The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Atiruj intarachoT, 2020-04-08 12:11:02

book32

book32

แคคตสั หรอื กระบองเพชรคอื อะไร..........

การปลกู ดแู ลแคคตสั กค็ วร

รู้จกั ทมี่ าต่างๆกอ่ น

แคคตัส(cactus) หรือกระบองเพชร ?
แคคตัส คือ พืชที่จัดอยู่ในประเภทพืชลำ�ต้นอวบ
น้ำ� (Stem succulent) แต่ก็ไม่ได้หมายความ
ว่าพืชอวบน้ำ�ทั้งหมดจะเป็น “แคคตัส” เสมอ
ไป พืชที่จะจัดอยู่ในตระกูลของแคคตัส จะต้อง
ประกอบดว้ ย

ลกั ษณะทางพฤกษศาสตร์ 4 ประการ คือ
เป็นไม้ยืนต้น เป็นพืชใบเลี้ยงคู่ ออกลูกเป็นผล
เซลลเ์ ดยี ว และมีตุ่มหนาม ซ่งึ ตุ่มหนามนี้จะพบได้
ในพชื ตระ

กลู แคคตาซี (cactaceae) หรือ ตระกูล
แคคตัส เท่านัน้ ลักษณะพเิ ศษที่ส�ำ คญั อกี ประการ
หนึ่งคือ แคคตัสแทบทุกชนิดจะไม่มีใบหรือลดรูป
ใบกลาย เป็นหนามหรือขน และแม้ว่าพืชวงศ์อื่น
จะมีการลดรูปใบและมีหนาม เช่น กันอย่างเช่น
พวก ยูโฟเบีย(Euphorbia)แต่ก็จะยังมีใบเล็กๆ
ให้เห็นเป็นส่วนใหญ่เพียงแต่อาจหลุดร่วงเร็วไม่
ไดห้ ายไปเลย

Mammillaria schumannii ส่วนตา่ งๆของแคคตัส
แ ม ม ชู แ ม น นิ อ า ย เ ป็ น แ ม ม ที่ ไ ด้ ดู
ดอกต้ังแต่ต้นยังเล็กผิวลำ�ต้นสีเทา
อมฟ้าขณะยังเล็กอยู่มีลำ�ต้นเดี่ยว
และเมื่ออายุมากจะเป็นกอมีหนาม
ก ล า ง ป ล า ย โ ค้ ง เ ป็ น ข อ ท้ั ง ห น า ม
ข้างและหนามกลางตรงปลายมีสี
น้ำ�ตาล มีดอกขนาดใหญ่

อุปกรณแ์ ละเครอ่ื งปลกู

อุปกรณ์และเครอ่ื งปลกู น่ันมีความส�ำ คญั
มาก สำ�หรบั แคคตสั ที่องิ อาศัย เช่น สกนุ อิพิ
ไฟลัม (Epiphyllum) ริปซาลิส (Rhipsa-
lis) และซูโดริปซาลิส (Pseudorhipsa-
lis) เครื่องปลูกที่หาได้ง่ายที่สุดก็คือ กาบ
มะพร้าว เปลือกสน หรือปลูกเกาะขอนไม้
แต่ถ้าเป็นแคคตัสกลุ่มอื่น เครื่องปลูกที่เห
มาะสมคืดินผสมสำ�เร็จมีหลายสูตร ส่วน
ผสมแตกต่างกันไป หาซื้อได้ทั่วไปตามร้าน
จำ�หน่ายแคคตัสหรืออุปกรณ์การเกษตร
เหมาะสำ�หรับผู้ปลูกเลี้ยงไม่มาก ช่วย
ประหยัดเวลาและตน้ ทุนได้

ดินปลูกแคคตัสที่ดีต้องโปร่ง ระบายน้ำ�ได้เร็วมีเนื้อดิน
ที่อุดมไปด้วยธาตุอาหารไม่อมความื้นมากเกินไป แต่
ไม่เปียกตลอดเวลาทรากจะเติบโตแผ่รับธาตุอาหาร
ได้มากทส่ี ุด

ดนิ ผสม

ดินร่วน 2 สว่ น/ทราย
หยาบ 3 ส่วน/ถา่ นป่น 1

ส่วน/ปุ๋ยคอก 1 ส่วน

ดนิ รองพืน้

หินภูเขาไฟ เบอร์ 2

วิธีจบั แคคตสั มีหนาม

วธิ ีง่ายๆ คอื ใช้หนังสือพมิ พพ์ ันรอบต้นเพอื่ ไม่
ให้หนามทิ่มแทงน้ิวมือแล้วค่อยๆเคาะกระถางให้
ต้นแยกออกจากภาชนะเดมิ

การเลอื กกระถางปลูกแคคตัส

กระถางทีเ่ หมาะ ในท้องตลาดมกี ระถางทีท่ �ำ จาก
วัตถุดิบหลายอย่าง เช่น พลาสติก ดินเผา กระเบื้อง
ฯลฯ สว่ นใหญ่กใ็ ชป้ ลกู ต้นไมไ้ ดท้ ั้งน้ัน แต่กระถางแตล่ ะ
อย่างกม็ ีข้อดี ขอ้ เสยี แตกตา่ ง

กระถางที่เหมาะ ในท้อง กระถางพลาสตกิ มสี สี ันสวยงาม
ต ล า ด มี ก ร ะ ถ า ง ที่ ทำ � จ า ก น้ำ�หนักเบา ราคาไม่แพง เก็บความชื้นได้
วัตถุดิบหลายอย่าง เช่น ดีเพราะน้ำ�ระบายและอากาศออกได้แค่
พลาสติก ดินเผา กระเบื้อง ทางก้นกระถาง รากจึงเจริญอยู่เฉพาะ
ฯลฯ ตรงกลางกระถาง ไม่แผ่ออกไปรอบๆ

กระถางดินเผา ด้วย และอาจทำ�ใหค้ วามร้อนสะสม
ลั ก ษ ณ ะ ก ร ะ ถ า ง ที่ ทำ � จ า ก
ดินแล้วเผาด้วยความร้อน กระถาง
เ นื้ อ ก ร ะ ถ า ง จึ ง มี รู พ รุ น ค ว ร เ ลื อ ก ใ ห้
ทำ�ให้ระบายน้ำ�และอากาศ เ ห ม า ะ กั บ ต้ น ไ ม้ แ ม้
ได้ดี วัสดุปลูกจึงไม่ชื้นแฉะ รูปแบบและดีไซน์จะมีส่วนทำ�ให้
ทำ � ใ ห้ ต้ น ไ ม้ เ จ ริ ญ เ ติ บ โ ต เลือกใช้กระถางนั้นๆ
ดี แต่ก็มีข้อเสียคือ เมื่อใส่
วัสดุปลูกแล้วทำ�ให้หนัก
ยกย้ายไปไหนยาก แตกหัก
ได้ถ้าหล่นลงพื้น แต่ถ้าเรา
ปลูกต้นเล็กๆ ก็ใช้ได้ดี

กระถางเซรามิก ทำ�
จากดินเผาแต่เคลือบด้วย
วัสดุทำ�ให้เนื้อกระถางไม่มีรู
พรุน การระบายน้ำ�และ
อากาศเช่นเดียวกับกระถาง
พลาสติก

5 ข้ัน

1. เตรยี มแคคตสั ทีจ่ ะปลกู ลงใน
กระถาง

2. ใส่ถา่ นหรอื หินภเู ขาไฟประมาณ
ใน 3 หรือ1 ใน 4 ตามความลึกของ

กระถา่ ง

3. ตามดว้ ยเครือ่ งปลูกวางต้นไม้
ที่ตอ้ งการปลกู ลงในกระถาง

ในการปลูกแคคตัส

4. ใสห่ นิ โรยหนา้
ใช้กรวดหรือดินญีปุน่

โรยหนา้

5. อยา่ เพิง่
รดน�ำ้ ทันที ควร
เวน้ ระยะสกั 5–7
วัน และวางในทแี่ ดดรำ�ไร

การนำ�ไม้ขดี ไฟจม้ิ ลงไปใน
ดิน แล้วถ้าจุดไฟไม่ติดแสดงว่า
ดินยังช้ืนอยุ่หรือใช้ไม้จ้ิมฟันจ้ิม
ลงไปในดินถ้าดึงขึ้นมาแล้วมีดิน
ชื้นๆติดมา ก็ยังไม่ต้องรดน้ำ�
ครับ

แมแ้ คคตสั จะทนแลง้ ได้ดี ช่วงที่กำ�ลังเติบโตซึ่งก็คือช่วงฤดูฝนที่มี
นานๆ รดน้ำ�ทีก็ยังเติบโตได้แต่ ความชื้นสูงส่วนช่วงฤดูหนาวเป็นช่วง
ปัญหาที่เรามักพบบ่อยๆ ในหมู่ พักตัวแคคตัสจะต้องการน้ำ�น้อยมาก
นักเล่นแคคตัสหน้าใหม่ก็คือ ให้ ดังน้ันการรดน้ำ�ในฤดูฝนจึงทำ�สัปดาห์ละ
นำ้�มากเกินไปตามปกติแคตตัส 1-2 คร้ัง ส่วนในฤดหู นาวกใ็ หล้ ดลง พอ
ต้องการนำ้� ถงึ ชว่ งฤดูรอ้ นจงึ คอ่ ยใหน้ ำ้�มากขนึ้
เฉพาะ
ใน

การรดน�ำ้ นัน้ มีวีธรี ดอยู่ 2 รูปแบบ

1. รดจากปากกระถาง เหมือนการรดน้ำ�ต้นไม้ทั่วๆ ไป
2. การให้น้ำ�จากก้นกระถาง โดยการนำ�กระถางไป

แช่ในกะละมังให้น้ำ�ไหลย้อนไปจากรูก้น
กระถาง

การต่อยอด (Grafting) แคคตัสก็สามารถที่จะโตจน
หรอื การกราฟต์ พร้อมจะมีดอกได้แล้วล่ะครับ
เ รี ย ก ไ ด้ ว่ า ก า ร ก ร า ฟ นั้ น จ ะ
คอื วิธกี ารทีน่ �ำ หัวแคคตสั มาต่อบน ช่วยร่นระยะเวลาในการเจริญ
ต อ เ พื่ อ วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ ใ น ก า ร ที่ จ ะ เ ร่ ง เติบโตให้เร็วขึ้นกว่าเดิมหลาย
การเจริญเติบโตของแคคตัสให้เร็วยิ่ง เทา่
ข้ึนซ่ึงถ้าเทียบกับการเล้ียงแคคตัสแบบ
ธ ร ร ม ด า แ ล้ ว น้ั น ถ้ า ใ ห้ นั บ เ ว ล า ตั้ ง แ ต่
ท่ีเราเริ่มเพาะเมล็ดไปจนกระทั่งโตจน
พ ร้ อ ม ที่ จ ะ อ อ ก ด อ ก จ ะ ต้ อ ง ใ ช้ เ ว ล า
ตง้ั แต่ 2-3 ปี ขึ้นไป แต่ถา้ เรานำ�ตน้ ออ่ น
หรือหน่อแคคตัสมาต่อบนตออาจจะ
เวลาเพียงแค่ 1 ปี หรืออาจจะน้อยกว่า

การกราฟตแ์ คคตสั

1. ใช้มีดสะอาดปาดยอดต้นตอ
ให้แผลเรียบ เฉือนมุมให้เป็นแนว
ล า ด เอียงเพ่ือไม่ให้นำ้�ขังบริเวณ
รอยต่อและหนามตำ�มอื

2. ปาดโคนต้นพันธุ์ออกโดยไม่ให้
บาดแผลซ้ำ�

3. นำ�ต้นพันธุ์วางบนต้นตอที่
เตรยี มไว้

4. ใช้ด้ายหรือเทใสพันต้นตอและ
ตน้ พนั ธเุ์ ข้าด้วยกัน

การผสมเกสรแคคตัส

การผสมเกสรเหมาะกับผู้ทตี่ ้องการผลติ ลกู ไมท้ ีแ่ ตกตา่ งจากต้น
เดมิ หรอื ตอ้ งการขยายพันธแุ์ คคตสั ท่ไี มแ่ ตกหนอ่ ส่งิ สำ�คัญทผ่ี เู้ ลย้ี ง
ควรรู้กอ่ นเรม่ิ ลงมอื ปฏบิ ัติ

หลงั จากผสมเกสร ประมาณ 3 -5
วนั ถา้ กา้ นดอกท่เี ราผสมไว้ มีลกั ษณะ
พองขนึ้ ไม่เหย่ี ว ลองเอามือเขยี่ เบาๆ
แลว้ หลดุ เลย

ระยะเวลาข้ึนอยู่กับสาย
พันธุ์ ความสมบูรณ์ สภาพ
อ า ก า ศ แ ล ะ ส ภ า พ แ ว ด ล้ อ ม
ว่าเอ้ืออำ�นวยกับการสุกของฝั ก
ขนาดไหน ซึ่งระยะเวลาโดย
ประมาณ คือ 3-8 สัปดาห์

ใชแ้ หนบดงึ ปลายเกสรตวั ผู้ บริเวณอบั
ละอองเลณูอย่างระมดั ระวงั แลว้ น�ำ ไปใส่
ใส่ในยอดเกสรตัวเมีย หรือจะใช้เป็นพู่กัน
สำ�ลีปั่นหู ปั่นเอาแค่ละอองเกสรตัวผู้
ไปปั่นใส่ในยอดเกสรตัวเมีย

ซึ่งอุปกรณ์ที่ใช้แล้ว
แต่ความถนัดและความ
เ ห ม า ะ ส ม อ ย่ า ง ใ น
กรณีท่ีเป็นสกุลแมม
มิ ล ล า เ รี ย ท่ี มี ด อ ก
เล็ก การใช้แหนบดึง
เ ก ส ร อ า จ จ ะ ทำ � ใ ห้
เ กิ ด ค ว า ม เ สี ย ห า ย
กับดอกได้ ใช้เป็น
พู่ กั น ป ล า ย เ ล็ ก ๆ
ปั่นเกสรจะสะดวก
กว่า ในดอก 1 ดอกนั้น
เกสรตัวผู้จะมีจำ�นวน
มาก แต่เกสรตัวเมียมี
1 ก้าน

การเพาะเมลด็ แคคตัส

การเพาะเมลด็ (Seedling) ทำ�ได้
โดยเก็บเมล็ตที่สุกจากต้นมาล้างเอาเน้ือ
ออก และเก็บเฉพาะเมล็ดสีดำ�ขนาดเล็ก
ที่อยู่ภายใน ผึ่งให้แห้งในที่ร่ม นำ�เมล็ด
ที่ได้จากฝักมาล้างเอาเมือกใสๆออกให้
หมดแล้วนำ�มาตากแดดหรือพ่ึงลมให้แห้ง
ก่อนประมาณ 1-3 วันเป็นอยา่ งน้อย จะมี
อัตรางอกสูงกว่าเมล็ตท่นี ำ�มาเพาะทนั ที

แคคตัสแต่ละสกุล มเี วลาบานของ
ดอกทแ่ี ตกต่างกนั ไป และระยะเวลาในการ
บานนั้นก็ไม่เท่ากัน บางสกุล บานวันเดียว
แล้วฝ่อ หรือบาน 2-3 วัน และเวลาบาน
มีทั้งบานตอนกลางคืน เช้า กลางวัน ช่วง
บา่ ย

ความสมบูรณ์ของเกสรมีส่วน
สำ�คัญที่จะทำ�ให้ติดฝักหากยอดเกสรตัว
เมียทีแ่ หง้ มาก ไม่มีน้ำ�เมือกที่เป็นตัวจับ
เกสรตัวผู้อาจจะทำ�ให้โอกาสติดน้อย
ลง ละอองเกสรตัวผู้ที่เยอะยิง่ เปน็ ผลดี

การเพาะเมล็ดแคคตัสนั้น สามารถ
ทำ�ได้ 2 รูปแบบคือ ระบบเปิด และ
ระบบปิด แต่ที่นิยมคือ ระบบปิด เพราะ
ง่ายต่อการดูแล ไม่ต้องรดน้ำ�บ่อยๆ
และก็อัตราการรอดก็ค่อนข้างสูงกว่า
ระบบเปิด ที่อาจจะมีการฝ่อ หรือ
ยุบตัวในกรณีที่ความชื้นไม่เพียงพอ
หรืออาจจะโดนรบกวนจากแมลงหรือ
สัตว์ต่างๆ

ความชน้ื ในกลอ่ ง หากดินแห้งเกินไป
ให้สเปรย์น้ำ�เพิ่มความชื้น ควรรักษา
ความชื้นของดินให้เหมาะสมและต่อ
เนื่อง แต่ถ้าหากเรากะปริมาณน้ำ�ให้
พอดีตั้งแต่การเพาะ ไม่จำ�เป็นต้อง
เปดิ ฝาเติมน้�ำ อกี เลย

หลังจากเพาะเมล็ด ประมาณ 5-10 วัน
ก็จะมีต้นอ่อนงอกออกจากเมล็ด อัตรา
การงอกจะมปี รมิ าณมากนอ้ ย น้ันก็ขีน้ อยู่
กับความสมบรู ณข์ องตัวเมล็ดเอง

แคคตัสเป็นต้นไม้ที่กำ�ลังได้รับความ
นิยมอย่างมากในไทย ด้วยความสวย
และแปลกตา แถมยังเลี้ยงดูง่ายไม่
ต้องดูแลมาก ถ้าใครเลี้ยงแคคตัส
อย่างถูกวิธีก็จะมีดอกสวยๆ เรามีแค
คตัส 6 สกุลที่เลี้ยงง่ายทนและส่วย
เหมาะสำ�หลับผู้เริ่มต้นหัดเลี้ยง

แคคตัสเป็นพืชใบเลี้ยงคู่ในวงศ์ Cactaceae มีถิ่นกำ�เนิดในทรีปอเมริกา
เหนือและอเมริกาใต้ มีจำ�นวน 1,210 ชนิด 118 สกุล ลักษณะเด่น คือเป็นไม้ที่
มีหนามตามลำ�ต้น และไม่มีใบ แต่จริงๆ แล้วกระบองเพชรก็มีใบเหมือนต้นไม้
อื่นๆ แต่ต้องปรับตัวกับอากาศที่มีความร้อนสูง จึงทำ�ให้แคคตัสสะสมน้ำ�เอาไว้
ที่ลำ�ต้น จึงเหลือแค่หนามเอาไว้ เพื่อความอยู่รอดในทะเลทรายที่แห้งแล้ง และ
เป็นการป้องกันตัวเองจากศัตรูไปในตัวด้วย

แคคตสั สกลุ มี ข า น ด เ ส้ น ผ่ า ศู น ย์ ก ล า ง ถึ ง
Gymnocalycium 20เซนติเมตร เช่น Gymnoca-
lycium spegazzinii ชนิดที่มีต้น
แคคตสั ในสกลุ นม้ี อี ยู่มากว่า 120 ขนาดเลก็ มักจะอยรู่ วมกันเป็นกลมุ่
ชนิดและอีกหลายสายพันธุ์ชื่อสกุล
Gymnocalycium มาจากภาษากรีก
หมายถึง ตาเปลือย ( naked bud )
แคคตัสในสกุลนี้เป็นสกุลที่น่าสนใจ
เพราะมีลักษณะรูปทรงแตกต่างกัน
ออกไปและมีดอกท่ีมีสีสันสวยงาม
ลางชนิดอาจมีขนาดเล็กขนาดเส้น
ผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 7.5 เซนติเมตร
เช่น Gymnocalycium baldianum
แต่บางชนิดกอ็ าจจะมีขนาดใหญ่

สว่ นชนดิ ทม่ี ขี นาดใหญม่ กั จะพบ แคคตัสในสกุล
ขึ้นอยู่เป็นต้นเด่ียวๆสีของต้นมีตั้งแต่ Gymnocalycium มีถิ่น
สีเขียวถึงสีน้ำ�ตาลแดงหรือเป็นสีเทา กำ � เ นิ ด อ ยู่ ใ น ห ล า ย ๆ พ้ื น ที่
คล้ายหินชนวน ลำ�ต้นเป็นสันประมาณ ของประเทศอาร์เจนตินา
6 – 20 สัน มีลักษณะยื่นออกมาคล้าย โบลิเวีย ปารากวัย และอุ
คาง ตุ่มหนามมีลักษณะทรงกลมหรือ รุกวัย พบได้ในหลายพื้นที่
รูปไข่ ปกคลุมด้วยปุยสีขาวหรือสี ท้ังใน ที่มีระดับ ค ว าม สูง
เหลือง ในต้นที่มีขนาดเล็กตุ่มหนามจะ 3500 เมตร ในทุ่งหญ้า
อยู่ชิดติดกัน ส่วนในต้นที่มีขนาดใหญ่ หิน ดิน ทราย ลางชนิด
นั้นตุ่มหนามจะอยู่ห่างกัน ตุ่มหนาม ที่มีรูปร่างอ้วน กลม
ประกอบไปด้วยหนามข้างที่ละเอียด นั้น เคยพบวา่ ถูกฝงั อยูใ่ น
กระจายแยกออกจากกันแนบกับลำ�ต้น ทรายตลอดฤดูร้อน แค
มีอยู่ประมาณ 2 – 12 อันและยาว คตัสในสกลุ นลี้ กู เลย้ี งงา่ ย
ประมาณ 1 – 6 เซนติเมตร
ส่ ว น ห น า ม ก ล า ง จ ะ ย า ว
กวา่ หนามขา้ งเลก็

แคคตสั สกุล อชิ นิ อปซสิ (Echinopsis)
Echinopsis เป็นพันธุ์ “กอ” ดอกของต้น
กระบองเพชรชนิดนี้จะเป็นสี
ช่อื สกลุ มาจากภาษากรีก 2 คำ� คือ ขาวถ้าอยากจะเห็นดอกของอิ
echinos แปลว่า เม่น และ opsis ชินอปซิสต้องรอเพราะว่าพันธุ์
แปลว่า คล้ายรวมหมายถึง คล้าย น้ี จ ะ บ า น ส ะ พ ร่ั ง ส ว ย ง า ม แ ค่
เม่น มีถิ่นกำ�เนิดในทวีปอเมริกาใต้ ตอนเทย่ี งคนื จนถึง 8 โมงเชา้
แถบโบลิเวีย เปรู อาร์เจนตนิ า บราซิล
พบข้ึนตามซอกหินหรือบริเวณท่ีเป็น
ดินปนทราย ระบายน้ำ�ไดด้ ี เปน็ แค
คคตัสท่ีสามารถผสม้ามได้หลาย
สกุล เช่น สกุล Chamae-
cereus, Echinocereus,
Lobivia, Matucana และ
Trichocereus

ลักษณะทั่วไป ตน้ ทรงกลมแปน้ เม่อื อายมุ าก
ขึ้นอาจเป็นทรงกระบอก บางชนิตเป็นไม้ลำ�
สูงพบทั้งเป็นต้นเดี่ยวและแตกกอ ลำ�ต้นเป็น
สัน ดอกรปู แตร ก้านยาว บานเพยี งวันเดียว มี
หลายสี ส่วนใหญช่ นติ ที่มีดอกสีขาวหรือชมพู
อ่อนจะบานตอนกลางคืนและโรยตอนเช้าของ
รุ่งขึน้ สว่ นชนติ ท่ีมสี ีสดจะบานตอนกลางวัน

แคคตัสสกลุ เช่น Opuntia bigelovii หรือเป็น

Opuntia แบบอ่อนคล้ายการะดาษ เช่น

Opuntia platyacantha ดอกของ
แคคตสั ในสกลุ นีม้ ีอยู่มากมายกว่า
แคคตัสใสสกุลนี้ไม่มีท่อดอก แต่
400 ชนิดและอีกหลากหลายสาย
ส่วนรังไข่มีขนาดใหญ่ปกคลุมด้วย
พันธุ์ ชื่อสกุล Opuntia มาจากชื่อ

หนาม ดอกมหี ลายสี เช่น
เมือง Opuntia ในประเทศกรีซ แค

คตัสในสกุลนี้มีหลากหลายลักษณะ

มีท้งั ต้นเล็ก เป็นทรางกลมต่อๆ กนั

จนถึงชนิดที่มีขนาดใหญ่ เป็นทรง

กระบอกตอ่ กัน และสงู กวา่ 2 เมตร

และบางครั้งก็พบว่ามีลักษณะสูง

ใหญ่เหมือนไม้ยืนต้นส่วนหนามก็มีท้ัง

แบบแข็ง ยาว และ เปน็ อนั ตราย

สีขาว สีเหลือง สีน้ม สแี ดง และ สี
ม่วงแดง มักจะออกดอกดกและ
สวยงามมาก สว่ นผลมีลักษณะทรง
กลมหรือรูปไข่ เมื่อแก่จะมีสีเหลือง
ถึงสีแดง ขนาดเส็นผ่าศูนย์กลาง
ประมาณ 2.5 - 7.5 เซนติเมตร แค
คตัสในสกุลน้ีหลายชนิดสามารถผสม
ตัวเองจนเกิดผลและร่วงหล่นจน
งอกเป็นต้นใหม่เองได้เช่น Opuntia
fulgida แคครัสสกุลนี้มีถิ่นกำ�เนิด
อยู่ทางตอนเหนือสุดของประเทศ
แคนาดา ตอนใตข้ องสหรัฐอเมริกา
แมก็ ซิโก อเมรกิ ากลางตะวนั ตกของ
หมู่เกาะเวสต์อินดีสเกาะกาลาปาโกส
และใต้สุดของเทียราเดลฟิวโกในพา
ทาโกเนีย พบได้มากในที่ที่มีระดับ
ความสูง 3700 เมตร

แคคตสั สกุล เคียงกันจึงไม่สามารถแยกได้
Astrophytum ชัดเจนนัก หนามมีขนาดยาว
ประมาณ3–10 เซนติเมตร
แคคตัสสกลุ นม้ี อี ยดู่ ว้ ยกนั 4 ชนิด และอกี แคคตัสสกุลนี้ออกดอกเป็นรูป
หลายสายพันธ์ุ ช่ือสกลุ Astrophytum มา กรวยตรงบริเวณตอนกลาง
จากภาษากรกี แปลว่าพืชดาว ลำ�ต้นอ้วน ดา้ นบนของต้น
กลม หรอื เปน็ ทรงการบอก บางชนดิ อาจ
มีความสงู ถงึ 1 เมตร เชน่ Astorphytum
ornatum ล�ำ ต้นแข็ง บางชนดิ จะมีปยุ หรอื
เกลด็ สีขาวปกคลุมอยู่ บรเิ วณลำ�ตน้
มีสันตน้ 5- 9 สัน อาจมหี นามหรือ
ไม่กไ็ ด้ ขน้ึ อยู่กบั สายพนั ธ์ตุ ่มุ หนาม
มีลักษณะเป็นปุยสีขาวคล้ายสำ�ลี
หนามกลางและหนามข้างมีขนาด
ใกล้

สขี องดอกส่วนมาก จะอยู่ในโทนสีเหลอื ง แต่อาจ
จะมีสอี น่ื ๆผสมอย่ใู นดอกเดียวกนั เชน่ กลีบอกสี
เหลอื ง บรเิ วณโคนกลีบและกลางดอกอาจจะเปน็
สสี ม้ หรือสีแดง เปน็ ต้น ลักษณะผลเปน็ ทรงกลม
มขี นาด 2.5 เซนติเมตร บางชนิดผลจะมีหนาม
ปกคลมุ คลา้ ยกับตน้ เมื่อผลแก่เต็มท่จี ะแตกออก
ทางดา้ นโคน ซง่ึ ท้ังนข้ี น้ึ อยูก่ ับสายพันธุ์ แคคตสั
สกลุ Astophytum มถี ่นิ กำ�เนิดแถบตอนกลาง
ตอนเหนอื และตะวันตกเฉยี งเหนือ ของประเทศ

เมก็ ซิโก ยกเว้น Astrophytum asterias
ซ่ึงมีถิ่นกำ�เนิดมาจากแถบตะวันตกเฉียง
ใต้ของประเทศสหรฐั อเมริกา แคคตสั สกลุ
น้ีสามารถเจริญเติบโตได้ท่ีระดับความสูง
กวา่ 2100 เมตร และเจริญเตบิ โตได้หลาย
พืน้ ที่

แคคตสั สกุล รอยต่อของเนินหนามมักจะมี
Mammillaria ขนปกคลมุ อยู่ หนามกม็ ีหลายสี
หลายขนาด ลกั ษณะเป็นขนแขง็
แคคตสั ในสกุลน้มี มี ากมายกวา่ 400 ชนดิ หรือตะขอ

และอีกหลากหลายสายพันธ์ุชื่อสกุลMam-

millariaมาจากภาษาละตินว่า Mammilla

( nipple ) หมายถึง โครงสร้างที่เป็นเนิน

หนามขนาดเล็กของพืช ชื่อสกุลนี้ตั้งโดยนัก

พฤกษศาสตรช์ าวองั กฤษชื่อ E.H. Haworth

แคคตัสในสกุลน้ีมีรูปทรงแตกต่างกันออก

ไปมากมาย มที ้งั ทีเ่ ปน็ ทรงกลมแปน้ และทรง

กระบอก อาจจะขึ้นเป็นต้นเดี่ยวๆ

หรือเป็นกลุ่ม ในแต่ละกลุ่มก็จะ

ประกอบด้วยหัวที่มีรูปร่างและขนาด

แตกตา่ งกนั ออกไป ใน 1 หวั จะประกอบ

ไ ป ด้ ว ย เ นิ น หนาม ซึ่ง

ระหว่าง

ดอกมีลักษณะเป็นทรงระฆังหรือทรงกรวย
มีขนาดเล็ก ผลิตเป็นวงตรงยอดต้น และ
มักจะมีท่อดอกสั้น ยกเว้นเพียงไม่กี่ชนิด
ที่จะมีท่อดอกขนาดยาวเช่น Mammillar-
ia saboae fa. Haudenan ส่วนผลมีขนาด
ค่อนข้างเล็กเป็นรูปไข่ยื่นยาวและเรียวเล็ก
ผวิ เกลี้ยงเรยี บ มหี ลายสี เชน่ สีเขยี ว สชี มพู
ห รื อ สี แ ด ง เ ม่ื อ แ ก่ เ ต็ ม ที่ แ ล้ ว แ ค ค ตั ส ส กุ ล
Mammillaria มีถิ่นกำ�เนิดอยุ่ในประเทศ
เม็กซิโกแต่บางชนิดก็อาจจะพบได้ในแถบ
ตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศสหรัฐอเมริกา
แถบตะวนั ตกของหมู่เกราะเวสต์อินดีส และ
แถบอเมริกาใต้ แคคตัสในสกุลนี้สามารถ
ปลูกเลี้ยงและออกดอกได้ง่ายในดินท่ีมีการ
ระบายน�ำ้ ดี

แคคตสั สกลุ ลำ�ต้นสูงประมาณ 10 – 20
Melocactus เซนติเมตร ลำ�ต้นมีลักษณะ
ตั้งตรง เป็นสันประมาณ
แคคตัสในสกุลนม้ี อี ยู่มากมายกวา่ 60 9 – 20 สัน มีตุ่มหนามรูป
ชนดิ ชอื่ สกลุ Melecactus มาจากภาษา ไข่ขนาด 2.5 เซนติเมตร
กรกี ว่า Melos ( Melon ) หมายถึง รปู ประกอบไปด้วยหนามข้างที่มี
ทรงของต้นที่เป็นทรงกลมแป้นหรือทรง ลกั ษณะโค้งงอ
การะบอก มที ง้ั ที่ข้ึนเป็นต้นเดยี่ วๆ หรือ
ช้นึ อยู่รวมกนั เป็นกลุม่ เม่อื ตน้ เจรญิ
เติบโตเต็มที่จนถึงระยะผลิตดอก
ออกผลจะเกิดปุยนุ่มท่ีเรียกว่า
cephalium ที่บริเวณ
ยอดของต้น ซึ่งดอก
แ ล ะ ผ ล ก็ จ ะ เ กิ ด ขึ้ น ใ น
บริเวณนี้ด้วย แคคตัสใน
สกุลน้มี ีล�ำ ตน้

แนบขนานไปกับนำ�ต้น ประมาณ 8 – 15 อัน แต่ละอันยาว
ประมาณ 1.25 7.5 เซนติเมตร ส่วนหนามกลางยื่นตรงออกมา
จากลำ�ต้น มีอยู่ประมาณ 1 – 5 อัน และยาว 2 – 9 เซนติเมตร
ทั้งหนามกลางและหนามข้างแข็งแรงมาก ยกเว้นชนิดที่
มีหนามสั้นซึ่งหนามมักอ่อนและละเอียด สีหนามมีหลาย
สี เช่น สีขาว น้ำ�ตาลออกแดงเข้ม และดำ� บริเวณ cepha-
lium ประกอบด้วยขนสีขาวหรือสีอื่นๆ และอาจมีหนามแข็ง
สีต่างๆ ได้ด้วยดอกมีสีออกโทนม่วงแดง มักออกเป็นวงและ
ฝั่งจมอยู่ใน cephalium มีขนาดยาวประมาณ 1.25 – 3.75
เซนติเมตร โดยความยาวของดอกซ่อนอยู่ใน cephalium ผล
มีลักษณะยาวเป็นทรงไม่พลอง ยาวมากกว่า 2.5 เซนติเมตร
เมื่อแก่จะมีสีชมพูถึงสีแดงแจ่มจ้า แคคตัสสกุล Melocactus
พบมากที่สุดในบริเวณตอนใต้ของหมุ่เกาะเวสต์อินดีส ทาง
ตอนใต้ของประเทศเม็กซโิ ก


Click to View FlipBook Version