึ้นในยุคใหม่มีหลายปัจจัย สาเหตุหลักๆเกิด
จากอารยธรรมต่างชาติ เกิดจากการประกวดนาฏศิลป์ นาฏศิลป์สร้างสรรค์ปัจจุบันได้มีการพัฒนาขึ้นใน
การศึกษา มีความสำคัญต่อประเทศชาติ การศึกษาเรื่องกระบวนการสร้างสรรค์ องค์ประกอบความคิด
สรา้ งสรรคม์ คี วามจำเปน็ ต่อการสรา้ งงานของนกั ศกึ ษาสาขาวิชานาฏศิลป์เพ่ือเรียนรใู้ นสาขาวชิ าชีพต่อไป
คุณลักษณะผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์สูงบุคลิกจะมีความเด่นคือ ชอบคลุกคลีในสังคมนับตนเป็น
ศูนย์กลาง มีความเชื่อมั่น มั่นใจ มักจะชอบอิสระ ไม่มีความกังวลใจ ยอมรับในสิ่งที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำผู้ใด
ความคิดสามารถคิดได้อย่างกว้างขวาง มักจะรับรู้อย่างเป็นระบบ แสดงความกล้าหาญได้อย่างแน่วแน่
และมกั จะชอบปลกี ตนอยู่ผ้เู ดยี วมากกว่าการอยูเ่ ป็นกลมุ่ ในขณะคดิ แผนการทำงาน
คุณลักษณะของผู้สร้างสรรค์เป็นจุดกำเนิดเริ่มต้นของการคิดหาสิ่งที่แปลกใหม่มักจะยอมรับ
หลักการของเหตุผลและมีการพัฒนาปรับปรุงตนเสมอ การสร้างสรรค์ผลงานนาฏศิลป์เป็นงานที่จะต้อง
อาศยั องคค์ วามรพู้ ้นื ฐานดา้ นทักษะการปฏิบัตสิ ำหรบั นาฏศิลปใ์ ห้เกดิ ความชำนานและสั่งสมประสบการณ์
ให้มีความเข้าใจในลักษณะ รูปแบบของผลงานนาฏศิลป์ จึงเกิดกระบวนการพัฒนาปรับปรุงสร้างสรรค์
ผลงานด้านนาฏศิลป์มีความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับการออกแบบภาษาท่าทางและอารมณ์ ผู้สร้างสรรค์
ผลงานนาฏศลิ ป์มคี วามจำเปน็ ต้องทราบองคค์ วามรู้เก่ยี วกบั องคป์ ระกอบของการสรา้ งงานสรา้ งสรรค์และ
นำเสนอ เพื่อให้เกิดความคิดความเข้าใจพื้นฐานอย่างชัดเจน จะส่งผลให้ผลงานสร้างสรรค์ออกมาให้
เผยแพร่อย่างสมบรู ณ์เป็นไปตามความมุง่ หมายไม่ให้เกิดความผดิ พลาดและความคลาดเคลื่อนไปจากจดุ ที่
ได้กำหนดไว้
สิ่งสำคัญในการสร้างสรรค์ท่ารำทางนาฏศิลป์ไทย คือผู้สร้างสรรค์จะต้องมีความรู้ความเข้าใจใน
เรื่องของท่ารำพื้นฐานและสามารถปฏิบัติท่ารำพื้นฐานได้ได้แก่ นาฏยศัพท์ทางนาฏศิลป์ไทยที่ใช้เรียก
46
ลักษณะท่ารำและภาษาท่าทางนาฏศิลป์ซึ่งเป็นท่ารำที่นำกิริยาท่าทางการแสดงอารมณ์ความรู้สึกตาม
ธรรมชาตขิ องมนุษยแ์ ละสัตว์หรือคำพูดมาสรา้ งสรรค์เปน็ ท่ารำท่ีสวยงามและมคี วามหมาย
องค์ประกอบการสรา้ งสรรค์ ประกอบไปด้วยทฤษฎีทศั นศิลป์ ทฤษฎีแหง่ การเคล่ือนไหว ขั้นตอน
การเกิดความคิดสร้างสรรค์และกระบวนการสร้างสรรค์เป็นพื้นฐานของกระบวนความคิดให้เกิดงาน
สร้างสรรค์ด้านศิลปะทุกประเภท นักนาฏยประดิษฐ์สร้างสรรค์ผลงานขึ้นใหม่โดยพิจารณาจาก
ความสามารถ ความถนัดของตนจากเรื่องที่สนใจ แรงบันดาลใจของนักนาฏยประดิษฐ์ที่ใฝ่ฝันอยากสร้าง
ผลงานเป็นสิ่งที่นำมาสร้างสรรค์ได้อย่างดี องค์ประกอบด้านนักแสดง งบประมาณและประโยชน์จาก
ผลงานสร้างสรรค์ที่ทำ นักนาฏยประดิษฐ์ยังต้องมีความรู้พื้นฐานด้านทฤษฎีทัศนศิลป์และทฤษฎีแห่งการ
เคลอ่ื นไหว เมอื่ เข้าใจองค์ประกอบการสร้างสรรคเ์ บ้ืองตน้ แล้วก็จะสามารถสร้างผลงานนาฏศลิ ปไ์ ด้
องค์ประกอบของงานสร้างสรรค์นาฏศิลป์ได้แก่ ท่ารำ เพลง ดนตรี ชุดการแต่งกาย การเคลื่อนท่ี
การออกแบบเวที ฉาก แสง องค์ประกอบดังกล่าวใช้ทฤษฎีทางทัศนศิลป์เป็นองค์ประกอบหลักในการ
สร้างสรรค์ผลงานนาฏศิลป์ ดังนั้นผู้สร้างสรรค์ผลงานทางด้านนาฏศิลป์จะต้องมีความรู้ด้านองค์ประกอบ
ทางด้านทัศนศิลป์ควบคู่กันเพื่อให้ผลงานสร้างสรรค์มีพื้นฐานทางศิลปะในการออกแบบให้ผลงานการ
แสดงนาฏศลิ ปส์ ร้างสรรคม์ ีความสมบูรณ์มากขึ้น
องค์ประกอบของเน้ือหาเป็นส่วนที่สำคัญเพราะผู้สรา้ งสรรค์จะต้องศึกษาวิเคราะห์วิจารณ์ในด้าน
ประวัติความเปน็ มา วิถชี วี ิตความเป็นอยู่ ตำนาน เรอื่ งเลา่ วัฒนธรรม การแต่งกาย ประเพณี ผู้สร้างสรรค์
จะตอ้ งเก็บข้อมูลมาเปน็ พนื้ ฐานท่จี ะสรา้ งสรรค์งาน
การสรา้ งผลงานนาฏศิลปท์ กุ ประเภทจำเป็นต้องมคี วามรู้พ้นื ฐานเรื่องแนวคิด ท่าทาง การใชพ้ ้ืนที่
การแปรแถว เพลง ดนตรี เครื่องแต่งกาย อุปกรณ์การแสดง หลักๆผู้สร้างสรรค์ต้องคำนึงถึงรูปแบบของ
งานสรา้ งสรรค์ในเร่ืองขนบประเพณี ขอ้ กำหนด ข้อบงั คับ ศาสนา วัฒนธรรมทอ้ งถน่ิ การสะท้อนผลงานใน
รูปแบบใหม่อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อสังคมวัฒนธรรม ผู้สร้างสรรค์ผลงานจึงต้องพิจารณาการ
สร้างสรรค์งานนนั้ อยา่ งรอบคอบ
การสร้างแนวความคิดควรมีความชัดเจนและตรงประเด็น ไม่ควรมีความหลากหลายในกรอบ
เดียวกันเพราะจะทำให้หาจุดสำคัญของการสร้างสรรค์ผลงานไม่ได้ รูปแบบวิธีการนำเสนอผู้สร้างสรรค์
งานจะต้องวิเคราะห์รูปแบบการนำเสนอให้ได้ข้อสรุป เมื่อนำมาสร้างการแสดงควรจะนำเสนอเป็นการ
ฟ้อน การรำแบบรำเด่ยี ว การรำค่หู รือเปน็ ไปในลกั ษณะของระบำ
47
ออกแบบประดิษฐ์การสร้างสรรค์เป็นขั้นแล้วจึงดำเนินการสร้างสรรค์ท่ารำ การเคลื่อนไหวร่างกาย
และการแปรแถว หากเป็นชุดที่มีบทขับร้องก็ต้องประพันธ์บทร้องด้วยการบรรจุบทเพลง ดนตรี
ประกอบการแสดง อปุ กรณป์ ระกอบการแสดงทุกอย่างต้องมีความกลมกลนื กนั
การสร้างสรรค์ผลงานนาฏศิลป์ประยุกต์ชุดฟ้อนพุทธชนะมาร เป็นการประยุกต์นาฏศิลป์หลาย
รูปแบบคือใช้ท่ารำไทยมาตรฐาน การเต้นโขนและท่าแม่บทอีสาน ใช้ดนตรีประยุกต์ในการนำลายเพลง
อีสานผสมกับเพลงสากลที่ใช้การบันทึกเสียง ตัดต่อเสียงเข้ามาช่วยให้เพลงมีความหลากหลาย นาฏศิลป์
ประยุกต์ทำให้เกิดรูปแบบนาฏศิลป์ที่มีความแปลกใหม่ การสร้างสรรค์ชุดนี้เป็นการให้ความรู้ใน
เนื้อหาวิชาพระพุทธศาสนาและเกิดความคิดสร้างสรรค์ในการร่วมกันสร้างสรรค์ท่านาฏศิลป์ตามบทบาท
ในเนื้อเรื่องตอนพระพุทธเจ้าชนะมาร การสร้างสรรค์นาฏศิลป์ประยุกต์ในปัจจุบันเป็นการพัฒนารูปแบบ
ของนาฏศิลป์ในสังคมปจั จุบันให้เกิดการยอมรับและเผยแพร่ใหน้ าฏศิลป์มีการดำรงอยูเ่ ปลี่ยนรปู แบบใหม่
ในดา้ นแนวคิด ท่าทาง องค์ประกอบของงานท่ีสำคญั ในการผลติ ผลงานทางด้านนาฏศิลป์
บรรณานกุ รม
“การเคลือ่ นไหวร่างกายบนเวที,” [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ได้จาก:
https://sites.google.com/site/thaksalaeakarsrangsrrkhlakhrm5/thaksa-kar-
saedng-lakhr-wethi/kar-saedng-sihna-thathang/kar-kheluxnhiw-rangkay-bn-
wethi-1, 2558. [สืบคน้ เมือ่ 31 กรกฎาคม 2564].
กรมวิชาการ, “ความคดิ สร้างสรรค,์ ” [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ได้จาก:
http://www.nanabio.com/Research/image%20research/research%20work/cea
tive%20thinking/creative%20thinking02.html, 2544. [สบื คน้ เมอื่ 31 กรกฎาคม
2564].
“ความรู้เบ้อื งต้นเกีย่ วกบั นาฏศลิ ป์ไทย,” [ออนไลน]์ . เข้าถงึ ได้จาก:
http://dancespictures.blogspot.com/2010/11/blog-post_2028.html, 2553.
[สบื คน้ เม่ือ 31 กรกฎาคม 2564].
“จุดกำเนดิ และกระบวนการสร้างสรรค์ผลงานนาฏศิลปก์ ารแสดง,” [ออนไลน]์ . เข้าถงึ ไดจ้ าก:
http://elearning.psru.ac.th/courses/294/lesson5564.html, ม.ป.ป. [สบื คน้ เมอ่ื 31
กรกฎาคม 2564].
เฉลมิ ศักดิ์ พิกลุ ศรี, “ดนตรไี ทย,” [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ได้จาก: http://kotavaree.com/?p=561,
2542. [สบื คน้ เม่ือ 9 ตลุ าคม 2564].
ณรุทธ์ สุทธจิตต,์ “ดนตรีพ้นื บา้ น,” [ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก: http://kotavaree.com/?p=215,
2555. [สบื คน้ เมื่อ 9 ตุลาคม 2564].
“ดนตรีไทยเพื่อการเรยี นร,ู้ ” [ออนไลน์]. เข้าถึงไดจ้ าก:
https://sites.google.com/site/thaimusichistory/our- company/%E0%B8%
A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%
B8%A2, ม.ป.ป. [สบื คน้ เมอ่ื 31 กรกฎาคม 2564].
“นาฏยประดิษฐ์,” [ออนไลน์]. เข้าถึงไดจ้ าก: https://www.gotoknow.org/posts/346233, 2012.
[สบื คน้ เมอื่ 31 กรกฎาคม 2564].
“นาฏศิลป์ไทยสรา้ งสรรค,์ ” [ออนไลน์]. เข้าถงึ ไดจ้ าก: https://sites.google.com/site/
krupannithaidance/products-services, ม.ป.ป. [สบื ค้นเม่ือ 31 กรกฎาคม 2564].
49
นพิ นธ์ จติ ต์ภักด,ี “ขัน้ ตอนการเกดิ ความคิดสร้างสรรค์,” [ออนไลน์]. เข้าถงึ ได้จาก:
http://www.nanabio.com/Research/image%20research/research%20work/cea
tive%20thinking/creative%20thinking05.html, 2523. [สืบคน้ เมื่อ 8 ตุลาคม 2564].
นิยะดา สารกิ ภตู ิ, “ความสมั พนั ธร์ ะหว่างละครไทยและละครภารตะ,” [ออนไลน]์ . เข้าถงึ ไดจ้ าก:
http://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/61893, 2515. [สืบคน้ เมือ่ 31
กรกฎาคม 2564].
นพมาส แววหงส,์ “ปรทิ ศั นศ์ ิลปก์ ารละคร,” [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ได้จาก:
https://5406805teiy.blogspot.com/?fbclid=IwAR3adG7O4VWHW3thUh-
IdwIbSmkA0Erqm_e_CqCein9GmIuBEobtV7gVMYY, 2550. [สืบค้นเม่ือ 31
กรกฎาคม 2564].
บญุ เพยี ร ปุญญวิริโย พระมหา, “สอ่ื คอมพิวเตอร์ช่วยสอน (CAI) ชุด พทุ ธประวัต,ิ ” [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ
ไดจ้ าก: https://www.gotoknow.org/posts/332928, 2012. [สืบคน้ เม่อื 31 กรกฎาคม
2564].
“ปจั จยั การเปลีย่ นแปลงของนาฏศิลป์ไทยหลากหลายนาฏลีลา,” [ออนไลน]์ . เข้าถึงไดจ้ าก:
http://119.46.166.126/self_all/selfaccess7/m1/206/lesson3/lesson3.php,
ม.ป.ป. [สบื คน้ เมอื่ 31 กรกฎาคม 2564].
“ประวัตบิ ลั เล่ต์และโมเดิรน์ ดา๊ นซ์,” [ออนไลน]์ . เข้าถงึ ไดจ้ าก:
https://ballethistory.blogspot.com/, ม.ป.ป. [สบื คน้ เมือ่ 31 กรกฎาคม 2564].
พีรพงศ์ เสนไสย, “ความหมายของคำวา่ Choreography,” [ออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก:
https://fineart.msu.ac.th/da/course/kop03.doc, 2546. [สบื คน้ เมอ่ื 7 ตลุ าคม 2564].
. “ประเภทนาฏศลิ ปแ์ ละการละครไทย,” [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก:
https://so03.tcithaijo.org/index.php/jhusoc/article/download/247755/167860,
2546. [สืบคน้ เมอ่ื 8 ตุลาคม 2564].
. “สร้างสรรค์การแสดงแสง สี เสยี งประกอบจินตภาพ,” [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก:
https://so03.tcithaijo.org/index.php/jhusoc/article/download/247755/167860,
2546. [สบื คน้ เมอ่ื 8 ตลุ าคม 2564].
50
ไพโรจน์ ชะมนุ ,ี “เอกสารประกอบการเรยี นวชิ าสนุ ทรียศาสตร์เบือ้ งตน้ ,” [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ได้
จาก: https://www.baanjomyut.com/library_2/extension-
1/knowledge_about_the_visual_arts/06.html, 2546. [สบื คน้ เมอื่ 31 กรกฎาคม
2564].
ภทั รวดี มชี ธู น, “ทศิ ทางของการแสดงพนื้ บา้ นในโลกยคุ ใหม่,” [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก:
http://article.culture.go.th/index.php/gallery/3-column-layout-7/149-2019-07-
04-04-44-28, 2021. [สืบคน้ เมือ่ 31 กรกฎาคม 2564].
มาลนิ ี ดิลกวณชิ , “นาฏกรรม-คีตกรรม,” [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ได้จาก:
http://performingarts01.blogspot.com/2014/03/blog-post.html, 2543. [สืบค้น
เมอ่ื 8 ตลุ าคม 2564].
. “ประเภทของระบำและละครจนี ,” [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ได้จาก:
https://so02.tci-thaijo.org/index.php/easttu/article/download/51424/42589/,
2543. [สืบค้นเมอ่ื 8 ตุลาคม 2564].
. “ประเภทระบำและละครอนิ เดีย,” [ออนไลน์]. เข้าถงึ ได้จาก:
https://www.bloggang.com/m/viewdiary.php?id=somdej&month=09-
2008&date=16&group=1&gblog=42, 2543. [สืบค้นเม่ือ 7 ตลุ าคม 2564].
มาลินี อาชายทุ ธการ, “การสรา้ งแนวคิดนาฏยศลิ ป,์ ” [ออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก: https://so01.tci-
thaijo.org/index.php/humanjubru/article/view/205714, 2547. [สบื ค้นเมอ่ื 9
ตลุ าคม 2564].
. “คณุ สมบัติของนักออกแบบทา่ เตน้ ,” [ออนไลน์]. เข้าถึงไดจ้ าก:
https://so01.tcithaijo.org/index.php/humanjubru/article/download/205714/1
43132/, 2547. [สืบคน้ เมือ่ 8 ตุลาคม 2564].
. “ความหมายของคำวา่ Choreography,” [ออนไลน์]. เข้าถงึ ได้จาก:
http://portal5.udru.ac.th/ebook/pdf/upload/18348x844X9x6wAG28Gw.pdf,
2547. [สืบคน้ เมอ่ื 7 ตลุ าคม 2564].
ลดั ดา พนสั นอก, “ความหมายของนาฏศิลป์,” [ออนไลน์]. เข้าถึงไดจ้ าก:
https://mcpswis.mcp.ac.th/html_edu/cgibin/main_php/print_informed.php?i
d_count_inform=17748, 2542. [สบื ค้นเมอ่ื 12 ตลุ าคม 2564].
51
“ศลิ ปะการแสดงไทย,” [ออนไลน์]. เข้าถงึ ได้จาก: https://drama-
study.blogspot.com/2014/09/blog-post_28.html, 2557. [สืบคน้ เมื่อ 31 กรกฎาคม
2564].
ศลิ ป์ พรี ะศร,ี “ศลิ ปะวชิ าการ,” [ออนไลน์]. เขา้ ถึงได้จาก:
https://www.baanjomyut.com/library_2/extension1/knowledge_about_the_vi
sual_ arts/06.html, 2546. [สืบค้นเม่ือ 31 กรกฎาคม 2564].
ศลิ ปห์ ัตถกรรมนกั เรยี น ครงั้ ที่ 64, “เกณฑก์ ารแขง่ ขัน,” [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก:
https://sites.google.com/site/m256bl016/ngan-silpa-hatthkrrm-nakreiyn-
khrang-thi-64, 2558. [สบื ค้นเมือ่ 8 ตลุ าคม 2564].
ศลิ ป์หตั ถกรรมนกั เรียน ครั้งที่ 65, “เกณฑก์ ารแข่งขนั ,” [ออนไลน์]. เข้าถงึ ไดจ้ าก:
https://www.kroobannok.com/75965, 2559. [สบื ค้นเมอื่ 8 ตลุ าคม 2564].
ศภุ ชยั สิงหย์ ะบศุ ย,์ “ทศั นศลิ ป์ปรทิ ศั น,์ ” [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก:
https://www.baanjomyut.com/library_2/extension1/knowledge_about_the_vi
sual_ arts/06.html, 2546. [สืบคน้ เมอื่ 31 กรกฎาคม 2564].
สุพรรณ บญุ เพง็ , “การสร้างสรรค์ข้นึ ใหม่ไมซ่ ้ําแบบเดิม,” [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก:
https://sites.google.com/site/edtechsukm/kar-cadkar-reiyn-kar-sxn-cheing-
srangsrrkh/khwamkhidsrangsrrkhkabkarreiynru, ม.ป.ป. [สืบคน้ เม่ือ 8 ตุลาคม 2564].
. “ประเภทการเต้นรำตะวันออก,” [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงไดจ้ าก:
http://www.thaithesis.org/detail.php?id=1082542000618, ม.ป.ป. [สืบค้นเม่ือ 7
ตลุ าคม 2564].
. “ผอู้ อกแบบทา่ เต้น,” [ออนไลน์]. เข้าถงึ ได้จาก:
https://so01.tcithaijo.org/index.php/humanjubru/article/download/196760/1
36769/, ม.ป.ป. [สืบคน้ เมอ่ื 8 ตุลาคม 2564].
สมุ ติ ร เทพวงศ,์ “ความหมายของนาฏศลิ ป,์ ” [ออนไลน]์ . เข้าถงึ ไดจ้ าก:
http://www.digitalschool.club/digitalschool/art/art6_2/lesson4/page8.php,
2548. [สืบคน้ เมื่อ 12 ตุลาคม 2564].
สรุ พล วิรฬุ หร์ กั ษ,์ “นาฏยประดษิ ฐ์,” [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ได้จาก:
https://www.orst.go.th/FILEROOM/CABROYINWEB/DRAWER004/GENERAL/DATA
0000/00000038.FLP/html/114/, 2547. [สืบค้นเมอื่ 7 ตลุ าคม 2564].
52
“หลัการสร้างสรรค์ท่ารำดว้ ยองค์ประกอบของนาฏศลิ ป์,” [ออนไลน]์ . เข้าถึงไดจ้ าก:
http://119.46.166.126/self_all/selfaccess9/m3/716/lesson2/page2_1.php,
ม.ป.ป. [สืบคน้ เมื่อ 31 กรกฎาคม 2564].
อรรจมาภรณ์ ชยั วสิ ุทธ, “การแข่งขันนาฏศิลปใ์ นงานศลิ ปหัตถกรรมนกั เรียน,” [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ
ได้จาก: https://so02.tci-thaijo.org/index.php/SNGSJ/article/view/16223, 2015.
[สืบคน้ เม่อื 31 กรกฎาคม 2564].
อาคม สายาคม, “ดนตรีและองคป์ ระกอบนาฏศลิ ป,์ ” [ออนไลน์]. เขา้ ถงึ ไดจ้ าก:
https://sites.google.com/site/bukhkhlsakhaynatsilpm4/bukhkhl-sakhay-
khxng-natsilp-thiy/khru-xakhm-sa-ya-khm, 2545. [สบื คน้ เม่ือ 12 ตลุ าคม 2564].
“องค์ประกอบของนาฏศลิ ป์ไทย,” [ออนไลน์]. เข้าถึงไดจ้ าก:
http://www.digitalschool.club/digitalschool/art/music2_2/lesson1/art%20less
on1/page1.php, ม.ป.ป. [สบื ค้นเมอ่ื 31 กรกฎาคม 2564].
อมรา กลำ่ เจรญิ , “ความหมายนาฏศิลป,์ ” [ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก:
https://www.kroobannok.com/board_view.php?b_id=146470&bcat_id=16,
2542. [สบื คน้ เมอ่ื 12 ตลุ าคม 2564].