หนว่ ยท่ี 4 การร้จู ักและเข้าใจตนเอง
หวั ขอ้ เร่ือง (Topics)
4.1 ความหมายของการรู้จกั และเข้าใจตนเอง 4.2 ความสำคัญของการร้จู ักและเข้าใจตนเอง
4.3 หลกั ในการรูจ้ กั และเขา้ ใจตนเอง 4.4 วิธีการรจู้ ักและเขา้ ใจตนเอง
4.5 ข้อดีของการรจู้ ักตวั เอง 4.6 การพัฒนาตนเองเพื่อเสริมสร้างมนษุ ยสัมพนั ธ์
4.7 ลกั ษณะของผูท้ ่รี ู้จกั และเขา้ ใจตนเอง 4.8 ลักษณะของผู้ท่ไี มร่ ู้จักและเข้าใจตนเอง
4.9 การรู้จกั และเขา้ ใจตนเองนำไปส่กู ารพฒั นาสังคมและชุมชน
สมรรถนะยอ่ ย (Element of Competency)
1. แสดงความรูเ้ กย่ี วกับการรจู้ กั และเขา้ ใจตนเอง
2. ปฏบิ ตั ิตนเปน็ ผนู้ ำ ผู้ตามท่ีดี
วตั ถุประสงค์เชิงพฤติกรรม (Behavioral Objectives)
ด้านความรู้ ผูเ้ รียนสามารถ
1. อธิบายความหมายและความสำคญั ของการร้จู ักและเขา้ ใจตนเองได้
2. เลอื กหลกั และวธิ ีการร้จู กั และเข้าใจตนเองไปใช้ได้
3. วางแผนการพฒั นาตนเองเพ่อื เสริมสรา้ งมนษุ ยสัมพนั ธ์ได้
4. วิเคราะหล์ ักษณะของผ้ทู ่ีรู้จักและเขา้ ใจตนเองได้
ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ ผเู้ รยี นสามารถ
1. ปฏบิ ัติตามขั้นตอนการพฒั นาตนเองเพอื่ สรา้ งมนุษยสมั พันธ์ได้
2. ทำความเข้าใจดา้ นต่าง ๆ ของตนเองและบคุ คลอนื่ ๆ ไดด้ ี
ดา้ นคุณธรรมและค่านิยมที่พึงประสงค์
1. เห็นคุณคา่ ของตนเองและกล้าเปิดเผยตนเอง
2. มีความสนใจและมุ่งม่ันในการพฒั นาตนเองอยเู่ สมอ
3. มคี วามรบั ผิดชอบและกลา้ ตัดสนิ ในส่ิงที่ถกู ตอ้ ง
เนอ้ื หาสาระ (Content)
การรจู้ กั ตนเอง (Self Awareness) รวมไปถึงการรับรแู้ ละรจู้ ักความสามารถของตวั เอง จะตอ้ งทราบว่าตนเองเป็นอย่างไร
ซอบอะไร ไม่ชอบอะไร เก่งอะไร ไม่เก่งอะไร และที่สำคัญต้องรู้อารมณ์ของตนเองว่าขณะนี้มีอารมณ์เป็นอยา่ งไร การรู้จักอารมณ์
ตนเองจะนำไปสกู่ ารควบคุมอารมณ์และการแสดงออกท่ีเหมาะสมต่อไป
การรู้จักตนเอง (Self Awareness) เป็นรากฐานของการสร้างความเชื่อมั่นในตนเอง ไม่ว่าจะเป็นขีดความสามารถ
ขอ้ จำกัดของตวั เอง สง่ิ ที่ทำได้ สง่ิ ทเ่ี กินความสามารถ การรู้จักตนเองส่งผลให้เข้าใจผู้อน่ื ดว้ ยและสะทอ้ นให้เห็นว่าบางเร่ืองที่คล้าย
และบางเรื่องที่แตกต่างจากผู้อ่ืน เช่น เจตคติ ความคิด ความเชื่อประสบการณ์ ฯลฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผลักดันให้มีพฤติกรรมหรือการ
แสดงออกต่างกัน เมื่อเข้าใจปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ จะทำให้เกิดการยอมรับและเข้าใจผู้อืน่ ในสังคมได้ ดังนั้นการเข้าใจตนเอง ทำให้
เขา้ ใจผู้อื่นด้วย
การเข้าใจผู้อื่น (Empathy) เป็นความสามารถรับรู้อารมณ์ผู้อื่น เข้าใจถึงมุมมองของผู้อื่น เป็นความรู้สึกในลักษณะ
"เอาใจเขามาใส่ใจเรา" สนใจและไวในการรบั รูถ้ ึงความรู้สึกทางอารมณ์ของผอู้ น่ื โดยไม่ต้องพดู หากเป็นผฟู้ งั อยา่ งต้งั ใจและสามารถ
จับประเด็นทเี่ ป็นมุมมองของผูอ้ ่ืนไดด้ ีด้วยทักษะในการเขา้ ใจความรสู้ ึกผ้อู ืน่ จะเข้ากับบคุ คลตา่ ง ๆ ที่มาจากความหลากหลายได้ ซ่ึง
สง่ิ สำคญั ในการรกั ษาสมั พนั ธภาพท่ดี แี ละยาวนาน คือ ความรัก การให้ความสำคัญ การใหเ้ กียรติ ยกยอ่ ง ความจริงใจ ความเข้าใจ
การเห็นคณุ ค่า การชว่ ยเหลือ ความเป็นมติ ร และความหวงั ดี
นอกจากน้ัน การเปิดเผยตัวเอง ยิ่งทำใหเ้ รยี นรทู้ ีจ่ ะเขา้ ใจตนเองและยอมรบั สภาพความเปน็ จริงท่ีเกิดขึน้ กบั ตนเองมากข้นึ
ซึง่ เกดิ ขึ้นได้จากการรู้ตัวหรอื การมสี ติ ดังคำกลอนของ เนาวรัตน์ พงษไ์ พบูลย์ ดังนี้
“มีสตทิ กุ กริ ยิ า มบี ญั ชาทกุ การกระทำ
อะไรตามอะไรนำ กำหนดร้ทู ุกกรณี”
4.1 ความหมายของการรู้จักและเข้าใจตนเอง
การรจู้ ักตนเอง (Self Awareness) หมายถงึ การมองเหน็ ตนเองในสภาพของความเป็นจริงวา่ มีจดุ เดน่ จุดด้อยในเร่ืองอะไร
มีความสามารถในการทำสิ่งใดได้และตนเองมีความจำกัดในเรื่องใดบ้างอีกทั้งสามารถดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้อย่างมีความสุ ข
ทา่ มกลางสง่ิ ท่ีตนเองมีและเปน็ โดยที่ไม่มคี วามรสู้ กึ อจิ ฉาริษยา หรอื คดิ เปรียบเทยี บตนเองกับผูอ้ ื่น
การรู้จักตน (Self Awareness) คือ การเข้าใจความรู้สึกของตนเองและจุดมุ่งหมายของชีวิตทั้งระยะสั้นและระยะยาว
ตลอดจนการรจู้ กั จุดเดน่ จดุ ดอ้ ยของตนเองอย่างไม่ลำเอยี งเข้าขา้ งตนเอง"
การรู้จักตน (อัตตัญญุตา) หมายถึง การพิจารณาเข้าใจตนเอง ได้แก่ การรู้จักฐานะที่ตนเองเป็นอยู่การประพฤติตน
ให้เหมาะสมกับฐานะของตน การปฏบิ ัติหน้าท่เี หมาะสมกับตำแหน่งของตน ไมก่ ้าวก่ายสิทธแิ ละหน้าทขี่ องผอู้ ืน่
4.2 ความสำคัญของการรู้จกั และเขา้ ใจตนเอง
ในโลกยคุ ใหม่ท่ีมกี ารแขง่ ขันอยา่ งรนุ แรงและในโลกยคุ ความรคู้ ืออำนาจในปัจจุบัน คนจำนวนมากต่างพยายามมงุ่ ขวนขวาย
ในการพัฒนาตนเอง ทั้งในด้านทักษะความรู้ความสามารถทั้งในและนอกระบบพยายามให้ตนเองได้รับการศึกษาสูงที่สุด
หลากหลายที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่คนส่วนใหญ่กลับหลงลืมและละเลย
ไปอยา่ งนา่ เสียดาย เป็นเรื่องใกล้ตัวแต่ทว่ากลบั มีความสำคญั อย่างย่งิ ยวดเปรียบไดก้ ับเส้นผมบงั ภูเขาท่ีทำให้คนจำนวนมากท่ีแม้มี
ความรมู้ ากมายทว่ มหัวแต่เอาตวั ไมร่ อด เนื่องจากส่ิงหนึง่ ทีเ่ ขาไม่รูเ้ ลยนนั่ คือการรู้จกั และเขา้ ใจตนเองอยา่ งถอ่ งแท้นั่นเองดังนั้นการ
รจู้ กั และเขา้ ใจตนเอง จงึ มีความสำคัญต่อบุคคลคือ
1. การมีเปา้ หมายที่ชัดเจนในการดำเนนิ ชวี ติ เนอื่ งจากรู้วา่ ตนมีความถนัด ความชอบ และความสามารถในต้านใด
ดังน้ันจงึ รวู้ ่าตนควรจะเรียนอะไรประกอบอาชีพอะไรควรแสวงหาความรู้อะไรเพ่ิมเติม
2. การรู้จักวธิ ีเฉพาะตัวทต่ี นถนดั เพอื่ พัฒนาทักษะการเรยี นร้ใู นด้านต่างๆของตนเองให้เปน็ ไปอย่างมีประสิทธิภาพ
อาทิ รู้เทคนิคการเรียนหนังสือของตนว่าควรใช้วิธีใดจึงประสบผลสำเร็จ เช่น รู้ว่าความจำไม่ดีจึงต้องใช้วิธีการอย่างละเอียดและ
ทวนถามเจ้านายทุกครั้ง
3. จดุ ออ่ นในชีวิตไดร้ ับการแกไ้ ขอยา่ งทนั ท่วงที อาทิเมอ่ื รูต้ ัววา่ เปน็ คนใจร้อน และหากอยู่ในสถานการณเ์ ชน่ นอี้ าจ
นำไปสู่การใช้ความรนุ แรงไดจ้ งึ เลอื กที่จะแยกตวั ออกมาสงบสติอารมณเ์ พ่ือคิดหาวิธกี ารแก้ไขทีด่ ที ี่สุด
4. การพัฒนาทักษะการแกป้ ัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตอย่างมีประสิทธิภาพ คือ ทราบว่าปัญหานั้นมีสาเหตุมาจากตน
หรือไม่ และควรปรับอารมณ์เชน่ ใดเมื่อเผชิญปัญหาและวิธีการใดท่ีเหมาะสำหรบั ตนเองมากที่สุดในการแก้ปัญหานั้นให้ลุลว่ งไปได้
ด้วยดี
5. การคน้ พบความสขุ ท่ีแทจ้ รงิ ในส่ิงทต่ี นเลอื กทำ คือทราบว่าอะไรทท่ี ำแล้วจะทำให้ตนเองมคี วามสุขได้
6. นำไปสู่การเรียนร้แู ละเข้าใจผอู้ ่ืนไดม้ ากย่งิ ขนึ้ อันเป็นการลดปญั หาความชัดแย้งและนำไปสู่มิตรภาพทด่ี ีตามมา
4.3 หลักในการรูจ้ กั เละเข้าใจตนเอง
บุคคลตอ้ งสำรวจและทำความรู้จกั ตนเองใหช้ ัดเจน 6 ดา้ น ดงั นี้
4.3.1 ความรู้
แตล่ ะบุคคลถงึ แม้จะเรียนรู้ระดบั เดยี วกัน เหมอื นกัน อาจซมึ ชบั หรอื รบั ไดไ้ มเ่ ทา่ กนั เนือ่ งจากธรรมชาตคิ วามแตกตา่ งของ
แต่ละบุคคล ความรู้เปน็ สิ่งที่สำคัญย่ิงที่จะนำพาใหบ้ ุคคลไปสู่ความสำเรจ็ ในชีวิต
4.3.2 สขุ ภาพและศักยภาพทางร่างกาย ได้
สขุ ภาพ ความแขง็ แกรง่ และความแขง็ แรงทางร่างกายและจิตใจ ทำใหบ้ คุ คลมีความพรอ้ มท่ีจะตอบสนองและแสดง
ทุกบทบาทของชีวติ
4.3.3 ฐานะทางเศรษฐกจิ
ความคลอ่ งตวั ทางเศรษฐกิจทำให้คลายความวิตกกังวลใจในบทบาทหนา้ ท่ตี ่าง ๆ ทำใหท้ ุกอยา่ งดำเนนิ ไปเตม็ ความสามารถ
เสมอื นเครอ่ื งจกั รตอ้ งมนี ้ำมนั หล่อลืน่
4.3.4 สติปญั ญา
ความสามารถทางสมองท่ีได้รับจากพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม เป็นความแตกต่างระหว่างบคุ คล และเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้
แต่ละบคุ คลประสบความสำเรจ็ ในชีวติ และการทำงาน
4.3.5 นสิ ัยและความสนใจ
นิสัยและความสนใจเป็นบุคลิกภาพของแต่ละบุคคลที่เกิดจากการอบรมเลี้ยงดู และสิ่งแวดล้อม ส่งผลต่อการดำเนินชีวิต
และเปน็ สิง่ ทท่ี ำให้สามารถตัดสนิ ใจในการเลอื กเสน้ ทางการเรยี นและอาชีพ
4.3.6 ความสามารถและความถนัดเฉพาะ
ความสามารถและความถนัดเฉพาะ ถือว่าเป็นจุดเด่นของแต่ละบุคคลที่ใช้เป็นข้อได้เปรียบหรือเสียเปรียบในสังคมของ
การแขง่ ขนั บคุ คลทม่ี คี วามสามารถ ความถนดั เฉพาะจะเปน็ ท่ียอมรบั ผลงานของเขาอาจจะทำให้ชีวิตเปล่ียนไป และพัฒนาตนเอง
ไปสู่เป้าหมายชีวิตไดอ้ ย่างรวดเร็ว
4.4 วธิ กี ารรู้จกั และเข้าใจตนเอง
การเข้าใจตนเองเป็นลักษณะของการมีความรูค้ วามเข้าใจเกีย่ วกับตัวเอง โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ ในสว่ นทีเ่ กี่ยวข้องกับอารมณ์
วิธคี ิด และโลกทัศน์ ดงั นนั้ วิธีการจะรู้จักและเข้าใจตนเองอย่างถ่องแทม้ ีลำดบั ข้นั ดังน้ี
4.4.1 การรวบรวมขอ้ มลู เก่ียวกับตนเอง
แหล่งข้อมูลสำคัญท่ีจะช่วยเสริมให้มีความเขา้ ใจตนเองอย่างถอ่ งแทม้ ี 6 ประการ คือ
1. ขอ้ มลู ทวั่ ไปเก่ยี วกบั พฤติกรรมและธรรมชาตคิ วามตอ้ งการพนื้ ฐานของมนษุ ย์
2. ข้อมูลตอบรับจากผู้อื่นในลักษณะไม่เป็นทางการ เช่น คำวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ใกล้ชิด เพื่อน การแสดงความ
คดิ เห็นของบคุ คล
3. ข้อมูลจากหัวหนา้ งาน
4. ข้อมลู จากเพื่อนร่วมงาน
5. ขอ้ มูลจากการสำรวจตนเอง เชน่ การทำแบบทดสอบต่าง ๆ การวิจารณ์ตนเอง การคดิ ทบทวนการกระทำข้อดี
ข้อบกพร่องของตนเอง เปน็ ตน้
6. ความเขา้ ใจลึกซ้งึ ทไี่ ด้จากการแนะแนวหรือการใหค้ ำปรกึ ษาทางจติ วิทยา
4.4.2 การสำรวจแนวความคิดของตนเอง
เมื่อได้รับข้อมูลเกี่ยวกับตนเองชัดเจนแล้ว ก่อนจะนำมาปรับปรุงตนเองให้เป็นผู้มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี จะต้องมีการสำรวจ
แนวความคดิ ทมี่ ีตอ่ ตนเอง เนอ่ื งจากเปน็ อกี ดา้ นหนงึ่ ของการเขา้ ใจตนเอง
แนวความคดิ ที่มตี อ่ ตนเองมี 2 ด้าน คอื
1. แนวความคิดต่อตนเองในด้านดีหรือด้านบวก ผู้ที่มีแนวความคิดต่อตนเองด้านนี้จะประสบความสำเร็จ
หรือสามารถทำตามเปา้ หมายในชีวิตสว่ นตวั และการทำงานได้
2. แนวความคิดต่อตนเองในด้านไม่ดีหรือด้านลบ ผู้ที่มีแนวคิดต่อตนเองด้านนี้จะไม่ประสบความสำเร็จ
เนอื่ งจากเปน็ แนวคิดทีจ่ ะคอยบ่นั ทอนและขดั ขวางความก้าวหนา้
4.4.3 การสรา้ งความเช่ือมั่นในตนเอง
ความเชื่อมั่นในตนเองเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การปฏิบัติงานได้ผลงานที่ดีเยี่ยมและมีผลต่อการสร้างสัมพันธภาพที่ดี
ของบคุ คลไม่วา่ จะเป็นชวี ิตส่วนตัวและการทำงาน
การสร้างความเชอ่ื มัน่ หรือความมัน่ ใจในตนเองนั้นมีขน้ั ตอนดงั น้ี
1. มองหาและรวบรวมข้อดีและความสำเร็จของตนเองมีภาพลักษณ์ด้านร่างกายของตนเองในทางบวโดย
มีความคดิ ในแงด่ ี มีการมคี วามรู้สกึ ท่ีดตี อ่ รา่ งกาย รปู ร่าง ใบหนา้ ของตนเอง เป็นสิง่ ซึ่งเสริมสร้างความม่นั ใจในตนเอง
3. พัฒนาพื้นฐานความรู้ให้มั่นคง ความรู้ที่ว่านี้หมายความถึงทั้งเรื่องงานอาชีพและข้อเท็จจริงต่าง ๆ
สิง่ ท่ตี ้องเรยี นรู้ในชีวิตประจำวนั ต้องทำตนเป็นผูซ้ มึ ซบั ข้อมูลได้ทุกเร่อื งทกุ เวลา แต่ท่ีสำคญั ย่งิ คอื อย่าแสดงตนเป็นผู้รอบรู้
ทกุ อย่างกับบคุ คลอนื่ เพราะอาจทำให้ผูอ้ ่นื รำคาญ
4. พูดคุยกับตนเองในทางบวก หลีกเลี่ยงการพูดที่ใช้ความรู้สึกของตนเองโดยเฉพาะด้านลบและไม่ใช้คำศัพท์
ที่มีรูปแบบของการพูดกับตัวเองด้านลบ การพูดคุยกับตัวเองในทางบวกจะช่วยเสริมสรา้ งความรู้สึกเชื่อมั่นและตระหนกั
ในคณุ ค่าของตวั เองเปน็ อยา่ งดี เพราะเท่ากบั มีการโปรแกรมจิตใตส้ ำนกึ ด้านขอ้ มลู ข่าวสารเปน็ บวก
5. หลีกเลี่ยงการพูดกับตนเองในทางลบ ต้องหลีกเลี่ยงไม่ว่าจะเป็นคำศัพท์ คำพูด หรือความคิดของตนเอง
ในลกั ษณะลบ เพราะจะทำให้ความร้สู ึกเชอื่ มน่ั ในตัวเองนอ้ ยลง
6. ใช้การสร้างโนภาพในทางบวก ในการเผชิญสถานการณ์ต่าง ๆ ให้สร้างทางบวกหรือสร้างภาพผลในทางบวก
จะทำให้แสดงออกอย่างเช่อื มัน่ และช่วยให้เตรยี มตัวรับการเผชิญหนา้ ไดด้ ี
7. มุ่งผลงานระดับดีเยี่ยมที่สุดทุกสถานการณ์ การสร้างผลงานหรือการปฏิบัติงานต้องมุ่งผลงานที่เยี่ยมยอด
และทุ่มเทความสามารถสูงสดุ ของตนเองออกไป ผลงานทมี่ ปี ระสิทธภิ าพจะช่วยพฒั นาความเชอ่ื มมั่นในตนเองใหส้ งู ขนึ้ ได้
8. จัดการกับสถานการณ์แบบกล้าคิด กล้าทำ หาวิธีการแก้ปัญหาในทางที่ดีและสร้างสรรอย่ากลัวความล้มเหลว
เพราะผทู้ ี่ประสบความสำเร็จ ล้วนล้มเหลวมาท้ังส้นิ
9. ทำงานง่าย ๆ ให้ประสบความสำเร็จก่อนแล้วค่อยทำงานใหญ่ที่ท้าทาย ความสำเร็จในครั้งแรกจะทำให้เกิด
กำลงั ใจและเสรมิ สร้างความเชอื่ มั่นในตัวเองให้มีความพร้อมทจ่ี ะรบั ภาระหรือรับผิดชอบทสี่ งู ขน้ึ
10. จงชื่นชมและชนื่ ชอบความสำเร็จของผู้อ่ืนด้วย การชน่ื ชมความสำเร็จของผ้อู ่นื จะเป็นสะพานเชือ่ ความสัมพันธ์
ได้อย่างดีย่ิง
4.5 ขอ้ ดีของการร้จู ักตวั เอง
1. ความผิดพลาดจะเกิดขึ้นน้อยมากหรืออาจไม่เกิดขึ้น เนื่องจากจะรู้จังหวะของชีวิตว่า ควรก้าวต่อไป ก้าวไปทางไหน
ควรหยดุ เม่อื ไรมคี วามชัดเจนในการนำพาชีวิตของตนเอง
2. ประสบการณ์และความผิดพลาดเปน็ สิ่งทา้ ทายให้ได้เรยี นรแู้ ละไดโ้ อกาส
3. ชวี ิตจะพัฒนาอยา่ งรดเร็ว เพราะเข้าใจตัวเองในทกุ ดา้ น สามารถจัดวางตนเองไดอ้ ยา่ งพอเหมาะพอดี โดยไมต่ ้องเสยี เวลา
และโอกาส
4. ผ้ทู ่ีรู้จักตนเองจะสามารถวิเคราะห์สง่ิ ตา่ ง ๆ ไดไ้ ม่วา่ จะเป็นดา้ นบวก ด้านลบ ดี เลว ง่าย ยาก กำไร ขาดทุน คุณค่า หรือ
ความนิยม ไดอ้ ยา่ งชัดเจนโดยไมย่ ึดตดิ ผลคอื สามารถดงึ ประโยชนจ์ ากทกุ เหตุการณ์มาใช้ไดเ้ สมอ
5. มคี วามกลา้ ทจี่ ะตัดสนิ ใจ และเปน็ การตดั สินใจท่ีดี มีเหตผุ ล โดยสามารถประเมินผลหรือมองเห็นผลได้อย่างชัดเจนและ
แมน่ ยำ ทำงานไดอ้ ยา่ งมีประสิทธผิ ล ไม่หยดุ น่งิ
6. มคี วามใจกวา้ งในการรับฟังผู้อืน่ และไมม่ อี คติ ซึง่ ทำใหย้ ิง่ รูจ้ ักตนเองดขี ้นึ เพราะผอู้ น่ื บางคร้งั คือกระจกสะทอ้ นตัวเรา
7. มีความยืดหยุ่นและรู้จักพลิกแพลง สามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ และตอบสนองต่อทุกสถานการณ์ได้อย่างคล่องตัวและ
มปี ระสิทธิภาพ
4.6 การพฒั นาตนเองเพือ่ เสรมิ สร้างมนุษยสัมพนั ธ์
ง เมื่อรู้จักและเข้าใจตัวเองอย่างถ่องแท้แล้ว สิ่งที่บุคคลต้องคำนึงถึงคือ การนำสวนที่ดีหรือจุดเด่นของตนเองมาใช้
ให้เกิดประโยชน์ ตระหนักในคุณค่าของตนเอง มีแนวคิดต่อตนเองในด้านดี อีกส่วนที่เป็นข้อเสียหรือจุดต้อย ต้องตระหนักและ
นำมาพัฒนาให้ดีขึ้น ซึ่งอาจกลายเป็นจุดเด่นหรือพัฒนาเป็นด้านดีในที่สุด ดังนั้นสิ่งสำคัญที่ต้องปรับปรุงและพัฒนาเพ่ือ
เสรมิ สร้างตนเองและมนษุ ยสัมพันธ์ ไดแ้ ก่
4.6.1 การพฒั นาตนในเชิงพุทธธรรม การฝึกตนใหเ้ ป็นคนดี ข้อปฏิบัติมีดงั น้ี
1. ไม่คบคนพาล คือ การไม่ยอมมีพฤติกรรมสัมพันธ์ใด ๆ กับคนพาล เป็นการป้องกันไม่ให้นิสัยไม่ดี
ความเห็นผิด ๆ ทั้งหลายจากคนพาลมาเปลี่ยนทัศนคติหรือมีอิทธิพลต่อตนเอง ป้องกันการถูกกลั่นแกล้ง ทำร้าย
และปฏิบตั ิตัวในชีวติ ประจำวันให้หา่ งไกลจากคนพาล
2. คบบัณฑิต คือ การเข้าไปมีพฤติกรรมใด ๆ ร่วมกับบัณฑิต เพื่อพัฒนาและฝึกฝนนิสัยดี ๆ ความเห็น
ท่ถี กู ตอ้ งดงี าม เพมิ่ พนู คุณธรรมตา่ ง ๆ ของตนเอง และทำใหส้ ามารถดำเนินชวี ติ อยู่ด้วยปญั ญา
3. บูชาบุคคลที่ควรบูชา คือ การแสดงออกถึงความเคารพและตระหนักในคุณธรรมของผู้ที่มีคุณธรรมสูงกว่า
เพื่อประคับประคองนิสัยที่ดี สร้างความคิดเห็นที่ถูกต้องให้เจริญงอกงามขึ้น บุคคลที่ควรบูชาจะเป็นแบบอย่างที่ตีให้ดู
และปฏบิ ัติตาม ทำให้เกิดสติสัมปชญั ญะบรบิ ูรณ์ เปน็ ผู้ไม่ประมาท สามารถฝึกตนให้เป็นคนดีได้
4.6.2 การยกระดบั ความตระหนกั ในคุณคา่ ของตนเอง
การมองภาพตนเองหรอื ความคิดเกี่ยวกับตนเองเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ภาพที่มองเห็นนั้นจะถกู สร้างจากการที่ได้พบปะผู้อนื่
และการอยู่ในสิ่งแวดล้อมแต่ละลักษณะ เช่น ถ้าเด็กได้รับความอบอุ่น จะมองว่าเป็นผู้มีความรัก ความอบอุ่น ถ้าเด็กถูกกล่าวหา
ว่าเลวจะมองตนเองเป็นคนเลว เป็นปัจจัยสำคัญท่ีสุดท่ีจะทำใหม้ องตนเองในดา้ นดี เห็นสิ่งดีที่มีอยู่ในตนเอง คือ การตระหนักรู้ใน
คณุ ค่าของตนเอง ดงั นนั้ จึงต้องลองตรวจสอบตนเองว่า มคี วามตระหนักในคุณค่าตัวเองหรือไม่ สูงหรอื ในการสำรวจพฤติกรรมของ
ตนเองทง้ั ในชวี ติ ประจำวนั และในการปฏบิ ตั ิงาน โดยเฉพาะลักษณะขอมคี วามตระหนักในคุณคา่ ตวั เองสงู จะมลี ักษณะดงั นี้
1. เวลาเรม่ิ ต้นวันทำงานทกุ วนั จะรู้สกึ ตื่นเตน้ กระตอื รือรัน
2. ตั้งใจรับทำงานท่ที า้ ทาย ดว้ ยความเชอ่ื มั่นในความสามารถ
3. กลา้ แสดงความคดิ เหน็ เงอ่ื นไข ปฏเิ สธไดโ้ ดยไมว่ ติ กกงั วล คิดอย่างเป็นตวั ของตัวเอง
4. ไมห่ าขอ้ อา้ งแก้ตวั เม่อื ปฏิบัตผิ ิดพลาด
5. เมอ่ื ผู้อืน่ อารมณ์เสีย ไมม่ ผี ลกระทบใด ๆ ตอ่ อารมณด์ ขี องเรา
6. แม้งานหนักก็กระตุ้นให้ทำงานด้วยความกระตือรอื ร้น มีกำลังผลักดันผู้มีความตระหนักในคุณค่าตนเองสูงจะมี
ลกั ษณะสุขภาพจิตดี เน่อื งจากมีความร้สู กึ ดีกบั ตนเองและมที รรศนะกบั ชวี ิตในทางบวก ซ่ึงจะทำให้การปฏิบตั งิ านได้รบั ผลดี
ไปด้วย จะเปน็ ผู้มที ศั นคติทดี่ ีในการทำงาน และสามารถมีมนษุ ยสมั พันธท์ ี่ดีกบั ทุกคน
การ์ฝึกฝนตนเองใหเ้ ป็นผมู้ ีความตระหนกั ในคณุ คา่ ของตนเอง
1. เปิดเผยตนเองในปรมิ าณพอเหมาะ
2. ตระหนักถึงจุดแขง็ ตา่ ง ๆ ข้อดขี องตนเอง พยายามพฒั นาความรู้สึกเห็นคุณคา่ ความสำเรจ็ และขอ้ ดีของตนเอง
3. พยายามพูดคุยและเข้าสงั คมกบั ผู้อ่ืน โดยเฉพาะผทู้ ชี่ ่วยสง่ เสริมความตะหนกั ในคุณค่าของตนเองมากข้นึ
4. พยายามเอาชนะงานยาก ๆ ในสถานการณ์ยาก ๆ โดยอาจจะใช้วิธีการเข้าไปอยู่ในแวดวงผู้ท่ี
มีความสามารถเฉพาะตวั ผู้ทีม่ ีความคดิ เปน็ ของตนเอง จะเปน็ ส่ิงทที่ ้าทายให้พฒั นาความสมารถได้
5. อย่าหมกม่นุ กับตนเองจนเกินไป เพราะจะทำให้คำนงึ แต่เรอ่ื งของตนเอง กลายเป็นผทู้ ่ีมีบุคลิกประหม่าอาย ไม่
สนใจผู้อ่นื หรือโลกภายนอก
ถ้าทุกคนพยายามพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นและกระทำอย่างต่อเนื่อง จะเกิดความยั่งยืนในพฤติกรรมของตนเอง
แต่มักจะพบอยู่เสมอว่าบางรายพิจารณาตนเองเพียงบางส่วนและภายในเวลาจำกัดแล้วกลับมามีพฤติกรรมเหมือนเดิม แสดงว่า
พัฒนาตนเองไม่สำเร็จ อาจเป็นเพราะขาดความมุ่งมั่นในตนเองและสิ่งแวดล้อมไม่ส่งเสริมด้วย ดังนั้นความสำเร็จของการ
พัฒนาตนเองหรือ พัฒนาบุคคลในองค์การจึงขึ้นอยู่กับ "แรงบันดาลใจ" ของตัวบุคคลที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง
และสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือ "สิ่งแวดล้อม" หรือ "บรรยากาศขององค์การ" มีส่วนช่วยสนับสนุนให้บุคคลประสบความสำเร็จใน
การพฒั นาตนเอง จึงถอื ไดว้ า่ ทุกฝ่ายจะตอ้ งร่วมมอื สานสมั พันธท์ ่ดี ี และมีความรับผิดซอบร่วมกัน
4.6.3 ความภมู ใิ จในตัวเอง
ความภาคภูมิใจของบุคคลเกิดจากการยอมรบั ตนเอง มองตนเองในแง่บวกและรับรู้ว่าตัวเองเป็นบุคคลทีม่ ีคุณค่า จึงทำให้
เกิดกำลังใจสร้างสรรค์ในส่ิงทีด่ ี ใหเ้ กดิ แก่ตนเองและสังคม และยังมคี วามมนั่ คงทางใจและมีความเป็นสุข การมองเห็นคุณค่าตนเอง
จะเป็นกำลังใจที่ดีในการดำเนินชีวิต ก่อให้เกิดความมั่นคงทางใจ และมีโอกาสประสบความสำเร็จสูง ทำให้เกิดแรงจูงใจ
ในการสร้างสรรค์สิ่งที่ดี ๆ ถ้าไม่เห็นคุณค่าตนเองแล้ว ก็คงไม่มีผู้ใดมองเห็นคุณค่าของเรา ความภาคภูมิใจเกิดจากประสบการณ์
การเปน็ ทีร่ ัก เป็นทตี่ ้องการของบุคคลใกลช้ ิดพ่อแม่เลยี้ งดูมาอยา่ งอบอุ่น ผู้ท่ีมคี วามภาคภูมใิ จในตวั เองจะยอมรับธรรมชาติความรู้สึก
ของตนเองและพรอ้ มทจ่ี ะอยู่รว่ มกบั บุคคลอ่นื สามารถให้ความรักต่อบุคคลอื่น และสามารถผา่ นอปุ สรรคตา่ ง ๆ ด้วยความอดทน
บุคคลจะประสบความสำเร็จหรือความล้มเหลว และบุคลิกภาพจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับการมองตนเอง ผู้ที่มี
ความภาคภูมิใจในตัวเองต่ำ มองตนในแง่ลบ ดูถูกความสามารถของตัวเอง เมื่อเติบโตขึ้นมักจะมีอิทธิพลต่อแนวคิด อารมณ์
ความรสู้ ึก การตดั สินใจ รวมถงึ การแสดงออกหรอื พฤติกรรมในอนาคตดว้ ย แม้จะอย่ใู นสภาพครอบครวั ทีม่ ีความพรอ้ มกอ็ าจมีปัญหา
ในการปรับตัว ปัญหาการเรียนตกต่ำกว่าความสามารถ ปัญหาการคบเพื่อน และอาจมีพฤติกรรมก้าวร้าว การใช้สารเสพติด
การก่ออาชญากรรมและการฆา่ ตัวตายเพราะมีความรู้สึกว่าตนเองไรค้ า่ นน่ั เอง
ความรู้สึกรักและนับถือตนเองได้ เกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อบุคคล นั้นได้ตระหนักรู้ว่าตนมีดี มีคุณค่าในสิ่งใด การค้นหาสิ่งดี
ที่มีอยู่ในตัวเองจึงเป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยเพิ่มพูนความรักในตนเองและจะส่งผลให้ชีวิตมีคุณค่ามากยิ่งข้ึน
เพราะจะทำให้เลือกแต่สง่ิ ทีด่ ี ๆ แก่ตนเองท้งั ในปจั จุบนั และอนาคต
เทคนคิ การเสรมิ สรา้ งความภาคภมู ิใจในตนเอง
วิธีที่จะช่วยให้บุคคลมีความรู้สึกดีต่อตนเอง เสริมสร้างความภาคภูมิใจให้ตนเอง ทำให้บุคคลรู้สึกว่าตนเองมีประโยชน์
มีความสำคัญ มีคุณค่า และสามารถกระทำสิ่งต่าง ๆ ได้ ประสบความสำเร็จเป็นที่พอใจของตนเองและเป็นที่ยอม รับจาก
บคุ คลรอบข้าง มีดงั นี้
1. ค้นหาความสนใจ จุดมุ่งหมาย และข้อดีของตนเอง เมื่อทำสิ่งใดก็ตามต้องมุ่งมั่นในการทำงานมากกว่าหวัง
ผลลัพธ์ของการทำงาน
2. มองตนเองและผูอ้ น่ื ในแง่ดีไว้ก่อน
3. ควรจำไวว้ า่ บางครง้ั อาจทำผดิ ได้ ซึ่งไม่ไดห้ มายความวา่ เป็นการล้มเหลว
4. ให้เวลาและโอกาสกับตนเองในการเริ่มตน้ ใหม่
5. จงพูดกับตนเองเสมอว่า ฉนั เป็นคนมีความสามารถ ฉนั เป็นคนมีความรับผิดชอบ
4.6.4 การศกึ ษาและวเิ คราะหล์ ักษณะนิสัยของตนเอง
การไม่อาจจะรจู้ ักและเข้าใจตนเองอย่างท่ีเปน็ จรงิ เพราะบางครงั้ อาจมีความลำเอยี งเข้าข้างตนเอง มองไม่เห็นข้อบกพร่อง
ของตนเองแต่มีวิธีการหนึ่งที่ดีคือการรับฟังความคิดเห็นจากคนใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ ครู เพื่อน หรือบุคคลที่แวดล้อม
ด้วยเหตนุ ห้ี ากบุคคลเปิดใจกว้างพรอ้ มทจ่ี ะรับฟังความคดิ เหน็ เกี่ยวกับนสิ ัยของตนเองจากบคุ คลอ่ืน โดยทบี่ คุ คลเหล่าน้ีรู้จักเราดีพอ
มีความจรงิ ใจตอ่ เรา และใหค้ วามคดิ เห็นอยา่ งตรงไปตรงมา โดยปราศจากความลำเอยี ง จะช่วยให้เรารูจ้ กั และเขา้ ใจตนเองไดถ้ ูกต้อง
ดยี ิ่งขึ้น
การรู้จักและเข้าใจตนเองอย่างถ่องแท้และตรงตามความเป็นจริง ช่วยให้ได้ทราบข้อบกพร่องของตัวเองและหาทาง
ทีจ่ ะปรบั ปรุงแก้ไข ซึ่งจะทำให้ใดพ้ ฒั นานิสัยท่ีดี สามารถปรบั ตัวอยูร่ ่วมกบั ผอู้ ่ืนในสงั คมได้อยา่ งมีความสุข
นอกจากนี้การรู้จักและเข้าใจตนเองอย่างแท้จริงยังเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการเลือกอาชีพในอนาคต หากบุคคลเลือก
ประกอบอาชีพทส่ี อดคล้องกบั ลกั ษณะนิสัยของตน ย่อมส่งผลให้บคุ คลมีความสุข ความสำเรจ็ และความกา้ วหนา้ ในอาชพี น้ัน ๆ อีก
ด้วย
4.6.5 การยอมรับผู้อ่ืน
เทคนิคที่จะช่วยกระตุ้นให้ผู้อื่นเปิดเผยตนเองและเสริมสร้างความเป็นกนั เองได้มากขึน้ ทำให้งานประสบความสำเร็จตาม
เป้าหมาย เกิดการยอมรบั ผู้อื่น มแี นวปฏิบตั ดิ งั น้ี
1. ตอ้ งตั้งใจฟังและฟงั อยา่ งเข้าใจ ซ่งึ เปน็ การแสดงออกถึงลักษณะการยอมรบั การตง้ั ใจฟังและการรบั ฟังนอกจาก
เป็นการแสดงออกถึงความสนใจและความจริงใจท่มี ีตอ่ เรื่องน้นั ๆ แลว้ ยงั ทำให้ผ้พู ูดรู้สกึ วางใจผฟู้ งั มากย่ิงข้ึนดว้ ย
2. แสดงความรู้สึกชื่นชม เพราะคนขอบให้ผู้อื่นนิยมชมชอบ และเห็นเป็นคนสำคัญมีคุณค่ากรแสดงคำชม
อย่างเหมาะสมจะชว่ ยให้ผู้อ่นื เกิดความรู้สกึ พงึ พอใจ ใหก้ ารยอมรับ เกิดผลคือ ความสงบสขุ ความเข้าใจและความเห็นใจกัน
และกัน
4.7 ลกั ษณะของผทู้ ี่รู้จกั และเขา้ ใจตนเอง
ง 4.7.1 หาตวั เองจนพบ
หาตัวเองจนพบว่า มีข้อดีและข้อเสียอะไรบ้างและยอมรับ เมื่อรู้จักตนเองและเลือกเดินในทางที่ถูกสำหรับตนเอง
แล้วกส็ ามารถประสบความสำเร็จและมีความสขุ ได้
4.7.2 ภมู ิใจในตนเองและไมพ่ ยายามเปน็ เหมอื นผอู้ ืน่
ทุกคนมเี อกลักษณ์ประจำตวั ทแ่ี ตกต่างกันออกไป แต่ส่งิ สำคัญคือต้องมีความภูมิใจในสง่ิ ที่ตนเองเป็น บางคนชีวิตเป็นทุกข์
เพราะพยายามอยากจะเป็นเหมอื นผอู้ ื่น
4.7.3 ช่ืนชมกับความสำเรจ็ ของตนเอง
วิธีง่าย ๆ ที่สามารถชื่นชมกับความสำเร็จของตนเองได้คือเริ่มจากความตั้งใจทำอะไรบางอย่างที่เป็นเรื่องใกล้ตัว
ในกิจวัตรประจำวันและต้องทำให้สำเร็จ เมื่อคิดริเริ่มหรือต้ังใจจะทำอะไรแล้วสามารถทำได้สำเร็จตามความตั้งใจก็จะสร้าง
ความภาคภูมิใจให้กับตัวเองได้อย่างมาก ซึ่งผู้ที่รู้จักตนเองจะสามารถประสบความสำเร็จได้มากกวา่ และง่ายกว่าผู้ที่ไม่รู้จักตนเอง
เพราะผู้ที่รู้จักตนเองจะสามารถประเมินได้ว่าทำแค่ไหนอย่างไร จึงจะไปถึงจุดหมายที่ตั้งใจไว้ได้โดยที่จะไม่ทำอะไรเกินตัว
หรือเกินกำลังของตนเอง เมื่อสามารถทำสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ใกล้ตัวได้แล้วก็ค่อย ๆ พัฒนาไปเป็นเรื่องที่ใหญ่ขึ้นในระดับสังคมหรอื
องคก์ าร
4.7.4 ยอมรับความผดิ พลาดของตัวเอง
การไมย่ อมรบั ความผดิ พลาดของตนเองเปน็ สง่ิ ท่ีแสดงว่าไม่รจู้ ักตวั เอง เพราะไมม่ ีใครในโลกนี้ทีไ่ ม่เคยพบกับความผิดพลาด
หรือผิดหวัง หากเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเพราะตนเอง ต้องยอมรับให้ได้โดยไม่โทษหรือตำหนิตัวเองแต่พยายามที่จะหาทางแก้ไข
ความผิดพลาดน้ัน และยอมรบั ความจริงอย่างเข้มแข็ง โดยไม่หนีความผดิ ต้องยอมรับให้ได้ เพราะเป็นการแสดงถึงการรูจ้ ักตนเอง
และเป็นสิง่ ทท่ี ำใหส้ ามารถดำเนินชีวติ ไดอ้ ยา่ งมคี วามสุข
4.8 ลักษณะของผ้ทู ่ีไม่รู้จักและเข้าใจตนเอง
ง 4.8.1 คิดวา่ ตัวเองไม่มคี ่า
ชอบประเมินตนเองต่ำกว่าความเป็นจริง ชอบโทษตัวเองว่า โง่ แย่ ผิดทำไม่ได้ ล้มเหลวน่าเกลียด บางรายเป็นมาก
ถึงขนาดท่ีคดิ ว่าตัวเองไมค่ วรจะเกดิ มาเลย อาจจะมพี ฤติกรรมในการทำร้ายตนเองหรืออาจรา้ ยแรงถึงขน้ั คดิ ฆา่ ตวั ตายในท่สี ดุ
4.8.2 ไม่คิดถึงอนาคต
จะดำเนินชีวิตแบบอยู่ไปวัน ๆ เพราะขาดแรงจูงใจในการดำเนินชีวิต เพราะไม่รู้จักตนเองว่ามีชีวิตอยู่ไปเพ่ืออะไร ขี้เกียจ
เฉอื่ ยซา สกปรก มกั จะมีปัญหาในการเรยี น การทำงาน พาลเกเร ตดิ สุราหรือ เสพยา
4.8.3 ชอบโทษผู้อื่น
ชอบประเงนิ ตนเองสูงกว่าความเปน็ จรงิ คิดว่าตนเองเก่ง ปฏบิ ัติถกู ต้อง และดกี วา่ ผู้อ่ืนมักไมช่ อบฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
และเอาความคดิ ของตนเองเป็นใหญ่ โออ้ วดและดูถูกผ้อู ืน่ ว่าด้อยกว่าตนเองเสมอ
นอกจากนั้นหากได้มีการประเมินสถานการณ์หรือประเมินตัวเองสม่ำเสมอให้รู้เ ท่าทันการเปลี่ยนแปลงและปฏิบัติเป็น
กิจวัตร ประโยชน์สุขจะเกิดกับตนเอง ครอบครัว องค์การ ชุมชนท้องถิ่น และประเทศชาติ บุคคลที่นำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ
พอเพียงไปใชไ้ ดผ้ ล มกั จะมคี ุณสมบัตเิ หมอื นกนั หลายอยา่ ง เชน่ มีความเพียร มคี วามซอื่ สัตย์ สนกุ สนาน เปน็ ตน้
4.9 การรจู้ ักและเข้าใจตนเองนำไปสกู่ ารพฒั นาสังคมและชมุ ชน
ง แต่ละบุคคลมีชีวิตแตกตา่ งกนั ไปตามแบบแผนของสงั คมท่ีสลับชับซอ้ นซึ่งเปล่ยี นแปลงและพฒั นาตลอดเวลาทุกคนมีความ
ต้องการท่ีจะประสบความสำเร็จในชีวิต คนไทยโชคดีทีม่ ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั รัชกาลที่ 9 ทรงชี้แนะและมอบแนวทางใน
การดำรงชีวิตในทางสายกลางที่สมดุล คือ มีความพอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันภายใต้เงื่อนไขของความรู้และคุณธรรม
ทเ่ี รยี กวา่ เศรษฐกิจพอเพียง ชีวิตความเป็นอยขู่ องคนเกีย่ วขอ้ งท้ังด้านเศรษฐกิจ สงั คม การเมอื งการปกครอง และอื่น ๆ โดยเฉพาะ
ด้านเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นความจำเป็นพืน้ ฐานที่แต่ละคนมีระดับความต้องการไม่เท่ากัน เพราะแต่ละคนย่อมมีโอกาสของการพัฒนา
ที่แตกต่างกันออกไป เช่น ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ การสร้างรายได้การใช้ประโยชน์ จากทรัพยากร เป็นต้น
ในขณะเดียวกันด้านสังคมเริ่มต้นจากการดำรงชีวิตจะมองถึงความสามารถในการพึ่งตนเอง ความร่วมมือของคนในครอบครัว
และคนรอบขา้ ง สมาชิกในสงั คมให้การยอมรับ มีความมั่นคงในการดำรงชวี ิต เปน็ ตน้ ดังน้นั การพัฒนาชีวติ ควรดำเนนิ การดงั นี้
1. ค้นหาความต้องการของตนเองให้พบว่า มีความต้องการอะไร มีป้าหมายในการดำเนินชีวิตอย่างไร เช่น ต้องการมชี ีวิต
ที่มีอนาคตก้าวหน้า มีความเปน็ อิสระ มีเวลาเพื่อครอบครัวและสังคมมที รพั ย์สนิ เพียงพอ มีความสุข หลุดพ้นจากความยากลำบาก
เปน็ ตน้
2. วิเคราะห์ข้อมูลของตนเองและครอบครัว ซึ่งจะทำให้รู้สถานภาพ สาเหตุของปัญหา ปัจจัยต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ผลกระทบตา่ ง ๆ ท่ีเกดิ ขนึ้ ทง้ั ทางด้านเศรษฐกิจ สงั คม เทคโนโลยี และทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดลอ้ ม
(1) ศักยภาพของตนเอง เช่น ความรู้ ความสามารถ ความชำนาญ (ทักษะ) ชื่อเสียง ประสบการณ์ความมั่นคง
ความก้าวหน้า สภาพทางการเงนิ การสรา้ งรายไดก้ ารใช้จา่ ย การออม คุณธรรมและศลี ธรรม
(2) ศักยภาพของครอบครวั เช่น วิถีการดำรงชีวิต ภาวะเศรษฐกิจของครอบครัว ความเชื่อทัศนคติ ค่านิยม วัฒนธรรม
ประเพณี คุณภาพชีวิตของคนในครอบครัว ฐานะทางสังคม ฐานะทางการเงินที่เป็นทรัพย์สินและหนี้สินของครัวเรือน
รายได้ รายจา่ ย ของครัวเรือน
3. วางแผนการดำเนนิ ชวี ิต
(1) พฒั นาตนเอง ใหม้ กี ารเรยี นร้ตู ่อเนื่อง (ไฝเรยี นร้)ู สรา้ งวนิ ัยกบั ตนเอง โดยเฉพาะวินัยทางการเงิน
(2) สร้างนิสัยที่มีความคิดก้าวหน้ามุ่งมั่นในเป้าหมายชีวิต หมั่นพิจารณาความคิด ตัดสินใจแก้ปัญหาเป็นระบบโดยใช้
ความรู้ (ทร่ี อบรู้ รอบคอบ ระมดั ระวัง มีความรับผดิ ชอบตอ่ ตนเอง สังคม และครอบครัว
(3) หมน่ั บรหิ ารจิตใจใหม้ ีความซอ่ื สตั ย์ สจุ ริต รักชาติ เสียสละ สามัคคี เท่ยี งธรรม ศีลธรรม
(4) ควบคุมจติ ใจใหต้ นเองประพฤติในสง่ิ ที่ดงี าม สร้างสรรค์ ความเจรญิ รงุ่ เรอื ง
(5) พัฒนาจิตใจ ให้ลด ละ เลกิ อบายมขุ กเิ ลส ตัณหา ความโกรธ ความหลง
(6) เสริมสร้างและฟื้นฟูความรู้และคุณธรรมของตนเองและครอบครัว เช่น เข้ารับการฝึกอบรมฝึกทักษะ
ในวิชาการต่าง ๆ หรอื วิชาชพี หม่ันตรวจสอบและแกไ้ ขข้อบกพรอ่ งอยา่ งสมำ่ เสมอ
(7) ปรบั ทศั นคติในเชิงบวกและมีความเปน็ ไปได้
4. จดบนั ทึกและทำบญั ชรี ับ-จา่ ย
5. สรุปผลการพัฒนาตนเองและครอบครัว โดยพิจารณาจาก
(1) รา่ งกายมสี ุขภาพ สมบูรณ์ แข็งแรง
(2) ต้องไม่เครียด มีเหตุผล มีความเชื่อมั่น มีความคิดเป็นระบบเป็นขั้นตอน มีแรงจูงใจ กล้าคิดกล้าทำ ไม่ท้อถอย
หรือหมดกำลงั ใจ เมื่อประสบปญั หาในชวี ิต
(3) ลด ละ เลิกส่งิ ชุมเฟือย ไดแ้ ก่ รถป้ายแดง บตั รเครดติ โทรศัพทม์ ือถือ สถานเรงิ รมย์ สรุ า บุหรก่ี ารพนนั
ดงั น้นั สงิ่ สำคัญคอื การรจู้ กั ตวั เองซงึ่ เป็นรากฐานแห่งการนำชวี ิตไปสจู่ ุดมุ่งหมายอยา่ งราบร่นื เป็นการเรียนรู้เกีย่ วกับตัวเอง
ทำให้รู้จักและเข้าใจตนเอง และได้รู้ข้อดีข้อเสียของตนเอง ข้อดีทำให้เกิดความ-ภาคภูมิใจในตนเอง ส่วนข้อเสียเป็นสิ่งที่ควร
นำมาปรับปรุงตนเอง ปกติคนเรามักจะคิดว่า รู้จักตัวเองดี และมองว่าตนเองเป็นคนดี ทำถูกเสมอ ซึ่งอาจไม่ตรงกับความคิดเหน็
ของบุคคลอื่น และทำให้เกิดความขัดแย้งส่งผลกระทบต่อการเสริมสร้างมนุษยสัมพันธ์ การแก้ปัญหาต้องแก้ไขที่ตนเอง
ดังนั้นจึงควรรู้จักและเข้าใจตนเอง ดัง โสกราตีส นักปราชญ์ชาวกรีกไดก้ ล่าวไว้ว่า "ชีวิตที่ไม่ได้ตรวจสอบ เป็นชีวิตท่ีไร้ค่า" จึงต้อง
ทำให้ชีวิตมีคุณค่าโดยการพัฒนาตนเองตามแนวปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นการทำให้เกิดการพัฒนาตนเองให้รู้เท่าทัน
รจู้ ักเลอื กเฟน้ และรจู้ กั ปรับตวั ให้เหมาะสมกับยุคสมัยอยเู่ สมอ ใหส้ ามารถดำรงอยูไ่ ด้อย่างปกติสุข ด้วยความสามารถท่ีพึ่งตนเองได้
และยืนหยัดอย่างมั่นคงและยั่งยืน สร้างอุปนิสัย "อยู่อย่างพอเพียง" เพื่อให้สามารถรักษาสมดุลในการดำเนินชีวิต
และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลาได้อย่างมีสติ ตลอดจนใช้ปัญญาความรู้ในทางที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง
และส่วนรวม ทั้งในปัจจุบันและอนาคต