The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Kruprae, 2022-05-19 05:23:23

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ

ความรเู้ บอ้ื งตน้ เกย่ี วกบั คอมพวิ เตอรแ์ ละเทคโนโลยสี ารสนเทศ
ความหมายของคอมพวิ เตอร์

คอมพิวเตอร์ หมายถงึ อปุ กรณช์ นิดหนึ่งทีท่ ำงานด้วยระบบ
อิเล็กทรอนิกส์ สามารถจำข้อมลู และคำส่ังได้ ทำให้สามารถทำงานไปได้โดย
อตั โนมตั ดิ ว้ ยอัตราความเร็วทส่ี งู มาก ใชป้ ระโยชน์ในการคำนวณหรือการทำงาน
ตา่ งๆไดเ้ กือบทุกชนิด คอมพวิ เตอร์เปน็ เครือ่ งมือทช่ี ว่ ยในการคำนวณและ
ประมวลผลขอ้ มูล ซ่งึ ประกอบด้วยคุณสมบัติ 3 ประการ คอื

1. ความเรว็ (Speed) เครอื่ งคอมพวิ เตอรท์ ำงานดว้ ยความเร็วสงู มาก
หน่วยความเร็วของการทำงานของคอมพิวเตอรว์ ัดเป็น

มลิ ลเิ ซกนั (Millisacond) ซงึ่ เทียบความเรว็ เท่ากับ 1/1,000 วินาที , ไม
โครเซกัน (Microsecond) ซึ่งเทียบความเรว็ เท่ากบั 1/1,000,000 วินาที ,นา
โนเซกนั (Nanosacond) ซึง่ เทียบความเรว็ เทา่ กบั 1/1,000,000,000 วินาที

2. หน่วยความจำ (Memory) เครื่องคอมพิวเตอร์ประกอบไปด้วยหน่วยความจำ
สามารถใช้บันทึกและเก็บข้อมูลได้คราวละมากๆ สามารถเก็บคำสั่งต่อๆ กันที่เราเรียกว่า
โปรแกรม และนำมาประมวลในคราวเดียวกัน ซึ่งเป็นปัจจัยทำให้คอมพิวเตอร์สามารถ
ทำงานเก็บข้อมูลได้คราวละมากๆ และสามารถประมวลผลได้เร็วและถกู ต้อง

3. ความสามารถในการเปรยี บเทยี บ (Logical) เครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ประกอบด้วย
หน่วยคำนวณและตรรกะ นอกจากจะมคี วามสามารถในการคำนวณแล้วยังมี
ความสามารถในการเปรียบเทียบ ความสามารถนีเ้ องทที่ ำใหเ้ คร่ืองคอมพิวเตอร์ต่างกับ
เครอื่ งคดิ เลข และคณุ สมบตั นิ ้ที ท่ี ำใหน้ กั คอมพวิ เตอรส์ รา้ งโปรแกรมอัตโนมตั ขิ ้นึ ใช้อยา่ ง
กวา้ งขวาง คอมพวิ เตอรย์ งั มคี วามแมน่ ยำในการคำนวณ มีความเทย่ี งตรงแม้จะทำงาน
เหมือนเดมิ ซ้ากนั หลายรอบ และสามารถตดิ ต่อสื่อสารกับคอมพวิ เตอร์เครอ่ื งอน่ื ๆ ด้วย

ประโยชนข์ องคอมพวิ เตอร์
การใชป้ ระโยชน์จากคอมพิวเตอร์กระจายไปอยู่ในทุกวงการ

- ด้านธรุ กิจ ไดแ้ ก่การนำคอมพิวเตอรม์ าประมวลงานด้านธุรกิจ
- ดา้ นการธนาคาร ปจั จบุ ันทุกธนาคารจะนำระบบคอมพวิ เตอรม์ าใชง้ านในองคก์ รของตน
เพ่อื ใหบ้ ริการลูกคา้
- ดา้ นตลาดหลักทรพั ย์ ตลาดหลักทรัพย์เป็นศนู ย์กลางการซ้ือขายหลักทรพั ย์ จะมีขอ้ มูล
จำนวนมากและต้องการความรวดเร็วในการปฏิบัติงาน
- ธรุ กจิ โรงแรม ระบบคอมพิวเตอร์สามารถใชใ้ นการบรหิ ารโรงแรม การจองห้องพัก การ
ติดตงั้ ระบบ Online ตามแผนกตา่ งๆ
- การแพทย์ มีการนำระบบคอมพวิ เตอร์มาใชอ้ ยา่ งกวา้ งขวาง เช่น ทะเบียนประวตั ิคนไข้,
ระบบข้อมูลการใหภ้ มู คิ มุ้ กันโรค,สถิติด้านการแพทย์,ดา้ นการบญั ชี
- วงการศกึ ษา การนำคอมพวิ เตอรม์ าใช้กบั สถาบันการศึกษาจะมี ระบบงานทีเ่ ก่ียวกับ การ
เรียนการสอน การวิจยั การบริหาร
- ดา้ นอตุ สาหกรรมทว่ั ไป

- ดา้ นธรุ กจิ สายการบนิ สายการบนิ ต่างๆท่ัวโลกไดน้ ำเอาคอมพวิ เตอรม์ าใช้งานอยา่ ง
แพรห่ ลายโดยเฉพาะงานการสำรองทน่ี ่ังและเทีย่ วบนิ
- ดา้ นการบนั เทงิ เชน่ วงการภาพยนตร์ การดนตรี เตน้ รำ
ความหมายและความสำคญั ของเทคโนโลยสี ารสนเทศ

เทคโนโลยีสารสนเทศ มาจากคำภาษาอังกฤษว่า Information Technology และมีผู้
นิยมเรียกทับศัพท์ย่อว่า IT สุชาดา กีระนันท์ (2541) ให้ความหมายว่า เทคโนโลยี
สารสนเทศ หมายถึง เทคโนโลยีทุกด้านที่เข้าร่วมกัน ในกระบวนการจัดเก็บสร้าง และ
สื่อสารสนเทศ ครรชิต มาลัยวงศ์ (2539) กล่าวว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบดว้ ย
เทคโนโลยีที่สำคัญสองสาขาคือ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และ เทคโนโลยีสื่อสาร
โทรคมนาคม โดยทั่วไปแล้วเทคโนโลยีสารสนเทศจะครอบคลุมถึงเทคโนโลยีต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องกับการบันทึก จัดเก็บ ประมวลผลสืบค้น ส่งและรับข้อมูลในรูปของสื่อ
อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งรวมถึงเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์จัดเก็บ
บนั ทึกและค้นคืน เครอื ขา่ ยส่ือสาร ข้อมูล อุปกรณ์ส่ือสารและโทรคมนาคม รวมทงั้ ระบบท่ี
ควบคมุ การทำงานของอุปกรณเ์ หล่านี้
ครรชติ มาลยั วงศ์ (2541) กล่าวว่า เทคโนโลยสี ารสนเทศมคี วามสำคัญ ดังนี้

1. สามารถจัดเกบ็ ข้อมลู จากจุดเกิดได้อย่างรวดเร็ว
2. สามารถบนั ทกึ ขอ้ มูลจำนวนมากๆไวใ้ ชง้ านหรือไวอ้ ้างอิงการดำเนนิ งาน
หรอื การตัดสินใจใดๆ
3. สามารถคำนวณผลลัพธ์ต่างๆไดร้ วดเร็ว
4. สามารถสร้างผลลัพธ์ไดห้ ลากหลายรูปแบบ
5. สามารถส่งสารสนเทศ ขอ้ มูล หรอื ผลลัพธท์ ไี่ ด้จากท่ีหน่ึงไปยังอีกท่ีหนงึ่
ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว
ขอ้ มลู (data) => กลุ่มตวั อกั ษรอักขระทเ่ี มื่อนำมารวมกนั แล้วมคี วามหมายอย่างใด
อยา่ งหนึ่งและสำคญั ควรคา่ แกก่ ารจัดเก็บเพ่อื นำไปใชใ้ นโอกาศต่างๆ ข้อมูลมักเป็น

ขอ้ ความทอ่ี ธิบายถึงสิ่งใดสง่ิ หนึ่ง อาจเป็นตัวอกั ษร ตวั เลข หรือสญั ลกั ษณ์ใดๆ ที่
สามารถนำไปประมวลผลดว้ ยคอมพิวเตอร์

สารสนเทศ => ข้อมลู ข่าวสาร ความรู้ตา่ งๆ ทไ่ี ด้รบั การสรุป คำนวณ
จดั เรียงหรอื ประมวลแล้วจากขอ้ มลู ต่างๆ ทีเ่ ก่ยี วขอ้ งอยา่ งเปน็ ระบบตามหลกั วิชาการจน
ไดเ้ ป็นความรเู้ พือ่ นำมาเผยแพรแ่ ละใชป้ ระโยชนใ์ นงานด้านต่างๆ

ขอ้ มลู และสารสนเทศนับวา่ เป็นประโยชน์ต่อการนำไปใชบ้ ริหารงานดา้ นตา่ งๆ
มากมายอาทิ เช่น
ด้านการวางแผน ,ดา้ นการตดั สนิ ใจ ,ด้านการดำเนนิ งาน

เทคโนโลยแี ละสารสนเทศ
Information Technology หรือ IT คือ การประยุกต์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาใช้ในระบบ
สารสนเทศ ตั้งแต่กระบวนการจัดเก็บ ประมวลผล และการเผยแพร่สารสนเทศ เพื่อช่วย
ให้ได้สารสนเทศที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์ โดยเทคโนโลยีสารสนเทศ
อาจประกอบด้วย

- เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องใช้สำนักงาน อุปกรณ์
สื่อสารโทรคมนาคมต่างๆ รวมทั้งซอฟท์แวร์ทั้งแบบสำเร็จรูปและแบบพัฒนาข้ึนเพ่ือใช้ใน
งานเฉพาะด้าน ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้จัดเป็นเครื่องมือทันสมัย และใช้เทคโนโลยีระดับสูง
(High Technology)

- กระบวนการในการนำอุปกรณ์เคร่อื งมอื ตา่ งๆ ขา้ งต้นมาใช้งาน เพอื่ รวบรวม จดั เกบ็
ประมวลผล และแสดงผลลัพธ์เป็นสารสนเทศในรปู แบบตา่ งๆ ทีส่ ามารถนำไปใช้ประโยชน์

ไดต้ อ่ ไป เชน่ การจดั เกบ็ ข้อมูลในลักษณะของฐานขอ้ มูล เปน็ ตน้

ระบบสารสนเทศ (Information system)
ระบบสารสนเทศ (Information system) หมายถึง ระบบที่ประกอบด้วยส่วนต่างๆ

ได้แก่ ระบบคอมพิวเตอร์ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ ระบบเครือข่าย ฐานข้อมูล ผู้พัฒนา
ระบบ ผู้ใช้ระบบ พนักงานที่เกี่ยวข้อง และ ผู้เชี่ยวชาญในสาขา ทุกองค์ประกอบนี้ทำงาน
รว่ มกันเพ่ือกำหนด รวบรวม จดั เกบ็ ข้อมูล ประมวลผลข้อมูลเพื่อสร้างสารสนเทศ และส่ง
ผลลัพธ์หรือสารสนเทศที่ได้ให้ผู้ใช้เพื่อช่วยสนับสนุนการทำงาน การตัดสินใจ การ
วางแผน การบรหิ าร การควบคุม การวเิ คราะห์และตดิ ตามผลการดำเนินงานขององค์กร

ระดับของผใู้ ชร้ ะบบสารสนเทศ
ระดับของผู้ใชร้ ะบบสารสนเทศแบ่งตามลักษณะการบริหารจดั การได้ 3 ระดบั ดงั น้ี
- ระดบั สูง (Top Level Management) กล่มุ ของผู้ใชร้ ะดับนี้จะเกีย่ วขอ้ งกับ ผู้บรหิ าร

ระดับสูง มหี น้าท่กี ำหนดและวางแผนกลยทุ ธ์ขององคก์ รเพอ่ื นำไปสเู่ ปา้ หมาย โดยมีท้งั
สารสนเทศภายใน และสารสนเทศภายนอก เพื่อวิเคราะหแ์ นวโนม้ สถานการณโ์ ดยรวม ซึง่
ระบบสารสนเทศในระดบั น้ตี ้องออกแบบใหง้ ่ายและสะดวกตอ่ การใช้งาน ไม่มีความซบั ซ้อน

หรือยุ่งยาก แสดงผลทางดา้ นกราฟฟคิ บ้าง ต้องตอบสนองท่ีรวดเรว็ และทนั ทว่ งทีดว้ ย
เชน่ กัน

- ระดบั กลาง (Middle Level Management) เกี่ยวข้องกบั กลุ่มผู้ใช้งานระดับการบรหิ าร
และจัดการองคก์ ร ซึ่งมหี น้าทีร่ ับนโยบายมาจากผบู้ ริหารระดบั สูง นำมาสานต่อให้บรรลุ
ตามเป้าหมายทก่ี ำหนดไว้ ดว้ ยการใชห้ ลักบริหารและจดั การอย่างมปี ระสิทธภิ าพ ระบบ
สารสนเทศทีใ่ ชม้ ักได้มาจากแหลง่ ข้อมูลภายใน ระบบสารสนเทศจงึ ต้องมีการจัดอันดบั
ทางเลอื กแบบต่างๆไว้ โดยเลือกใช้ค่าทางสถติ ิชว่ ยพยากรณ์หรอื ทำนายทศิ ทางไวด้ ว้ ย
หากระดับของการตัดสินใจนัน้ มีความซับซอ้ นหรือย่งุ ยากมากเกินไป

- ระดับปฏบิ ตั กิ าร (Operation Level Management) ผู้ใช้กลมุ่ น้ีจะเกี่ยวข้องกับการผลิต
หรอื การปฏิบตั ิงานหลักขององคก์ ร เช่น การผลติ หรือประกอบสนิ ค้า งานทั่วไปท่ไี ม่
จำเป็นตอ้ งใชก้ ารวางแผนหรอื ระดับการตัดสินใจมากนัก ข้อมูลหรอื สารสนเทศในระดบั น้ี
จะถูกนำไปประมวลผลในระดบั กลางและระดบั สงู ต่อไป

ประเภทของระบบสารสนเทศ
ปจั จบุ ันจะเหน็ ความสมั พนั ธ์ระหว่างองค์กร กบั ระบบสารสนเทศ และเทคโนโลยี

สารสนเทศชดั เจนมากขึ้น และเนอ่ื งจากการบรหิ ารงานในองค์กรมีหลายระดับ กจิ กรรม
ขององค์กรแต่ละประเภทอาจจะแตกต่างกัน ดงั น้นั ระบบสารสนเทศของแตล่ ะองคก์ รอาจ
แบง่ ประเภทแตกต่างกันออกไป

พิจารณาจำแนกระบบสารสนเทศตามการสนบั สนนุ ระดับการทำงานในองค์กร จะแบ่ง
ระบบสารสนเทศไดเ้ ปน็ 6 ประเภท ดังน้ี (Laudon & Laudon, 2001)

1. ระบบประมวลผลรายการ (Transaction Processing Systems - TPS) เป็นระบบที่ทำ
หน้าที่ในการปฏิบัติงานประจำ ทำการบันทึกจัดเก็บ ประมวลผลรายการที่เกิดขึ้นในแต่ละ
วนั โดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์ทำงานแทนการทำงานด้วยมือ ทั้งน้ีเพื่อที่จะทำการสรุปข้อมูล
เพื่อสร้างเป็นสารสนเทศ ระบบประมวลผลรายการนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นระบบที่เชื่อมโยง
กิจการกับลูกค้า ตัวอย่าง เช่น ระบบการจองบัตรโดยสารเครื่องบิน ระบบการฝากถอน
เงนิ อัตโนมัติ เป็นต้น ในระบบต้องสรา้ งฐานข้อมูลที่จำเปน็ ระบบน้มี ักจัดทำเพื่อสนองความ
ต้องการของผู้บริหารระดับต้นเป็นส่วนใหญ่เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานประจำได้ ผลลัพธ์
ของระบบนี้ มกั จะอยใู่ นรูปของ รายงานท่มี รี ายละเอยี ด รายงานผลเบอื้ งต้น

2. ระบบสำนักงานอัตโนมัติ (Office Automation Systems- OAS) เป็นระบบที่สนับสนุน
งานในสำนักงาน หรืองานธุรการของหน่วยงาน ระบบจะประสานการทำงานของบุคลากร
รวมทั้งกับบุคคลภายนอก หรือหน่วยงานอื่น ระบบนี้จะเกี่ยวข้องกับการจัดการเอกส าร
โดยการใช้ซอฟท์แวร์ด้านการพิมพ์ การติดต่อผ่านระบบไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
ผลลัพธข์ องระบบน้ี มักอยู่ในรูปของเอกสาร กำหนดการ สิ่งพิมพ์

3. ระบบงานสรา้ งความรู้ (Knowledge Work Systems - KWS) เปน็ ระบบท่ีชว่ ยสนบั สนุน
บุคลากรที่ทำงานด้านการสร้างความรู้เพื่อพัฒนาการคิดค้น สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ บริการ
ใหม่ ความรู้ใหม่เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในหน่วยงาน หน่วยงานต้องนำเทคโนโลยี
สารสนเทศเขา้ มาสนับสนนุ ให้การพัฒนาเกิดขึ้นได้โดยสะดวก สามารถแขง่ ขนั ไดท้ ้ังในดา้ น
เวลา คุณภาพ และราคา ระบบต้องอาศัยแบบจำลองที่สร้างขึ้น ตลอดจนการทดลองการ
ผลิตหรือดำเนินการ ก่อนที่จะนำเข้ามาดำเนินการจริงในธุรกิจ ผลลัพธ์ของระบบนี้ มักอยู่
ในรูปของ สง่ิ ประดษิ ฐ์ ตวั แบบ รูปแบบ เป็นต้น

4. ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ (Management Information Systems- MIS) เป็น
ระบบสารสนเทศสำหรับผู้ปฏิบัติงานระดบั กลาง ใชใ้ นการวางแผน การบริหารจัดการ และ
การควบคุม ระบบจะเชื่อมโยงข้อมูลที่มีอยู่ในระบบประมวลผลรายการเข้าด้วยกัน เพื่อ

ประมวลและสร้างสารสนเทศที่เหมาะสมและจำเป็นต่อการบริหารงาน ตัวอย่าง เช่น ระบบ
บริหารงานบุคลากร ผลลัพธ์ของระบบนี้ มักอยู่ในรูปของรายงานสรุป รายงานของสิ่ง
ผิดปกติ

5. ระบบสนับสนุนการตัดสินใจ (Decision Support Systems – DSS) เป็นระบบที่ช่วย
ผู้บริหารในการตัดสินใจสำหรับปัญหา หรือที่มีโครงสร้างหรือขั้นตอนในการหาคำตอบที่
แน่นอนเพียงบางส่วน ข้อมูลที่ใช้ต้องอาศัยทั้งข้อมูลภายในกิจการและภายนอกกิจการ
ประกอบกนั ระบบยังตอ้ งสามารถเสนอทางเลือกใหผ้ ู้บริหารพิจารณา เพอ่ื เลือกทางเลือกท่ี
เหมาะสมที่สุดสำหรับสถานการณ์นั้น หลักการของระบบ สร้างขึ้นจากแนวคิดของการใช้
คอมพิวเตอร์ช่วยการตัดสินใจ โดยให้ผู้ใช้โต้ตอบโดยตรงกับระบบ ทำให้สามารถ
วิเคราะห์ ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขและกระบวนการพิจารณาได้ โดยอาศัยประสบการณ์ และ
ความสามารถของผู้บริหารเอง ผู้บริหารอาจกำหนดเงื่อนไขและทำการเปลี่ยนแปลง
เงื่อนไขต่างๆ ไปจนกระทั่งพบสถานการณ์ที่เหมาะสมที่สุด แล้วใช้เป็นสารสนเทศที่ช่วย
ตัดสินใจ รปู แบบของผลลัพธ์ อาจจะอยู่ในรูปของ รายงานเฉพาะกิจ รายงานการวิเคราะห์
เพอ่ื ตดั สินใจ การทำนาย หรอื พยากรณ์เหตกุ ารณ์

6. ระบบสารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับสูง ( Executive Information System -
EIS) เป็นระบบที่สร้างสารสนเทศเชิงกลยุทธ์สำหรับผู้บริหารระดับสูง ซึ่งทำหน้าที่กำหนด
แผนระยะยาวและเป้าหมายของกิจการ สารสนเทศสำหรับผู้บริหารระดับสูงนี้จำเป็นต้อง
อาศัยข้อมูลภายนอกกิจกรรมเป็นอย่างมาก ยิ่งในยุคปัจจุบันที่เป็นยุค Globalization ข้อมูล
ระดับโลก แนวโน้มระดับสากลเป็นข้อมูลท่จี ำเปน็ สำหรับการแข่งขนั ของธรุ กิจ ผลลัพธ์ของ
ระบบนี้ มกั อยู่ในรูปของการพยากรณ/์ การคาดการณ์
องคป์ ระกอบของระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศ
มดี ังต่อไปน้ี

1.เทคโนโลยคี อมพวิ เตอร์
คอมพวิ เตอร์เป็นเครื่องมืออิเลก็ ทรอนกิ ส์ท่ีสามารถจดจำข้อมูลต่างๆ และปฏิบตั ติ าม
คำส่ังท่ีบอกเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานอย่างใดอย่างหนึ่ง ในคอมพิวเตอร์น้ันประกอบด้วย

อปุ กรณ์ต่างๆ ต่อเชื่อมกันเรียกว่า Hardware และอปุ กรณ์ Hardware น้ีจะต้องทำงานร่วมกับ
โปรแกรมคอมพวิ เตอรห์ รอื เรียกวา่ Software

Hardware --- > อุปกรณ์รับข้อมูล (Input) , หน่วยประมวลผลกลาง , อุปกรณ์ส่ง
ขอ้ มูล (Output) ,หนว่ ยความจำหลกั ,หน่วยความจำรอง
ขน้ั ตอนที่ 1 การรับข้อมลู และคำสง่ั คอมพวิ เตอรร์ ับขอ้ มูลและคำสงั่ ผ่านอปุ กรณ์นำเข้า
ขอ้ มลู คอื เมาส์ คียบ์ อร์ด สแกนเนอร์ ไมโครโฟน ฯลฯ

ขนั้ ตอนท่ี 2 การประมวลผลหรือคิดคำนวณ ขอ้ มูลทคี่ อมพวิ เตอร์รับเข้ามา จะ
ถูกประมวลผลโดยการทำงานของหน่วยประมวลผลกลาง (CPU: Central Processing
Unit) ตามคำสงั่ ของโปรแกรม หรือซอฟตแ์ วร์ การประมวลผลข้อมลู เช่น นำข้อมูลมาบวก
ลบ คูณ หาร ทำการเรยี งลำดับข้อมูล นำขอ้ มลู มาจดั กล่มุ นำข้อมูลมาหาผลรวม เปน็ ต้น

ขนั้ ตอนท่ี 3 การแสดงผลลัพธ์ คอมพวิ เตอร์จะแสดงผลลัพธข์ องขอ้ มลู ท่ีป้อน
หรอื แสดงผลจากการประมวลผล ทางจอภาพ (Monitor) เครอื่ งพมิ พ์ (Printer) หรอื
ลำโพง

ขน้ั ตอนท่ี 4 การเก็บขอ้ มลู คอมพวิ เตอรจ์ ะทำการเก็บผลลพั ธจ์ ากการ
ประมวลผลไว้ในหน่วยเกบ็ ขอ้ มูล เช่น ฮารด์ ดสิ ก์ แผน่ บันทึกข้อมลู (Floppy disk) ซีดรี อม
เพอ่ื ใหส้ ามารถนำมาใชใ้ หมไ่ ดใ้ นอนาคต

Software --- >ซอฟตแ์ วร์ระบบ และ ซอฟตแ์ วรป์ ระยุกต์
ซอฟตแ์ วรร์ ะบบ => มีหนา้ ท่ีควบคุมระบบต่างๆ ภายในคอมพิวเตอร์ และเปน็
ตวั กลางระหว่างผู้ใช้กับคอมพวิ เตอรห์ รือ Hardware
ซอฟตแ์ วรป์ ระยุกต์ => เป็นโปรแกรมทเี่ ขียนขึน้ เพือ่ ทำงานเฉพาะด้านตามความ
ตอ้ งการของผู้ใช้งาน
ซอฟตแ์ วรร์ ะบบปฏบิ ตั กิ าร (Operating System Software-OS) หมายถึง ซอฟต์แวร์หรอื
โปรแกรมที่ควบคุมการทำงานทั้งหมดของเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ โดยคอมพวิ เตอร์ทุกเครอ่ื ง
จะตอ้ งมรี ะบบปฏบิ ัตกิ ารอยา่ งใดอย่างหนง่ึ เสมอ ระบบปฏบิ ัตกิ ารยอดนิยมในปจั จบุ นั
คือ Windows 95, Windows 98, Windows 2000,Windows Me, Windows XP, Linux, DOS เปน็ ตน้

ซอฟตแ์ วรป์ ระยกุ ต์ (Application Software) หมายถงึ โปรแกรมท่เี ขียนขนึ้ มาเพื่อสั่งให้
เครอ่ื งคอมพิวเตอรท์ ำงานเฉพาะดา้ น เช่น โปรแกรมระบบบญั ชี โปรแกรมออกแบบ
โปรแกรมสำเร็จรูปต่างๆ เชน่ Microsoft Word, Excel, PowerPoint เปน็ ตน้

2. เทคโนโลยสี อื่ สารโทรคมนาคม
เทคโนโลยสี ่อื สารโทรคมนาคมใช้ในการตดิ ตอ่ ส่อื สาร รบั /สง่ ขอ้ มูลจากทไ่ี กลๆ
เปน็ การส่งของข้อมลู ระหว่างคอมพิวเตอร์หรือเคร่ืองมือท่ีอยูห่ า่ งไกลกัน ซง่ึ จะช่วยให้การ
เผยแพร่ข้อมูลหรือสารสนเทศไปยังผใู้ ช้ในแหลง่ ต่างๆ เปน็ ไปอยา่ งสะดวก รวดเร็ว
ถูกต้อง ครบถ้วน และทันการณ์ ซ่งึ รูปแบบของขอ้ มูลท่ี รับ/ส่ง อาจเป็นตวั เลข (Numeric
Data) , ตวั อกั ษร (Text) , ภาพ (Image) และเสยี ง (Voice)

ววิ ฒั นาการของคอมพวิ เตอร์
นับตัง้ แต่มีการประดษิ ฐ์คอมพวิ เตอร์เครือ่ งแรกมาจนกระทง่ั ปัจจุบัน เราสามารถ

แบง่ ยคุ ของการพัฒนาคอมพิวเตอรอ์ อกเปน็ ยคุ ต่างๆ ได้ 5 ยคุ โดยพจิ ารณาจาก
เทคโนโลยีท่ใี ชใ้ นการสร้างเครอ่ื งคอมพิวเตอร์

คอมพวิ เตอรย์ คุ ท่ี 1 เปน็ คอมพวิ เตอร์ท่ีใช้งานในชว่ ง ค.ศ 1951 - 1958 เป็น
คอมพวิ เตอรท์ ี่ใชห้ ลอดสูญญากาศ (Vacuun Tube) ขนาดใหญ่ ตอ้ งใช้พลงั งานไฟมากใน
การทำงานการใชง้ านยาก ราคาแพง มปี ัญหาเร่ืองความร้อนและไส้หลอดขาดบ่อย ถึงแม้
จะมีระบบระบายความร้อนทดี่ ีมาก การสัง่ งานใช้ภาษาเครอ่ื งซ่ึงเปน็ รหสั ตวั เลขทยี่ ุง่ ยาก
ซบั ซ้อน เครื่องคอมพิวเตอร์ของยุคนม้ี ีขนาดใหญโ่ ต เช่น มารค์ วัน (MARK I), อนี แิ อค
(ENIAC), ยนู แิ วค (UNIVAC)

คอมพวิ เตอรย์ คุ ท่ี 2 เป็นคอมพิวเตอรท์ ใ่ี ช้งานในชว่ ง ค.ศ 1959 - 1964 เป็น
คอมพวิ เตอรท์ ใี่ ช้ทรานซิสเตอรทพ่ี ฒั นาโดยเทคโนโลยสี ารกึ่งตวั นำ นำมาใช้แทนหลอด
สญุ ญากาศทำใหค้ อมพวิ เตอร์ มอี ุปกรณ์เกบ็ ขอ้ มูลสำรองในรปู ของส่อื บนั ทึกแมเ่ หลก็ เชน่
จานแมเ่ หลก็ สว่ นทางดา้ นซอฟต์แวร์กม็ กี ารพัฒนาดีขนึ้ โดยสามารถเขียนโปรแกรมด้วย
ภาษาระดบั สงู ซงึ่ เป็นภาษาที่เขยี นเป็นประโยคทค่ี นสามารถเข้าใจได้ เชน่ ภาษาฟอรแ์ ทน
ภาษาโคบอล เปน็ ตน้ ภาษาระดบั สูงนีไ้ ด้มีการพัฒนาและใช้งานมาจนถงึ ปัจจบุ นั

คอมพวิ เตอรย์ คุ ที่ 3 เป็นคอมพิวเตอรท์ ี่ใช้ในช่วง ค.ศ 1965 - 1971 เป็น
คอมพิวเตอรท์ สี่ รา้ งจากอุปกรณ์ ท่ีเรียกวา่ วงจรรวม (Integrated Circuit) วงจรรวมเปน็
วงจรทนี่ ำเอาทรานซสิ เตอร์หลายๆตัวมาประดิษฐร์ วามบนช้ินส่วนเดียวกนั ทำใหข้ นาดของ
คอมพิวเตอรเ์ ล็กลง และราคากถ็ ูกลงกว่าเดมิ ทางดา้ นซอฟตแ์ วรก์ ็มรี ะบบควบคมุ ทีม่ ี
ความสามารถสงู ท้ังในรูประบบแบง่ เวลาการทำงานใหก้ บั งานหลาย ๆ อย่าง

คอมพวิ เตอรย์ คุ ที่ 4 เป็นคอมพวิ เตอรท์ ่ีใช้งานในชว่ ง ค.ศ 1972 - 1980 เปน็
คอมพวิ เตอรท์ ่ใี ช้วงจรรวมขนาดใหญ่ขึ้นที่รวมการทำงานของทรานซิสเตอร์จำนวนมากขน้ึ
ไวบ้ นชน้ิ สว่ นเดยี ว ทำใหค้ อมพวิ เตอร์มขี นาดเล็กลงเปน็ คอมพิวเตอร์ต้ังโต๊ะท่เี ราเห็นกันทวั้
ไป

คอมพวิ เตอรย์ คุ ท่ี 5 เป็นคอมพิวเตอร์ทใ่ี ช้งานตั้งแต่ ค.ศ 1981 จนถงึ ปจั จุบัน
คอมพวิ เตอรใ์ นยุคน้ี ได้พฒั นาจนมคี วามแตกต่างไปจากคอมพวิ เตอร์ในยุคก่อนหน้านมี้ าก
ท้ังขนาดคณุ ภาพ ประสิทธภิ าพความสะดวกและความหลากหลายในการใช้งาน เชน่
คอมพวิ เตอร์ทีส่ ามารถใช้ดหู นัง ฟังเพลง เลน่ เกม เปน็ ต้น และความสามารถอกี หลาย
อยา่ งท่ีอยู่ระหว่างการพัฒนา เช่น การรับร้คู ำส่งั ดว้ ยเสียงพูดหรอื ประโยคท่เี ปน็ ภาษา
มนษุ ย์ คอมพวิ เตอรท์ ี่สามารถเรียนร้คู ิดตัดสนิ ใจเช่นเดยี วกันมนุษย์

ชนดิ ของคอมพวิ เตอร์

เคร่ืองคอมพวิ เตอร์ในปัจจบุ นั สามารถแบง่ เปน็ ประเภทต่างๆ โดยใชค้ วาม
แตกต่างจากขนาดของเครือ่ ง ความเรว็ ในการประมวลผล รวมทั้งราคาเป็นหลกั ซ่ึงแบง่
ได้เป็นดังน้ี คือ
1. ซเู ปอรค์ อมพวิ เตอร์ Super Computer

เครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบนั สามารถแบ่งเป็นประเภทต่างๆ โดยใชค้ วาม
แตกต่างจากขนาดของเครื่อง
ความเรว็ ในการประมวลผล รวมทั้งราคาเปน็ หลัก ซึ่งแบง่ ได้เปน็ ดงั น้ี คอื

หมายถงึ คอมพิวเตอรเ์ ครอ่ื งใหญท่ ่มี ีสมรรถนะสูง มีความเรว็ ในการทำงาน และ
ประสิทธภิ าพสงู สดุ เมอ่ื เปรียบเทียบกบั คอมพิวเตอร์ชนดิ อน่ื ๆ มรี าคาแพงมาก มีขนาดใหญ่
สามารถคำนวณทางคณิตศาสตร์ได้หลายแสนล้านคร้งั ตอ่ วินาที และได้รบั การออกแบบ
เพ่ือให้ใชแ้ กป้ ัญหาขนาดใหญ่มากได้อย่างรวดเร็ว เชน่ การพยากรณอ์ ากาศล่วงหน้าเปน็
เวลาหลายวัน งานควบคมุ ขปี นาวุธ งานควบคมุ ทางอวกาศ งานประมวลผลภาพทาง
การแพทย์ งานดา้ นวิทยาศาสตร์เคมี งานทำแบบจำลองโมเลกลุ ของสารเคมี งานด้าน
วิศวกรรมการออกแบบ งานวเิ คราะห์โครงสร้างอาคารท่ซี ับซ้อน ซง่ึ หากใชค้ อมพวิ เตอร์
ชนิดอนื่ ๆ แก้ไขปัญหาประเภทนี้ อาจจะตอ้ งใช้เวลาในการคำนวณหลายปีกว่าจะเสรจ็ สน้ิ
ในขณะที่ซเู ปอร์คอมพิวเตอรส์ ามารถแก้ไขปญั หาไดภ้ ายในเวลาไม่ก่ีชว่ั โมงเท่านั้น

ซเู ปอร์คอมพวิ เตอรจ์ งึ มีหนว่ ยความจำท่ีใหญม่ ากๆ สามารถทำงานหลายอยา่ ง
ได้พร้อมๆ กัน โดยทง่ี านเหลา่ น้ันอาจจะเปน็ งานที่แตกตา่ งกนั อาจจะเปน็ งานใหญท่ ถ่ี กู
แบ่งย่อยไปให้หนว่ ยประมวลผลแต่ละตัวทำงานก็ได้ และยงั ใช้โครงสรา้ งการคำนวณแบบ
ขนานทเ่ี รยี กวา่ เอ็มพพี ี (Massively Parallel Processing : MPP) ซ่ึงเปน็ การคำนวณทีก่ ระทำ
กบั ขอ้ มูลหลายๆ ตัวหรอื หลายๆ งานในเวลาเดียวกันไดพ้ ร้อมๆ กนั เป็นจำนวนมาก ทำให้
มีความสามารถในการทำงานแบบมัลติโปรเซสซงิ (Multiprocessing) หรือความสามารถใน
การทำงานหลายงานพรอ้ มๆกันได้ ดังน้ัน จงึ มีผู้เรยี กอกี ชื่อหน่ึงวา่ คอมพวิ เตอรส์ มรรถนะ
สงู (High Performance Computer)

ความเรว็ ในการคำนวณของซเู ปอรค์ อมพิวเตอร์จะมีการวดั หน่วยเปน็ นาโน
วินาที (nanosecond) หรอื เศษหน่ึงส่วนพันล้านวินาที และ กกิ ะฟลอป (gigaflop) หรอื การ
คำนวณหน่งึ พนั ลา้ นคร้งั ในหนงึ่ วินาที ปัจจบุ ันประเทศไทย มเี ครอ่ื งซเู ปอร์
คอมพวิ เตอร์ Cray YMP ใชใ้ นงานวิจัย อย่ทู ่หี ้องปฏบิ ตั กิ ารคอมพวิ เตอร์สมรรถภาพสงู
(HPCC) ศูนย์เทคโนโลยีอเิ ล็กทรอนกิ ส์ และคอมพวิ เตอร์แหง่ ชาติ ผู้ใช้เป็นนักวจิ ัยด้าน
วิศวกรรม และวิทยาศาสตร์ทัว่ ประเทศ
2. เมนเฟรมคอมพวิ เตอร์ Mainframe Computer

หมายถึง เคร่ืองคอมพิวเตอร์ขนาดใหญท่ ่มี สี มรรถนะสูง แตย่ ังตา่ กว่าซูเปอร์
คอมพิวเตอร์ มีความเร็วสูงมาก มหี น่วยความจำขนาดมหึมา เมนเฟรมคอมพิวเตอร์
สามารถใหบ้ ริการผ้ใู ช้จำนวนหลายร้อยคน ท่ใี ช้โปรแกรมทแ่ี ตกต่างกนั นบั ร้อยพรอ้ มๆ
กนั ได้ เหมาะกับการใช้งานทงั้ ในด้านวิศวกรรม วิทยาศาสตร์ และธรุ กิจ โดยเฉพาะงานท่ี
เกย่ี วข้องกบั ข้อมูลจำนวนมากๆ

เครอ่ื งเมนเฟรมได้รบั การพัฒนาให้มหี น่วยประมวลผลหลายหน่วยพร้อมๆ กนั เช่นเดียวกบั
ซูเปอรค์ อมพิวเตอร์ แต่จะมจี ำนวนหน่วยประมวลท่ีนอ้ ยกวา่ และเคร่ืองเมนเฟรมจะวัด

ความเรว็ อยู่ในหน่วยของ เมกะฟลอป (Megaflop) หรือการคำนวณหน่ึงล้านคร้ังในหนงึ่
วนิ าที
3. มนิ คิ อมพวิ เตอร์

หมายถึง เครอื่ งคอมพวิ เตอรข์ นาดกลาง มสี มรรถนะตา่ กวา่ เคร่อื งเมนเฟรม แต่
สงู กว่าเวิรค์ สเตชัน จุดเด่นที่สำคญั คอื ราคาย่อมเยากวา่ เมนเฟรม และการใช้งานใช้
บคุ ลากรไม่มากนกั มนิ ิคอมพวิ เตอรเ์ รมิ่ พัฒนาขน้ึ ใน ค.ศ. 1960 ต่อมาบริษทั Digital
Equipment Corporation หรือ DEC ได้ ประกาศตวั มนิ ิ คอมพิวเตอร์ DEC PDP-8 (Programmed
Data Processor) ในปี ค.ศ.1965

ซ่งึ ได้รบั ความนยิ มจากบริษัทหรือองค์กรทมี่ ขี นาดกลาง เพราะมรี าคาถูกกว่าเครอื่ ง
เมนเฟรมมากเครอ่ื งมินิ คอมพิวเตอร์ใชห้ ลักการของมัลติโปรแกรมมิงเชน่ เดียวกับเครื่อง
เมนเฟรม โดยจะสามารถรองรับผู้ใช้ได้นบั ร้อยคนพรอ้ มๆกนั แต่เคร่ืองมินคิ อมพิวเตอรจ์ ะ
ทำงานได้ช้ากว่า การควบคุมผใู้ ช้งานตา่ งๆ ทำน้อยกวา่ สอื่ ท่ีเก็บข้อมูลมคี วามจุไม่สงู เท่า
เมนเฟรม

การทำงานบนเครอ่ื งเมนเฟรมหรอื มนิ ิคอมพิวเตอร์ ผใู้ ช้จะสามารถควบคุมการรับ
ข้อมลู และดกู ารแสดงผลบนจอภาพไดเ้ ท่านนั้ ไม่สามารถควบคุมอปุ กรณ์รอบข้างอน่ื ๆ ได้
แต่การใชร้ ะบบคอมพิวเตอร์ ชนดิ ที่มผี ใู้ ชค้ นเดยี วนน้ั ผใู้ ชส้ ามารถควบคุมอุปกรณร์ อบข้าง
ต่างๆ ไดท้ ้ังหมด ไม่วา่ จะเป็นหน่วยรับขอ้ มูลหนว่ ยประมวลผล หน่วย แสดงผล ตลอดจน
หนว่ ยเกบ็ ข้อมลู สำรอง สามารถเลือกใชโ้ ปรแกรมได้ โดยไม่ตอ้ งกังวลวา่ จะต้องไปแย่ง
เวลาการเรียกใช้ข้อมูลกบั ผ้ใู ชอ้ ื่น
4. เวริ ค์ สเตชน่ั และไมโครคอมพวิ เตอร์

คอมพิวเตอร์สำหรบั ผใู้ ช้คนเดยี ว สามารถแบง่ ออกเปน็ สองรุ่น คือ เวริ ค์ สเตชัน
หมายถึง คอมพวิ เตอรข์ นาดเลก็ ทถ่ี ูกออกแบบมาให้เปน็ คอมพวิ เตอรแ์ บบต้งั โต๊ะ สามารถ
ทำงานพรอ้ มกันได้หลายงาน และประมวลผลเร็วมาก มคี วามสามารถในการคำนวณด้าน
วิศวกรรม สถาปัตยกรรม หรืองานอนื่ ๆ ทีเ่ นน้ การแสดงผลด้านกราฟิก เช่น นำมาช่วยใน
โรงงานอุตสาหกรรมเพื่อออกแบบชิ้นส่วน เปน็ ต้น ซง่ึ จากการท่ีต้องทำงานกราฟิกที่มีความ
ละเอยี ดสงู ทำให้เวิร์คสเตชันใช้หน่วยประมวลผลทมี่ ปี ระสิทธภิ าพมาก รวมท้ังมีหนว่ ยเก็บ
ขอ้ มูลสำรองจำนวนมากดว้ ย เวิร์คสเตชันสว่ นมากใช้ชปิ ประเภท RISC (Reduce instruction
set computer) ซึ่งเปน็ ชิปท่ีลดจำนวนคำสัง่ ทีส่ ามารถใช้สั่งงานใหเ้ หลือเฉพาะที่จำเปน็
เพ่ือให้สามารถทำงานได้ด้วยความเร็วสูง

ไมโครคอมพวิ เตอร์ หมายถงึ คอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก และใช้งานคนเดียว เรยี ก
อีกชื่อหน่ึงวา่ คอมพวิ เตอรส์ ว่ นบุคคล (Personal Computer) จดั วา่ เป็นเครื่องคอมพวิ เตอร์
ขนาดเลก็ ทั้งระบบใช้งานคร้ังละคนเดยี ว หรือใช้งานในลักษณะเครอื ขา่ ย แบง่ ไดห้ ลาย
ลกั ษณะตามขนาด เชน่ เคร่ืองคอมพวิ เตอรส์ ่วนบคุ คลแบบตงั้ โตะ๊ (Personal Computer) หรอื
แบบพกพา (Portable Computer)


Click to View FlipBook Version