The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เอกสารประกอบการเรียน หน่วยที่ 5

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pimtangtib, 2023-08-30 03:18:46

เอกสารประกอบการเรียน หน่วยที่ 5

เอกสารประกอบการเรียน หน่วยที่ 5

0


1 สารประกอบการเรียน โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ที่เน้นนักเรียนเป็นส าคัญ เรื่อง ศาสนาและหลักธรรมของศาสนา รายวิชา หน้าที่พลเมืองและศีลธรรม ส าหรับนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 1 หน่วยที่ 5 ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู นายธนา น้ าค้าง ต าแหน่ง ครูผู้สอน วิทยฐานะ ครูผู้สอนช านาญการ วิทยาลัยช่างศิลปสุพรรณบุรี ต าบลรั้วใหญ่ อ าเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี


2 ค าน า เอกสารประกอบการเรียน โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ที่เน้นนักเรียนเป็นส าคัญ เรื่อง ศาสนาและ หลักธรรมของศาสนา รายวิชา หน้าที่พลเมืองและศีลธรรม ส าหรับนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1 มีการเรียบเรียงเนื้อหาอย่างเป็นระบบ สามารถศึกษาค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมได้ด้วยตนเอง มี ทั้งหมด จ านวน 5 เล่ม ดังนี้ หน่วยที่ 1 เรื่อง ความหมายและมูลเหตุของการเกิดศาสนา หน่วยที่ 2 เรื่อง พระพุทธศาสนา หน่วยที่ 3 เรื่อง ศาสนาอิสลาม หน่วยที่ 4 เรื่อง ศาสนาคริสต์ หน่วยที่ 5 เรื่อง ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู โดยเอกสารประกอบการเรียน โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ที่เน้นนักเรียนเป็นส าคัญ เรื่อง ศาสนา และหลักธรรมของศาสนา รายวิชา หน้าที่พลเมืองและศีลธรรม ส าหรับนักเรียนระดับประกาศนียบัตร วิชาชีพชั้นปีที่ 1 ได้อธิบายถึงศาสนาและหลักธรรมของศาสนา ซึ่งการอยู่ร่วมกันของคนในสังคม จะต้อง ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์การอยู่ร่วมกันในกฎระเบียบ จารีต กฎหมาย และมีคุณธรรม รวมทั้งจะต้องมี จริยธรรมในการช่วยเหลือ แบ่งปันกัน มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ของสังคม เช่น การมีส่วนร่วมในการ ดูแลส่วนที่เป็นสาธารณะให้ได้คงไว้เพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวม การมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเมืองการ ปกครอง และการปฏิบัติตามคุณธรรมของการอยู่ร่วมกันตามหลักศาสนาที่ตนเองนับถือ เหล่านี้จะช่วยท า ให้ประชาชนสามารถอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข แต่ละศาสนาก็มีหลักธรรมที่เน้นการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ด้วยเช่นกัน ซึ่งค าสอนทางศาสนาเป็นหลักธรรมที่ใช้ในการด ารงชีวิต ช่วยพัฒนาสังคมให้สามารถอยู่ ร่วมกันอย่างสันติสุข มีความปลอดภัย เพราะทุกค าสอนมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ ต้องการให้ท าความดี เว้นชั่ว และท าจิตใจให้บริสุทธิ์ มีเมตตาเป็นหลัก ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน มีความอดทนอดกลั้น การเคารพกัน ท าให้ผู้นับถือศาสนาเป็นมิตรที่ดีต่อกันโดยไม่ค านึงถึงเชื้อชาติ ก่อให้เกิดสันติสุขต่อสังคมและต่อโลก ผู้จัดท าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเอกสารประกอบการเรียน โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ที่เน้นนักเรียนเป็น ส าคัญ เรื่อง ศาสนาและหลักธรรมของศาสนา รายวิชา หน้าที่พลเมืองและศีลธรรม ส าหรับนักเรียนระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 1 จะพัฒนาให้นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงขึ้น ธนา น้ าค้าง


3 สารบัญ หน้า ค าน า........................................................................................................................................... 1 สารบัญ....................................................................................................................... ................. 2 องค์ประกอบของเอกสารประกอบการเรียน................................................................................ 3 ค าชี้แจงส าหรับครูผู้สอน................................................................................................. ................4 บทบาทของครูผู้สอนผู้สอน.............................................................................................................6 บทบาทของนักเรียน.................................................................................................... ................. 7 สาระการเรียนรู้............................................................................................................................. 8 แบบทดสอบก่อนการเรียนรู้.......................................................................................................... 9 ใบความรู้ที่ 1............................................................................................................ ..................... 11 วีดีทัศน์เกี่ยวกับศาสนาพราหมณ์-ฮินดู……………………………………………………………………………… 19 ใบงานที่ 1................................................................................................................. .................... 20 ใบความรู้ที่ 2........................................................................................................ ......................... 21 ใบงานที่ 2................................................................................................................. ..................... 26 ใบความรู้ที่ 3................................................................................................................................. 27 ใบงานที่ 3................................................................................................................. ..................... 29 แบบทดสอบหลังการเรียนรู้............................................................................................................ 30 บรรณานุกรม................................................................................................................... ............... 32 แหล่งข้อมูลอ้างอิง.......................................................................................................................... 33 ภาคผนวก เฉลยแบบทดสอบก่อนการเรียนรู้....................................................................................................35 เฉลยแบบทดสอบหลังการเรียนรู้.................................................................................................... 36 เฉลยใบงานที่ 1.......................................................................................................... .....................37 เฉลยใบงานที่ 2.......................................................................................................... .....................38 เฉลยใบงานที่ 3.......................................................................................................... .....................39 เกณฑ์การประเมินทักษะการเขียน และเกณฑ์การประเมินแบบแยกองค์ประกอบ.........................40


4 องค์ประกอบของเอกสารประกอบการเรียน 1. ค าชี้แจงส าหรับครูผู้สอน 2. บทบาทของครูผู้สอนผู้สอน 3. บทบาทนักเรียน 4. มาตรฐานการเรียนรู้ สาระส าคัญ จุดประสงค์ และสาระการเรียนรู้ 5. ใบความรู้ ใบกิจกรรมแนวค าตอบ 6. แบบประเมินตนเอง 7. แบบประเมินผล


5 ค าชี้แจงส าหรับครูผู้สอน ข้อปฏิบัติในการใช้เอกสารประกอบการเรียน เอกสารประกอบการเรียน โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ที่เน้นนักเรียนเป็นส าคัญ เรื่อง ศาสนาและ หลักธรรมของศาสนา รายวิชา หน้าที่พลเมืองและศีลธรรม ส าหรับนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ชั้นปีที่ 1 มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้การด าเนินกิจกรรมการเรียนรู้บรรลุวัตถุประสงค์การเรียนรู้และมี ประสิทธิภาพ ครูผู้สอนผู้สอนควรด าเนินการ ดังนี้ 1. ขั้นตอนการสอน 1.1 ศึกษาค าชี้แจงในการใช้เอกสารประกอบการเรียนให้เข้าใจ 1.2 ศึกษาสาระส าคัญและจุดประสงค์การเรียนรู้ที่จะสอนและขั้นตอนต่างๆ ในแผนการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ให้เข้าใจชัดเจนเสียก่อน 1.3 ตรวจดูอุปกรณ์ต่างๆ ในเอกสารประกอบการเรียนว่ามีครบตามที่ระบุไว้หรือไม่ อยู่ในสภาพ ใช้งานได้หรือไม่ 1.4 จัดเตรียมอุปกรณ์วัสดุอุปกรณ์ที่จะใช้ให้เป็นไปตามล าดับการใช้ก่อนหลัง 2. ขั้นสอน 2.1 ด าเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามกระบวนการเรียนการสอนแบบสืบเสาะหาความรู้ 5 ขั้น คือ 2.1.1 ขั้นสร้างความสนใจ เป็นการน าเข้าสู่บทเรียน หรือเรื่องที่สนใจ ซึ่งอาจเกิดขึ้นเอง จากความสงสัย ความสนใจของนักเรียนเอง หรือจากการอภิปรายกลุ่ม 2.1.2 ขั้นส ารวจและค้นหา เมื่อท าความเข้าใจในประเด็นหรือค าถามที่สนใจจะศึกษา แล้ว ก็วางแผนก าหนดแนวทางการส ารวจตรวจสอบตั้งสมมติฐานก าหนดแนวทางเลือกที่เป็นไปได้ ลงมือ เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล 2.1.3 ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป เมื่อได้ข้อมูลอย่างเพียงพอจากการส ารวจตรวจสอบแล้ว จึงน าข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์แปลผล สรุปผล 2.1.4 ขั้นขยายความรู้เป็นการน าความรู้ที่สร้างขึ้นไปเชื่อมโยงกับความรู้เดิม หรือ แนวคิดที่ได้ค้นคว้าเพิ่มเติม ซึ่งจะช่วยเชื่อมโยงกับเรื่องต่างๆ และท าให้เกิดความรู้กว้างขวางขึ้น จากนั้น จึงน าไปสู่การน าความรู้ไปประยุกต์ใช้ในเรื่องอื่นๆ


6 2.1.5 ขั้นประเมิน เป็นการประเมินการเรียนรู้ด้วยกระบวนการต่าง ๆ ว่านักเรียนมีความรู้อะไรบ้าง อย่างไร และมากน้อยเพียงใด 2.1.6 ขั้นสรุป ครูผู้สอนและนักเรียนร่วมกันสรุปประเด็นความรู้ที่ได้จากการเรียนรู้ 2.2 ขณะที่นักเรียนท ากิจกรรม ครูผู้สอนคอยให้ความช่วยเหลือแนะน า กระตุ้นให้นักเรียนท า กิจกรรมอย่างกระตือรือร้นและตอบข้อสงสัยต่างๆ ระหว่างเรียน พร้อมทั้งสังเกตและประเมินพฤติกรรม การท างานกลุ่มของนักเรียน 2.3 ประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน โดยให้ท าแบบประเมินตนเองหลังเรียน 3. ขั้นหลังสอน เมื่อสิ้นสุดการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนการสอน ครูผู้สอนให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ และเก็บอุปกรณ์ให้เรียบร้อย เพื่อสะดวกในการใช้ครั้งต่อไป


7 บทบาทของครูผู้สอน 1. ศึกษาเอกสารประกอบการเรียน โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ที่เน้นนักเรียนเป็นส าคัญ เรื่อง ศาสนาและหลักธรรมของศาสนา รายวิชา หน้าที่พลเมืองและศีลธรรม ส าหรับนักเรียนระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 1 ให้เข้าใจก่อนที่จะน าไปใช้ 2. ครูผู้สอนอธิบายชี้แจงเกี่ยวกับการศึกษาและปฏิบัติตามเอกสารประกอบการเรียน โดยใช้ กระบวนการเรียนรู้ที่เน้นนักเรียนเป็นส าคัญ เรื่อง ศาสนาและหลักธรรมของศาสนา รายวิชา หน้าที่ พลเมืองและศีลธรรม ส าหรับนักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 1 หน่วยที่ 5 เรื่อง ศาสนา พราหมณ์-ฮินดูและแจ้งจุดประสงค์การเรียนรู้ให้นักเรียนเข้าใจ 3. ครูผู้สอนด าเนินการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ก าหนดไว้ 4. ครูผู้สอนก ากับติดตามการท ากิจกรรมและให้ค าปรึกษาแนะน านักเรียน 5. ครูผู้สอนทดสอบนักเรียน โดยใช้แบบทดสอบย่อยหลังเรียน จากการเรียนจบขั้นตอนใน แผนการจัดการเรียนรู้แต่ละชุด เพื่อวัดความรู้ความเข้าใจของนักเรียน


8 บทบาทของนักเรียน 1. ท าความเข้าใจจุดประสงค์การเรียนรู้จากครูผู้สอนผู้สอน เพื่อให้ทราบว่าเมื่อจบกิจกรรมการ เรียนรู้แล้ว นักเรียนสามารถเรียนรู้อะไรได้บ้าง 2. ตั้งใจศึกษาใบความรู้ และปฏิบัติกิจกรรมตามขั้นตอน หรือค าชี้แจงของแต่ละกิจกรรมอย่าง จริงจัง ระมัดระวัง ไม่เล่นขณะปฏิบัติกิจกรรม ตรงต่อเวลาและไม่เสียงดังรบกวนผู้อื่น 3. จัดเก็บวัสดุอุปกรณ์ให้เรียบร้อยทุกครั้ง หลังปฏิบัติกิจกรรมเสร็จ หากวัสดุอุปกรณ์ช ารุด เสียหาย ต้องแจ้งครูผู้สอนผู้สอนทราบทันที 4. ท าแบบทดสอบย่อยหลังเรียนเพื่อวัดความรู้ความเข้าใจอีกครั้งหนึ่ง


9 สาระการเรียนรู้ หลังจากศึกษาเอกสารประกอบการเรียน โดยใช้กระบวนการเรียนรู้ที่เน้นนักเรียนเป็นส าคัญ เรื่อง ศาสนาและหลักธรรมของศาสนา รายวิชา หน้าที่พลเมืองและศีลธรรม ส าหรับนักเรียนระดับ ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 1 ชุดที่ 5 เรื่อง ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู นักเรียนจะมีความรู้ความเข้าใจ ดังนี้ 1. อธิบายหลักการของศาสนาในการพัฒนาศรัทธาและพัฒนาปัญญาได้ถูกต้อง 2. น าหลักการของศาสนาในการพัฒนาศรัทธาและพัฒนาปัญญาไปประยุกต์ใช้ในการด าเนินชีวิต ได้อย่างเหมาะสม 3. อธิบายหลักศาสนาที่เน้นการพึ่งตนเองและเพื่ออิสรภาพได้ถูกต้อง


10 แบบทดสอบก่อนการเรียนรู้ ค าชี้แจง 1. แบบทดสอบเป็นแบบปรนัยชนิด 4 ตัวเลือก จ านวน 10 ข้อ (10 คะแนน) 2. ใช้เวลาในการทดสอบ 10-20 นาที 3. ให้นักเรียนท าเครื่องหมาย x ทับข้อความที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ความเชื่อของคนไทยในเรื่องใดไม่ได้รับอิทธิพลจากศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ก. การโคจรของดวงดาวมีอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์ ข. การถือฤกษ์งามยามดี การถือศีลถือวัน ค. ความเป็นศิริมงคลขึ้นอยู่กับผู้กระท า ง. ความขลังและความศักดิ์สิทธิ์ของเวทมนต์คาถา 2. เพราะเหตุใจชาวฮินดูต้องเปล่งค าว่า โอมในการสวดมนต์ ก. เป็นค าบอกถึงการเริ่มต้นในการสวดมนต์ ข. เป็นคาถาอาคม เช่นเดียวกับศาสนาอื่นๆ ค. เป็นค าสั่งที่ระบุไว้ให้ท าในพระคัมภีร์ต่างๆ ง. เป็นค าแทนเทพเจ้าทั้ง 3 คือ พระพรหม พระศิวะ และพระวิษณุ 3. ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู ถือว่ามนุษย์แตกต่างกันเพราะเหตุใด ก. ท าหน้าที่แตกต่างกัน ข. มีแหล่งก าเนิดต่างกัน ค. มีบรรพบุรุษต่างกัน ง. ท ากรรมต่างกัน 4. ในศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู พิธีคล้องด้ายศักดิ์สิทธิ์เพื่อแสดงว่าผู้ถูกคล้องเกิดใหม่เป็นครั้งที่สอง เรียกว่าพิธีอะไร ก. อุปนยัน ข. ชาตกรรม ค. ครรถาธาน ง. นามกรณ์


11 5. ในหลักอาศรม 4 ของศาสนาฮินดู ค าว่า พรหมจารี หมายถึง บุคคลในข้อใด ก. คนที่ถือบวช ข. คนที่อยู่ในวัยเล่าเรียน ค. คนที่แต่งงานมีครอบครัว ง. คนที่นับถือพรหมเป็นใหญ่ 6. เรื่องรามเกียรติ์ซึ่งมีพระรามเป็นตัวเอกนั้น สืบเนื่องมาจากคติของนิกายใดในศาสนาฮินดู ก. นิกายไวษณพ ข. นิกากยศักติ ค. นิกายพรหม ง. นิกายไศวะ 7. บทสวดสั้นๆ ส าหรับขับกล่อมเทพเจ้าที่เสด็จมาประทับในพิธีให้เพลิดเพลิน เรียกว่าอะไร ก. ฤคเวท ข. สามเวท ค. ยชุรเวท ง. อาถรรพเวท 8. คัมภีร์ใดกล่าวถึงความคิดทางปรัชญามากที่สุด ก. มันตระ ข. ปุราณะ ค. อุปนิษัท ง. ยชุรเวท 9. จักรี หมายถึง ผู้มีจักรหรือผู้ถือจักร ได้แก่ เทพองค์ใด ก. พระอินทร์ ข. พระอิศวร ค. พระพรหม ง. พระนารายณ์ 10. ศาสนาฮินดูใช้วิธีกลืนพุทธศาสนาอย่างไร ก. ก าหนดให้พระนารายณ์เอวตารลงมาเป็นพระพุทธเจ้า ข. ก าหนดให้พระอินทร์ลงมากล่าวสมทานไตรสรณคมน์ ค. ก าหนดให้มีพระเจ้า 5 พระองค์แทนพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ง. ก าหนดให้พระพรหมมี 4 หน้าแทนพรหมวิหาร 4


12 ใบความรู้ที่1 ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู ศาสนาพราหมณ์ หรือที่เรียกเป็นสากลว่า “ศาสนาฮินดู” ได้ถือก าเนิดขึ้น ณ ดินแดนชมพูทวีป เมื่อกว่า 3,000 ปี โดยเริ่มต้นขึ้นเมื่อมีการผสานวัฒนธรรมและคติความเชื่อ ซึ่งคล้ายคลึงกันของชาว อารยัน และชาวดราวิเวียนเข้าด้วยกัน ทั้งเรื่องการนับถือวิญญาณบรรพบุรุษ การสวดอ้อนวอน และการ บวงสรวงหมู่เทพผู้อยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เพื่ออ านวยให้พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ ไร้อุปสรรคในการด าเนินชีวิตที่ผูกพันอยู่กับการเกษตรกรรม ในห้วงเวลานี้ มีการจัดหมวดหมู่เทพประจ า ธรรมชาติออกเป็น 3 พวก เพื่อการท าบัตรพลีบูชา พวกที่หนึ่งอยู่ในสวรรค์ พวกที่สองอยู่ในฟ้า (อากาศ) และพวกที่สามอยู่ในพื้นโลก ที่มาภาพ : เครื่องหมายโอม สัญลักษณ์แห่งศาสนาพราหมณ์-ฮินดู https://horoscope.thaiza.com/content/278265/ ในยุคพระเวท เมื่อราว 1,000 ปีก่อนพุทธกาล เป็นยุคที่ศาสนาพราหมณ์ได้พัฒนาพิธีกรรม และ ความเชื่อเรื่องพระผู้เป็นเจ้าให้เป็นระเบียบแบบแผนยิ่งขึ้น ได้พัฒนาความเชื่อ เรื่อง พระผู้เป็นเจ้าหลาย องค์ หรือ พหุเทวนิยม (Polytheism) ไปสู่ความเชื่อเรื่องพระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว หรือ เอกเทวนิยม (Monotheism) ในยุคนี้ ได้เกิดความคิดเรื่อง เอก สตฺ คือ ความคิดที่ว่า สิ่งจริงแท้มีอยู่เพียงหนึ่งเดียว หากแต่ปรากฏให้เห็นเป็นเทพหลายองค์ผู้อยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ต่อมาในสมัยอุปนิษัท เป็นช่วงสุดท้ายของยุคพระเวทเป็นสมัยที่เริ่มมีการคิดคาดคะเน (Speculation) ทางด้านปรัชญา เกิดข้อถกเถียงในวงกว้างว่า สิ่งที่มีอยู่จริงๆ คืออะไร เกิดความคิดว่าสิ่ง จริงแท้ที่มีอยู่เพียงหนึ่งนั้น คือ พฺรหฺมนฺ (อ่านว่า บฺระ – หฺมัน = พรหม ที่ไม่มีเพศ) บางทีก็เรียกว่า อาตมัน หรืออาตมา บางครั้งก็เรียกว่า สตฺ (สัด = สิ่งที่มีอยู่) พรหม เท่านั้นเป็นสิ่งที่มีอยู่อย่างแท้จริง (พฺรหฺม สตฺย ) ส่วนโลกไม่มีอยู่จริง (ชคนฺมิถฺยา) เป็นเพียงการเห็นด้วยอ านาจแห่งมายา โดย พรหม นั้นมีอยู่ 2 ระดับ


13 เมื่อมองถึงแก่นแท้รู้ซึ้งถึงความมีอยู่อย่างเป็นมายาของโลก พรหมจะเป็นสิ่งเดียวกับอาตมันที่อยู่ใน สิ่งมีชีวิตและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นความรู้บริสุทธิ์ ที่เรียกว่า อนันตะ (อนนฺต) ไม่มีตัวตน เป็นวิญญาณที่อยู่ ในทุกสรรพสิ่ง เป็นนิตย์ และเป็นนิรันดร คือ ไม่มีเบื้องต้นและเบื้องปลาย ถ้ามองในระดับสายตาของ ชาวโลกธรรมดา ซึ่งมองเห็นว่าโลกเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง จะมองเห็นพรหมเป็นพระผู้เป็นเจ้าที่มีคุณสมบัติ ผู้สรรค์สร้างสรรพสิ่ง และก าหนดชะตากรรมของมนุษย์ ซึ่งแบ่งภาคออกเป็นรูป 3 หรือพระผู้เป็นเจ้า สูงสุด 3 พระองค์ ได้แก่ 1) พระพรหมธาดา (Brahma) เทพผู้นฤมิตสรรพสิ่ง (สฤษฺฎิ) 2) พระศิวะ (Shiva) หรือ พระอิศวร เทพผู้ท าลายและท าให้อุบัติใหม่ (ประลัย) 3) พระวิษณุ (Vishnu) หรือ พระนารายณ์ เทพผู้ปกปักรักษา (สฺถิติ) ที่มาภาพ : ตรีมูรติ .http://allknowledges.tripod.com/brahmin.html รวมเรียกว่า ตรีมูรติ ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นเพียงส่วนหนึ่งของวิญญาณอมตะ หรือ ปรมาตมัน นอกจากนี้ ศาสนาพราหมณ์ยังให้ความเคารพนับถือเหล่าทวยเทพ เทวา และเทวี ซึ่งเป็นอันหนึ่งอัน เดียวกับปรมาตมันอีกหลายพระองค์ พลังศรัทธาที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้า ก่อให้เกิดการพัฒนาศาสนา พราหมณ์อย่างเป็นแบบแผน คือ เริ่มมีการรจนาและรวบรวมบทสวดอ้อนวอนเทพเจ้าที่ชาวอารยัน และ ชาวพื้นเมืองเคารพนับถือจากปราชญ์ผู้รู้ทางศาสนาออกเป็นหมวดหมู่ โดยให้ชื่อว่า พระเวท โดยคัมภีร์ พระเวทแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก ได้แก่ บทสวดขับร้อง มนตร์ หรือคาถา ใช้ในพิธีบูชายัญที่เรียกว่า ส หิตา หรือ มนตร ซึ่งได้แยกย่อยออกไปเป็นความรู้อันดับรองลงมาที่เรียกว่า คัมภีร์จตุรเวท หรือ พระเวททั้ง 4 อัน ได้แก่ 1. ฤคเวท (Rigveda) ว่าด้วยบทสดุดีพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่เก่าแก่ที่สุดในจ านวนพระเวท ทั้ง 4


14 2. ยชุรเวท (Yajurveda) ว่าด้วยสูตรส าหรับการใช้ในพิธีบูชายัญ ซึ่งแยกย่อยออกเป็นอีก 2 แขนง คือ กฤษณยชุรเวท (ฝ่ายด า) และศุกลยชุรเวท (ฝ่ายขาว) 3. สามเวท (Samabeda) ว่าด้วยบทสวดขับร้อง 4. อาถรรพเวท (Atharavaveda) ว่าด้วยมนตร์หรือคาถาต่างๆ ส่วนที่สอง เรียกว่า พราหมณะ ว่าด้วยการอธิบายรายละเอียดการจัดศาสนพิธี ซึ่งสามารถแยก ย่อยออกเป็น 2 แขนง คือ อรัณยกะ หมายถึง บทเรียนของผู้อยู่ป่า มีเนื้อหาเกี่ยวกับค าสอน การด าเนิน ชีวิตของพราหมณ์ ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งออกไปอยู่ป่า บ าเพ็ญเพียรเพื่อเข้าถึงโมกษะ และ อุปนิษัท ซึ่ง แปลว่า เข้าไปนั่งลง เป็นค าสอนที่ว่าด้วยหลักหรือค าสอนเกี่ยวกับปรมาตมัน และหนทางที่อาตมันจะ กลับคืนสู่ปรมาตมัน ที่มาภาพ : คเณศจตุรถีวันเทศกาลคเณศจตุรถี. https://www.kalyanamitra.org/th/article_detail.php?i=12566


15 พราหมณ์ผู้เผยแผ่พระเวทและหนทางสู่นิรวาณ ผู้ที่จะสามารถศึกษาร่ าเรียนพระเวทและถ่ายทอดโองการได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่เกิดในวรรณะ พราหมณ์ ซึ่งเชื่อว่า เป็นวรรณะที่ถือก าเนิดขึ้นจากพระโอษฐ์ (ปาก) ของปุรุษะ (พรหมัน) เป็นผู้มีความรู้ คัมภีร์พระเวทและมีหน้าที่สั่งสอนพระเวท สัจธรรมความรู้สูงสุดอันเป็นแก่นแท้ของศาสนา ที่มาภาพ: คอลัมน์ ผี พราหมณ์ พุทธ. https://www.matichonweekly.com/column/article_136218. ในสังคมอินเดีย นอกจากพราหมณ์แล้วคนในวรรณะอื่นจะท าพิธีกรรมบูชาพระผู้เป็นเจ้าด้วยตนเอง ไม่ได้ ต้องมีพราหมณ์เป็นผู้ประกอบพิธีให้เสมอ จึงเกิดต าแหน่งพราหมณ์ปุโรหิต เพื่อท าหน้าที่เป็นผู้ สื่อสารกับพระผู้เป็นเจ้าด้วยการประกอบพิธีบวงสรวงบูชายัญ อ้อนวอนพระผู้เป็นเจ้าให้บันดาลความสุข ความส าเร็จให้แก่มนุษย์ได้ ด้วยเหตุนี้ วรรณะพราหมณ์จึงถือเป็นวรรณะที่เกี่ยวข้องกับศาสนาอย่างใกล้ชิด กล่าวคือ เป็นผู้เชื่อมโยงความคิดในคัมภีร์พระเวทและวิถีปฏิบัติตามความเชื่อของศาสนาเข้าด้วยกัน ประพฤติปฏิบัติธรรม ประกอบพิธีกรรม และสาธยายเรื่องราวหรือสรรเสริญสดุดีพระผู้เป็นเจ้า สั่งสอน ศาสนิกชนให้เข้าถึงความสุขตามวรรณะของตน และหนทางแห่งความหลุดพ้นจากกองทุกข์ กองกิเลส การเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏ (samsaravatta) การกลับเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับปรมาตมัน หนทาง หรือความเป็นไปเช่นนี้เรียกว่า โมกฺษคติ พรหมมารฺค หรือ นิรวาณ


16 พราหมณ์จากชมพูทวีปสู่สยามประเทศ ศาสนาพราหมณ์ได้ประดิษฐาน ณ ดินแดน ซึ่งเป็นประเทศไทยในปัจจุบันครั้งแรก เมื่อใดยังไม่ ปรากฏหลักฐานแน่ชัด สันนิษฐานว่า นับแต่พุทธศตวรรษที่ 2-3 เป็นต้นมา มีพราหมณ์ทั้งลัทธิไศวนิกาย และไวษณพนิกาย เดินทางเข้ามายังดินแดนสุวรรณภูมิหลายเส้นทาง สายหนึ่งพราหมณ์จากอินเดียตอน ใต้ได้เดินทางมาพร้อมกับกองเรือสินค้า เข้ามาตั้งถิ่นฐานและสถาปนาลัทธิไศวนิกายในอาณาจักรตามพร ลิงค์ (นครศรีธรรมราช) อีกสายหนึ่งยังได้เดินทางเข้ามาตั้งรกรากในอาณาจักรฟูนัน ตั้งแต่ราวพุทธ ศตวรรษที่ 9 ซึ่งเป็นรากฐานของศาสนาพราหมณ์ในราชส านักอาณาจักรพระนคร (ขอม) ส่งผลให้อิทธิพล ของศาสนาพราหมณ์สายนี้ ได้แพร่หลายทั่วไปในบริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาค ตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ศาสนาพราหมณ์เริ่มประดิษฐานมั่นคงในสมัยสุโขทัย พระมหากษัตริย์ราชวงศ์พระร่วงแห่งกรุง สุโขทัยเอาพระทัยใส่ท านุบ ารุงศาสนาพราหมณ์ควบคู่ไปกับพระพุทธศาสนา ดังมีหลักฐานว่าพระมหา ธรรมราชาที่ 1 (ลิไทย) ทรงแต่งตั้งพราหมณ์ให้มีต าแหน่งเป็นพระศรีมโหสถ พระมหาราชครูผู้สอนปุโรหิต เพื่อถวายความรู้ ค าปรึกษาข้อราชการต่างๆ และประกอบพิธีกรรมตามพระเวท และยังปรากฏพิธี พราหมณ์ที่เกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์ เช่น พระราชพิธีบรมราชาภิเษกพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังท าหน้าที่เป็นผู้ประกอบพิธีกรรมต่างๆ ให้แก่ ชาวเมือง พราหมณ์ จึงเป็นบุคคลที่ได้รับความ เคารพนับถืออย่างยิ่งในกรุงสุโขทัย ที่มาภาพ : อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย.https://sites.google.com/site/10sudyxdboransthanthiy


17 ที่มาภาพ : วัดศรีสวาย.http://www.finearts.go.th/node/357 พระราชพิธีส าคัญที่เกี่ยวข้องกับลัทธิพราหมณ์ในสมัยสุโขทัยคือพระราชพิธีอภิเษก ได้กล่าวไว้ใน จารึกวัดป่ามะม่วง พ.ศ. 1904 ว่า ความส าคัญของศาสนาพราหมณ์ปรากฏเด่นชัดที่สุดในสมัยพระยาลิไท (พระมหาธรรมราชาที่ 1 พ.ศ. 1911-1917) กล่าวคือ มีการแต่งตั้งพราหมณ์ในราชส านักในต าแหน่งพระศรีมโหรสถพระ มหาราช ครูผู้สอนปุโรหิต เพื่อถวายความรู้ ค าปรึกษาราชการต่าง ๆ และมีการพระราชพิธีตามค าภีร์พระเวทและ พระราชพิธีสิบสองเดือน ในต าแหน่งออกพระศรีมโหสถยศกมเลศครรไลหงส์พงศ์มหาพฤฒาจารย์ เป็น ต าแหน่งพราหมณ์ปุโรหิต (สุพาภรณ์ ไผ่แก้ว, 2549 : 30) อีกทั้งยังปรากฏต าแหน่งพราหมณ์และพระราชพิธีที่เกี่ยวเนื่องกับศาสนาพราหมณ์เป็นแรง บันดาลใจในการแต่งวรรณกรรมต ารับนางนพมาศในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นด้วย ในหนังสือนางนพมาศ ได้กล่าวถึงความส าคัญของพราหมณ์ไว้ดังนี้


18 “ประการหนึ่ง พราหมณ์จารย์อันทรงและวิตรกุณฑลธุร า มีชาติและตระกูลมิได้เจือ ก็ย่อมวิเศษ ด้วยไตรเพทเวทมนต์ รู้ลักษณะผูกพรตกระท าการพระราชพิธีทั้งสิบสองเดือน เพื่อให้สมเด็จพระเจ้า แผ่นดินทรงพระเจริญในราชสมบัติปราศจากภยันตราย.อันว่าพระมหากษัตริย์ขัตติยราชตระกูลก็ดี และนรชาติชายหญิงตระกูลทั้งหลายก็ดี และนรชาติประชาชาติชายหญิงตระกูลทั้งหลายก็ดี ย่อมเชื่อเชิญ พราหมณ์หมู่นี้ไปในการมงคลต่าง ๆ มีการท าอาวาทมงคลเป็นต้น...” (ศิลปากร, กรม, 2513 : 19) ที่มาภาพ : อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา. https://sites.google.com/site/10sudyxdboransthanthiy ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยา ลัทธิ ความเชื่อ และประเพณีพราหมณ์ได้มีบทบาทในราชส านักไทย อย่างต่อเนื่อง ทั้งการรับแนวคิด “เทวราชา” ของศาสนาพราหมณ์มาจากอาณาจักรกัมพูชาที่ว่า พระมหากษัตริย์เปรียบประดุจดังอวตารแห่งพระผู้เป็นเจ้า ลงมายังโลกมนุษย์เพื่อดับทุกข์เข็ญ ปกครอง อาณาประชาราษฎร์และสมณชีพราหมณ์ให้ร่มเย็นโดยธรรม และแผ่กฤษฎาภินิหารไปทั่วทั้งทศทิศ ด้วยเหตุนี้ ในจารึกพระปรมาภิไธยหรือพระราชก าหนดกฎหมายเก่า พระมหากษัตริย์กรุงศรีอยุธยาจึง ออก พระนาม “รามาธิบดี” เช่นเดียวกับ “พระราม” พระเจ้าจักรพรรดิราช อวตารของพระผู้เป็นเจ้า ในกฎหมายตราสามดวง ยังมีการระบุถึงหน้าที่และกรมกองของพราหมณ์ในราชส านักหลายฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายโหรดาจารย์ ฝ่ายปุโรหิต ฝ่ายศาล ฝ่ายพิธี และฝ่ายพฤฒิมาศ ซึ่งมีหน้าที่ปฏิบัติงานด้านพระราชพิธีทั้ง ปวงและรักษาไว้ซึ่งกฎมณเฑียรบาล โดยในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเป็นยุครุ่งเรืองของ พราหมณ์ราชส านัก ด้วยพระมหากษัตริย์ทรงเลื่อมใสและศรัทธาในศาสนาพราหมณ์ดังปรากฏหลักฐานว่า


19 ‘ ได้ทรงให้หล่อเทวรูปสวมทองค าและเครื่องอาภรณ์ลงยาราชาวดีประดับแหวน ไว้ส าหรับตั้งในพระราชพิธี ถึง 4 พระองค์ และในพระราชพิธีตรียัมปวาย ได้เสด็จฯ เป็นประธานในพิธีและร่วมส่งพระผู้เป็นเจ้าทุกปี มิได้ขาด ไม่เพียงเท่านั้น วรรณคดีส าคัญหลายเรื่องซึ่งมีชื่อเสียงและได้รับการยกย่องว่ามีความงดงามทาง วรรณศิลป์ ล้วนแต่งโดยพราหมณ์คนส าคัญในราชส านักสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เช่น สมุทรโฆษค า ฉันท์แต่งโดยพระมหาราชครูผู้สอน หนังสือจินดามณีแต่งโดยพระโหราธิบดี และฉันท์ดุษฎีสังเวยกล่อม ช้างแต่งโดยขุนเทพกระวี เป็นต้น ที่มาภาพ : https://sites.google.com/site/sasnaphrahmnhindu/phithikrrm-thang-sasna ในสมัยกรุงธนบุรีและกรุงรัตนโกสินทร์ ได้สืบทอดขนบธรรมเนียม ประเพณี และวัฒนธรรมอันดี งามมาจากสมัยกรุงศรีอยุธยา ลัทธิ ความเชื่อ และประเพณีพราหมณ์ ยังคงมีบทบาทส าคัญต่อบ้านเมือง ช่วยเสริมสร้างขวัญและก าลังใจให้แก่อาณาประชาราษฎร์ โดยในปีพุทธศักราช 2310 เมื่อสมเด็จพระเจ้า ตากสินมหาราชทรงกอบกู้เอกราชและสถาปนากรุงธนบุรีขึ้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แต่งตั้ง พราหมณาจารย์รับราชการในราชส านัก เพื่อประกอบพระราชพิธีตามโบราณราชประเพณี ต่อมาเมื่อ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ มีพระราชหฤทัยมุ่งมั่นที่ จะท านุบ ารุงรักษาศิลปวัฒนธรรมตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม จึงมีพระบรมราชโองการให้ รวบรวมต าราเกี่ยวกับพิธีการต่างๆ ของพราหมณ์ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เชิญเหล่าบรรดา พราหมณ์ที่หลบลี้หนีภัยสงครามจากทั่วทุกสารทิศ เช่น นครศรีธรรมราช พัทลุง มาเป็นพราหมณ์ประจ า ราชส านักพระราชวังหลวงและพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) เพื่อประกอบพระราชพิธีและพิธี ส าคัญของบ้านเมือง


20 ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู


21 ใบงานที่ 1 ค าชี้แจง ให้นักเรียนท าการศึกษาใบความรู้ที่ 1 แล้วเติมค าตอบที่ถูกต้องลงในช่องว่าง ศาสนาพราหมณ์เรียกเป็นสากลว่า ถือก าเนิดขึ้น ณ พระผู้เป็นเจ้าหลายองค์ พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว สิ่งจริงแท้มีอยู่เพียงหนึ่งเดียว ช่วงสุดท้ายของยุคพระเวท พระพรหมธาดา พระวิษณุ


22 ใบความรู้ที่ 2 ที่มาภาพ : ศาสนาพราหมณ์ –ฮินดู มาจากไหน?.http://www.bloggang.com. วิวัฒนาการของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ยุคแรก แรกเริ่มเดิมที ก าเนิดมาจากความเชื่อ ของชาวอารยันที่นับถือบูชากราบไหว้ธรรมชาติ และเชื่อว่า มีเทพเจ้าประจ า ธรรมชาตินั้น ๆ (ท านองเดียวกันกับ การเชื่อ หรือการนับถือผีปู่ย่า ตายาย ของไทยเราใน สมัยโบราณ) เช่น ในสมัยพระเวทตอนต้น ชาวอารยัน จัดเทพเจ้า เป็น 3 หมวด คือ พวกที่หนึ่งอยู่บน สวรรค์ ได้แก่ วรุณ (ฝน = ไทยเรียก พระพิรุณ) สูรย์ (พระอาทิตย์) โสมะ (พระจันทร์) อุษา (แสงเงินแสง ทอง) เป็นต้น พวกที่สองอยู่บนฟ้า เป็นเทวดาประจ าอากาศ ได้แก่ อินทระ พระอินทร์ ซึ่งเทพองค์นี้ในยุค แรกเริ่มของชาวอารยันนั้นมักได้รับการยกย่องเรื่อยๆ จนกระทั้งครั้งหนึ่งเป็นเทพเจ้าสูงสุดในยุคพระเวท เป็นเทพเจ้าแห่งสงครามประจ าชาติ ถืออาวุธที่ส าคัญคือ วัชระ สามารถท าลายศัตรูให้พินาศราบคาบลงได้ ชั่วพริบตา มารุต หรือ รุทระ เทพเจ้าแห่งพายุ เป็นต้น พวกที่สามอยู่บนพื้นโลก เป็นเทวดาประจ าแผ่นดิน ได้แก่ อัคนี (ไฟ) ปฤถวี (แผ่นดิน) และยม (พระยม) เป็นต้น และอาจจะมีการรวมเอาเทพเจ้าประจ า ท้องถิ่นนั้นๆเข้ามาด้วย ในยุคนี้มีการท าพิธีกรรมบวงสรวงอ้อนวอนเทพเจ้าด้วยของบูชาต่างๆมากมายเช่น น้ านม นม เนย บูชาไฟ และอื่นๆ รวมไปถึงการบูชายัญ ในการท าพิธีนั้นเป็นหน้าที่ของพวกนักบวชใน ศาสนา และต่อมาก็ได้มีการปรับปรุงพิธีกรรมให้ยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้นในยุคหลัง


23 ยุคพราหมณ์ ต่อมาในสมัยพราหมณะ เกิดค าสอนว่า มีเทพองค์หนึ่ง เป็นใหญ่กว่าเทพเจ้า ทั้งหลาย เรียกว่า พระเป็นเจ้า หรือพรหม ซึ่งเป็นผู้สร้างโลก รวมทั้งเทพเจ้า ทั้งหลาย และมนุษย์ แล้วขีดชะตาชีวิตให้ เรียกว่า พรหมเนรมิต และพรหมลิขิต ตามล าดับ ในสมัยต่อมา ก็มีการเปลี่ยนแปลง ความเชื่อถือ และ ลัทธิพิธีมาโดยล าดับทุกระยะ จากศตวรรษหนึ่ง ไปยังศตวรรษหนึ่ง พิธีกรรมในยุคนี้ก็เริ่มจะซับซ้อนมาก ขึ้น ผู้ที่จะเข้าใจหรือสืบทอดพิธีกรรมได้ก็มีแต่พวกนักบวชในศาสนาหรือพราหมณ์เท่านั้น มีวรรณะทั้ง 4 เกิดขึ้น และก็กลายเป็นวรรณะพราหมณ์ที่อ านาจและอภิสิทธิ์ในยุคนับจากนี้ไป จากนั้นได้มีเทวดาใหม่ ๆ มาเพิ่มเติม เช่น พระวิษณุ และพระศิวะ ส่วนเทวดาเก่า ในสมัยพระเวท ก็ลดความส าคัญลง เช่น พระอินทร์ และบางองค์ถูกทอดทิ้ง เช่น พระอัคนี พระวรุณ เป็นต้น ยุคฮินดู เมื่อในแผ่นดินอินเดียเกิดศาสนาต่างๆมากมายเช่น พุทธ เช่น ท าให้ความเชื่อเรื่องศาสนา พราหมณ์ในสมัยหลังเริ่มสั่นคลอน ต่อมานักปราชญ์พราหมณ์ คนส าคัญชื่อ อาทิศังกรายจารย์ เห็นว่า ศาสนาพราหมณ์ จะอยู่ไม่ได้ เนื่องจากปัจจัยต่างๆ มากมาย อาทิสังกรายจารย์ จึงได้ท าการปฏิรูปศาสนา โดยทั้งศึกษาค าสอนของพุทธศาสนา และจากศาสนาอื่นๆแล้วเอามาดัดแปลงเข้ากับศาสนาพราหมณ์ แล้ว เรียกใหม่ว่า ฮินดู ซึ่งแปลว่า ศาสนาของชาวอินเดีย(เพราะคนอินเดียสมัยก่อนถูกทราบว่าอาศัยในลุ่มน้ า สินธุ) เป็นการพยายามรวมทุกศาสนาที่มีอยู่ในอินเดียเข้าด้วยกัน อาจด้วยเหตุผลหลายอย่างเช่น รวม ศรัทธาของชาวอินเดียให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อความสามัคคีทางด้านความเชื่อ เป็นต้น เทพเจ้าของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู มีเทพเจ้าเป็นจ านวนมากและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะศาสนิกชนมีอิสรภาพ เสรีเต็มที่ในการนับถือและการจินตนาการทางเทวรูปแต่ยังมีหลักที่ว่า เทพเจ้าที่เราได้รู้แล้วหรือจะได้รู้ใน อนาคต เป็นส่วนของพระปรมาตมัน จึงถือกันว่ามีเอกภาพในพหุภาพคือมีเทพเจ้าองค์เดียวในรูปร่างต่าง กัน แต่ละสถานที่ มีเทพเจ้าแต่ละองค์ดูไม่ออกว่าองค์ไหนส าคัญกว่าหรือสูงกว่าแต่ละกลุ่มนับถือแต่ละองค์ บางทีในครอบครัวเดียวกัน แต่ละคนในครอบครัวก็นับถือเทพเจ้าต่าง ๆ กัน แต่หลักๆแล้วก็จะนับถือตรี มูรติ พระพิฆเนศวร พระแม่เทวีที่เป็นชายาของมหาเทพ ต่างๆ มีพระแม่อุมาพระแม่ลักษณมีเป็นต้น


24 สัญลักษณ์ทางศาสนา สัญลักษณ์ส าคัญที่สุดคือ ตัวอักษรที่อ่านว่า “โอม” มาจาก อ + อุ + มะ เป็นแทนพระตรีมูรตีเทพ คือ อ แทนพระนารายณ์หรือพระวิษณุ อุ แทนพระพรหมา มะ แทนพระศิวะหรือพระอิศวร เมื่อรวมกัน เข้าเป็น อักษรเดียวกลายเป็นอักษร “โอม”แทนพระปรมาตมัน พระเจ้าสูงสุด ไม่มีตัวตน สัญลักษณ์นี้ทุก นิกาย ทุกลัทธิ ในศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู ต้องใช้เป็นประจ า ที่มาภาพ : เครื่องหมายโอม สัญลักษณ์แห่งศาสนาพราหมณ์-ฮินดู https://horoscope.thaiza.com/content/278265/ คัมภีร์ หลักความเชื่อ หลักธรรมค าสอน คัมภีร์ที่ผู้นับถือศาสนาฮินดูนับถือมีจ านวนมากมายไม่สามารถจะกล่าวได้ทั้งหมด ดังนั้นเพื่อให้ เกิด การรับรู้อย่างกว้าง ๆ จึงขอกล่าวเฉพาะคัมภีร์ที่ส าคัญใน 3 สมัย คือ 1. สมัยพระเวท คัมภีร์ที่ส าคัญ คือ ฤคเวท สามเวท ยชุรเวท อถรรพเวท พราหมณะ อารัณยกะ และอุปนิษัท 2. สมัยอิติหาสะ มีคัมภีร์ 2 คัมภีร์ คือ รามายณะและมหาภารตะ แต่ในคัมภีร์มหาภารตะมีค า สอน ของพระกฤษณะแทรกอยู่ ค าสอนดังกล่าวมีชื่อว่า “ภควัทคีตา” เป็นค าสอนที่ชาวฮินดูไม่ว่าจะอยู่ นิกายใด ให้ความนับถืออย่างสูง 3. สมัยปุราณะ มีความส าคัญที่สุดส าหรับศาสนาฮินดู ซึ่งคัมภีร์ปุรณะแบ่งเป็นมหาปุราณะและ อุปปุราณะ มหาปุราณะมีทั้งหมด 18 คัมภีร์ กล่าวกันว่า คัมภีร์ปุราณะเล่มเก่าแก่ที่สุดคงจะแต่งก่อน พุทธกาลเล็กน้อย และเล่มหลังสุดแต่งไม่เกินคริสต์ศตวรรษที่ 13 หรือราวพุทธศตวรรษที่ 18


25 นิกาย 1.นิกายไศวะ นับถือพระอิศวรหรือพระศิวะเป็นเทพพระเจ้าสูงสุด มี ศิวลึงค์ เป็นสัญลักษณ์แสดงการก าเนิด ของโลกและมวลมนุษย์ ต้นไม้ประจ าพระองค์คือ ต้นมะตูม มี โค เป็นพาหนะ ผู้นับถือศาสนานี้จึงไม่ บริโภคเนื้อวัว ที่มาภาพ : https://sites.google.com/site/sasnaphrahmnhindu/phithikrrm-thang-sasna 2.นิกายไวษณพะ เชื่อกันว่าพระองค์อวตารเป็นมนุษย์ได้เป็นคราวๆ นารายณ์อวตารในยุคนี้พระพรหมตกต่ า ไม่ค่อยมีใครนับถือนอกจากพวกพราหมณ์ปุโรหิต และนักปราชญ์ เพราะเหตุว่าพระพรหมไม่มีลักษณะ เป็นรูปธรรมพอที่จะท าให้คนธรรมดายึดถือ และช่วยเหลือหรือลงโทษใครไม่ได้คนอินเดียจึงหันไปนับถือ พระอิศวร และพระนารายณ์กัน ที่มาภาพ : https://sites.google.com/site/sasnaphrahmnhindu/phithikrrm-thang-sasna


26 นอกจากนั้นก็มีนิกายอื่นอีกเช่น นิกายศักติ (Shakti) เป็นนิกายที่นับถือพระเทวี หรือพระชายาของ มหาเทพ เช่น สรัสวดี พระลักษมี พระอุมา เจ้าแม่ทุรคา และเจ้าแม่กาลีซึ่งเป็นชายาของมหาเทพ ทั้งหลาย นิกายคณะพัทยะ (Ganabadya) นิกายนี้นับถือพระพิฆเณศเป็นเทพเจ้าสูงสุด เป็นต้น ที่มาภาพ : นิกายศักติ (Shakti). www.Gangedeva.com. ที่มาภาพ :นิกายที่นับถือพระเทวี หรือพระชายาของมหาเทพ. https://sites.google.com/site/sasnaphrahmnhindu/phithikrrm-thang-sasna


27 ใบงานที่ 2 ค าชี้แจง ให้นักเรียนท าการศึกษาใบความรู้ที่ 1 แล้วเติมค าตอบที่ถูกต้องลงในช่องว่าง 1.เหตุใดเทวดาเก่า ในสมัยพระเวท ถูกลดความส าคัญลง เช่น พระอินทร์ และบางองค์ถูกทอดทิ้ง เช่น พระอัคนี พระวรุณ เป็นต้น (วิเคราะห์ส่วนประกอบ) ค าตอบ ........................................................................................................................................................ ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ......................................................................................................................................................... ............. ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... 2. หลักการหรือสาเหตุใดที่ท าให้คนอินเดียหันไปนับถือพระอิศวรและพระนารายณ์จนท าให้เกิด กระแสไม่ค่อยมีผู้นับถือพระพรหม (วิเคราะห์หลักการและความสัมพันธ์) ค าตอบ ........................................................................................................................................................ ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................ ...................................... ...................................................................................................................................................................... ...................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................. ........................


28 ใบความรู้ที่ 3 หลักธรรมของศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู เป็นศาสนาที่เก่าแก่ที่สุด มีหลักธรรมส าคัญ ๆ ดังนี้ 1. หลักธรรม 10 ประการ 1) ธฤติ ได้แก่ ความพอใจ ความกล้า ความมั่นคง ซึ่งหมายถึง การพากเพียรจนได้รับ ความส าเร็จ 2) กษมา ได้แก่ ความอดทน นั่นคือ พากเพียรและอดทน โดยยึดความเมตตากรุณา เป็นที่ตั้ง 3) ทมะ ได้แก่ การข่มจิตใจของตนด้วยเมตตา และมีสติอยู่เสมอ 4) อัสเตยะ ได้แก่ การไม่ลักขโมย ไม่กระท าโจรกรรม 5) เศาจะ ได้แก่ การกระท าตนให้บริสุทธิ์ทั้งกายและใจ 6) อินทรียนิครหะ ได้แก่ การหมั่นตรวจสอบอินทรีย์ 10 ประการ ให้ได้รับการ ตอบสนองที่ถูกต้อง 7) ธี ได้แก่ ปัญญา สติ มติ ความคิด ความมั่นคงยืนนาน นั่นคือ มีปัญญาและรู้จัก ระเบียบวิธีต่างๆ 8) วิทยา ได้แก่ ความรู้ทางปรัชญา 9) สัตยา ได้แก่ ความจริง คือ ซื่อสัตย์ต่อกันและกัน 10) อโกธะ ได้แก่ ความไม่โกรธ ที่มาภาพ : ตรีมูรติ .http://allknowledges.tripod.com/brahmin.html


29 2. หลักอาศรม 4 เป็นขั้นตอนการด าเนินชีวิตของผู้ที่นับถือศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู เพื่อยกระดับชีวิตให้ สูงขึ้นมี 4 ประการ คือ 1. พรหมจารี เป็นขั้นตอนที่เด็กชายทุกคนที่เกิดในวรรณะพราหมณ์ กษัตริย์ แพศย์ ต้องศึกษาเล่าเรียน ต้องเข้าพิธีมอบตนเป็นนักเรียน และจะต้องปรนนิบัติรับใช้อาจารย์พร้อมกับศึกษาเล่า เรียน 2. คฤหัสถ์ เป็นวัยแห่งการครองเรือน เมื่อส าเร็จการศึกษาแล้วกลับไปใช้ชีวิตทางโลก แต่งงานและมีบุตรเพื่อสืบสกุล โดยยึดหลักธรรมเป็นแนวทางในการด าเนินชีวิต 3. วานปรัสถ์ เป็นขั้นที่แสวงหาธรรม โดยการออกบวชสู่ป่า เพื่อฝึกจิตใจให้บริสุทธิ์และ เตรียมปฏิบัติตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม 4. สันยาสี เป็นขั้นสุดท้ายแห่งชีวิต โดยสละชีวิตทางโลกออกบวช บ าเพ็ญเพียรตาม หลักศาสนา เพื่อความหลุดพ้น ที่มาภาพ : ตรีมูรติ.https://sites.google.com/site/sasnaphrahmnhindu/phithikrrm


30 ใบงานที่ 3 ค าชี้แจง ให้นักเรียนท าการศึกษาใบความรู้ที่ 2 แล้วอธิบายหัวข้อเรื่องที่ก าหนดให้ต่อไปนี้ หลักอาศรม 4


31 แบบทดสอบหลังการเรียนรู้ ค าชี้แจง 1. แบบทดสอบเป็นแบบปรนัยชนิด 4 ตัวเลือก จ านวน 10 ข้อ (10 คะแนน) 2. ใช้เวลาในการทดสอบ 10-20 นาที 3. ให้นักเรียนท าเครื่องหมาย x ทับข้อความที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ความเชื่อของคนไทยในเรื่องใดไม่ได้รับอิทธิพลจากศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ก. การถือฤกษ์งามยามดี การถือศีลถือวัน ข. ความเป็นศิริมงคลขึ้นอยู่กับผู้กระท า ค. การโคจรของดวงดาวมีอิทธิพลต่อชีวิตมนุษย์ ง. ความขลังและความศักดิ์สิทธิ์ของเวทมนต์คาถา 2. เพราะเหตุใจชาวฮินดูต้องเปล่งค าว่า โอมในการสวดมนต์ ก. เป็นค าบอกถึงการเริ่มต้นในการสวดมนต์ ข. เป็นคาถาอาคม เช่นเดียวกับศาสนาอื่นๆ ค. เป็นค าสั่งที่ระบุไว้ให้ท าในพระคัมภีร์ต่างๆ ง. เป็นค าแทนเทพเจ้าทั้ง 3 คือ พระพรหม พระศิวะ และพระวิษณุ 3. ศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู ถือว่ามนุษย์แตกต่างกันเพราะเหตุใด ก. ท าหน้าที่แตกต่างกัน ข. ท ากรรมต่างกัน ค. มีแหล่งก าเนิดต่างกัน ง. มีบรรพบุรุษต่างกัน 4. ในศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู พิธีคล้องด้ายศักดิ์สิทธิ์เพื่อแสดงว่าผู้ถูกคล้องเกิดใหม่เป็นครั้งที่สอง เรียกว่าพิธีอะไร ก. ชาตกรรม ข. ครรถาธาน ค. นามกรณ์ ง. อุปนยัน


32 5. ในหลักอาศรม 4 ของศาสนาฮินดู ค าว่า พรหมจารี หมายถึง บุคคลในข้อใด ก. คนที่ถือบวช ข. คนที่อยู่ในวัยเล่าเรียน ค. คนที่แต่งงานมีครอบครัว ง. คนที่นับถือพรหมเป็นใหญ่ 6. เรื่องรามเกียรติ์ซึ่งมีพระรามเป็นตัวเอกนั้น สืบเนื่องมาจากคติของนิกายใดในศาสนาฮินดู ก. นิกายไวษณพ ข. นิกากยศักติ ค. นิกายพรหม ง. นิกายไศวะ 7. บทสวดสั้นๆ ส าหรับขับกล่อมเทพเจ้าที่เสด็จมาประทับในพิธีให้เพลิดเพลิน เรียกว่าอะไร ก. ฤคเวท ข. ยชุรเวท ค. สามเวท ง. อาถรรพเวท 8. คัมภีร์ใดกล่าวถึงความคิดทางปรัชญามากที่สุด ก. อุปนิษัท ข. ปุราณะ ค. มันตระ ง. ยชุรเวท 9. จักรี หมายถึง ผู้มีจักรหรือผู้ถือจักร ได้แก่ เทพองค์ใด ก. พระอินทร์ ข. พระอิศวร ค. พระพรหม ง. พระนารายณ์ 10. ศาสนาฮินดูใช้วิธีกลืนพุทธศาสนาอย่างไร ก. ก าหนดให้พระพรหมมี 4 หน้าแทนพรหมวิหาร 4 ข. ก าหนดให้พระอินทร์ลงมากล่าวสมทานไตรสรณคมน์ ค. ก าหนดให้พระนารายณ์อวตารลงมาเป็นพระพุทธเจ้า ง. ก าหนดให้มีพระเจ้า 5 พระองค์แทนพระพุทธเจ้า 5 พระองค์


33 บรรณานุกรม กระทรวงศึกษาธิการ. สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์องค์กรรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์, 2559. เฉลิม พงษ์อาจารย์.ประวัติศาสตร์อินเดีย. โครงการต าราฯ,2523. ณรงค์ พ่วงพิศ, วุฒิชัย มูลศิลป์ และชาคริต ชุ่มวัฒนะ. หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้พื้นฐาน กลุ่มสาระ การเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม :พระพุทธศาสนา ม.2 ช่วงชั้นที่ 3.พิมพ์ครั้งที่ 9. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์, 2559. พรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตโต), พระ.พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม. พิมพ์ครั้งที่ 10. กรุงเทพฯ : บริษัท เอส. อาร์. พริ้นติ้ง แมส โปรดักส์ จ ากัด, 2560. กระทรวงศึกษาธิการ. แนวทางการด าเนินงานโรงเรียนวิถีพุทธ. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ (ร.ส.พ.), 2560. ผ่องศรี จั่นจ้าว และคนอื่นๆ. หนังสือเรียนสาระการเรียนรู้พื้นฐาน สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย. กรุงเทพฯ : ส านักพิมพ์ไทยวัฒนาพานิช, 2560. ยวาหระลาล เนห์รู เขียน กรุณา กุศลาสัย แปล.พบถิ่นอินเดีย. กรุงเทพ:แม่ค าผาง,2548. วิชาการ. กรม.การจัดสาระการเรียนรู้พระพุทธศาสนา. กรุงเทพฯ : กรมวิชาการ, 2551. _________.กรม.คู่มือหลักสูตรพระพุทธศาสนา ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์คุรุสภา ลาดพร้าว, 2559. _________.กรม.หนังสือเรียนสังคมศึกษา ส0111 พระพุทธศาสนา. พิมพ์ครั้งที่ 6.กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ คุรุสภาลาดพร้าว, 2559. ศิลปากร,กรม. นางนพมาศหรือต ารับท้าวศรีจุฬาลักษณ์. พระนคร : ศิลปาบรรณาคาร. 2513. สุภาพร ไผ่แก้ว.“สถานะและบทบาทของพราหมณ์ในราชส านักในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธ ยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (พ.ศ. 2325-2352)” สารนิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (ประวัติศาสตร์),มหาวิทยาลัยรามค าแหง,2549. อมร โสภณวิเชษฐ์วงศ์ และกวี อิสริวรรณ. หนังสือเรียนสังคมศึกษา รายวิชา ส0110 พระพุทธศาสนา ชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย. พิมพ์ครั้งที่ 14. กรุงเทพฯ : วัฒนาพานิช, 2560.


34 แหล่งข้อมูลอ้างอิง อ้างอิงจาก http://allknowledges.tripod.com/brahmin.html (สืบค้นเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2560) อ้างอิงจาก https://www.kalyanamitra.org/th/article_detail.php?i=12566 (สืบค้นเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2559) อ้างอิงจาก http://www.bloggang.com. (สืบค้นเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2559) อ้างอิงจาก https://www.matichonweekly.com/column/article_136218. (สืบค้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2560) อ้างอิงจาก https://sites.google.com/site/10sudyxdboransthanthiy (สืบค้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2560) อ้างอิงจาก.http://www.finearts.go.th/node/357 (สืบค้นเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2560) อ้างอิงจาก https://sites.google.com/site/sasnaphrahmnhindu/phithikrrm-thang-sasna (สืบค้นเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2560) อ้างอิงจาก www.Gangedeva.com. (สืบค้นเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2560) อ้างอิงจาก https://horoscope.thaiza.com/content/278265/(สืบค้นเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2560) อ้างอิงจาก https://sites.google.com/site/sasnaphrahmnhindu/phithikrrm (สืบค้นเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2560)


35


36 เฉลยแบบทดสอบก่อนการเรียนรู้ เฉลยแบบทดสอบก่อนการเรียนรู้ 1 ค 6 ก 2 ง 7 ข 3 ข 8 ค 4 ก 9 ง 5 ข 10 ก


37 เฉลยแบบทดสอบหลังการเรียนรู้ เฉลยแบบประเมินตนเองก่อนและหลังการเรียนรู้ 1 ข 6 ก 2 ง 7 ค 3 ค 8 ก 4 ง 9 ง 5 ข 10 ค


38 เฉลยใบงานที่ 1 ค าชี้แจง ให้นักเรียนท าการศึกษาใบความรู้ที่ 1 แล้วเติมค าตอบที่ถูกต้องลงในช่องว่าง ศาสนาพราหมณ์เรียกเป็นสากลว่า ถือก าเนิดขึ้น ณ ศาสนาฮินดู ดินแดนชมพูทวีป พระผู้เป็นเจ้าหลายองค์ พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว พหุเทวนิยม เอกเทวนิยม สิ่งจริงแท้มีอยู่เพียงหนึ่งเดียว ช่วงสุดท้ายของยุคพระเวท ความคิดเรื่อง เอก สตฺ คือ สมัยอุปนิษัท พระพรหมธาดา พระวิษณุ เทพผู้นฤมิตสรรพสิ่ง (สฤษฺฏิ) พระนารายณ์ เทพผู้ปกปักรักษา (สฺถิติ)


39 เฉลยใบงานที่ 2 ค าชี้แจง ให้นักเรียนท าการศึกษาใบความรู้ที่ 1 แล้วเติมค าตอบที่ถูกต้องลงในช่องว่าง 1.เหตุใดเทวดาเก่า ในสมัยพระเวท ถูกลดความส าคัญลง เช่น พระอินทร์ และบางองค์ถูกทอดทิ้ง เช่น พระอัคนี พระวรุณ เป็นต้น (วิเคราะห์ส่วนประกอบ) แนวค าตอบ ในสมัยพราหมณะ เกิดค าสอนว่า มีเทพองค์หนึ่ง เป็นใหญ่กว่าเทพเจ้า ทั้งหลาย เรียกว่า พระเป็น เจ้า หรือพรหม ซึ่งเป็นผู้สร้างโลก รวมทั้งเทพเจ้า ทั้งหลาย และมนุษย์ แล้วขีดชะตาชีวิตให้ เรียกว่า พรหมเนรมิต และพรหมลิขิต ตามล าดับ ในสมัยต่อมา ก็มีการเปลี่ยนแปลง ความเชื่อถือ และลัทธิพิธีมา โดยล าดับทุกระยะ จากศตวรรษหนึ่ง ไปยังศตวรรษหนึ่ง พิธีกรรมในยุคนี้ก็เริ่มจะซับซ้อนมากขึ้น ผู้ที่จะ เข้าใจหรือสืบทอดพิธีกรรมได้ก็มีแต่พวกนักบวชในศาสนาหรือพราหมณ์เท่านั้น มีวรรณะทั้ง 4 เกิดขึ้น และก็กลายเป็นวรรณะพราหมณ์ที่อ านาจและอภิสิทธิ์ในยุคนับจากนี้ไป จากนั้นได้มีเทวดาใหม่ ๆ มา เพิ่มเติม เช่น พระวิษณุ และพระศิวะ 2. หลักการหรือสาเหตุใดที่ท าให้คนอินเดียหันไปนับถือพระอิศวรและพระนารายณ์จนท าให้เกิด กระแสไม่ค่อยมีผู้นับถือพระพรหม (วิเคราะห์หลักการและความสัมพันธ์) แนวค าตอบ นิกายไวษณพะ เชื่อกันว่าพระองค์อวตารเป็นมนุษย์ได้เป็นคราวๆ นารายณ์อวตารในยุคนี้พระ พรหมตกต่ า ไม่ค่อยมีใครนับถือนอกจากพวกพราหมณ์ปุโรหิต และนักปราชญ์ เพราะเหตุว่าพระพรหม ไม่มีลักษณะเป็นรูปธรรมพอที่จะท าให้คนธรรมดายึดถือ และช่วยเหลือหรือลงโทษใครไม่ได้คนอินเดียจึง หันไปนับถือพระอิศวร และพระนารายณ์กัน


40 เฉลยใบงานที่ 3 ค าชี้แจง ให้นักเรียนท าการศึกษาใบความรู้ที่ 2 แล้วอธิบายหัวข้อเรื่องที่ก าหนดให้ต่อไปนี้ หลักอาศรม 4 หลักอาศรม 4 เป็นขั้นตอนการด าเนินชีวิตของผู้ที่นับถือศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู เพื่อยกระดับชีวิตให้ สูงขึ้นมี 4 ประการ คือ 1. พรหมจารี เป็นขั้นตอนที่เด็กชายทุกคนที่เกิดในวรรณะพราหมณ์ กษัตริย์ แพศย์ ต้องศึกษาเล่าเรียน ต้องเข้าพิธีมอบตนเป็นนักเรียน และจะต้องปรนนิบัติ รับใช้อาจารย์ พร้อมกับ ศึกษาเล่าเรียน 2. คฤหัสถ์ เป็นวัยแห่งการครองเรือน เมื่อส าเร็จการศึกษาแล้วกลับไปใช้ชีวิตทางโลก แต่งงานและมีบุตรเพื่อสืบสกุล โดยยึดหลักธรรมเป็นแนวทางในการด าเนินชีวิต 3. วานปรัสถ์ เป็นขั้นที่แสวงหาธรรม โดยการออกบวชสู่ป่า เพื่อฝึกจิตใจให้บริสุทธิ์ และ เตรียมปฏิบัติตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม 4. สันยาสี เป็นขั้นสุดท้ายแห่งชีวิต โดยสละชีวิตทางโลกออกบวช บ าเพ็ญเพียรตามหลัก ศาสนา เพื่อความหลุดพ้น


41 เกณฑ์การประเมินทักษะการเขียน การประเมินในภาพรวม ระดับคะแนน ลักษณะงาน 3 (ดี) -เขียนได้ตรงประเด็นตามที่ก าหนดไว้ -มีการจัดระบบการเขียน เช่น มี ค าน า เนื้อหา และบทสรุปอย่างชัดเจน -ภาษาที่ใช้ เช่น ตัวสะกด และไวยกรณ์ มีความถูกต้องสมบูรณ์ ท าให้ผู้ อ่านเข้าใจง่าย -มีแนวคิดที่น่าสนใจ ใช้ภาษาสละสลวย 2 (ผ่าน) -เขียนได้ตรงประเด็นตามที่ก าหนดไว้ -มีการจัดระบบการเขียน เช่น มี ค าน า เนื้อหา และบทสรุป -ภาษาที่ใช้ท าให้ผู้อ่านเกิดความสบสน -ใช้ค าศัพท์ที่เหมาะสม 1(ต้องปรับปรุง) -เขียนไม่ตรงประเด็น -ไม่มีการจัดระเบียบการเขียน -ภาษาที่ใช้ท าให้ผู้อ่านเกิดความสบสน -ใช้ค าศัพท์ที่ไม่เหมาะสม 0 -ไม่มีผลงาน เกณฑ์การประเมินแบบแยกองค์ประกอบ เนื้อหา ระดับ 1 สอดคล้องกับเนื้อเรื่อง 2 ล าดับเนื้อเรื่องชัดเจน 3 เรื่องน่าสนใจ 4 มีจินตนาการ การใช้ภาษา ระดับ 1 ผิดพลาดมาก สื่อความหมายไม่ชัดเจน 2 ถูกต้องส่วนมากและสื่อความหมายได้ 3 ผิดพลาดน้อย เชื่อมโยงภาษาได้ดี 4 ถูกต้องเกือบทั้งหมด ใช้ภาษาสละสลวยงดงาม


Click to View FlipBook Version