หนงั สืออิเลก็ ทรอนกิ ส์....E-Book
เร่อื ง ประเภทของวงดนตรีไทย
นางสาวไหมฟาง พรายอินทร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะ
โรงเรียนเทศบาลวัดขจรรังสรรค์
ประเภทของวงดนตรีไทย
วงปีพ่ าทย์
เป็นวงดนตรที ป่ี ระกอบด้วยเครื่องดนตรีประเภทเครื่องตแี ละเครื่องเป่าใหเ้ สียงดงั กังวาน ปลุกใจให้ร้สู ึกฮกึ เหิม มี
เครือ่ งดนตรพี ้นื ฐานเปน็ ตน้ แบบ คอื
วงปี่พาทย์เคร่อื งหา้
มเี คร่อื งดนตรที ผ่ี สมในวง โดยมีวธิ บี รรเลงและหนา้ ท่ีต่างๆ กันดงั นี้
๑. ปีใ่ น เดนิ ทานองถ่ๆี บ้าง โหยหวนเป็นเสียงยาวบ้าง มหี นา้ ท่ีดาเนนิ ทานองและชว่ ยนาวงดว้ ย
๒. ระนาดเอก ตพี รอ้ มกนั ๒ มอื เปน็ คู่ ๘ เดินทานองเก็บถๆ่ี โดยตลอด มีหนา้ ทเี่ ป็นผนู้ าวง
๓. ฆ้องวงใหญ่ ตพี รอ้ มกัน ๒ มือบา้ ง ตมี ือละลกู บา้ ง มีหนา้ ท่ดี าเนินทานองเนื้อเพลง เป็นหลกั ของวง
๔. ตะโพน ตีมอื ละหนา้ ใหเ้ สียงสอดสลบั กัน มีหนา้ ทก่ี ากับจังหวะหนา้ ทบั ให้รวู้ รรคตอน ของเพลง
และเปน็ ผู้นากลองทัดด้วย
๕. กลองทดั ตีหา่ งบ้างถบ่ี ้าง ตามแบบแผนของแต่ละเพลง
๖. ฉงิ่ โดยปกตติ สี ลบั กนั ให้ดงั ฉิง่ ทหี นง่ึ ดังฉับทีหนึง่ โดยสมา่ เสมอ มหี น้าท่กี ากับจงั หวะ ยอ่ ย
รจู้ งั หวะเบาจังหวะหนกั
วงปพ่ี าทยเ์ ครือ่ งคู่
มีเครือ่ งดนตรีทีผ่ สมเปน็ วงดังน้ี
๑. ปใี่ น (วธิ ีเปา่ และหน้าทีเ่ หมือนในวงปี่พาทย์เครื่องหา้ )
๒. ระนาดเอก (วิธตี ีและหน้าท่เี หมอื นในวงปีพ่ าทย์เครื่องห้า)
๓. ระนาดทมุ้ ตีพร้อมกนั ท้งั สองมือบ้าง ตีมือละลกู บ้าง และมือละหลายๆ ลูกบ้าง มี หน้าทีส่ อดแทรก
หยอกลอ้ ย่วั เย้า ไปกับทานองให้สนุกสนาน
๔. ฆ้องวงใหญ่ (วิธตี ีและหนา้ ทีเ่ หมือนในวงปีพ่ าทยเ์ ครื่องหา้ )
๕. ฆ้องวงเล็ก ตีเกบ็ ถีๆ่ มือละลกู บา้ ง มือละหลายๆ ลูกบ้าง มหี น้าทีส่ อดแทรกทานอง ในทางเสียงสงู
๖. ตะโพน (วิธตี ีและหนา้ ทเ่ี หมอื นในวงปีพ่ าทยเ์ ครือ่ งห้า)
๗. กลองทัด (วิธตี ีและหนา้ ทีเ่ หมือนในวงปีพ่ าทย์เครื่องหา้ )
๘. ฉิ่ง (วิธตี ีและหนา้ ท่เี หมอื นในวงปีพ่ าทย์เครื่องห้า)
ปี่พาทยเ์ ครื่องค่นู ี้ เกิดขึ้นในสมัยรชั กาลท่ี ๓ แหง่ กรงุ รตั นโกสินทร์
วงปพ่ี าทย์เครื่องใหญ่
มีเครื่องดนตรีผสมอยูใ่ นวงดังน้ี
๑. ปใี่ น (วธิ ีเปา่ และหน้าที่เหมือนในวงปีพ่ าทยเ์ ครื่องห้า)
๒. ระนาดเอก (วิธตี ีและหนา้ ทีเ่ หมือนในวงปีพ่ าทยเ์ ครือ่ งห้า)
๓. ระนาดทุม้ (วิธตี ีและหนา้ ทีเ่ หมือนในวงปี่พาทย์เครื่องค)ู่
๔. ระนาดเอกเหล็ก ตีพร้อมกันท้ังสองมือ เปน็ คู่ ๘ เดนิ ทานองถีๆ่ บา้ ง ตีกรอบ้าง เหมือนระนาดเอก
แตม่ ีหนา้ ทเ่ี พียงชว่ ยใหเ้ สียงกระห่มึ ขึ้นเท่าน้ัน ไมม่ ีหนา้ ท่เี ปน็ ผนู้ าวง
๕. ระนาดทุ้มเหลก็ ตีมอื ละลูก หรือหลายๆ ลูก เดินทานองห่างๆ มีหนา้ ทีย่ ว่ั เยา้ ทานองเพลงห่างๆ
๖. ฆอ้ งวงใหญ่ (วิธตี ีและหนา้ ท่เี หมอื นในวงปี่พาทย์เครือ่ งหา้ )
๗. ฆอ้ งวงเลก็ (วธิ ีตแี ละหนา้ ทีเ่ หมือนในวงปี่พาทยเ์ ครือ่ งคู)่
๘. ตะโพน (วิธตี ีและหน้าทีเ่ หมือนในวงปี่พาทยเ์ ครือ่ งหา้ )
๙. กลองทดั (วิธีตีและหนา้ ทีเ่ หมือนในวงปีพ่ าทยเ์ ครือ่ งหา้ )
๑๐. ฉิง่ (วิธตี ีและหนา้ ที่เหมือนในวงปีพ่ าทยเ์ ครือ่ งหา้ )
วงปี่พาทยเ์ ครือ่ งใหญน่ ี้ เกิดข้นึ ในสมัยรัชกาลท่ี ๔ แหง่ กรุงรตั นโกสินทร์
ในวงปี่พาทย์ทัง้ เครื่องห้า เครื่องคู่ และเครือ่ งใหญ่นี้ ถา้ การบรรเลงบางเพลงเห็นควรมฉี าบ เลก็ ฉาบ
ใหญ่ หรือ โหมง่ ก็นามาผสมกันได้ โดยมีหนา้ ทีด่ ังนี้
ฉาบเลก็ ตีไดท้ ง้ั ให้ข้างๆ กระทบกัน หรือ ตี ๒ ฝาเข้าประกบกนั มีหนา้ ทีห่ ยอกลอ้ ยั่วเย้าไปกบั ฉิ่ง หรือ
ให้สอดคล้องกับทานองเพลง
ฉาบใหญ่ ตี ๒ ฝาเข้าประกบกนั ตามจังหวะห่างๆ มีหน้าทีช่ ่วยกากบั จงั หวะหา่ งๆ ถา้ เป็นเพลงสาเนียง
จีนกต็ ีให้เข้ากับทานอง
โหมง่ ตีตรงปุม่ ด้วยไม้ตีตามจงั หวะห่างๆ มีหน้าที่ควบคุมจงั หวะหา่ งๆ วงปี่พาทยเ์ ครื่องใหญ่
วงปี่พาทย์เครือ่ งใหญ่ การบรรเลงปีพ่ าทย์นี้ โดยปกติระนาดเอกและฆอ้ งวงใหญ่จะใชไ้ มแ้ ขง็ ตี แตถ่ ้า
ต้องการให้ มีเสียงน่มุ นวล ก็เปลี่ยนไม้ตีเป็นไม้นวมเสียท้งั สองอยา่ ง เรียกวา่ "ปี่พาทยไ์ ม้นวม" ถา้ บรรเลง
ประกอบการขบั เสภา ซึง่ มีร้องส่ง กเ็ อาตะโพน และกลองทดั ออก ใช้ "สองหนา้ " ตีกากับจงั หวะหน้าทบั และ
ใชไ้ ดท้ ง้ั ปีพ่ าทยเ์ ครื่องห้า เครอ่ื งคู่ และเครอ่ื งใหญ่ ใชไ้ มแ้ ข็งตี ตามปกติ หากจะใหเ้ ปน็ ปีพ่ าทย์นางหงส์ กเ็ อา
ตะโพน กลองทดั และปี่ในออก เอา "ปี่ชวา" และ "กลองมลาย"ู เขา้ มาแทน ปีพ่ าทย์นางหงสน์ ีใ้ ชเ้ ฉพาะงาน
ศพเท่านั้น
วงเครือ่ งสาย
วงเครือ่ งสาย เป็นวงดนตรีทีม่ เี ครอ่ื งดีด และเคร่อื งสีเป็นหลกั มีเครื่องเป่าและเครอ่ื งตีที่ ไดเ้ ลือกวา่ มเี สียง
เหมาะสมกันผสม ดงั น้ี
เคร่อื งสายวงเล็ก
มีเคร่อื งดนตรีผสมในวง และมีหนา้ ที่ต่างๆ กันคือ
๑. ซอด้วง สีเป็นทานองเพลงมีถี่บ้าง โหยหวนเป็นเสียงยาวบา้ ง มหี นา้ ที่เป็นผู้นาวง และ เป็นหลักในการ
ดาเนินทานองเนือ้ เพลง
๒. ซออู้ สหี ยอกล้อย่วั เยา้ ไปกบั ทานองเพลง
๓. จะเข้ ดดี เก็บถีๆ่ บา้ ง หา่ งๆ บา้ ง สอดแทรกทานองให้เกิดความไพเราะ
๔. ขล่ยุ เพียงออ เป่าเก็บถๆี่ บา้ ง โหยหวนเปน็ เสียงยาวบ้าง ดาเนินทานองเพลง
๕. โทน ตีใหส้ อดสลับกับรามะนา กากบั จังหวะหน้าทับ
๖. รามะนา ตีใหส้ อดสลบั กับโทน กากบั จงั หวะหน้าทับ โทนกับรามะนานี้ ต้องตีใหส้ อดคลอ้ งกัน
เหมือนเครือ่ งดนตรีอยา่ งเดียว เพราะฉะนน้ั บางที จงึ ใชค้ นเดยี วตีท้ังสองอยา่ ง
๗. ฉงิ่ (วิธตี ีและหนา้ ทีเ่ หมือนในวงปีพ่ าทย)์
วงเครอ่ื งสายเครือ่ งคู่
มีเคร่อื งดนตรีผสมอยู่ในวงและมีหน้าที่ดังนี้
๑. ซอดว้ ง ๒ คนั การสีเหมอื นในเครอ่ื งสายวงเลก็ แต่มีหน้าที่การนาวงมีเพียงคนั เดียว อีกคันหนึง่ เพียง
ชว่ ยเป็นหลักในการดาเนินเนื้อเพลง
๒. ซออู้ ๒ คนั (การสีและหนา้ ทีเ่ หมือนในเครอ่ื งสายวงเล็ก)
๓. จะเข้ ๒ ตวั (การดีดและหน้าทีเ่ หมือนในเครอ่ื งสายวงเลก็ )
๔. ขลยุ่ เพียงออ (วิธเี ปา่ และหน้าที่เหมือนในเครอ่ื งสายวงเล็ก)
๕. ขล่ยุ หลิบ วธิ ีเป่าเหมือนกับขล่ยุ เพียงออ แต่มีหนา้ ที่สอดแทรกทานองไปในทางเสียงสูง
๖. โทน (วิธีตีและหน้าที่เหมือนในเครอ่ื งสายวงเล็ก)
๗. รามะนา (วธิ ีตแี ละหนา้ ทีเ่ หมือนในเคร่อื งสายวงเล็ก)
๘. ฉิ่ง (วิธตี ีและหน้าทีเ่ หมือนในวงปีพ่ าทยเ์ ครือ่ งหา้ )
วงมโหรี
มโหรี เปน็ วงดนตรีผสม ตัง้ แตม่ ีไมก่ ีส่ ิ่ง จนกลายเป็นวงเครื่องสายผสมกับวงปี่พาทย์ ดงั จะกลา่ วต่อไปนี้
วงมโหรีโบราณ
มีเคร่อื งดนตรีและผู้บรรเลงเพียง ๔ คน
๑. ซอสามสาย สเี ก็บบา้ ง โหยหวนเสียงยาวๆ บา้ ง มีหน้าที่คลอเสียงคนร้องและดาเนิน ทานองเพลง
๒. กระจับปี่ ดีดดาเนินทานองถี่บ้างหา่ งบา้ ง เป็นหลักในการดาเนินเนือ้ เพลง
๓. โทน ตีให้สอดสลับไปแต่อย่างเดยี ว (เพราะยงั ไมม่ ีรามะนา) มีหน้าที่กากบั จังหวะ หน้าทบั
๔. กรบั พวง ตีตามจังหวะห่างๆ มีหน้าท่กี ากบั จังหวะยอ่ ย ซึง่ คนร้องเป็นผตู้ ี
วงมโหรีอยา่ งน้ไี ด้คอ่ ยๆ เพิม่ เครื่องดนตรีมากข้ึนเป็นข้ันๆ ขนั้ แรกเพิ่มรามะนาให้ตีคกู่ บั โทน แล้วเพิม่ ฉิ่ง
แทนกรบั พวง ต่อมากเ็ พิม่ ขลยุ่ เพียงออ และนาเอาจะเขเ้ ข้ามาแทนกระจับปี่ ตอ่ จากน้ัน กน็ าเอาเครือ่ งดนตรี
ในวงเครื่องสายและวง ปี่พาทยเ์ ขา้ มาผสม แตเ่ ครื่องดนตรีทีน่ ามาจาก วงปี่พาทยน์ ั้น ทกุ ๆ อย่างจะตอ้ งยอ่
ขนาดใหเ้ ลก็ ลง เพื่อใหเ้ สียงเล็กและเบาลง ไมก่ ลบเสียง เครือ่ งดีดเครื่องสที ม่ี ีอยู่แลว้ มีขนาดวงตามลาดบั
ดังนี้
วงมโหรวี งเลก็
มเี ครอ่ื งดนตรีดงั นี้
๑. ซอสามสาย (วิธสี แี ละหน้าทเ่ี หมือนในวงมโหรโี บราณ)
๒. ระนาดเอก (วิธตี แี ละหน้าทเี่ หมอื นในวงป่ี พาทย)์
๓. ฆ้องวง เนื่องจากย่อขนาดเลก็ ลงกว่าฆอ้ งวงใหญ่ และใหญ่กว่าฆ้องวงเลก็ ในวง ปี่ พาทย์ จงึ มักเรยี กว่า
"ฆอ้ งกลาง" หรอื "ฆ้องมโหร"ี วธิ ตี แี ละหน้าทเี่ หมอื นฆ้องวง ใหญ่ในวงปี่ พาทย์
๔. ซอด้วง (วธิ สี เี หมอื นในวงเครอื่ งสาย แตไ่ ม่ตอ้ งเป็ นผู้นาวง เพราะมีระนาดเอกเป็ น ผู้นาวงอยแู่ ล้ว)
๕. ซออู้ (วธิ ีสีและหน้าทเ่ี หมอื นในวงเคร่อื งสาย)
๖. จะเข้ (วธิ ดี ดี และหน้าทเี่ หมอื นในวงเคร่อื งสาย)
๗. ขลุ่ยเพยี งออ (วิธีเป่ าและหน้าทเ่ี หมอื นในวงเครือ่ งสาย)
๘. โทน (วิธตี แี ละหน้าทเ่ี หมือนในวงเคร่อื งสาย)
๙. รามะนา (วิธตี แี ละหน้าทเี่ หมือนในวงเคร่ืองสาย)
๑๐. ฉ่ิง (วิธตี แี ละหน้าทเ่ี หมือนในวงป่ี พาทย)์
วงมโหรีเครื่องคู่
มีเครื่องดนตรีทีผ่ สมอยู่ในวง ทง้ั วิธบี รรเลงและหน้าท่ี เหมอื นกบั วงมโหรีวงเลก็ ทุกอย่าง แต่เพิม่ ซอด้วงเป็น ๒
คนั ซออ้เู ป็น ๒ คนั จะเข้เป็น ๒ ตวั กบั เพิม่ เครอ่ื งดนตรีอกี ๓ อยา่ ง คือ
๑. ขลยุ่ หลิบ วธิ ีเป่าและหนา้ ที่เหมือนในวงเครื่องสายเครอ่ื งคู่
๒. ระนาดทมุ้ วธิ ีตแี ละหนา้ ทีเ่ หมือนในวงปี่พาทย์เครื่องคู่
๓. ฆอ้ งวงเลก็ มีขนาดเลก็ กวา่ ฆ้องวงเล็กในวงปี่พาทย์ วิธตี ีและหนา้ ที่เหมือนอย่างใน วงปี่พาทยเ์ คร่อื งคู่
บางทกี เ็ พม่ิ ซอสามสายคนั เลก็ เรยี กวา่ ซอสามสายหลิบ อีก ๑ คัน
มโหรเี ครือ่ งใหญ่
วงมโหรีเครื่องใหญ่ มีเคร่อื งดนตรีทีผ่ สมอยใู่ นวง ตลอดจนวธิ ีบรรเลงและหนา้ ทีเ่ หมือนกับวงมโหรีเครื่องคูท่ ุก
อยา่ ง แต่เพิม่ เครื่องดนตรีข้นึ อีก ๒ อยา่ ง คือ
๑. ระนาดเอกเหล็ก (หรือทอง) วธิ ีตแี ละหน้าทเ่ี หมอื นในวงปีพ่ าทยเ์ ครื่องใหญ่
๒. ระนาดทมุ้ เหลก็ (หรือทอง) วธิ ีตแี ละหนา้ ที่เหมือนในวงปี่พาทย์เครื่องใหญ่
ในสมัยปัจจุบันมักจะเพิม่ "ขล่ยุ อ"ู้ ขน้ึ อีกอยา่ งหนึ่ง ขล่ยุ อนู้ ีว้ ิธเี ปา่ เหมอื นกบั ขลุ่ยเพียงออ แตม่ ีหนา้ ท่ี
ดาเนินเนื้อเพลงเป็นทานองห่างๆ ในทางเสียงตา่ สว่ นฉาบเล็ก ฉาบใหญ่ และโหมง่ ผสมได้ทัง้ วงเล็ก เครอ่ื งคู่
และเครือ่ งใหญ่มีหนา้ ที่ อย่างเดียวกับท่กี ล่าวแลว้ ในวงปีพ่ าทย์