การพยาบาล มารดา ทารกและ การผดุง ดุ ครรภ์ การพยาบาล มารดา ทารกและ การผดุง ดุ ครรภ์
เวลา ผลน้ำ ตาลในเลือด 0 ชั่วโมง (ก่อน 100 gm OGTT) 120 mg. 1 ชั่วโมงหลัง 100 gm OGTT 182 mg. 2 ชั่วโมง 100 gm OGTT 172 mg. 3 ชั่วโมง 100 gm OGTT 154 mg. สถานการณ์ หญิงตั้งครรภ์อายุ 35 ปี G2P1AL1 ประวัติครอบครัวไม่มีใครเป็นโรคเบาหวาน ความ ดันโลหิตสูง โรคเลือด -ฝากครรภ์ครั้งแรกเมื่ออายุครรภ์ 8 สัปดาห์ น้ำ หนัก 52 กิโลกรัม ความดันโลหิต 110/70 mmHg ,albumin/sugar = negative -ฝากครรภ์ครั้งที่ 2 อายุครรภ์ 13 สัปดาห์ น้ำ หนัก 52 กิโลกรัม ความดันโลหิต 130/60 mmHg ,Albumin = negative /sugar = trace -ฝากครรภ์ครั้งที่ 3 อายุครรภ์ 17 สัปดาห์ น้ำ หนัก 53 กิโลกรัม ความดันโลหิต 126/70 mmHg ,albumin/sugar = +1 ผลการตรวจ 100 gm OGTT พบว่า Blood sugar เป็นดังนี้ กรณีศึกษา -ฝากครรภ์ครั้งที่ 4 อายุครรภ์ 21 สัปดาห์ น้ำ หนัก 53 กิโลกรัม ความดันโลหิต 126/70 mmHg ,albumin/sugar = negative แพทย์วินิจฉัยว่า เป็น GDMA2
1.สตรีตั้งครรภ์รายนี้อยู่ในภาวะใด จากเหตุใด สตรีตั้งครรภ์นี้อยู่ในภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ GDM A2 โดยวินิจฉัยจาก 1.ในการฝากครรภ์ครั้งที่ 3 ตรวจพบ albumin และ sugar ในปัสปัสาวะ แปลผลเป็น ป็ +1 2.FBS > 105 mg/dl. 3.พบค่าความผิดปกติหลังกลืนน้ำ ตาลมากกว่า 2 ค่าขึ้นไป โดย 2 ชั่วโมงหลังกลืนน้ำ ตาลได้ค่าน้ำ ตาลในเลือดเท่ากับ 172mg/dl. และ 3 ชั่วโมงหลัง กลืนน้ำ ตาลได้ค่าน้ำ ตาลในเลือดเท่ากับ 154 mg/dl. 2.อธิบายผลของโรคนี้ต่อสตรีตั้งครรภ์และทารก โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational Diabetes) เป็น ป็ โรคเบาหวานชนิดหนึ่ง ที่สามารถ เกิดขึ้นได้ทุกระยะของการตั้งครรภ์ ส่วนใหญ่มักถูกวินิจฉัยในช่วงสัปดาห์ที่ 24-28 ของการตั้งครรภ์ เกิดจากภาวะน้ำ ตาลในเลือดสูงเนื่องจากร่างกายไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) ได้เพียง พอ สามารถส่งผลเสียต่อมารดาและทารกได้ ผลของโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ต่อทารก 1) ทารกคลอดก่อนกำ หนด 2) น้ำ หนักทารกแรกคลอดมากกว่าปกติที่ควรจะเป็น ป็ เช่น ทารกมีตัวใหญ่มากขึ้นกว่าปกติ ทำ ให้คลอด ยาก หรืออาจเกิดอันตรายขณะคลอด 3) ทารกมีระดับน้ำ ตาลในเลือดต่ำ ทันทีหลังคลอด 4) ทารกมีปัญปัหาเกี่ยวกับระบบหายใจ 5) ทารกอาจเสียชีวิตในครรภ์ได้ 6) ทารกที่คลอดจากมารดาที่มีภาวะนี้จะมีโอกาสเป็น ป็ โรคอ้วน และอาจเป็น ป็ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ใน อนาคตได้ ผลของโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ต่อมารดา 1) หญิงที่เป็น ป็ โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์จะมี โอกาสเกิดภาวะครรภ์เป็น ป็ พิษ (Pre-clampsia) ได้ ซึ่ง เกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีความดันโลหิตสูงร่วมกับมีโปรตีนรั่วในปัสปัสาวะมากกว่าปกติ พบในช่วงครึ่งหลัง ของการตั้งครรภ์ 2) โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์จะ เพิ่มความเสี่ยงทำ ให้ต้องการการผ่าท้องคลอดมากขึ้น เพราะว่าทารก อาจตัวใหญ่เกินกว่าจะคลอดปกติ 3) เมื่อเป็น ป็ โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ จะมีโอกาสพัฒนาเป็น ป็ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ในอนาคต มากกว่าหญิงปกติถึง 7.4 เท่า 4) การมีระดับน้ำ ตาลในเลือดสูงติดต่อกันเป็น ป็ ระยะเวลานานจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น เบาหวานขึ้น ตา (Diabetic retinopathy) โรคหัวใจ โรคไต การทำ ลายของเส้นประสาท เป็น ป็ ต้น
3.ปัญหาทางการพยาบาลของสตรีตั้งครรภ์รายนี้ S: - O: -G2P1A0L1 อายุครรภ์ 21 สัปดาห์ -albumin/sugar = +1 -ผล OGTT ได้ 120 mg. 182 mg. 172 mg. และ 154 mg.ตามลำ ดับ วัตถุประสงค์ : ไม่มีภาวะน้ำ ตาลในเลือดสูงและไม่มีภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ เกณฑ์การประเมิน : น้ำ ตาลในเลือดอยู่ที่ 80-120 mg% ไม่มีภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ เช่น การแท้งบุตร ความดันโลหิตสูง ข้อวินิจฉัยที่ 1 เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ เช่น ทารกตัวโต เนื่องจากมารดามีระดับน้ำ ตาลในเลือดสูง 1. ควบคุมน้ำ ตาลให้ได้รับแคลอรี่วันละ 30-35กิโลแคลอรี่ต่อกิโลกรัม โดยให้ได้แคลอรี่จาก คาร์โบไฮเดรตร้อยละ 40-50 โปรตีนร้อยละ 20-25 และไขมันร้อยละ 20-30 จะต้องทำ อย่างสม่ำ เสมอและเข้มงวดเพื่อไม่ให้เกิดคีโตนคั่งในเลือดโดยให้ผู้ป่ว ป่ ยงดอาหารที่มีน้ำ ตาล สูงเพื่อจำ กัดจำ นวนน้ำ ตาลที่เข้าสู่ร่างกายได้แก่น้ำ ตาล น้ำ ผึ้ง นมข้นหวาน ขนมหวาน ต่างๆน้ำ หวาน น้ำ อัดลม เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และผลไม้ที่มีรสหวานจัด 2. แนะนำ เกี่ยวกับการออกกำ ลังกาย ให้ออกกำ ลังกายอย่างสม่ำ เสมอและเหมาะสมคนผู้ ป่ว ป่ ยเพื่อให้หลอดเลือดฝอยของกล้ามเนื้อที่กำ ลังทำ งานถูกเปิดปิกลูโคสถูกนำ ไปใช้มากขึ้น และอินซูลินดูดซึมได้เร็วขึ้น ต้องระวังภาวะน้ำ ตาลในเลือดต่ำ เพื่อให้ร่างกายมีการเผา ผลาญของเซลล์ระดับกล้ามเนื้อ ตามระยะของการออกกำ ลังกายอย่างเหมาะสม 3.แนะนำ ให้หญิงตั้งครรภ์เห็นความสำ คัญของการมาตรวจตามนัด เพื่อตรวจประเมิน อาการและให้การรักษาพยาบาลได้อย่างเหมาะสมเพื่อความปลอดภัยของหญิงตั้งครรภ์ และทารกในครรภ์ กิจกรรมการพยาบาล
4.สังเกตความผิดปกติภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้ เช่น คลื่นไส้อาเจียน มีไข้ ปัสปัสาวะแสบ ขัด เป็น ป็ ต้น ถ้ามีอาการผิดปกติ ควรมารับการตรวจทันที เพราะอาการต่างๆเหล่านี้ อาจ ทำ ให้การควบคุมเบาหวานได้ไม่ดีพอ เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย 5.แนะนำ เกี่ยวกับการรักษาความสะอาดของร่างกายและอวัยวะสืบพันธุ์เพราะขณะตั้งครรภ์ ผิวหนังแห้งเกิดแผลได้ง่าย มีตกขาวมากและปัสปัสาวะบ่อยจะทำ ให้มีโอกาสเกิดการติดเชื้อ เเบคทีเรีย ให้รักษาความสะอาดและป้อ ป้ งกันการเกิดบาดแผลที่เท้าเพราะมีการไหลเวียน โลหิตที่อวัยวะส่วนปลายไม่สะดวก ทำ ให้เกิดการตายของเซลล์และเป็น ป็ แผลได้ง่าย ควรแช่ เท้าในน้ำ อุ่นวันละ 5 นาที ร่วมกับการบริหารเท้าเพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น 6.แนะนำ ให้นับการดิ้นของทารกในครรภ์ โดยการนับการดิ้นของทารกในครรภ์ หลังรับ ประทานอาหาร แต่ละมื้อ นั่งพักและนับการดิ้นของทารกนาน 1 ชั่วโมง ถ้าได้ 3 ครั้งขึ้นไป ถือว่าปกติ แต่ถ้าน้อยกว่า 3 ครั้งให้นับต่อไปอีก 1 ชั่วโมง ในอีก 1 ชั่วโมงหลัง ทารกควร ดิ้นไม่น้อยกว่า 4 ครั้ง ถ้าน้อยกว่า 4ครั้งหรือนับจนครบหลังอาหาร 3 มื้อ รวมกันแล้ว น้อยกว่า 10 ครั้ง แสดงว่าทารกอาจมีภาวะผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที ข้อวินิจฉัยที่ 1 เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ เช่น ทารกตัวโต เนื่องจากมารดามีระดับน้ำ ตาลในเลือดสูง กิจกรรมการพยาบาล ผลการประเมิน ไม่สามารถประเมินได้
ข้อวินิจฉัยข้อที่2 ทารกในครรภ์เสี่ยงต่อการเจริญเติบโต ไม่เหมาะสมกับอายุครรภ์เนื่องจากมารดาตั้งครรภ์มีภาวะน้ำ ตาลในเลือดสูง S: - O: -G2PIA0L1 แพทย์วินิจฉัยว่าเป็น ป็ GDM A2 –2 ชั่วโมงหลังตรวจ 100gm OGTT ระดับน้ำ ตาล 172 mg. -3 ชั่วโมงหลังตรวจ 100gm OGTT ระดับน้ำ ตาล 154 mg. -albumin/sugar = +1 -BP 126/70 mmHg วัตถุประสงค์ : เพื่อป้อป้งกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่อทารก เช่น ทารกตัวโต ,ทารกคลอดก่อนกำ หนด , fetal distressและทารกเสียชีวิตในครรภ์ เป็น ป็ ต้น เกณฑ์การประเมิน : 1.ทารกเจริญเติโตเหมาะสมตามอายุครรภ์ 2.ไม่มีภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ 3.มารดาสามารถปฏิบัติตัวได้เหมาะสม กิจกรรมการพยาบาล 1.ประเมินอาการและอาการแสดงของภาวะแทรกซ้อนจากภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ เช่น น้ำ ตาลในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง และการติดเชื้อง่ายเป็นต้น 2.ชั่งน้ำ หนักและวัดระดับน้ำ ตาลในเลือดเพื่อประเมินความรุนแรงและระดับน้ำ ตาลในเลือด 3.แนะนำ หญิงตั้งครรภ์เกี่ยวกับการปฏิบัติตัวในการควบคุมเบาหวาน เพื่อป้องกันความรุนแรง ของโรคและป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน โดยควบคุมระดับน้ำ ตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ และ จำ กัดให้ได้รับ พลังงาน 30-35 แคลอรี่ต่อน้ำ หนักตัวหนึ่งกิโลกรัมต่อวัน แบ่งเป็น โปรตีนร้อย ละ 12-20 คาร์โบไฮเดรตร้อยละ 50-60 และไขมันร้อยละ 20-30 4.ควรตรวจคีโตนในปัสสาวะ เพื่อดูว่าจำ นวนแคลอรีที่ได้รับเพียงพอหรือไม่ 5.ดูแลแนะนำ การฉีดอินซูลิน โดยจะเริ่มให้อินซูลินเมื่อตรวจพบระดับ น้ำ ตาลในเลือดขณะอด อาหารมากกว่า 105 mg/dl และระดับน้ำ ตาล ในเลือดหลังรับประทานอาหาร 2 ชั่วโมง มากกว่า 120 mg/dl และควร จดบันทึกการใช้อินซูลินและระดับน้ำ ตาลเพื่อช่วย ปรับระดับอินซูลิน และ ลดอาการแทรกซ้อน ที่สำ คัญบริเวณที่ฉีดควรหมุนเวียนบริเวณใดบริเวณหนึ่งเป็นสัปดาห์เพื่อ ให้ผิวหนัง บริเวณนั้นมีเวลาได้หายจากความบอบช้ำ เนื่องจากรอยเข็มและการดูดซึมของอินซูลิน จะแตกต่าง กัน
ข้อวินิจฉัยข้อที่2 ทารกในครรภ์เสี่ยงต่อการเจริญเติบโต ไม่เหมาะสมกับอายุครรภ์เนื่องจากมารดาตั้งครรภ์มีภาวะน้ำ ตาลในเลือดสูง กิจกรรมการพยาบาล 6.แนะนำ หญิงตั้งครรภ์ออกกำ ลังกายอย่างสม่ำ เสมอ โดยจะเพิ่มความไวต่ออินซูลิน และเพิ่มฤทธิ์ของอินซูลิน จึงช่วยลดภาวะดื้ออินซูลิน ช่วยกระตุ้นหลอดเลือดและ หัวใจให้ทำ งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น 7.แนะนำ หญิงตั้งครรถ์มาฝากครรก็ตามนัด และสังเกตอาการผิดปกติที่ต้องมาพบ แพทย์ ได้แก่ ใจเกิน 38.5 องศาเชลเซียส ปวดศีรษะอย่างรุนแรงโดยไม่ทุเลา มอง เห็นภาพพร่ามัวไม่ชัด ข้อเท้าบวมมาก ปัสสาวะแสบขัด ปวดท้องอย่างรุนแรง เป็น เวลานานหรือปวดเกร็งบริเวณมดลูก การกในครร ไม่เคลื่อนไหวหรือเคลื่อนไหว น้อยกว่า3 ครั้งในหนี่ง วโมง ทั้งที่มีอายุครรภ์เกิน 28 สัปดาห์ มีเลือดออกทางช่อง คลอดหรือมีน้ำ คร่ำ ไหลออกจากช่องคลอดปริมาณค่อนข้างมาก เป็นต้น เพื่อรับการ รักษา หรือการตรวจเพิ่มเติม เช่น การทำ Ultrasound และ NT ผลการประเมิน ไม่ส ม่ ามารถประเมินได้
S: - O: -มารดามีการฝากครรภ์ครั้งที่ 3 อายุครรภ์ 17 สัปดาห์ น้ำ หนัก 53 กิโลกรัม -มารดามีการฝากครรภ์ครั้งที่ 4 อายุครรภ์ 21 สัปดาห์ น้ำ หนัก 53 กิโลกรัม วัตถุประสงค์ : มารดาสามารถปฏิบัติตัวและส่งเสริมพัฒนาการของทารกได้อย่างเหมาะสม เกณฑ์การประเมิน : น้ำ หนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 500-600 กรัม/สัปดาห์ ทารกดิ้นมากกว่า 10 ครั้ง/วัน ข้อวินิจฉัยที่ 3 ส่งเสริมการปฏิบัติตัวและพัฒนาการของทารกตาม ไตรมาสที่2 1.อธิบายถึงความสำ คัญของการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ได้แก่ โปรตีน นม ตับ เครื่องใน ผักใบเขียวเข้ม เป็น ป็ ต้น โดยควบคุมอาหารที่มีน้ำ ตาลสูง เพื่อให้เกิดความ ตระหนักในการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ซึ่งจะให้ทารกในครรภ์ได้รับด้วย 2.อธิบายถึงความสำ คัญของการส่งเสริมพัฒนาการาทารกในครรภ์แก่บิดามารดา เพื่อ ให้เกิดความตระหนักในการส่งเสริมพัฒนาการ 3.ให้ความรู้เกี่ยวกับการส่งเสริมพัฒนาการ เช่น สามารถนั่งเก้าอี้โยก พูคุยกับลูกแล้ว ลูบหน้าท้องเบาๆ เป็น ป็ ต้น เพื่อเป็น ป็ การกระตุ้นพัฒนาการของทารกเนื่องจากทารกใน ไตรมาสนี้มีการรับรู้ และการได้ยินเสียง 4.แนะนำ ให้มารดานับลูกดิ้นหลังอาหารทุกมื้อ โดยนับเป็น ป็ เวลา1ชม. เพื่อประเมินสภาพ ทารกในครรภ์ 5.แนะนำ ให้หญิงตั้งครรภ์ชั่งน้ำ หนัก โดยชั่งเวลาเดิม แบบเดิมในทุกสัปดาห์ เพื่อ ประเมินปัญปัหาสุขภาพและอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ กิจกรรมการพยาบาล ผลการประเมิน ไม่สามารถประเมินได้
คณะผู้จัดทำ อาจารย์ที่ปรึกษา 1.นายสุรวุฒิ จันทร์เมืองไทย เลขที่ 13 รหัสนักศึกษา 11612201009-8 2.นางสาวเขมมิกา สอาดโฉม เลขที่ 15 รหัสนักศึกษา 116312201029-6 3.นางสาวมณฑิตา พันธุ์ศักดิ์ เลขที่ 16 รหัสนักศึกษา 116312201030-4 4.นางสาวนพรดา ใจเด็ด เลขที่ 17 รหัสนักศึกษา 116312201032-0 5.นางสาวพรทิตา จันทร์สุข เลขที่ 18 รหัสนักศึกษา 116312201034-6 6.นางสาวบุญญิกา แก่นโพธิ์ เลขที่ 19 รหัสนักศึกษา 116312201035-3 7.นางสาวกุลธิดา อินทร์ด่านกลาง เลขที่ 20 รหัสนักศึกษา 116312201036-1 8.นางสาวศิริพร ท้าวแป้ง เลขที่ 21 รหัสนักศึกษา 116312201038-7 9.นางสาวประภาพร ฉัตรจังหรีด เลขที่ 22 รหัสนักศึกษา 116312201039-5 10.นางสาววรัญญา เณรเถื่อน เลขที่ 23 รหัสนักศึกษา 116312201041-1 11.นางสาวสุธาสิณี สนิทสตรี เลขที่24 รหัสนักศึกษา 116312201042-9 12.นางสาวบุณยวีร์ สินจันทึก เลขที่ 25 รหัสนักศึกษา 116312201044-5 13.นางสาวปัทมา แซ่คู เลขที่ 26 รหัสนักศึกษา 116312201045-2 นักศึกษาชั้นปีที่ 3 อาจารย์ ดร.อัญชลี จันทาโภ การพยาบาลมารดาทารกและผดุงครรภ์2 หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณทิต คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี