วจิ ยั ในชนั้ เรียน 0
การจัดการเรยี นรู้แบบ Active Learning
โดยใช้ชดุ กิจกรรมการเรียนร้เู รือ่ ง...การหาร
รว่ มกับเทคนคิ การแขง่ ขันเป็นทีม
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 3
ภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564
ผู้วจิ ยั
นางสาวนจุ รี ทพิ ย์ศริ ิ
ครู วิทยฐานะ ชำนาญการ
โรงเรียนวัดบางกระเจา้
สำนกั งานเขตพน้ื ท่ีการศกึ ษาประถมศกึ ษาสมุทรสาคร
สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน
กระทรวงศึกษาธิการ
1
ความเป็นมาและความสำคญั ของปัญหา
คณิตศาสตร์มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาความคิดของมนุษย์ ทำให้มนุษย์มีความคิดสร้างสรรค์
คดิ อย่างมเี หตุผลเป็นระบบระเบียบ มีแบบแผนสามารถวิเคราะห์ปญั หาและสถานการณ์ได้อยา่ งถ่ีถ้วนรอบคอบ
ทำให้สามารถคาดการณ์วางแผน ตัดสนิ ใจและแก้ปญั หาไดอ้ ยา่ งถูกต้องและเหมาะสม
คณิตศาสตร์เป็นเครือ่ งมือในการศกึ ษาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอดจนศาสตร์อืน่ ๆ ที่เกี่ยวข้อง
คณิตศาสตร์จึงมีประโยชน์ตอ่ การดำรงชวี ิตและยงั ช่วยพัฒนาคณุ ภาพชีวิตให้ดยี ่ิงข้ึน นอกจากน้ีคณิตศาสตร์ยัง
ชว่ ยพัฒนาคนใหเ้ ป็นมนุษย์ท่ีสมบูรณ์ มคี วามสมดุลท้งั ทางรา่ งกาย จิตใจ สติปัญญาและอารมณ์ สามารถคิด
เปน็ ทำเป็น แกป้ ญั หาเปน็ และสามารถอยรู่ ่วมกับผ้อู ืน่ ได้อยา่ งมคี วามสุข
คุณภาพของผู้เรียนที่ระบุไว้ในคู่มือการจัดการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
เป็นเป้าหมายของการจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ในแต่ละช่วงชั้นให้กับผู้เรียนที่จบการศึกษาขั้นพื้นฐาน
12 ปี ซึ่งจะตอ้ งมีความรูค้ วามเข้าใจในเน้ือหาสาระคณติ ศาสตร์ มที กั ษะกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ มีเจต
คตทิ ดี่ ตี ่อวิชาคณติ ศาสตร์ มีความตระหนักในคุณคา่ ของคณิตศาสตร์ และสามารถนำความรู้ทางคณิตศาสตร์
ไปพัฒนาคุณภาพชีวิตตลอดจนสามารถนำความรู้ทางคณิตศาสตร์ไปใช้เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้และเป็น
พ้ืนฐานในการศกึ ษาในระดบั ทีส่ งู ข้นึ
การทผี่ เู้ รียนจะเกิดการเรียนรู้คณิตศาสตร์ไดอ้ ย่างมคี ุณภาพจะตอ้ งมีพฒั นาการท้ังดา้ นความรู้ ทักษะ
กระบวนการ คุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ ม ดงั น้ี
1. มคี วามรคู้ วามเข้าใจในคณิตศาสตรพ์ ้ืนฐานเก่ียวกบั จำนวนและการดำเนนิ การ การวัด
เรขาคณิต พีชคณติ การวิเคราะหข์ ้อมลู และความน่าจะเป็น พรอ้ มทง้ั สามารถนำความรู้ไปประยกุ ต์ใช้
2. มีทักษะกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ด้านความสามารถในการแก้ปญั หาดว้ ยวิธีการที่หลากหลาย
การให้เหตุผล การสื่อสาร การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์และการนำเสนอมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
สามารถเช่ือมโยงความร้ตู า่ งๆ ทางคณิตศาสตร์และเช่ือมโยงคณติ ศาสตร์กบั ศาสตรอ์ ืน่ ๆ
3. มีความสามารถในการทำงานอย่างเป็นระบบ มีระเบียบวินั มีความรอบคอบ มีความรับผิดชอบ
มวี ิจารณญาณ มคี วามเชอื่ ม่ันในตนเอง พรอ้ มท้ังตระหนักในคณุ คา่ และมีเจตคติทดี่ ีตอ่ วิชาคณติ ศาสตร์
คุณภาพของผูเ้ รยี นเม่อื จบช่วงชนั้ ที่ 1 ( ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 1 – 3 ) ประกอบดว้ ย
1. มีความคิดรวบยอดและความรู้สึกเชิงจำนวนเกี่ยวกับจำนวนนับและศูนย์และการดำเนินการของ
จำนวน สามารถแก้ปัญหาเกี่ยวกับการบวก การลบ การคูณ และการหารจำนวนนับพร้อมทั้ง ตระหนักถึง
ความสมเหตสุ มผลของคำตอบท่ไี ดแ้ ละสามารถสร้างโจทย์ได้
2. มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความยาว ระยะทาง น้ำหนัก ปริมาตรและความจุ สามารถวัด
ปรมิ าณดังกลา่ วไดอ้ ย่างถกู ต้องและเหมาะสม และนำความรูเ้ กยี่ วกับการวัดไปใช้แก้ปัญหาใน สถานการณ์ต่าง
ๆ ได้
3. มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสมบัติพื้นฐานของรูปเรขาคณิตหนึ่งมิติ สองมิติ และสามมิติมีความ
เขา้ ใจเกีย่ วกับแบบรปู และอธบิ ายความสัมพันธไ์ ด้
4. รวบรวมข้อมูล จัดระบบขอ้ มลู และอภิปรายประเด็นตา่ ง ๆ จากแผนภมู ิรปู ภาพและแผนภมู ิแท่งได้
5. มีทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ที่จำเปน็ ไดแ้ ก่ ความสามารถในการแก้ปัญหา การให้เหตุผล
การสื่อสาร ส่ือความหมายและการนำเสนอทางคณิตศาสตร์ การมีความคดิ ริเริม่ สร้างสรรค์และการเชื่อมโยง
ความรู้ตา่ ง ๆ ทางคณติ ศาสตร์
2
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้คณิตศาสตร์
สาระการเรียนรู้ที่กำหนดไว้นี้เป็นสาระหลักที่จำเป็นสำหรับผู้เรียนทุกคน ประกอบด้วยเนื้อหาวิชา
คณิตศาสตร์และทักษะกระบวนการทางคณิตศาสตร์ ในการจัดการเรียนรู้ ผู้สอนควรบูรณาการสาระต่างๆ
เขา้ ดว้ ยกนั เทา่ ทีจ่ ะเปน็ ไปได้
สาระที่เป็นองค์ความรู้ของกลุ่มสาระการเรียนร้คู ณิตศาสตร์ ประกอบดว้ ย
สาระที่ 1 จำนวนและพชี คณิต
มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจำนวน ระบบจำนวน การดำเนนิ การของจำนวน
ผลที่เกดิ ขึ้นจากการดำเนนิ การ สมบตั ิของการดำเนินการ และนำไปใช้
มาตรฐาน ค 1.2 เข้าใจและวิเคราะห์แบบรปู ความสมั พันธ์ ฟังกช์ ัน ลำดับและอนกุ รมและนำไปใช้
สาระท่ี 2 การวัดและเรขาคณติ
มาตรฐาน ค 2.1 เข้าใจพน้ื ฐานเกยี่ วกับการวัด วดั และคาดคะเนขนาดของส่งิ ทีต่ อ้ งการวดั และนำไปใช้
มาตรฐาน ค 2.2 เข้าใจและวิเคราะห์รปู เรขาคณติ สมบัติของรปู เรขาคณิต ความสมั พันธร์ ะหวา่ งรูปเรขาคณิต
และทฤษฎบี ททางเรขาคณิต และนำไปใช้
สาระที่ 3 สถติ แิ ละความน่าจะเปน็
มาตรฐาน ค 3.1 เข้าใจกระบวนการทางสถิติ และใช้ความรทู้ างสถติ ิในการแกป้ ญั หา
สำหรับผู้เรียนที่มีความสนใจหรือมีความสามารถสูงทางคณิตศาสตร์ สถานศึกษาอาจจัดให้ผู้เรียน
เรียนรู้สาระที่เป็นเนื้อหาวิชาให้กวา้ งขึน้ เข้มข้นขึ้น หรือฝึกทักษะกระบวนการมากขึ้นโดยพิจารณาจากสาระ
หลักที่กำหนดไว้น้ี หรือสถานศึกษาอาจจัดสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์อื่น ๆ เพิ่มเติมก็ได้ เช่น แคลคูลัส
เบ้อื งตน้ หรอื ทฤษฎีกราฟเบือ้ งต้น โดยพจิ ารณาใหเ้ หมาะสมกบั ความสามารถและความตอ้ งการของผู้เรียน
การจดั การเรยี นรูแ้ บบ Active Learning เปน็ กระบวนการเรยี นการสอนท่ีสง่ เสริมให้ผู้เรียนมีส่วน
ร่วมในชั้นเรียน สร้างปฏิสัมพนั ธ์ระหว่างครูผู้สอนกับผู้เรียน มุ่งให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติ โดยมีครูเป็นผู้อำนวย
ความสะดวก สรา้ งแรงบันดาลใจ ใหค้ ำปรึกษา ดแู ล แนะนำ จัดวธิ ีการเรียนรแู้ ละแหล่งเรียนร้ทู ่ีหลากหลาย
ให้ผูเ้ รยี นได้เรยี นรู้อย่างมคี วามหมาย สร้างองค์ความรไู้ ด้ มีความเขา้ ใจในตนเอง ใชส้ ติปญั ญา คดิ วิเคราะห์
สรา้ งสรรคผ์ ลงาน มสี มรรถนะสำคญั มที กั ษะวชิ าการ ทกั ษะชวี ิต บรรลเุ ปา้ หมายการเรยี นร้ตู ามระดับช่วงวัย
(สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พื้นฐาน. 2562 : 4)
ลักษณะของการจดั การเรยี นรูแ้ บบ Active Learning มีดังน้ี
1. เปน็ การพฒั นาศกั ยภาพการคดิ การแก้ปัญหา และการนำความรไู้ ปประยุกตใ์ ช้
2. ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการจัดระบบการเรียนรู้ และสร้างองค์ความรู้โดยมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันใน
รูปแบบของความร่วมมอื
3. เปิดโอกาสให้ผ้เู รยี นมสี ่วนรว่ มในกระบวนการเรียนรู้สูงสดุ
4. เป็นกิจกรรมที่ให้ผ้เู รยี นบูรณาการข้อมลู ขา่ วสาร สารสนเทศ สูท่ กั ษะการคิดวเิ คราะห์
5. ผู้เรียนได้เรยี นร้คู วามมวี นิ ัยในการทำงานร่วมกับผอู้ ่นื
6. ความร้เู กดิ จากประสบการณ์ และการสรปุ ของผู้เรยี น
7. ผสู้ อนเปน็ ผู้อำนวยความสะดวกในการจดั การเรียนรู้ เพ่ือให้ผเู้ รยี นเป็นผปู้ ฏบิ ตั ิดว้ ยตนเอง
(สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขัน้ พน้ื ฐาน. 2562 : 5)
3
ตวั อย่างเทคนคิ การจดั การเรยี นรแู้ บบ Active Learning
การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning สามารถสรา้ งให้เกิดขึน้ ไดท้ งั้ ในห้องเรยี นและนอกห้องเรยี น
รวมทง้ั สามารถใช้ได้กบั นักเรยี นทกุ ระดับ ทั้งการเรียนรู้เป็นรายบคุ คล การเรียนรู้แบบกลุ่มเล็ก และการเรยี นรู้
แบบกล่มุ ใหญ่ ตัวอย่างรูปแบบหรือเทคนคิ การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ท่ีจะชว่ ยให้ผ้เู รยี นเกิดการเรียนรู้
แบบ Active Learning ได้ดี ไดแ้ ก่
1. การเรียนรู้แบบแลกเปลย่ี นความคดิ (Think-Pair-Share) คือการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ทใ่ี ห้
ผู้เรยี นคดิ เกย่ี วกบั ประเดน็ ท่กี ำหนดแตล่ ะคน ประมาณ 2-3 นาที (Think) จากนนั้ ให้แลกเปล่ยี นความคดิ กับ
เพ่อื นอกี คน 3-5 นาที (Pair) และนำเสนอความคิดเห็นต่อผเู้ รยี นทัง้ หมด (Share)
2. การเรยี นรู้แบบรว่ มมอื (Collaborative learning group) คือการจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ท่ี
ใหผ้ ้เู รียนไดท้ ำงานร่วมกับผู้อืน่ โดยจัดเป็นกลุ่มๆ ละ 3-6 คน
3. การเรียนรู้แบบทบทวนโดยผู้เรยี น (Student-led review sessions) คอื การจดั กจิ กรรม
การเรยี นรูท้ เ่ี ปิดโอกาสใหผ้ เู้ รยี นได้ทบทวนความรู้และพจิ ารณาข้อสงสยั ต่าง ๆ ในการปฏบิ ัติกจิ กรรมการเรียนรู้
โดยครูจะคอยชว่ ยเหลอื กรณที ่ีมีปัญหา
4. การเรียนรู้แบบใช้เกม (Games) คอื การจัดกิจกรรมการเรียนรทู้ ี่ผู้สอนนำเกมเข้าบรู ณาการ
ในการเรียนการสอน ซึง่ ใช้ไดท้ ง้ั ในขั้นการนำเข้าสู่บทเรียน การสอน การมอบหมายงาน และหรอื ข้นั การ
ประเมนิ ผล
5. การเรยี นรู้แบบวเิ คราะหว์ ีดีโอ (Analysis or reactions to videos) คือการจัดกจิ กรรม
การเรยี นรทู้ ่ีใหผ้ ู้เรียนได้ดวู ีดีโอ 5-20 นาที แล้วให้ผู้เรยี นแสดงความคิดเห็น หรือสะทอ้ นความคดิ เกี่ยวกับสงิ่ ท่ีได้
ดู อาจโดยวธิ ีการพูดโต้ตอบกนั การเขียน หรือ การร่วมกันสรุปเป็นรายกลุ่ม
6. การเรยี นรแู้ บบโตว้ าที (Student debates) คือการจัดกิจกรรมการเรยี นร้ทู ่ีจัดใหผ้ ู้เรียนได้
นำเสนอขอ้ มลู ที่ไดจ้ ากประสบการณแ์ ละการเรยี นรู้ เพอื่ ยนื ยันแนวคิดของตนเองหรอื กลุ่ม
7. การเรยี นรู้แบบผเู้ รียนสรา้ งแบบทดสอบ (Student generated exam questions) คอื
การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ท่ีใหผ้ ้เู รยี นสรา้ งแบบทดสอบจากสิง่ ที่ไดเ้ รยี นรมู้ าแล้ว
8. การเรียนร้แู บบกระบวนการวจิ ัย (Mini-research proposals or project) คือการจดั
กจิ กรรมการเรยี นรูท้ อ่ี งิ กระบวนการวิจยั โดยให้ผู้เรยี นกำหนดหวั ข้อทตี่ ้องการเรียนรู้ วางแผนการเรยี น เรยี นรู้
ตามแผน สรปุ ความรูห้ รอื สร้างผลงาน และสะทอ้ นความคดิ ในส่ิงทีไ่ ดเ้ รียนรู้ หรืออาจเรียกวา่ การสอนแบบ
โครงงาน(project-based learning) หรือ การสอนแบบใชป้ ญั หาเปน็ ฐาน (problem-based learning)
9. การเรยี นรแู้ บบกรณศี ึกษา (Analyze case studies) คือการจัดกิจกรรมการเรียนรทู้ ใ่ี ห้
ผู้เรยี นไดอ้ ่านกรณีตัวอยา่ งทต่ี อ้ งการศึกษา จากน้ันให้ผ้เู รยี นวเิ คราะหแ์ ละแลกเปล่ียนความคดิ เหน็ หรอื แนวทาง
แก้ปัญหาภายในกลุ่ม แล้วนำเสนอความคิดเห็นต่อผู้เรียนท้งั หมด
10. การเรียนรู้แบบการเขียนบนั ทกึ (Keeping journals or logs) คอื การจดั กจิ กรรม
การเรยี นรทู้ ี่ผ้เู รียนจดบนั ทกึ เรื่องราวต่างๆ ทไ่ี ด้พบเหน็ หรอื เหตกุ ารณ์ที่เกดิ ข้นึ ในแต่ละวนั รวมท้ังเสนอ
ความคิดเพมิ่ เติมเกยี่ วกบั บันทึกที่เขยี น
4
11. การเรียนรแู้ บบการเขียนจดหมายขา่ ว (Write and produce a newsletter) คอื การจัด
กจิ กรรมการเรยี นรทู้ ใี่ หผ้ ้เู รียนรว่ มกนั ผลติ จดหมายขา่ ว อนั ประกอบด้วย บทความ ขอ้ มูลสารสนเทศ ขา่ วสาร
และเหตกุ ารณ์ทีเ่ กิดขน้ึ แล้วแจกจ่ายไปยงั บุคคลอ่นื ๆ
12. การเรยี นรู้แบบแผนผังความคดิ (Concept mapping) คือการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ทีใ่ ห้
ผู้เรียนออกแบบแผนผังความคดิ เพ่อื นำเสนอความคิดรวบยอด และความเช่ือมโยงกันของกรอบความคดิ โดย
การใช้เสน้ เปน็ ตัวเชอื่ มโยง อาจจัดทำเป็นรายบคุ คลหรืองานกลมุ่ แลว้ นำเสนอผลงานต่อผู้เรยี นอนื่ ๆ จากนั้นเปิด
โอกาสให้ผ้เู รียนคนอ่ืนได้ซักถามและแสดงความคิดเหน็ เพิ่มเตมิ
(สถาพร พฤฑฒิกุล, 2558)
บทบาทของครใู นการจัดกิจกรรมการเรยี นรูต้ ามแนวทางของ Active Learning ดังน้ี
1. จดั ใหผ้ เู้ รียนเปน็ ศูนย์กลางของการเรียนการสอน นำไปใช้ประโยชนใ์ นชวี ติ จรงิ ของผ้เู รยี น
2. สรา้ งบรรยากาศของการมีสว่ นรว่ ม และการเจรจาโตต้ อบท่ีส่งเสริมใหผ้ ูเ้ รยี นมปี ฏิสมั พนั ธ์ทดี่ ี
กบั ผู้สอนและเพื่อนในช้นั เรยี น
3. จัดกจิ กรรมการเรียนการสอนสง่ เสรมิ ใหผ้ ้เู รียนมสี ่วนรว่ มในทกุ กิจกรรม รวมทงั้ กระตุน้ ให้
ผู้เรียนความสำเร็จในการเรยี นรู้
4. จัดกจิ กรรมการเรียนการสอนแบบรว่ มมือ สง่ เสริมใหเ้ กดิ การรว่ มมือในกลมุ่ ผูเ้ รยี น
5. จัดกจิ กรรมการเรียนการสอนใหท้ ้าทาย และใหโ้ อกาสผู้เรียนได้รับวธิ ีการสอนท่ีหลากหลาย
6. วางแผนเก่ียวกบั เวลาในการจัดการเรยี นการสอนอย่างชดั เจน ทงั้ ในส่วนของเนือ้ หาและ
กจิ กรรม
7. ครผู ู้สอนต้องใจกว้าง ยอมรับความสามารถในการแสดงออก และความคดิ ของผูเ้ รยี น
(ณัชนนั แกว้ ชยั เจริญกิจ, 2550)
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ เป็นกจิ กรรมท่ีเสรมิ สรา้ งความรู้ เจตคติ และทักษะใหน้ ักเรียนสามารถนำไป
ปฏบิ ัติและจัดการกับปัญหาตา่ ง ๆ ในการดำเนินชีวิตในสังคม เป็นกระบวนการท่เี นน้ การฝึกทักษะและการสร้าง
เจตคตจิ ากประสบการณข์ องผ้เู รียน เป็นการเรยี นรทู้ ่เี ป็นปฏิบตั ิ เพอื่ ใหเ้ กดิ การพฒั นาหรือการเปลย่ี นแปลงท่ี
นำไปสู่การเรยี นร้ใู หม่ ๆ อย่างต่อเนื่องและเปน็ การจดั กิจกรรมการเรียนรูท้ ี่เนน้ การสร้างความรมู้ ากกว่าการ
ถา่ ยทอดความรู้ โดยมคี วามเช่อื พื้นฐานวา่ ผ้เู รียนทกุ คนมีประสบการณ์เดิม และสามารถสร้างความรู้ใหม่ข้ึนจาก
ประสบการณ์เดมิ น้ันได้ดว้ ยการสื่อสารระหวา่ งผเู้ รียนกับผสู้ อน หรือระหวา่ งผู้เรยี นกบั ผูเ้ รยี นด้วยกนั เอง การ
ส่ือสารท่ีเกดิ ขนึ้ เปน็ การขยายเครอื ขา่ ยความรู้ทง้ั ในทางกวา้ งและทางลึก ซงึ่ ชุดกิจกรรมจะช่วยเพม่ิ ประสิทธิภาพ
ในการสอนของครูและจะชว่ ยส่งเสริมให้ผเู้ รยี นเกิดการเปล่ียนแปลงพฤตกิ รรมการเรียนร้ดู ้วยตนเองตาม
จดุ ประสงค์ที่ต้ังไว้อยา่ งมีประสิทธิภาพ เรา้ ความสนใจของผู้เรยี นให้เกิดการเรยี นรู้ โดยยึดผเู้ รียนเป็นศูนย์กลาง
ผูเ้ รยี นรจู้ ดุ มุง่ หมายชดั เจน และมสี ว่ นร่วมในการปฏิบตั กิ จิ กรรมตา่ งๆ ตามความสามารถของแต่ละบุคคล เปิด
โอกาสให้ผ้เู รยี นได้แสดงความคิดเหน็ มอี สิ ระในการเรียนไดแ้ สดงความคิดเห็น มีอิสระในการเรยี น สามารถเรียน
ดว้ ยตนเองตามความสามารถและความสนใจของตนเอง จึงทำให้ผู้เรียนสนใจที่จะเรยี นร้มู ากยิ่งขน้ึ นอกจากนี้
ยงั ทำใหท้ ราบผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมนั้นๆ อย่างรวดเรว็ ทำให้ไมเ่ กดิ ความเบอ่ื หนา่ ยในการเรียน หรอื เกิดความ
ท้อถอยใน การเรียนเพราะผเู้ รียนมสี ทิ ธทิ ่จี ะกลับไปศึกษาเรอื่ งท่ตี นเองไมเ่ ข้าใจใหมไ่ ด้ อีกทง้ั ยงั เปน็ การชว่ ยฝึกการ
ทำงานรว่ มกนั กบั ผูอ้ น่ื เพื่อให้ผเู้ รียนอยใู่ นสังคมได้อยา่ งมคี วามสุข
5
จากประสบการณ์ของผรู้ ายงาน ในการสอนสาระการเรยี นรู้คณิตศาสตรร์ ะดบั ชว่ งชั้นที่ 1 โดยเฉพาะ
ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 พบว่าสภาพการเรียนโดยภาพรวมปรากฏว่า นักเรียนส่วนมากมีความสามารถ
ความสนใจในการเรยี นรู้ทแ่ี ตกต่างหลากหลาย มที ั้งกลุ่มทีเ่ รยี นดี ปานกลาง กลุ่มทบ่ี กพรอ่ งทางการเรียนรู้ และ
เด็กพิเศษ จึงทำให้เกิดปัญหาในการเรยี นรู้ โดยเฉพาะ วิชาคณิตศาสตร์ ซ่งึ เป็นกลุ่มทกั ษะท่ีจำเปน็ ตอ่ การดำรง
ชวี ติ ประจำวนั แตป่ รากฏวา่ นักเรยี นรอ้ ยละ 50 มีผลการเรยี นต่ำ แมว้ า่ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนในระดับต่าง ๆ
นักเรียนจะสามารถทำคะแนนได้โดยเฉลี่ยในภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีก็ตาม แต่พบว่าเนื้อหา เรื่อง การหาร
นักเรียนทำคะแนนได้น้อยจึงเป็นตัวฉุดคะแนนในภาพรวม เมื่อวิเคราะห์ถึงสาเหตุของปัญหาจงึ พบว่าเกิดจาก
นกั เรียนขาดทักษะในการคดิ การคำนวณ มีเจตคติท่ีไมด่ ีต่อการเรยี นวิชาคณิตศาสตร์จงึ ทำให้ไมส่ นใจ เกิดความ
เบ่อื หนา่ ยในการปฏบิ ตั ิกิจกรรมการเรียนรู้ จึงสง่ ผลต่อการเรยี นรขู้ องนักเรยี นดงั กล่าวขา้ งต้น
ดังนั้น ผู้รายงานจึงออกแบบการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learnig โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้
เรื่อง การหาร ร่วมกับเทคนิคการแขง่ ขันเป็นทีมมาประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้
คณิตศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 3 เพ่อื แก้ปัญหาและส่งเสรมิ ให้นกั เรียนไดเ้ รียนรู้อย่างมปี ระสิทธิภาพและเกิด
ประสิทธิผล ทั้งด้านผลสัมฤทธิท์ างการเรียน เจตคติ ที่ดีต่อการเรียนวชิ าคณิตศาสตร์ ตลอดจนเป็นแนวทางใน
การพัฒนาการจัดการเรยี นรคู้ ณิตศาสตรใ์ ห้มีประสิทธภิ าพยง่ิ ข้ึน
วัตถุประสงคข์ องการวิจยั
1. เพ่ือพัฒนาผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียน เรอื่ ง การหาร โดยใช้การจดั การเรียนรู้แบบ Active Learnig ด้วย
ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เรื่อง การหาร ร่วมกับเทคนิคการแขง่ ขนั เปน็ ทีม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ความสำคัญของการศึกษา
ผลของการศึกษาครงั้ นี้ทำใหไ้ ด้วิธีการจดั การเรียนรูแ้ บบ Active Learnig โดยใชช้ ดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้
เรื่อง การหาร ร่วมกับเทคนิคการแข่งขันเป็นทีมมาประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สำหรับนักเรียนช้ัน
ประถมศกึ ษาปีที่ 3 อันจะเปน็ แนวทางสำหรบั ครผู สู้ อนไดน้ ำไปใชพ้ ฒั นากระบวนการเรียนการสอนคณิตศาสตร์
ใหม้ ปี ระสิทธิภาพมากขน้ึ
ขอบเขตของการศึกษา
1. ขอบเขตดา้ นประชากรและกล่มุ ตวั อยา่ ง
ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่3 โรงเรียนวัดบางกระเจ้า
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสาคร ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 จำนวนทั้งสิ้น
20 คน
2. ขอบเขตด้านเนอ้ื หา
เนื้อหาที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ได้แก่ การหาร สำหรับชั้นประถมศึกษาปีท่ี 3 ตามหลักสูตรสถานศึกษา
ของโรงเรยี นวัดบางกระเจ้า พทุ ธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พทุ ธศึกราช 2560) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
ซึ่งเป็นไปตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560) ของ
กระทรวงศึกษาธิการ โดยมีเนื้อหารายละเอียดเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learnig โดยใช้ชุด
กิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การหาร ร่วมกับเทคนิคการแข่งขันเป็นทีมมาประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
สำหรับนักเรียนช้ันประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดบางกระเจ้า สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา
สมทุ รสาคร มจี ำนวน 7 ชุด ดงั น้ี
6
ชุดกจิ กรรมการเรียนรทู้ ี่ 1 เรื่อง การหารซง่ึ ตัวตั้งเปน็ จำนวนทม่ี สี องหลักและ
ตวั หารเปน็ จำนวนทม่ี หี นึ่งหลัก (หารลงตัว)
ชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ท่ี 2 เร่ือง การหารซึ่งตวั ตง้ั เปน็ จำนวนทีม่ สี องหลักและ
ตวั หารเปน็ จำนวนทม่ี ีหน่ึงหลัก (หารไม่ลงตัว)
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ี 3 เร่อื ง การหารซึง่ ตัวตัง้ เป็นจำนวนที่มสี ามหลักและ
ตัวหารเปน็ จำนวนท่มี หี นง่ึ หลกั (หารลงตัว)
ชดุ กิจกรรมการเรียนร้ทู ่ี 4 เรอื่ ง การหารซ่ึงตัวตง้ั เป็นจำนวนที่มสี ามหลักและ
ตวั หารเป็นจำนวนท่ีมีหน่งึ หลกั (หารไมล่ งตวั )
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรู้ที่ 5 เรื่อง การหารซง่ึ ตวั ตง้ั เป็นจำนวนท่มี ีสห่ี ลักและ
ตวั หารเปน็ จำนวนท่มี หี นึ่งหลัก (หารลงตัว)
ชดุ กิจกรรมการเรยี นรูท้ ่ี 6 เรื่อง การหารซง่ึ ตวั ตงั้ เป็นจำนวนท่ีมสี ห่ี ลกั และ
ตัวหารเป็นจำนวนทม่ี ีหน่งึ หลกั (หารไม่ลงตัว)
ชุดกจิ กรรมการเรยี นรทู้ ี่ 7 เรอ่ื ง โจทยป์ ญั หาการหาร
3. ระยะเวลาท่ีใช้ในการศกึ ษาคน้ ควา้
ระยะเวลาทใี่ ชใ้ นการศึกษา ดำเนินการทดลองในภาคเรียนท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2564
4. ตัวแปรท่ศี ึกษา
ตัวแปรอิสระ ได้แก่ การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learnig โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง
การหาร ร่วมกับเทคนิคการแข่งขันเป็นทีมมาประกอบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ สำหรับนักเรียนชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 3
ตวั แปรตาม ไดแ้ ก่
ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียนของนกั เรียน
สมมตฐิ านของการศึกษา
นกั เรียนชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 ทเี่ รียนดว้ ยการจดั การเรียนรแู้ บบ Active Learnig โดยใช้ชุดกิจกรรม
การเรยี นรู้ เร่อื ง การหาร รว่ มกับเทคนคิ การแขง่ ขันเปน็ ทีมมาประกอบการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ กลุ่มสาระ
การเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 3 มีผลสัมฤทธท์ิ างการเรียนหลงั เรียน สูงกวา่ ก่อนเรียน
กรอบแนวคิดของการศึกษา
ผู้ศึกษาได้วางกรอบแนวคิดในการเรียนการสอนคณิตศาสตร์ โดยการจัดการเรยี นรแู้ บบ Active Learnig
ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การหาร ร่วมกับเทคนิคการแข่งขันเป็นทีมมาประกอบการจัดกิจกรรมการ
เรยี นรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 3 ประกอบการสอน ดงั นี้
7
การจัดการเรียนรู้ ผลสัมฤทธท์ิ างการเรียน เร่อื ง การหาร
แบบ Active Learnig โดยการจดั การเรยี นรู้แบบ Active Learnig
โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง การหาร ร่วมกับเทคนิค
เร่ือง การหาร ร่วมกับเทคนิค การแข่งขันเปน็ ทมี
การแข่งขนั เป็นทีม
แผนภาพประกอบท่ี 1 กรอบแนวคดิ การศึกษา
ประโยชนท์ ีค่ าดว่าจะไดร้ บั
1. นักเรียนมีทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตรเ์ รอื่ ง การหาร
2. เปน็ แนวทางสำหรบั ครผู ู้สอนคณติ ศาสตร์ในการเลือกกจิ กรรมการเรยี นการสอน
3. เป็นแนวทางในการปรับปรุงและพัฒนาการเรียนการสอนเรื่อง การหาร ในสาระการเรียนรู้
คณิตศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 3
นยิ ามศัพท์เฉพาะ
1. การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning หมายถึง กระบวนการเรยี นการสอนท่สี ง่ เสรมิ ให้ผเู้ รยี น
มีส่วนร่วมในชั้นเรียน สร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูผู้สอนกับผู้เรียน มุ่งให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติ โดยมีครูเป็นผู้
อำนวยความสะดวก สร้างแรงบันดาลใจ ให้คำปรึกษา ดูแล แนะนำ จัดวิธีการเรียนรู้และแหล่งเรียนรู้ท่ี
หลากหลาย ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างมีความหมาย สร้างองค์ความรู้ได้ มีความเข้าใจในตนเอง ใช้สติปัญญา
คดิ วิเคราะห์ สร้างสรรคผ์ ลงาน มสี มรรถนะสำคัญ มที กั ษะวิชาการ ทักษะชีวติ บรรลเุ ป้าหมายการเรียนรู้
ตามระดับช่วงวัย
2. การสอนโดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การหาร ร่วมกับเทคนิคการแข่งขันเป็นทีม
หมายถึงการนำชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เรื่อง การหาร ร่วมกับเทคนิคการแข่งขันเป็นทีม มาใช้เป็นกิจกรรม
ประกอบการเรียนการสอนในเนื้อหาวิชาคณิตศาสตร์ ระดบั ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 3
3. แผนการจัดการเรียนรู้ หมายถึง แผนการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning เรื่อง การหาร
โดยการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การหาร ร่วมกับเทคนิคการ
แข่งขันเป็นทีม กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งประกอบไปด้วยจุดประสงค์การเรียนรู้
สาระการเรยี นรู้ กระบวนการจดั การเรียนรู้ ส่อื และแหลง่ การเรียนรู้ การวัดผลประเมนิ ผล
4. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง ความรู้ ความสามารถของนักเรียนที่แสดงพฤติกรรมตามตัวชี้วัด
ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ. 2551 ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560 หลังจากสิ้นสุดการเรียน
โดยการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การหาร ร่วมกับเทคนิคการ
แข่งขันเป็นทีม กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ซึ่งสามารถวัดได้จากคะแนนของ
นักเรียนในการทำแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 3 จำนวน 30 ขอ้
8
5. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หมายถึง แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
เรอ่ื ง การหาร กลมุ่ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 3 ที่ผู้ศึกษาสรา้ งขนึ้ จำนวน 30 ข้อ เพื่อใช้
ทดสอบนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยชุดกิจกรรมการ
เรียนรู้เรือ่ ง การหาร รว่ มกบั เทคนคิ การแขง่ ขันเป็นทีม กลุ่มสาระการเรียนรู้คณติ ศาสตร์ ประถมศึกษาปที ี่ 3
วิธีดำเนนิ การวิจยั
1. ประชากร
ประชากรเปน็ นักเรยี นชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 3 โรงเรียนวัดบางกระเจา้
สังกัดสำนกั งานเขตพ้นื ที่การศกึ ษาประถมศึกษาสมุทรสาคร สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน
2. เคร่ืองมือทใ่ี ช้ในการวิจัย
2.1 แบบประเมนิ ผลการเรยี นรเู้ ร่ือง การหาร
2.2 ชุดกิจกรรมการเรียนรูเ้ ร่ืองการหาร ร่วมกับเทคนิคการแข่งขันเป็นทีม สำหรับนักเรียน
ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 3
3. ข้นั ตอนการสรา้ งเครื่องมอื
3.1 ศกึ ษาเอกสารหลกั สูตรสถานศกึ ษา แนวคดิ ทฤษฎีการเรยี นการสอน
3.2 ศึกษาปญั หาของนักเรยี น วิเคราะหข์ ้อมูลท่ีพบในการจดั การเรียนการสอน
3.3 ศึกษาเทคนคิ วิธกี ารจัดการเรยี นรูแ้ บบ Active Learning
3.4 ศกึ ษาเทคนิคการสร้างชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เพอื่ ให้เหมาะสมกบั เนอ้ื หาและผู้เรียน
3.5 สรา้ งแบบประเมนิ ผลก่อนเรียน - หลังเรยี น
3.6 ประเมินผลเรื่อง การหาร กอ่ นใช้ชดุ กิจกรรมการเรียนร้เู รื่อง การหาร สำหรับนักเรยี นชั้น
ประถมศกึ ษาปีท่ี 3
3.7 ดำเนินการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง
การหาร ร่วมกบั เทคนคิ การแข่งขนั เป็นทมี สำหรบั นักเรยี นช้ันประถมศึกษาปีท่ี 3
3.8 ประเมินผลเรือ่ ง การหาร หลังการจัดการเรยี นร้แู บบ Active Learning ด้วยชุดกิจกรรม
การเรยี นรู้ เร่อื ง การหาร ร่วมกับเทคนคิ การแข่งขันเป็นทีม สำหรับนักเรยี นช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 3
การเก็บรวบรวมขอ้ มลู
ใช้การเก็บรวบรวมข้อมูลในสถานการณ์จริงในช้ันเรียน โดยใช้แบบประเมินผลเรอื่ ง การหาร กอ่ น
ใชแ้ ละหลังการจดั การเรียนรูแ้ บบ Active Learning ด้วยชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เรอื่ ง การหาร รว่ มกบั เทคนิค
การแข่งขนั เปน็ ทีม สำหรับนักเรยี นช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 3 และสงั เกตพฤติกรรมของผู้เรยี นระหว่างจัดกิจกรรม
การเรยี นการสอน
การวเิ คราะห์ข้อมลู
ข้อมลู ท่รี วบรวมไดจ้ ากแบบทดสอบเรอื่ ง การหาร ก่อนเรยี นและหลังเรียน นำมาวิเคราะห์
หาค่าเฉลี่ย ( ) และส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน (S.D.) แล้วเปรยี บเทยี บคะแนนความก้าวหนา้ ของนักเรยี น
แต่ละคน
9
ผลการวิเคราะหข์ ้อมลู
ข้อมูลทั่วไปของกลุ่มท่ีศกึ ษา คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนวัดบางกระเจา้ ทั้งหมด
รวม 20 คน มกี ารทดสอบวัดผลสัมฤทธกิ์ ่อนเรียน แลว้ จงึ ดำเนนิ การสอนตามแผนการจัดการเรียนรู้ โดยการ
จดั การเรยี นรูแ้ บบ Active Learning ด้วยชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เรอ่ื ง การหาร ร่วมกับเทคนคิ การแขง่ ขนั เป็น
ทมี สำหรบั นกั เรียนช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 3 หลังจากนน้ั จึงทำการทดสอบวัดผลสมั ฤทธห์ิ ลังเรียน แลว้ จงึ นำผล
มาเก็บรวบรวม ขอ้ มลู กอ่ นเรียนและหลังเรียนทรี่ วบรวมได้จากเครอ่ื งมือท่ีผู้วจิ ัยสร้างข้ึนมาจำแนกผลการเรียนรู้
ดังน้ี
สรุปได้ว่านักเรียนทั้ง 20 คน มีความก้าวหน้าในการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยชุด
กิจกรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง การหาร รว่ มกับเทคนคิ การแข่งขนั เป็นทมี สำหรับนักเรยี นชั้นประถมศึกษาปที ่ี 3
ค่าเฉลีย่ และค่าเบย่ี งเบนมาตรฐานของนกั เรียนในการใช้ชดุ กจิ กรรมการเรียนรู้เร่ือง การหาร
สำหรบั นกั เรียนชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 3
การฝกึ จำนวน ผลรวม คา่ เฉล่ีย
นักเรยี น X X ร้อยละ ค่า S.D
กอ่ นเรียน 20 คน 297 14.85 49.50 3.59
หลังเรยี น 20 คน 520 26.00 86.67 2.43
จากตารางสรุปได้ว่าการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง
การหาร รว่ มกบั เทคนิคการแขง่ ขนั เปน็ ทมี สำหรับนกั เรยี นช้ันประถมศึกษาปีที่ 3 ก่อนเรียนมีค่าเฉล่ียเท่ากับ
14.85 หลังเรียนมีค่าเฉลีย่ เทา่ กับ 26.00 จะเห็นได้ว่าคะแนนของค่าเฉล่ียหลังเรียนมีค่ามากกว่าคะแนนเฉลี่ย
กอ่ นเรียน และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของก่อนเรียนมีค่าเท่ากบั 3.59 ส่วนคา่ เบีย่ งเบนมาตรฐานหลังเรียนมีค่า
เท่ากบั 2.43 แสดงวา่ ขอ้ มูลมคี า่ คะแนนใกล้เคียงกัน
สรุปผลการวิจยั
การวจิ ยั คร้ังนมี้ ีวตั ถุประสงค์เพ่ือพฒั นาผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน เร่อื ง การหาร โดยการจัดการเรียนรู้
แบบ Active Learning ดว้ ยชุดกิจกรรมการเรยี นรู้ เรื่อง การหาร รว่ มกบั เทคนิคการแข่งขนั เป็นทีม สำหรับ
นักเรยี นช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 3 เพ่อื แกป้ ัญหาเรอ่ื ง การหาร สำหรับนักเรียนช้นั ประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียน
วัดบางกระเจา้ พบวา่ นกั เรียนมีผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี น เร่ือง การหาร ดีขน้ึ
10
อภปิ รายผล
ผลการศึกษาคน้ ควา้ ในครั้งน้ปี รากฏวา่ ผลสมั ฤทธิ์การเรียนรู้ของนกั เรยี นหลงั เรียนด้วยการจัดการเรียนรู้
แบบ Active Learning ดว้ ยชดุ กิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง การหาร ร่วมกบั เทคนิคการแข่งขันเปน็ ทมี สำหรับ
นกั เรียนชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ 3 มีคณุ ภาพและประสิทธิภาพอยา่ งดียงิ่ ดว้ ยเหตุผลดังต่อไปน้ี
1. ชุดกิจกรรมการเรยี นร้เู รื่องการหาร ร่วมกบั เทคนคิ การแข่งขันเป็นทีม สำหรบั นักเรยี นชั้น
ประถมศึกษาปที ่ี 3 เปน็ สื่อทมี่ ีคุณภาพและประสิทธิภาพตามผลของการวเิ คราะห์ข้อมูลดงั กลา่ ว
2. ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้เรื่องการหาร รว่ มกับเทคนิคการแขง่ ขันเปน็ ทมี สำหรับนกั เรียนช้ัน
ประถมศึกษาปีที่ 3 ชุดนี้สร้างขึ้นอย่างถูกวิธี ได้ผ่านขั้นตอนการสร้างและพัฒนาอย่างเป็นระบบ เริ่มตั้งแต่
เอกสารหลักสูตรและเอกสารที่เกี่ยวข้องในการใช้หลักสูตร และยังได้รับการแนะนำ ข้อเสนอแนะจาก
ผู้เช่ยี วชาญและมีประสบการณ์ดา้ นเน้อื หาการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ความเหมาะสมของเน้อื หา
3. การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ เร่ือง การหาร รว่ มกบั
เทคนคิ การแขง่ ขันเป็นทีม สำหรับนักเรยี นช้ันประถมศกึ ษาปที ี่ 3 นักเรียนเกิดความสนุกสนานในการเรยี นรู้
4. การจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning ด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การหาร ร่วมกับ
เทคนิคการแข่งขันเป็นทมี สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ได้เรียงลำดบั ความยากง่ายสอดคล้องตาม
ธรรมชาติการเรียนรู้ ทำให้เรียนรู้สึกวา่ ตนเองประสบความสำเรจ็ ในการเรียนรู้ จึงสรุปได้ว่าชุดกิจกรรมการ
เรียนรู้เร่อื งการหาร ร่วมกับเทคนิคการแข่งขนั เป็นทีม สำหรบั นกั เรยี นชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 3 มีประสิทธิภาพ
อยา่ งยิง่ สามารถนำไปใช้ในการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ส่งผลให้ผูเ้ รยี นมผี ลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสงู ขนึ้
11
ภาคผนวก
12
แบบบันทึกคะแนนทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ทิ างการเรียนก่อนเรียน – หลงั เรียน
เรื่อง การหาร
นักเรียนช้ันประถมศึกษาปี ที่ 3 โรงเรียนวัดบางกระเจ้า
เลขที่ ชื่อ - สกุล ก่อนเรียน หลังเรียน
1 ด.ช.ปัณณวฒั น์ หลว่ิ หอ้ ง 30 คะแนน 30 คะแนน
2 ด.ช.พชรพล น้อยเพ่มิ พูล 18 28
3 ด.ช.พรเทพ เหลก็ นางรอง 11 25
4 ด.ช.พเิ ชฐ เขยี ววจิ ติ ร 15 26
5 ด.ช.สนธยา ทองพยงค์ 17 26
6 ด.ช.อภวิ ันท์ สุพรรณเภสัช 14 24
7 ด.ญ.นันทิชา ไกรรกั ษ์ 15 24
8 ด.ญ.จิราพัชร บุญเทียม 20 30
9 ด.ญ.ณัฐชา อนิ หงษา 12 25
10 ด.ญ.ธัญญาลักษณ์ อยสู่ ขุ 10 22
11 ด.ญ.พรภมิ ล แต้มชายสงค์ 20 30
12 ด.ญ.พิตตนิ ันท์ ไวยปราชญ์ 12 23
13 ด.ญ.พชี ญา ใจกล้า 18 27
14 ด.ญ.มาธวรรย์ เอี่ยมอนิ ทร์ 8 23
15 ด.ญ.วราพร วรดูลย์ 12 25
16 ด.ญ.อรอุมา วงค์แปน้ 15 27
17 ด.ญ.สุภาวดี ศรีทะวงษ์ 11 25
18 ด.ญ.พชรอร สุทธหลวง 20 30
19 ด.ญ.มสั รียา จันทรขวัญ 18 28
20 ด.ญ.อนันตญา พนั ทะศรี 17 28
14 24
เฉล่ยี 14.85 26.00
ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน 3.59 2.43
49.50 86.67
ร้อยละ
13
แบบทดสอบวัดผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี น
14
แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน
กล่มุ สาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปี ท่ี 3
เรื่อง การหาร
…………………………………………………………………………………………………
คาชี้แจง วงกลมล้อมรอบคาตอบทถ่ี กู ต้องทสี่ ุด
1. ขอ้ ใดหมายถึงการหาร 5. ขอ้ ใดคือหลกั การหารจานวนทม่ี สี ามหลกั ดว้ ย
ก. การบวกดว้ ยจานวนเดียวกนั จานวนท่ีมหี ลกั เดียว
ข. การลบดว้ ยจานวนหลายจานวน ก. เร่ิมหารจากหลกั ร้อยไปหลกั สิบ
ค. การนบั เพิ่มคร้งั ละเทา่ ๆกนั ข เร่ิมหารจากหลกั สิบไปหลกั ร้อย
ง. การนบั ลดคร้งั ละเทา่ ๆกนั ค. เริ่มหารจากหลกั ร้อยไปหลกั สิบและ
2. 98 ÷ 7 คาตอบคือขอ้ ใด หลกั หน่วยตามลาดบั
ก. 14 ง. เร่ิมหารจากหลกั หน่วยไปหลกั สิบและ
ข. 15
หลกั ร้อยตามลาดบั
ค. 16 6. ขอ้ ใดเป็นการตรวจคาตอบการหารท่ีถูกตอ้ ง
ง. 17 ก. (ผลหาร ตวั หาร) – เศษ = ตวั ต้งั
3. 93 ÷ 3 = ข. (ผลหาร ตวั หาร) + เศษ = ตวั ต้งั
ก. 33 ค. (ผลหาร + เศษ) ตวั หาร = ตวั ต้งั
ข. 13 ง. (ผลหาร - เศษ) ตวั หาร = ตวั ต้งั
ค. 31 7. 82 ÷ 2 =
ง. 11 ก. 41
4. ขอ้ ใดเป็นจริง ข. 42
ก. 95 ÷ 5 = 118 ค. 14
ข. 172 ÷ 4 = 43 เศษ 2 ง. 24
ค. 4036 ÷ 9 = 448 เศษ 8 8. 86 ÷ 4 =
ง. 320 ÷ 5 = 64 ก. 23
ข. 21 เศษ 1
ค. 22 เศษ 1
ง. 21 เศษ 2
15
9. 59 ÷ 5 = 15. 105 ÷ 2 =
ก. 11 เศษ 3 ก. 51 เศษ 1
ข. 11 เศษ 4 ข. 51 เศษ 2
ค. 11 เศษ 1 ค. 52
ง. 11 เศษ 2 ง. 52 เศษ 1
10. 28 ÷ 6 = 16. 716 ÷ 7 =
ก. 4 เศษ 1 ก. 12 เศษ 1
ข. 1 เศษ 4 ข. 14 เศษ 2
ค. 4 เศษ 3 ค. 102 เศษ 1
ง. 4 เศษ 4 ง. 102 เศษ 2
11. 693 ÷ 3 = 17. 123 ÷ 4 =
ก. 221 ก. 30 เศษ 3
ข. 231 ข. 30 เศษ 2
ค. 211 ค. 31 เศษ 2
ง. 213 ง. 31 เศษ 1
12. 864 ÷ 2 = 18. 8248 ÷ 2 =
ก. 422 ก. 4124
ข. 412 ข. 4111
ค. 432 ค. 4142
ง. 442 ง. 4141
13. 155 ÷ 5 = 19. 5155 ÷ 5 =
ก. 15 ก. 1351
ข. 31 ข. 1033
ค. 35 ค. 1031
ง. 13 ง. 1301
14. 824 ÷ 8 = 20. 6635 ÷ 3 =
ก. 130 ก. 2211 เศษ 1
ข. 103 ข. 2211 เศษ 2
ค. 301 ค. 2112 เศษ 1
ง. 310 ง. 2112 เศษ 2
16
21. 6122 ÷ 6 = 24.
ก. 121 เศษ 1
ข. 101 เศษ 2 จากภาพเขียนเป็นโจทยป์ ัญหาการหารไดอ้ ยา่ งไร
ค. 102 เศษ 1 ก. เด็ก 4 คน ซ้ือลกู โป่ ง 14 ลูก
ง. 102 เศษ 2 จะตอ้ งจา่ ยเงินกี่บาท
ข. มีลูกโป่ ง 14 ลูก แบ่งให้เด็ก 4 คน
22. คนละเท่าๆกนั จะไดค้ นละก่ีลกู เหลือกี่ลกู
ค. เด็ก 4 คนมีลูกโป่ งคนละ 14 ลูก
จากภาพเขียนเป็นโจทยก์ ารหารไดอ้ ยา่ งไร รวมมลี ูกโป่ งท้งั หมดกี่ลกู
ก. 20 ÷ 5 ง. ลกู โป่ งใบละ 14 บาท มเี ดก็ มาซ้ือ 4 คน
ข. 5 ÷ 20 แมค่ า้ จะขายไดเ้ งนิ ท้งั หมดกี่บาท
ค. 205 ÷ 5
ง. 20 ÷ 5 25.
23. สุนขั ท้งั หมดราคา 936 บาท
ไขไ่ ก่ 6 ฟอง ราคา 36 บาท
จากภาพขอ้ ใดถกู ตอ้ ง
จากภาพเขียนเป็นโจทยป์ ัญหาการหารไดอ้ ยา่ งไร ก. 936 ÷ 2 = 468
ก. ซ้ือไข่ไก่ 6 ฟอง ฟองละ 36 บาท ข. 936 ÷ 3 = 321
จะตอ้ งจ่ายเงนิ ก่ีบาท ค. 936 ÷ 3 = 312
ข. แมค่ า้ ขายไข่ไก่ราคาฟองละ 6 บาท ขายได้ ง. 936 ÷ 6 = 124
36 ฟอง แมค่ า้ ขายไข่ไก่ไดเ้ งินกี่บาท
ค. มีไข่ไก่ 6 ฟอง แมใ่ ห้อีก 36 ฟอง 26. ขอ้ ใดเป็นโจทยป์ ัญหาการหาร
รวมมีไข่ไกก่ ่ีฟอง ก. มีเงิน 500 บาทแมใ่ ห้อกี 500บาทรวมมี
ง. แม่ซ้ือไข่ไก่ 6 ฟอง ราคา 36 บาท เงนิ ก่ีบาท
ไข่ไกร่ าคาฟองละก่ีบาท ข. มีขนม 37 ช้ิน แบ่งให้เพื่อน 5 คน คนละ
เทา่ ๆกนั จะไดค้ นละกี่ชิ้นและเหลือกี่ชิ้น
ค. แกว้ มดี ินสอ 5 กล่อง กล่องละ 12 แทง่
แกว้ มีดินสอท้งั หมดก่ีแท่ง
ง. สบู่ห่อหนี่งมี 12 กอ้ น ถา้ ซ้ือ 8 ห่อ จะได้
สบกู่ ่ีกอ้ น
17
27. ป้าน่ิมซ้ือมะม่วง 5 กิโลกรมั จ่ายเงนิ ให้
แม่คา้ 95 บาท มะม่วงราคากิโลกรมั ละก่ีบาท
ก. 19 บาท
ข. 29 บาท
ค. 21 บาท
ง. 25 บาท
28. ขายหนงั สือ 4 เล่มไดเ้ งนิ 288 บาท หนงั สือ
ราคาเล่มละก่ีบาท
ก. 144 บาท
ข. 54 บาท
ค. 64 บาท
ง. 72 บาท
29. นกั เรียนช้นั ป. 3 มี 55 คน แบง่ เป็นกลมุ่
กลุ่มละ 5 คน จะไดก้ ี่กลมุ่
ก. 5 กลุ่ม
ข. 10 กลุ่ม
ค. 11 กล่มุ
ง. 12 กลุม่
30. มีโตะ๊ 308 ตวั จดั เป็นแถว แถวละ 6 ตวั จะ
ไดก้ ่ีแถวและเหลอื โตะ๊ กี่ตวั
ก. 51 แถว เหลือ 2 ตวั
ข. 61 แถว เหลอื 1 ตวั
ค. 50 แถว เหลือ 3 ตวั
ง. 60 แถว เหลือ 2 ตวั
18
เฉลย
แบบทดสอบวดั ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียน
21. ง 11. ข 1. ค
22. ก 12. ค 2. ก
23. ค 13. ข 3. ง
24. ง 14. ข 4. ข
25. ค 15. ง 5. ค
26. ข 16. ง 6. ข
27. ก 17. ก 7. ก
28. ง 18. ก 8. ง
29. ข 19. ค 9. ค
30. ง 20. ข 10. ก
19