The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ครรลอง คลองกระแชง

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sawworkspace1, 2021-11-06 22:44:58

ครรลอง คลองกระแชง

ครรลอง คลองกระแชง

เรอื่ งราวการเดินทางในตาบลคลองกระแชง
เมืองแห่งศิลปวฒั นธรรมและความหลากหลาย

Khlong
Krachang

ขอบคณุ ภาพจาก: Surachet Prangchan

กิจวตั รสรา้ งวิถีชีวิต
วิถีชีวิตสรา้ งวฒั นธรรม
วฒั นธรรมสรา้ งสงั คม
‘เหตุผลหน่ึงที่คนชอบเดินทางคือการได้หลีกหนีออกจากพ้ืนท่ีท่ีแสนน่าเบ่ือจาเจ’ เราหนีจาก
กาแฟแก้วประจาไปเจอกับขนมหวานแสนอรอ่ ย เราหนจี ากฝนเม็ดใหญ่ในเมอื งกรงุ ฯ เพ่ือไปน่ังชิลดูการ
ไหลผา่ นของแม่น้า เราหนีเอกสารกองโตเพื่อไปศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของสถานท่ีสาคัญและความ
เป็นมาของศิลปะ และอกี หลายๆปัจจัยที่ทาให้มนษุ ย์เรานั้นออกเดนิ ทาง
เพชรบุรีเป็นเมืองหน่ึงที่เรียกได้ว่าติดอันดับ Top 10 หรือเป็นระดับต้นๆท่ีคนเลือกที่จะมาเท่ียว
อาจด้วยเหตุผลทวี่ า่ เป็นจังหวัดทไ่ี ม่ไกลจากกรงุ เทพฯ มากนัก และความมีตน้ ทุนด้านการทอ่ งเทีย่ ว
ก็ไม่แปลกทจี่ งั หวดั เพชรบรุ จี ะกลายมาเปน็ จังหวดั หลักในการท่องเท่ยี ว
--------------------------------------------------------------------
หนังสือ “ครรลอง...คลองกระแชง” เล่มน้ี เป็นหนังสือท่ีรวบรวมข้อมูลท่ีมีอยู่ในตาบลคลอง
กระแชง อาเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเท่ียว ประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม วิถี
ชีวิตของคนเมืองเพชรฯ และอื่นๆ ผู้เขียนหวังว่าหนังสือเล่มน้ีจะเป็นประโยชน์สาหรับผู้ท่ีสนใจอยาก
ศึกษา หรือนักทอ่ งเที่ยว ไมเ่ พียงเทา่ นนั้ ผูเ้ ขยี นหวงั วา่ หนังสือเล่มนจี้ ะทาให้คุณซาบซึ้งและหลงรักเมือง
เพชรบรุ ีมากขึ้นอกี ด้วย

จารวี นาคะเวช

ผู้เขยี นหนงั สือ

เขาวังคู่บ้าน ขนมหวานเมืองพระ
เลิศลา้ ศิลปะ แดนธรรมะทะเลงาม

- คา ข วั ญ จั ง ห วั ด -

ขอบคณุ ภาพจาก: Surachet Prangchan

03

01

ท่ีคล-อง2ก2ระ-แชง

- 05 - 02

ความหลัง
ทคี่ ล-อ1ง0กร-ะแชง

04 05

ทีค่ -ลอ3ง5ก-ระแชง ประมวล-ภา4พ2ป-ระทบั ใจ

แลว้ คุณจะหลงรกั เมอื งเพชรบุรี

“เพชรบุร”ี เปน็ จังหวดั ในภาคกลาง ต้ังอยรู่ ิมฝั่งทะเลอ่าวไทย หา่ งจากกรุงเทพฯ 123 กิโลเมตร
แบ่งการปกครองออกเป็น 8 อาเภอ คือ อาเภอเมือง อาเภอเขาย้อย อาเภอหนองหญ้าปล้อง อาเภอ
บ้านแหลม อาเภอบ้านลาด อาเภอท่ายาง อาเภอแก่งกระจาน และอาเภอชะอา รวมพ้ืนที่ท้ังหมด
6,255,138 ตารางกิโลเมตร ซ่ึงตาบลคลองกระแชงเป็นตาบลหนึ่งที่ตั้งอยู่ในอาเภอเมือง สภาพภูมิ
ประเทศทางด้านทิศตะวันตกเป็นป่าเขาสลับซับซ้อน มีเทือกเขาตะนาวศรีเป็นเส้นกั้นอาญาเขต
ระหว่างไทยกับสหภาพพม่า ส่วนทางด้านทิศตะวันออกเป็นที่ราบไปจนจดชายฝ่ังทะเลอ่าวไทย มี
แม่น้าสายสาคัญ 3 สายไหลผ่านจังหวัด ได้แก่ แม่น้าเพชรบุรี แม่น้าบางกลอย และแม่น้าบางตะบูน
ประชากรส่วนใหญ่จึงประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก มีการทานา สวนผลไม้ ทาน้าตาลโตนด
เลีย้ งสัตว์ และทาการประมง

Phetchaburi is a central province, on the west side of Thai Gulf, 123 km.
from Bangkok. Phetchaburi divided into 8 Districts: Mueang, Khao Yoy, Nhong Ya-
plong, Ban Laem, Ban Lad, Tha Yang, Kaeng Krachan and Cha-Am. Khlong
Krachang is a part of Mueang district. Total area: 6,255,138 sq.km. The west side
geography consists of dense rain forest with Tanawasi Mountain Ranges as
borderline with Thai and Myanmar. On the east side consist of great plains to the
Gulf of Thailand, with 3 main rivers run through city as Phetchaburi, Bang Kloy
and Bang Taboon Rivers. Most of people vacations are agriculture, farmers, fruits
plantation, palm sugar, cattle farms and fishing.

ขอบคุณภาพจาก: การท่องเทย่ี วแหง่ ประเทศไทย 01

ขอบคณุ ภาพจาก: การทอ่ งเท่ยี วแหง่ ประเทศไทย 02

How To Go การเดินทาง

ขอบคณุ ภาพจาก: JohnJadd หากคุณใชร้ ถยนตส์ ว่ นตัวในการเดินทาง ทางท่ี
สะดวกสบายและใกลท้ ีส่ ดุ จากกรุงเทพฯ มี 2 เส้นทาง คือ
รถยนต์ 1. ใชท้ างหลวงหมายเลข 35 (สายธนบุร-ี ปากท่อ) ผา่ น
By Car
สมทุ รสาคร สมุทรสงคราม และอาเภอปากท่อ แลว้
แยกเข้าทางหลวงหมายเลข 4 ไปจงั หวดั เพชรบรุ ี
รวมระยะทางประมาณ 123 กม.
2. จากกรุงเทพฯ เดนิ ทางไปตามทางหลวงหมายเลข 4
ผา่ นนครปฐม ราชบรุ ี ไปยงั เพชรบรุ ี เป็นระยะทาง
166 กม.

The easy and shortest ways by your own car from
Bangkok are:

1. Highway No.35 (Dhonburi-Paktho) –Samut
Sakhon, Samut Songkram and Paktho district –
then take Highway No.4 to Phetchaburi, about

123 km.
2. From Bangkok take Highway No.4 – to Nakhon

Pathom – Ratchaburi – to Phetchaburi, about
166 km.

03

รถโดยสารประจาทาง By Bus การเดินทาง

หิ้วกระเป๋าก้าวข้ึนรถประจาทางได้ท่ีสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราช
ชนนี กรุงเทพฯ-เพชรบุรี มีรถประจาทางปรับอากาศและธรรม (พัดลม)
สารกรุงเทพฯ-เพชรบุรี ออกทกุ วัน วันละหลายเทย่ี ว ใช้เวลาเดินทางประมาณ
2 ชวั่ โมง 30 นาที

สอบถามรายละเอียดเพ่ิมเติมได้ท่ี: บริษัท ขนส่ง จากัด โทร. 1460
หากเดินทางจากเพชรบุรีไปหัวหิน, ชะอา มีรถประจาทางปรับอากาศ และ
ธรรม (พัดลมท) ออกจากสถานีขนส่งเพชรบุรี วันละหลายเท่ียว ใช้เวลา
เดนิ ทางประมาณ 60 นาที และ 1 ชวั่ โมง 30 นาที

Bring your luggage – take a BKK-Phetchaburi bus from
Southern Bus Terminal, Borom RatchaChonnani Road, daily air-con or
ordinary (fan) bus Route BKK-Phetchaburi, every hour about 2.30 hr.
Call 1490

From Phetchaburi to Cha-Am – Hua Hin, take daily air-con or
ordinary bus from Phetchaburi every hour, about 60 minutes and
1.30 hr.

ลองเปลย่ี นบรรยาศแบกเปข้ ้นึ รถไฟดูบ้าง การรถไฟแหง่ ประเทศ
ไทยมีบริการรถไฟออกจากสถานีรถไฟหัวลาโพง-กรุงเทพฯ และสถานี
รถไฟธนบุรี ไปยังจังหวัดเพชรบุรีทุกวันทั้งรถธรรมดา รถเร็ว รุด่วน
และรถด่วนพิเศษ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ช่ัวโมง สอบถาม
รายละเอียดเพิม่ เติมได้ท่ี 1690

Get your pack and start your trip by SRT Daily Train
from BKK Train Terminal (Hualumphong) or Dhonburi Station to
Phetchaburi Station, by Ordinary, Rapid or Express Train,
about 3hr. Call SRT 1690 for more information.

รถไฟ By Train 04

01

ท่คี ลคอวงามกหรมะาแยชง

05

10 AUGUST 2021
Khlong

Krachang

ความหมาย
ท่ี ค ล อ ง ก ร ะ แ ช ง

เบือ้ งหน้าของเราคอื แมน่ ้า…..แมน่ า้ สายหลกั แหง่ ชวี ิต
หากคณุ อยูเ่ พชรบุรมี าคร่งึ คอ่ นชวี ิตเหมอื นเรา คณุ ก็คงจะไดย้ นิ ชอื่ ตาบลคลองกระแชงอยู่
บ้างไม่มากกน็ อ้ ย เพราะทน่ี เี้ ปน็ ตาบลท่ีอยูใ่ จกลางอาเภอเมืองเพชรบรุ ี มีพื้นทที่ ้งั หมด 2 ตาราง
กโิ ลเมตร ในตาบลคลองกระแชงจะประกอบไปดว้ ยชุมชน ดงั ตอ่ ไปนี้
1. ชมุ ชนพระนครคีรี
2. ชุมชนทรพั ย์สิน
3. ชุมชนพระปรางค์
4. ชมุ ชนชีสระอินทร์
5. ชมุ ชนไรร่ อ
6. ชุมชนรามราชนเิ วศน์
7. และชุมชนรถไฟ ไชยสุรินทร์

แลว้ เรากเ็ กดิ ความสงสยั ที่วา่ ........

ชอื่ ตาบลคลองกระแชง
มันมีท่ีมาจากอะไร?

06

เรากเ็ ลยลงพน้ื ท่ไี ปหาผ้รู ู้เพอ่ื เก็บขอ้ มลู ในครงั้ น้ี ซงึ่ มีผ้ใู ห้สัมภาษณท์ ้ังหมด 2 ท่านคนแรก
คุณจาลอง วิลัยเลิศ (พี่ทอม) พี่ทอมเป็นเจ้าของร้านอาหารระเบียงริมน้า ซึ่งถ้าใครจาได้ร้านนี้เป็น
สถานท่ีถา่ ยทาภาพยนตรเ์ รอื่ งสิ่งเล็กๆทเ่ี รียกวา่ รกั ซง่ึ เราจะขอเรียบเรียงข้อมูลท้งั หมดในภาษาของเรา...

คาว่า คลองกระแชง ซ่ึงเป็นชื่อของตาบล มีการสันนิษฐานว่า ในตัวเมืองเพชรบุรีน้ันมีคลองอยู่หลายคลอง
คลองกระแชงนัน้ คงจะเปน็ ท่พี กั จอดเรอื กระแชงเปน็ จานวนมาก จึงมชี ่อื วา่ คลองกระแชงเกดิ ข้นึ

เรอื กระแชงท่ีกลา่ วถึงนน้ั อาจารยไ์ พฑรู ย์ ขาวมาลา ผกู้ ่อต้ังพิพิธภณั ฑเ์ รือไทย จังหวดั พระนครศรีอยธุ ยา
ไดเ้ ขยี นอธิบายในสารานกุ รมวัฒนธรรมไทยภาคกลางเล่ม 1 ไวว้ า่ .....

“เรือกระแชงน้ันเป็นเรือที่มีการต่อข้ึนในรัชสมัยของ
พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โ ด ย ลั ก ษ ณ ะ
นั้นจะเป็นเรือต่อ ทาจากไม้สักคล้ายกับแตงโมผ่าคร่ึง ท้องเรือ
จะโค้งกลม สว่ นหัวและท้ายของ เรือจะเป็นทวนแบบเรียบ กง
เรือเป็นไม้โค้งตามท้องเรือวางเรียงกันถี่ ๆ ด้านข้างของเรือ
กระแชงจะเปน็ แผ่นไม้หนายึดด้วยลูกประสักท่ีทาจากไม้
แสมเหลากลม เรือกระแชงมีหลากหลายขนาด เคล่ือนท่ีได้โดย

การใช้ถ่อหรือแจว ต่อมาภายหลังเร่ิมมีเรือยนต์ลากจูง
เขา้ มาก็มกั จะนยิ มผกู เรือกระแชงต่อกนั ยาวให้เป็น ข บ ว น
แลว้ ใช้เรอื ยนต์ลากจูง”

ขอบคณุ ภาพจากเพจาก: เรอื จาลองเภตราฯ

ซ่ึงคาวา่ กระแชงนั้น มคี วามหมายคือ ใบเตยหรือใบจากมาเย็บเปน็ แผงทาเป็นประทุนบงั หลบแดด หลบฝน
ซ่งึ ตอ่ มากเ็ รมิ่ มีการเปลย่ี นไปใชส้ ังกะสแี ทนด้วยเหตุผลของเร่ืองความคงทน

พ่ที อมบอกวา่ ในอดีตเพชรบรุ ีคงมีเรอื กระแชงมาจอดเพ่อื ลาเลยี งสนิ คา้ จาพวกน้าตาล ขา้ วสาร ไปขายยังถนิ่
ต่างๆ พ่ที อมบอกวา่ ถา้ นกึ ภาพเรอื กระแชงไม่ออก ใหน้ ึกถึงเรอื ป่เู ย็น ถา้ เป็นคนเพชรเนยี่ ก็จะได้ยนิ ช่ือปเู่ ยน็ มาบ้าง
ปูเ่ ย็นกลายเป็นท่รี ู้จักท่ัวประเทศในฐานะชายชราผ้ทู ่ีใช้ชีวิตอยูบ่ นเรอื ท่ีล่องไปตามแม่นา้ เพชรบุรี ปู่เย็นได้เสียชีวติ ลง
ในวัย 108 ปี ซง่ึ เรือทปี่ ู่เยน็ ใชอ้ าศัยเปน็ บ้าน เปน็ เรอื ทพ่ี ฒั นามาจากเรือกระแชงอีกทหี น่ึง

07

พอสมั ภาษณเ์ สรจ็ พ่ที อมกไ็ ดแ้ นะนาผู้ร้อู ีกทา่ นหนงึ่ อาศัยอย่พู นื้ ทใ่ี กลเ้ คียงกัน ชอื่ คุณโฟลค
ปภังกร จรรยงค์ ซ่ึงคุณโฟรคทางานเป็นประธานวิสาหกิจชุมชนฯ และเป็นคณะกรรมการชุมชนตลาด
ริมนา้ ชมุ ชนคลองกระแชง และชมุ ชนวดั เกาะ ทส่ี าคญั คณุ โฟรคกย็ ังเป็นเสาหลกั ในการจัดงานและสถานท่ี ที่มีช่ือว่า
เพชรบุรดี ีจังอกี ด้วย

ซ่ึงพอได้ไปสมั ภาษณค์ ณุ โฟรค ข้อมูลกจ็ ะคล้ายๆกัน คือ มีที่มาจากเรือกระแชงที่มาจอดริมฝ่ังแม่น้าเพชรบุรี
และยังได้ข้อมูลเพิ่มเติมมาอีกว่า เดิม อาเภอเมือง ไม่ได้ชื่ออาเภอเมือง แต่ช่ืออาเภอคลองกระแชง ซ่ึงก็ต้ังอยู่ใน
เขตตาบลคลองกระแชงปัจจุบัน ต่อมาภายหลังได้เปล่ียนมาใช้ชื่อเป็นอาเภอเมือง คุณโฟรคบอกว่า คลองกระแชง
เป็นคลองสายหน่งึ ท่ีอยูข่ ้างจวนผู้ว่า ซ่ึงปจั จุบันก็คอื แมน่ า้ เพชรบุรนี ้เี องค่ะ

คุณโฟรคยังได้บอกเพิ่มเติมอีกว่า ชุมชนคลองกระแชงเป็น 1 ใน 3 ย่านชุมชนเก่าที่ถูกจัดตั้งให้เป็นส่วนหนึ่ง
ของถนนสายวัฒนธรรม ซ่ึงผู้เขียนได้ไปหาข้อมูลเพ่ิมเติมมาอีกว่าถนนสายวัฒนธรรมคืออะไร ซ่ึงก็ได้ข้อมูลมาจาก
หนังสอื พิมพเ์ พชรภูมิ ฉบับวนั ท่ี 16 มกราคม 2553 โดยอาจารย์บุญมี พิบูลยส์ มบัติ ได้ความวา่ .....

ถนนสายวัฒนธรรม หมายถึง เส้นทางท่ีสะท้อนเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม
ในท้องถิ่นท่ีโดดเด่นออกมาอย่างเป็นรูปธรรมและฉายภาพความเป็นท้องถิ่นได้
อยา่ งชัดเจน เช่นมีอาคารเก่าแก่อายุนับร้อยปี มีสถาปัตยกรรมท่ีบ่งบอกถึงความ
เป็นท้องถ่ิน รวมไปถึงวิถีชีวิตด้ังเดิมของคนในชุมชน ซึ่งถนนสายวัฒนธรรมเป็น
โครงการของคณะรัฐมนตรีร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ
ของไทย

ทางจังหวัดเพชรบุรี ก็มีถนนสายวัฒนธรรมเช่นกัน มีท้ังหมด 3 ย่านด้วยกัน ได้แก่ ชุมชนคลองกระแชง
ชมุ ชนตลาดรมิ น้า และชมุ ชนวัดเกาะ

ชมุ ชนเก่าริมแมน่ า้ เพชรบรุ ี

โดยสานักงานวัฒนธรรมจังหวัดเพชรบุรี ร่วมกันจัดตั้ง และจัดพิธีเปิดถนนสายวัฒนธรรม ชุมชนย่านเมือง
เก่าริมแม่น้าเพชรบุรี เม่ือวันท่ี 5 มกราคม พุทธศักราช 2561 ณ ลานสุนทรภู่ วัดพลับพลาชัย อาเภอเมือง
เพชรบรุ ี จงั หวดั เพชรบุรี

และน้ีก็เป็นจุดเร่ิมต้นท่ีทาให้ผู้เขียนได้สัมผัสและเรียนรู้ว่าชุมชนคลองกระแชงเป็นอีกชุมชนหนึ่งท่ีมีเสน่ห์ มี
ความน่าสนใจ เพราะด้วยตัวของชุมชนเองก็มีสถานที่ท่องเท่ียว มีร้านอาหาร มีมรดกทางวัฒนธรรมเหมาะแก่การ
มาเดนิ เที่ยวชมและเรียนร้เู รอื่ งราวเล่าขานจากอดตี สู่ปัจจุบัน.......

08

พธิ เี ปิดถนนสายวัฒนธรรม ณ ชุมชนถนนคลองกระแชง

ขอบคณุ ภาพจาก: เพลนิ เมอื งเพชร 09

02

ความหลัง

ทีค่ ลองกระแชง

04

10

" ความสขุ " ไม่ไดอ้ ยู่ท่ี ปลายทาง หรือ ปลายฝนั ....
แตอ่ ย่ทู ีเ่ ราทุกๆวนั ทกุ ๆยา่ งก้าว ทีเ่ รา ก้าวเดนิ "

ขอบคณุ ภาพจาก: Surachet Prangchan 11

31 AUGUST 2021
Khlong

Krachang

ค ว า ม ห ลั ง
ที่ ค ล อ ง ก ร ะ แ ช ง

“ทาไม....เราต้องเรียนประวตั ศิ าสตร์”
นคี้ งเป็นคาถามทใี่ ครหลายๆคนเคยถามตวั เองเมอ่ื ยังเดก็

ในบทน้ี เราได้ไปสมั ภาษณ์ อาจารย์กติ ตพิ งษ์ พง่ึ แตง (ครูเจี๊ยบ) และเราจะพาคุณยอ้ นอดตี เพื่อไป
ศึกษาตาบลคลองกระแชงในเชงิ ประวตั ิศาสตรก์ นั .....

เมืองเพชรบุรี เป็นเมืองแห่งศิลปวัฒนธรรม เป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่มีความหลากหลายทางชาติ
พันธุ์ ประเพณี วฒั นธรรม วิถชี วี ติ และที่สาคัญคือยังคงสืบสานภูมิปัญญาท่ีทรงค่าส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ทาให้
เมืองเพชรบุรมี คี วามเปน็ ศูนยเ์ รยี นร้ทู างศลิ ปวัฒนธรรมทม่ี ีผสู้ นใจมากข้นึ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง

ในบททีผ่ ่านมาเราไดม้ ีการพูดถึง ‘คลองกระแชง’ ซ่งึ เปน็ จดุ เริม่ ตน้ ของชื่อตาบลคลองกระแชง
แล้วคลองกระแชงมนั เป็นคลองทอี่ ยตู่ รงไหนของเพชรบุรีกนั แนล่ ะ่ ?

คลองกระแชงเป็นคลองที่มีจุดเริ่มมาตั้งแต่ตรงคงคาราม อ้อมไปวัดโคก วัดชีสระอินทร์ อ้อมไปจน
สุดหลังจวนผู้ว่าในปัจจุบัน แล้วก็วกกลับมาเส้นเดิม ซึ่งตอนน้ีก็ไม่มีคลองเส้นน้ันให้เห็นแล้ว เพราะว่า
กลายเป็นถนนไปหมด มีท่ีหลงเหลืออยู่สายเดียวก็คือบริเวณริมถนนคนเดิน หรือข้างวัดพลับพลาชัยใน
ปัจจุบัน ซ่ึงก็จะเป็นส่วนหนึ่งของแม่น้าเพชรบุรีไปแล้ว ซึ่งบริเวณท่ีมีเรือกระแชงหนาแน่นมากที่สุดก็จะ
บรเิ วณข้างวัดพลับพลาชัยนแ้ี หละ

12

ขอบคุณภาพจาก: JohnJadd

13

ภาพผนังบริเวณลานสุนทรภู่ วัดพลับพลาชยั จะเป็นภาพที่แสดงวถิ ชี วี ติ ของผู้คนเพชรบุรี
สมัยกอ่ น ซึ่งหากสงั เกตดๆี เราก็จะเห็นภาพของคลองกระแชง เรือกระแชง และวดั พลับพลาชัย
ในเม่ือสมยั ก่อนด้วย

ภาพผนังน้แี สดงใหเ้ หน็ ถึงการบรรทุกสนิ ค้าสง่ ออกของเพชรบุรใี นสมัยอยธุ ยา ซง่ึ สินค้าท่ี
สาคัญๆในสมัยนัน้ ของเพชรบุรี กจ็ ะมี เกลือ นา้ ตาล ขา้ ว ปลาแหง้ แล้วก็สมุนไพรประเภทกญั ชา
ซงึ่ พันธุท์ ีจ่ ัดวา่ ยอดเย่ยี มเลยก็จะเปน็ กญั ชาพันธ์ตุ ะนาวศรี.....

เมืองเพชรบรุ หี รือตาบลคลองกระแชงนน้ั มปี ระวตั ิศาสตรม์ าอย่างยาวนาน มปี รากฎ
หลักฐานตัง้ แตส่ มยั กอ่ นประวตั ศิ าสตร์ แล้วก็มาเป็นสมัยทวารวดี สโุ ขทัยและอยุธยาตามลาดบั
ซ่ึงเราสามารถดหู ลักฐานทยี่ ังหลงเหลือมาถงึ ปัจจบุ ันได้ เช่น วดั กาแพงแลง และพระปรางค์ 5
ยอดของวัดมหาธาตุ ซ่งึ เปน็ ศิลปะแบบขอมนั้นเอง

14

ตาบลคลองกระแชงทเ่ี ปน็ อาเภอเมอื ง ณ ปัจจุบันนี้ ไม่ใช่ตัวเมืองเดิมมาตั้งแต่แรก ได้มีการ
โยกยา้ ยตาแหน่งกนั ไปเรอ่ื ย ๆ เมอื่ ก่อนอาเภอเมอื งจะตัง้ อยูร่ ะหวา่ งกลางเขาแดน่ ทีอ่ ยบู่ า้ นลาด
กับฝงั่ ทะเล

ซ่ึงตัวเขาแด่น ก็มีตานานซึ่งเป็นที่มาของช่ือจังหวัดเพชรบุรีด้วย..... ถ้าเป็นคนเพชรบุรี
ด้ังเดิม ส่วนใหญ่ก็จะรู้ว่า คาว่า ‘เพชร’บุรี มันเพี้ยนมาจากคาว่า พริบพรี ซ่ึงคาว่าพริบพรีนั้น
พราหมณ์เป็นคนตั้งชื่อให้ เป็นภาษามอญ ซ่ึงถ้าย้อนไปไกลกว่านั้นอีก ก็จะมีช่ืออื่นๆอีกท่ีเขา
สนั นิษฐานวา่ นา่ จะเปน็ เมืองเพชรบุรี เชน่ ถา้ เปน็ สมยั ขอมโบราณ ก็จะเรียกเมืองเพชรบุรวี ่า
ศรีชยั วชั รปรุ ี แล้วก็เพ้ียนกันมาเรอ่ื ย ๆตามแตล่ ะสมัย ตามแตส่ าเนยี งภาษาของแต่ละประเทศ จน
สมัยอยุธยา เราก็เรียกว่า พริบพรี ซึ่งคาว่าพริบพรีนั้น เป็นคาที่ไม่มีความหมาย แต่บาง
แหล่งข้อมูลกลับบอกว่ามันเป็นชื่อเมืองจากอินเดีย แล้วพวกพราหมณ์ก็นามาต้ังให้อีกทีหนึ่ง ส่วน
ชื่อ เพชรบุรี ครูเจี๊ยบบอกว่า มันเพี้ยนมาจากสมัยก่อน ซ่ึงจริง ๆ แล้วคาว่าเพชรบุรีมีมาต้ังแต่
สมัยสุโขทัยแล้ว แต่ไม่ใช่เพชรบุรี เป็นเพชรบูรี เพราะว่าปรากฏช่ืออยู่ในศิลาจารึกพ่อขุน-
รามคาแหงด้านที่ 4 บรรทัดท่ี 21

15

ชอ่ื จงั หวัดเพชรบรุ ี กม็ ีตานานเล่าขานอยู่เหมอื นกนั .........

เวลากลางคนื พอเรามองไปท่ที ศิ ตะวนั ตก ชาวบ้านจะเหน็ แสงสว่างอยบู่ รเิ วณขอบเขาลกู หน่ึง
ชาวบ้านเขาเลยต่างคิดว่าน้ันเป็นแสงของเพชร พอตกกลางคืนพวกชาวบ้านเลยปีนขึ้นไปที่เขาลูก
น้ันและเอาปูนป้ายเป็นเคร่ืองหมายว่า พวกเขาเห็นแสงตรงนี้ ตรงนี้ต้องมีเพชรแน่ ทิ้งเอาไว้
ขา้ มคืนเพือ่ กลับมาขดุ หาเพชรกันตอนกลางวัน

พอรุ่งเช้า ชาวบ้านก็กลับมาท่ีเขา และก็เร่ิมสกัดปูนตรงที่คิดว่าจะมีเพชร ก็กลับว่าไม่พบ
อะไรเลย เหลือไวแ้ ตร่ อยปูนที่ชาวบา้ นเอามาปา้ ย คนก็เลยเรยี กเขาลูกน้ี เขาแด่น ซึ่งก็ไปตรงกับท่ี
ครูเจยี๊ บใหข้ ้อมูลมาตอนแรกวา่ เมือ่ ก่อนตวั เมืองเพชรบุรีนั้นต้ังอยู่บริเวณเขาแด่น ซึ่งคาว่า ‘แด่น’
แปลวา่ รอยดา่ ง อยา่ งเช่น มา้ หรอื สุนขั เวลาทม่ี นั มขี นด่างขนึ้ เขาก็เรียกกันวา่ หมาหน้าแด่น มา้
หน้าแดน่ น้นั เอง.....

แลว้ คุณสงสัยไหมว่า แลว้ แสงท่ีวา่ คล้ายเพชรน้ัน ถ้าไมใ่ ชเ่ พชรแลว้ มันคอื อะไรกนั แน่.......
ปจั จบุ ันนี้ยังไมม่ ีหลกั ฐานทีย่ นื ยันอย่างชัดเจนว่าแสงที่ชาวบ้านเห็นนั้นคือแสงอะไรกันแน่ แต่บ้างก็

ว่าเป็นหินเขี้ยวหนุมาน เป็นหิวควอตช์ชนิดหน่ึง อยู่ตระกูลเดียวกับเพชร แต่มีความแข็งน้อยกว่า
เพชรมาก บางคนอาจจะรู้จักหินชนิดน้ีในชื่อของคริสตัลยี่ห้อดังของออสเตรีย ชื่อว่า Swarovski
แล้วก็โคมไฟระย้า chandelier น้ันเอง ซึ่งคนโบราณเขาเช่ือกันว่า ถ้าทิ้งหินเข้ียวหนุมานไว้ตาม
สภาพเดิมนานๆ ตอ่ ไปอีกประมาณ 1,000 ปมี ันจะกลายเป็นเพชรจรงิ ๆ

ขอบคณุ ภาพจากเพจ: เขาแด่นโปง่ สลอด อ.บา้ นลาด จ.เพชรบรุ ี 16

เมืองเพชรบุรีสันนิษฐานกันว่าเป็นเมืองหนึ่งของทวารวดี ซึ่งทวารดีเป็นการรวมเมืองต้ังแต่
ราชบุรี เพชรบรุ ี นครปฐม กาแพงแสน ลพบรุ ี นครสวรรค์ ลาพนู และกอ็ ืน่ ๆอีกมากมาย

จากบันทึกของ ลาลูแบร์ ราชทูตของพระเจ้าหลุยห์ท่ี 14 ประเทศฝร่ังเศส ก็ได้บันทึก
เกยี่ วกบั เพชรบุรเี อาไวใ้ นหนังสือช่ือว่า A New Historical Relation of the Kingdom of Siam ได้
บนั ทึกเอาไว้วา่ .....

“พระปฐมบรมกษัตริย์ของชาวสยามนั้นทรงพระนามว่าพระปฐมสุริยเทพนรไทยสุวรรณบพิตร (Pra Poat

honne Sourittep pennaratui sonanne bopitra) พระมหานครแห่งแรกท่ีเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติน้ันชื่อว่า
ไชยบุรีมหานคร (Tchai pappe Mahanacon) ซ่ึงข้าพเจ้าไม่แจ้งว่าต้ังอยู่ที่ไหน เมื่อเสด็จขึ้นเถลิงราชย์น้ันพระพุทธ
ศาสนยุกาลลว่ งแล้ว ๑๓๐๐ พรรษา นับตามศกั ราชสยาม

และมีพระมหากษัตริย์สืบสันตติวงศ์ต่อมาอีก ๑๐ ช่ัวกษัตริย์ องค์สุดท้ายทรงพระนามว่าพญาสุนทรเทศ
มหาเทพราช (Ipoia Sanne Thora Thesma Teperat) ย้ายพระนครหลวงมาตั้งราชธานีใหม่ที่เมืองธาตุนครหลวง
(Tasoo Nacora Louang) จะอยยู่ ังแห่งหนตาบลใด ข้าพเจ้ากไ็ มแ่ จ้งอกี เหมือนกนั ในปี พ.ศ. ๑๗๓๑

พระมหากษัตริย์องค์ท่ี ๑๒ สืบต่อจากพระองค์นี้ ซ่ึงทรงพระนามว่าพระพนมไชยศิริ (Pra Poa Noome
Thele Seri) ทรงให้อาณาประชาราษฎรของพระองคอ์ พยพตามไปยังเมืองนครไทย ซ่ึงตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้าอันไหลมา
จากภูเขาแดนลาว ซึ่งไหลลงสู่แม่น้า ตอนเหนือเมืองพิษณุโลกข้ึนไปเล็กน้อย แต่นั้นไปยังเมืองนครไทยไกลกัน ๔๐
ถึง ๕๐ ล้ี แต่พระมหากษัตริย์พระองค์นี้มิได้ประทับอยู่ ณ เมืองนครไทยตลอดมา หากได้เสด็จไปสร้างและประทับ
อยู่ ณ เมืองพิบพลี (Pipeli) บนฝ่งั แม่นา้ สายหนงึ่ ซง่ึ ปากน้านั้นอยู่หา่ งราว ๒ ลี้ ข้างทิศตะวันตกของปากน้า

มีพระมหากษัตริย์สืบราชสันตติวงศ์ต่อมาอีก ๔ ชั่วกษัตริย์ องค์สุดท้ายทรงพระนามว่ารามาธิบดี
(Rhamatilondi) ไดท้ รงสรา้ งเมืองสยามน้ขี นึ้ เมื่อปี พ.ศ. ๑๘๙๔ และเสด็จขึ้นดารงสิริราชมไหสวรรย์สมบัติ ณ ที่น้ัน
ตามเนอ้ื ความน้ยี ่อมประจกั ษว์ ่าเมอื งสยามมีความเก่าแก่มาถึง ๓๓๘ ปแี ล้ว

พระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันนับเป็นพระเจ้าแผ่นดินองค์ท่ี ๒๕ เรียงแต่พระรามาธิบดีเป็นต้นมา แต่ในปี
ค.ศ. ๑๖๘๙ น้ีทรงมีพระชนมายุได้ ๕๖ หรือ ๕๗ พรรษาแลว้ เม่ือเช่นนี้ก็รวมมีพระมหากษัตริย์สยาม ๕๒ พระองค์
ในชว่ั ระยะ ๙๓๔ ปี โดยมใิ ชพ่ ระราชวงศ์เดียวกนั มาโดยตลอดสาย”

สรุปความได้ว่าพระพนมชัยศิริ เป็นกษัตริย์องค์ท่ี 12 สืบจากพระปฐมบรมกษัตริย์ของชาว
สยามคนแรก พระพนมชยั ศิริเป็นคนส่ังให้ประชาชนอพยพไปตั้งถ่ินฐานอยู่ท่ีเมืองนครไทย ซึ่งเป็น
บริเวณแถว ๆ ตอนบนของเมืองพิษณุโลก แต่พระองค์ไม่ได้ย้ายตามประชาชน หากแต่ท่านเสด็จ
ไปสร้างเมืองใหม่ ซ่ึงก็คือเมืองพิบพลีน้ันเอง เราก็เลยถือว่าพระพนมชัยศิริเป็นคนแรกที่ก่อตั้ง
เพชรบุรีข้ึนมา ต่อมาขอมก็เร่ิมมีอานาจแล้วก็แผ่ขยายอานาจมา สุดท้ายเมืองเพชรเราก็ต้องยอม
สวามิภักด์ิตกเป็นเมืองข้ึนของขอมด้วย หลักฐานท่ีแสดงให้เห็นถึงร่องรอยของขอมก็คือ ประสาท
หินวัดกาแพงแลง แล้วก็พระปรางค์ 5 ยอดของวัดมหาธาตุวรวิหาร พอต่อมาในปลายศตวรรษที่
16 เพชรบรุ ีก็ตกเป็นเมืองขน้ึ ของกรงุ สโุ ขทัย......

17

ต่อมาในสมัยอยุธยา ขณะน้ันอยุธยากาลังทาศึกกับอาณาจักรหงสาวดี (มอญ) อยู่ กษัตริย์
จากกรุงละแวกก็เห็นว่าได้ที จึงได้ส่งพระยาอุเทษราชา กับพระยาจีนจันตุมาลอบตีเมืองเพชรบุรี
โดยเดินทางมาทางน้า 7 วัน ซ่ึงทางน้าที่ว่าก็สันนิษฐานกันว่าเป็นคลองกระแชง พร้อมด้วยพล
ทหารอีก 30,000 คน ตีกันอยู่ 3 วันก็ไม่สาเร็จ จาเป็นต้องถอยทัพกลับไป แต่พระยาจีนจันตุไม่
ยอมกลับเขมร กลับหลบซ่อนตัวอยู่ในกรุงศรี เพราะกลัวโดนโทษหรืออย่างไรไม่ทราบ ท่ีไม่
สามารถทาศกึ ใหส้ าเรจ็ ได้ แต่ต่อมากน็ ัง่ เรือสาเภาหนีกลบั กรงุ ละแวกไป

...3 ปีต่อมากรุงละแวกก็กลับมาตีเมืองเพชรบุรีอีกคร้ัง คราวน้ีพร้อมด้วยทหารอีก 70,000
นาย ซึ่งศึกคร้ังนี้มีเจ้าเมืองยโสธรธานี เจ้าเมืองเทพธานี และเจ้าเมืองเพชรบุรี เป็นคนคุมทัพ
คราวนี้เราเป็นฝ่ายแพ้ ไม่สามารถป้องกันเมืองไว้ได้ เจ้าเมืองท้ัง 3 เสียชีวิตทั้งหมด ด้วยเหตุ
เพราะไม่สามคั คกี ัน ชาวเมอื งเพชรบุรีจงึ ตกเป็นเชลยของเขมร

ตอ่ มาในสมยั สมเด็จพระนเรศวรมหาราชหรือพระองค์ดา พร้อมกับเจ้าเมืองเพชรบุรีก็ได้นา
กองทัพเข้าตีเมืองละแวกไดส้ าเรจ็ พระองคด์ าจบั พระยาละแวกมาทาพธิ ปี ฐมกรรม คอื เป็นพิธีการ
ประหารศัตรูแล้วเอาเลือดของศัตรูมาล้างพระบาท น้ีเป็นข้อมูลมาจากพระราชพงศาวดารกรุงศรี
อยุธยา แต่ก็มีนักประวัติศาสตร์หลายคนไม่เชื่อว่าจะมีพิธีนั้นอยู่จริง เพราะทั้งจากพงศาวดารกับ
บันทึกของสเปนได้ระบุไว้ว่า พระเจ้าแผ่นดินกับราชบุตรของกรุงละแวกหนีไปอยู่เมืองอื่นก่อน
และพิธีปฐมกรรมเองก็เป็นพิธีเก่ียวกับช้างด้วย ดังนั้น พิธีปฐมกรรมซ่ึงเป็นพระราชพิธีประหาร
ชวี ติ ศัตรูนน้ั อาจเปน็ ปญั หาความคลาดเคล่อื นของการบันทกึ พงศาวดารฝ่ายไทยเสียเอง

18

หลังจบเหตุการณน์ ี้ นับต้งั แตป่ ลายสมยั กรุงศรจี นถึงชว่ งต้นสมัยรัตนโกสนิ ทร์ เมืองเพชรก็ไม่
มีเหตุการณ์สาคัญอะไรเกิดขึ้นมากนัก จนมาถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า ( ร.4) เมือง
เพชรก็กลายเป็นเมืองตากอากาศ พระองค์โปรดให้สร้างพระนครคีรีข้ึนที่เขามหาสวรรค์ หรือเขา
สมน ก่อสร้างไว้เพ่ือเป็นพระราชวังฤดูร้อน ซ่ึงคาว่าสมนแปลว่าอะไร แปลว่า มะลิป่า ซ่ึงมีข้ึนอยู่
มากบนเขาวงั ทกุ วันนี้กย็ ังมีอยู่ และชาวบา้ นกเ็ ชอื่ กันวา่ มะลิป่า มฤี ทธช์ิ ่วยบรรเทาอาการป่วยไข้

ตอ่ มาในสมยั รัชกาลท่ี 5 พระจุลจอมเกล้า กท็ รงโปรดเมอื งเพชรฯ เช่นกัน มีรับส่ังให้สร้างวัง
อกี แห่งหนง่ึ คือ วังบ้านปืน พระราชวังฤดูฝน ซ่ึงในบันทึกของพระยาสุรินทรฤาชัย (เทียน บุนนาค
ผู้ว่าราชการเมืองเพชรบุรีสมัยน้ัน) ระบุไว้ว่า ร.5 ทรงโปรดเสวยน้าจากแม่น้าเพชรบุรีมาก และ
แม่ น้า เพ ช รบุรีก็ยั งเ ป็น 1 ใน 5 แม่ น้า สาย สา คั ญท่ี ถูกนา ม าใช้ใน พ ระราช พิธี ถื อ
น้าพระพิพัฒน์สัตยา พิธีนี้มีมาต้ังแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเราได้แบบอย่างมาจากขอมและขอมก็
รับมาจากอินเดียอีกทีหน่ึง พิธีนี้ หมายถึง “พระราชพิธีอันเป็นมงคลแห่งความซื่อสัตย์ที่ใช้น้าเป็น
เคร่ืองกาหนด ก็คือเขาจะนาน้าศักด์ิสิทธ์ิ จากแม่น้าท่ีสาคัญของไทย 5 สายด้วยกัน คือ แม่น้าบาง
ปะกง แม่น้าป่าสัก แม่น้าท่าจีน แม่น้าแม่กลอง และแม่น้าเพชรบุรี มาต้ังในพิธี ในการทาพิธี ผู้ที่
เปน็ พราหมณ์จะแทงอาวธุ ลงไปในนา้ และให้คนทท่ี าพิธีดื่มน้าน้ัน สาบานว่า จะจงรักภักดีต่อกษัตริย์
หากผู้ใดไม่รักษาคาสัตย์ปฏิญาณท่ีได้กล่าวไว้ ก็ให้มีอันเป็นไปด้วยอาวุธหอกดาบที่อยู่ในน้าที่ตนดื่ม
แต่เดิมเนี่ยคนที่ดื่มน้าสาบานน้ี ก็จะมี ข้าราชการประจา ศัตรูที่เข้ามาขอพ่ึงพระบรมโพธิสมภาร
ทหารทถ่ี ืออาวธุ และพิธีน้กี เ็ ร่ิมมกี ารเปลยี่ นแปลงในสมัย ร.4 ก็คือจากเดิมท่ีพวกข้าราชบริพารด่ืม
น้าสาบานตนให้กษัตริย์เพียงฝ่ายเดียว ก็เปล่ียนไปให้กษัตริย์ด่ืมน้าสาบานตนด้วย เพ่ือแสดงถึง
ความเปน็ ธรรมราชาหรือก็คือกษตั รยิ จ์ ะต้องปกครองแผน่ ดนิ โดยธรรมน้นั เอง

19

คงิ มงกุฎกับเมืองเพชรเม่ือครัง้ อดีต

ในบันทึกของราชทูตกรุงเบอร์ลิน ได้กล่าวถึงเมืองเพชรในอดีตไว้ว่า...ในสมัยรัชกาลที่ 4
เมืองเพชรบุรีคร้ังน้ันได้รับการยอมรับว่าเป็นหัวเมืองเดียวที่ทรงโปรดปราน ไม่ใช่เฉพาะดินฟ้า
อากาศเท่าน้ัน ยังมีพืชพันธ์ุธัญญาหารนานาและธรรมชาติที่เหมาะสม มีวัดวาอาราม สมณะชี
พราหมณ์ และผู้คนพลเมอื งล้วนเปน็ ส่ิงทท่ี รงพอพระราชหฤทัย

ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สร้างพระราชวังขนาดย่อมที่มีศักดิ์และอิสริยยศเสมอ
พระราชวงั หลวงบนเขาสมน ซึ่งเคยมีวัดเก่าแก่อยู่วัดหน่ึงก็โปรดให้สร้างวัดข้ึนใหม่เสมือนวัดประจา
วัง และพระราชทานนามจากชือ่ เขาสมน เป็นเขามหาสวรรค์ และเป็นวดั มหาสมณารามสืบต่อมา

ตลอดระยะเวลาที่ทรงผนวชอยู่ได้ทรงศกึ ษาและมีความรู้เรื่องพระพุทธศาสนาอย่างแตกฉาน
จึงทรงมีน้าพระทัยกว้างขวางมิได้ทรงรังเกียจผู้นับถือศาสนาอื่น ทรงให้เสรีภาพแก่คณะมิชชันนารี
สตรีอเมรกิ ันตงั้ แตป่ แี รกที่ทรงครองราชย์ ก่อให้เกิดการต่ืนตัวทางการศึกษาสตรีท่ีเพชรบุรี ดังนั้น
เมือ่ คณะหมอสอนศาสนามาลงหลกั ปกั ฐานทเ่ี พชรบุรจี ึงโปรดเกลา้ พระราชทานท่ีดินให้เป็นท่ีทาการ
ศาสนาและตั้งโรงเรียนฝึกงานสตรีทางเย็บปักถักร้อยจนมีช่ือเสียงว่าเมืองเพชรเป็นแห่งแรกที่มี
การกอ่ ตัง้ โรงเรียนการชา่ งสตรขี น้ึ และยงั เปน็ เมอื งแรกของประเทศทมี่ ีการนาจักรเยบ็ ผ้ามาใช้

คณะมิชชันนารีรุ่นแรกๆน้ันมิได้มุ่งเผยแพร่กิจการทางศาสนาเพียงอย่างเดียว มีงานท่ีควบคู่
ไปพร้อมกับการตั้งโรงเรียนคือกิจการโรงพยาบาลด้วย ทาให้เมืองเพชรคร้ังสมัยรัชกาลที่ 4 เป็น
เมืองที่มีความเจริญก้าวหน้าเก่ียวกับวิทยาการสมัยใหม่พร้อมกับการพัฒนาบ้านเมืองในทุกๆด้าน
เช่น การเดินทางเริ่มมีเรือกลไฟใช้แทนเรืออย่างเก่า มีการนาพิมพ์ดีดมาเผยแพร่เป็นแห่งแรก มี
การตง้ั สถานพยาบาลท่ีมีการผ่าตดั และปลกู ฝีซึ่งสถานพยาบาลของมชิ ชันนารแี ห่งนเี้ กดิ ก่อนท่จี ะมี
ศิรริ าชพยาบาลถงึ 8 ปีเสยี อกี

ต่อแต่น้ันชาติต่างๆ ก็ได้เร่ิมเข้ามาเจริญพระราชไมตรีและค้าขายกับไทย เช่น อเมริกา
ฝรั่งเศส โปรตุเกส เนเธอร์แลนด์ ปรัสเซีย เดนมาร์ก เป็นต้น ทาให้พระราชสานักไทย คือ พระ
นครคีรี ซึ่งต้ังอยู่บนเขามหาสวรรค์เป็นดุจเมืองสวรรค์ เป็นสถานที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองและ
อาคันตุกะต่างชาติ จัดให้มีการแสดงละครให้แขกต่างประเทศชม นอกจากนี้ยังใช้พระนครคีรีเป็น
พระราชวังหลวงแห่งที่ 2 ที่ทรงวางแผนงานบ้านเมืองในด้านรัฐประศาสนศาสตร์ต่างๆ เพ่ือการ
บริหารการปกครองและพฒั นาบ้านเมือง เมอื งเพชรครงั้ นั้นจงึ เสมือนเปน็ เมอื งตน้ แบบเพ่อื นา
กุศโลบายต่างๆไปทานุบารุงและสร้างสรรค์จรรโลงให้บ้านเมืองได้เทียบทันนานาอารยประเทศ
ยับยั้งไม่ให้อริราชศัตรูนาแสนยานุภาพที่เหนือกว่ามาข่มเหงรังแกไทยเอาไปเป็นประเทศราชของ
ประเทศบา้ นใกล้เรือนเคียง ดงั เปน็ ท่ีทราบอยา่ งดีโดยทว่ั กนั แล้ว

20

ขอบคณุ ภาพจากเพจ: ประวัตศิ าสตร์ สยาม 21

03

ทค่ี ลคอวางมกงดรงะาแมชง

22

15 SEPTEMBER 2021
Khlong

Krachang

ความงดงาม
ท่ี ค ล อ ง ก ร ะ แ ช ง

“ ”เพชรบรุ ี คอื อยธุ ยาที่ยงั มีชวี ิต

“คณุ วา่ ...ในตาบลน้ี มีวดั ก่ีวดั กนั ?”
ไม่ต้องเสิรช์ จากอนิ เตอร์เนต็ ก็น่าจะพอเดาไดว้ ่าในตัวเมอื งเพชรบุรีน้ันมีวัดเยอะแยะมากมาย
เตม็ ไปหมด แต่ละวดั ก็จะมีศลิ ปะไม่แขนงใดก็แขนงหนง่ึ ประดบั เอาไวเ้ ปน็ เอกลกั ษณ์ของแตล่ ะวดั ...

งานปูนปัน้ สกลุ ชา่ งเมอื งเพชร เปน็ งานประณตี ศลิ ปใ์ นกล่มุ งานชา่ งฝมี อื ดงั้ เดมิ จากการศึกษา
ของนักวิชาการทางประวัติศาสตร์ได้ระบุถึงหลักฐานเกี่ยวกับปูนป้ันที่เก่าท่ีสุดว่าอยู่ในยุคทวารวดี
และ มพี ฒั นาการเรื่อยมาจนถงึ ปัจจุบนั อนึง่ เมืองเพชรบุรีไดร้ บั การขนานนามว่าเป็นอยุธยาที่มีชีวิต
เพราะมีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ท่ีแสดงความรุ่งเรืองและรุ่มรวยของงานศิลปกรรม
หลากหลายแขนงโดยเฉพาะงานปูนป้ันที่ถือว่าเป็นงานสกุลช่างเมืองเพชรโดยแท้ เพราะงานปูนป้ัน
สกุลช่างเมืองเพชรมีเอกลักษณ์เฉพาะ ในด้านกรรมวิธีการผลิตปูน ความพิถีพิถันในการสร้างงาน
การออกแบบลวดลายให้พลิ้วไหว มีการแทรกแนวความคิดของช่างป้ันลงไปในผลงาน ประกอบกับ
ช่างผู้สร้างงานปูนปั้นสกุลช่างเมืองเพชรได้รับแรงบันดาลจากผลงานปูนป้ันชั้นครู ที่ถือว่าเป็น
เสมอื นเพชรนา้ งามของเมือง มีปูนปั้นสมัยอยธุ ยา วัดมหาธาตุฯ วดั ขอ่ ย วัดสระบัว เปน็ ตน้

23

หลักฐานเก่ียวกับงานปูนปั้นในจังหวัดเพชรบุรี ส่วนใหญ่เป็นงานสร้างสรรค์ที่ตอบสนอง
เรื่องความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ดังจะเห็นงานปูนปั้นต้ังแต่อดีตมาจนปัจจุบันมักจะ
ปรากฏตามถาวรวัตถุและปั้นประดับศาสนสถานในทางศาสนา เช่น พระพุทธรูป เทวรูป ฐานพระ
ประธาน หน้าบัน ซุ้มประตูหน้าต่างพระอุโบสถ วิหาร ฯลฯ ตามท่ีมีการศึกษาค้นคว้าเก่ียวกับ
หลักฐานและร่องรอยของงานปูนปั้นในจังหวัดเพชรบุรี พบว่า งานปูนป้ันช้ินเก่าแก่ที่สุดในจังหวัด
เพชรบุรีมีพัฒนาการท่ีสามารถย้อนไปได้ถึงสมัยทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ ๑๒-๑๗) เช่น
ประติมากรรมปูนป้ันจากแหล่งโบราณคดีทุ่งเศรษฐี ประติมากรรมปูนปั้นถ้ายายจูงหลาน สืบขึ้นมา
คือปูนปนั้ ประดับปราสาทวดั กาแพงแลง เปน็ ปราสาทขอมพุทธศตวรรษที่ ๑๘ สมัยลพบุรี เร่ือยมา
จนถงึ สมัยอยุธยาตอนต้นราวปลายพุทธศตวรรษท่ี ๑๙-๒๐ คืองานปูนป้ันประดับเจดีย์แปดเหลี่ยม
ในถ้าเขาหลวง งานปูนปั้นประดับพระอุโบสถวัดสระบัว ราวกลางพุทธศตวรรษที่ ๒๓ งานปูนปั้น
ประดับพระอุโบสถวัดเขาบันไดอิฐ ราวปลายพุทธศตวรรษท่ี ๒๓ ถึงต้นพุทธศตวรรษท่ี ๒๔ สมัย
อยุธยาตอนปลายในกลุ่มปูนป้ัน วัดเกาะ วัดใหญ่สุวรรณาราม วัดไผ่ล้อม รวมถึงปูนปั้นประดับ
อาคารวัดมหาธาตุวรวิหารท่ีมีการผสมผสานฝีมือของช่างรุ่นเก่ากับช่างรุ่นใหม่สมัยรัตนโกสินทร์ไว้
อีกหลายๆ ทา่ น

งานปูนปั้นสกุลช่างเมืองเพชรเร่ิมมีพัฒนาการต่อเนื่องจากปลายอยุธยาอย่างชัดเจนจนถึง
ตน้ รัตนโกสินทร์ และพบว่า มีช่วงรอยตอ่ ทยี่ ังขาดหลกั ฐานเกย่ี วกบั งานปูนปนั้ ในช่วงรชั กาลที่ ๑-๓
จนมาถงึ สมัยรัชกาลท่ี ๔ เป็นต้นมา พบว่า มีการศึกษาข้อมูลตลอดจนประวัติศาสตร์ของงานปูนป้ัน
สกุลช่างเมอื งเพชรทเี่ ริ่มมีความชดั เจนมายงิ่ ขน้ึ ตามลาดบั

ผลงานเหล่านี้เป็นห้องเรียนรู้ของสกุลช่างเมืองเพชรมาอย่างต่อเน่ือง ดังจะเห็นได้ว่าจังหวัด
เพชรบุรีเป็นเมืองท่ีมีช่างปูนปั้นอยู่คู่กับเมืองเพชรมาอย่างยาวนาน ซึ่งช่างปูนปั้นตั้งแต่โบราณการ
สืบมาจนถึงปัจจุบันมีส่วนในการช่วยสร้างบ้านแปงเมือง ให้มีความเจริญรุ่งเรืองสืบมาโดยลาดับ
ความโดดเดน่ อันเป็นเอกลักษณ์ของผลงานปูนปั้นสกุลช่างเพชรบุรี ยังเป็นเครื่องจูงใจให้บรรดาผู้ท่ี
สนใจศึกษาใฝร่ ู้เกย่ี วกับประวตั ิศาสตรศ์ ิลปะ และผู้ท่ีหลงใหลในงานปูนป้ันเข้ามาเรียนรู้เข้ามาศึกษา
อย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่ให้ความสาคัญกับลวดลายที่งดงามของปูนป้ัน การออกแบบที่ลงตัว การ
แทรกเนื้อหาแนวคิด ลูกเล่นท่ีเป็นเอกลักษณ์ซึ่งมีทั้งผลงานยุคเก่าและสร้างสรรค์ข้ึนใหม่ ที่
ผสมผสานแนวคดิ ไดอ้ ยา่ งลงตัว

อน่ึง งานปนู ปัน้ เมืองเพชร เปน็ งานศิลปะที่มีความคงทนจึงเป็นทน่ี ยิ มทพกันตอ่ ๆ มา วัสดุทีใ่ ช้
สามารถหาได้ในท้องถ่ิน ซึ่งปูนขาวโบราณทาจากเปลือกหอย กระดาษฟาง กาวหนัง น้าตาล โขลก
ด้วยครกจนละเอียดแล้วนาไปป้ัน งานปูนป้ัน จึงเป็นงานช่าง ผู้ที่ทางานปูนปั้นสามารถเลือกทาเป็น
อาชีพหนึ่งได้เพราะเป็นอาชีพสร้างเงินเลี้ยงตนเองเลี้ยงครอบครัวได้ดีอีกอาชีพหนึ่ง (ณรงค์ชัย
มากบารงุ จติ , สัมภาษณ,์ 15 กนั ยายน 2564)

24

ขอบคณุ ภาพจาก: Surachet Prangchan 25

ลกั ษณะเฉพาะของสานกั สกลุ ช่างเมอื งเพชร

คณะกรรมการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมประจาจังหวัดเพชรบุรี (2564) ได้กล่าวว่า
การศึกษาเก่ียวกับงานสกลุ ชา่ งในจงั หวดั เพชรบรุ ี เรมิ่ มคี วามชัดเจนมาขึ้นในสมัยรชั กาลท่ี ๔
โดยเฉพาะ พระช่าง ท่ีนับว่าหลายรูปมีผลงานท่ีสาคัญและมีความโดดเด่นจนเป็นเอกลักษณ์
เฉพาะตัวถึงข้ันเป็นเจ้าสานัก ทาหน้าที่สร้างงานศิลปะและทาหน้าท่ีถ่ายทอดความรู้ในทางเชิงช่าง
ให้กับบรรดาลูกศิษย์ท่ีมีทั้งสมณเพศ และฆราวาสในสานักของตนมาโดยลาดับ เช่น หลวงพ่อฤทธ์ิ
วดั พลับพลาชัย หลวงพอ่ รอด วัดยาง หลวงพ่อทงั่ วดั พระทรง พระอาจารย์เป้า วดั พระทรง
หลวงพ่ออนิ ทร์ วัดยาง ฯลฯ

ส่วนใหญส่ านักชา่ งมกั จะมวี ัดเป็นศูนยก์ ลางของการเรยี นรู้งานช่าง เมอื่ พระชา่ งหรือเจา้ สานกั
ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้กับลูกศิษย์จนเกิดความเช่ียวชาญ หรือฝึกฝนฝีมือในระหว่างบวชเรียนจนมี
ความเจนจัดก็จะออกไปทามาหากินประกอบสัมมาอาชีพเลี้ยงตนเองต่อไป ซ่ึงช่างแต่ละสานักก็จะมี
ชื่อเสียงเฉพาะทางที่ต่างกันไปตามความเช่ียวชาญที่ได้รับฝึกหัดมา กล่าวคือ การสอนความรู้
เกี่ยวกบั งานสกุลช่างเมอื งเพชรตามสานักชา่ งต่างๆ ทสี่ อนกันไม่ไดม้ กี ารจาแนกเป็นสาขาวชิ าแขนง

อยา่ งทเี่ รยี นกนั ในปจั จบุ ัน เน่ืองจากงานช่าง
ส่วนใหญ่ต้องใช้ความรู้แบบผสมผสานใน
ลักษณะของสหวิชา คือ สอนหลายวิชาไป
พร้อมๆ กัน เช่น วิชาช่างไม้ ก่อสร้าง เขียน
ภาพจิตรกรรม งานป้ัน แกะสลักไม้ สลัก
เครื่องสด ตอกกระดาษ ลงรักปิดทอง สลัก
หนังใหญ่ ทาให้ลูกศิษย์ในแต่ละสานักที่
ได้รับการฝึกหัดให้ทางานช่างได้หลากหลาย
ถึงแม้ว่า ช่างแต่ละสานักจะใช้วิธีการสอน
แบบสหวิชาก็ตาม แต่สานักช่างในแต่ละ
สานักก็ย่อมมีความเชี่ยวชาญในวิชาช่าง
เฉพาะอย่างด้วย ดวงกลม บุญแก้วสุข
(๒๕๕๗: ๑๕) กล่าวว่า วัดท่ีได้รับการ
ยอมรับว่ามีความโดดเด่นด้านงานช่างใน
เมืองเพชรบุรีมีอยู่ด้วยกันหลายวัดอาทิ วัด
พระทรง เชี่ยวชาญเรื่องงานไม้และทาเมรุ
สานักวัดใหญ่สุวรรณารามเช่ียวชาญเร่ือง
การแกะสลักไม้และงานสถาปัตยกรรม
สานักวัดยางเชี่ยวชาญการผูกเรือนและงาน
ช่อฟ้า 26

แผนผงั แสดงการสืบทอดงานปูนป้ ันสกุลชา่ งเมืองเพชร

ขรวั อินโขง่

หลวงพ่อฤทธ์ิ บรมครชู ่างวัดพลับพลาชยั

ครูหวน ตาลวนั นา ครแู ป๋ว นายอยู่ ขนุ ศรีวงั ยศ ครูชา่ งอ่นื ๆ
(2404) บารงุ พทุ ธ อนิ มี ช่างเลง้ เชยสวุ รรณ
ครชู ่าง
พระอาจารย์เปา้ ปญั โญ (วดั พระ ครูพนิ วดั พระทรง ชา่ งฮง
ทรง) (2417) อินฟ้าแสง มหาเสวก จนั ทร์แดง
(2438)
ครูเลศิ พว่ งพระเดช พฒุ กล่ินอุบล พระครวู ชั รศีลคณุ
(2437) (เชือ้ วาดนม่ิ )
กลมุ่ ชา่ งสอย ศลิ ป
มหาประทวิ (วดั พระทรง) กอบ กลมุ่ ชา่ งเหนิ เกสรา

กลมุ่ ช่างเฉลมิ พึ่งแตง กลมุ่ ชา่ งทองร่วง ช่างอ๊อด บางจาน แทน เกสรา กลุม่ ช่างอสิ ระ
เอมโอษฐ หวล อรชร ประธาน เกสรา สมบัติ พูลเกดิ
ฉลอง พ่งึ แตง ทรงศักด์ิ เกสรา เอกลกั ษณ์ มติ รรัน
พพิ ฒั น์ พึ่งแตง สุรนิ ทร์ ภานมุ าศ ทนงค์ เกสรา
ชาเลอื ง เกดิ ขวัญ สมพล พลายแก้ว
สานวย เอมโอษฐ
เจริญ สขุ เกษม
บญุ เจอื น เอมโอษฐ
บรรจบ บุญประเสริฐ
สุวรรณา ภทั รพลแสน
บาหยนั รอดจากทกุ ข์
ศิริ พรพระ
เยี่ยม ทองไทร
จนั ทรเ์ จา้ มลู จรัส
สมชาย บุญประเสริฐ
สาโรจน์ บุญประเสริฐ
ประยงค์ เผา่ พนั ธุ์
ลาจวน พวงแตง
สมพิศ พลายแก้ว
จันทนา อินเทียน
ดอน บุญแสง
จานง ยันตะพันธ์
สุทนิ เทียนภู่
ประเสรฐิ จนั ทรา
ลกู ศิษยจ์ ิตรลดา

ขอบคณุ ขอ้ มลู จาก: คณะกรรมการมรดกภมู ปิ ญั ญาทางวฒั นธรรมประจาจังหวัดเพชรบรุ ี 27

จากแผนภาพแสดงการสืบทอดปูนป้ันสกลุ ชา่ งเมืองเพชร ขา้ งต้นสรปุ ได้วา่ ช่างปูนป้ันสกลุ ชา่ ง
เมืองเพชรที่มีอยู่ในขณะน้ี ประกอบด้วยช่างทั้งหมด ๕ กลุ่มใหญ่ ได้แก่ กลุ่มช่างป้ันสายช่างเฉลิม
พ่ึงแตง กลมุ่ ชา่ งปน้ั สายชา่ งทองร่วง เอมโอษฐ กล่มุ ชา่ งปน้ั สายช่างสอย ศิลปกอบ กลุ่มช่างป้นั
สายชา่ งเห่ิน เกสรา และกล่มุ ชา่ งอสิ ระ คือ ช่างสมบัติ พลู เกิด และ ช่างเอกลักษณ์ มิตรรัน
ซ่ึงแต่ละสายก็จะมีบรรดาลูกศิษย์ลูกหาแตกออกไปมาก โดยเฉพาะกลุ่มช่างทองร่วง เอมโอษฐ ถือ
ว่า มลี กู ศิษยม์ ากที่สดุ ซึ่งมที ั้งลกู ศิษย์ทง้ั ท่เี ป็นเครือญาติ ลกู ศิษย์จากตา่ งจงั หวดั รวมถึงนักศกึ ษา
ที่อยใู่ นสถาบันการศึกษาต่างๆ อีกดว้ ย

ขอบคณุ ภาพจาก: Kritmongkholrat Arunsuriya

28

ลกั ษณะเฉพาะของงานปนู ป้ ันสกลุ ช่างเมืองเพชร

งานปูนป้ันสกุลช่างเมืองเพชรมีเอกลักษณ์ในเร่ืองของช่างปูนป้ันนิยมป้ันลวดลายตามอย่าง
ผลงานช้ันครู จากวัดสาคัญสมัยอยุธยาท่ีมีอยู่ในจังหวัดเพชรบุรี ได้แก่ วัดเขาบันไดอิฐ วัดสระบัว
วัดใหญ่สุวรรณาราม วัดเกาะ และวัดไผ่ล้อม ซ่ึงวัดสาคัญที่กล่าวน้ีเป็นเสมือนห้องเรียนของครูช่าง
และนายช่างปูนปั้นรวมถึงช่างแขนงอื่นๆ ในจังหวัดเพชรบุรี ต่างก็แวะเวียนไปศึกษากันอยู่ไม่ขาด
ทาให้เห็นถึงความสืบเนื่องของการสร้างงาน ด้วยเหตุนี้จึงทาให้เมืองเพชรบุรีกลายเป็นอยุธยาท่ีมี
ชีวิต คือ ช่างสามารถถ่ายทอดลวดลายของศิลปะอยุธยาท่ีเคยมีความเจริญรุ่งเรืองมาหลายร้อยปี
แตค่ วามสืบเนือ่ งงานงานปูนปั้นแบบอยธุ ยายงั สามารถหาชมได้ในงานปนู ปัน้ รนุ่ ใหม่ ท่สี ร้างโดยช่าง
ปนู ปน้ั สกลุ ช่างเมืองเพชร

ลวดลายของงานปูนป้ันที่ช่างปั้นเมืองเพชรนิยมทาตามกันมาส่วนใหญ่เป็นลายแบบประเพณี
หรือลวดลายดั้งเดิม โดยเฉพาะลายกระหนกของช่างปูนปั้นเมืองเพชรนับว่ามีความพล้ิวไหวมาก ดู
แล้วได้อารมณ์ความรู้สึก มีความโดดเด่นในการวางจังหวะลาย การออกช่อลายท่ีนิยมปั้นเป็นลาย
พ่มุ ช่อหางโต ลายกา้ นขดออกช่อลายเป็นรปู เทพนมครึง่ ตัว ลายกา้ นขดออกชอ่ ลายเปน็ ตวั ครฑุ หรอื
หัวสิงห์ เป็นต้น ลายก้านขดที่ช่างป้ันเมืองเพชรนิยม คือ ออกแบบลายก้านขดให้ล้อมลอบตัวทับ
ลายอย่างเต็มพนื้ ทเ่ี หมาะสมกบั พน้ื ที่วา่ งของอาคารไดอ้ ยา่ งลงตวั

การปน้ั ตวั ทับลายของชา่ งปูนป้ันเมอื งเพชร นิยมป้นั เป็นรูปพระพุทธเจ้า รปู เทพเจา้ ในศาสนา
พราหมณ์ ภาพจับในวรรณคดีเร่ืองรามเกียรต์ิ สัตว์หิมพานต์ รวมถึงภาพดอกไม้ และภาพท่ีเป็น
เร่ืองราวต่างๆ เช่น ภาพวิถีชีวิตท่ีสะท้อนประเพณี วัฒนธรรมของคนเมืองเพชร ภาพสะท้อน
แนวคดิ ทางการเมอื ง ภาพล้อเลียน เป็นตน้ แตภ่ าพที่ชา่ งส่วนใหญ่นิยมปั้นเป็นตัวทับลายที่หาชมได้
หลายแห่งในจังหวัดเพชรบุรี คือ ภาพพระนารายณ์ทรงครุฑ ภาพลายก้านขดออกช่อกนกลายพุ่ม
ช่อหางโต ซึ่งหากเปรียบเทียบลวดลายแล้วนับว่าผลงานท่ีไม่แตกต่างจากงานปูนปั้นสมัยอยุธยา
(กติ ติพงษ์ พง่ึ แตง, สัมภาษณ,์ 20 กันยายน 2564)

29

ปูนปั้นหน้าวัดสระบัว
ศิลปะอยุธยาตอนปลาย ปั้น
เป็นภาพนารายณ์ทรงอสูร
แ ว ด ล้ อ ม ด้ ว ย ล า ย ก้ า น ข ด
ออกชอ่ ลายเป็นพมุ่ ชอ่ หางโต

ขอบคุณภาพจาก: จตุพร บญุ ประเสรฐิ

ปูนปั้นหน้าบันอุโบสถ
วัดใหญ่สุวรรณาราม ศิลปะ
อยุธยาตอนปลาย ปั้นเป็น
ภาพพระนารายณ์ทรงอสูร
แ ว ด ล้ อ ม ด้ ว ย ล า ย ก้ า น ข ด
ออกชอ่ เปน็ ลายพุม่ ช่อหางโต

ขอบคณุ ภาพจาก: จตพุ ร บุญประเสริฐ 30

ปูนปน้ั ฐานเสมาวดั สระ
บัว ศิลปะอยุธยา ตอนปลาย
ป้ันเป็นภาพยักษ์แบก และ
สงิ ห์เพลงิ

ขอบคณุ ภาพจาก: จตพุ ร บุญประเสรฐิ

ภาพครพู ิน อนิ ฟา้ แสง
ผู้บุกเบิกการปั้นภาพลอยเด่น
ออกจากผนัง ลูกศิษย์หลวงพ่อ
ฤทธ์ิ วดั พลับพลาชัย

ปู น ปั้ น ล อ ย ตั ว ยั ก ษ์ เ ฝ้ า
ทวารบาล บนพระปรางคว์ ัด
ม ห า ธ า ตุ จั ง ห วั ด เ พ ช ร บุ รี
ผลงานครพู นิ อินฟา้ แสง

31

ขอบคณุ ภาพจาก: จตพุ ร บญุ ประเสรฐิ แ

ปู น ป้ั น ป ร ะ ดั บ ซุ้ ม
ประตูอุโบสถวัดพลับพลา
ชัย จังหวัดเพชรบุรี ผลงาน
ครูแป๋ว บารุงพุทธ ป้ันเป็น
ภาพจับเรื่องรามเกียรติ์ มี
ตัวละครจับกันมากถึง ๖
ตัว

ขอบคุณภาพจาก: เพลนิ เมืองเพชร

ปูนป้ันหน้าบันมณฑปหลวงพ่อมี วัด
พระทรง จังหวัดเพชรบุรี ผลงานครูเฉลิม
พ่ึงแตง ปั้นเป็นภาพภาพจับใ นเรื่อง
รามเกยี รต์ิ

ขอบคณุ ภาพจาก: จตุพร บุญประเสรฐิ

ขอบคณุ ภาพจากเว็บ: Blockdit หน้าบันศาลโรงเรียน
พระ ปริ ยัติ ธรร ม จังหวั ด
เพชรบุรี ผลงานอาจารย์
เฉลิม พงึ่ แตง

32

มรดกไทย หนังใหญ่...วดั พลับฯ

นอกจากนี้ผูเ้ ขยี นยังได้มีการไปสัมภาษณ์เพ่ิมเติมเกี่ยวกับศิลปะท่ีมีชื่อเสียงของเมืองเพชรบุรี
คือ การละเล่นท่ีชื่อว่าหนังใหญ่ ผู้เขียนเลือกที่จะไปสัมภาษณ์ คุณครูรัชนีกร นาคะเวช ซ่ึงเป็น
คุณครูสอนนาฎศิลป์อยู่ท่ีโรงเรียนดอนยางวิทยา ได้ให้สัมภาษณ์ว่า....ในสมัยสมเด็จพระบรมไตร
โลกนาถ มกี ลา่ วถึงเร่ืองหนงั ใหญไ่ ว้ในกฎมณเฑียรบาลวา่ ในสมยั นั้นได้มกี ารแสดงมหรสพชนิดหน่ึง
ที่อยู่ในความช่ืนชอบของประชาชนไปจนถึงสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยพระองค์ก็ทรง
โปรดเกลา้ ฯให้พระราชครแู ต่งเรอ่ื งสมุทรโฆษคาฉันทท์ ่ีเกย่ี วขอ้ งกบั การแสดงหนังใหญ่ ตอนหน่งึ วา่

เครือ่ งเล่นโขนละครหุ่นประชัน เชดิ ชูกลางวนั
ดว้ ยเครือ่ งวิจิตรแตง่ กาย หนงั งามลวดลาย

ราตรีรศั มเี พลิงพราย
กระหนกกระหนบภาพหาญ

แสดงให้เห็นว่านอกจากการแสดงหนงั ใหญ่น้ันในตอนกลางคนื แล้วนัน้ ยงั มโี ขนละคร ห่นุ เลน่
กนั อยา่ งแพรห่ ลายอยแู่ ลว้ ในสมัยนนั้

ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ หนังใหญ่ก็ยังคงเป็นมหรสพที่เป็นท่ีนิยมกันอยู่มาก โดยได้มี
การนาบทพระราชนิพนธ์เรอื่ งรามเกยี รต์ิมาแสดงกนั อยู่เป็นประจา โดยเฉพาะหนังใหญช่ ุดพระนคร
ไหว ฝีมือชา่ งช้นั ครใู นสมัยรชั กาลที่ 2 เป็นหนังใหญ่ท่ีมีความงดงามและวิจิตรบรรจงจนเป็นท่ีร่าลือ
ในฝีมือช่างว่างดงามท้ังสีสันตระการตา ยากท่ีจะหาผู้ใดทาได้เสมอเหมือน จึงได้ชื่อว่าชุดพระนคร
ไหว เปรียบเสมือนความสวยงามของตัวละครในขณะที่เชิดชูเล่นเหมือนจะไหวเยือก จนส่ันสะเทือน
ไปท้ังพระนคร

ปัจจุบันการเล่นหนังใหญ่คงจะเหลืออยู่ท่ีจังหวัดราชบุรีเพียงแห่งเดียว โดยเฉพาะท่ีวัดขนอน
ที่อนุรักษ์หนังใหญ่ไว้ถึง 330 ตัว และยังได้มีการฝึกหัดเยาวชนที่สนใจในเร่ืองศิลปกรรมหรือการ
เล่นหนังใหญ่ได้ฝึกเล่นฝึกทาอีกด้วย ซึ่งคร้ังหนึ่งคุณพ่อฤทธิ์วัดพลับพลาชัย ท่านก็ได้เป็นผู้มีส่วน
สาคัญไปให้การฝึกหัดทางการเล่น ทั้งวาดแกะหลักหนังใหญ่ท่ีราชบุรีอีกด้วย ดังมีข้อความจาก
หนังสอื “บันทึกเมืองราชบรุ ”ี ไดก้ ล่าวถงึ ตอนหน่งึ วา่ .....

“ในสมยั สมเด็จพระนง่ั เกลา้ เจ้าอยู่หัว ไดม้ ชี า่ งฝีมือชอ่ื ฤทธ์ิชาวเพชรบรุ ี
เดมิ เคยอยทู่ ว่ี ัดคงคารามราชบุรแี กะหนงั ใหญ่ ผลงานชิ้นน้เี ราจะหาชมได้ที่
วดั บา้ นดอน จงั หวัดระยอง นบั เปน็ หนังใหญ่ทีม่ ีอายุเกือบ 200 ป”ี

33

ส่ ว น ห นั ง ใ ห ญ่ ที่ พ่ อ ฤ ท ธ์ิ
สร้างไว้หลายร้อยตัวน้ันต้องขน
หนไี ฟ เพราะเมืองเพชรบุรีได้เกิด
เหตไุ ฟไหม้ในเมืองเมษายน 2458
ในคร้ังน้ัน วัดพลับฯได้สูญเสียส่ิง
ปลูกสร้างเกือบท้ังหมด หนังใหญ่
ที่ขนหนีไฟส่วนหน่ึงถูกนาไปเก็บ
รั ก ษ า ไ ว้ ที่ ห อ ไ ต ร วั ด ค ง ค า ค า ม
และกระจัดกระจายไปอยู่ท่ีอ่ืนๆ
อีกด้วย ในขณะที่วัดพลับพลาชัย
กย็ ังคงมหี นังใหญเ่ กบ็ รักษาไวเ้ พือ่
อนุรักษ์ให้เยาวชนคนรุ่นหลังได้
เข้ามาดูหรือศึกษาเพียง 39 ตัว
เท่านน้ั

เ พ ร า ะ วั ด ถู ก อั ค คี ภั ย เ ผ า
วอด งานหนังใหญ่ที่ดาเนินมา
ด้วยดีกจ็ าเปน็ ที่จะตอ้ งหยุดลง

ป ร ะ ก อ บ กั บ ท่ี
คุ ณ พ่ อ ฤ ท ธ์ิ ท่ า น ก็ ม า
มรณภาพใน พ.ศ.
2 4 6 4 ท า ใ ห้ ง า น
เก่ียวกับหนังใหญ่ไม่มี
โ อ ก า ส ไ ด้ ฟื้ น ฟู ขึ้ น อี ก
เ พ ร า ะ ห ม ด ผู้ ที่ มี
ความสามารถที่จะสืบ
สานงานนี้ต่อจากท่าน
ไดด้ เี ทา่

ขอบคุณภาพจากเพจ: เทยี่ วเมืองเก่า เลา่ เรื่องเมืองเพช็ ร์ Phetchaburi Creative City 34

ความหอมหวาน 04

ท่ีคลองกระแชง

35

30 SEPTEMBER 2021
Khlong

Krachang

ความหอมหวาน
ที่ ค ล อ ง ก ร ะ แ ช ง

หากจะถามกนั ว่าอาหารทอ่ี รอ่ ยที่สุดในโลกมันอยู่ทปี่ ระเทศอะไร
‘ประเทศไทย’ คอื ประเทศท่ียนื หน่ึงมาตลอดกาล...
แล้วอาหารที่อร่อยท่ีสุดในประเทศไทยมันอยู่จังหวัดไหนกัน? สาหรับตัวผู้เขียนเองคิดว่า
อาหารในแตล่ ะภาคน้นั มเี อกลักษณท์ ่ีเฉพาะตวั เชน่ ภาคใตค้ ือจะเนน้ ไปทีก่ ารประกอบอาหารโดยใช้
ของทะเลสด ๆ และนิยมใช้เครื่องเทศในการปรุงอาหารเพื่อให้มีรสชาติเผ็ดร้อน ส่วนภาคกลางนั้น
อาหารคงเน้นไปที่ความสวยงามของการจัดจาน การแกะสลักผักและผลไม้อย่างวิจิตรบรรจงเพื่อ
แสดงออกถึงวฒั นธรรมและศิลปะทงี่ ดงาม
แต่หากจะถามตัวผู้เขียนว่า อาหารท่ีอร่อยและครบรสทั้ง 5 มันอยู่ท่ีไหนกันแน่ สาหรับตัว
ผู้เขียนเอง จากประสบการณ์ตรงและการสอบถามแขกบ้านแขกเมือง ก็คงจะได้คาตอบจากตัว
ผเู้ ขียนวา่ อาหารทีเ่ พชรบรุ นี ั้นอรอ่ ยท่สี ุดในประเทศไทย
โดยเฉพาะในเรื่องของขนมหวาน คงเป็นเพราะเมืองเพชรแต่อดีตนั้น ประกอบด้วยภูมิ
ประเทศที่อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติของ น้า ดิน อากาศ จนทาให้เมืองเพชรบุรีมี
ผลิตผลให้ผู้คนในพ้ืนถ่ินได้สามารถสร้างสรรค์ศิลปะ วัฒนธรรม และพัฒนาการเร่ืองขนมจนมี
ชอ่ื เสียงเปน็ ที่รับรองทั่วกนั วา่ เมอื งเพชรบรุ เี ปน็ เมอื งแห่งขนมหวาน

36

ในวนั น้ี เราได้ไปสัมภาษณ์ผู้ที่เรียกได้ว่าอยู่ใกล้ตัวผู้เขียนมากๆ ผู้ให้สัมภาษณ์เร่ืองอาหารกับ
เราในวันนี้ คือ คุณเฉลียว ภุมรา (ยายรมย์) ซ่ึงเป็นคุณยายของตัวผู้เขียนเอง....ยายรมย์เป็นแม่
ครัวต้ังแต่สมัยยังสาว จนต่อมาก็เลิกกิจการไปด้วยความที่แก่ชราลง หากแต่ยายรมย์น้ันก็ยังคง
ทาอาหารใหล้ ูกหลานรบั ประทานกันอยู่ทกุ วัน รวมไปถงึ คนในหมบู่ ้านดว้ ย...

ยายรมย์มักชอบสะสมหนังสือทาอาหารไว้ ด้วยความท่ีผู้เขียนเป็นหลาน จึงได้รับความรู้ตก
ทอดเรื่องอาหารอยูบ่ อ่ ยๆ ไม่เว้นแมแ้ ตอ่ าหารชาววงั ซ่ึงผ้เู ขียนขอสรปุ ความรทู้ ี่ไดส้ ัมภาษณ์
ยายรมย์ไว้ ดงั นี้

คนเพชรเป็นคนชอบกินหวาน ท้ังขนมและอาหารคาวก็ต้องมีรสหวานประกอบ ด้วยความท่ี
เมอื งเพชรมตี าลโตนดดว้ ยละมง้ั วตั ถุดิบทใ่ี ห้ความหวานจงึ มีไมข่ าดสาย

คนไทยแตเ่ ดมิ นนั้ ชอบทาขนมประเภททท่ี าไว้กนิ เองและตอ้ งเก็บไว้ได้นาน ไมบ่ ูดเสยี ง่าย หรือ
จะแบ่งปันเอาไว้แจกเพื่อนบ้าน เอาไว้ทาบุญที่วัด ใส่บาตรพระก็ได้ ขนมที่เป็นประเภทเชื่อมหรือ
กวน คนเมืองเพชรมีภูมิปัญญาและรู้จักดัดแปลงเพื่อให้คงคุณภาพเก็บไว้นาน ไม่บูดเสียง่าย เช่น
มะตูม จาวตาล สาเก ให้คงอยู่ในรูปเช่ือมแห้งส่วนประเภท มัน เผือก หรือถ่ัว นามาบดหรือยี เมื่อ
นาไปผสมมะพร้าว น้าตาลจนได้ที่ กจ็ ะไดข้ นมพวกลมื กลนื และหนั ตรา เป็นตน้

ขนมไทยแท้จะไม่มีส่วนผสมของไข่ นม เนย หรอื แปง้ แตจ่ ะใช้วตั ถดุ ิบจาพวกกะทิ
น้าตาลโตนด กลิ่นหอมของดอกไม้มาปรุงรสหรือเติมกลิ่นแทน และขนมไทยจะใช้วิธีต้ม กวน น่ึง
ทอด ปิ้ง ไม่นิยมอบหรือผิงตามแบบของฝร่ัง ซ่ึงขนมหวานปัจจุบันน่าจะมีมาจากตารับของ Marie
Guimar หรอื ทค่ี นไทยรู้จกั ในชือ่ ทา้ วทองกีบมา้ ในปัจจบุ ัน

ทา้ วทองกบี ม้า 37

ขนมลมื กลืน

ขนมหนั ตรา

ขอบคณุ ภาพจาก: ครวั แลว้ แต่เอ๋จา้ า 38

ข น ม ด้ั ง เ ดิ ม พื้ น บ้ า น ข อ ง ขนมดั้งเดิมท่ีมีชื่อเสียงคู่
เมืองเพชรระดับชาวบ้านชาวนา เ มื อ ง เ พ ช ร ม า ต้ั ง แ ต่ ส มั ย
น่าจะมีอีกมาก อย่างเช่นท่ีคน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
ปัจจุบันน้อยคนจะรู้จัก คือ ขนม เจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี 4 คือ ขนม
ไข่จ้ิงหรีด มักจะกินเป็นขนม ขห้ี นู เป็นภูมิปัญญาท่ีน่ายกย่อง
เพราะสามารถทาให้แป้งข้าวเจ้าท่ี
หวานตบท้ายอาหารม้ือค่าก่อน นึ่งสุกแล้ว ได้เน้ือแป้งร่วนซุย
นอน โดยเอาน้าตาลโตนดคลุกเข้า คล้ายขนมของฝรั่ง กินนุ่มปาก
กับข้าวสุกหรือจะใช้น้ิวมือควัก รวมความอร่อยกลมกล่อมและ
นา้ ตาลออกจากทะนนใสป่ าก แล้ว หอมกล่ินท่อี บร่าอยใู่ นขนม
ด่ืมน้าตาม ก็น่าจะจัดเป็นการกิน
ของหวานที่ง่ายและสะดวกที่สุด 39
ได้อีกอยา่ งหนงึ่

ขนมคู่บ้านเมืองเพชรอีกอย่างหน่ึงคือ ข้าวแช่ จัดเป็นอาหารพิเศษอย่างหน่ึงท่ีชาวร้ัวชาววัง
เขาทากันในฤดูรอ้ น สว่ นใหญค่ นเพชรรู้จักทาข้าวแช่กันตอนสงกรานต์ ท้ังทากินเอง และถวายพระ
จนคนพมา่ มอญเรียกข้าวแชว่ า่ ข้าวสงกรานต์ เพราะจะทากนั ในเทศกาลน้ีซะสว่ นใหญ่

ขา้ วแช่ท่มี ีขายอยู่ท่วั ไปในประเทศไทย จะมีกับให้กินคู่กับข้าวแช่หลายอย่าง เช่น หอมสอดไส้
พริกหยวกสอดไส้ เน้ือเค็มฝอยผัดหวาน ลูกกะปิชุบไข่ แซมด้วยผลไม้และผักดิบจัดเป็นรูปต่างๆ
ส่วนข้าวแช่เมืองเพชรที่หม่อมถนัดศรีและประยูรจรรยาวงษ์รับรองและพูดถึงอยู่เสมอว่าเป็นของ
กนิ ประจาเมืองเพชรนี้ มกี ับอย่เู พยี ง 3 อยา่ งคือ ลูกกะปิ ปลากระเบน และหัวผักกาดเค็มผดั หวาน

ในหลวงแห่งราชวงศ์จักรีถึง 3 พระองค์ที่ทรงพอพระทัยเสวยน้าเพชร คือ รัชกาลท่ี 4 5
และ 6 น้าเพชรที่อบร่าด้วยเทียนอบ ดอกมะลิ และกระดังงาไทยลนไฟ จึงหอมหวน ดื่มกินแล้วชุ่ม
ช่ืนหัวใจ กินกับข้าวแช่ท่ีมีกับเพียง 3 อย่างก็นับว่าเกินพอแล้ว เล่ากันว่า ร.4 โปรดข้าวแช่เมือง
เพชรมาก เสด็จมาคราวใดเสวยได้แทบทุกวันและมักจะเสวยคู่กับของกินอีกอย่างหนึ่งของเมือง
เพชรคอื ขนมขีห้ นู

ยายรมย์บอกว่า คนเด๋ียวน้ีว่าช่ือขนมขี้หนูไม่สุภาพ เรียกเสียใหม่ว่าขนมทราย เช่นเดียวกับ
ขนมไข่เหยี้ กลายเป็นไขห่ งส์ ม.ร.ว. คึกฤทธ์ิเคยเขียนหนังสือไว้ว่าบรรดาไข่ท้ังหลายไข่เห้ียน้ันอร่อย
เป็นทสี่ ดุ จงึ เอามาตง้ั เปน็ ช่ือขนม และสานวนทว่ี ่าเกลียดตวั กนิ ไข่กค็ อื ไข่เห้ยี นแ่ี หละ

เอกลักษณข์ า้ วแช่ตารับเมืองเพชร

สิ่งที่ทาให้ข้าวแช่อร่อยน้ันควรใช้น้าฝนหรือน้าในแม่น้าเพชรท่ีใส่ตุ่มเก็บไว้นาน ก่อนนาไปต้ม
สุกและนามาใส่หม้อดินขนาดใหญ่ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้เก็บความเย็นได้ดีแล้วอบด้วยควันเทียนอบโดย
อบข้ามคืน มีดอกมะลิและดอกกระดังงาไทยที่ลนไฟแล้วใส่ลงไปลอยในน้า ข้าวแช่ก็จะอบอวลด้วย
กลิ่นหอมท่ีทาใหน้ ้าข้าวแชน่ ้นั กนิ แล้วก็จะไดท้ ง้ั กลน่ิ หอมและความชืน่ ใจ

ข้าวท่ีใช้ทาข้าวแช่ใช้ข้าวเก่านามาหุงแล้วขัดผิวนอกออกจะเหลือแต่แกนข้าวท่ีแข็งเป็นไต
เมลด็ ข้าวมีสีเปน็ เงามนั วาวนาไปรับประทานโดยใสน่ ้าลงไป และนาไปกินค่กู ับกับขา้ วแช่ ดงั น้ี

หัวไชโป๊หวาน หัวผักกาดเค็ม ท่ีห่ันเป็นเส้นยาวๆ จะต้องเลือกชนิดท่ีไม่เค็มจัดมาทา นาไปผัด
กับกระเทียมในนา้ มนั และเตมิ น้าตาล แต่งหน้าด้วยไข่โรยฝอยนิดหน่อย

ปลากระเบนผัดหวานต้องเลอื กปลากระเบนเค็มท่ีไม่เค็มจัด ป้ิงให้สุกแล้วทุบหรือใส่ครกโขลก
จนเน้ือปลาฟูขน้ึ นาลงผัดแบบเดียวกับหัวไชโป๊

สาหรบั ลูกกะปิ คนแตก่ ่อนเขาพิถีพิถันโดยเลือกใช้ของดีทา เช่นใช้กะปิอย่างดี ใส่กุ้งสดมากๆ
ปรุงรสด้วยกระชาย รากผักชี พริกไทย น้าตาล ใส่ถ่ัวลิสงด้วย และนาไปตาหรือบดให้ส่วนผสมเข้า
กันดี แล้วจึงป้ันเป็นก้อนกลมๆขนาดปลายน้ิวก้อยของผู้ใหญ่ชุบไข่ทอดในน้ามันจนสุก ข้างนอกจะ
กรอบ เนอ้ื ในจะน่มุ เวลาเคีย้ วจะหอมกล่ินกะปแิ ละกล่นิ กระชาย

40

ลกู กระปิ ข้าวแช่

ผักกาดเคม็
ผัดหวาน

น้าลอยดอกมะลิ

ปลากระเบน ตำรบั ขำ้ วแช่เมอื งเพ็ชร์
ผัดหวาน
41

การเค่ยี วนาตาล

41

05

ประมวลภาพประทบั ใจ

42

43

44


Click to View FlipBook Version