The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by , 2022-03-09 06:59:21

รายงาน โขน

รายงาน โขน

รายงาน

เร่อื ง ประวตั ิโขนและตวั แสดงโขน

จดั ทาํ โดย
นายเอกชยั แซท่ า้ ว

ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปี6/1 เลขท่ี 7

เสนอ

คณุ ครูเมธาสทิ ธิ์ แกว้ อยู่

รายงานเลน่ นีเ้ ป็นสว่ นหน่งึ ของวิชา ดนตรี
ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศกึ ษา 2565
โรงเรยี นพลหู ลวงวิทยา (วดั โคกพล)ู

คาํ นาํ

รายงานเลม่ นีจ้ ดั ทาํ ขนึ้ เพ่ือเป็นสว่ นหน่งึ ของวชิ าดนตรชี นั้ มธั ยมศกึ ษาปี

ท่ี 6เพ่ือใหไ้ ดศ้ กึ ษาหาความรูใ้ นเร่อื งประวตั ิของโขนและตวั แสดงโขน และ

ไดศ้ กึ ษาอยา่ งเขา้ ใจเพ่ือเป็นประโยชนก์ บั การเรยี นผจู้ ดั ทาํ หวงั วา่ รายงาน
เลม่ นีจ้ ะเป็นประโยชนก์ บั ผอู้ า่ น หรอื นกั เรยี น นกั ศกึ ษา ท่ีกาํ ลงั หาขอ้ มลู
เร่อื งนีอ้ ยหู่ ากมีขอ้ แนะนาํ หรอื ขอ้ ผิดพลาดประการใดผจู้ ดั ทาํ ขอนอ้ มรบั ไว้
และขออภยั มา ณ ท่ีนีด้ ว้ ย

ผจู้ ดั ทาํ

วนั ท่ี 9/3/2565

สารบญั หนา้

เร่อื ง ข
คาํ นาํ 1
สารบญั 3
ความเป็นมาของ "โขน" 6
ประเภทของโขน 16
ตวั ละคาในการแสดงโขน
อา้ งอิง

ความเป็ นมาของโขน

โขนเป็นจุดศูนยร์ วมของศาสตร์และศิลป์ หลากหลายแขนงเช่น วรรณกรรม วรรณศิลป์ นาฏศิลป์ คีตศิลป์ หตั ถศิลป์ โดยนาํ เอา
วธิ ีเลน่ และการแต่งตวั บางชนิดมาจากการเล่นชกั นาคดึกด าบรรพ์ มีท่าทางการต่อสู้ที่โลดโผน ท่าร า ท่าเตน้ เช่น ท่าปฐมในการ
ไหวค้ รูของกระบ่ีกระบอง รวมท้งั การนาํ ศิลปะการพากย์ การเจรจา หนา้ พาทย์ และเพลงดนตรีเขา้ มาประกอบการแสดง ในการ
แสดงโขน ลกั ษณะสาํ คญั อยทู่ ี่ผแู้ สดงตอ้ งสวมหวั โขน ซ่ึงเป็นเครื่อง สวมครอบหุม้ ต้งั แต่ศีรษะถึงคอ เจาะรูสองรูบริเวณดวงตา
ใหส้ ามารถมองเห็น แสดงอารมณ์ผา่ นทางการร่ายร า สร้างตามลกั ษณะของตวั ละครน้นั ๆเช่น ตวั ยกั ษ์ ตวั ลิง ตวั เทวดา ฯลฯ
ตกแต่งดว้ ยสี ลงรักปิ ดทอง ประดบั กระจก บา้ งกเ็ รียกว่าหนา้ โขน

ในสมยั โบราณ ตวั พระและตวั เทวดาต่างสวมหวั โขนในการแสดง ต่อมาภายหลงั มีการเปลี่ยนแปลงไม่ตอ้ ง สวมหวั โขน คงใช้
ใบหนา้ จริงเช่นเดียวกบั ละคร แต่งกายแบบเดียวกบั ละครใน เคร่ืองแต่งกายของตวั พระและตวั ยกั ษใ์ นสมยั โบราณมกั มีสองสีคือ
สีหน่ึงเป็นสีเส้ือ อีกสีหน่ึงเป็นสีแขนโดยสมมุติแทนเกราะ เป็นลายหนุนประเภท ลายพมุ่ หรือลายกระจงั ตาออ้ ย ส่วนเคร่ืองแต่ง
กายตวั ลิงจะเป็นลายวงทกั ษิณาวรรต โดยสมมุติเป็นขนของลิงหรือ หมี ด าเนินเร่ืองดว้ ยการกล่าวคาํ นาํ เล่าเรื่องเป็นทาํ นอง
เรียกวา่ พากยอ์ ยา่ งหน่ึง กบั เจรจาเป็นท านองอยา่ งหน่ึง ใช้ กาพยย์ านีและกาพยฉ์ บงั โดยมีผใู้ หเ้ สียงแทนเรียกวา่ ผพู้ ากยแ์ ละ
เจรจา มีตน้ เสียงและลูกคูร่ ้องบทให้ ใชว้ งป่ี พาทย์ เคร่ืองหา้ ประกอบการแสดง นิยมแสดงเร่ืองรามเกียรต์ิและอุณรุท ปัจจุบนั
สถาบนั บณั ฑิตพฒั นศิลป์ มีหนา้ ที่หลกั ใน การสืบทอดการฝึก

โขนจดั เป็นนาฏกรรมที่มีความเป็นศิลปะเฉพาะของตนเอง ไม่ปรากฏชดั แน่นอนวา่ ค าวา่ "โขน" ปรากฏข้ึน ในสมยั
ใด แต่มีการเอ่ยถึงในวรรณคดีไทยเร่ืองลิลิตพระลอท่ีกลา่ วถึงโขนในงานแสดงมหรสพ ระหวา่ งงานพระศพ ของ
พระลอ พระเพ่อื นและพระแพงวา่ "ขยายโรงโขนโรงร า ท าระทาราวเทียน" โดยมีขอ้ สนั นิษฐานวา่

คาํ วา่ โขนน้นั มีท่ีมาจากคาํ และความหมายในภาษาต่าง ๆ ดงั น้ี ค าวา่ โขนในภาษาเบงคาลี ซ่ึงปรากฏค าวา่ "โขละ"
หรือ "โขล" (บางคร้ังสะกดดว้ ย ฬ เป็นคาํ วา่ "โขฬะ" หรือ "โขฬ") ที่เป็นชื่อเรียกของเคร่ืองดนตรีประเภทหนงั ชนิดหน่ึง
ของฮินดู ลกั ษณะและรูปร่างคลา้ ยคลึงกบั ตะโพน ของไทย ไม่มีขาต้งั ทาํ ดว้ ยดิน ไม่มีสายสาํ หรับถว่ งเสียง มีเสียงดงั
ค่อนขา้ งมาก จดั เป็นเครื่องดนตรีท่ีไดร้ ับความ นิยมในแควน้ เบงกอล ประเทศอินเดีย ใชส้ าํ หรับประกอบการละเล่น
ชนิดหน่ึง เรียกวา่ ยาตราหรือละครเร่ท่ี คลา้ ยคลึงกบั ละครชาตรี โดยสนั นิษฐานวา่ เคร่ืองดนตรีชนิดน้ี เคยถูกนาํ มาใช้
ประกอบการเล่นนาฏกรรมชนิดหน่ึง จึงเรียกวา่ โขลตามช่ือของเครื่องดนตรี

คาํ วา่ โขนในภาษาอิหร่าน มีท่ีมาจากคาํ วา่ ษูรัต ควาน หมายความถึงตุก๊ ตาหรือหุ่น ซ่ึงใชส้ าํ หรับ ประกอบการแสดง
โดยมีผขู้ บั ร้องและใหเ้ สียงแทนตวั หุ่น เรียกวา่ ควานหรือโขน มีความคลา้ ยคลึงกบั ผพู้ ากยแ์ ละผู้ เจรจาของการแสดง
โขนในปัจจุบนั ค าวา่ โขนในภาษาเขมร เป็นการกลา่ วถึงโขนในพจนานุกรมภาษาเขมร ซ่ึงหมายความถึงละคร แต่เขียน
แทนวา่ ละ โขน ท่ีหมายความถึงการแสดงมหรสพอยา่ งหน่ึง จากขอ้ สนั นิษฐานต่าง ๆ ยงั ไม่สามารถสรุปไดว้ า่ โขน
เป็นค ามา จากภาษาใด พจนานุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ระบุความหมายของโขนเอาไวว้ า่ "โขน
หมายถึงการ เลน่ อยา่ งหน่ึงคลา้ ยละครราํ แต่เล่นเฉพาะในเรื่องรามเกียรต์ิ โดยผแู้ สดงสวมหวั จาํ ลองต่าง ๆ ที่เรียกวา่
หวั โขน" หรือหมายความถึงไมใ้ ชต้ ่อเสริมหวั เรือทา้ ยเรือใหง้ อนเชิดข้ึนไปที่เรียกวา่ โขนเรือ หรือใชส้ าํ หรับเรียกเรือ
ชนิดหน่ึงท่ี มีโขนวา่ เรือโขนเช่น เรือโขนขนาดใหญ่นอ้ ยเหลือหลายในลิลิตพยหุ ยาตรา หรือหมายความถึงส่วนสุดท้งั
สองขา้ ง ของรางระนาดหรือฆอ้ งวงใหญ่ท่ีมีลกั ษณะงอนข้ึนวา่ โขน

ในสมยั ของสมเดจ็ พระนารายม์ หาราช ไดม้ ีการกลา่ วถึงโขนโดยลาลูแบร์ เอาไวว้ า่ "โขนน้นั เป็นการร่ายรํา เขา้
ๆ ออก ๆ หลายคาํ รบ ตามจงั หวะซอและเคร่ืองดนตรีอยา่ งอ่ืนอีก ผแู้ สดงน้นั สวมหนา้ กาก (หวั โขน) และถือ
อาวธุ แสดงบทหนกั ไปในทางสูร้ บกนั มากกวา่ จะเป็นการร่ายรํา และมาตรวา่ การแสดงส่วนใหญจ่ ะหนกั ไป
ในทาง โลดเตน้ เผน่ โผนโจนทะยาน และวางท่าอยา่ งเกินสมควรแลว้ นาน ๆ กจ็ ะหยดุ เจรจาออกมาสกั คาํ สองคาํ
หนา้ กาก (หวั โขน) ส่วนใหญน่ ้นั น่าเกลียด เป็นหนา้ สตั วท์ ี่มีรูปพรรณวิตถาร (ลิง) หรือไม่เป็นหนา้ ปี ศาจ (ยกั ษ)์
" ซ่ึงเป็นการ แสดงความเห็นต่อมหรสพในอดีตของชาวไทยในสายตาของชาวต่างประเทศ แต่เดิมน้นั การแสดง
โขนจะไม่มีการ สร้างฉากประกอบการแสดงตามทอ้ งเรื่อง การดาํ เนินเร่ืองราวต่าง ๆ เป็นแบบจินตนาการถึง
ฉากหรือสถานท่ีในเรื่องราวเอง การจดั ฉากในการแสดงโขนเกิดข้ึนคร้ังแรกในสมยั พระบาทสมเดจ็ พระ
จุลจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั รัชกาลที่ 5 โดยที่ทรงคิดสร้างฉากประการแสดงโขนบนเวทีข้นึ คลา้ ยกบั การแสดงละคร
ดึกดาํ บรรพท์ ่ีสมเดจ็ เจา้ ฟ้ากรมพระยานริศรานุวดั ติวงศท์ รงคิดข้ึน

ประเภทของโขนแบง่ ออกเป็ น 5 ประเภท ไดแ้ ก่
1. โขนกลางแปลง
โขนกลางแปลงเป็นการเลน่ โขนกลางแจง้ ไม่มีการสรา้ งโรงแสดง ใชภ้ มู ิประเทศและธรรมชาตเิ ป็นฉากในการแสดง ผู้
แสดงทงั้ หมดรวมทงั้ ตวั พระตอ้ งสวมหวั โขน นยิ มแสดงตอนยกทพั รบววิ ฒั นาการมาจากการเล่นชกั นาคดกึ ดาํ บรรพ์
เรอ่ื งกวนนอ้ มฤตท่ใี ชเ้ ลน่ ในพิธีอนิ ทราภเิ ษก ปรากฏในกฎมณเฑียรบาลสมยั กรุงศรอี ยธุ ยา โดยนาํ วิธีการแสดงคือการ

จดั กระบวนทพั และการเตน้ ประกอบหนา้ พาทยม์ าใช้ แตเ่ ปล่ียนมาเลน่ เร่อื งรามเกียรติแ์ ทน มีการเตน้ ประกอบหนา้
พาทยแ์ ละอาจมีบทพาทยแ์ ละเจรจาบา้ ง แตไ่ ม่มีบทรอ้ ง
2. โขนโรงนอก หรือโขนน่ังราว

เป็นการแสดงบนโรงมีหลงั คา ไม่มีเตียงสาํ หรบั ตวั โขนน่งั แตม่ ีราวพาดตามส่วนยาวของโรงตรงหนา้ ฉาก (ม่าน) มี
ช่องทางใหผ้ แู้ สดงเดนิ ไดร้ อบราวแทนเตียง มีการพากยแ์ ละเจรจา แตไ่ ม่มีการรอ้ ง ป่ีพาทยบ์ รรเลงเพลงหนา้ พาทย์ มีป่ี
พาทย์ 2 วง เพราะตอ้ งบรรเลงมาก ตงั้ หวั โรงทา้ ยโรง จงึ เรยี กวา่ วงหวั และวงทา้ ย หรอื วงซา้ ยและวงขวา วนั กอ่ นแสดงโขน
น่งั ราวจะมีการโหมโรง และใหพ้ วกโขนออกมากระทงุ้ เสา้ ตามจงั หวะเพลง พอ จบโหมโรงก็แสดง ตอนพิราพออกเท่ียวป่า
จบั สตั วก์ ินเป็นอาหาร พระรามหลงเขา้ สวนพวาทองของพราพ แลว้ ก็หยดุ แสดง พกั นอน คา้ งคนื ท่ีโรงโขน รุง่ ขนึ้ จงึ แสดง
ตามเร่อื งท่ีเตรยี มไว้ จงึ เรยี กวา่ "โขนนอนโรง"

3. โขนหน้าจอ

คอื โขนท่เี ลน่ ตรงหนา้ จอ ซง่ึ เดิมเขาขงึ ไวส้ าหรบั เลน่ หนงั ใหญ่ ในการเลน่ หนงั ใหญ่นนั้ มีการเชิดหนงั ใหญ่ อย่หู นา้ จอผา้
ขาว การแสดงหนงั ใหญ่มีศิลปะส าคญั คือการพากยแ์ ละเจรจา มีดนตรปี ่ีพาทยป์ ระกอบการแสดง ผู้ เชิดตวั หนงั ตอ้ ง เตน้
ตามลีลาและจงั หวะดนตรี นิยมแสดงเรอ่ื งรามเกียรติ์ ตอ่ มามีการปลอ่ ยตวั แสดงออกมาแสดง หนงั จอ แทนการเชิดหนงั ใน
บางตอน เรียกวา่ "หนงั ติดตวั โขน" มีผนู้ ยิ มมากขนึ้ เลยปลอ่ ยตวั โขนออกมาแสดง หนา้ จอตลอด ไมม่ ีการเชดิ หนงั เลย จงึ
กลายเป็นโขนหนา้ จอ และตอ้ งแขวะจอเป็นประตอู อก 2 ขา้ ง เรียกวา่ "จอ แขวะ"

4. โขนโรงใน

คือ โขนท่นี าศิลปะของละครในเขา้ มาผสม โขนโรงในมีป่ีพาทยบ์ รรเลง 2 วงผลดั กนั การ แสดงก็มีทงั้ ออก ท่าร าเตน้ ที
พากยแ์ ละเจรจาตามแบบโขน กบั น าเพลงขบั รอ้ งและเพลงประกอบกิรยิ าอาการ ของดนตรแี บบละคร ใน และมีการน
าระบ าร าฟ้อนผสมเขา้ ดว้ ย เป็นการปรบั ปรุงใหว้ ิวฒั นาการขนึ้ อีก การผสมผสานระหวา่ งโขนกบั ละครในสมยั รชั กาลท่ี 1
รชั กาลท่ี 2 ทงั้ มีราชกวภี ายในราชส านกั ช่วยปรบั ปรุงขดั เกลา และประพนั ธบ์ ทพากยบ์ ท เจรจาใหไ้ พเราะสละสลวยขนึ้
อีก โขนท่กี รมศิลปากรน าออกแสดงในปัจจบุ นั นี้ ก็ใชศ้ ิลปะการแสดงแบบโขนโรงใน ไมว่ า่ จะแสดงกลางแจง้ หรือแสดง
หนา้ จอก็ตาม

5. โขนฉาก

เกิดขนึ้ ในสมยั รชั กาลท่ี 5 เม่ือมีผคู้ ดิ สรา้ งฉากประกอบเรอ่ื งเม่ือแสดงโขนบนเวที คลา้ ยกบั ละครดกึ ด า บรรพ์ สว่ นวธิ ี
แสดงด าเนินเช่นเดยี วกบั โขนโรงใน แตม่ ีการแบง่ เป็นชดุ เป็นตอน เป็นฉาก และจดั ฉากประกอบตาม ทอ้ งเรอ่ื ง จงึ มีการตดั
ตอ่ เร่อื งใหม่ไมใ่ หย้ อ้ นไปยอ้ นมา เพ่อื สะดวกในการจดั ฉาก กรม ศลิ ปากรไดท้ าบทเป็นชดุ ๆ ไว้ หลายชดุ เชน่ ชดุ ปราบ
กากนาสรู ชดุ มยั ราพณส์ ะกดทพั ชดุ ชดุ นางลอย ชดุ นาคบาศ ชดุ พรหมาสตร์ ชดุ ศกึ วิรุญ จ าบงั ชดุ ท าลายพธิ ีหงุ น้ าทิพย์
ชดุ สีดาลยุ ไฟและปราบบรรลยั กลั ป์ ชดุ หนมุ านอาสา ชดุ พระรามเดนิ ดง ชดุ พระราม ครองเมือง

การแสดงโขน โดยท่วั ไปนยิ มแสดงเรอ่ื ง "รามเกียรติ"์ กรมศิลปากรเคยจดั แสดงเร่อื งอณุ รุฑ แตไ่ มเ่ ป็นท่ี
นิยมเทา่ เรอ่ื งรามเกียรติ์ เรอ่ื งรามเกียรตทิ์ ่นี ามาแสดงโขนนนั้ มีหลายส านวน ทงั้ ท่ปี ระพนั ธข์ นึ้ ในสมยั กรุงศรอี ยธุ ยา
กรุงธนบรุ แี ละกรุงรตั นโกสนิ ทร์ โดยเฉพาะบทในสมยั รตั นโกสนิ ทร์ นิยมแสดงตามส านวนของรชั กาลท่ี 2 ท่ี กรม
ศลิ ปากรปรบั ปรุงเป็นชดุ เป็นตอน เพ่ือแสดงโขนฉาก ก็เดนิ เร่อื งตามส านวนของรชั กาลท่ี 2 รชั กาลท่ี 6 ก็เคยทรง
พระราชนิพนธบ์ ทรอ้ งและบทพากยไ์ วถ้ งึ 6 ชดุ คือ ชดุ สีดาหาย ชดุ เผาลงกา ชดุ พิเภกถกู ขบั ชดุ จองถนน ชดุ
ประเดิมศกึ ลงกา และชดุ นาคบาศ

ตัวละครในการแสดงโขน

1.ประวตั พิ ระราม

พระราม คือ พระนารายณอ์ วตาร (แบง่ ภาค) ลงมา ถือกาํ เนิดเป็นพระราชโอรสของทา้ วทศรถ กบั นาง เกาสรุ ยิ า เพ่อื จะ
ปราบทศกณั ฐ์ พระรามมีพระอนชุ าตา่ งพระมารดา ๓ พระองค์ คอื พระพรต พระลกั ษมและ พระสตั รุต ซง่ึ ตา่ งก็มีความรกั
ใครก่ นั อยา่ งมาก พระมเหสขี องพระราม คอื นางสีดา พระรามมีกายสีเขียวสามารถ ปรากฏรา่ งเป็นพระนารายณม์ ีส่ีกรได้
อาวธุ ประจ าพระองค์ คือ ศรซง่ึ เป็นอาวธุ วเิ ศษ ท่ีไดป้ ระทานมาจากพระอิศวร

- เม่ือเยาวว์ ยั พระรามไดร้ บั การศกึ ษาศลิ ปศาสตร์ กบั สาํ นกั ฤาษีสวามิตรหรอื วิศวามิตร มีความ เก่งกลา้
ถงึ กบั ฆา่ กากนาสรู และสวาหุ ซง่ึ มารบกวนเหล่า ฤาษีชีไพร

- ทา้ วชนกจกั รวรรดิ(์ ฤาษีชนก) ไดใ้ หห้ มกู่ ษัตรยิ ม์ าประลองยกศรรตั นธนู เพ่ืออภิเษกกบั นางสีดา พระรามก็
สามารถยกรตั นธนไู ดส้ าํ เรจ็ และไดอ้ ภิเษกกบั นางสดี าระหวา่ งเดนิ ทางกลบั กรุงอโยธยา สามารถปราบ รามสรู (ยกั ษผ์ ถู้ ือ
ขวาน)และไดร้ บั ศรจากรามสรู

- ไดฆ้ ่าพระยาขร และพระยาทษู ณ์ พ่ีชายของนางส ามนกั ขา

- ระหวา่ งออกเดนิ ป่า ไดป้ ราบพิราบยกั ษ์

- ไดช้ ว่ ยสคุ รพี ปราบพาลี

- ไปรบกบั ทศกณั ฐ์ และไดฆ้ า่ ทศกณั ฐ์ไดส้ าํ เรจ็

- สถาปนาพเิ ภกใหค้ รองกรุงลงกา

2. ประวตั พิ ระลกั ษณ์ พระลกั ษมณ์ คอื พญาอนนั ตนาคราชท่ีประทบั ของพระนารายณม์ าเกิดมีกายสที อง เป็นพระโอรสของ
ทา้ ว ทศรถกบั นางสมทุ รเทวี มีพระอนชุ ารว่ มพระมารดาคอื พระสตั รุต พระลกั ษมณม์ ีความจงรกั ภกั ดีตอ่ พระรามมาก เม่ือ
พระรามตอ้ งออกเดนิ ป่าถึง ๑๔ ปี พระลกั ษมณก์ ็ไดต้ ดิ ตามไปดว้ ยและยงั ช่วยออกรบกบั กองทพั ของกรุงลงกา อย่างกลา้ หาญ

3. ประวตั ิสดี า นางสดี า คอื พระลกั ษมี มเหสีอของพระนารายณ์ อวตารลงมาเกิด เพ่ือเป็นคคู่ รองของพระราม ตาม บญั ชาของ
พระอศิ วร นางสีดา เป็นพระธิดาของทศกณั ฐ์ กบั นางมณโฑ แตเ่ ม่ือประสตู แิ ลว้ พิเภกไดท้ าํ นายวา่ นาง เป็นกาลกิณีแกพ่ ระบิดา
และบา้ นเมือง ทศกณั ฐจ์ งึ ส่งั ใหน้ านางใสผ่ อบลอยน้ าไป พระฤาษีชนกพบเขา้ จงึ เก็บไป เลีย้ ง เป็นลกู โดยฝังดินฝากแมพ่ ระ
ธรณีไว้ เวลาผ่านไปถงึ ๑๖ ปีพระฤาษีชนกเบ่ือหนา่ ยการบ าเพ็ญพรต คิดกลบั ไป ครองกรุงมถิ ิลาเช่นเดมิ จงึ ลาเพศพรหมจรรย์
ไปขดุ นางขนึ้ มาแลว้ ตงั้ ช่ือใหว้ า่ สดี า (แปลวา่ รอยไถ) จากนนั้ พานาง พานางเขา้ เมืองมิถิลา จดั พธิ ียกศรคบู่ า้ น คเู่ มืองเพ่อื เส่ียง
ทายหาคคู่ รองใหน้ างสดี า พระรามยกศรได้ จงึ ไดอ้ ภิเษก สมรสกบั นางสดี า

4. นางเบญกาย เป็นหลานของทศกณั ฑ์ กายสนี วลจนั ทน์ ทรงรดั เกลา้ เป็นบตุ รพเิ ภกและนางตรชี ฎา มีศกั ดิเ์ ป็นหลานทศ
กณั ฑ์ ทศกณั ฑจ์ งึ คดิ อบุ ายใหน้ างแปลงกายเป็นนางสีดา แกลง้ เป็นศพ ลอยไปถึงหนา้ พลบั พลากองทพั พระราม พระรามนนั้
ดว้ ยความรกั ในนางสีดา เม่ือเห็นศพก็เสียใจเป็นท่สี ดุ แต่หนมุ านทลู เตือนสติวา่ ศพนางสีดานีม้ ีพริ ุธ เหตุ ใดจงึ สามารถลอย
มาถึงหนา้ พลบั พลากองทพั จงึ ขอพิสจู นโ์ ดยนาํ ศพนางสดี ามาแปลงเผาไฟ นางเบญจกายทน ความรอ้ นของไฟไมไ่ ดจ้ งึ ตอ้ ง
กลบั รา่ งเดิม แลว้ เหาะหนีไป แตห่ นมุ านจบั ตวั ได้ และไดเ้ ป็นภรรยา

5. ประวตั นิ างมณโฑ เม่ือเอย่ ถึง “นางมณโฑ” ในเรอ่ื ง “รามเกียรต”ิ์ เช่ือวา่ หลายคนคงจะรูส้ กึ คนุ้ หกู บั ช่ือนีไ้ ม่นอ้ ยไปกวา่ นาม
ของนางสดี า นางเบญกาย หรอื นางสพุ รรณมจั ฉา แตป่ ระวตั ินางมณโฑเป็นมาอย่างไร คนสว่ นใหญ่อาจจะยงั ไม่รู้ ทงั้ ๆ ท่ี
เรอ่ื งราวของนางก็น่าสนใจไม่นอ้ ย ขอ้ ส าคญั แมเ้ ธอจะมใิ ชส่ าวแรงสงู ผไู้ ขวค่ วา้ หาความรกั แตเ่ ช่ือไหมวา่ ใน เรอ่ื งเธอตอ้ งมี
“สามี” ถึงส่ีคน เลา่ กนั วา่ ท่ีเชิงเขาหิมพานต์ มีฤาษีส่ีตน บ าเพญ็ พรตอย่เู ป็นเวลาชา้ นาน และมีตบะแกก่ ลา้ มาก ทกุ ๆ เชา้ จะมี

นาง โค 500 ตวั มาท่อี าศรมของฤาษี และตา่ งก็จะหยดนมของตวั ลงในอา่ งแกว้ เพ่ือใหฤ้ าษีไดฉ้ นั เป็นอาหารเชา้ ซง่ึ ฤาษี ก็จะ
แบง่ นมสว่ นหนง่ึ ใหแ้ กน่ างกบตวั เมียตวั หนง่ึ ท่ีอาศยั อยบู่ รเิ วณนนั้ เป็นประจ าทกุ วนั เชน่ กนั อย่มู าวนั หนง่ึ ฤาษีทงั้ ส่ีออกไปป่า
พบนางนาคตนหนง่ึ กาํ ลงั เสพสงั วาสกบั งดู นิ ฤาษีเหน็ วา่ นางนาคเป็นสตั วต์ ระกลู สงู กวา่ ไมน่ ่าจะมาสม สกู่ บั งดู ิน จงึ ไดเ้ อาไม้
เทา้ เคาะไปท่ขี นดหางนางนาคเบาๆ นางนาคก าลงั รา่ นดว้ ยแรงราคะก็ยงั ไม่รูต้ วั ฤาษีจงึ เคาะ ซ้ าไปท่กี ลางล าตวั นางนาค
ตกใจคลายขนด (ขะ-หนฺ ด หมายถึงตวั งทู ่ีขด หรอื โคนหางง)ู ออกมาเห็นฤาษี ก็รูส้ กึ อบั อายขายหนา้ จงึ หนีกลบั ไปเมืองบาดาล
กลบั ไปแลว้ ย่ิงคดิ ก็ย่ิงคดิ แคน้ ใจพระฤาษีท่ที าใหต้ นไดร้ บั ความอบั อาย และคดิ วา่ หากพระยากาฬนาคพ่อตนรูเ้ ขา้ นอกจาก
ตนจะเส่อื มเสียแลว้ ก็อาจมีโทษถงึ ตาย เม่ือคิดไดด้ งั นนั้ นาง นาคจงึ กลบั ไปอาศรมฤาษี แลว้ คายพิษลงในอา่ งน้ านมท่ฤี าษีทงั้
ส่ีตอ้ งฉนั ทกุ เชา้ ฝ่ายนางกบเห็นเชน่ นนั้ ก็ตกใจ และดว้ ยความกตญั �สู านกึ ในพระคณุ ของฤาษีท่ีเลีย้ งตนมา จงึ ตดั สินใจตาย
แทน ดว้ ยการกระโดดลงไปในอา่ งนม และขาดใจตายเพราะพษิ นางนาคนนั้ ครนั้ ฤาษีทงั้ ส่กี ลบั มาจะฉนั น้ านม เหน็ นางกบ
นอนตายในนนั้ ก็รูส้ กึ ไมพ่ อใจคิดวา่ นางกบตะกละ แตก่ ็ยงั มี ใจเมตตาอยู่ จงึ ชบุ ชีวติ นางกบขนึ้ มาใหม่ แลว้ สอบถามดวู า่ ท าไม
ประพฤติตวั โลภมากอย่างนี้ ใหก้ ินทกุ วนั ยงั ไม่ พอใจอกี หรอื นางกบก็เลา่ ความจรงิ ใหฟ้ ังถงึ เรอ่ื งนางนาคมาคายพษิ ไว้ ฤาษีฟัง
แลว้ เห็นในคณุ ความดขี องนางกบ จงึ ไดท้ าพธิ ีกอ่ อคั คแี ลว้ รา่ ยมนตรว์ เิ ศษ พรอ้ มโยนนางกบลงในไฟ ชบุ ชีวิตขนึ้ มาใหม่

กลายเป็นสาวท่ีมีรูปโฉม โนมพรรณงามกวา่ หญิงใดในสวรรคท์ งั้ หก ดงั พระราชนิพนธข์ องรชั กาลท่ี ๑ ท่ีวา่ "เดชะพระเวทสิทธิ
ศกั ดิ์ พระวิษณรุ กั ษร์ งั สรรคเ์ กิดเป็นกลั ยาวิลาวณั ย์ งามวิจติ รพิศพรรณขวญั ตา งามพกั ตรย์ ่ิงชนั้ มหาราช งามวิลาสล้ านางใน
ดงึ สา งามเนตรย่ิงเนตรในยามา งามนาสิกล้ าในดษุ ฎี งามโอษฐ์งามกรรณงามปราง ย่งิ นางในนมิ าราศงี ามเกศย่งิ เกศกลั ยาณี
อนั มีในชนั้ นริ มติ ทงั้ หกหอ้ งฟา้ หาไมไ่ ด้ ดว้ ยทรงลกั ษณว์ ิไลไพจิตร ใครเหน็ เป็นท่ีเพ่งพศิ ทงั้ ไตรภพจบทศิ ไมเ่ ทียมทนั " จากพระ
ราชนพิ นธข์ า้ งตน้ จะเหน็ ไดว้ า่ หนา้ ตาของนางมณโฑเลิศล้ าสวยงามเพยี งใด และจากท่ีนางมี ก าเนดิ มาจากกบ พระฤาษีจงึ
ตงั้ ช่ือใหว้ า่ “นางมณโฑ” ท่ีแปลวา่ “กบ” อนั เป็นสถานภาพเดมิ ของนาง และ เน่ืองจากพระฤาษีเหน็ วา่ นางเป็นหญิงสาวไม่
เหมาะจะอย่ดู ว้ ย เกรงเป็นท่ตี ิฉินนินทาได้ จงึ พรอ้ มใจกนั พานางไป ถวายพระอศิ วร (พระศวิ ะ) พระอิศวรก็รบั นางไว้ และใหไ้ ป
อย่กู บั พระแมอ่ มุ า พระชายาขอพระองค์ นบั ตงั้ แตไ่ ป อยกู่ บั พระอมุ า นางมณโฑก็ตงั้ ใจปรนนิบตั ิรบั ใชพ้ ระแมเ่ ป็นอยา่ งดี จน
เป็นท่เี มตตาและพระแม่อมุ าก็ไดบ้ อกพระ เวทยต์ า่ งๆ ให้

ตอ่ มาเขาไกรลาสเอียงทรุด เพราะยกั ษว์ ริ ุฬหกจากเมืองบาดาลโกรธสารภตู ๊กุ แกท่ีลอ้ เลียนตน จงึ ขวา้ ง สงั วาลนาคใส่ และ
เลยไปถกู เขาไกรลาสจนเอยี ง พระอศิ วรจงึ ประกาศแกเ่ หลา่ เทวดาทงั้ หลายท่มี าเฝา้ วา่ หากใคร ยกเขาไกรลาสใหต้ งั้ ตรงได้ จะมี
รางวลั ใหอ้ ย่างงาม ก็ปรากฎวา่ ไมม่ ีใครยกได้ พระอศิ วรจงึ ตอ้ งใหเ้ ทวดาไปตาม ทศกณั ฐ์มายกใหจ้ งึ ส าเรจ็ ทศกณั ฐก์ ็ทลู ขอพระ
แม่อมุ าเป็นรางวลั พระอิศวรแมไ้ ม่พอใจท่ที ศกณั ฐ์เหิมเกรมิ แต่ เน่ืองจากออกโอษฐ์ไปแลว้ ก็จ ายอมประทานใหต้ ามขอ เพราะ
รูว้ า่ อยา่ งไรเสีย ทศกณั ฐ์ก็ตอ้ งน ามาคนื แนน่ อน ฝ่าย ทศกณั ฐพ์ อไดร้ บั ประทานพระอมุ า ก็ตรงเขา้ ไปอมุ้ พระแม่อมุ า แตค่ รนั้ ถกู
องคพ์ ระแม่ ก็รูส้ กึ รอ้ นเหมือนถกู ไฟไหม้ จงึ จ าตอ้ งชอ้ นพระบาทพระอมุ าทนู ไวบ้ นหวั เหาะกลบั เมืองลงกา เหาะตอ่ มาไม่นาน ก็
รูส้ กึ รอ้ นจนทนไม่ได้ จงึ ตอ้ ง วางพระแมอ่ มุ าลง และพาเดนิ ตอ่ ไป สว่ นเหลา่ เทวดานางฟ้าเห็นทศกณั ฐพ์ าพระอมุ าไปเช่นนนั้ ก็
ตกใจ จงึ พากนั ไป เฝา้ พระนารายณใ์ หช้ ่วยแกไ้ ข พระนารายณจ์ งึ ออกอบุ ายแปลงเป็นยกั ษแ์ ก่ ปลกู ตน้ ไมเ้ อายอดลงดนิ ราก
ชีฟ้ า้ ทศกณั ฐพ์ าพระอมุ าเดนิ ผ่านก็สงสยั และแปลกใจ ถามวา่ ท าไมโง่ปลกู ตน้ ไมแ้ บบนี้ ยกั ษแ์ ปลงก็วา่ ทศกณั ฐแ์ หละโง่ ไปพา
หญิงรา้ ยท่จี ะมาท าลายเหลา่ ยกั ษม์ าท าไม ไมร่ ูจ้ กั ขอของดมี า ทศกณั ฐ์ไดฟ้ ังก็ชกั เหน็ ตาม เพราะตนเองพา พระอมุ ามาก็รอ้ น
เขา้ ใกลไ้ ม่ได้ จงึ ถามยกั ษแ์ กด่ ู ก็ไดร้ บั ค าแนะน าใหไ้ ปขอนางมณโฑ ทศกณั ฐ์จงึ พาพระอมุ าทนู หวั เหาะกลบั ไปคนื พระอิศวร
และขอนางมณโฑมาแทน

ระหวา่ งพานางมณโฑเหาะกลบั เมืองนนั้ ถงึ คราวเคราะหข์ องทศกณั ฐท์ ่เี หาะผ่านเมืองขีดขนิ ของพาลี พญา ลิงท่ีก าลงั วา่
ราชการอยู่ ท าใหพ้ าลีไมพ่ อใจฉวยพระขรรคเ์ หาะไปขวางหนา้ ทศกณั ฐ์ ครนั้ เห็นนางมณโฑงามด่งั นางฟ้าก็นกึ รกั จงึ พาลหา
เรอ่ื งตอ่ สกู้ บั ทศกณั ฐ์ๆ พา่ ยแพ้ พาลจี งึ แย่งนางมณโฑมาได้ แลว้ พากลบั เมืองไดน้ างเป็น เมีย นางมณโฑนนั้ แตแ่ รกก็ไม่ยินยอม
แตก่ ็ไมส่ ามารถช่วยตวั เองได้ กอปรกบั พาลีใชท้ งั้ วาทศิลป์ และเลห่ ช์ ายจน นางตอ้ งยินยอมในท่ีสดุ นบั วา่ พาลเี ป็นสามีลงิ คน
แรกของนาง

สว่ นทศกณั ฐ์นนั้ เม่ือกลบั กรุงลงกา ก็เสียใจท่ีแพแ้ ละยงั ถกู แย่งนางมณโฑไป จงึ คลมุ้ คล่งั พาลท ารา้ ยนาง สนมกาํ นลั ในไป
หมด ใครเอาใจอย่างไรก็ไมถ่ กู ใจ และไม่วา่ ราชการนานถึงเจ็ดเดือน กมุ ภกรรณและพิเภกนอ้ งชาย จงึ ชว่ ยกนั คิดหาวธิ ีแกไ้ ข
ดว้ ยการไปเชญิ พระโคบตุ ร อาจารยข์ องทศกณั ฐ์มา เม่ือทราบเร่อื งทงั้ หมดแลว้ พระโค บตุ รจงึ ไปหาพระองั คต อาจารยข์ อง
พาลี เพ่ือใหว้ า่ กลา่ วพาลีใหค้ ืนนางมณโฑแก่ทศกณั ฐ์ พระองั คตจงึ เดนิ ทางไป หาพาลกี ลอ่ มใหค้ ืนนางมณโฑ และวา่ พาลีทาํ ไม่
ถกู ท่ีไปแย่งเมียคนอ่นื เขามา ทาํ ใหเ้ ส่อื มเสียช่ือเสียง พาลีไม่อยาก คืน ก็อา้ งวา่ นางทอ้ งไดห้ กเดอื นแลว้ ไม่อยากใหล้ กู ตนไปอยู่
กบั ยกั ษ์ พระองั คตจงึ วา่ เรอ่ื งนีไ้ มย่ าก ท่านจะแหวะ ทอ้ งนาง เอาลกู มาใสใ่ นทอ้ งแพะไวก้ ่อนจนกวา่ จะคลอด พาลีบา่ ยเบ่ียง
อยา่ งไรก็ไมเ่ ป็นผล แมจ้ ะไมเ่ ต็มใจ ก็จาํ ตอ้ ง ยอมคนื นางแก่ทศกณั ฐ์ ครนั้ นางมณโฑทราบเร่อื งก็เสยี ใจ รอ้ งไหจ้ นสลบไป พระ
องั คตเหน็ เป็นโอกาสดี จงึ ผา่ ทอ้ ง เอาลกู นางไปใสใ่ นทอ้ งแพะ และรา่ ยมนตรว์ เิ ศษปิดทอ้ งใหอ้ ย่างเดมิ เม่ือนางฟื้นก็พาตวั ไป
คืนทศกณั ฐ์ สว่ นลกู นาง กบั พาลที ่ีฝากไวก้ บั ทอ้ งแพะ เม่ือถงึ ก าหนดสบิ เดอื น พระองั คตก็ทาํ พิธีผ่าออกมาจากทอ้ งแพะ แลว้
ใหช้ ่ือวา่ “องคต” เลียนช่ือทา่ นเองเพ่ือเป็นมงคลนาม (น่ีจะเห็นวา่ การอมุ้ บญุ มีมาแตโ่ บราณกาล แถมวทิ ยาการยงั ทนั สมยั
กวา่ อกี เพราะใหส้ ตั วอ์ มุ้ ทอ้ งแทนก็ได)้
สว่ นทศกณั ฐ์ไดน้ างมณโฑคนื มา ก็ดใี จพาเหาะกลบั กรุงลงกา แลว้ เกีย้ วพาราสีตอ้ งเนือ้ ตอ้ งตวั นาง จนใน ท่สี ดุ ก็ไดน้ างเป็นเมีย
สมใจ ถือเป็นสามีคนท่สี อง นางมณโฑนนั้ เม่ือเป็นเมียพาลีก็คงรกั พาลี เพราะเป็นชาย

คนแรก ของนาง ครนั้ ตอ้ งมาเป็นเมียทศกณั ฐ์

นางก็รกั และจงรกั ภกั ดตี อ่ ทศกณั ฐ์เชน่ กนั ดงั จะเห็นไดว้ า่ เม่ือทศกณั ฐ์ลกั นาง สดี ามา และตอ้ งท าสงครามตอ่ สกู้ บั พระราม
พระลกั ษณแ์ ละหนมุ านยืดเยือ้ เป็นเวลานาน จนตา่ งฝ่ายตา่ งตอ้ งเสยี ไพรพ่ ลไปมากมายนนั้ ทศกณั ฐ์ก็ไดส้ อบถามนางมณโฑ
วา่ ตอนท่ีนางอยกู่ บั พระแมอ่ มุ า ไดเ้ รยี นมนตรว์ เิ ศษนางยงั ไปมีสมั พนั ธส์ วาทกบั หนมุ านทหารเอกของฝ่ายขา้ ศกึ จนก าลงั มี
ครรภเ์ ขา้ อกี ย่ิงเป็นเหตใุ หน้ างไม่กลา้ กลบั ไป พบหนา้ พระยายกั ษท์ ศกณั ฐ์ ดว้ ยเหตผุ ลท่ีมีอนั ตรายรายลอ้ มรอบดา้ นนาง
สพุ รรณมจั ฉาจงึ ไดต้ ดั สินใจจะหาสถานท่ี เรน้ ลบั ซกั แห่ง แอบส ารอกบตุ รในทอ้ งของนางไว้ นางหาไดเ้ นนิ ทรายชายหาดท่ีสงบ
เงียบแหง่ หน่งึ จึงอธิษฐานตอ่ บรรดาเทพยดานางฟา้ ใหช้ ว่ ยนางและบตุ รดว้ ย เทวดานางฟา้ จงึ ไดพ้ ากนั มาแสดงตนใหน้ างได้
เห็นตามค าอธิษฐาน และอ านวยพรให้ พอถงึ ฤกษด์ ี นางก็ส ารอกบตุ รออกมาไดอ้ ย่างง่ายดาย บตุ รของนางสพุ รรณมจั ฉาเป็น

ชายผิวขาว ผอ่ งกายเหมือนหนมุ านไม่ผดิ เพยี้ นแมแ้ ตน่ อ้ ย แถมมีหางเป็นปลา และพอเกิดก็ดเู ติบใหญ่ราวอายไุ ด้ 16 ปี (น่าจะ
นบั วา่ เป็นโชคดี ท่โี อรสของนางดเู ป็นแคค่ รง่ึ ปลาครง่ึ ลงิ เทา่ นนั้ หากมีลกั ษณะครง่ึ ยกั ษข์ องทศกณั ฐผ์ เู้ ป็นตาปนเขา้ ไปดว้ ย คง
ย่ิงดนู งุ นงั กลายเป็นสตั วป์ ระหลาดท่ีหาค าบรรยายไม่คอ่ ยถกู เลยท่ีเดยี ว) เหลา่ เทวดานางฟา้ ท่ีมาช่วยจงึ ตงั้ ช่ือใหว้ า่ มจั ฉานุ
แลว้ พากนั กลบั วิมานไป นางสพุ รรณมจั ฉาย่งิ ช่ืนชมบตุ รของนางไดเ้ พยี งครูเ่ ทา่ นนั้ ก็ตอ้ งจากไป เช่นกนั นางจงึ บอกเลา่ ชาติก า
เนิดแก่มจั ฉานวุ ่า บดิ าของมจั ฉานุ ช่ือ หนมุ าน เป็นทหารของพระราม จดุ สงั เกตคอื หนมุ านมีมาลยั กณุ ฑล ขนแกว้ เขีย้ วเพชร
เหาะเหินได้ และสามารถหาวเป็นดาวเป็นเดอื น แลว้ นางสพุ รรณมจั ฉาก็ ลาจากลกู ชายแหวกวา่ ยไปในทะเลใหญ่ เพ่ือหาทาง
หลบซอ่ นจากพระอาญาของทศกณั ฐพ์ ระบดิ าของนางเอง ทงิ้ มจั ฉานไุ วต้ ามล าพงั บนเนินทรายนนั้ บงั เอญิ ไมยราพเจา้ เมือง
บาดาลประพาสป่าผ่านมาพบเขา้ รูส้ กึ ถกู ชะตาย่ิง จงึ รบั มจั ฉานไุ วเ้ ป็นบตุ รบญุ ธรรม ขดุ สระใหญ่ใหเ้ ป็นดา่ นหนา้ เมืองบาดาล
สว่ นทศกณั ฐ์ท่เี สยี ท่าในการศกึ หลายหนไดข้ องความชว่ ยเหลือจากไมยราพท่เี ป็นพนั ธมิตรของลงกา ไมยราพเห็นแก่ความเป็น
มติ ร รบั อาสาชว่ ยเหลือทศกณั ฐ์ ดว้ ยการสะกดทพั วานรลกั ตวั พระรามไปกกั ไวใ้ นบาดาล พเิ ภกและพระลกั ษณท์ ่ีก าลงั เศรา้
โศกตอ่ การหายสาบสญู ไปของพระเชษฐาวา่ ใหส้ ง่ หนมุ านตามไปช่วย หนมุ านจึง ตดิ ตามมาถึงดา่ นหนา้ เมืองบาดาลท่มี จั ฉานุ
อาศยั อยู่ สองพ่อลกู จงึ เกิดสรู้ บกนั ขนึ้ แตต่ า่ งไม่สามารถเอาชนะกนั และ กนั ได้ ท าใหห้ นมุ านสงสยั ย่งิ จงึ สอบถามถึงเผ่าพงศ์
ของมจั ฉานุ ซง่ึ มจั ฉานเุ องก็อดแคลงใจไม่ไดเ้ หมือนกนั ท่ีคตู่ อ่ สู้ ท าไมจงึ มีหนา้ ตารูปกายคลา้ ยกบั ตนนกั จงึ ตอบตามสตั ยว์ า่
เป็นบตุ รของพระนางสพุ รรณมจั ฉากบั หนมุ าน หนมุ าน รูก้ ็ยนิ ดีย่ิง แนะน าตวั เองตอ่ มจั ฉานวุ า่ เป็นบิดา แตม่ จั ฉานตุ อ้ งการขอ้
ยืนยนั หนมุ านจงึ เหาะขนึ้ ไปบนอากาศ และ หาวเป็นดาวเป็นเดือนใหด้ ู มจั ฉานคุ อ่ ยเช่ือวา่ คือบิดา พอสองพ่อลกู ไดร้ ูจ้ กั กนั แลว้
สภาพการเป็นศตั รูก็เส่อื มสลาย ไป มจั ฉานยุ อมใหห้ นมุ านผ่านดา่ นของตนลงสบู่ าดาลไปชว่ ยเหลอื พระรามโดยสะดวก เม่ือ
ฝ่ายวานรช่วยเหลือ พระรามออกไปจากบาดาลได้ และไมยราพพลาดทา่ ตายในท่รี บและหนมุ านก็มอบเมืองบาดาลใหไ้ วยวกิ
พระญาติ ผหู้ น่งึ ของไมยราพครอบครองตอ่ ไป โดยมีมจั ฉานเุ ป็นพระมหาอปุ ราช ก่อนจะกลบั กองทพั วานรไปท าศกึ สงคราม
ตอ่ ไวยวิกกบั มจั ฉานทุ ่คี รอบครองเมืองบาดาลอยา่ งเป็นสขุ มาตลอด วนั หน่งึ เกิดอยากเขา้ เฝา้ พระราม จงึ จดั ทพั เดนิ ทางไป
กรุงอยธุ ยา บงั เอญิ พบกบั ทพั ทา้ วชมพเู ขา้ ท่ีหนา้ เมืองอยธุ ยา สองทพั เกิดเขา้ ใจผิด จงึ สรู้ บกนั เองซะ อตุ ลดุ วนุ่ วาย พระรามได้
ยินเสยี งสรู้ บกนั ดงั สน่นั จงึ ใหห้ นมุ านออกไปดู หนมุ านเห็นเป็นพวกกนั เองทงั้ สองฝ่าย ก็ เลยรีบเขา้ หา้ ม และพาทงั้ หมดเขา้ เฝา้
พระราม พระรามเห็นวา่ หางปลาของมจั ฉานดุ เู กะกะรา่ ร าราญ หนมุ านก็เลย ฉวยโอกาสนีท้ ลู ของพระรามชว่ ยตดั หางมจั ฉานุ

ออก พระรามไม่ขดั ทรงใชพ้ ระขรรคโ์ มลีตดั หางปลาออกไปจาก กายมจั ฉานดุ ว้ ยความฉบั ไวแม่นย าท าใหม้ จั ฉานไุ มร่ ูส้ กึ
เจ็บปวดแตอ่ ย่างไร ยงั ความยนิ ดีแก่มจั ฉานยุ ่งิ ท่ีไมต่ อ้ งมี สภาพครง่ึ ปลาอีกตอ่ ไป แตโ่ ชคดขี องมจั ฉานยุ งั ไมห่ มดแคน่ นั้
พระรามยงั ทรงโปรดแตง่ ตงั้ ใหเ้ ป็นพระยาหนรุ าชไป ครองเมืองมลิวนั มจั ฉานบุ ตุ รของนางสพุ รรณมจั ฉาเองนนั้ ยงั คงเวียนวา่ ย
ทอ่ งเท่ยี วไปในทะเลกวา้ งตามความเคย ชิน น่ีคอื ชีวติ รูปแบบหน่งึ ของนางในวรรณคดีผมู้ ีเชือ้ สายครง่ึ ยกั ษค์ รง่ึ ปลา และมี
ความงดงามคมซงึ้ ไม่ดอ้ ยกวา่ เทพธิดาบนสรวงสวรรค.์ .. สพุ รรณมจั ฉา

6.ประวัตหิ นุมาน

หนมุ าน เป็นลิงเผือก (กายสีขาว) มีลกั ษณะพิเศษ คอื มีเขีย้ วแกว้ อย่กู ลางเพดานปาก มีกณุ ฑลขนเพชร สามารถแผลงฤทธิ์
ใหม้ ีส่หี นา้ แปดมือ แลหาวเป็นดาวเป็นเดือนได้ ใชต้ รเี พชร (สามง่าม) เป็นอาวธุ ปร ะจ าตวั (จะใชเ้ ม่ือรบกบั ยกั ษต์ วั ส าคญั ๆ)
มีความเกง่ กลา้ มาก สามารถแปลงกาย หายตวั ได้ ทงั้ ยงั อยยู่ งคง กระพนั แมถ้ กู อาวธุ ของศตั รูจนตาย เม่ือมีลมพดั มาก็จะฟื้นขนึ้
ไดอ้ ีก เม่ือนางสวาหะถกู มารดาสาปใหไ้ ปยืนตนี เดยี ว เหน่ียวกินลม พระอิศวรจงึ บญั ชา ใหพ้ ระพายน าเทพอาวธุ ของพระองค์
ไปซดั เขา้ ปากของนางนางจงึ ตงั้ ครรภแ์ ละ คลอดบตุ รเป็นลิงเผือกเหาะออกมาจากปาก ไดช้ ่ือวา่ หนมุ าน หนมุ านจงึ ถือวา่ พระ
พายเป็นพอ่ ของตน หนมุ านได้ ถวายตวั เป็นทหารเอกของพระราม ช่วยท าการรบจนสนิ้ สงคราม

7.ประวตั พิ าลี

หรอื พญาพาลี เป็นลงิ ท่เี ป็นตวั ละครตวั หนง่ึ ในเรอ่ื งรามเกียรติ์ เป็นลิงเจา้ เมืองขีดขนิ ท่ีมีฤทธิ์มากท่สี ดุ ตวั หน่ึง มีกายสเี ขียว
เป็นโอรสของพระอินทร์ กบั นางอจั นา เดมิ วา่ กากาศ ตอนเดก็ โดนฤๅษีโคดมสาปใหก้ ลายเป็น ลงิ เชน่ เดียวกนั กบั สคุ รพี ซง่ึ เป็น
นอ้ งชาย เพราะรูว้ า่ ทงั้ 2 เป็นลกู ชู้ ตอ่ มาพระอินทรผ์ พู้ อ่ ไดส้ รา้ งเมืองช่ือ ขีดขินให้ พาลปี กครอง และตงั้ ช่ือใหใ้ หมว่ า่ พระยากา
กาศ ภายหลงั ไดเ้ ปล่ียนช่ือเป็น พาลี เคยตอ่ สกู้ บั ทรพี ควายท่ีฆ่า ทรพา พ่อของตนเอง ท่ีมีเทวดาอารกั ขาขาทงั้ ส่ขี า้ งและสอง
เขา ซง่ึ พาลจี ะตอ้ งเขา้ ไปสใู้ นถ้ าสรุ กานต์ ก่อนไปไดส้ ่งั เสียสคุ รีพไวว้ า่ ถา้ ผา่ นไปเจด็ วนั แลว้ ถา้ ตนไม่กลบั มา ใหไ้ ปดรู อยเลือด
ถา้ เลอื ดขน้ นนั้ คือ เลือดทรพี ถา้ เลอื ดใสนนั้ คอื เลอื ดตน

ตอนท่ีพระอศิ วรฝากนางดารามากบั พาลเี พ่อื ใหก้ บั สคุ รพี ผเู้ ป็นนอ้ ง พาลีไดย้ ึดนางดาราไวเ้ ป็นภรรยาเสีย เอง พาลเี คยแยง่
นางมณโฑกบั ทศกณั ฐเ์ ม่ือตอนท่ีเหาะผา่ นเมืองขีดขินดว้ ย และมีบตุ รกบั นางมณโฑ คอื องคตสดุ ทา้ ยพาลสี ิน้ ชีวิตจากศรของ
พระราม กอ่ นตายพาลีไดเ้ หน็ รา่ งท่แี ทจ้ รงิ ของพระราม วา่ เป็นพระ นารายณอ์ วตาร จงึ ไดส้ านกึ ผิด และเรยี กสคุ รีพมาส่งั สอน
ซง่ึ เรยี กวา่ "พาลีสอนนอ้ ง" และฝากฝังเมืองขีดขินไว้ ใน ศาสนาฮินดพู าลีไมไ่ ดย้ ึดนางดาราภรรยาของสคุ รพี และเป็นกษัตรยิ ท์ ่ี
ทรงคณุ ธรรม เขาตายเน่ืองจากพระรามลอบ สงั หารเขาในขณะตอ่ กรกบั สคุ รพี ในชาตติ อ่ ไปเขาไปเกิดเป็นนายพรานจาราและ
สงั หารพระกฤษณะซง่ึ เป็น พระรามในชาติก่อน

8. ประวตั ิสคุ รพี

สคุ รพี เป็นลิงมีกายสแี ดง เป็นลกู ของพระอาทติ ยก์ บั นางกาลอจั นา สคุ รพี มีศกั ดิ์เป็นนา้ ของหนมุ านเม่ือ พระฤาษีโคดมรูค้ วาม
จรงิ จากนางสวาหะวา่ สคุ รพี ไมใ่ ชล่ กู ของตน แตเ่ ป็นลกู ชู้ จงึ สาปใหก้ ลายเป็นลิงพรอ้ มกบั พาลี ผเู้ ป็นพ่ชี าย ซง่ึ เป็นลกู ของพระ

อินทรแ์ ลว้ ไลใ่ หเ้ ขา้ ป่าไป ตอ่ มาสคุ รพี ไดเ้ ป็นทหารเอกของพระราม ไดร้ บั ความไว้ วางพระทยั จากพระราม ใหเ้ ป็นผคู้ มุ กองทพั
ออกสรู้ บกบั กองทพั ของกรุงลงกาอยเู่ สมอ

9. ชมพพู าน

เป็นตวั ละครจากวรรณกรรมเร่อื ง "รามเกียรติ"์ เป็นลงิ กายสีหงสช์ าด (สีแดง) เป็นลกู เลีย้ งของพญาพาลี แหง่ เมืองขีดขิน ถือก า
เนิดมาจากเหง่ือไคล พระอศิ วร มีความรูใ้ นเร่อื งยา สคุ รพี จงึ พาไปถวายตวั ตอ่ พระราม จงึ มี หนา้ ท่เี ป็นแพทยป์ ระจ ากองทพั
พระราม เคยตดิ ตามหนมุ านและองคต ในตอนหนมุ านไปถวายแหวนแก่นางสีดา ท่ี กรุงลงกา เม่ือครงั้ ศกึ ทศพิน ชมพพู านก็
ไดร้ บั มอบหมายใหเ้ ป็นทตู ถือพระราชสารประกาศสงคราม เม่ือสิน้ ศกึ กรุง ลงกา พระรามทรงปนู บ าเหน็จรางวลั ใหไ้ ปเป็นเจา้
กรุงปางตาล ลกั ษณะหวั โขนของชมพพู านนนั้ เป็นรูปหนา้ วานร ปากอา้ สีหงชาด สวมชฎายอดชยั

10. มจั ฉาน

หนา้ วานรปากอา้ สีขาวผ่อง หวั โลน้ สวมมาลยั ทองมจั ฉานุ ตวั เป็นวานร หางเป็นปลา เป็นบตุ รหนมุ านกบั นางสพุ รรณมจั ฉา
ตอ่ มาไดเ้ ป็นบตุ รบญุ ธรรมของไมยราพณ์ และไดต้ อ่ สกู้ บั พอ่ ของตน เหตเุ พราะไม่เคยไดเ้ จอหนุ มานมาก่อน

11. อสรุ ผดั

อสรุ ผดั เป็นบตุ รของหนมุ านกบั นางเบญกาย มีหนา้ เป็นลิง แต่ศรี ษะและตวั เป็นยกั ษ์ กายสีเหลืองเล่ือมๆ เม่ือพิเภกซง่ึ เป็นตา
ถกู ทา้ วจกั รวรรดิ กบั ไพนาสรุ ยิ วงศ์ จบั ไปขงั ไว้ อสรุ ผดั จงึ หนีมาหาหนมุ าน เลา่ เร่ืองราวใหฟ้ ัง พระรามจงึ โปรดใหพ้ ระพรตกบั
พระสตั รุดยกกองทพั ไปปราบ ซง่ึ เป็นการท าศกึ กบั กรุงลงกาครงั้ ท่ีสอง เม่ือเสรจ็ ศกึ แลว้ พระรามไดแ้ ตง่ ตงั้ ใหอ้ สรุ ผดั มีต าแหง่
เป็นพระยามารนรุ าชมหาอปุ ราชแห่งกรุงลงกา

12. มาลนุ ทเกสร

หนา้ วานรปากหบุ บางแห่งวา่ ปากอา้ สีเมฆ หวั โลน้ สวมมาลยั รกั รอ้ ยมาลนุ เกสรนี้ คือ พระพฤหสั บดี เทวดานพเคราะห์ แบง่
ภาคลงมาเป็ นเสนาวานรฝ่ ายเมืองขีดขิน

13. มายรู

หนา้ วานรปากอา้ สีม่วงออ่ น หวั โลน้ สวมาลยั รกั รอ้ ยไม่ปรากฏวา่ เป็นฝ่ายใด ทา้ ววิรูปักษโ์ ลกบาลประจ า ทศิ ตะวนั ตก แบง่
ภาคลงมาช่วยปราบอสรู

14. นิลเอก หนา้ วานรปากอา้ สที องแดงแก่ บางแหง่ วา่ ปากหบุ หวั โลน้ สวมมาลยั รกั รอ้ ยนลิ เอกเป็นพวกเสนาวานรสิบ แปด
มงกฎุ ฝ่ายเมืองชมพู แบง่ ภาคลงมาจากพระพนิ าย

15. นิลราช หนา้ วานรปากอา้ สีน้ าไหล บางแหง่ วา่ ปากหบุ หรอื สีฟ้าออ่ น หวั โลน้ สวมมาลยั รกั รอ้ ย นิลราชเป็นพระ สมทุ ร
แบง่ ภาคลงมาเกิดเป็นเสนาวานรสิบแปดมงกฎุ ฝ่ายเมืองชมพู

16. นลิ พทั หนา้ วานรปากอา้ สีน้ ารกั หรอื สดี าขลบั หวั โลน้ สวมมาลยั ทอง เป็นบตุ รพระกาลซ่งึ พระอิศวรประทานให้ ไปอยู่
ช่วยกิจการบา้ นเมืองของทา้ วมหาชมพู

17. นิลปาสนั หนา้ วานรปากอา้ สีเส่อื มเหลือง หรอื สีหมากสกุ หวั โลน้ สวมมาลยั รกั รอ้ ยนิลปาสนั เป็นเสนาวานรสบิ แปด
มงกฎุ ฝ่ายเมืองชมพู แบง่ ภาคมาจากพระศกุ ร์ เทวดานพเคราะห์

18. นลิ ปานนั หนา้ วานรปากอา้ สสี ารดิ หวั โลน้ สวมมาลยั รกั รอ้ ย เป็นเสนาวานรพวกสบิ แปดมงกฎุ ฝ่ายเมืองชมพู แบง่ ภาค
มาจากพระราหู เทวดานพเคราะห์

19. นิลนนท์ หนา้ วานรปากอา้ สหี งสบาท หรอื สีหงเสนเจือสีเหลอื ง หวั โลน้ สวมมาลยั ทอง พญาวานรตวั นีเ้ ป็นบตุ ร พระเพลงิ
มีบทบาทท าลายพิธีทศกณั ฐ์ตงั้ อโุ มงคร์ ว่ มกบั สคุ รพี และหนมุ าน เสรจ็ ศกึ ลงกาไดเ้ ป็นอปุ ราชเมืองชมพู

20. นลิ ขนั หนา้ วานรปากอา้ สีหงดินแก่ หรอื สีอิฐแก่ หวั โลน้ สวมมาลยั รกั รอ้ ย เป็นเสนาวานรสิบแปดมงกฎุ ฝ่ายเมือง ชมพู
แบง่ ภาคมาจากพระพิฆเณศ

21. ประวตั ิทศกณั ฐ์ ทศกณั ฐ์ เป็นกษัตรยิ แ์ หง่ กรุงลงกา นบั วา่ เป็นตวั เอกของเร่ืองรามเกียรติ์ มีกายสีเขียว มี ๑๐ พกั ตร์ ๒๐
กรทรงมงกฏุ ชยั ลกั ษณะปากแสยะตาโพลง ทศกณั ฐ์ เดิมเป็นยกั ษน์ นทกกลบั ชาติมาเกิด เพ่ือรบกบั พระนารายณ์ ซง่ึ อวตารมา
เกิดเป็นมนษุ ย์ ไม่มีใครฆ่าใหต้ ายได้ เพราะทศกณั ฐ์ถอดดวงใจ ใสก่ ลอ่ งฝากไวก้ บั พระฤาษีโบตุ รผเู้ ป็น อาจารย์ ทศกณั ฐ์มีนิสยั
เจา้ ชู้ มีชายาและนางสนมมากมาย แตถ่ ึงกระนนั้ เม่ือรูว้ า่ นางสดี าเป็นหญิงท่มี ีความงดงาม มาก แมน้ างจะมีพระสวามีอยแู่ ลว้
ก็ยงั ลกั พาตวั ไป จงึ เป็นสาเหตใุ หต้ อ้ งท าศกึ กบั พระรามจนญาตมิ ิตรลม้ ตายไป เป็นจ านวนมาก และในท่ีสดุ ตนเองก็ถกู
พระรามฆ่าตาย

22. ประวตั ิพเิ ภก พิเภก คือ เทพบตุ รเวสสญุ าณ จตุ ิลงมาเกิดเพ่ือชว่ ยพระรามปราบทศกณั ฐ์ มีกายสีเขียว เป็นนอ้ งของ
ทศกณั ฐ์ มีความรูท้ างโหราศาสตรอ์ ย่างยอดเย่ียม สามารถท านายเหตกุ ารณล์ ว่ งหนา้ ไดอ้ ยา่ งแมน่ ย า เม่ือทศกณั ฐ์ ลกั พานาง
สดี ามาพิเภกไดท้ ลู ตกั เตือน และแนะน าใหส้ ง่ นางสีดาคนื ไปท าใหท้ ศกณั ฐ์โกรธมาก จนขบั ไลพ่ ิเภกออกไป จากเมืองพิเภกจงึ
ไปสวามิภกั ดิก์ บั พระราม ใหค้ าแนะน าท่เี ป็นประโยชน์ จนกระท่งั พระรามชนะสงคราม หลงั จาก เสรจ็ ศกึ แลว้ พระรามได้
สถาปนาใหพ้ เิ ภกเป็นกษัตรยิ ค์ รองกรุงลงกา มีพระนามวา่ ทา้ วทศครี วี งศ์

23. อนิ ทรชติ กายสีเขียว 1 พกั ตร์ 2 ก ร ท รงมงกฎุ เดินหนของพ ระอนิ ท ร์ ปากขบ ตาโพลง เขีย้ วคดุ (เขีย้ วดอกมะลิ) เป็น
บตุ รของ ทศกณั ฐ์ กบั นางมณโฑเดมิ ช่ือ รณพกั ตรแ์ ตต่ อ่ มามีฤทธิ์มากจนสามารถรบชนะ พระอินทร์ จงึ ไดช้ ่ือใหมว่ า่ อินทรชิต
มีเมียช่ือ นางกนั ยมุ า มีบตุ ร 2 คน ช่ือ ยามลวิ นั และ กนั ยเุ วก อินทรชติ เดิม ช่ืออา้ ง รณพกั ตรเ์ ทพประสาทศรศกั ดิ์ สิทธิ์ใหท้ รง
มงกฎุ มนษุ ยล์ กั ษณ์ สีเทห์ เขียวนอเขีย้ วงอกกลบั บตุ รไท้ แทตย์ ทา้ วทศกณั ฐ์อินทรชติ เป็นศษิ ยข์ อง ฤาษีโคบตุ ร เช่นเดียวกบั
ทศกณั ฐ์ ไดพ้ ยายามบรกิ รรมเพ่ือขออาวธุ จากเทพเจา้ อยถู่ งึ 17 ปีในท่ีสดุ ทงั้ พระอิศวร, พระนารายณ์ และ พระพรหม ทน

ไม่ไดต้ อ้ งลงมาประทานศรให้ 3 เลม่ ไดแ้ ก่ ศรนาคบาศ ศรพรหมมาสตร์ ศรวิษณปุ าณมั ทงั้ ยงั สามารถแปลงกายเป็นพระ
อนิ ทรไ์ ดอ้ ีกดว้ ย

บทบาทสาํ คญั ของอนิ ทรชิตในเร่อื งรามเกียรติม์ ีอย่หู ลายตอน เชน่

ครงั้ ท่ี หนมุ าน มาสบื ข่าว นางสดี า ท่ีกรุงลงกานนั้ อนิ ทรชติ เป็นผจู้ บั หนมุ านไดห้ รอื ในการรบกบั พระลกั ษมณ์ ครงั้ ท่ี 1 อินทร
ชติ ถกู ศรพลายวาตจนตอ้ งหนีกลบั มาทาํ พิธีชบุ ศรนาคบาศในโพรงไมโ้ รทนั แตถ่ กู ชามพวู ราช แปลงกายเป็นหมีไปกดั ตน้ ไม้
ลม้ ท าลายพิธีต่อมาไดร้ บกบั พระลกั ษมณอ์ ีกครงั้ อนิ ทรชติ แผลงศรนาคบาศเป็น นาคมารดั กองทพั พระลกั ษมณ์ แต่ พระราม
ไดแ้ ผลงศรพลายวาต เรียกพญาครุฑมาชว่ ย นาคกลวั ครุฑ จงึ หนีไปจน หมดสิน้ อนิ ทรชิตหลบไปท าพธิ ีชบุ ศรพรหมศาสตร์ โดย
ให้ ยกั ษก์ าป่ัน เฝา้ ขดั ตาทพั แตห่ นมุ านมาฆ่ายกั ษก์ าป่ันตาย จนพิธีลม้ เหลวตอ่ มาอนิ ทรชติ ออกรบโดยแปลงเป็นพระอนิ ทร์
ทรงชา้ งเอราวณั แผลงศรถกู กองทพั พระลกั ษมณล์ ม้ หมด หนมุ านจะเขา้ แกจ้ งึ โดดไปหกั คอชา้ งเอราวณั แตถ่ กู อินทรชิตตดี ว้ ย
ศรพรหมาสตรจ์ นบาดเจบ็ อินทรชติ หวงั ใชก้ ลลวง จงึ ให้ สขุ าจาร แปลงเป็นนางสีดา แลว้ น าไปฆ่าท่ีสนามรบ แตฝ่ ่ายพระราม
ก็รูเ้ ทา่ ทนั กลอบุ าย อนิ ทรชิต ตอ้ งหลบไปท าพิธีกมุ ภนยิ า (พิธีชบุ ตวั ) แตพ่ ระลกั ษมณก์ ็ผทู้ าํ ลายพิธีไดอ้ ีกศกึ สดุ ทา้ ยของอินทร
ชติ นนั้ เม่ือรา่ ลาลกู เมียแลว้ ก็เอาศรสรุ กานตจ์ ากทศกณั ฐ์ไปรบ แตใ่ นศกึ นี้ อนิ ทรชิต ถกู ศรของพระลกั ษมณต์ ดั คอขาดถึงแก่
ความตายกลางอากาศ พิเภกรบี ให้ องคต ไปขอพานแกว้ จาก ทา้ วธาดา พรหม มารองรบั ศีรษะอินทรชติ เพราะอนิ ทรชติ ไดร้ บั
พรจากพระอิศวรวา่ แมน้ ตายถา้ เศียรของอินทรชิตตกดนิ ท่ี ใดท่นี นั้ จะเกิดไฟบรรลยั กลั ป์ ขนึ้ แลว้ พระรามจงึ แผลงศรไปยงิ ศรี ษะ
อนิ ทรชติ บนพานกลางอากาศนนั้ ไหมเ้ ป็นจลุ ไป

24. ไมยราพ

ป็นยกั ษ์ มีกายสีมว่ งออ่ น เป็นญาตขิ องทศกณั ฐ์ ปกครองเมืองบาดาลอยู่ มีอาวธุ คือ กลอ้ งยาสะกด ใช้ ส าหรบั เป่าเพ่อื สะกด
ใหก้ องทพั ของขา้ ศกึ หลบั ใหล ไมยราพ ถอดดวงใจ ใสต่ วั แมลงภู่ ซอ่ นไวบ้ นยอดเขาตรกี ฏู จงึ ไม่มีใครฆ่าใหต้ ายได้ วนั หน่งึ
ไมยราพไปพบมจั ฉานุ ซง่ึ นางสพุ รรณมจั ฉามาคลอดทงิ้ ไวท้ ่ีหาดทราย จงึ เก็บไปเลยี้ ง เป็นบตุ รบญุ ธรรม ตอ่ มา ไมยราพ ชว่ ย
ทศกณั ฐ์ท าสงคราม โดยเป่ากลอ้ งยา สะกดกองทพั ของพระรามแลว้ จบั พระรามไปขงั ไวท้ ่ีเมืองบาดาล หนมุ านตามลงไป
ชว่ ยพระรามและฆา่ ไมยราพตายโดยจบั ตวั แมลงภมู่ าขยี้

25. ประวตั ิกมุ ภกรรณ กมุ ภกรรณ เป็นยกั ษ์มีกายสเี ขียว มีหอกโมกขศกั ดิเ์ ป็นอาวธุ ไดช้ ่ือวา่ กมุ ภกรรณ (หหู มอ้ ) เพราะมี
รา่ งกาย ใหญ่โตจนเอาหมอ้ ใสไ่ วใ้ นหไู ดก้ มุ ภกรรณ เป็นนอ้ งรว่ มมารดาของทศกณั ฐ์ โดยเป็นพ่ีของพเิ ภกครงั้ หน่ึง กมุ ภกรรณ
ออกรบกบั พระลกั ษมณ์ ไดพ้ ่งุ หอกโมกขศกั ดิไ์ ปถกู พระลกั ษมณจ์ นสลบ แตพ่ ิเภกและหนมุ านช่วยแกไ้ ขใหฟ้ ื้นได้ ตอ่ มา กมุ ภกร
รณไดท้ าพิธีทดน้ าโดยเนรมิตรกายใหใ้ หญ่โตขวางทางน้ าไว้ เพ่ือใหก้ องทพั ของพระรามอดน้ าตาย แต่ ถกู หนมุ านท าลายพิธี
ครงั้ สดุ ทา้ ย กมุ ภกรรณออกรบกบั พระราม ถกู ศรของพระรามจนเสียชีวิต

26. นางพิรากวน เป็นธิดาของทา้ วมหายมยกั ษก์ บั นางจนั ทรประภา เป็นพ่ีสาวของมยั ราพณเ์ จา้ กรุงบาดาล เป็นแมข่ องไว
ยวกิ ในตอนท่ีมยั ราพณส์ ะกดทพั ลกั พาพระรามลงไปใสก่ รงเหล็กไวใ้ นเมืองบาดาล หนมุ านตามลงไปชว่ ย ขณะนนั้ ไวยวิกถกู

มยั ราพณส์ ่งั จ าตรุ(คือขงั กรง)อยู่ นางช่วยใหห้ นมุ านผา่ นดา่ นเขา้ กรุงลงกาไปได้ โดยแปลงกายเป็นไรเกาะ ตวั นางเขา้ ไป เม่ือ
ผา่ นดา่ นท่ตี อ้ งขนึ้ ตาช่งั ๆ นาํ้ หนกั ตาช่งั หกั เพราะนา้ํ หนกั เกิน นายดา่ นสงสยั นางก็ท ามารยาตา่ ง ๆ นานาจนหนมุ านผ่านดา่ น
เขา้ ไปชว่ ยพระรามไดส้ าํ เรจ็ ซง่ึ ตรงนีเ้ ป็นท่ีมาของสาํ นวนไทยวา่ "มารยาพริ ากวน" เม่ือหนมุ านพาพระรามกลบั ขนึ้ ไปวางไวท้ ่ี
สวุ รรณบลั ลงั ก์ แลว้ กลบั มารบกบั มยั ราพณ์ ฆา่ มยั ราพณไ์ ม่ตาย ถามนาง พริ ากวน ๆ บอกวา่ มยั ราพณถ์ อดดวงใจไวใ้ น
แมลงภทู่ ่ียอดเขาตรกี ฎู หนมุ านจงึ เนรมติ กายใหใ้ หญ่ เออื้ มมือไปจบั เอาแมลงภ่มู าขยี้ เม่ือมยั ราพณต์ าย หนมุ านไดป้ ลอ่ ยไว
ยวกิ ออกมา และใหเ้ ปนเจา้ เมืองบาดาลแทน

อ้างองิ

https://www.sanook.com/campus/1391797/
http://thai-danceheritage.blogspot.com/p/picture.html


Click to View FlipBook Version