The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by suranant2549, 2022-07-03 07:29:58

pdf_20220703_182948_0000

pdf_20220703_182948_0000

บทละครเรื่อง อิเหนา
ตอน

ศึ กกะหมังกุหนิง

คำนำ

รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาภาษาไทย ท๓๑๑๐๑
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๔ โดยวัตถุประสงค์ เพื่อการศึกษาความรู้
ที่ได้จาก เรื่อง บทละครอิเหนา ทั้งนี้ ในรายงานนี้มีเนื้อหา
ประกอบด้วยความรู้เกี่ยวกับบทละครเรื่องอิเหนา บทประพันธ์
การถอดความเเละคำศัพท์จากบทประพันธ์

เนื้อหาได้รวบรวมมาจากหนังสือแบบเรียนวรรณคดีวิจักษ์
และการถอดบทความจากคณะผู้จัดทำ ผู้จัดทำต้องขอขอบคุณ
อาจารย์ สุนิษา ชูถนอม ผู้ให้ความรู้ และแนวทางการศึกษา

ผู้จัดทำหวังว่ารายงานฉบับนี้จะให้ความรู้ ความเข้าใจและ
เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ต้องการศึกษา หากมีข้อผิดพลาดหรือ
ข้อเสนอแนะประการใด ผู้จัดทำขออภัยและขอบพระคุณมาก
ณ ที่นี้ด้วย

ปิยวัฒน์ และคณะ

สารบัญ

ทัพเมืองกาหลังยกมาสมทบ

- จากหนังสือหน้ า ๓๘

- จากหนังสือหน้ า ๓๙ ๑
- จากหนังสือหน้ า ๔๐

- จากหนังสือหน้ า ๔๑ ๓
- จากหนังสือหน้ า ๔๒

- จากหนังสือหน้ า ๔๓ ๖
ดะหมังกุเรปันเฝ้ าถวายสารท้าวหมันหยาเเละอิเหนา

- จากหนังสือหน้ า ๔๓ ๙
-จากหนังสือหน้ า ๔๔

-จากหนังสือหน้ า ๔๕ ๑๒
อธิบายคำศัพท์

๑๔






๑๖


๑๗


๑๙


๒๒

๏ บัดนั้น สองทูตทูลแจ้งแถลงไข
ข้าได้ยินตระหนักประจักษ์ใจ ท้าวดาหาตรัสใช้เสนี
กับพาราสิงหัดส่าหรี
ให้รีบไปแจ้งเหตุพระเชษฐา อีกบุรีระตูจรกา
จะมาช่วยป้องกันกรุงดาหา
อนุชากาหลังธิบดี เสนาก็ไปพร้อมกัน

เห็นกษัตริย์ทั้งสี่ ธานีนั้น
เมื่อวันข้าออกจากเมืองมา

ถอดความ : สองทูตทูลความอีกครั้ง ข้าได้ยินได้ตระหนักในใจว่าท้าวดาหา
ตรัสให้เสนารีบไปแจ้งเหตุแก่เชษฐากับเมืองสิงหัสส่าหรี อีกทั้งพระอนุชา
แห่งกาหลัง ทั้งยังเมืองแห่งระตูจรกา เห็นว่ากษัตริย์ทั้งสี่เมืองนั้นจะมาช่วย
ป้องกันเมืองดาหา เมื่อตอนที่ข้าออกมาจากเมืองนั้น เสนาก็ไปพร้อมกันด้วย



๏ เมื่อนั้น ท้าวกะหมังกุหนิงแข็งขัน
ได้ฟังกริ้วโกรธดังเพลิงกัลป์ จึงกระชั้ นสี หนาทประภาษไป
ถึงว่ากษัตริย์ทั้งสี่ กรุง จะมาช่วยรบพุ่งเป็นศึกใหญ่
กูก็ไม่ครั่นคร้ามขามใคร จะหักให้เป็นภัสม์ธุลีลง
ว่าพลางทางมีพจนารถ สั่ งอำมาตย์กะหมังตระหงง
ที่ สามารถอาจองในสงคราม
เร่งเกณฑ์พวกพลรณรงค์

เลือกสรรโยธีทั้งสี่ หมู่ เคยทำลายค่ายคูขวากหนาม
แต่กองร้อยรบพันไม่ครั่นคร้าม ให้ครบสามสิบหมื่นพื้นตัวดี
เอาวิหยาสะกำเป็นกองหน้า ตรวจตราเตรียมกระบวนถ้วนถี่

อันกองหลังรั้งพลมนตรี ทั้งสองศรีอนุชาผู้ใจภักดิ์
กูจะเป็นจอมพลโยธา หนุนทัพลูกยาเข้าโหมหัก

ไม่เกรงวงศ์เทวาสุรารักษ์ ให้ปรากฏยศศักดิ์เสียครั้งนี้
จึงถามขุนโหราทั้งสี่
ครั้นเสร็จสั่ งมหาเสนา พรุ่งนี้ ดีร้ายประการใด
เราจึงยกพลไกรไปต่อตี

ถอดความ : ฝ่ายท้าวกะหมังกุหนิงได้ฟังก็ยิ่งกริ้วโกรธยิ่งนัก จึงประภาษไป

ถึงว่ากษัตริย์ทั้งสี่เมืองจะมาช่วยท้าวดาหารบเป็นศึกใหญ่ ตัวกูก็ไม่เกรงกลัวใคร

จะหักล้างให้เป็นธุลีจงได้ พูดพร้อมสั่งอำมาตย์ดะหมังตำมะหงงให้เร่งเกณฑ์ไพร่พล

ที่มาความสามารถในสงคราม ให้เลือกสรรทหารทั้งสี่หมู่ที่เคยทำลายค่ายทำลายศัตรู

มาแต่กองร้อยให้มารบในฉับพลับอย่าได้ครั่นคร้าน หาให้ได้ครบสามสิบหมื่นนายที่มี

พื้นฐานการรบดี นำเอาวิหยาสะกำเป็นกองหน้า คอยตรวจตราเตรียมกระบวนทัพให้ถี่ถ้วน

ส่วนกองหลังรั้งที่พลมนตรีของทั้งสองอนุชา กูจะเป็นจอมพลทัพ คอยหนุนทัพลูกให้เข้าโจมตี

ไม่เกรงวงศ์เทวาแต่อย่างใด ให้ปรากฏถึงยศศักดิ์ในครั้งนี้ ครั้นแล้วเสด็จสั่งมหาเสนา

ถามขุนโหราทั้งสี่คนว่าการที่เราจะยกทัพไปต่อตีในวันพรุ่งนี้จะดีร้ายประการใด



๏ บัดนั้น พระโหราราชครูผู้ใหญ่

รับรสพจนารถภูวไนย คลี่ ตำรับขับไล่ไปมา

เทียบดูดวงชะตาพระทรงยศ กับโอรสถึงฆาตชันษา

ทั้ งชั้ นโชคโยคยามยาตรา พระเคราะห์ขัดฤกษ์พาสารพัน

จึงทูลว่าถ้ายกวันพรุ่งนี้ จะเสียชัยไพรีเป็นแม่นมั่น

งดอยู่อย่าเสด็จสักเจ็ดวัน ถ้าพันนั้ นก็เห็นไม่เป็นไร

ขอพระองค์จงกำหนดงดยาตรา ฟังค่าโหราหาฤกษ์ใหม่

อันการยุทธ์ยิงชิงชัย หนักหน่วงน้ำพระทัยดูให้ดี

ถอดความ : แม้ตอนที่อิเหนาจะยกทัพไปช่วยเมืองดาหาก็ต้องดูฤกษ์
ยาม มีการทำพิธีตัดไม้ข่มนามหรือพิธีฟันไม้ข่มนาม โดยนำเอา
ต้นไม้ที่มีชื่อร่วมตัวอักษรกับชื่อฝ่ายข้าศึก มาฟันให้ขาดประหนึ่งว่า
ได้ฟันข้าศึก และยังมีพิธีเบิกโขลนทวาร ซึ่งทำพิธี
ตามตำราพราหมณ์ โดยทำเป็นประตูสะด้วยใบไม้ สองข้างประตูมี
พราหมณ์นั่งประพรมน้ำมนต์ให้ทหารที่เดินลอดประตู ทั้ง 2 พิธีนี้
ทำเพื่อความเป็นสิริมงคล และสร้างขวัญกำลังใจให้ทหาร



๏ เมื่อนั้น ท้าวกะหมังกุหนิงเรืองศรี
ได้ฟังโหราพาที
จึงมีพจนารถประภาษไป
เมื่อเราบัญชาการกำหนดทัพ
แล้วจะกลับงดอยู่อย่างไรได้
อายแก่ไพร่ฟ้าเสนาใน
จะว่ากลัวฤทธิไกรไพริน
จำจะไปต้านต่อรอฤทธิ์
เกียรติยศจะไว้ในธรณินทร์ ถึงม้วยมิดมิให้ใครดูหมิ่น
จนสุดสิ้ นดินแดนแผ่นฟ้า
ประการหนึ่ งถ้าว่าช้าวันไป ทัพใหญ่จะมาพร้อมยังดาหา
จะต้องหักหนักมือโยธา
เห็นจะยากยิ่งกว่านี้ ไป
สุดแท้แต่บุญกับกรรม จะฟังคำโหรานั้ นหาไม่
เข้าในไพชยนต์มนเทียรทอง
ตรัสพลางเสด็จคลาไคล

ถอดความ : ท้าวกะหมังกุหนิงได้ฟังดังนั้นจึงได้มีการบัญชาให้
กองทัพไปสู้เพราะกลัวว่าอำนาจนั้นจะหมดไปจนในที่สุดต้อง
มีความมุ่งมั่นและตั้งใจสุดท้ายแล้วแต่บุญ แต่กรรมและหลัง

จากนั้นก็เสด็จไปตามที่วางแผนไว้



๏ เมื่อนั้น ฝ่ายวิหยาสะกำเรืองศรี
ครั้นหักศึกมีชัยได้บุรี ให้ตรวจเตรียมโยธีทุกกระทรวง
แล้วยกพลนิกายกองหน้า ยาตราดำเนินนำทัพหลวง
เลยล่วงไปตามมรคา
เมืองรายทางทั้งปวง

ถอดความ : ฝ่ายวิหยาสะกำได้วางเเผนศึกโดยตีเมืองทุกเมือง




๏ สิบวันดั้นเดินในไพรพง ก็สิ้นดงตกทุ่งกรุงดาหา

แลไปเห็นกำแพงพารา ทั้งมหาปราสาทเรียงกัน

จึงยับยั้งฟังองค์พระทรงยศ จะกำหนดให้ตั้งค่ายมั่น

กองทัพนับแสนแน่นนันต์ พร้อมกันหยุดอยู่ที่ชายไพร

ถอดความ : เดินป่ามากว่าสิบวัน ก็มาถึงชายทุ่งกรุงดาหา
พอเห็นตัวเมืองแล้ว เลยบอกองค์พระยศ ให้หยุดทัพตั้งค่าย

ที่ชายป่าแห่งนี้ ท้าวกระหมังยกทัพมาใกล้ชายเมือง
เห็นสายน้ำไหล เห็นร่มไทรใหญ่

ก็ให้ตั้งค่ายตามลักษณค่ากลรูปนาคในตำราพิชัยยุทธ



๏ เมื่อนั้น ท้าวกะหมังกุหนิงเป็นใหญ่
เร่งรีบพลสกลไกร มาใกล้ทิวทุ่งธานี
ร่มไทรใบบังสุริย์ศรี
เห็นละหานธารน้ำไหลหลั่ง ให้ตั้งทีนาคนามตามตำรา
จึงดำรัสตรัสสั่ งเสนี

ถอดความ : ท้าวกะหมังกุหมิงยกขบวนทัพไปในป่า พอถึงที่ตั้ง
มีน้ำ มีต้นไม้ ก็สั่งให้ทหารจัดที่ตามตำราทัพเป็นรูปนาค





๏ บัดนั้น ดะหมังรับสั่ งใส่เกศา
ออกมาเกณฑ์กันคังบัญชา ให้โยธาถางที่นี่ นัน
ทำค่ายหน้าค่ายหลังตั้งบรรจบ
ชักปีกกาขึงไปถึงกัน ยกหอรบขึ้ นปรับสั บวิหลั่ น
หว่างป้อมเป็นจังหวะระยะแย่ง ผูกราวสามชั้ นขันชะเนาะ
พูนดินเต็มตามสนามเพลาะ ใส่บังตางาแซงมั่นเหมาะ
บ้างปลูกโรงรถคชา ไม้ไผ่เจาะรวงปล้องเป็นช่องปืน
เสาตะลุงหลักแหล่งแปลงปืน
บ้างเร่งทำตำหนักน้อยใหญ่ ทั้ งที่ ผูกช้างม้ามิให้ตื่ น
ข้างนอกค่ายปักขวากดาษดา พ่างพื้ นปราบเลี่ ยนเตียนตา
บ้างจัดคนลำลองทุกกองเกณฑ์
คอยเล็ดลอดสอดแนมจับกุม เพิงรายรอบในซ้ายขวา

ชักเขื่อนเข้าหาประจบมุม

ออกตระเวนนั่ งทางวางหลุม
ชั้ นในให้ประชุมจตุรงค์

ถอดความ : ดะหมังได้รับคำสั่งมา ให้ถางป่าบริเวณหน้าค่ายเเละ
หลังค่ายให้เรียบร้อย จัดตั้งหอพักเเละวางรั้ว บ้างก็ไปขุดคูเพื่อ
กำบังจากศัตรู บ้างก็ไปปลูกโรงช้างเพื่อผูกช้างผูกม้า บ้างก็ไปจัด
หอพักเล็กใหญ่นอกค่าย บ้างก็จัดคนไปลาดตระเวน วางกับดัก

เเละสอดเเนม บ้างก็จัดประชุมกองทัพ



๏ เมื่อนั้น ท้าวกะหมังกุหนิงสูงส่ง
เห็นค่ายเสร็จพลันมั่นคง จึงชวนนองค์โอรสธิบดี
ตรัสเรียกสองราชอนุชา เสด็จจากรถาเรืองศรี
จรลีขึ้ นสุวรรณพลับพลา
พร้อมด้วยกิดาหยันเสนี

ถอดความ : เมื่อท้าวกะหมังกุหนิงเห็นว่าค่ายเสร็จเเล้วก็ทรง
เรียกลูกกับน้องชายทั้งสองลงมาจากรถเเละไปยังหอพัก

๏ บัดนั้น กองร้อยคอยเหตุข้างดาหา
ออกสอดแนมอยู่นอกพารา เห็นไพรียกมาถึงชายไพร
ทิวธงซ้อนซับไม่นับได้
กระบวนทัพหน้าหลังมาตั้งลง ราบไปทั้งป่าพนาลี
เสียงคนอึงอัดตัดไม้ พลางประมาณหมายตาดูถ้วนถี่
ขับควบพาชีเข้าเวียงชัย
ต่างคนต่างเผ่นขึ้ นหลังม้า
แล้วอ้อมออกนอกทุ่งทันที

ถอดความ : กองสอดแนมของท้าวดาหาเห็นกองทัพ
ข้าศึกยกมาถึงชายป่า



๏ ครั้นถึงจึงไปแจ้งกิจจา แก่ปาเตะเสนาผู้ใหญ่

เล่าความแต่ต้นจนปลายไป โดยได้เห็นสิ้ นทุกสิ่ งอัน

ถอดความ : จึงได้ไปแจ้งให้ปาเตะเสนาผู้ใหญ่ทราบ

เล่าตั้งแต่ต้นไปทั้งหมด

๏ บัดนั้น
ปาเตะตกใจไหวหวั่น
ให้จดเอาถ้อยคำสำคัญ
แล้วผายผันเข้าพระโรงรถจนา

ถอดความ : ตอนนั้นปาเตะตกใจมาก ให้จดเอาคำสำคัญเข้าไปกราบทูล

๏ จึงก้มเกล้าประณตบทบงสุ์ ทูตพระองค์ทรงพิภพดาหา
รี้พลโยธามากมาย
ว่าไพรีตีเมืองล่วงมา ดังเสียงคลื่นในสมุทรไม่ขาดสาย
ที่ ชายทุ่งกับป่าต่อกัน
ม้ารถตชกรรม์ครั่นครื้น
บัดนี้ มาตั้งอยู่เนินทราย

ถอดความ : กราบทูลท้าวดาหาว่า กองทัพได้ตีเมืองล่วงเข้ามา
ตั้งอยู่ที่ชายทุ่งกับป่า





๏ เมื่อนั้น องค์ศรีปัตหรารังสรรค์
ได้ฟังปาเตะทูลพลัน
พระทรงธรรม์ตริตรึกนึกใน
อันศึกครั้งนี้ ซึ่ งมีมา
จึงเป็นเสี้ ยนศัตรูหมู่ภัย เพราะเขาขอบุษบาเราไม่ให้

แกล้งจะให้เกิดการโกลาหล น้อยใจด้วยอิเหนานัดดา

เสื่ อมเดชเพศพงศ์เทวา ร้อนรนไปทั่งทุกเส้นหญ้า
ศึกมาถึงราชธานี
คิดพลางทางสั่ งเสนาใน
รักษามั่นไว้ในบุรี เร่งให้เกณฑ์คนขึ้ นหน้าที่
อนึ่ งจะคอยท่าม้าใช้ จะดูทีข้าศึกซึ่ งยกมา
กับสองศรีราชอนุชา ที่ ให้ไปแจ้งเหตูพระเชษฐา

แม้นจะเคืองขัดตัดรอน ยังจะมาช่วยหรือประการใด

แต่ผู้เดียวจะเคี่ ยวสงครามไป ทั้งสามพระนครหาช่วยไม่
จะยากเย็นเป็นอะไรก็ตามที

ถอดความ : เมื่อองค์ศรีปัตหรารังสรรค์ ก็ได้ตรินึก ในการศึกครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะ
เขามาขอลูกสาวเรา เราไม่ให้ จึงทำให้อิเหนาน้อยใจ แกล้งจะทำให้เกิดความ
โกลาหลระหว่างที่ศึกกำลังเข้าใกล้พระนครก็สั่งให้เสนาเร่งเกณฑ์ทหารมารักษา

พระนครและจะคอยดูความคืบหน้าศัตรู

๑๑

๏ มาจะกล่าวบทไป ถึงสุหรานากงเรืองศรี
กับเสนากาหลังบุรี ยกพลมนตรีรีบมา
แรมร้อนนอนป่าสิบห้าวัน ก็ลุถึงเขตขัณฑ์ดาหา
ได้ข่าวปัจจามิตรติดพารา ก็เร่งยกโยธาเข้ากรุงไกร

ถอดความ : ต่อมากล่าวถึงองค์ระเด่นสุหรานากง (โอรสท้าวสิงหัดส่าหรีคู่
ตุนาหงันของนางสะการะวาตี (ธิดาท้าวกาหลัง) ยกพลมาพร้อมกับ
เสนาบดีเมืองกาหลัง เดินทางรอนแรมกลางป่าเป็นเวลาสิบห้าวันจึงถึง
เมืองดาหาเพราะได้ข่าวว่ามีศัตรูประชิดเมืองจึงได้รีบมา

๏ครั้นถึงกึ่งกลางพระนคร จึงให้หยุดพลนิกรน้อยใหญ่

เเล้วช่วนตำมะหงงคลาไคล เข้าไปที่ เฝ้าพระผ่านฟ้า



ถอดความ : ครั้นถึงกึ่งกลางพระนคร จึงให้หยุดพลนิกรน้อยใหญ่

แล้วชวนตำมะหงงคลาไคล เข้าไปที่เผ้าพระผ่านฟ้า

๑๒

๏เมื่ อนั้ น พระองค์พิภพดาหา
เห็นสุหรานากงพระนัดดา กับเสนากาหลังบุรี
เราขอบใจอนุชาทั้งสองศรี
จึงมีบัญชาปราศรัย ก็เห็นชอบท่วงทีดีนัก
เกิดเข็ญเพราะลูกอัปลักษณ์
ให้ยกมาช่วยต่อตี จึงหักให้สาสมใจ
เห็นจะให้ใครมาหรือหาไม่
เเต่การศึกษาครั้งนี้ ไม่ควรเป็น ยังได้ข่าวบ้างหรือนัดดา
จะมีคู่ผู้ชายก็ไม่รัก

อันองค์พระบรมเชษฐา

เจ้ามาในทางพนาลัย



ถอดความ : เมื่อมาถึงจึงหยุดทัพไว้กลางเมืองแล้วพาเหล่าเสนาไป
เข้าเฝ้าท้าวดาหา ท้าวดาหาออกมาต้อนรับระเด่นสุหรานากงและ
บรรดาเสนาบดีเมืองกาหลังที่ช่วยยกทัพมาสู้ข้าศึก แล้วมีการก
ระแนะกระแหนเหน็บอิเหนาเล็กน้อยว่าที่เกิดศึกครั้งนี้เพราะลูก
อัปลักษณ์ของตัวเองเป็นเหตุ เพราะผู้ชายเขาไม่สนทิ้งๆขว้างๆ แต่
ยังแอบมีถามถึงพี่ชายใหญ่คือท้าวกุเรปันว่าจะส่งใครมาหรือไม่

เดินทางมากลางป่าเจอใครบ้างไหม

๑๓

๏เมื่ อนั้ น สุหรานากงวงศา
ก้มเกล้าทูลสนองพระบัญชา ข้ามาเเจ้งข่าวที่ กลางคัน
ให้กะหรัดตะปาตีเป็นทัพขันธ์
พระปิ่ นภพกุเรปันธานี บรรจบกันกับระเด่นมนตรีมา
ยกจากเวียงชัยได้หลายวัน

ถอดความ : ระเด่นสุหรานากงเลยตอบว่า ท้าวกุเรปันนั้นส่งกะหรัดตะปาตี
นำทัพมาสมทบทัพระเด่นมนตรี(อิเหนา)

๏เมื่ อนั้ น พระองค์ทรงพิภพดาหา
ฟังสุหรานากงนัดดา จึงมีบัญชาว่าไป
พอจะเห็นจริงด้วยไม่สงสัย
อันกะหรัตตะปาตีจะมาช่วย ผิดไปเจ้าอย่าเจรจา
เขายังไม่จากหมันหยา
แต่อิเหนาเขาจะมาทำไม ศึกติดพาราก็เพราะใคร
ไหนจะคลาดจากเมืองหมันหยาได้
พระเชษฐาให้สารไปกี่ ครั้ง ด้วยกลัวภัยพระราชบิดา
จนสลัดติดการวิวาห์ กัมพักตร์รบศึกไปดีกว่า
จงไปพักโยธาให้สำราญ
เห็นจะรักเมียจริงยิ่งกว่าญาติ
ถึงมาตรจะมาก็จําใจ

เราอย่าคอยเขาเลยนะหลานรัก

แต่ว่าวันนี้ เจ้าเหนื่อยมา

ถอดความ : ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ท้าวดาหาจึงกล่าวกับสุหรานากง
ว่า กะหรัดตะปาตียกทัพมาช่วยเห็นจะจริง แต่ทางอิเหนานั้นคงไม่ยอม
มาเพราะรักเมียยิ่งกว่าญาติ ไม่จำเป็นต้องรอ พลางชวนสุหรานากง

เข้าไปพักผ่อนในราชวัง

๑๔

๏ เมื่อนั้น สุหรานากงใจหาญ
ก้มเกล้าสนองพจมาน
อันการสงครามครั้งนี้
จะขอเอาเมืองขึ้ นบรรดามา กับโยธาสิงหัดส่าหรี
ยกออกโรมรันประจัญตี
ดูทีฝีมือปัจจามิตร
ถ้าเห็นศึกย่นย่อท้อกำลัง
จะโหมหักมิให้ตั้งต่อติด
จะอาสากว่าจะสิ้ นสุดฤทธิ์ ชีวิตอยู่ใต้บาทบงสุ์




ถอดความ : สุหรานากงกล่าวว่า หากออกรบในครานี้เห็นที

ว่าข้าศึกอ่อนกำลังลง ตนจะเผด็จศึกศัตรูให้แตกพ่ายไปด้วยตนเอง




๑๕

ดะหมังกุเรปันเฝ้าถวายสารท้าวหมันหยาเเละอิเหนา

๏ บัดนั้น ฝ่ายดะหมังกุเรปันกรุงศรี
ครั้นถึงหมันหยาธานี ก็ตรงไปยังที่ ประเสบัน
ขึ้ นบนชานพักตำหนักนอก พอเห็นเสด็จออกกิดาหยัน
อภิวันท์เเล้วถวายสารา
จึงเข้าไปใกล้องค์พระทรงธรรม์

ถอดความ : ฝ่ายดาหมันจากเมืองกุเรปัน เดินทางมาถึงเมืองหมันหยา
ก็ตรงไปส่งสารกับท้าวหมันหยาในทันที

๏ เมื่อนั้น พระโฉมยงวงศ์อสัญเเดหวา

คลี่สารสมเด็จพระบิดา พ
ลางทอดทัศนาทันใด

ถอดความ : อิเหนาเมื่อเห็นสารจากดาหมัง ก็เปิดอ่านในทันที

๑๖

๏ในลักษณ์นั้ นว่าปัจจามิตร มาตั้งติดตาหากรุงใหญ่
จงเร่งรีบรี้พลสกลไกร ไปช่วยชิงชัยให้ทันที

ถึงไม่เลี้ ยงบุษบาเห็นว่าชั่ ว แต่เขารู้อยู่ว่าตัวนั้ นเป็นพี่
อันองค์ท้าวดาพาธิบดี นั้ นมิใช่อาหรือว่าไร
จะพลอยอายขายหน้าหรือหาไม่
มาตรแม้นเสียเมืองดาหา
ก็เพราะใครทําความไว้งามพัก
ซึ่ งเกิดศึกสาเหตุเภทภัย
ครั้งหนึ่ งก็ให้เสี ยวาจา อายชาวลาหาอาณาจักร
ครั้งนี้ เร่งคิตตูจงนัก
แม้นมิยกพลไกรไปช่วย จะซ้ําให้เสียศักดิ์ก็ตามที
ถึงเราด้วยก็อย่ามาดูผี
อย่าดูทั้งเปลวอัคคี
แต่วันนี้ ขาดกันจนบรรลัย

ถอดความ : ในจดหมายของพระบิดา ความว่า กองทัพเข้ามาตั้งติด
เมืองดาหาแล้ว ให้อิเหนารีบไปช่วยรบ ถึงแม้จะไม่ได้รักบุษบา แต่ตาม
ศักดิ์อิเหนาก็เป็นพี่ ท้าวดาหาก็เป็นอา หากเสียเมืองจะทำให้อับอาย ที่
เรื่องเป็นแบบนี้ก็เพราะใครเล่าที่ไปทำงามหน้าไว้ นั่นก็อายแย่แล้ว ถ้า

ไม่ไปช่วยรบคราวนี้ก็ไม่ต้องกลับมาเผาผีพ่อ ถือว่าขาดกัน





๑๗

๏ ครั้นอ่านสารเสร็จสิ้นพระทรงฤทธิ์ ถอนฤทัยคิตแล้วสงสัย
จึงต้องใจระตูทุกบุรี
บุษบาจะงามสักเพียงไร จะพากันมาม้วยไม่พอที่
ถึงจะเสียชีวีก็ควรนัก
หลงรักรูปนางแต่อย่างนั้ น เราจะยกโยธาไปโหมหัก
งดสักเจ็ดวันจะยกไป
แม้นงามเหมือนจินตะหราวาตี

แล้วว่าแก่ตะหมังเสนา

มิให้เสียวงศาสุรารักษ์




ถอดความ : อิเหนาอ่านสารจบก็รำพึง นึกสงสัยว่าบุษบาจะงามสัก

แค่ไหนกันถึงกับต้องตาชายทุกเมือง มาตายเพราะหลงรักหญิงอย่าง

นี้ไม่ควรเลย ถ้าเป็นหญิงงามอย่างจินตะหราก็ว่าไปอย่าง แล้วบอก

กับดะหมังว่าเราจะยกทัพไป เพือเป็นการไม่ให้เสื่อมเสียหน้าวงศ์

ตระกูล แต่ขอเวลา 7 วัน




๏ บัดนั้น ต
ะหมังบังคมประนมไหว้

ทูลว่าช้านักพระภูวไนย เกลือกไปไม่ทันจะเสียที

เชิญเสด็จตลาไคลไปก่อน แล้วจึงค่อยผันผ่อนมากรุงศรี

อันข้าศึกซึ่ งยกมาต่อดี ป่านนี้ จะประชิดติดกรุงไกร

ถอดความ : ดะหมังค้านว่าอิเหนาควรจะไปทันที เพราะข้าศึกยก
ประชิดเมืองแล้ว ดาหาจะเสียทีได้

๑๘

๏ เมื่อนั้น พระสุริย์วงศ์เทวาอัชฌาสัย

สุดที่จะบิดเบือนเลื่อนวันไป ด้วยเกรงในบิตุเรศตัดมา

ความกลัวความรักสลักทรวง ให้เป็นห่วงหนหลังกังวลหน้า

เเต่เรรวนหวนนึกตรึกตรา พระราชาสะท้อนถอนใจ

จึงดำรัสตรัสส่งตำมะหงง เร่งเตรียมจตุรงค์ทัพใหญ่

ม้ารถคชสารชาญชัย รีบรัดจัดไว้ให้ครบครัน

เลือกสรรโยธาจงสามารถ ที่อยู่คงองอาจเเข็งขัน

เเต่ปืนตึงก็ถึงทันควัน เข้าโรมรุกบุกบันฟันเเทง

เราจะตัดศึกใหญ่ให้ย่อย่น ด้วยกำลังรี้พลเข้มเเข็ง

เเม้นไพรีหนีมือกลางเเปลง เป็นหักได้ไม่เเคลงวิญญาณ์

ฤกษ์รุ่งพรุ่งนี้ จะยกไป ชิงชัยช่วยกรุงดาหา

สั่ งเสร็จเสด็จทรงอาชา ไปเฝ้าท้าวหมันหยาฉับพลัน

ถอดความ : เมื่อสุดจะผัดผ่อนไปได้ ทั้งเกรงใจบิดา ทั้ง
ห่วง นางอันเป็นที่รักพะวงหน้าระเเวงหลัง จึงตรัสสั่งให้

ตำมะหงงจัดทัพใหญ่ ตนจะรีบตามไป

๑๙

๏ ครั้นถึงนิเวศน์วังใน ลงจากมโนมัยผายผัน
ยุรยาตรนาดกรจรจรัล เข้าพระโรงสุวรรณทันใด

ถอดความ : เมื่อถึงวัง ท้าวกุเรปันก็ได้เดินเข้าไปที่พระโรงทันที

๏ บัดนั้น ดะหมังกุเรปันกรุงใหญ่

จึงรีบไปหาเสนาใน เเถลงไขข้อความตามคดี

ถอดความ : เมื่อได้รับคำสั่งจากท้าวกุเรปันดะหมังเมืองกุเรปันจึง

ไปหาเสนาในของหมันหยาเพื่อบอกทันที

๏ บัดนั้น อำมาตย์หมันหยากรุงศรี

ได้เเจ้งเเห่งดะหมังเสนี ก็พาไปยังที่พระโรงคัล

ถอดความ : จากนั้นอำมาตย์หมันหยาจึงได้
เเจ้งดะหมังเมืองเเละพาเข้าท้องพระโรงทันที

๒๐

๏ ก้มเกล้าประณตบทมาลย์ พระผู้ผ่านเวียงชัยไอศวรรย์

ทูลเบิกดะหมังเสนานั้ น ว่าพระปิ่ นกุเรปันใช้มา

ถอดความ : เมื่อได้ได้เข้าเฝ้า ดะหมังเมืองกุเรปันจึงทูล
บอกท้าวหมันหยาว่ามาตามคำสั่งของท้าวกุเรปัน

๏ บัดนั้น ดะหมังผู้มียศถา

นบนิ้วบังคมคัลวันทา ทูลถวายสาราพระภูมี

ถอดความ : จากนั้นดะหมังกุเรปันจึงได้ถวายบังคมเเละถวาย
พระราชสารจากท้าวกุเรปันเเด่ท้าวหมันหยา

๒๑

คำอธิบายศัพท์

กระทรวง หมู่
วิหลั่น ค่ายที่ทำให้ขยับรุกเข้าไปหาข้าศึกทีละน้ อยๆ
ชักปี กกา จัดทัพให้มีกองขวาเเละกองซ้ายคล้ายปี กกา
งาเเซง ไม้เสียมปลายเเหลม วางเอนเรียงเป็ นลำดับ
สำหรับป้ องกันข้าศึก
เสาตะลุง เสาใหญ่สำหรับผูกช้าง
จตุรงค์ กองทัพสี่เหล่า คือกองทัพช้าง ม้า รถ เเละ
พลเดินเท้า
ประเสบัน ตำหนัก
ลักษณ์ จดหมาย
เลี้ยง รับเป็ นภรรยา
ดูผี เยี่ยมเคารพศพ
แต่ปื นตึงก็ถึงทันควัน มีความกล้าเเละพร้อมจะสู้รบ

๒๒

สมาชิก

นาย ปิยวัฒน์ ผลความดี เลขที่ ๑๔
นาย ปุณยวีร์ เต็มนา เลขที่ ๑๖
นาย สุรนันท์ โส้สมัน เลขที่ ๒๓
นาย สุริยะ สิงห์ทอง เลขที่ ๒๔
น.ส. นันท์นภัส หอเเก้ว เลขที่ ๓๒
น.ส. พีชญา สถาพร เลขที่ ๓๗
น.ส. ระพีพร ระฆังทอง เลขที่ ๓๘
น.ส. สุภาพร อุ่นจิตร เลขที่ ๔๐


Click to View FlipBook Version