The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ตามรอยเมืองเขาแดงสู่มรดกโลก

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pafan027, 2023-05-08 22:51:23

ตามรอยเมืองเขาแดงสู่มรดกโลก

ตามรอยเมืองเขาแดงสู่มรดกโลก

กลุ่มนิเทศ ติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษา สำ นักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล สำ นักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน SPM.SKST.66007 ตามรอยเมืมื มืมื องเขาแดง มรดกโลก


ค ำน ำ “ตามรอยเมืองเขาแดง (SINGGORA) สู่เมืองมรดกโลก” น าเสนอเรื่องราวเมืองเก่าสงขลาหัวเขาแดง ที่ตั้งอยู่บริเวณต าบลหัวเขา อ าเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา ในปัจจุบันปรากฏชื่ออยู่ในเอกสารโบราณ ว่า SINGGORA เป็นเมืองที่มีความเจริญรุ่งเรืองในสมัยกรุงศรีอยุธยา และมีโบราณสถานที่ส าคัญบนหัวเขาแดง ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล หวังเป็น อย่างยิ่งว่าหนังสือ ตามรอยเมืองเขาแดง (SINGGORA) สู่เมืองมรดก โลก เล่มนี้เป็นหนังสือที่ใช้ส าหรับอ่านเพิ่มเติมประกอบการเรียน ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นสงขลา อีกทั้งใช้เป็นสื่อประกอบในการศึกษาแหล่ง เรียนรู้ของนักเรียนในระดับมัธยมศึกษา ให้เกิดความรู้สึกซาบซึ้งภาคภูมิใจ รักและหวงแหนในแหล่งประวัติศาสตร์ท้องถิ่นใกล้บ้าน ขอขอบพระคุณท่านผู้อ านวยการสพม.สงขลา สตูล, รอง ผู้อ านวยการสพม.สงขลา สตูล, ผู้อ านวยการโรงเรียน และรอง ผู้อ านวยการโรงเรียนทุกท่าน คณะศึกษานิเทศก์ และขอขอบคุณผู้ที่ให้ ความอนุเคราะห์ทุกท่าน มา ณ โอกาสนี้ คณะผู้จัดท า


สำรบัญ ประวัติ ความเป็นมาเมืองสิงหนคร.................................................. 1 ป้อมเมืองสงขลา ............................................................................. 5 เจดีย์สองพี่น้อง ............................................................................... 13


ตามรอยเมืองเขาแดง (SINGORA) สู่มรดกโลก หน้า 1 ล้วนเป็นชื่อเมืองสงขลาที่ ถูกเรียกขานในสมัยอยุธยา ซึ่งเวลานั้นตั้งอยู่ ณ หัวเขาแดง มีชัยภูมิ อยู่บนไหล่เขาทางและสามารถควบคุมทางเข้าสู่ทะเลสาบ ตัวเมือง ตั้งอยู่บนที่ราบเชิงเขาทางทิศเหนือ มีแนวก าแพงป้องกัน ๓ ด้าน ส่วนทางทิศใต้ใช้เขาแดงเป็นปราการธรรมชาติ มีป้อมปืนเรียงราย ถึง ๑๘ ป้อม ชายหาดจอดเรือสินค้าที่ก าบังคลื่นลมได้ดี สงขลาที่หัว เขาแดงจึงเป็นสถานีการค้านานาชาติที่มีความรุ่งเรืองมากใน คาบสมุทรภาคใต้ ภาพ https://bit.ly/3EOQbiu


ตามรอยเมืองเขาแดง (SINGORA) สู่มรดกโลก หน้า 2 “เมืองสงขลาหัวเขาแดง” ก่อตั้งขึ้นราวกลางพุทธ ศตวรรษที่ ๒๒ โดยชาวมุสลิมชื่อ ดาโต๊ะ โมกอลล์ซึ่งพาครอบครัว และบริวารหลบหนีภัยจากการล่าเมืองขึ้นของดัตช์ในชวามาขึ้นบก ที่หัวเขาแดง เนื่องจากชัยภูมิของหัวเขาแดงตั้งอยู่บนที่สูง สามารถ ก าบังคลื่นลมมรสุมและมีชายหาดที่เหมาะต่อการเป็นท่าจอดเรือ อีกทั้งยังสามารถคุมเส้นทางเดินเรือที่จะเข้าไปในทะเลสาบสงขลา ได้ กอปรกับเมืองแห่งนี้เป็นแหล่งรวบรวมสินค้าจากหัวเมืองภายใน ที่บรรดาพ่อค้าทั้งชาติตะวันตกและตะวันออกต้องการ เมื่อเจ้าเมือง มีนโยบายท าให้เป็นเมืองปลอดภาษี เมืองสงขลาหัวเขาแดง จึง กลายเป็นเมืองท่าที่มีความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ น าไปสู่ความมั่นคง ทางการเมือง เมืองสงขลาหัวเขาแดง อยู่ภายใต้การปกครองของเจ้า เมืองที่เป็นมุสลิมสืบต่อมากว่า ๗๐ ปี ก็เสื่อมโทรมลง ตัวเมือง สงขลาแห่งที่ ๒ จึงได้ย้ายมาอยู่ที่บริเวณแหลมสน อีกด้านหนึ่งของ เขาหัวแดง ก่อนจะย้ายมายังบริเวณบ่อยาง ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมือง สงขลาตราบเท่าถึงปัจจุบัน เมืองสงขลาเก่าที่ตั้งอยู่ในบริเวณต าบลหัวเขา อ าเภอ สิงหนคร จังหวัดสงขลา ในปัจจุบันปรากฎชื่ออยู่ในเอกสารโบราณ ว่า SINGORA เป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาราว กลางพุทธศตวรรษที่ ๒๒ ถึงต้นพุทธศตวรรษที่ ๒๓ ก่อตั้งเมืองโดย ดาโต๊ะโมกอล และปกครองต่อมาโดยสุลต่านสุลัยมาน** และ สุลต่านมุสตาฟา ซึ่งเป็นผู้ปกครองกลุ่มมุสลิมที่มีความสามารถด้าน การค้าและการสู้รบปกป้องบ้านเมือง ท าให้ในช่วงเวลาดังกล่าว


ตามรอยเมืองเขาแดง (SINGORA) สู่มรดกโลก หน้า 3 เมืองสงขลาเป็นเมืองท่าที่มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างมาก เพราะมี การขยายตัวทางด้านการค้าอย่างกว้างขวางกับชาวต่างชาติ เช่น ดัตซ์ อังกฤษ ฝรั่งเศส ต่อมาเมืองสงขลาเริ่มแข็งเมืองกับกรุงศรี อยุธยา จนท าให้ทางกรุงศรีอยุธยาต้องส่งก าลังมาปราบปรามจน ส าเร็จใน พ.ศ. ๒๒๒๓ ท าให้บ้านเมืองกลายเป็นเมืองร้าง ผู้คนได้ ย้ายมาตั้งที่อยู่ใหม่บริเวณปลายสุดของคาบสมุทรสทิงพระ หรือ บ้านแหลมสน และเรียกกันเรื่อยมาว่า "เมืองสงขลาฝั่งแหลมสน" ซึ่งเป็นศูนย์กลางการปกครองสมัยต้นรัตนโกสินทร์โดยอยู่ภายใต้ การปกครองของเจ้าเมืองเชื้อสายจีน ทั้งนี้เมืองสงขลาเก่าสมัยกรุงศรีอยุธยานั้นเป็นเมืองที่มี คูเมือง ก าแพงเมือง และป้อมปราการ เป็นอาณาเขตและเป็น ปราการของเมือง แผนผังเมืองที่เขียนขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๒๓๐ โดย วิศวกรชาวฝรั่งเคส เดอ ลามาร์ (Monsieur de Lamare) แสดง แผนผังเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยม มีคูเมืองและก าแพงเมืองเป็นปราการ ด้านทิศเหนือ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก มีเขาแดงและเขาค่าย ม่วงเป็นปราการด้านทิศใต้ โบราณสถานที่ส าคัญของเมืองสงขลาเก่า สมัยกรุงศรี อยุธยา นั่นคือ ป้อมเมืองสงขลาเก่า ซึ่งตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ ส าคัญของเมืองสงขลาฝั่งหัวเขาแดง ทั้งบนเขาและที่ราบ ซึ่งใช้เป็น ป้อมปราการป้องกัน ต่อสู้ปกป้องบ้านเมือง จากการศึกษารูปแบบและแผนผังการก่อสร้างป้อม ดังกล่าวสันนิษฐานว่าชาวอังกฤษคงจะมีส่วนให้ความช่วยเหลือใน การก่อสร้างและซ่อมแซม ซึ่งในปัจจุบันสามารถพบเห็นร่องรอย


ตามรอยเมืองเขาแดง (SINGORA) สู่มรดกโลก หน้า 4 ของป้อมเมืองสงขลาเก่าที่ก่อด้วยหินสอปูนอย่างน้อย ๑๔ ป้อม ประกอบด้วย ๑. ป้อมบนที่ราบและเชิงเขา ลักษณะเป็นป้อมขนาด กลางรูปสี่เหลี่ยม มีช่องทางเข้าหรือบันไดอยู่ทางด้านในหรือ ด้านข้าง ส่วนบนท าเป็นเชิงเทิน มีช่องมองสลับใบบังรูปสี่เหลี่ยมอยู่ โดยรอบ ด้านนอกมีเสาครีบค้ ายัน เพื่อเสริมความมั่งคงของ โครงสร้าง และป้องกันแรงกระแทกจากการยิงของปืนใหญ่ ได้แก่ ป้อมหมายเลข ๑,๒,๓,๙,๑๑,๑๒,๑๓ และ ๑๕ ๒. ป้อมบนเขาและลาดเขา มีลักษณะเป็นป้อมรูป สี่เหลี่ยม มีช่องมองและส่งสัญญาณมายังเบื้องล่าง ได้แก่ ป้อม หมายเลข ๔,๕,๖,๗,๘ และ ๑๐ ๓. ป้อมในทะเล คงจะมีลักษณะเช่นเดียวกับป้อมบนพื้น ราบ ปัจจุบันอยู่ในสภาพที่ไม่อาจจะสันนิษฐานรูปแบบได้ (สันนิษฐานว่า คือ ป้อมหมายเลข ๑๔) ภาพ ป้อมประวัติศาสตร์ประจ าเมืองบนหัวเขาแดง


ตามรอยเมืองเขาแดง (SINGORA) สู่มรดกโลก หน้า 5 มีลักษณะเป็นรูปครึ่ง วงกลม ขน าดกว้าง ๑๗ เมต ร ยาว ๒๒ เมตร สูง ๔.๕๐ เมตร แ ต่ ล ะ ด้ า น มี ช่ อ ง ระหว่างใบบังส าหรับวางปืนใหญ่ ปัจจุบันส่วนบนพังเกือบหมดแล้ว ด้านขวาของตัวป้อมมีร่องรอยของก าแพงต่อยืนออกไปทางทิศ เหนือมีความยาว ๑๐๐ เมตร ด้านซ้ายส่วนหลังของป้อมเป็นรูปมน ค้านหลังโค้ง มีร่องรอยของส่วนค้ ายันฐานผนังป้อมช ารุด บริเวณมุม ส่วนด้านขวาของป้อม ๑ แห่งและที่บริเวณส่วนหลังด้านขวาอีก ๑ แห่ง ป้อมหมายเลข ๑ นี้ตั้งอยู่บนพื้นราบทางด้านตะวันตกของ เมืองสงขลาเก่า อยู่ห่างจากถนนสายหัวเขาแดง - ระโนด ประมาณ ๒๔๐ เมตร มี ลั ก ษ ณ ะ เ ป็ น รู ป สี่เหลี่ยมผืนผ้า ขน าด กว้าง ๘.๕ เมตร ยาว ๑๖.๕ เมตร สูง ๕ เมตร มีค้ ายันฐานผนังป้อม ๑๑ แห่ง เป็นป้อมที่ตั้งอยู่บนพื้นราบในบริเวณป้อมเมืองด้านทิศใต้ โดย ห่างจากป้อมหมายเลข ๑ ประมาณ ๑๙๒ เมตร


ตามรอยเมืองเขาแดง (SINGORA) สู่มรดกโลก หน้า 6 มี ลั กษณ ะ เป็น รู ป สี่ เ ห ลี่ ย ม ผื น ผ้ า ขนาดกว้าง ๑๐.๖ เมต ร ย าว ๑๑ .๕ เมตร สูง ๔ เมตร เป็นป้อมที่มีขนาดเล็กตั้งอยู่บนพื้นราบในแนวป้อมเมืองด้านทิศใต้ โดยห่างจากป้อมหลายเลข ๒ ประมาณ ๑๙๕ เมตร มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้าง ๘.๒๐ เมตร ยาว ๑๒.๕๐ เมตร สูง ๔.๒๐ เมตร ตั้งอยู่บนเชิงเขา ค่ายม่วงซึ่งเป็นที่ลาดชัน จึงท าให้มองเห็นด้านข้างทั้ง ๒ ด้าน เป็น รูปสามเหลี่ยมมีใบบังทั้ง ๔ ด้าน แต่บางส่วนได้ช ารุดไปบ้างแล้ว ป้อมนี้อยู่ในแนวป้อมเมืองด้านซ้าย โดยห่างจากป้อมหมายเลข ๓ ประมาณ ๔๗๐ เมตร ภาพป้อมเมืองสงขลาเก่า หมายเลข ๓


ตามรอยเมืองเขาแดง (SINGORA) สู่มรดกโลก หน้า 7 มี ลั ก ษ ณ ะ เ ป็ น รู ป สี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้าง ๗.๕๐ เมตร ยาว ๑๒.๕๐ เมตร สูง ๓.๘๐ เมตร มี รูป แบบเหมือน กับป้อ ม หมายเลข ๔ อยู่สูงขึ้นไปบนเขาค่ายม่วง มีความลาดชันของเขา มากกว่าในแนวป้อมเมืองด้านทิศใต้ โดยห่างจากป้อมหมายเลข ๔ ขึ้นไปบนเขาค่ายม่วงประมาณ ๑๐๓ เมตร มีลักษณะแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้าง ๑๔.๘๐ เมตร ยาว ๒๓.๕๐ เมตร สูง ๒.๘๐ เมตร มีใบ บังทั้ง ๔ ด้าน ตั้งอยู่ส่วนบนของเขาค่ายม่วงในแนวป้อมด้านทิศใต้ โดยห่างจากป้อมหมายเลข ๕ ขึ้นไปบนเขาค่ายม่วง ประมาณ ๑๒๐ เมตร


ตามรอยเมืองเขาแดง (SINGORA) สู่มรดกโลก หน้า 8 มีลักษณะผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด กว้าง ๗ เมตร ยาว ๑๐ เมตร สูง ๑ เมตร ส่วนฐานและส่วนบน ช ารุดเกือบหมดจากต าแหน่งและรูปแบบที่เหลือ มีลักษณะ คล้ายคลึงกับป้อมหมายเลข ๔ และ ๕ ตั้งอยู่บนเชิงเขาค่ายม่วง ทางด้านทิศเหนือ โดยอยู่ทางด้านเหนือของป้อมหมายเลข ๖ และ อยู่ห่างจากถนนระโนด - สงขลา ประมาณ ๒๐ เมตร ซึ่งปัจจุบันยัง ไม่ได้ส ารวจ มีลักษณะผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด กว้าง ๑๒ เมตร ยาว ๑๘ เมตร และสูง ๑.๔๐ เมตร มีใบบังทั้ง ๔ ด้าน ตั้งอยู่บนปลายสุดของเขาค่ายม่วงทางมุมเมืองด้านทิศ ตะวันออกถึงทิศเหนือ


ตามรอยเมืองเขาแดง (SINGORA) สู่มรดกโลก หน้า 9 ป้อมหมายเลข 8 (ป้อมปืนปากน้ าเมืองสงขลา) เป็น หลักฐานแสดงถึงความยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งของเมืองสงขลา (ซิงกอรา) ในเวลานั้นได้เป็นอย่างดี จากจุดนี้เราสามารถมองเห็น ทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองสงขลาได้ทั้งสองฝั่งทะเล คือทะเลอ่าว ไทยและทะเลสาบสงขลา อันเป็นที่มาของชื่อ เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงได้คุ้นเคยกับสถานที่ แห่งนี้ ในพื้นที่สิงหนคร ป้อมหมายเลข 9 ลักษณะผังเป็นรูป สี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 9.60เมตร ยาว 10.20 เมตรสูง 5 เมตร มี ใบบังทั้งสี่ด้าน ระหว่างใบบังจะมีช่องมองซึ่งจะต้องมองเฉียงจึงจะ มองเห็นภายนอกได้ มีส่วนค้ ายันฐานผนังป้อมทางด้านตะวันออก ตะวันตกและทิศเหนือ ป้อมนี้อยู่บนพื้นราบเชิงเขาน้อยทางทิศ ตะวันตก 300 เมตร ห่างจากป้อมหมายเลข 1 ไปทางทิศ ตะวันออกประมาณ 1,072 เมตร


ตามรอยเมืองเขาแดง (SINGORA) สู่มรดกโลก หน้า 10 ตั้งอยู่ที่หัวเขา สิงหนคร สงขลา สร้างโดยทหารรับจ้าง วิศวกรชาววิลันดา (ฮอลันดา/ฮอลแลนด์) ยังมีหลุมฝังศพชาว วิลันดาอยู่ในพื้นที่มรหุ่มสุลต่านสุไลมาน (กูโบร์) ตรงทางเข้า คลัง น้ ามัน ปตท. สิงหนคร สุลต่านสุไลมาน คือ อดีตเจ้านครรัฐสงขลา ต้นสกุล ณ พัทลุง พิทักษ์คุมพล ทิพย์ธารา ศรียาภัย มีข้อสันนิษฐานว่า พื้นที่ตั้งป้อมเดิมนี้ มีทะเลรายล้อมรอบ เพราะจากการขุดชั้นดินทรายส ารวจก็เจอทรายทะเล และมี ทางเดินด้านหลังป้อมไปพระเจดีย์เขาน้อย ที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งเป็น พื้นที่เชื่อมต่อกับหัวเขาแดง ให้สังเกตช่องยิงปืน จะเอียงเอียง ป้องกันการถูกข้าศึกยิงใส่ มีการสร้างช่องยิงปืนแบบนี้ที่จวนเจ้า เมืองระนอง คอซิมบี้ ป้อมนี้อยู่ระหว่างปั๊มปตท. กับสี่แยกตรงข้าม เยื้องปั๊มพีที ถ้ามาจากสามแยกไปท่าเรือสงขลา เลี้ยวมาที่ปั๊มปตท. สิงหนคร ป้อมนี้อยู่ฝั่งเดียว กับปั๊มปตท. ถ้ามาจากสะพานเกาะยอ ตรงสี่แยกที่เห็นปั้มพีที ต้องยูเทิร์นพราะตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามปั๊มพีที มี ลั กษ ณ ะ ผัง เป็ น รู ป สี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด กว้าง ๑๕ เมตร ยาว ๓๐ เมต ร สูง ๓ .๕๐ เม ต ร ปั จ จุบั น เห ลื อ เฉพาะส่วนฐาน มีการ ก่อสร้างเจดีย์ลงบนป้อม ๒ องค์ ได้แก่ เจดีย์องค์ด า และเจดีย์องค์ ขาว ซึ่งตั้งอยู่บนเขาค่ายม่วงป้อมนี้เป็นป้อมในแนวเมืองด้านทิศ


ตามรอยเมืองเขาแดง (SINGORA) สู่มรดกโลก หน้า 11 ตะวันตกและอยู่ห่างจากป้อมหมายเลข ๗ ไปทางทิศตะวันออก เฉียงใต้ประมาณ ๒๑๖ เมตรป้อมเมืองสงขลาเก่า หมายเลข 11 มีลักษณะเป็นเนินดิน ขนาดกว้าง ๖ เมตร ยาว ๘ เมตร สูง ๑.๒๐ เมตร ตั้งอยู่บนเชิงเขาค่ายม่วงทางทิศใต้ เป็นป้อมมุมเมืองด้านทิศตะวันออก-ทิศใต้ โดยอยู่ห่างจากป้อม หมายเลข ๑๐ ไปทางทิศใต้ประมาณ ๗๕๕ เมตร ป้อมตั้งอยู่บน ภูเขา ปัจจุบันยังไม่ท าการเข้าไปส ารวจ อยู่ด้านทิศตะวันตกเฉียง ใต้ มีลักษณะเป็นเนินดิน ขนาดกว้าง ๘ เมตร ยาว ๑๕ เมตร สูง ๑.๓๐ เมตร ตั้งอยู่บนพื้นภายในแนวป้อมเมือง ด้านทิศใต้ โดยอยู่ห่างจากป้อมหมายเลข ๓ ประมาณ ๑๕๕ เมตร และอยู่ห่างจากป้อมหมายเลข ๔ ประมาณ ๒๑๕ เมตร


ตามรอยเมืองเขาแดง (SINGORA) สู่มรดกโลก หน้า 12 มีลักษณะเป็นเนินดิน ขนาดกว้าง ๗.๕๐ เมตร ยาว ๑๒.๓๐ เมตร สูง ๐.๘๐ เมตร ตั้งอยู่ริมอ่าวไทย เป็น ป้อมในแนวทิศตะวันตก โดยอยู่ห่างจากป้อมหมายเลข ๑ ขึ้นไป ทางทิศเหนือประมาณ ๒๖๐ เมตร มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาด กว้าง ๑๔.๒๐ เมตร ยาว ๒๐ เมตร สูง ๐.๙๐ เมตร เป็นป้อมที่พบ ร่องรอยอยู่ในทะเล ตั้งอยู่เหนือป้อมหมายเลย ๑๓ ประมาณ ๒๘๓ เมตร ณ ตอนนี้ตั้งอยู่ในทะเล ป้อมเมืองสงขลาเก่า หมายเลข 14,๑๖,๑๗ และ 18 ตั้งอยู่ในทะเล


ตามรอยเมืองเขาแดง (SINGORA) สู่มรดกโลก หน้า 13 ยอดเขาแดงเป็นอีกหนึ่งหลักฐานแสดงให้เห็นหน้า ประวัติศาสตร์ของเมืองสงขลา อีกทั้งรอบบริเวณนั้นยังพบแนว ก าแพงของป้อมปืนและสามารถเดินต่อไปยังป้อมปืนอื่นๆ บนเขาได้ เมื่อเดินขึ้นมาถึงยอดเขาแดงจะพบกับโบราณสถานที่สามารถ มองเห็นได้จากฝั่งอ าเภอเมืองสงขลา นั้น ก็คือ เจดีย์สองพี่น้อง หรือเจดีย์องค์ด าองค์ขาว ส าหรับผู้ที่ต้องการเดินทางมายังยอดเขาแห่งแห่งนี้ ควรจะ มีน้ าดื่มติดตัวสักหน่อย เพราะระยะทางค่อนข้างใช้เวลา (ประมาณ 40 นาที) และเป็นเส้นทางธรรมชาติผ่านป่าธรรมชาติต้นไม้นานา พรรณ หากรู้สึกเหนื่อยสามารถพักได้เป็นระยะๆ บนยอดเขาแดงมีเจดีย์ 2 อง ค์ อง ค์แ ร กเป็น เจดี ย์อง ค์พี่ ลักษณะเป็นเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง ก่อด้วยหินฉาบปูน ยอดปรักหักพัง มีสีด า คนทั่วไปเรียกว่า "เจดีย์องค์ ด า" สร้างเมื่อ พ.ศ.2375 โดย เจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ บุนนาค) หรือสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหา ประยูรวงศ์


ตามรอยเมืองเขาแดง (SINGORA) สู่มรดกโลก หน้า 14 ส่วนเจดีย์องค์ที่สองเป็น เจดีย์องค์น้อง เป็นเจดีย์ย่อมุมไม้ สิบสอง ตั้งบนฐานสี่เหลี่ยมเช่นกัน องค์เจดีย์ก่อด้วยอิฐฉาบปูน มีสีขาว คนทั่วไปเรียก "เจดีย์องค์ขาว" สร้ างขึ้น ระห ว่ าง พ .ศ . 2382- 2484 โดยพระยาศรีพิพัฒน์รัต นราชโกษา (ทัด บุนนาค) หรือ สมเด็จเจ้าพระยามหาพิชัยญาติ ผู้ เป็นน้องร่วมมารดากับเจ้าพระยาพระคลังฯ ชาวบ้านเรียกเจดีย์ สององค์นี้ว่า “เจดีย์สองพี่น้อง” ชาวบ้านเรียกเจดีย์สององค์นี้ว่า "เจดีย์สองพี่น้อง" ระหว่าง องค์เจดีย์ทั้งสองมีศาลาเก๋งจีน ช ารุดเหลือแต่พื้นที่ผนังที่เจาะช่อง หน้าต่างเป็นวงกลม ปัจจุบันองค์เจดีย์ทั้งสองได้รับการขุดแต่ง บูรณะจากหน่วยศิลปากรที่ 9 สงขลา กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียน เป็นโบราณสถานแห่งชาติเมื่อ พ.ศ.2525


ตามรอยเมืองเขาแดง (SINGORA) สู่มรดกโลก หน้า 15 การเดินทางขึ้นไปชม "เจดีย์สองพี่น้อง" สามารถใช้ 2 เส้นทาง เส้นทางที่ 1 อยู่ทางด้านหาดจันทร์สว่าง ขึ้นทางบันได 95 ขั้น แยกซ้ายไปชมป้อมเมืองสงขลาเก่าหมายเลข 8 จากนั้นก็ ต้องเดินป่าเข้าไป โดยจะมีทางเล็กๆ บังคับขึ้นไปจนถึงยอดเขาแดง สองข้างทางจะเต็มไปด้วยพรรณไม้นานาชนิด ร่มครึ้มอยู่ตลอด เส้นทาง เส้นทางที่ 2 อยู่บริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยวฯ เป็น ทางขึ้นบันได 679 ขั้น ความสูง 1,700 เมตร


ตามรอยเมืองเขาแดง (SINGORA) สู่มรดกโลก หน้า 16 การเดินทางมาหัวเขาแดง แนะน าเส้นทางขึ้นที่สะดวกสามารถ เดินทางไปหัวเขาแดง โดยใช้บริการแพขนานยนต์ข้ามฝาก จากท่าแพในฝั่งอ าเภอเมือง สงขลา ไปยังบ้านหัวเขา เมื่อข้ามทะเลสาบสงขลาเป็นที่เรียบร้อย เดินตามถนนไปด้านขวามือ ผ่านศาลเจ้าจีนหรือศาลทวดหัวเขา แดงไปเล็กน้อย จะเจอทางขึ้นเขาทางอยู่ด้านซ้ายมือ บริเวณหาด จันทร์สว่าง อีกเส้นทางส าหรับการเดินทางมายังหัวเขาแดงสามารถ เดินทางมาทางรถยนต์ ใช้เส้นทางสงขลา-สิงหนคร ผ่านเกาะยอไป ยังบ้านหัวเขา ทางขึ้นยอดเขาจะอยู่ก่อนถึงท่าแพขนานยนต์อ าเภอ สิงหนคร **สุลต่านสุไลมาน สุลต่านสุไลมาน(ชาห์) พระราชาธิบดีแห่งเมืองสงขลาองค์ที่ 1 เกิด เมื่อ พ.ศ.2163 ณ เมืองสาเลห์เกาะชวา ได้รับแต่งตั้งจากราชส านักอยุธยา เป็นข้าหลวงผู้ส าเร็จราชการเมืองสงขลา พ.ศ.2163 (ต่อจากบิดาคือท่านโม กอล) สถาปนาตนเองเป็นสุลต่านสงขลา หลังเจ้าพระยากลาโหมท าการ ปราบดาภิเษกในกรุงศรีอยุธยา พ.ศ.2173 สิ้นชีพ พ.ศ.2211 ศพของท่าน ยังคงฝังอยู่ที่สุสานที่เขาแดง อ าเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา มาจนถงงปัจจุบัน นี้


เอกสำรอ้ำงอิง ชนาธิป ไชยานุกิจ.สืบค้นวันที่ 3 มีนาคม 2566, จาก https://www.finearts.go.th/promotion/view/22583 ภาคีคนรักเมืองสงขลา สมาคม SONGKHLA HERITAGE TRUST. จาก https://www shorturl.asia/kmzKl หาดใหญ่โฟกัส. สืบค้นวันที่ 2 มีนาคม 2566, จาก https://www.shorturl.asia/zbE8e สายฟ้ากับอาทิตย์. สืบค้นวันที่ 2 มีนาคม 2566, จาก https:// travel.trueid.net/detail/32Xaad05Ngrp Songkhla Youth 4 Peace. สืบค้นวันที่ 2 มีนาคม 2566, จาก https://www. shorturl.asia/OR0PT


คณะผู้จัดท ำ นายประสิทธิ์ หนูกุ้ง ผู้อ านวยการส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษาสงขลา สตูล นางนฤนันท์ เพชรสุวรรณ รองผู้อ านวยการส านักงานเขตพื้นที่ การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล นายการุณ ชูช่วย รองผู้อ านวยการส านักงานเขตพื้นที่ การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล นางสาวเนตรทราย คงอนุวัฒน์ รองผู้อ านวยการส านักงานเขตพื้นที่ การศึกษามัธยมศึกษาสงขลา สตูล นายสืบสกุล ศรีสุข เลขานุการมูลนิธิสงขลาสู่มรดกโลก ผู้ช่วยผู้อ านวยการสวนประวัติศาสตร์ นางจิตรา ซุ่นซิ่ม ศึกษานิเทศก์ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษาสงขลา สตูล นางสารภี ศรีวังแก้ว ศึกษานิเทศก์ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษาสงขลา สตูล นางสุนันทา สุวรรณะ ศึกษานิเทศก์ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษาสงขลา สตูล นางปรารถนา พลศรี รองผู้อ านวยการโรงเรียนสงขลาวิทยาคม นางเบญจมา ภูริวัฒน์ รองผู้อ านวยการโรงเรียนจะนะชนูปภัมถ์ นางอรนุช สงแก้ว รองผู้อ านวยการโรงเรียนวรนารีเฉลิม จังหวัดสงขลา


นางวาทินี สว่างรัตน์ รองผู้อ านวยการโรงเรียนจะนะวิทยา นางสาวฉันทนา คงแป้น รองผู้อ านวยการโรงเรียนกระแสสินธุ์วิทยา นางสาวสุจินต์ การ่อแก้ว รองผู้อ านวยการโรงเรียนธรรมโฆสิต นายบัณฑิต เสวีพงษ์ รองผู้อ านวยการโรงเรียนหาดใหญ่เจริญราษฎร์พิทยา นางจิตรา ซุ่นซิ่ม ศึกษานิเทศก์ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษาสงขลา สตูล นางสารภี ศรีวังแก้ว ศึกษานิเทศก์ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษาสงขลา สตูล นางสุนันทา สุวรรณะ ศึกษานิเทศก์ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษา มัธยมศึกษาสงขลา สตูล


Click to View FlipBook Version