The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sby_34769, 2022-09-15 07:13:06

การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ

การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ

การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ

tissue culture

จัดทำโดย

นางสาวธนาภรณ์ ปัญญาแจ่ม ชั้นม.6/7 เลขที่18

เสนอ

ครูกายทิพย์ แจ่มจันทร์

โรงเรียนส่วนบุญโญปถัมภ์ ลำพูน

ภาคเรียนที่1 ปีการศึกษา2565

คำนำ

E-BOOK ฉบับนี้จัดทำขึ้นเพื่อประกอบการเรียนวิชาการดำรง
ชีวิตและครอบครัว3 ซึ่งเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อโดยมี
จุดประสงค์เพื่อให้ผู้จัดทำได้ฝึ กการศึกษาค้นคว้า และนำสิ่งที่
ศึกษาค้นคว้ามาสร้างเป็ นชิ้นงานเก็บไว้เป็ นประโยชน์ต่อการ
เรียนของตนเองต่อไป

ทั้งนี้ เนื้อหาได้รวบรวมมาจากหนังสือเนียนและจากหนังสือ
คู่มือการเรียนอีกหลายเล่ม และเนื้อหาจากเว็บไซต์ต่างๆ ผู้
จัดทำหวังว่ารายงานฉบับนี้คงมีมีประโยชน์ต่อผู้ที่นำไปใช้ให้

เกิดผลตามความคาดหวัง

ผู้จัดทำ
นางสาวธนาภรณ์ ปั ญญาแจ่ม

สารบัญ หน้า

เรื่อง 4
5
ความสำคัญ 8
8
การขยายพันธุ์โดยการ 9
เพาะพืชเลี้ยงเนื้ อเยื่ อ
10
ที่มาและความสำคัญ
11
การเพาะเลี้ยง
เนื้ อเยื่ อกล้วย
การเพาะเลี้ยง
เนื้อเยื่ อหน่ อไม้ฝรั่ง

การเพาะเลี้ยงเนื้ อเยื่ อ
หน้ าวัว

การเพาะเลี้ยงเนื้ อเยื่ อใน
เชิงพาณิ ชย์

บรรณานุกรม 20

ความสำคัญ

การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่ อ เป็ นวิธีขยายพันธ์ุแบบไม่ใช้เพศวิธีหนึ่ งที่มี
ประสิธิภาพสูงสามารถผลิตพืชได้จำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว ต้น

พืชมีความสม่ำเสมอ สมบูรณ์แข็งแรงตรงตามพันธ์ุ และสะอาด
ปราศจากแมลงศัตรูพืช ปั จจุบันมีการนำมาใช้เพื่ อขยายพันธุ์พืชในเชิง

การค้าอย่างกว้างขวางและส่งเสริมเป็ นอาชีพ เริ่มจากนำมมาใช้กับ
กล้วยไม้จนกลายเป็ นพืชอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศ ต่อมาจึงได้

มีการนำมาใช้ใช้ขยายพันธุ์พืชอื่ นๆในเชิงการค้า เช่น กล้วย หน่อไม้
ฝรั่ง สับปะรด ไผ่ เยอบีร่า หน้ าวัว เบญจมาศ บอนสี ปทุมมา

กระเจียว กุหลาบ สตรอว์เบอร์รี่ เป็ นต้น รวมถึงได้นำมาใช้เพื่ อการ
ผลิตขายพันธุ์ปลอดโรค ซึ่ งมีสาเหตุจากเชื่้อไวรัส ไฟโตพลาม่า และ
เชื้ อแบคทีเรีย ที่มักติดมากับหัวพันธุ์หรือท่อนพันธุ์ ก่อให้เกิดความ
เสียหายทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล ถึงแม้จะมีการนำเทคนิคการเพาะ
เลี้ยงเนื้ อเยื่ อพืชมาใช้ประโยชน์เพื่ อผลิตขยายพันธุ์พืชในเชิงการค้า
และอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้ นก็ตาม แต่ด้วยข้อจำกัดต่างๆ เช่น ต้นทุน
การผลิตสูง บุคลากรมีจำกัด ผู้ใช้ต้องใช้ความรู้และทักษะเฉพาะด้าน
การปฏิบัติค่อนข้างยุ่งยากและเป็ นวิทยาศาสตร์มากเกินไป รวมถึง

ช่องทางเข้าเทคโนโลยียังมีไม่เพียงพอด้วยเหตุนี้ กรมส่งเสริม
การเกษตรกร จึงได้นำร่องขยายผลเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้ อเยื่ อ
โดยการส่งเสริม สนับสนุนให้เกษตรกร และผู้สนใจได้มีโอกาสเข้าถึง
เทคโนโลยี โดยตรง ด้วยการนำมาประยุกตใช้เพื่ อการผลิตขายพันธุ์ดี

ซึ่ งเป็ นปั จจัยที่มีความสำคัญยิ่งต่อธุรกิจเกษตร

การขยายพันธุ์โดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
พืช

การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช หรือ Plant Tissue Culture
เป็ นการขยายพันธุ์ชนิดหนึ่ งซึ่งจะเลือกส่วนของพืชที่มี
ชีวิตที่สามารถเจริญและพัฒนาเป็นพืชต้นใหม่ได้ง่าย ยก
ตัวอย่างเช่น ส่วนยอด ส่วนตาข้าง เมล็ด ฯลฯ นำมาทำให้
ปราศจากเชื้อโรคแล้วจึงเพาะเลี้ยงในวุ้นอาหารปลอดเชื้อ
ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ถูกควบคุมให้เหมาะสมกับต้นไม้
ชนิดนั้นๆ จนกระทั่งเติบโตเป็นเป็นพืชต้นใหม่ที่แข็งแรง
สมบูรณ์และสามารถนำไปปลูกในสภาพแวดล้อมตาม

ธรรมชาติได้นั่นเอง



พืชที่นิยมขยายพันธุ์ด้วยวิธีนี้ ได้แก่
ไม้ยืนต้น เช่น ยูคาลิปตัส ไผ่ สัก เป็นต้น
พืชผัก เช่น ขิง หน่อไม้ฝรั่ง และปูเล่ เป็นต้น
ไม้ผล เช่น กล้วย สับปะรด สตรอว์เบอร์รี่ และส้ม
เป็ นต้น
ไม้ดอกไม้ประดับ เช่น หน้ าวัว เบญจมาศ กล้วยไม้
ว่านสี่ทิศ เยอบีร่า เฮโคเนีย และ ฟิโลเดนดรอน
เป็ นต้น
พืชกินแมลง เช่น หยาดน้ำค้าง กาบหอยแครง และ
หม้อข้าวหม้อแกงลิง เป็นต้น

ข้อดีและข้อเสียของการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ

ข้อดี
1. สามารถเพิ่มปริมาณพันธุ์พืชได้รวดเร็ว
2. ต้นกล้ามีลักษณะสม่ำเสมอ
3. ต้นพืชที่ได้ปราศจากเชื้ อแบคทีเรียและเชื้ อรา
4.ผลิตต้นกล้าได้ทั้งปี โดยไม่ต้องคิดถึงสภาพดิน อากาศ เพาะปลูก

ได้ทุกฤดูกาล ทำให้เกษตรกรทำได้ตลอดปี
5.ช่วยขยายพันธุ์พืชในพื้นที่ ที่ขยายพันธุ์เองได้ยาก
6. สามารถใช้เทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้ อเยื่ อในการปรับปรุงพันธุ์พืช

คัดเลือกสานพันธุ์ที่ทนทาน
7.ใช้ศึกษาทางชีวเคมี สรีรวิทยาและพันธุศาสตร์
8. ใช้เพื่ อเก็บรักษาและรวบรวมพันธุ์พืช
9.เพื่อเมล็ดเทียมหรือเมล็ดสังเคราะห์ (artificial seed หรือ

syntheticseed) เมล็ดเทียมเป็นสิ่งที่มีลักษณะคล้ายเมล็ดเพื่อ
เลียนแบบเมล็ดพืชที่ได้จากการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศตาม
ธรรมชาติเมล็ดเทียมอาศัยหลักการห่อหุ้มส่วนต่างๆ ของพืชด้วย
วัสดุที่เหมาะสมแก่พืชในการเจริญเติบโต

ข้อเสีย
มีขั้นตอนและวิธีการที่ยุ่งยาก
ต้นทุนสูงกว่าการขยายพันธุ์พืชโดยวิธีอื่น
เสี่ยงต่อความเสียหายจากศัตรูพืชเนื่ องจากพืชต้นใหม่ที่ได้มีจำนวน
มากและมีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนกัน ทำให้การระบาดของโรค
และแมลงศัตรูพืชเกิดได้ง่าย
การแปรปรวนทางพันธุกรรม (somatic variation) อาจเกิดขึ้นได้
เนื่ องจากการเพาะเลี้ยงในอาหารสังเคราะห์ซึ่ งมีธาตุอาหารและ
ฮอร์โมนอยู่สูง ต้นพืชอาจมีการแปรปรวนทางพันธุกรรมเกิดขึ้นได้
(บุญหงษ์ จงคิด, 2548, หน้ า 125) แต่บางคราวการแปรปรวนกลับ
ให้ผลดีทางด้านพันธุ์แปลกใหม่ เกิดการกลายพันธุ์ของไม้ดอกไม้
ประดับ เช่น กล้วยไม้แคระ

ที่มาและความสำคัญ


การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เป็นความเจริญก้าวหน้ าในด้านการเกษตรเกี่ยว

กับพืช ที่มีการพัฒนาเทคนิคในการขยายพันธุ์แบบใหม่ ที่ทำให้ได้พืชต้น
ใหม่ จำนวนมาก อย่างรวดเร็วในเวลาอันจำกัด โดยมีคุณภาพดีเหมือนเดิม



ในปี ค.ศ.1902 โดย Haberlandt นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมันได้แยก
เซลล์พืชมาเลี้ยงในอาหารสังเคราะห์ได้สำเร็จ และพบว่าเซลล์มีการขยาย
ขนาดขึ้น และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช

ได้มีการพัฒนาไปได้อย่างกว้างขวาง



การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ หมายถึง การนำเอาส่วนใดส่วนหนึ่งของพืช ไม่ว่า
จะเป็นอวัยวะเนื้อเยื่อเซลล์ หรือเซลล์ไม่มีผนัง มาเลี้ยงในอาหารเลี้ยงใน
สภาพปลอดเชื้อจุลิทรีย์ และอยู่ในสภาพควบคุมอุณหภูมิ แสงและความชื้น
เพื่อให้เซลล์พืชที่นำมาเพาะเลี้ยงนั้น ปราศจากเชื้อที่มารบกวนและทำลาย

การเจริญเติบโตของพืช

กล้วย เป็นพืชที่ปลูกดูแลง่ายสามารถเจริญเติบโตได้ในทุกสภาพพื้นที่และ
ปลูกได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย กล้วยเป็น พืชที่มีความเกี่ยวเนื่องกับ
วิถีชีวิตของคนไทยมานาน การคัดสายพันธุ์กล้วยที่มีคุณภาพดี เพื่อนำมา
ทำการเพาะเลี้ยงเนื้ อเยื่ อและส่งเสริมแก่เกษตรกรที่มีความต้องการปลูก

กล้วยพันธุ์ดี มีความต้านทานโรค รสชาติดีและ ที่สำคัญสามารถ ให้
ผลผลิตได้อย่างพร้อมเพรียงกัน

หน่อไม้ฝรั่ง เป็นพืชผักสำคัญของประเทศไทย ผลผลิตที่มีคุณภาพดีส่วน
ใหญ่ถูกส่งไปจำหน่ายยังต่างประเทศและมีปริมาณความต้องการเพิ่มมาก
ขึ้นทุกปี ตลาดการค้าหน่อไม้ฝรั่งมีทิศทางแนวโน้ มดีตลอดมา ประเทศคู่
ค้าที่สำคัญของไทยคือ ไต้หวันและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจดี

ประชากรมีคุณภาพชีวิตดี ทำให้มีความต้องการผลผลิตหน่อไม้ฝรั่งที่มี
มาตรฐานสูงจากประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น ไทยเราจึงมีความจำเป็น

ต้องยกระดับมาตรฐานผลผลิตทั้งด้านคุณภาพและปริมาณ รวมทั้ง
พยายามบริหารจัดการให้มีผลผลิตสม่ำเสมอตลอดทั้งปี เพื่อรักษาความ

สามารถในการแข่งขันของตลาดการค้าโลก
ประเทศไทยมีพื้นที่ปลูกหน่อไม้ฝรั่งมากกว่า 10,000 ไร่ ในแต่ละปี
สามารถผลิตผลผลิตได้มากกว่า 20,000 ตัน ผลผลิตแบ่งแยกตาม
คุณภาพหน่อออกได้เป็นหลายเกรด ซึ่งแต่ละเกรดมีราคารับซื้อแตกต่าง
กัน เกรด A มีราคารับซื้อสูงสุดและเป็นเกรดที่ประเทศคู่ค้ามีความต้องการ
มาก เกรด B และ C มีราคารับซื้อลดหลั่นกันลงมา เกรดสุดท้ายคือกลุ่ม

ตกเกรดที่มีราคารับซื้อต่ำสุด
การทำการเกษตรจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับคำว่า มาตรฐานผลผลิต ซึ่ง
เกี่ยวข้องทั้งเรื่องคุณภาพและปริมาณธุรกิจการค้ามีการแข่งขันสูง คนรวย
ต้องการบริโภคสินค้าหรืออาหารคุณภาพดี สินค้าคุณภาพต่ำสินค้าตกเกรด

จะถูกคัดทิ้งไม่มีใครต้องการ

หน้าวัว ในการปลูกไม้ดอกสกุลหน้ าวัวเพื่อการค้านิยมการขยายพันธุ์
แบบไม่อาศัย เพศหรือที่เรียกว่าการขยายโคลน เพราะต้นที่ได้จากการ
เพาะเมล็ดมีโอกาสที่จะกลาย พันธุ์ไปจากต้นเดิมได้สูงมาก การขยาย

โคลนให้ได้ต้นที่ตรงตามพันธุ์เดิมอาจกระทำ



การเพาะเนื้ อเยื่ อ
วิธีนี้เกษตรกรจะต้องพึ่งบริการจากห้องปฎิบัติการเชิงการค้า โดยจะใช้
ใบอ่อนที่ยังม้วนอยู่ไปขยายพันธุ์ ซึ่งต้นพันธุ์ที่คัดเลือก ไว้เพื่อขยาย
พันธุ์โดยวิธีเพาะ เลี้ยงเนื้อเยื่อนี้ จะต้องได้รับการดูแลรักษาเป็นพิเศษ
คือในการรดน้ำจะต้องรด เฉพาะบริเวณโคนต้นเท่านั้น การขยายพันธุ์
วิธีนี้จะกระทำในกรณีที่ต้องการต้นพันธุ์ ในปริมาณมาก เช่น10,000
ต้น ในเวลา 2 - 2.5 ปี อย่างไรก็ตาม ต้นพันธุ์ที่ได้จากการ เพาะเลี้ยง

เนื้อเยือจะมีขนาดเล็ก จึงต้องปลูกในบริเวณที่ร่มและมีความชื้นสูง
โดย เฉพา อย่างยิ่งในระยะที่นำออกจากขวดใหม่ ๆ

การขยายพันธุ์โดยวิธีต่าง ๆ ที่กล่าวมานี้ ต้นพันธุ์ที่ได้จะมีลักษณะที่
แตกต่าง กันไป คือ การตัดยอดจะได้ต้นพันธุ์ที่ให้ดอกได้เร็วที่สุดแต่ได้
จำนวนต้นน้ อย การตัดหน่อจะได้จำนวนต้นพันธุ์มากขึ้นโดยต้นจะเล็ก
ลง ในขณะที่การเพาะเลี้ยงเนื้อ เยื่อจะได้ต้นพันธุ์จำนวนมากที่สุด แต่

ต้นก็มีขนาดเล็กกว่าการขยายโคลนโดยวิธีอื่น

การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชในเชิง
พาณิชย์

ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค)
ร่วมกับบริษัท พี โซลูชัน จำกัด พัฒนาเทคนิคการขยายพันธุ์
อินทผลัมพันธุ์บาฮีในเชิงการค้า โดยใช้เทคโนโลยีเพาะเลี้ยง
เนื้อเยื่อ ทำให้สามารถขยายต้นกล้าอินทผลัมพันธุ์บาฮีในระดับ
ห้องปฏิบัติการ และต่อยอดสู่ในระดับเชิงพาณิชย์ เพื่อแก้ปัญหา
การขยายต้นกล้าพันธุ์ดีของพืชมูลค่าสูง และยังช่วยให้ผลิต
จำนวนต้นกล้าพันธุ์ดีเพียงพอต่อความต้องการของภาคเกษตรกร
ผู้ผลิต โดยได้รับการสนับสนุนจากโปรแกรมสนับสนุนการพัฒนา

เทคโนโลยีและนวัตกรรม (ITAP) สวทช.

ธุรกิจด้านเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง แบ่งออกได้ดังนี้
ผู้ที่ทำงานกับผู้ประกอบการธุรกิจด้านเพาะเลี้ยงเนื้ อเยื่ อ
ผู้ประกอบการธุรกิจด้านเพาะเลี้ยงเนื้ อเยื่ อ
ผู้ประกอบการตลาดสินค้าเกษตรอุดตสาหกรรม เช่น CP DOLE
ผู้ประกอบการธุรกิจโรงเรือนเพาะชำ
เกษตรกรผู้ปลูกพืชเชิงการค้า เช่น กล้วย หล่อไม้ฝรั่ง หน้ าวัว

เงื่ อนไขการดำเนิ นธุรกิจ

ต้องมีความรู้หรือผ่านการอบรมด้านการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
พืชมาก่อน ควรมีนักวิชาการที่มีความรู้ และประสบการณ์
ต้องมีเงินทุนหมุนเวียนในการทำธุรกิจอย่างน้อย
200,000บาท
มีตลาดรองรับ และกลุ่มลูกค้าที่ต้องการพันธุ์ไำม้อย่างต่อ
เนื่อง

ต้นทุนการผลิตและผลตอบแทน

ต้นทุนเริ่มต้นค่อนข้างสูงโดดยเฉพาะเครื่องมือ
อุปกรณ์อย่างน้อย200,000บาท แบ่งเป็น ค่าสาร
เคมีประมาณ50,000บาท ค่าวัสดุอุปกรณ์
ประมาณ100,000บาท ค่าเครื่องปรับอากาศ ชั้น
วางพืช ชั้นวางสารเคมี หม้อนึ่งความดันประมาณ
50,000บาท
ผลตอบแทนจะได้รับหลังจากทำธุรกิจประมาณปีที่4
เป็นต้นไป อย่างน้อย30,000บาทต่อเดือนขึ้นอยูกับ
ขนาดของธุรกิจ
ดป็นธุรกิจที่มีผลตอบแทนในระยะยาวและต่อเนื่องทุก
เดือน เนื่องจากเป็นเทคนิคที่สามารถผลิตขยายพันธุ์
พืชได้ตลอดปี และมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายชัดเจน

ขั้นตอนและอุปกรณ์สำหรับการเพาะเลี้ยง

เนื้ อเยื่ อ

การเตรียมอุปกรณ์สำหรับการเพาะเลี้ยงเนื้ อเยื่ อมีค่อนข้างมีหลายอย่าง
นั้นทำให้การจัดวางเครื่องมือมีความสำคัญและคำนึงถึงความสะดวกใน
การใช้งาน เราสามารถแบ่งพื้นที่การทำงานออกเป็น 3 ส่วนคือ

ห้องเตรียมอาหาร (media preparation room)
ห้องเตรียมอาหารต้องมีเนื้ อที่กว้างขวางพอที่จะปฏิบัติการได้อย่าง
สะดวก มีโต๊ะ สำหรับปฏิบัติการ ตู้เย็นสำหรับเก็บสารละลายเข้มข้น
หม้อนึ่งความดันสำหรับฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ เครื่องชั่ง เครื่องวัดความเป็นก
รดด่าง เตาหลอมอาหาร อ่างน้ำ ตู้เก็บสารเคมีและอุปกรณ์

ห้องย้ายเนื้อเยื่อ (transferation or incubation room)
ห้องย้ายเนื้อเยื่อต้องสะอาดและปลอดเชื้อ ควรเป็นห้องที่สร้างอย่าง
มิดชิด และให้ผู้คนเข้าออกน้ อยที่สุดเท่าที่จำเป็น เครื่องมือสำคัญที่มีใน
ห้องนี้ คือ ตู้สำหรับถ่ายเนื้อเยื่อหรือย้าย เนื้อเยื่อซึ่งเป็นตู้ที่มีอากาศ
ถ่ายเทผ่านแผ่นกรองที่สามารถกรองเชื้อจุลินทรีย์ไว้ได้ตลอดเวลา
ทำให้ อากาศภายในบริเวณตู้เป็นอากาศบริสทุธิ์ ลดภาวะเสี่ยงต่อการ
ปนเปื้ อนของจุลินทรีย์ในอากาศลงในภาชนะ

ห้องเลี้ยงเนื้อเยื้อ (culture room)
ห้องเลี้ยงเนื้อเยื่อต้องปลอดเชื้อ อุปกรณ์ที่สำคัญในห้องนี้ได้แก่ ชั้นวาง
ขวดเนื้อเยื่อ เครื่องเขย่า ระบบให้แสงสว่างพร้อมเครื่องปิดเปิดไฟ
อัตโนมัติและเครื่องปรับอากาศ โดยทั่วไปมักจะปรับสภาพแวดล้อม
ภายในห้องให้มีอุณหภูมิประมาณ 25 ± 2 องศาเซลเซียส แสง12 – 18
ชั่วโมงต่อวัน ความเข้มของแสง 300-10,000 ลักซ์

การเตรียมอาหารสำหรับเพาะเนื้ อเยื่ อ

อาหารเพาะเลี้ยงเนื้ อเยื่ อเป็ นปั จจัยที่มีความสำคัญมากต่อความสำเร็จใน

การขยายพันธุ์พืช การพิจารณาคัดเลือกอาหารเพื่อให้เหมาะสมกับการเพาะ

เลี้ยงเนื้อเยื่อพืชแต่ละชนิดนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของพืช และจุดประสงค์การ

ผลิต

ประเภทของอาหาร

อาหารเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อมี 2 ประเภท

1.อาหารแข็ง (solid medium) ใช้วุ่น (agar) ในการปรับสารละลาย

อาหารให้มีสภาพเป็นของแข็ง ความเข้มข้นของวุ้นที่ใช้กันแพร่หลาย

และได้ผลดี คือ 0.8 เปอร์เซ็นต์ของปริมาตรอาหารทั้งหมด

2.อาหารเหลว (liquid medium) จะใช้กับเนื้อเยื่อที่เป็นกลุ่มที่เรียกว่า

แคลลัส จะจมหรือแขวนลอยอยู่บนกระดาษกรองที่จุ่มในอาหารเหลว

ตลอดเวลา เนื้อเยื่อที่จมอยู่ในอาหารเหลวอาจถูกคนที่ความเร็ว 100 –

160 รอบต่อนาที เพื่อช่วยในการหายใจของพืช




ส่วนประกอบของอาหาร
อาหารเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อมีหลายสูตร มักมีชื่อเรียกตามผู้คิดค้นสูตรอาหารขึ้นมา และมี
การดัดแปลงสูตรอาหารให้เหมาะสมกับพืช และสูตรที่ใช้กันแพร่หลาย คือ

1.สูตร มูราชิกิ และ สกูท (Murashigi
2.and Skoog: MS) สำหรับเพาะเลี้ยงพืชทั่วไป
3.สูตร วาซิน และ เว้นซ์ (Vacin and Went: WV) สำหรับเพาะเลี้ยงกล้วยไม้
และในอาหารเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชยังมีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต คือ
1. สารอนินทรีย์
2. สารประกอบอินทรีย
3. วิตามิน
4. กรดอะมิโน
5. สารควบคุมการเจริญเติบโต
6. สารที่ได้จากธรรมชาติ
7. ตัวทำให้สารแข็ง
8. น้ำ

วิธีทำอาหารเพาะเลี้ยงเนื้ อเยื่ อ
คนที่ทำงานสายนี้มักจะเตรียมเป็ นสารอาหารเข้มข้น
(stock solution) ที่มีความเข้มข้นเป็นหลายๆ เท่า ของ
ความเข้มข้นที่ใช้จริง โดยมากมักให้มีความเข้มข้นเป็น
100 เท่า200 เท่า หรือ1,000 เท่า ของความเข้มข้นจริง
โดยรวมสารเคมีชนิดที่ไม่มีปฏิกิริยาต่อกันไว้ด้วยกัน และ
แบ่งไปใช้ในแต่ละครั้ง
จากนั้นจึงนำสารอาหารเข้มข้นแต่ละชนิดมารวมกัน และ
เติมสารอื่นให้ครบ ปรับปริมาตรให้ได้ตามสูตรอาหาร แล้ว
ปรับค่าความเป็นกรด-ด่าง เติมผงวุ้น (สภาพความเป็นก
รด-ด่างขึ้ นอยู่กับพืชที่นำมาเพาะเนื้ อเยื่ อ)
นำไปต้ม และบรรจุขวด นำอาหารที่เตรียมได้ไปนึ่งฆ่าเชื้อ
จุลินทรีย์ในหม้อนึ่งความดันไอน้ำ ที่อุณหภูมิ 121 องศา
เซลเซียส ความดัน 15 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว เป็นเวลา15 –
20 นาที

ขั้นตอนการเตรียมชิ้นส่วนพืช การฟอกฆ่าเชื้อ และการผ่าตัดเนื้อเยื่อ

1.การเลือกชิ้นส่วนของพืชที่จะนำมาเพาะเลี้ยง คือ การเลือกพืชจากอายุ

และ ควรเลือกชิ้นส่วนที่เป็น ข้อปลายยอด ตายอด ตาข้าง เนื่องจากจะ

สามารถชักนำยอดได้จำนวนมาก

2.เทคนิคการฟอกฆ่าเชื้อ คือ การนำชิ้นส่วนพืชที่เราเลือกมาฟอกโดยขึ้น

อยู่กับความแข็งแรงหรือบอบบางของชิ้นส่วนพืชนั้น เช่น

– เนื้อเยื่อพืชที่อ่อนนิ่มและบาง ให้แช่เนื้อเยื่อพืชลงในสารละลายโซเดีย

มไฮโปคลอไรท์ (NaOCl) ความเข้มข้น 0.5เปอร์เซ็นต์หรือคลอร็

อกซ์10เปอร์เซ็นต์เป็นเวลา10-15 นาทีเมื่อครบกำหนดเวลาให้ล้างด้วยน้ำ

กลั่นที่นึ่งฆ่าเชื้อแล้ว 3 ครั้ง

– สำหรับเนื้อเยื่อพืชที่ผิวนอกแข็ง เช่น ไม้เนื้อแข็ง ฝักกล้วยไม้ให้นำ

เนื้ อเยื่ อไปล้างด้วยน้ำยาซักฟอกและน้ำ แล้วจุ่มเนื้ อเยื่ อลงใน

เอทิลแอลกอฮอล์ 95 เปอร์เซ็นต์ และลนไฟ

– ส่วนเนื้อเยื่อพืชที่มีสารประเภทขี้ผึ้งหรือขนปกคลุม ให้จุ่มเนื้อเยื่อลงใน

เอทิลแอลกอฮอล์ 70-95 เปอร์เซ็นต์ 30 วินาที – 1 นาที แล้วจึงนำไปแช่

ในสารละลายโซเดียมไฮโปคลอไรท์ความเข้มข้น 0.5% หรือคลอร็-

อกซ์10เปอร์เซ็นต์เป็นเวลา 10 – 15 นาทีเมื่อครบกำหนดเวลาให้ล้างด้วย

น้ำกลั่นที่นึ่งฆ่าเชื้อแล้ว 3 ครั้ง

3. การผ่าตัดเนื้อเยื่อพืช คือ การนำชิ้นส่วนของพืชมาตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ตาม

ความต้องการ เป็นขั้นตอนที่ผ่านการฟอกฆ่าเชื้อมาแล้ว การตัดชิ้นส่วนพืช

ใหญ่ก็จะให้โอกาสรอดให้กับการเพาะเนื้อเยื่อ และก็เสี่ยงต่อการติดเชื้อ

จุลินทรีย์ แต่ถ้าตัดชิ้นส่วนพืชเล็กก็มีโอกาสรอดน้ อย แต่ไม่เสี่ยงต่อการติด

เชื้อจุลินทรีย์ และขั้นตอนนี้ต้องทำในตู้ปลอดเชื้อ

ดังนั้งควรเช็ดขวดอาหารสังเคราะห์เพื่อฆ่าเชื้อด้วย เอททิลแอลกอฮอล์70

เปอร์เซ็นต์ ก่อนนำเข้าตู้ตัดเนื้อเยื่อ เมื่อจะย้ายเนื้อเยื่อที่ตัดแล้วลงขวด ให้

เปิดฝาและลนไฟที่คอขวด ใช้ปากคีบที่ลนไฟฆ่าเชื้อและทิ้งให้เย็นแล้วคีบ

เนื้อเยื่อ ใส่ขวด ควรกดเนื้อเยื่อให้จมลงในอาหารเล็กน้ อยแล้วจึงปิดฝาตาม

เดิม

ขั้นตอนหลักในการเพาะเลี้ยงเนื้ อเยื่ อ
1. ขั้นตอนการเตรียมต้นแม่พันธุ์ (preparative stage) คือ การเพาะ

เลี้ยงต้นแม่พันธุ์(stock plant) ที่ต้องการในสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้าง
สะอาด เพื่อจะได้ต้นแม่พันธุ์ที่สะอาด และสมบูรณ์เต็มที่

2. ขั้นตอนเริ่มต้น (initiation stage) คือ การนำชิ้นส่วนของพืชที่เตรียม
ความพร้อมในขั้นตอนการ เตรียมต้นแม่พันธุ์มาทำการฟอกฆ่าเชื้อ
จุลินทรีย์ที่ติดอยู่กับผิวพืช แล้วทำการผ่าตัดเนื้อเยื่อในสภาพปลอด
เชื้อภายในตู้ย้ายเนื้อเยื่อ เลี้ยงบนอาหารวิทยาศาสตร์ที่นึ่งฆ่าเชื้อแล้ว
จนได้ต้นพืชที่ต้องการ

3. ขั้นตอนการเพิ่มปริมาณ (multiplication) ขั้นตอนการเพิ่มปริมาณ ทำ
เมื่อเนื้อเยื่อพืชในขั้นตอนที่ 2 โตพอสมควรแล้ว จะทำการเพิ่มปริมาณ
โดยการตัดแบ่งเนื้อเยื่อของพืชออกเป็นชิ้น และแยกไปเลี้ยงในอาหาร
ใหม่ เรียกว่าการตัดแบ่ง (sub cultures) ทำการตัดแบ่งไปได้เรื่อยๆ
จนกว่าจะได้ปริมาณที่ต้องการ

4. ขั้นตอนการชักนำให้เกิดราก (root induction) ต้นกล้ามีปริมาณตามจ
านวนที่ต้องการแล้วจะท าการชักน าให้ออกราก และเลี้ยงจนเจริญ
เติบโตเป็ นต้นกล้าที่แข็งแรงสมบูรณ์

5. ขั้นตอนการเตรียมออกขวดและการย้ายออกปลูก (acclimatization)
ต้นกล้าในขวดที่ย้ายออกสู่สภาพภายนอกขวด มักมีเปอร์เซ็นต์รอด
ตาย เพราะถูกเลี้ยงในสภาพปลอดเชื้อ และถูกเลี้ยงในสภาพที่แสง
และอุณหภูมิค่อนข้างต่ำกว่าสภาพภายนอกมาก ดังนั้นก่อนการการ
ย้ายออกนอกขวดเพาะ จึงต้องมีการเพิ่มความเข้มแสง ปรับอุณหภูมิ
พอต้นกล้ามีความพร้อมแล้วก็ทำการย้ายออกนอกขวดนำไปเลี้ยงใน
โรงเรือนต่อไปตัวอย่างเช่น การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อของกาแฟโรบัสตา

การดูแลเนื้ อเยื่ อระหว่างการเลี้ยงในขวด
ความสะอาดเป็ นสิ่งจำเป็ นอย่างมากในการเพาะ
เลี้ยงเนื้อเยื่อพืช ถ้าพบว่ามีเชื้อจุลินทรีย์เจริญขึ้น
มาปะปนจะในขวดเพาะต้องรีบเอาออกไปต้มฆ่า

เชื้ อและล้างทันทีเพื่ อไม่ให้เป็ นที่สะสมเชื้ อ
จุลินทรีย์ที่อาจแพร่และฟุ้งกระจายอยู่ภายในห้อง

และควรเปลี่ยนอาหารสังเคราะห์ใหม่
(subculture) ประมาณ 2 สัปดาห์ต่อครั้ง



การย้ายพืชออกจากขวด
ควรใช้วัสดุปลูกที่มีส่วนผสมของทรายผสมขุย
มะพร้าว หรือทรายผสมถ่านแกลบ อัตราส่วน 1 :
1 ส าหรับเลี้ยงต้นกล้าในระยะแรก โดยใช้ปากคีบ
นำต้นออกจากขวดอย่างระมัดระวังอย่าให้รากขาด
หรือเสียหาย แล้วล้างเศษวุ้นที่ติดอยู่ที่บริเวณราก
ออกให้หมดเพื่อไม่ให้เป็น อาหารของจุลินทรีย์
และเอาส่วนรากไปจุ่มด้วยยากันรา ช่วงแรกต้อง
ควบคุมเรื่อง อุณหภูมิ แสง ความชื้น ไปก่อน แล้ว
พอต้นเริ่มโตขึ้นก็ย้านไปปลูกในสภาพอากาศปกติ

ประโยชน์ ของการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่ อ
1. สามารถขยายพันธุ์ได้จำนวนมาก สามารถผลิตพืช

ได้ตลอดปี ซึ่งพืชจะมีลักษณะเดิมทุกอย่าง พืช
เศรษฐกิจสามารถขยายพันธุ์ได้ง่ายกว่าการขยาย
พันธุ์แบบปกติ เช่น กล้วยไม้ หน้ าวัว หน่อไม้ผรั่ง
2. การผลิตต้นพันธุ์ที่ปราศจากโรค เพราะพืชหลายตัว
มีเชื้อไวรัสแฝงตัวอยู่ในท่อลำเลียง แต่การเพาะ
เนื้อเยื่อจะทำให้ไม่มีไวรัสแฝงภายใน มีพืชหลาย
ชนิดที่ใช้เทคนิคนี้ได้สำเร็จ เช่น สตรอเบอรรี่ ขิง
3. การผลิตสารสำคัญ พืชหลายชนิดสามารถผลิตสาร
สำคัญได้ ซึ่งเอาไปทำเป็นยา และการนำมาเพาะ
เนื้ อเยื่ อจะทำให้ได้เซลล์พืชที่สามารถผลิตสารสำคัญ

ได้เป็ นจำนวนมาก
4. การอนุรักษ์พันธุกรรมและการแลกเปลี่ยนพันธุ์พืช

การเพาะเลี้ยงเนื้ อเยื่ อสามารถบังคับการเจริญ
เติบโตของพืชได้ นั้นทำให้สามารถเก็บรักษาพันธุ์

พืชไว้ได้นาน
5. การปรับปรุงพันธุ์พืช เช่น การสร้างพืชโครโมโซม

ชุดเดียว การรวมเซลล์พืช (Protoplast Fusion)
และ พันธุวิศวกรรมของพืช

บรรณานุกรม

คู่มือส่งเสริมการเรียนรู้ด้านพืช"การเพาะ
เลี้ยง

เนื้อเยื่อ"https://pubhtml5.com/wrfu/
pxow

วิกิพิเดีย(2562).การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช.
[ออนไลน์]เข้าถึง

จาก:https://th.wikipedia.org/wiki/
การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ.(วันที่ค้นข้อมูล:29

สิงหาคม 2565)


Click to View FlipBook Version