The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ผู้บริหารสถานศึกษาที่พึงประสงค์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by chaiya semsri, 2021-07-09 05:06:11

ผู้บริหารสถานศึกษาที่พึงประสงค์

ผู้บริหารสถานศึกษาที่พึงประสงค์



ผูบ้ ริหารสถานศึกษาท่ีพงึ ประสงค์

นายไชยยา เสมศรี

นกั ศึกษาปริญญาโท รหสั ประจำตวั นกั ศึกษา 6430117107
สาขาวิชาการบริหารการศึกษา คณะครุศาสตร์

รายงานน้ีเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลกั สูตรครศุ าสตรมหาบัณฑิต
บัณฑิตศึกษา มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏศรีสะเกษ
พ.ศ.2564



ผูบ้ ริหารสถานศึกษาท่ีพงึ ประสงค์

นายไชยยา เสมศรี

นกั ศึกษาปริญญาโท รหสั ประจำตวั นกั ศึกษา 6430117107
สาขาวิชาการบริหารการศึกษา คณะครุศาสตร์

รายงานน้ีเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลกั สูตรครศุ าสตรมหาบัณฑิต
บัณฑิตศึกษา มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏศรีสะเกษ
พ.ศ.2564



คำนำ

รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา หลักทฤษฎีและปฏิบัติการบริหารการศึกษา หลักสูตร
ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิ าการบริหารการศึกษา โดยมีวตั ถุประสงค์เพื่อนำเสนอผู้บริหารสถานศึกษา
ท่ีพงึ ประสงค์ ซ่ึงรายงานนี้มีเนื้อหาเก่ียวกับ ความเปน็ มาและความสำคญั หลักการ/ทฤษฎี วิจัยทีเ่ กี่ยวข้อง
บทบาทของผู้บรหิ ารสถานศึกษา ภารกิจของผู้บริหารสถานศึกษของผู้บริหารสถานศึกษาทพี่ ึงประสงค์

นอกจากนี้คณะผู้จัดทำขอกราบขอบคุณ ว่าที่ร้อยตรี ทวีศักดิ์ นามศรี ผู้อำนวยการสำนักงาน
เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 1 ผู้ให้ความรู้และแนวทางการศึกษา ตลอดจนการให้
คำแนะนำในการทำรายงานฉบับนี้จนสำเร็จลุล่วง คณะผู้จัดทำหวังว่ารายงานฉบับนี้จะให้ความรู้ และ
เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านทกุ ๆ ทา่ น

ไชยยา เสมศรี



สารบัญ

หน้า
คำนำ............................................................................................................................. .................. ก
สารบญั ............................................................................................................................................ ข
ผู้บริหารสถานศึกษาทพี่ ึงประสงค์.................................................................................................. 1

1. บทนำ............................................................................................................................................. 1
2. ความเปน็ มาและความสำคัญ....................................................................................................... 2
3. คุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงคข์ องผบู้ รหิ ารสถานศึกษา……......................................................... 4
4. งานวจิ ยั ทเ่ี กย่ี วข้อง...................................................................................................................... 6
5. บทบาทของผู้บรหิ ารสถานศึกษา...................................................................................... 10
6. ภารกจิ ของผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา…………………………………………………………………………….. 10
7. ทักษะการบริหารงานของผู้บรหิ ารสถานศกึ ษา............................................................. 10
บรรณานุกรม.......................................................................................................................................... 15
ประวตั ผิ ูค้ ้นควา้ ...................................................................................................................................... 16



ผบู้ รหิ ารสถานศึกษาทพี่ ึงประสงค์

1. บทนำ

ในสังคมโลกยุคโลกาภิวัตน์ มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สถานศึกษาจําเป็นต้อง ปรับ
สภาพตามเป้าหมายของการจัดการศึกษา เพื่อให้สอดคล้องกับสังคมยุคใหม่โดยมุ่งสู่ การพัฒนา
“คน” หรือ “ผู้เรียนให้มีศักยภาพสามารถพัฒนาตนเองและสังคมไปสู่ความสําเร็จและ สงบสุข
เนื่องจากการศึกษาเป็นปัจจัยสําคัญในการสร้างความเจริญก้าวหน้าและแก้ปัญหาต่างๆ ในสังคม
การศกึ ษาจงึ เป็นกระบวนการท่ีช่วยให้คนได้พฒั นาตนเองตลอดชวี ิต ตง้ั แต่ การวางรากฐานพัฒนาการ
ของชีวิตตั้งแต่แรกเกิด การพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถด้าน ต่างๆ ที่จะดํารงชีพและ
ประกอบชีวิตได้อย่างมีความสุข รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง รวมเป็นพลัง สร้างสรรค์และการพัฒนา
ประเทศอย่างยั่งยืนได้ ดังนั้น การศึกษาจึงเป็นกลไกสําคัญใน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อให้มี
คุณคา่ ท้งั ต่อตนเอง สังคม ประเทศชาตแิ ละสงั คมโลก

จากพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 หมวด 5 ว่าด้วยการบริหารและ การ
จดั การศกึ ษา สว่ นท่ี 1 การบริหารและการจดั การศกึ ษาของรฐั มาตรา 36 บญั ญัติไวว้ า่ ใหส้ ถานศึกษา
ดําเนินกิจการได้โดยอิสระ สามารถพัฒนาระบบบริหารและการจัดการที่เป็นของ ตนเอง มีความ
คลอ่ งตวั มีเสรีภาพทางวชิ าการและอย่ภู ายใตก้ ารกํากับดแู ลของสภาสถานศึกษา ผบู้ ริหารสถานศึกษา
จึงถือว่ามีบทบาทสําคัญในการที่จะบริหารงานต่างๆในสถานศึกษาใหบ้ รรลุ วัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ โดย
การอาศัยความร่วมมือจากบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาทุกฝ่าย เช่น ครูสอนในสถานศึกษา
คณะกรรมการสถานศึกษา เนื่องจากการบริหารงานในสถานศึกษาจะเกิดประสิทธิภาพได้น้ัน
จาํ เป็นตอ้ งอาศัยผู้บริหารและผู้รว่ มงานทีม่ ีประสิทธภิ าพ ผบู้ รหิ าร สถานศึกษาจงึ จาํ เป็นต้องใช้วิธีการ
ที่หลากหลาย ทงั้ ทเ่ี ป็นศาสตรแ์ ละศิลป์มาประยุกต์ใช้เพ่ือให้ สถานศึกษามศี ักยภาพยิ่งข้นึ และพัฒนา
ให้ทนั ต่อสภาวะการเปล่ียนแปลงของสังคมปจั จบุ นั และอนาคต

คุณลักษณะของผู้บริหารที่พึงประสงค์นับว่าเป็นปัจจัยสําคัญที่สามารถทําให้การบริหารงาน
บรรลุผลสาํ เร็จตามต้องการและมีประสทิ ธิภาพ โดยเฉพาะผู้บรหิ ารท่มี ีคุณลกั ษณะทางดา้ นบุคลิกภาพ
ความสามารถในการบริหารงานด้านวิชาการ และความเป็นผู้นํา นอกจากนี้ การปฏิบัติตนของ
ผู้บริหาร ยังส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการปฏิบัติงาน รวมทั้งขวัญและกําลังใจของครูด้วยซึ่ง
สอดคล้องกับ มาตรฐานการศึกษาเพื่อการประเมินคุณภาพภายนอกของการศึกษาข้ันพื้นฐานที่กลา่ ว
ว่า ผู้บริหาร ควรมีวิสัยทัศน์ในการจัดการศึกษาให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง มีภาวะผู้นําสูงตลอดจน
มนุษยสัมพันธ์ ซึ่งเป็นที่ยอมรับของผู้ที่เกี่ยวข้อง และความเป็นประชาธิปไตย หากผู้บริหารมี



คุณลักษณะและความ สามารถที่เหมาะสม ก็จะได้รับความร่วมมือร่วมใจจากผู้ร่วมงานในองค์กร
ตลอดจนชมุ ชนและ ทอ้ งถนิ่ ซ่งึ สง่ ผลให้การปฏบิ ัติงานประสบความสาํ เร็จ

2. ความเปน็ มาและความสาํ คัญ

จากพระราชบญั ญัตกิ ารศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 มาตรา 6 กาํ หนดใหก้ ารศกึ ษาต้อง เปน็ ไป
เพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้และคุณธรรม มี
จริยธรรมและวัฒนธรรมในการดํารงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข สถานศึกษาถือ
เป็นหน่วยทางการศึกษาที่สําคัญที่สุด เพราะเป็นการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานที่มุ่ง พัฒนานักเรียนให้
สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิต กล้าคิด กล้าทําและกล้าแสดงออก ทั้งนี้ การที่ สถานศึกษาจะสามารถ
ขับเคลื่อนไปได้อย่างมีประสิทธิภาพได้นั้น ต้องอาศัยผู้บริหารสถานศึกษา ที่มีประสิทธิภาพเช่นกัน
ผู้บริหารสถานศึกษาจึงมีบทบาทและหน้าท่ีสาํ คัญในการกําหนดทศิ ทาง ของสถานศึกษาในด้านตา่ งๆ
ให้งานบรรลุเป้าหมายตามที่กําหนดไว้ และการที่ผู้บริหารจะสามารถ พัฒนางานในสถานศึกษาให้มี
ประสิทธิภาพได้นั้น จําเป็นต้องอาศัยปัจจัยอันจะนําพาสถานศึกษา ให้บรรลุเป้าหมาย ซึ่งหมายถึง
คุณลักษณะของผู้บริหารที่แสดงออกถึงความสําเร็จของ การบริหารงานด้วยการมีมนุษยสัมพันธ์ มี
คณุ ธรรม ท่ีจะช่วยสง่ เสริมและสนบั สนนุ การบริหารงาน ใหม้ สี ิทธิภาพย่ิงขึน้ และท่ีสาํ คัญคือ การสร้าง
ศรัทธาในตัวเองให้เกิดข้ึนกับผูร้ ่วมงาน ดังแนวคิด ของจูงและแมกกินสัน (Chung and Magginson)
ที่เสนอว่า คุณลักษณะของผู้นําเป็นปัจจัยสําคัญ ประการหนึ่ง ที่สามารถทําให้การทํางานประสบ
ความสาํ เร็จอย่างมีประสิทธิภาพ และ ผลการวจิ ยั ของ นพนิตย์ ช้ันบุญใส ท่ศี กึ ษาเกย่ี วกับคุณลักษณะ
และแนวทางการพัฒนา คุณลักษณะของผู้บริหารโรงเรียนประถมศึกษาตามความคิดเห็นของครู
โรงเรียนประถมศึกษา สังกัดสํานักงานการประถมศึกษาแห่งชาติ เขตการศึกษา 12 พบว่า
คุณลักษณะของผู้บริหารโรงเรียนด้านวิชาชีพและด้านส่วนตัว โดยภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับ
มาก สอดคล้องกับ งานวิจัยของ วาสนา สามศรีทอง ศึกษาเกี่ยวกับคุณลักษณะผู้นําของผู้บริหารท่ี
ส่งผลต่อ การปฏิบัติงานวิชาการในสถานศึกษา สังกัดเทศบาลและเมืองพัทยา เขตการศึกษา 12
พบว่า คุณลักษณะผู้นําของผู้บริหารสถานศึกษา อยู่ในระดับมาก ทั้งในภาพรวมและรายด้าน และ
คุณลักษณะของผู้นําของผู้บริหารส่งผลต่อการปฏิบัติงานวิชาการในสถานศึกษา ซึ่งแสดงให้เห็น ถึง
ความสาํ คัญของคณุ ลกั ษณะของผู้บรหิ ารท่จี ะก่อใหเ้ กิดประโยชน์ต่อสถานศกึ ษา

ในขณะเดียวกัน คุณลักษณะของผู้บริหารจําเป็นต้องบริหารงานให้สอดคล้องกับ ความ
ต้องการของชุมชนเนื่องจากชุมชนเป็นผู้มีส่วนร่วมในการกําหนดทิศทางของสถานศึกษาให้ บรรลุ
เปา้ หมายของสถานศึกษาเชน่ กัน จากการกาํ หนดแผนงานในด้านการพัฒนาระบบบรหิ าร และการจัด
การศึกษา จากการรวมศูนย์อํานาจในส่วนกลางไปสู่การกระจายอํานาจสู่ท้องถิ่นและ สถานศึกษาให้



ประชาชน ชุมชน และองค์กรต่างๆ ในสังคมมีส่วนร่วมรับผิดชอบในการจัด การศึกษาสนองต่อความ
ต้องการของบุคคล ชุมชนและสังคมได้อย่างเหมาะสม และสอดคล้องกับ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดข้ึน
อย่างรวดเร็ว และสอดคล้องกับการกําหนดนโยบายให้มีการกระจาย อํานาจการบริหารการศึกษาสู่
สถานศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้ท้องถิ่นและชุมชนมีส่วนร่วมในการบริหาร พัฒนา
หลักสูตร คุณธรรมและจริยธรรม ในขณะเดียวกันชุมชนที่มี ทรัพยากรบุคคลและทรัพยากรอื่นๆ ที่มี
คุณค่า สถานศึกษาควรนํามาให้เป็นประโยชน์ต่อ สถานศึกษามากที่สุด เพราะหากสถานศึกษาได้รับ
ความร่วมมือจากชุมชน จะช่วยให้สถานศึกษามี ความเจริญก้าวหน้าทั้งทางด้านวัตถุและการให้
การศึกษาอบรมแกน่ กั เรยี นเปน็ อย่างดี สถานศกึ ษาจึงจาํ เป็นต้องอาศัยการมสี ว่ นรว่ มจากประชาชนใน
ชุมชน ทั้งในฐานะผู้รับบริการจาก สถานศึกษาและผู้ให้การสนับสนนุ ชุมชนจึงถือว่ามคี วามสําคัญใน
การใหค้ วามร่วมมือและแสดง ความคดิ เหน็ ในดา้ นต่างๆ เพ่ือพัฒนาศักยภาพของสถานศึกษาให้สูงข้ึน
ดงั นั้น ผบู้ รหิ ารควรมี คณุ ลักษณะที่พึงประสงค์กับความต้องการของชุมชนเพ่ือร่วมกันพัฒนาคุณภาพ
การบริหารงานใน สถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของแผนการ
ศึกษาแห่งชาติ

3.คุณลักษณะทีพ่ งึ ประสงคข์ องผูบ้ ริหารสถานศกึ ษา

คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษา ตามแนวคิดต่างๆ คือ ตามแนวคิดของ
กิเซลลี (Shiseli) สต็อกดิลล์ (Stogdill) ฮอยและมิสเกล (Hoy and Miskel) บุรัญชัย จงกลนี และ
ธรี ะ รญุ เจรญิ ดังรายละเอียดตอ่ ไปน้ี

1. คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารตามแนวคิดของกิเซลลี (Shiseli. 1971 : 39 -
94) ได้กล่าวถงึ คุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ของผบู้ ริหาร ไว้ดังน้ี

1.1 ความสามารถในการสั่งการ (Supervisory Ability) หมายถึง ความสามารถที่จะชี้นํา
หรือชี้แนะงานของคนอื่น และความสามารถที่จะจัดองค์การและบูรณาการ กลุ่มกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะ
ชว่ ยงเสรมิ ใหบ้ รรลุจุดมงุ่ หมายของกลมุ่ ไดง้ ่ายข้นึ

1.2 ความรอบรู้งาน (Intelligence) หมายถึง ความสามารถที่จะตัดสินให้เหตุผล และ
ความสามารถเกี่ยวกับความคิด นามธรรมและมโนภาพ ความสามารถจะเรียนรู้ หยั่งเห็นสังเคราะห์
และวิเคราะหไ์ ด้

1.3 ความสามารถในการตัดสินใจ (Decisiveness) หมายถึง ความพร้อมที่จะตัดสินใจ
อย่างฉับพลันด้วยความเชื่อมั่น ไม่ลังเลในการตัดสินใจ เพราะอาจทําให้ปัญหาเล็กกลายเป็นปัญหา
ใหญ่ ในภายหลังได้



1.4 ความมั่นใจในตัวเอง (Self - assurance) หมายถึง ขอบเขตที่บุคคลรับรู้ตนเองว่า มี
ประสทิ ธภิ าพในการแกป้ ัญหา การตดั สนิ ความถกู ต้อง และเชอ่ื มัน่ ในตนเองวา่ มีความสามารถ พอทจี่ ะ
ตอ่ สกู้ ับปญั หาในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ได้

1.5 ความต้องการความสําเร็จในอาชีพ (Need for Occupational Achievement)
หมายถึง ขอบเขตที่บุคคลแสวงหาความรับผิดชอบและเกียรติศักดิ์เกี่ยวกับตําแหน่งที่สูงขึ้นกว่าที่
เป็นอยู่ ความต้องการนเ้ี ป็นความต้องการความสาํ เรจ็ ในอาชีพนน้ั เอง

16 ความตอ้ งการความสําเร็จในชีวิต (Need for Self – actualization) หมายถึง ขอบเขต
ที่บุคคลแสวงหาโอกาสทีจ่ ะใช้ปัญญาหรอื ความสามารถของตนให้เตม็ ที่อย่างอิสระในการทํากจิ กรรม
ทสี่ ําคัญ โดยท่คี วามสําเรจ็ น้นั จะส่งผลถึงสังคมสว่ นรวมดว้ ย

1.7 ความไม่ผูกติดกับตําแหน่ง (Low Need for Job Security) คุณลักษณะนี้หมายถึง
การที่บุคคลทั้งหลายยึดถือเอาการทํางานเพื่อตําแหน่ง ทําการปกป้องงานและสถานภาพเป็นสําคัญ
พยายามแสวงหาการมอบหมายงานที่ตนเองปลอดภัย พยายามหลีกเลี่ยงเรื่องที่ตนเองต้องถูก
ตรวจสอบ หรือถูกประเมิน ถือเอาสิ่งที่ตนคุ้นเคยเป็นของดี ส่วนสิ่งที่ไม่คุน้ เคยเป็นของเลวสําหรับคน
ทีไ่ ม่ผกู ติด กับตาํ แหนง่ แลว้ จะยดึ ถือเง่ือนไขดังกล่าวนอ้ ยหรอื ไม่มีเลย

2. คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารตามแนวคิดของ สต็อกดิลล์ (Stogdil. 1974 :
74) ไดส้ รุปผลการศกึ ษาคณุ สมบัตไิ ว้ 6 ประการของภาวะผนู้ ํา โดยจาํ แนกองคป์ ระกอบหรอื คุณสมบัติ
ภาวะผนู้ ําไวด้ ังนี้

2.1 ความสามารถทางสติปัญญา เป็นความรอบรู้และความเฉลียวฉลาด มีไหวพริบ
สามารถใช้ความคิดอย่างสมเหตุสมผล มีความสามารถทางด้านการเรียนรู้การจดจําและการวินิจฉัย
ตัดสนิ ใจ ศกึ ษาและเขา้ ใจได้จากประสบการณ์ท่ผี ่านมา ซงึ่ ความสามารถทางสตปิ ัญญาของผูบ้ ริหาร น้ี
ย่อมเป็นปัจจัยช้ใี ห้เห็นถึงพฤติกรรมอันเป็นคุณลักษณะของผู้บรหิ ารทจ่ี ะแสดงออกมาให้บุคคล ท่ัวไป
ได้ทราบถึงความสามารถทางสตปิ ญั ญา

2.2 ความเป็นผู้มีประสิทธิภาพ หมายถึง ความสามารถที่ผู้บริหารทําให้เกิดผลในการ งาน
สามารถปฏิบัติงานให้เป็นไปตามกําหนดมาตรฐานการปฏิบัติและเกณฑ์อื่นๆ ที่กําหนดไว้โดยใช้
ทรัพยากร ได้แก่ คน วัสดุ เงิน เวลา อย่างดีที่สุดและประหยัดที่สุดในการปฏิบัติงานเพื่อให้เกิด
ประโยชน์ สงู สดุ

2.3 ความรบั ผดิ ชอบ หมายถึง การยอมรบั ผลทัง้ ท่ดี หี รือไม่ดใี นกิจการทต่ี นได้ทาํ ลงไป หรือ
ท่อี ยใู่ นความดแู ลของตน เป็นสง่ ที่ผบู้ ริหารควรมแี ละประพฤติปฏิบัติ ประกอบด้วยความกล้าหาญ ทํา
ให้ผรู้ ่วมงานรสู้ กึ ปลอดภยั เมือ่ ผดิ พลาดตอ้ งเตม็ ใจรับคาํ ตําหนิและตอ้ งทําหนา้ ท่ีใหด้ ีที่สดุ



2.4 ความสามารถในการทํางานร่วมกับผู้อื่น หมายถึง การมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีในการ
ทํางาน มุ่งให้เกิดความเข้าใจอันดีต่อกัน อันจะนํามาซึ่งความร่วมมือประสานงานกันในการดําเนิน
กิจการต่างๆ อย่างได้ผลและมีประสิทธิภาพ ให้ความสําคัญแก่คนเป็นหลัก โดยไม่ใช้อํานาจหน้าที่
เพื่อให้ผู้อื่นเกรงกลัว เปิดโอกาสให้ผู้อื่นแสดงความคิดเหน็ ร่วมตัดสินปัญหาต่าง ๆ ส่งเสริมให้มี การ
ปรึกษา ใหค้ วามสาํ คญั ต่อองคก์ ารและส่วนรวม รจู้ ักใหค้ วามร่วมมอื และปรับตัวเข้ากับผู้อื่น

2.5 การยอมรับและยกย่องจากสังคม หมายถึง ความต้องการที่จะได้รับการยกย่อง
สรรเสริญ มีเกียรติเป็นที่ยอมรับของบุคคลอื่น และการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในบทบาทและหน้าท่ี
ของผู้บริหารสถานศึกษา รวมทั้งการปฏิบัติตนให้ผู้อื่นยอมรบั ทั้งด้านความรู้ ความสามารถ ตลอดจน
การได้รับความสําเร็จในด้านต่าง ๆ ที่มีระดับความสําคัญสูงมาก่อนจะสร้างการยอมรับในหมู่บุคคล
ช่วยเสริมสร้างความมน่ั ใจในการติดตอ่ กบั ผู้อื่นและการเขา้ สังคม

2.6 ความเป็นผู้มีบุคลิกภาพความเป็นผู้นํา หมายถึงสภาพนิสัยหรือพฤติกรรมแสดงออก
และมีอิทธพิ ลต่อกิจกรรมของบุคคลหรอื ของกลมุ่ ใหป้ ฏิบัตงิ านต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของ

องคก์ าร

3. คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารตามแนวคิดของฮอยและมิสเกล (Hoy and
Miskel. 2001 : 169) ได้กล่าวถึงคณุ ลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ของผ้บู รหิ ารสถานศึกษาไว้ดงั นี้

3.1 คุณลกั ษณะด้านการตัดสนิ ใจ การตัดสินใจ คือ การให้ผูบ้ รหิ ารตัดสินใจจะทําการหรือ
ละเว้นการกระทําใดๆ เป็นความรับผิดชอบหลักของนักบริหารทุกคน และเป็นกระบวนการที่การ
ตัดสินใจจะได้รับการ ปฏิบัติกระบวนการตัดสินใจจะไม่มีสิ้นสุด จนกว่าการตัดสินใจจะได้รับการ
ปฏิบัติเป็นที่เรียบร้อย และเป็นกระบวนการเลือกหนทางที่ดีที่สุดไปสู่การปฏิบัติ เพื่อให้บรรลุ
เป้าหมายที่ตนเองคาดหวัง ไว้ผู้ทําการตัดสินใจจึงต้องใช้ดุลยพินิจคิดพิจารณาในทุกขั้นตอนของ
กระบวนการตัดสนิ ใจ

3.2 คุณลักษณะด้านการจูงใจ การจูงใจ เป็นความเต็มใจที่จะใช้ความพยายามอย่างมาก
โดยมีเงื่อนไขว่าความ พยายามนั้นสามารถทําให้เกิดความพึงพอใจแก่บุคคลตามที่ต้องการ เพ่ือ
ปฏิบัติงานให้เป็นไปตาม เป้าหมายที่องค์การต้องการ ความต้องการของบุคคล ความสําเร็จของงาน
ความตอ้ งการในพลังอาํ นาจและคุณงามความดี

3.3 คณุ ลักษณะด้านความเปน็ ผูม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ ผู้บริหารสถานศกึ ษาในยคุ ปฏิรูปการศึกษา
ต้องมีความรู้ ความสามารถในการบริหาร จัดการ มีวิสัยทัศน์ในการบริหารการศึกษาให้ทันสมัยกับ
การเปลี่ยนแปลง มีภาวะผู้นํา มีมนุษยสัมพันธ์ เป็นที่ยอมรับของผู้ที่เกี่ยวข้องและมีความเป็น
ประชาธปิ ไตย เพอื่ นําไปสูก่ ารปฏิรูปการเรียนรู้ใหผ้ ูเ้ รียน ทุกคนมคี วามรู้ ความสามารถ บคุ ลกิ ลกั ษณะ



และคุณสมบัติตามหลักสูตรการศึกษาขัน้ พื้นฐานอย่าง แท้จริงคือนักพัฒนา นักแก้ปัญหานักตัดสนิ ใจ
นักประนปี ระนอม นกั การทูต นักวางแผน นกั ปกครอง และนกั ปราชญ์

3.4 คุณลักษณะด้านความรับผิดชอบ ความรับผิดชอบ สภาพทางอารมณ์ของบุคคลที่มี
ความรู้สกึ เสยี ใจ ไมพ่ อใจ เม่อื ไม่ได้ทาํ ในสงิ่ อนั ควรทําหรอื ไม่ไดล้ ะเวน้ สง่ิ อันควรละเวน้ เป็นความร้สู ึก
ด้วยตนเองว่าสิ่งใด ถูกสิ่งใดควรในเชิงศีลธรรม และคุณธรรมตามสภาพสังคมที่บุคคลเป็นสมาชิกอยู่
ผนู้ ํา ทด่ี ยี อ่ มยนิ ดี รับผิดเมอื่ ผิดพลาดและเต็มใจรับคําตําหนิ ขณะเดยี วกันเมื่อรับหนา้ ทใี่ ดมาแลว้ และ
เป็นสิ่งที่ผู้บริหาร ควรมีและประพฤติปฏิบัติ ประกอบด้วย ความกล้าหาญทําให้ผู้ร่วมงานรู้สึก
ปลอดภยั เมอ่ื ผดิ พลาด ต้องเตม็ ใจรบั คาํ ตาํ หนิและตอ้ งทาํ หน้าทใี่ หด้ ีท่ีสุด

3.5 คุณลักษณะด้านมนุษยสัมพันธ์ มนุษยสัมพันธ์ เป็นศิลปะและการปฏิบัติในการนํา
ความรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมของ มนุษย์มาใช้ในการติดต่อเกี่ยวข้องกันเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ส่วนตัว
และส่วนรวม เป็นการติดต่อ พูดคุยหรือประสานงานกับบุคคลหรือหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อผลประโยชน์
อย่างใดอย่างหนึ่งหรือเพื่อ การอยู่ร่วมกันของคนในสังคมอย่างสงบสุข และเป็นกระบวนการบริหาร
การครองใจคน เพอื่ ให้เกิด ความพึงพอใจความรว่ มมือรว่ มใจกันชว่ ยเหลือซึ่งกนั และกัน ให้มีความสุข
ในการทํางานสามารถ ตอบสนองตามความต้องการของผู้ปฏิบตั ิงาน โดยการทาํ งานใหบ้ รรลเุ ป้าหมาย
ตามวัตถปุ ระสงค์ ขององคก์ รหรอื หน่วยงาน

4. คุณลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ของผู้บรหิ ารตามแนวคดิ ของบุรญั ชัย จงกลนี (ม.ป.ป. : 14)
ไดก้ ล่าวถึง คณุ ลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาไว้ดังน้ี

4.1 ผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาต้องใช้ความฉลาดและไหวพรบิ มาแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่สาํ คัญ ใน
การบรหิ าร (Application of Intelligence to Life Problems)

4.2 ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาต้องเปดิ โอกาสใหบ้ คุ คลจํานวนมาก หรือบุคคลหลายๆ คน เข้ามา
มสี ่วนรว่ มในการกระทาํ โดยไมท่ าํ งานตามลาํ พัง (Necessity of Social Group Action)

4.3 ผบู้ รหิ ารสถานศึกษาต้องเคารพความเปน็ คนของแต่ละคนและจะต้องให้ความ ยอมรับ
นับถือในความเหน็ ธรรมชาตแิ ละความสามารถของผอู้ ่ืน (Respect of the Individual)

4.4 ผู้บริหารสถานศึกษาต้องยึดเป้าหมายหรือจุดประสงค์ของการศึกษาเป็นหลักการ
บริหารการศึกษาจะไม่มีความหมายถ้าขาดเป้าหมายดังกล่าว นอกจากนี้ข้าราชการครูจะต้องถือว่า
เป้าหมายหรือจุดประสงค์ของการศึกษาย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามความเหมาะสมกับสภาพของสังคม
ในฐานะผู้นําข้าราชการครูจะต้องปรับปรุงการศึกษาให้เหมาะสมกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงอยู่
เสมอ (Function Social Organization)



4.5 ผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องถือว่าตนเป็นเพียงผู้ทําหน้าที่ประสานประโยชน์ ซึ่งเข้ามา
ให้บริการแก่บุคคลอื่นทุก ๆ คนในการที่จะช่วยให้เขาดําเนินงานต่างๆ ในการให้การศึกษา ให้ได้ผล
และมปี ระสิทธภิ าพทส่ี ุด (Administrator as Group Instrument)

4.6 ผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องเปิดโอกาสให้บุคคลทั้งหลายมาทําความเข้าใจกันได้ ทุก
เมื่อและรับฟังความคิดเห็นของบุคคลทุกคนในวงการศึกษาและในชุมชนที่สถานศึกษาตั้งอยู่
(Freedom of Communication)

4.7 ผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องถือว่าตนเองเป็นผู้นํา มิใช่เจ้านายผู้ทรงอํานาจ
(Administrator as a leader)

4.8 ผู้บริหารสถานศึกษาต้องถือว่าตนเองคือ นักการศึกษา ผู้ยึดมั่นในปรัชญาของ
การศกึ ษา จึงตอ้ งปฏิบตั ิและวางตนอย่างนักการศึกษา (Administrator as an Educator)

4.9 ข้าราชการครูจะต้องเสียสละทกุ อยา่ งเพื่อให้การศึกษาแกป่ ระชาชนและเพื่อให้ สังคม
ดขี ้ึนทุก ๆ ทาง (Dedication of Public Education to Community Beterment)

4.10 ข้าราชการครูจะต้องประสานงานประสานน้ําใจระหว่างชาวบ้านกับสถานศึกษา ใน
การดาํ เนินงานการศึกษา (School Community Integration in Education)

4.11 ข้าราชการครูจะต้องประเมินผลงานตนเองอยู่เสมอ การประเมินจะต้องทําทั้งสอง
อย่างคือ ประเมินวิธีการหรือกระบวนการทํางานไปพร้อมๆ กันกับการประเมินการปฏิบัติงาน เพราะ
การทํางานมุ่งเอาแต่ผลอย่างเดียวไม่ได้วิธีการจําเป็นเช่นเดียวกัน (Two fold evaluation of
Administration Means and Ends)

4.12 ข้าราชการครูจะต้องเคารพในวิชาชีพของการบริหารและมีความรับผิดชอบต่อ
วิชาชีพ จะไม่ทําความเสื่อมเสียให้ผู้คนเหยียดหยามวิชาชีพของนักบริหาร (Professional Integrity
and Responsibility) Duhonshaus Bons WWSSN

4.13 ข้าราชการครูจะต้องขวนขวายหาความรู้ใส่ตนอยู่เสมอ และแสวงหาความชํานาญ
ทุกวิถีทางเพอ่ื ใหก้ ารบรหิ ารงานของตนเองทันสมยั (Necessity for Professional Growth)

5. คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารตามแนวคิดของธีระ รุญเจริญ (2553: 4) กล่าว
ว่า คุณลักษณะที่พงึ ประสงค์ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา มี 6 ประการ สรปุ ไดด้ ังนี้

5.1 มพี ื้นฐานเดิมเปน็ ทุน นั่นคอื มีความเปน็ ผนู้ ําตามธรรมชาตเิ ดิมเปน็ ทนุ ดังน้ี

5.1.1 ความถนดั ในการเปน็ ผู้นํา



5.1.2 ลักษณะนิสยั ในการรว่ มกจิ กรรมกับผู้อ่ืน เช่น เขา้ ใจธรรมชาติของมนษุ ย์ ชอบ
ทาํ งานรว่ มกบั ผู้อ่นื

5.1.3 มกี ารศึกษาคือ ควรไดร้ ับการศกึ ษาระดับปริญญาตรีทางการบริหารการศึกษา
เปน็ อย่างตา่ํ โดยหลกั สูตรจะครอบคลุมเนอื้ หาสาระ

5.1.4 การบริหารการจัดการศึกษาจิตวิทยาการทํางานรว่ มกับผอู้ น่ื 5.1.5 พืน้ ฐาน
การศึกษาค้นควา้ วิจัย

5.1.6 บรบิ ททางการบริหารการศกึ ษา เช่น ระเบยี บกฎหมาย ปรชั ญา การปกครอง
สังคมวิทยา เศรษฐกจิ

5.2 มีบคุ ลกิ ภาพนา่ เชือ่ ถอื คือ
5.2.1 มีนาํ้ เสียงการพูดน่าฟงั เขา้ ใจง่าย 5.2.2 มีอารมณ์ม่นั คง 5.2.3 มคี วามเข้มแข็ง

แต่ถอ่ มตน 5.2.4 มกี ิรยิ ามารยาทเปน็ ทีย่ อมรบั ทางสงั คม
5.2.5 การแตง่ กายสอดคล้องกบั กาลเทศะ 5.3 มีคุณธรรม จรยิ ธรรม ในเรื่องต่อไปน้ี
5.3.1 มีวสิ ัยทศั นก์ า้ วหนา้ ทันการเปล่ียนแปลง
5.3.2 ยดึ ระบบคณุ ธรรมเปน็ ทต่ี ง้ั น่นั คือ มีความโปรง่ ใส มีความยตุ ธิ รรม
5.3.3 ซือ่ สัตย์ ไมค่ อรปั ชั่น
5.3.4 อดทน อดกลนั้
5.3.5 รับผดิ และชอบ
5.3.6 เสยี สละ
5.3.7 เป็นคนดีของสังคม

5.4 มคี วามสามารถ ความชาํ นาญ ในเร่อื งต่อไปน้ี
5.4.1 การบริหารการศึกษาตามหลกั วิชาการ S WISS
5.4.2 การนาํ องค์กรไปส่เู ป้าหมาย ยดึ การบริหารโดยองค์คณะบุคคล การมสี ่วนรว่ ม
5.4.3 ส่งเสรมิ การทํางานเป็นทีม
5.4.4 ประสานงานเพือ่ ผลงานตามหน้าทคี่ วามรับผิดชอบ
5.4.5 ปรับเปลย่ี นเทคนิค เพ่ือใหส้ อดคล้องกบั การเปลีย่ นแปลง

5.5 มีความรอบรูใ้ นเรือ่ งต่อไปนี้



5.5.1 การบริหารจัดการ 5.5.2 การจัดการศึกษา 5.5.3 ระเบียบกฎหมาย 5.5.4
บริบททางสงั คม

5.5.5 การวิจัย กล่าวโดยสรุป คุณลักษณะของผู้บริหารที่ส่งผลต่อการบริหาร
สถานศึกษาให้ประสบผลสําเร็จ ได้นั้น ผู้บริหารสถานศึกษาต้องมีความเป็นผู้นํา มีความรู้
ความสามารถ เพื่อนําองค์กรไปสู่เป้าหมาย มีคุณธรรม จริยธรรม ในการครองตน ครองงานและเป็น
แบบอย่างที่ดีต่อผู้ใต้บังคับบัญชา อย่างไรก็ดี ผู้วิจัยได้นําแนวคิดของของ ของสต๊อกดิลล์ มาใช้เป็น
กรอบแนวคิดในการวิจัยครั้งน้ี แบ่งออกเป็น 6 ด้าน ได้แก่ ความสามารถทางสตปิ ัญญา ความเป็นผ้มู ี
ประสิทธิภาพ ความรับผิดชอบ ความสามารถ ในการทํางานร่วมกับผู้อื่น การยอมรับและยกย่องจาก
สังคมและความเปน็ ผมู้ บี คุ ลิกภาพความเป็นผนู้ าํ

4. งานวจิ ยั ทีเ่ กีย่ วข้อง

ผู้วิจัยได้ศึกษางานวิจัยในประเทศและต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับคุณลักษณะที่พึงประสงค์
ของผู้บริหารสถานศึกษาเพ่ือเปน็ แนวทางในการกําหนดตัวแปรทีเ่ กี่ยวข้องและสมมติฐานในการ วิจัย
ดงั น้ี

1. งานวิจัยต่างประเทศ

เมกนสัน (Magunson. 2006 : 95) ทําการวิจัยเรื่องคุณลักษณะผู้บริหารสถานศึกษาท่ี
ประสบ ความสําเร็จในการบริหารสถานศึกษาในสหรัฐอเมริกา โดยจําแนกคุณลักษณะผู้บริหาร
สถานศึกษา ออกเป็น 2 ลักษณะคือ คุณลักษณะด้านส่วนตัวและคุณลักษณะด้านวิชาชีพ สรุป
คุณลักษณะทั้งสอง ด้านได้ดังนี้ 1) คุณลักษณะส่วนตัวมดี ังนี้ ความยุติธรรมและมวี ิจารณญาณ ความ
ซื่อสัตย์และจงรักภักดี ความรอบรู้อย่างกว้างขวาง เป็นผู้ใช้สติไม่ใช้อารมณ์ ความจริงใจ ความเป็น
มิตร อารมณข์ นั ใจกว้าง และเปดิ เผย ความเสมอต้นเสมอปลาย ความเมตตาปราณีและเอือ้ อาทรผู้อื่น
2) คณุ ลักษณะดา้ นวิชาชพี มดี งั น้ี ความสามารถในการติดต่อประสานงานและเข้ากับผู้อื่นได้ดี ความรู้
ความสามารถในวิชาการ บรหิ ารเปน็ อยา่ งดี ความสามารถในการมอบหมายงานให้ผูอ้ ่ืน ความสามารถ
ในการทํางานร่วมกับ ผู้อื่นได้ดี การตัดสินใจ ความสามารถในการยอมรับในการปฏิบัติงานของผู้ อ่ืน
ความสนใจในบุคคล อื่น ๆ ความสามารถในการวางแผนและจัดระเบียบ การรู้จักใช้อํานาจหน้าที่
อยา่ งเหมาะสม

อีเคนท์ (Eckant. 2008 : 89) ได้ศึกษาเกณฑ์การคัดเลือกผู้บริหารสถานศึกษาระดับ
ประถมศึกษา ทีม่ ลรฐั อลิ นิ อยล์ ประเทศสหรฐั อเมริกา พบวา่ มีเกณฑ์การคดั เลอื กผบู้ ริหารสถานศึกษา
ระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาไม่ต่างกัน และพบว่าความต้องการผู้บริหารสถานศึกษา 10



ลักษณะแรกคือ 1) การรับรใู้ นตาํ แหน่งหน้าท่ี 2) ความม่นั คงทางอารมณ์ 3) ทกั ษะในการตัดสินใจ 4)
ทักษะในการ สื่อสาร 5) ความสัมพันธ์ในบุคลิกภาพ 6) การปรับตัวด้วยความรอบคอบ 7) ลักษณะ
ทางศลี ธรรม 8) สตปิ ัญญา 9) สขุ ภาพดี

2. งานวจิ ัยในประเทศ

ณรงค์ ศิลปาภรณ์ (2549 : 71) ศึกษาเรื่องคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหาร
สถานศึกษา ตามทัศนะของคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษา
สระบุรี เขต 1 พบว่า 1) คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะของ
คณะกรรมการสถานศึกษา ขั้นพื้นฐานในสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาสระบุรี เขต 1 ประกอบด้วย
ด้านภาวะผู้นํา ด้านคุณธรรม ด้านบุคลิกภาพ ด้านการบริหารสถานศึกษาและด้านทักษะการบริหาร
อยู่ในระดับมากทุกด้าน 2) เปรียบเทียบคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามทัศนะ
ของคณะกรรมการสถานศึกษา ขั้นพื้นฐานในสาํ นักงานเขตพืน้ ท่ีการศึกษาสระบุรี เขต 1 จําแนกตาม
วุฒิการการศึกษา เพศ วุฒิการศึกษา และประสบการณ์ในการทํางาน พบว่า มีความเห็นแตกต่างกัน
อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เมื่อจําแนกตามอายุ และสถานภาพ พบว่า มีความเห็นไม่
แตกตา่ งกนั อย่างมนี ัยสําคัญทางสถิติท่รี ะดับ .05

พรพิมล นิยมพันธุ์ (2550 : 59) ได้ศึกษาคุณลักษณะของผู้บริหารมืออาชีพตามความ
คิดเห็น ของผู้บริหารและครู สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1 ผลการวิจัยพบวา่
1) คุณลักษณะของผู้บริหารมืออาชีพ ตามความคิดเห็นของผู้บริหารและครู สังกัดสํานักงานเขตพืน้ ที่
การศกึ ษาฉะเชิงเทรา เขต 1 โดยรวมอย่ใู นระดับมาก 2) ผลการเปรยี บเทยี บคุณลักษณะของผู้บริหาร
มืออาชีพ ตามความคิดเห็นของผบู้ รหิ ารและครู สังกัดสาํ นกั งานเขตพืน้ ท่ีการศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1
จําแนกตามเพศและวุฒิการศึกษา โดยรวมและรายด้านแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ
.05 และ 3) เปรียบเทียบคุณลักษณะของผู้บริหารมืออาชีพ ตามความคิดเห็นของผู้บริหารและครู
สังกัด สํานักงานเขตพ้ืนที่การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 1 จําแนกตามอายุ โดยรวมและรายดา้ นแตกต่าง
กัน อย่างมนี ยั สาํ คญั ทางสถติ ทิ ี่ระดบั .05

พฒุ ิพงศ์ มนตรี โพธิ์ (2550 : 63) ได้ทาํ การวิจัยเรือ่ งคุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหาร
สถานศึกษา สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาบุรีรัมย์ เขต 4 ผลการวิจัยพบว่า 1) คุณลักษณะที่พึง
ประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษา โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก โดยเรียงลําดับค่าเฉลี่ยจาก
มากไปหาน้อย 3 อันดับแรก คือ การสร้างแรงจูงใจในการทํางาน การตัดสินใจ และความรับผิดชอบ
2) ผลการเปรียบเทียบคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสํานักงานเขตพื้นที่
การศกึ ษาบรุ ีรัมย์ เขต 4 จาํ แนกตามสถานภาพ พบว่าผู้บรหิ าร ครู และประธานกรรมการสถานศึกษา
ขั้นพื้นฐาน มีความคิดเห็นโดยรวมและรายด้านทุกด้านแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ



.05 และ 3) ความคิดเห็นข้อเสนอแนะจากแบบสอบถามปลายเปิดโดยเรียงลําดับค่าความถี่จากมาก
ไปหาน้อย 5 อันดับ คือ มีความยุติธรรมต่อผู้ใต้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานอย่างเสมอภาค ควรมี
ความเสียสละในการทํางาน มีความรู้ความสามารถในเชิงบริหาร มีทักษะการตัดสินใจที่ดี และมี
ความรู้ความสามารถในดา้ นเทคโนโลยีทที่ นั สมัย

วราภรณ์ ดํารงวัฒนกุล (2550 : 80) ได้ศึกษาคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหาร
สถานศึกษา ตามทัศนะของครู สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 2 ผลการวิจัย
พบว่า 1) คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษา ตามทัศนะของครู สังกัดสํานักงานเขต
พื้นที่ การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 2 โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน
เรียงลําดับ ค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย ได้แก่ ด้านบุคลิกภาพ ด้านคุณธรรม จริยธรรม ด้านความรู้
ความสามารถ ด้านมนุษยสัมพันธ์ และด้านความเป็นผู้นําตามลําดับ 2) ผลการเปรียบเทียบ
คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ ของผู้บริหารสถานศึกษา ตามทัศนะของครู สังกัดสํานักงานเขตพื้นท่ี
การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 2 จําแนกตามเพศ วุฒิการศกึ ษา และประสบการณใ์ นการทาํ งาน โดยรวม
และรายด้านแตกต่างกัน อย่างมไี ม่นัยสาํ คญั ทางสถติ ิ

สมพร รอดรังนก (2550 : 59) ได้ศึกษาคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศกึ ษา
เอกชนในกลุ่ม 3 อําเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ผลการศึกษาพบว่า คุณลักษณะ ท่ี
พงึ ประสงค์ของผบู้ รหิ ารสถานศึกษาเอกชนในกลุ่ม 3 อาํ เภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ
ในภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยเรียงตามลําดับดังนี้ คือ ด้านการปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ด้าน
ความ เป็นผนู้ าํ และผู้สร้างและดา้ นพฒั นาและการใชน้ วัตกรรมบรหิ ารงานจนเกิดผลงานที่มคี ุณภาพสูง
ขึ้น ส่วนการเปรียบเทียบคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาเอกชน ในกลุ่ม 3 อําเภอ
เมือง สมทุ รปราการ จงั หวดั สมทุ รปราการ พบวา่ ความคดิ เห็นของผ้บู ริหารและครูผู้สอน จาํ แนกตาม
เพศ และประสบการณ์ มคี วามคดิ เหน็ ต่างกันอยา่ งไมม่ ีนัยสําคัญทางสถติ ิ

สมพงศ์ บริรักษ์นรากุล (2550 : 67) ศึกษาคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหาร
สถานศึกษา ตามทัศนะของผู้บริหารสถานศึกษาและครู สังกัดสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ัน
พื้นฐาน จังหวัดปัตตานี ผลการศึกษาพบว่า 1) ผู้บริหารสถานศึกษามีคุณลักษณะที่พึงประสงค์
โดยรวมอยู่ ในระดับมาก 2) ผลการเปรียบเทียบคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษา
จําแนกตาม ตัวแปรต่าง ๆ พบว่า ผู้บริหารสถานศึกษาและครูที่มีตําแหน่งต่างกัน มี ทัศนะต่อ
คุณลักษณะที่พึง ประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษา โดยรวมไม่แตกต่างกัน ยกเว้นด้านภาวะผู้นํา
แตกต่างกันอย่างมี นัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยที่ค่าเฉลี่ยของผู้บริหารสถานศึกษาสูงกว่า
ค่าเฉลี่ยของครู 3) ผู้บริหาร สถานศึกษาและครูมีวุฒิการศึกษาต่างกัน มีทัศนะต่อคุณลักษณะที่พึง
ประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาโดยรวมแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสําคัญ โดยที่ค่าเฉลี่ยของผู้ที่มีวุฒิ



ปริญญาโทและสูงกว่าปริญญาโท สูงกว่าค่าเฉลี่ยของผู้มีวุฒิต่ํากว่าปริญญาตรี และปริญญาตรี 4)
ผู้บริหารสถานศึกษาและครูที่ปฏิบัติงาน ตามขนาดของสถานศึกษาต่างกัน มีทัศนะต่อคุณลักษณะที่
พึงประสงค์ของผู้บรหิ ารสถานศึกษา ไม่แตกต่างกัน ส่วนด้านภาวะผู้นาํ และด้านวิชาการแตกต่างกนั
อย่างมนี ัยสําคัญทางสถิตทิ ่ีระดบั .05 โดยที่ค่าเฉลย่ี ของผู้ที่ปฏิบัติงานในสถานศึกษาขนาดใหญ่สูงกว่า
ค่าเฉลีย่ ของผ้ปู ฏบิ ตั ิงานในสถานศึกษา ขนาดกลางและขนาดเล็ก

สุดใจ ศิริสมบัติ (2550 : 78) ได้ศึกษาคุณลักษณะที่เป็นจริงและคุณลักษณะที่พึงประสงค์
ของผู้บริหารสถานศึกษาขัน้ พนื้ ฐาน สงั กัดสํานักงานเขตพื้นท่ีการศึกษาฉะเชงิ เทรา เขต 2 ผลการวิจัย
พบว่า 1) คุณลักษณะที่เป็นจริงและคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
สังกัด สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 2 โดยภาพรวม อยู่ในระดับมาก 2) ผลการ
เปรียบเทียบ คุณลักษณะที่เป็นจริงของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสํานักงานเขตพื้นท่ี
การศกึ ษาฉะเชิงเทรา เขต 2 จาํ แนกตามตําแหนง่ โดยภาพรวมแตกต่างกนั อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่
ระดับ .05 เมื่อพิจารณา เป็นรายด้าน พบว่าคุณลักษณะด้านภูมิรู้ แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทาง
สถิติที่ระดับ .05 คุณลักษณะ ด้านภูมิธรรมและคุณลักษณะด้านภูมิฐาน ไม่แตกต่างกัน 3) ผลการ
เปรียบเทียบคุณลักษณะที่เป็นจริง ของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสํานักงานเขตพื้นท่ี
การศกึ ษาฉะเชิงเทรา เขต 2 จําแนก ตามเพศ โดยภาพรวมแตกตา่ งกนั อย่างไม่มนี ัยสําคัญทางสถติ ิ 4)
ผลการเปรยี บเทยี บคุณลักษณะท่ี พึงประสงคข์ องผู้บรหิ ารสถานศกึ ษาข้ันพื้นฐาน สงั กดั สํานักงานเขต
พื้นที่การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 2 จําแนกตามตําแหน่ง โดยภาพรวมแตกตา่ งกนั อย่างมีนัยสําคัญทาง
สถิติที่ระดับ .05 5) ผลการเปรียบเทียบ คุณลักษณะที่เป็นจริงของผู้บริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาฉะเชิงเทรา เขต 2 จําแนกตามขนาดสถานศึกษา โดยภาพรวม
แตกต่างกนั อยา่ ง มีนยั สําคัญทางสถิตทิ ่รี ะดบั .05

อุทุมพร จารุสิทธิกุล (2550 : 62) คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษา ตาม
ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา ครู ศึกษานิเทศก์และผู้ทรงคุณวุฒิ สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่
การศึกษาบุรีรัมย์ เขต 4 ผลการวิจัยพบว่า 1) ผู้บริหาร ครู ศึกษานิเทศก์ และผู้ทรงคุณวุฒิมีความ
คิดเห็น ต่อคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับมากทุกด้าน โดย
เรียงลําดับ ค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านคุณลักษณะตามมาตรฐานการปฏิบัติตน ด้าน
คุณลักษณะตาม มาตรฐานการปฏิบัติงาน ด้านคุณลักษณะตามมาตรฐานความรู้และประสบการณ์
วชิ าชีพ 2) ผบู้ รหิ าร มีระดับความคิดเห็นต่อคณุ ลักษณะที่พงึ ประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาโดยรวม
อยู่ในระดับมาก ทุกด้าน โดยเรียงลําดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ดังนี้ ด้านคุณลักษณะตาม
มาตรฐานการปฏิบตั ิตน ดา้ นคณุ ลกั ษณะตามมาตรฐานการปฏิบตั ิงาน ดา้ นคุณลักษณะตามมาตรฐาน
ความรู้และประสบการณ์ วชิ าชีพ 3) ครูมีระดบั ความคิดเห็นต่อคุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ของผู้บริหาร
สถานศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับปานกลางทุกด้าน โดยเรียงลําดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย ดังน้ี



ด้านคุณลักษณะตามมาตรฐาน การปฏิบัติตน ด้านคุณลักษณะตามมาตรฐานการปฏิบัติงาน ด้าน
คุณลักษณะตามมาตรฐานความรู้ และประสบการณ์วิชาชีพ 4) ศึกษานิเทศก์มีระดับความคิดเห็นต่อ
คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของ ผู้บริหารสถานศึกษา โดยรวมอยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยเรียงลําดับ
ค่าเฉล่ยี จากมากไปหาน้อย ดงั น้ี ดา้ นคุณลักษณะตามมาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ ด้าน
คุณลักษณะตามมาตรฐาน การปฏิบัติงาน ด้านคุณลักษณะตามมาตรฐานการปฏิบัติตน 5)
ผู้ทรงคุณวฒุ ิมีระดับความคดิ เห็นต่อ คุณลักษณะที่พึงประสงคข์ องผู้บริหารสถานศึกษาโดยรวมอย่ใู น
ระดับมากทุกด้าน โดยลําดับค่าเฉลี่ย จากมากไปหาน้อยดังนี้ด้านคุณลักษณะตามมาตรฐานความรู้
และประสบการณว์ ชิ าชีพดา้ นคุณลกั ษณะ ตามมาตรฐานการปฏิบัตติ น ดา้ นคุณลักษณะตามมาตรฐาน
การปฏิบัติงาน 60 ผู้บริหาร ครู ศึกษานิเทศก์ ผู้ทรงคุณวุฒิ มีความคิดเห็นต่อคุณลักษณะที่พึง
ประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษา จําแนกตามเพศ ไม่แตกต่างกัน 7) ผู้บริหาร ศึกษานิเทศก์ และ
ผู้ทรงคุณวฒุ ิ มคี วามคิดเหน็ ตอ่ คุณลักษณะท่พี ึงประสงค์ ของผูบ้ ริหารสถานศึกษา ในด้านคุณลักษณะ
ตามมาตรฐานการปฏิบัติตน จําแนกตามประสบการณ์ ในการปฏบิ ัตงิ าน พบว่า แตกตา่ งกันอย่างไม่มี
นัยสําคัญทางสถิติ ส่วนด้านอื่น ๆ โดยภาพรวม ไม่ แตกต่างกัน 8) ผู้บริหาร ครู ศึกษานิเทศก์ และ
ผู้ทรงคุณวุฒิ เสนอแนะเพิ่มเติมว่า ผู้บริหารควรมีการ หาความรู้เพื่อให้ทันการเปลี่ยนแปลง มี
วิสัยทัศน์ที่ดี ความรู้ดี คุณธรรม และเป็นแบบอย่างที่ดี มีความ สามารถในการเป็นผู้นํา มีวุฒิภาวะ
ทางอารมณส์ ูงกวา่ ผู้ใตบ้ ังคับบัญชา ประสานงานท่ีดี บริหาร แบบมอื อาชพี เข้าใจระบบ ร้ภู าระหน้าท่ี
ความรับผิดชอบท้ังตนเองและสมาชิกในองค์กร

บณุ ฑริก บุตราช (2551 : 74) ได้ศกึ ษาคณุ ลักษณะของผู้บริหารโรงเรยี นมัธยมศึกษาสังกัด
สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาจงั หวัดสกลนคร ผลการวิจัยพบวา่ 1) คุณลักษณะของผู้บริหารโรงเรียน
มัธยมศึกษาอยู่ในระดับมาก และเมื่อเปรียบเทียบคุณลักษณะของผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาตาม
ความคิดเห็นของผูบ้ รหิ ารและครู พบว่ามีความแตกต่างกันอยา่ งมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โดย
ความคิดเห็นของผู้บริหารสูงกว่าครู 2) คุณลักษณะของผู้บริหารโรงเรียนมัธยมศึกษาตามความ
คิดเห็นของผู้บริหาร จําแนกตามขนาดโรงเรียน พบว่าอยู่ในระดับมากทุกโรงเรียน และเมื่อ
เปรยี บเทยี บ ตามขนาดของโรงเรยี นมคี วามคิดเห็นไม่แตกต่างกนั 3) คณุ ลักษณะของผู้บริหารโรงเรียน
มัธยมศึกษา ตามความคิดเห็นของครู จําแนกตามขนาดของโรงเรียน พบว่า อยู่ในระดับมาก ทุก
โรงเรียนและเมื่อ เปรียบเทียบตามขนาดของโรงเรียนมีความคิดเห็นแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทาง
สถติ ทิ ร่ี ะดับ .05

ปรีชา ชอ่ งคนั ปอน (2551: 58) ได้ศึกษาคุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ของผู้บรหิ ารสถานศึกษา
ตามการรับรู้ของครู สังกัดกรุงเทพมหานคร ผลการวิจัยพบว่า 1) คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของ
ผู้บริหาร สถานศกึ ษา ตามการรบั ร้ขู องครู โดยภาพรวมและรายดา้ นอยู่ในระดับมาก 2) คุณลักษณะท่ี
พึงประสงค์ ของผู้บริหารสถานศึกษา ตามการรับรู้ของครู สังกัดกรุงเทพมหานครจําแนกตามเพศ



ระดับการศึกษาและขนาดของโรงเรียน พบว่าระดับการรับรู้ครูต่อคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของ
ผู้บริหารสถานศึกษา ไม่แตกต่างกัน และ 3) คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตาม
การรับรู้ของครู สังกัด กรุงเทพมหานคร จําแนกตามประสบการณ์ทํางาน พบว่า ครูที่มีประสบการณ์
ทํางานต่างกันมีการ รับรู้เกี่ยวกับคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาแตกต่างกันอย่าง
ไมม่ นี ยั สําคัญทางสถิติ

เพิ่มศักดิ์ เพิ่มประยูร (2552 : 53) ได้ศึกษาคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหาร
สถานศึกษา ตามความคิดเห็นของผู้บริหารและครูผู้สอน สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาลพบุรี
ผลการวิจัย พบว่า คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารสถานศึกษาตามความคิดเห็นของผู้บริหาร
และครูผู้สอน สังกัด สํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาลพบุรี ในภาพรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก
เรียงลําดับค่าเฉลี่ยจากมาก ไปหาน้อย ดังนี้ 1) ด้านบุคลิกภาพ 2) ด้านทักษะ และ 3) ด้านการจูงใจ
ส่วนคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ของผู้บริหารสถานศึกษาตามความคิดเห็นของผู้บริหารและครูผู้สอน
สังกดั สํานกั งานเขตพน้ื ที่ การศกึ ษาลพบรุ ี จําแนกตามตาํ แหนง่ พบว่าแตกต่างกนั อย่างมีนยั สาํ คัญทาง
สถิติที่ระดับ .05 และ ตําแหน่งหน้าที่ แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ส่วนเม่ือ
จําแนกตามประสบการณ์ การทํางานและขนาดสถานศกึ ษา ไม่แตกตา่ งกัน )

จินดา พุ่มสกุล (2553 : 74) ได้ศึกษาคุณลักษณะผู้บริหารที่พึงประสงค์ตามความคิดเห็น
ของ ผู้บริหารและครู สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบูรณ์ เขต 3 ผลการวิจัย
พบว่า 1) คุณลักษณะผู้บริหารที่พึงประสงค์ตามความคิดเห็นของผู้บริหารและครู ในภาพรวม อยู่ใน
ระดับ มากเรียงลําดับค่าเฉลี่ยจากมากไปน้อย 3 ลําดับแรก ได้แก่ ด้านวิสัยทัศน์ ความรู้ และมนุษย
สัมพันธ์ 2) การเปรียบเทียบคุณลักษณะผู้บริหารที่พึงประสงค์ตามความคิดเห็นของผู้บริหารและครู
เมื่อจําแนก ตามเพศ ประสบการณ์ในการทํางาน ขนาดของโรงเรียนและวิทยฐานะ แตกต่างกันอย่าง
มีนัยสําคัญ ทางสถิติที่ระดับ .05 ส่วนเมื่อจําแนกตาม ตําแหน่ง อายุ สถานภาพการสมรส รายได้ต่อ
เดือน วุฒิ การศึกษา และการพัฒนาความรู้ของตนเอง พบว่าไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ
ท่รี ะดบั .05

เตม็ สิริ ทพิ ย์จันทา (2553 : 70) ไดศ้ กึ ษาคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ของผ้บู ริหารตามความ
คิดเห็นของครูผู้สอนในโรงเรียนสังกัดเทศบาลนครภูเก็ต ผลการวิจัยพบว่า 1) คุณลักษณะอันพึง
ประสงค์ ของผู้บริหารตามความคิดเห็นของครูผู้สอนในโรงเรียนสังกัดเทศบาลนครภูเก็ต ทั้ง 5 ด้าน
คือด้าน บุคลิกภาพ ด้านความรู้ความสามารถ ด้านคุณธรรมจริยธรรม ด้านมนุษยสัมพันธ์ และด้าน
ความเป็น ผู้นํา โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก 2) เปรียบเทียบคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผูบ้ รหิ าร
จําแนก ตามเพศ อายุ วฒุ กิ ารศึกษาและประสบการณใ์ นการทาํ งาน ของครใู นโรงเรยี นสังกัดเทศบาล
นคร ภเู กต็ ปรากฏผลดังน้ี ครู ทีม่ ีเพศตา่ งกัน มคี วามคิดเห็นท่ีแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติท่ี



ระดับ 05 ทัง้ ในภาพรวมและรายด้าน ส่วนครูที่มอี ายุตา่ งกันมคี วามเห็น ทั้งในภาพรวมและรายดา้ นไม่
มี ความแตกต่างกนั อยา่ งมนี ัยสาํ คัญทางสถิติที่ระดับ .05 และครู ที่มวี ุฒิการศึกษาต่างกันในภาพรวม
มีความแตกต่างกัน และเมื่อพิจารณารายด้าน พบว่า ครูผู้สอนแต่ละวุฒิการศึกษามีความคิดเห็น
ตา่ งกัน เกือบทกุ ด้านยกเว้นด้านความมีมนุษยสัมพันธ์ นอกจากนีย้ งั พบว่าครู ท่มี ปี ระสบการณ์ในการ
ทํางาน ต่างกัน ในภาพรวมมีความแตกต่างกัน และเมื่อพิจารณารายด้าน ก็พบว่า ครูผู้สอนแต่ ละ
ประสบการณ์ การทํางานมคี วามคิดเหน็ ต่างกันเกือบทุกด้านยกเว้นด้านคณุ ธรรมจริยธรรม

พรสวรรค์ สุรพรสถิตกุล (2553 : 66) ได้ศึกษาคุณลักษณะของผู้บริหารสถานศึกษาตาม
เกณฑ์มาตรฐานคุรุสภา ตามความคิดเห็นของครู สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาระยอง เขต 1
ผลการวิจยั พบว่า 1) คุณลกั ษณะของผู้บริหารสถานศกึ ษาตามเกณฑ์มาตรฐานครุ ุสภาในความคิดเห็น
ของครู สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาระยอง เขต 1 โดยรวมและรายด้านอยู่ในระดับมาก โดย
เรยี ง ตามลําดับคะแนนเฉล่ียจากมากไปหาน้อยสามอันดบั แรก ได้แก่ ดา้ นการตดั สินใจปฏิบัติงานต่าง
ๆ ด้านการปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ด้านการแสวงหาและใช้ข้อมูลข่าวสารในการพัฒนา 2) ความ
คิดเหน็ ของครผู ู้สอนเกี่ยวกับคุณลักษณะของผู้บริหารสถานศึกษาตามเกณฑ์มาตรฐานคุรุสภาจําแนก
ตาม เพศมีความคิดเห็นโดยภาพรวมและรายด้านแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสําคัญทางสถิติ 3) ความ
คิดเห็น เกี่ยวกับคุณลักษณะของผู้บริหารสถานศึกษาตามเกณฑ์มาตรฐานคุรุสภาจําแนกตามวุฒิ
การศึกษา โดยภาพรวมแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสําคัญทางสถิติ และเมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า
แตกต่างกัน อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 4) ความคิดเห็นของครูผู้สอนเกี่ยวกับคุณลักษณะ
ของผู้บริหาร สถานศึกษาตามเกณฑ์มาตรฐานคุรุสภา จําแนกตามขนาดของโรงเรียน โดยภาพรวม
และรายดา้ น แตกต่างกันอย่างมีนยั สาํ คญั ทางสถิตทิ ร่ี ะดับ .05

สุมน สุขเอียด (2556 : 56) ได้ศึกษาคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารตามการรับรู้
ของครูอาจารยใ์ นเครอื โรงเรียนสอ่ งแสง อําเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พบวา่ 1) ความตอ้ งการ ของ
ครอู าจารย์ต่อคุณลกั ษณะของผู้บริหารโรงเรยี นตามการรับรู้ของครูอาจารย์ในเครือ โรงเรียน ส่องแสง
อยู่ในระดับมากทุกด้าน 2) ผลการเปรียบเทียบความต้องการของครูอาจารย์ต่อคุณลักษณะ ของ
ผบู้ ริหารโรงเรียนตามการรบั รู้ของครูอาจารยใ์ นเครือโรงเรยี นส่องแสง อาํ เภอหาดใหญ่ จังหวดั สงขลา
พบว่า ครูอาจารย์ที่มีเพศ ประสบการณ์ในการทํางาน วุฒิการศึกษาต่างกัน มีความต้องการ
คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้บริหารโรงเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสําคัญทางสถิติทีร่ ะดับ .05 ส่วน
ครูอาจารยท์ มี่ ีอายุแตกต่างกันมคี วามต้องการคุณลักษณะของผบู้ ริหารโรงเรยี น ไม่แตกตา่ งกัน อย่างมี
นยั สาํ คัญทางสถิตทิ รี่ ะดับ .05



5. บทบาทของผ้บู ริหารสถานศกึ ษา

ครูและบุคลากรทางการศึกษาในสถานศึกษา ย่อมคาดหวังไว้ว่าจะให้บุคคลที่เข้ามาดํารง
ตําแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา ได้ดําเนินการบริหารการศึกษาให้บรรลุวัตถุประสงค์เป้าหมาย ดังน้ัน
บทบาทของผู้บริหารโรงเรียน จึงมีความสําคัญอย่างยิ่งต่อความอยู่รอดและความเจริญก้าวหน้าของ
องคก์ ารอย่างแท้จรงิ ดงั ต่อไปน้ี

สมิท (Smith, 1974 : 89) กล่าวว่า ผู้บริหารโรงเรียนควรมีบทบาทหน้าที่สําคัญ 6 ประการ
คือ

1. เป็นหัวหน้าฝ่ายบริหาร โรงเรียน ประสานงานให้การนิเทศและวางโครงการศึกษาให้
เป็นไปอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ

2. มลี กั ษณะความเป็นผู้นาํ ท้งั ทางด้านส่วนตัวและวชิ าชีพ
3. มีความเปน็ กันเองกบั นกั เรียนและเขา้ ใจปญั หาของนักเรียน
4. ฝึกให้นกั เรียนมรี ะเบยี บวินัย และใช้ระเบียบขอ้ บังคับ อย่างเครง่ ครดั

5. วางตวั เปน็ กลางต่อการสรา้ งความสัมพนั ธ์กับคนท่ัวไป
6. มมี นษุ ยสัมพนั ธอ์ นั ดีกับครู และช่วยเหลือครู
กอรต์ นั (Gorton. 1983 : 121) ได้กําหนดบทบาทของผู้บริหาร โรงเรียนไว้ 6 ประการ ดงั น้ี

1. ผู้บริหารโรงเรียนต้องเป็นผู้จัดการ ได้แก่ การคาดหวังว่าผู้บริหาร โรงเรียนจะต้องเป็น
ผูจ้ ดั หา จดั ทาํ เคา้ โครงการบรหิ าร โดยกําหนดหนา้ ที่ ตําแหนง่ งานต่าง ๆ ประสานงานทรพั ยากรท่ีเป็น
มนุษยแ์ ละมใิ ชม่ นุษย์เข้าดว้ ยกันเพอ่ื ให้เปา้ หมายของหน่วยงานบรรลุผลอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ

2. ผูบ้ รหิ ารโรงเรียนต้องเป็นผูน้ าํ ทางการศกึ ษา

3. ผู้บริหารโรงเรียนต้องเป็นผู้มีวินัยและรักษาวินัย บทบาทของครูใหญ่ ในเรื่องระเบียบ
วินัย นับว่าเปน็ บทบาททส่ี าํ คัญท่สี ดุ ของผบู้ ริหารโรงเรียนในสายตาของผปู้ กครองและนักเรยี น

4. ผู้บริหารโรงเรียนจะต้องมีมนุษยสัมพันธ์ จะสามารถสร้างสภาพแวดล้อมในโรงเรียนได้
2 ประการคือ การสร้างขวัญให้แก่บุคลากรในโรงเรียน และสภาพในโรงเรียนจะเต็มไปด้วย การอยู่
ร่วมกนั อยา่ งมนุษย์

5. ผู้บริหารโรงเรียน จะต้องเป็นผู้ริเริ่มให้มีการเปลี่ยนแปลง ผู้บริหารโรงเรียนสมัยใหม่
ต้องมีลักษณะเป็นผู้นําให้มีการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เพื่อความจําเป็นในการเปลี่ยนแปลงแผนงานหรือ
กําหนดเกย่ี วกบั การศกึ ษาของโรงเรยี น เพือ่ สนองความตอ้ งการของผ้เู รียนมากที่สุด



6. ผู้บริหารโรงเรียนจะต้องเป็นคนกลางที่จะขจัดหรือประสานงานในเรื่องขัดแย้งต่าง ๆ
ผู้บริหารโรงเรียนต้องกล้าเผชิญปัญหาขัดแย้งต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับครู นักเรียน ผู้ปกครองและชุมชน
ผบู้ รหิ ารจะตอ้ งยึดม่นั ในความเป็นกลาง รักษาความเทย่ี งตรง

เฮอร์เซ่ และบลานชาร์ด (Hersey and Blanchard. 1993 : 143) ได้กล่าวว่า ผู้บริหาร
สถานศึกษา ควรปฏิบตั ิหนา้ ท่ีตามบทบาทของกลุ่ม และกจิ กรรม โดยแบง่ ออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ไดแ้ ก่

1. บทบาทดา้ นบุคคล ได้แก่ บทบาทการเป็นหัวหน้าองคก์ ารและเป็นผนู้ ําของหม่คู ณะ

2. บทบาทในด้านข้อมลู สารสนเทศ ไดแ้ ก่ บทบาทในการเปน็ ศนู ย์กลางของระบบประสาท
ขององคก์ ารอันประกอบด้วยการรับข้อมูลขา่ วสารที่เป็นปัจจบุ ันและเปน็ รปู ธรรมมากทีส่ ุด

3. บทบาทในการตัดสินใจ ได้แก่ บทบาทในการเป็นผู้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์กิจกรรม
ใหม่ ๆ เปน็ ผ้จู ดั การกบั ปัญหาอปุ สรรคต่างๆ เป็นผูข้ จัดความขัดแยง้ ระหวา่ งกลมุ่ ตา่ งๆ ภายในองคก์ าร

ดํารง พล โภชน์ (2550 : 10) ได้กล่าวถึง บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษาว่าการจัด
การศกึ ษา ของประเทศจะบรรลผุ ลตามเจตนารมณ์ของพระราชบญั ญตั ิการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
ได้นั้น ต้องอาศัยกลไกการจัดการศึกษาที่มีประสิทธิภาพและกลไกการจัดการศึกษาที่อยู่ใกล้ชิดกับ
ประชาชน มากที่สุด เป็นกลไกที่เล็กที่สุด แต่สําคัญที่สุดที่จะหล่อหลอมคุณภาพประชาชนของ
ประเทศ คือ สถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษาเป็นผู้รับผิดชอบสูงสุดในสถานศึกษา จึงเป็นผู้ที่มี
บทบาทสาํ คัญ อย่างยิ่งต่อการเปล่ยี นแปลงกระบวนการบรหิ ารจัดการศึกษาในสถานศึกษา ในระยะที่
ผ่านมาการ บริหารการจัดการศึกษาในสถานศึกษาจะมุ่งเน้นเฉพาะนักเรียน นักศึกษาที่อยู่ใน
สถานศึกษาเป็น สําคัญแม้จะมีคณะกรรมการการศึกษาเข้ามาให้ข้อแนะนํา ช่วยเหลือในการจัด
การศึกษา สถานศึกษา หรือผู้ที่เกี่ยวข้องพยายามที่จะบริหารสถานศึกษาโดยใช้การบริหารโรงเรียน
เป็นฐาน (School - based Management) แต่ก็ไม่เพียงพอเพราะเน้นเฉพาะการจัดการศึกษาใน
ระบบโรงเรียน (School System) บทบาทของผู้บริหารสถานศึกษายุคปฏิรูปจึงควรมีบทบาท ด้าน
การจัดการศึกษาในสถานศึกษายุคใหม่โดยสถานศึกษาต้องคํานึงถึงการศึกษานอกระบบโรงเรียน
(Non-formal System) และการศึกษาตาม อัธยาศัย (Informal System) รวมทั้งการเตรียมการ
เทียบโอนผลการเรียน ระหว่างรปู แบบตา่ งๆ ประกอบ กับสถานศกึ ษาต้องร่วมมือในการส่งเสริมความ
เข้มแข็งของชุมชน ดังนั้นบทบาทของผู้บริหาร สถานศึกษายุคใหม่ จึงต้องเข้าใจและมองเห็นความ
เชื่อมโยงของการศึกษาในองค์รวม ทั้งระบบ อย่างชัดเจน เพื่อการกําหนดแนวทางในการบริหาร
สถานศึกษาและการปฏิบัติการต่าง ๆ ตามเจตนารมณ์ ของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งช าติ
บทบาทผบู้ ริหารท่สี าํ คญั มี 4 ประการ ดงั น้ี

1. การกําหนดหลักการและแนวทางในการจัดการศึกษา สถานศึกษาต้องกําหนดและยึด
หลัก ในการจัดการศึกษา ตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการศกึ ษาแห่งชาติโดยต้องยึดหลักการ



ว่า ผู้เรียน ทุกคนมีความสามารถเรียนรู้ และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสําคัญที่สุด
กระบวนการ จัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มศักยภาพ
รวมทั้งการจัด การศึกษาต้องเน้นความสําคัญทั้งความรู้คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้และบูรณาการ
ตามความเหมาะสม

2. การจัดกระบวนการเรียนการสอน ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติกําหนดให้
กระทรวงกระจายอํานาจการบริหารและการจัดการศึกษา การบริหารงานวิชาการ การบริหาร
งบประมาณ การบรหิ ารงานบคุ คล และการบรหิ ารงานทว่ั ไป ไปยังเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาและสถานศึกษา
ดังนนั้ การบรหิ ารงานวิชาการ การบรหิ ารงบประมาณ การบริหารงานบุคคลและการบริหารงานทั่วไป
จึงเป็น อํานาจหนา้ ทขี่ องผ้บู รหิ ารสถานศกึ ษาต้องปฏิบตั ิ แตเ่ นอ่ื งจากเนื้อหาที่มีความเกยี่ วข้องกับการ
จัด กระบวนการเรียนการสอน ที่ได้บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติหลายมาตรา ซึ่งเป็นบทบาทหน้าท่ี
ของ ผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษาโดยตรงจงึ สรปุ มาพอสังเขป ดังนี้

2.1 การจัดทําสาระของหลักสูตร พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ กําหนดให้
สถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีหน้าที่ จัดทําสาระของหลักสูตร ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสภาพปัญหาในชุมชน
และสังคม ภูมิปัญญาท้องถิ่น คุณลักษณะอันพึงประสงค์ เพื่อเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชน
สงั คมและประเทศชาติ

2.2 การจัดกระบวนการเรียนรู้ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ได้บัญญัติ
ความสําคัญของการจัดกระบวนการ เรียนรู้ไว้เป็นอย่างมาก โดยเห็นว่ากระบวนการเรียนรู้ต้องมุ่ง
ปลูกฝงั จติ สาํ นึกท่ถี ูกต้องเก่ียวกับการเมือง การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตริย์
ทรงเป็นประมุข รู้จักรักษา และส่งเสริม สิทธิ หน้าที่ เสรีภาพ ความเคารพกฎหมาย ความเสมอภาค
และศักดิ์ศรีความเปน็ มนุษย์ มีความภาคภูมิใจ ในความเป็นไทย รู้จักรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมและ
ของประเทศชาติ รวมทั้งส่งเสริมศาสนา ศิลปวัฒนธรรมของชาติ การกีฬา ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิ
ปัญญาไทย และความรู้อันเป็นสากล ตลอดจน อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมี
ความสามารถในการประกอบอาชีพ รู้จักพึ่งพาตนเองมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ใฝ่รู้ และเรียนรู้ด้วย
ตนเองอย่างต่อเนื่องและในการจัดกระบวนการเรียนรู้ ให้สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ดําเนินการจัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับ ความสนใจและความถนัดของผู้เรียน โดย
คํานึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ฝึกทักษะ กระบวนการ คิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์
และการประยุกต์ความรู้มาใช้ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการจัด กิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จาก
ประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติ ให้ทําได้ คิดเป็น ทําเป็น รักการอ่าน และเกิดการใฝ่รู้อย่างต่อเนื่อง
จดั การเรยี นการสอน โดยผสมผสานสาระความรู้ดา้ นต่าง ๆ อย่างได้ สดั สว่ นสมดุลกัน รวมท้ังปลูกฝัง
คุณธรรม ค่านิยมที่ดีงามและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ไว้ในทุกวิชา ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอน



สามารถจัดบรรยากาศสภาพแวดล้อม สื่อการเรียนและอํานวยความสะดวก เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการ
เรยี นรู้ และมีความรอบรู้ รวมทั้งสามารถใช้การวจิ ัยเป็นส่วนหน่งึ ของกระบวนการเรียนรู้

ทั้งนี้ ครูผู้สอนและผู้เรียนอาจเรียนรู้ไปพร้อมกันจากสื่อการเรียนการสอน และแหล่ง
วิทยาการประเภทต่าง ๆ จัดการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ มีการประสานความร่วมมือ
กับบิดา มารดา ผู้ปกครองและบุคคลในชุมชนทุกฝ่าย เพื่อร่วมกันพัฒนาผู้เรียนตามศักยภาพและให้
สถานศึกษาจัดการประเมินผู้เรียน โดยพิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรยี น ความประพฤติ การสังเกต
พฤติกรรมการเรียน การร่วมกิจกรรมและการทดสอบควบคู่กันไปในกระบวนการเรียนการสอน ตาม
ความเหมาะสมของแต่ละระดับและรูปแบบการศึกษา รวมทั้งให้สถานศึกษาใช้วิธีการที่หลากหลาย
ในการจัดสรรโอกาสเขา้ ศกึ ษาต่อ และให้นําผลการประเมนิ ผเู้ รียนมาใชป้ ระกอบการพจิ ารณาด้วย

นอกจากนั้น ยังได้มีการกําหนดให้สถานศึกษา ต้องพัฒนากระบวนการเรียนการสอน
ทีม่ ปี ระสทิ ธภิ าพ รวมทัง้ การส่งเสรมิ ให้ครูผสู้ อนสามารถทาํ วิจัย เพอื่ พฒั นาการเรยี นรูท้ ่ีเหมาะสม กับ
ผู้เรียนในแต่ละระดับการศึกษา การจัดกระบวนการเรียนรู้ จึงเป็นหัวใจสําคัญของการปฏิรูป
การศึกษาและพัฒนาเด็กไทยให้มีความรู้ ความสามารถเพียงพอและเท่าทันต่อการแข่งขันในระดับ
สากล โดยคงคุณลักษณะของความเป็นไทย การพัฒนาเศรษฐกิจของไทยแบบย่ังยืน รวมทั้งการแกไ้ ข
ปัญหาอื่น ๆ ของประเทศชาติ ต้องตั้งอยู่บนรากฐานของการเรียนรู้ที่ดี สามารถส่งเสริมและพัฒนา
คุณภาพการเรียนรู้ของคนไทยอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพได้ ผู้บริหารสถานศึกษาจึงเป็นผู้ที่มีบทบาทสําคัญ
ที่จะเปลี่ยนแปลงในการจัดกระบวนการเรยี นรูใ้ ห้เกดิ ข้นึ ในสถานศึกษา

3. การประกันคุณภาพการศึกษา การจัดการศึกษาในยุคใหม่นั้น ได้มุ่งเน้นไปที่คุณภาพ
การศึกษาเป็นสําคัญ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ได้มีการกําหนดให้สถานศึกษาดําเนินการ
เกี่ยวกับการประกันคุณภาพการศึกษา โดยได้กําหนดให้มีระบบราชการประกันคุณภาพการศึกษา
เพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาทุกระดับ ประกอบด้วย ระบบการประกันคุณภาพภายใน
และระบบประกันคุณภาพภายนอก ให้หน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษาจัดให้มีระบบประกัน
คุณภาพภายในสถานศึกษา และให้ถือว่าการประกันคุณภาพภายใน เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ
บริหารการศึกษาที่ต้องดําเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยต้องมีการจัดทํารายงานประจําปี เสนอต่อ
หน่วยงาน ต้นสังกัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเปิดเผยต่อสาธารณชนเพื่อนําไปสู่การพัฒนาคุณภาพ
และมาตรฐาน การศึกษา เพ่อื รองรับการประกันคณุ ภาพภายนอก

นอกจากนั้นยังกําหนดให้สถานศึกษา ให้ความร่วมมือในการจัดเตรียมเอกสารหลักฐาน
และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสถานศึกษา ตลอดจนให้บุคลากร คณะกรรมการสถานศึกษารวมท้ัง
ผู้ปกครอง และผู้ที่มีส่วนเก่ียวข้องกับสถานศกึ ษา ให้ข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนที่พจิ ารณาเห็นว่าเกี่ยวข้อง
กับการ ปฏิบัติภารกิจของสถานศึกษา ตามคําร้องขอของสํานักงานรับรองมาตรฐานและประเมิน



คุณภาพ การศึกษา หรือบุคคล หรือหน่วยงานภายนอก ที่สํานักงานดังกล่าวรับรองที่ทําการประเมิน
คณุ ภาพ ภายนอกของสถานศึกษา

จากสาระสําคัญของการประกันคุณภาพการศึกษา ดังกล่าวข้างต้น ผู้บริหารสถานศึกษา
จึงต้องตระหนักว่าในการบริหารการศึกษานั้นย่อมมุ่งหวังให้เกิดความเจริญงอกงามในตัวผู้เรียน เป็น
สําคัญ ผลผลิตทางการศึกษาจะต้องมีเกณฑ์มาตรฐานของชาติ (National Benchmark) ในการวัด มี
มาตรฐานกลางที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ โดยมีแบบทดสอบกลางของชาติ (National Test) ซึ่งเป็น
เครื่องมือ วัดตามระดับช่วงชั้น การจัดการศึกษาได้อย่างมีคุณภาพจะนําไปสู่การประกันคุณภาพ
(Quality Assurance) ดังน้นั ผบู้ ริหารสถานศึกษาจงึ ตอ้ งตดิ ตามรูปแบบวิธกี ารในการประกันคุณภาพ
การศึกษา ทั้งการประกันคุณภาพภายในและการเตรียมรับการประกันคุณภาพภายนอก โดยอย่าง
น้อยที่สุด ผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องรู้ว่า การประเมินคุณภาพจะประเมินเรื่องอะไรบ้าง ใครมีส่วน
ร่วมใน การประเมิน บทบาทของผู้ประเมิน และรับรู้การประเมิน ควรเป็นเช่นไร จะดําเนินวิธีการ
ประเมิน อย่างไร เป็นต้น การจัดการศึกษายุคใหม่ต้องมีการประกันคุณภาพให้แก่ประชาชนซึ่งเป็น
ผู้รับบริการว่า เมื่อได้ผ่านกระบวนการจัดการศึกษาของสถานศึกษาแล้ว สถานศึกษามีศักยภาพใน
กระบวนการ เปลี่ยนสภาพ (Transformation Process) สามารถสร้างผลผลิตด้านการศึกษา
(Output) ให้มีคุณภาพ ตามที่สังคมต้องการ คือเป็นคนดีตามมาตรฐานความดีของสังคมส่วนใหญ่
เป็นคนเก่งที่พัฒนา ตนเองได้เต็มศักยภาพ พึ่งตนเองได้และมีความสุขในชีวิตตามอัตภาพ รวมทั้ง
สามารถอยู่รว่ มกบั ผูอ้ น่ื ในสงั คมได้

4. การมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา นับว่าเป็นมิติใหม่ที่กฎหมายได้กําหนดให้ทุกฝ่าย ที่
เกี่ยวข้อง ให้มีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา สถานศึกษาจะจัดการศึกษาโดยลําพังไม่ได้ต้องอาศัย
ความร่วมมือจากทุกฝ่าย ดังที่ได้มีการบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติว่าสถานศึ กษา
หรือหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ต้องจัดการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นได้ทุกเวลาและทุกสถานที่ ประสาน
ความร่วมมือกับบิดามารดา ผู้ปกครอง และบุคคลในชุมชนทุกฝ่าย เพื่อร่วมกันพัฒนาผู้เรียนตาม
ศักยภาพ รวมทั้งให้หน่วยงานทางการศึกษาระดมทรัพยากรบุคคลในชุมชน ให้มีส่วนร่วมในการ จัด
การศึกษา โดยนําประสบการณ์ความรอบรู้ ความชํานาญ และภูมิปัญญาท้องถิ่นของบุคคลดังกล่าว
มาใช้เพื่อให้เกิดประโยชน์ทางการศึกษาและยกย่องเชิดชูที่ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษา
นอกจากนั้นยังกําหนดให้มีการระดมทรัพยากรและการลงทุนด้านงบประมาณ การเงินและทรัพย์สิน
ทั้งจากรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน เอกชน องค์กรเอกชน
องคก์ รวิชาชพี สถาบันศาสนา สถานประกอบการ สถาบนั สังคมอ่นื และตา่ งประเทศมาใชจ้ ัดการศึกษา
การศึกษาเป็นภารกิจเพื่อคนทุกคน ดังนั้นทุกคนจึงต้องมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ผู้บริหาร
สถานศึกษาต้องแสวงหาความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้มาซึ่งปัจจัยในการบริหาร
รวมทั้งภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นรากเหง้าที่ทําให้ชุมชนอยู่รอด เพื่อนํามาช่วยในการจัดการศึกษาของ



สถานศึกษา หลักการมีส่วนร่วม (Participation) จึงเป็นสิ่งสําคัญที่ผู้บริหารสถานศึกษาต้องศึกษาหา
จุดรว่ มท่ีเหมาะสมในแต่ละเรอ่ื งแตล่ ะกจิ กรรม และแตล่ ะบุคคล ทคี่ วรเข้ามามสี ว่ นร่วมวา่ เป็นใครบ้าง
และช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเข้ามามีส่วนร่วมเป็นช่วงเวลาใดซึ่งแต่ละสถานศึกษาอาจมีความ
แตกต่างกันไปตามบริบทของแต่ละสถานศึกษา เพราะในการจัดการศึกษาไม่มีสูตรสําเร็จในการ
บริหารการศึกษาทจ่ี ะไปช้นี ําผู้บริหารสถานศึกษาและทําใหก้ ารบรหิ ารสถานศึกษาประสบผลสําเร็จได้

เวียงชัย วชั รนริ ันดร์ (ออนไลน์, 2553) ได้กล่าวถึง บทบาทหน้าท่ีของผบู้ รหิ ารสถานศึกษา คอื ลกั ษณะ
งานเก่ยี วกบั การวางแผน การดาํ เนินงาน การประสานงาน การควบคุมดูแลและการนิเทศงาน
ตลอดจนการติดตามและประเมินผลงานดา้ นวชิ าการ การปกครอง ธรุ การหรอื บรหิ ารท่ัวไป
ความสัมพันธ์กับชุมชนและปฏบิ ตั ิหน้าท่ีอืน่ ๆ ท่เี กย่ี วขอ้ ง

บวร ปภสั ราทร (ออนไลน์, 2557) ได้กลา่ วถึง บทบาทหน้าทข่ี องผบู้ ริหารสถานศึกษา ตาม
เจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ

1. จดั ทํานโยบายแผนพัฒนาการศึกษาด้านวิชาการ บุคคล งบประมาณ บริหารทวั่ ไป
2. จดั ต้งั รบั ผิดชอบการใช้จ่ายงบประมาณ
3. พฒั นาหลักสูตร/จัดการเรียนการสอน
4. ออกระเบยี บ ขอ้ บังคบั ประกาศ แนวปฏบิ ัติ
5. กาํ กบั ตดิ ตามประเมนิ ผลตามแผนงาน โครงการ
6. ระดมทรพั ยากร ปกครอง ดูแลบาํ รุงรักษาทรัพยส์ ินฯ
7. จัดระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา
8. ส่งเสรมิ ความเขม้ แข็งชุมชน สร้างความสมั พนั ธ์

กล่าวโดยสรุป ผู้บริหารควรมีบทบาทในการกําหนดนโยบายของสถานศึกษา คอยให้การ
สนับสนุน ส่งเสริมการจัดการเรียนการสอนของครู การจัดทําหลักสูตรสถานศึกษา การนิเทศติดตาม
ประเมนิ ผล การเสรมิ สร้างขวัญกําลังใจแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา การประชาสัมพนั ธ์ ซ่ึงจะ มี
ผลทาํ ใหก้ ารจดั การศกึ ษามปี ระสิทธิภาพ บรรลุผลตามวัตถุประสงค์ของสถานศึกษา

6. ภารกิจของผูบ้ รหิ ารสถานศกึ ษา

จากการค้นควา้ เอกสารทเ่ี กยี่ วข้องกับภารกจิ ของผบู้ รหิ ารสถานศึกษามนี ักวิชาการหลายท่าน
กล่าวไวด้ งั น้ี

เนเซวชิ (Knezevich, 1984 : 92) ไดก้ ล่าวว่า ภารกจิ หนา้ ท่ขี องผ้บู ริหารสถานศึกษา ได้แก่
1. นาํ นโยบายของหนว่ ยเหนอื ไปปฏบิ ตั ิ



2. กําหนดจดุ มงุ่ หมาย ทศิ ทาง และจดั ลาํ ดับความสําคัญก่อนหลังของภารกจิ ใหช้ ดั เจน
และปฏบิ ตั ติ ามนนั้

3. จดั หาทรัพยากรตา่ ง ๆ และใชด้ ว้ ยความสขุ ุมรอบคอบ 4. ช่วยเพม่ิ ผลผลติ ของบคุ ลากร
ทกุ คน

5. ประสานความพยายามของบุคลากรเขา้ ด้วยกัน และสรา้ งความสัมพันธท์ ่ดี ใี นการ
ทาํ งาน ในองค์การ

6. กาํ กับดแู ลใหอ้ งค์การเจริญกา้ วหน้าไปตามวัตถปุ ระสงค์
7. สร้างบรรยากาศท่พี งึ ปรารถนาขององคก์ าร และสรา้ งความสัมพันธท์ ีด่ ีในการทํางาน ใน
องค์การ
8. ประเมนิ คุณภาพและประสิทธิภาพของยทุ ธศาสตร์ท่ใี ชใ้ นการทํางานและบคุ ลากร ใน
องค์การเพ่ือใหบ้ รรลุวัตถุประสงค์
9. ชว่ ยสร้างภาพพจนใ์ ห้แก่สถาบันและบุคคล เพ่ือใหเ้ ห็นวา่ องคก์ ารทีม่ ีประสทิ ธผิ ลจะมี
ผลผลิตและการเคลอื่ นไหวที่กระฉับกระเฉง
10. รายงานกจิ การให้ผู้บังคับบญั ชาชัน้ สูงไดท้ ราบ
จันทรานี สงวนนาม (2551 : 13) ได้กลา่ วถงึ ภารกจิ หนา้ ทข่ี องผบู้ รหิ ารสถานศึกษา ได้แก่
1. จัดทํานโยบายแผนพัฒนาการศึกษาดา้ นวชิ าการ บุคคล งบประมาณ บรหิ ารทวั่ ไป
2. จดั ตง้ั รับผดิ ชอบการใช้จา่ ยงบประมาณ
3. พฒั นาหลกั สูตร/จัดการเรียนการสอน
4. ออกระเบยี บ ข้อบังคบั ประกาศ แนวปฏิบัติ
5. กาํ กบั ติดตามประเมินผลตามแผนงาน โครงการ
6. ระดมทรัพยากร ปกครอง ดแู ลบาํ รุงรกั ษาทรพั ยส์ ินฯ
7. จดั ระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศึกษา
8. สง่ เสริมความเขม้ แข็งชุมชน สรา้ งความสัมพนั ธ์
ธรี ะ รุญเจรญิ (2553 : 21) ได้กล่าวถึง ภารกิจการบริหารสถานศึกษา ตามพระราชบญั ญัติ
การศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพ่ิมเตมิ (ฉบับท่ี 3) พ.ศ. 2553 ไว้ดงั นี้
1. จดั การศึกษาให้สอดคล้องกบั หลักการให้การศึกษา เพื่อประโยชน์ต่อผเู้ รียนและสงั คม
ให้บรรลุความมุ่งหมายทก่ี ําหนด ซึ่งเปน็ การศึกษาตลอดชวี ิต



2. จัดการศึกษาขั้นพืน้ ฐาน ใหท้ ้ังนักเรียนปกติ นักเรียนพิการ นกั เรยี นด้อยโอกาสและ
นกั เรยี นท่ีมีความสามารถพิเศษ

3. จัดการศกึ ษาโดยใช้รูปแบบการจัด 3 รปู แบบ คือ ในระบบ นอกระบบ และตาม
อัธยาศยั ตามความเหมาะสม

4. ปฏิรปู การเรยี นรู้ตามหลักการและแนวทางที่กําหนดไว้ อาทิเชน่ จดั ตามธรรมชาติ และ
ศักยภาพของนักเรียน แต่ละวยั และแตล่ ะคน จากแหล่งต่าง ๆ ท้งั ในและนอกโรงเรียน ตลอดทัง้
จดั การวดั และประเมินผลตามสภาพจริง

5. จดั ทําหลกั สตู รสถานศึกษา โดยปรับใช้หลักสูตรแกนกลางใหเ้ หมาะกบั สภาพปญั หา
และความต้องการของท้องถนิ่ ทตี่ ้ังโรงเรียน

6. จดั กระบวนการเรียนรูต้ ลอดชวี ติ ใหแ้ ก่ประชาชนในชุมชน โดยให้การศึกษาอบรม ตาม
ความจาํ เป็นและความเหมาะสม

7. จดั ใหม้ กี ารวจิ ัยเกีย่ วกับการเรยี นการสอนและการบริหารจัดการ ตลอดท้ังส่งเสริมให้ ใช้
กระบวนการวจิ ัยในการเรียน ได้

8. บรหิ ารจดั การ โรงเรยี นตามการกระจายอาํ นาจการบรหิ าร ทงั้ ดา้ นวชิ าการ ด้าน
บคุ ลากร ดา้ นงบประมาณ และด้านการบรหิ ารทว่ั ไป สอดคลอ้ งกบั หลักการการบริหารโดยใชโ้ รงเรยี น
เป็นฐาน การมีส่วนรว่ มของผู้ทมี่ สี ว่ นไดส้ ่วนเสียเตม็ ท่ี

9. จัดการประกนั คุณภาพการศกึ ษา ทั้งคุณภาพภายในและภายนอก ตามเกณฑ์มาตรฐาน
การศกึ ษาที่กาํ หนด

10. พัฒนาวิชาชีพครแู ละบุคลากรอ่ืน เพ่ือจัดการเรยี นการสอนได้สอดคล้องกับแนวทาง
หลักการท่ีกาํ หนดตามการปฏิรูปการศกึ ษา

11. แสวงหาเทคโนโลยี ภมู ปิ ญั ญาไทย และภมู ปิ ญั ญาท้องถ่นิ มาใช้ในการจัดการเรยี น
การสอนในโรงเรยี น

เวียงชัย วัชรนิรันดร์ (ออนไลน์, 2553) ได้กล่าวถึง ผู้บริหารสถานศึกษา หมายถึง ตําแหน่ง
ซง่ึ เป็นผ้บู ริหารในหน่วยงานทางการศึกษา โดยมภี ารกิจงานเกย่ี วกับการวางแผน การดาํ เนนิ งาน การ
ประสานงาน การควบคุมดูแลและการนิเทศงาน ตลอดจนการติดตามและประเมินผลงานด้าน
วิชาการ การปกครอง ธุรการหรือบริหารทั่วไป ความสัมพันธ์กับชุมชนและปฏิบัติหน้าที่อื่น ๆ ที่
เกีย่ วข้อง



สรุปได้ว่า ภารกิจในการบริหารสถานศึกษา เป็นงานในการรับผิดชอบของสถานศึกษา ไม่ว่า
จะเป็นการบริหารงานวิชาการ การบริหารงานธุรการและการเงิน การบริหารงานบุคคล การ
บริหารงาน อาคารสถานที่และวัสดุอุปกรณ์ การบริหารงานกิจการนักเรียน การประชาสัมพันธ์และ
การสรา้ ง ความสัมพันธ์อนั ดีกับชมุ ชน

ทกั ษะการบริหารงานของผบู้ ริหารสถานศึกษา

นกั วชิ าการได้กลา่ วถงึ ทักษะการบริหารของผูบ้ รหิ ารสถานศึกษา ไว้ดังนี้

บุญเลิศ เขียนวงศ์ (ออนไลน์. 2549) กล่าวว่า ผู้บริหารสถานศึกษาจะต้องมีทักษะมโนมติ
สามารถมองเห็นภาพรวมและความสัมพันธ์ของการศึกษาได้ทั้งระบบ นําปัญหาและความต้องการ
ของโรงเรียนและชุมชนมากําหนดเป็นนโยบายและทิศทางในการบริหารและจัดการศึกษาของ
โรงเรียนอย่างสอดคล้องและเป็นเอกลักษณข์ องตนเอง ทกั ษะมโนมติ เป็นอกี ทักษะหนึ่งท่ผี ู้บริหาร ใน
ยุคปฏริ ปู การเรียนรู้จะตอ้ งมมี ากย่ิงขึน้

ยงยุทธ เกษสาคร (2550 : 34) ได้กล่าวว่า ทักษะการบรหิ ารของผูบ้ ริหารสถานศกึ ษาใน 5
ดา้ น ดงั นี้

1. ทักษะด้านการเป็นผู้นํา เป็นทักษะพื้นฐานในการเป็นผู้นําทางด้านการวางแผนการ
ประสานงาน การติดต่อสื่อสาร การจัดการและการดําเนินการ การมอบหมายงาน การสั่งการ และ
การ ประเมินผล การแก้ปัญหาความขัดแย้ง การบริหารงานเป็นทีม การตัดสินใจ เป็นต้น ทักษะการ
เป็น ผู้นํา ถือว่าเป็นยุทธวิธีจัดการกับทุกสถานการณ์ โดยมีจุดมุ่งหมายที่ผลงานขององค์การหรือ
หน่วยงานนั้น ๆ

2. ทักษะด้านเทคนิค หมายถึง ความสามารถในการใช้เครื่องมือ ระเบียบวิธีปฏิบัติหรือ
เทคนิคต่าง ๆ ของสาขาวิชาเฉพาะอย่าง เช่น วิศวกรรม สถาปัตยกรรม คอมพิวเตอร์ ช่างเทคนิค
อาจารยผ์ ปู้ ฏิบัติงานทุกคนต้องมีทักษะทางด้านเทคนิคในขอบเขตงานที่เขาได้รับมอบหมายให้ ปฏิบัติ
สามารถปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายนั้นสําเร็จตามเป้าหมายและมาตรฐานที่กําหนดไว้ได้ มีการ
ปรับปรุงและพัฒนางานให้ดขี ึ้นกว่าเดิมได้ ใน

3. ทักษะด้านมนุษย์ มีความสามารถในการทํางานร่วมกับผู้อื่น เข้าใจจูงใจบุคคลอื่นได้มี
ความชํานาญในการติดต่อประสานสัมพันธ์กับผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงานและใต้บังคับบัญชา
ส่งเสริมการทํางานร่วมกันเป็นทีม ผู้บริหารการศึกษายิ่งทํางานในระดับสูงยิ่ง ๆ ขึ้นไป ก็ยิ่งต้อง มี
ทกั ษะในด้านมนษุ ย์นี้มากย่ิงขึน้ เรื่อย ๆ



4. ทักษะด้านความคิด มีความสามารถในการใช้สมองคิดริเริ่มสร้างสรรค์คิดวางแผน การ
ล่วงหน้าก่อนที่จะลงมือปฏิบัติ โดยเล็งเห็นความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างสิ่งต่าง ๆ และสามารถ
คาดคะเนเหตุการณ์ และผลกระทบทีอ่ าจจะเกิดขึ้นตอ่ หน่วยงานของตนเองได้ เป็นการมององค์การ

โดยส่วนรวมและเข้าใจว่าองค์การมีส่วนสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับส่วนงานอื่น ๆ อย่างไรการเปลี่ยนแปลง
จะมผี ลกระทบตอ่ สว่ นงานอ่ืน ๆ อย่างไรบา้ ง

5. ทักษะด้านการบริหาร มีความรู้ความชํานาญด้านการบริหารในหน่วยงานที่ตนเอง
รับผิดชอบอยู่ โดยสามารถทําความเข้าใจกับนโยบาย นํานโยบายและอํานาจหน้าที่ตามที่ได้รับ
มอบหมายมาทําการวางแผนจัดหน่วยงาน จัดบุคลากร สังงาน แก้ไขปัญหาติดตาม ประสานงาน
ควบคุม รายงาน และควบคมุ ค่าใช้จ่ายอย่างมปี ระสิทธิภาพ

จันทรานี สงวนนาม (2551 : 17) ได้กล่าววา่ ทักษะทีจ่ าํ เป็นในการบรหิ ารสถานศกึ ษา มี
ดงั น้ี

1. ทกั ษะด้านเทคนคิ (Technical Skills) หมายถึง ความสามารถที่จะใช้ความรใู้ นกจิ กรรม
เฉพาะอยา่ ง ซ่ึงเกย่ี วกับวธิ กี าร โดยมีวธิ กี าร กระบวนการ และเทคนิคตา่ ง ๆ ตลอดจนการใช้เครื่องมือ
ท่ี จําเปน็ ตอ่ การปฏบิ ตั งิ านในหน้าท่ไี ดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธิภาพ

2. ทักษะด้านมนุษย์ (Human Skills) หมายถึง ความสามารถในการทํางานได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ ในฐานะสมาชิกของกลุ่มและสร้างความรว่ มมือกบั กลุ่มในฐานะผู้นาํ เข้าใจความต้องการ
ของบุคลากร และกระตุ้นใหบ้ ุคลากรมีส่วนรว่ มในการทํากิจกรรมต่าง ๆ

3. ทักษะด้านความคิดรวบยอด (Conceptual Skills) หมายถงึ ความสามารถในการเข้าใจ
หน่วยงานของตนในทกุ ลกั ษณะ และเหน็ ความสัมพันธ์ของหน่วยงานของตน

สรุปได้ว่า ทักษะการบริหารของผู้บริหารสถานศึกษามีความสาํ คัญและจําเป็นอย่างย่ิงเพื่อให้
สามารถทําความเข้าใจในการบรหิ ารงานในองค์กรที่ตนรับผิดชอบอยู่ดียิง่ ขึ้น นําเทคโนโลยีนวัตกรรม
มาใช้ในการบริหารงานในสถานศึกษาให้มีประสิทธิภาพ แสวงหาความรู้ให้ทันต่อเหตุการณ์อยู่เสมอ
เพ่ือให้เกิดการพัฒนาตนเอง ผู้บริหารควรมีความสามารถในการทํางานร่วมกับผู้อื่น ให้ความสําคัญ
และยกย่องผู้ร่วมงาน มีความเป็นกันเอง ปฏิบัติต่อผู้ร่วมงานทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เข้าใจระบบ
ปฏิบัติงานในองค์กรเกี่ยวกับโครงสร้าง แผนงาน นโยบายขององค์กร อันจะส่งผลให้การปฏิบัติงาน
ตา่ งๆ ในองค์การ หรอื หนว่ ยงานบรรลุวัตถปุ ระสงค์อยา่ งมีประสิทธิภาพและเกดิ ประสทิ ธผิ ล



บรรณานุกรม


Click to View FlipBook Version