สมนุ ไพร
พณั ณดิ า แย้มสกลุ กล่มุ 31 เลขท่ี 27
ญาณัฐฉรา ค้มุ มงคล กล่มุ 31 เลขท่ี 54
รายงานนี้เป็ นส่วนหนง่ึ ของการศึกษาวิชาการค้นคว้าและการเขียนรายงานเชิงวชิ าการ
สาขาการจัดการการโรงแรม คณะศิลปศาสตร์
มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยีราชมงคลธญั บรุ ี
ภาคเรียนท่ี 1 ปี การศึกษา 2564
สมนุ ไพร
พณั ณิดา แยม้ สกุล กลุ่ม 31 เลขที่ 27
ญาณฐั ฉรา คุม้ มงคล กลุม่ 31 เลขท่ี 54
รายงานน้ีเป็นส่วนหน่ึงของการศึกษาวิชาการคน้ ควา้ และการเขยี นรายงานเชิงวชิ าการ
สาขาการจดั การการโรงแรม คณะศิลปศาสตร์
มหาวิทยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคลธญั บรุ ี
ภาคเรียนท่ี 1 ปี การศึกษา 2564
ก
คานา
รายงานฉบบั น้ีจดั ทาข้ึนเพ่ือปฏิบตั ิการเขียนรายงานการคน้ ควา้ ท่ีถูกตอ้ งอย่างเป็ นระบบ
อนั เป็นส่วนหน่ึงของการศึกษารายวิชา 01-210-017 การคน้ ควา้ และการเขียนรายงานเชิงวิชาการ ซ่ึง
จะนาไปใช้ในการทารายงานค้นควา้ สาหรับรายวิชาอื่นได้อีกต่อไป การที่ผูจ้ ดั ทาเลือกทาเรื่อง
“สมุนไพร” เน่ืองดว้ ยในปัจจุบนั สมุนไพรไดร้ ับความนิยมมากข้ึนในประเทศ ประชาชนท่ีมีกาลงั
ซ้ือค่อนขา้ งต่า จึงหนั มาใชส้ มุนไพรกนั มากข้ึน ดงั น้นั จึงมีความจาเป็นอยา่ งมากที่จะตอ้ งนาเสนอ
ความรู้ความเขา้ ใจท่ีถูกตอ้ งเกี่ยวกบั สมนุ ไพร
รายงานเล่มน้ีกล่าวถึงเน้ือหาเกี่ยวกบั ชนิดกลมุ่ ของสมนุ ไพร สรรพคณุ ของสมุนไพร เหมาะ
สาหรับผทู้ ่ีตอ้ งการรับรู้ความเขา้ ใจเก่ียวกบั สมุนไพรท่ีถกู ตอ้ งและทราบถึงสรรพคุณ และประโยชน์
ของสมนุ ไพรอยา่ งแทจ้ ริง
ขอบคุณ ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. พนิดา สมประจบ ท่ีกรุณาให้ความรู้และคาแนะนาโดย
ตลอดและขอขอบคณุ บรรณารักษแ์ ละเจา้ หนา้ ท่ีของสานกั วทิ ยบริการและเทคโนโลยสี ารสนเทศ ที่
ให้ความสะดวกในการคน้ หาขอ้ มูล รวมไปถึงท่านเจา้ ของหนังสือ บทความ งานวิจยั ท่ีผูเ้ ขียนใช้
อา้ งอิงทุกทา่ นหากมีขอ้ บกพร่องประการใด ผเู้ ขยี นขอนอ้ มรับไวเ้ พอื่ ปรับปรุงต่อไป
พณั ณิดา แยม้ สกลุ
ญาณฐั ฉรา คมุ้ มงคล
19 ตลุ าคม 2564
สารบญั ข
คานา หน้า
สารบญั ภาพประกอบ ก
บทที่ จ
1 บทนา 1
1.1 ความหมายของสมนุ ไพร 2
1.2 ความเป็นมาของสมนุ ไพร 2
1.3 ความสาคญั ของสมุนไพร 3
1.3.1 ความสาคญั ดา้ นสาธารณสุข 3
1.3.2 ความสาคญั ดา้ นเศรษฐกิจ 3
1.4 ประโยชนข์ องสมุนไพร 4
5
2 ชนิดของกล่มุ สมุนไพร 5
2.1 กลมุ่ ยาลดไขมนั ในเสน้ เลือด 5
2.1.1 ขิง 6
2.1.2 กระเทียม 7
2.1.3 กระเจี๊ยบแดง 8
2.1.4 ตรีผลา 9
2.1.5 ดอกคาฝอย 10
2.2 กลุม่ ยารักษาโรคผิวหนงั ผนื่ คนั กลาก เกล้ือน 10
2.2.1 ขมิน้ ชนั 11
2.2.2 ข่า
สารบญั (ต่อ) ค
2.2.3 ชุมเห็ดเทศ หนา้
2.2.4 ตาลึง 12
2.2.5 เทียนบา้ น 13
2.2.6 ทองพนั ชงั่ 14
3 สรรพคณุ ของสมุนไพร 15
3.1 กระเจ๊ียบแดง 16
3.1.1 สรรพคุณของกระเจ๊ียบแดง 16
3.2 ดอกคาฝอย 17
3.2.1 สรรพคณุ ของดอกคาฝอย 18
3.3 เสาวรส 19
3.3.1 สรรพคณุ ของเสาวรส 20
3.4 กระดงั งาไทย 21
3.4.1 สรรพคณุ ของกระดงั งาไทย 22
3.5 มะลิลา 23
3.5.1 สรรพคณุ ของมะลิลา 24
3.6 ขา่ 25
3.6.1 สรรพคณุ ของขา่ 26
3.7 ขมิ้นชนั 27
3.7.1 สรรพคุณของขมิ้นชนั 28
29
สารบัญ (ต่อ) ง
3.8 เหงือกปลาหมอ หนา้
3.8.1 สรรพคณุ ของเหงือกปลาหมอ 30
31
3.9 พิลงั กาสา 32
3.9.1 สรรพคุณของพลิ งั กาสา 33
34
3.10 วา่ นมหากาฬ 35
3.10.1 สรรพคุณของวา่ นมหากาฬ 36
37
4 สรุป 38
บรรณานุกรม 39
บรรณานุกรม (ต่อ)
บรรณานุกรม (ต่อ)
สารบญั ภาพประกอบ จ
ภาพท่ี หน้า
1 ขิง 5
2 กระเทียม 6
3 กระเจ๊ียบแดง 7
4 ตรีผลา 8
5 ดอกคาฝอย 9
6 ขมิ้นชนั 10
7 ข่า 11
8 ชุมเห็ดเทศ 12
9 ตาลึง 13
10 เทียนบา้ น 14
11 ทองพนั ชง่ั 15
12 กระเจ๊ียบแดง 16
13 ดอกคาฝอย 18
14 เสาวรส 20
15 ดอกกระดงั งา 22
16 ดอกมะลิลา 24
17 ข่า 26
18 ขมิ้นชนั 28
19 เหงืแกปลาหมอ 30
20 ผลพลิ งั กาสา 32
21 วา่ นมหากาฬ 34
1
บทที่ 1
บทนา
พืชสมุนไพรเป็นผลผลิตจากธรรมชาติท่ีมนุษยร์ ู้จกั นามาใชเ้ ป็นประโยชน์ เพื่อการรักษา
โรคภยั ไขเ้ จ็บต้งั แต่โบราณกาลแลว้ สามารถรักษาโรคบางชนิดไดโ้ ดยไม่ตอ้ งใชย้ าแผนปัจจุบนั ซ่ึง
บางชนิดอาจมีราคาแพง และตอ้ งเสียค่าใชจ้ ่ายมาก อีกท้งั ยงั อาจหาซ้ือไดย้ ากในทอ้ งถ่ินซ่ึงแตกต่าง
จากสมุนไพรน้นั สามารถหาไดง้ ่ายในทอ้ งถิ่นเพราะส่วนใหญ่ไดจ้ ากพืชซ่ึงมีอยู่ทว่ั ไปท้งั ในเมือง
และชนบทใช้เป็ นยาบารุงรักษาให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรงใชเ้ ป็ นยาฆ่าแมลงในสวนผกั ใช้ปรุง
แตง่ กล่ิน สี รส ของอาหาร เป็นการอนุรักษม์ รดกไทยใหป้ ระชาชนในแต่ละทอ้ งถ่ิน รู้จกั ช่วยตนเอง
ในการนาพืชสมุนไพรในทอ้ งถิ่นของตนมาใชใ้ หเ้ กิดประโยชน์ตามแบบแผนโบราณทาใหค้ นเห็น
คุณค่าและกลบั มาดาเนินชีวิตใกลช้ ิดธรรมชาติย่งิ ข้ึนทาให้เกิดความภูมิใจในวฒั นธรรมและคุณค่า
ของความเป็ นไทย
การนาพืชสมุนไพรมาทาเป็ นยารักษาโรค จาเป็ นจะตอ้ งมีความรู้เร่ืองสรรพคุณท่ีถูกตอ้ ง
และความเชี่ยวในการนามาใช้ประโยชน์ ซ่ึงหากนามาใช้ผิดวิธี ก็อาจเกิดผลเสียต่อสุขภาพ เกิด
อนั ตรายต่อร่างกายและชีวิตได้ ก่อนจะนามาใช้เราจาเป็ นจะตอ้ งศึกษาสรรพคุณ การใชแ้ ละการ
รับประทานที่ถูกตอ้ งเหมาะสม
2
1.1 ความหมายของสมุนไพร
คาว่า สมุนไพร ตามพระราชบญั ญตั ิหมายความถึง ยาท่ีไดจ้ ากพืช สัตว์ และแร่ ซ่ึงยงั มิไดม้ ี
การผสมปรุงหรือแปรสภาพ (ยกเวน้ การทาใหแ้ หง้ ) เช่น พชื กย็ งั คงเป็นส่วนของราก ลาตน้ ใบ ดอก
ผล ฯลฯ ยงั ไม่ไดผ้ ่านข้นั ตอนการแปรรูปใดๆ เช่น การหน่ั การบด การกลน่ั การสกดั แยก รวมท้งั
การผสมกบั สารอ่ืนๆ แต่ในทางการคา้ สมุนไพรมกั จะถูกดดั แปลงในรูปแบบ ต่างๆ เช่น ถกู หน่ั เป็น
ชิ้นเล็กลง บดให้เป็ นผง อัดให้เป็ นแท่ง หรื อปอกเปลือกออก เป็ นต้น (พจนานุกรมฉบับ
ราชบณั ฑิตยสถาน,พ.ศ. 2525)
1.2 ความเป็ นมาของสมุนไพร
สมนุ ไพร เป็นยาพ้ืนบา้ นแผนโบราณของไทยมาแตอ่ ดีต ความนิยมในการใชส้ มุนไพรได้
ลดถอยลงไปบา้ ง เม่ือเทคโนโลยที างการแพทย์ และเภสชั ศาสตร์สมยั ใหมจ่ ากตะวนั ตกเขา้ มามี
อิทธิพล แตอ่ ยา่ งไรกด็ ีในปัจจุบนั สมุนไพร กลบั มาไดร้ ับความนิยมกนั มาก ในเมืองไทย และโลก
ตะวนั ตก สมนุ ไพร เป็นพชื อีกกลุ่มหน่ึง ซ่ึงมีการปลกู ใชป้ ระโยชนม์ านานแลว้ เพราะบางชนิด
สามารถนามารับประทานเป็นอาหาร ใหค้ ุณคา่ ทางอาหารและยงั ใหร้ สชาติท่ีทาใหเ้ จริญอาหาร
สมนุ ไพรหลายชนิดยงั มีสรรพคณุ เป็นยารักษาโรค ช่วยยอ่ ย อาหาร แกอ้ าการทอ้ งอึด ทอ้ งเฟ้อ ใน
อดีตรากฐานของวิชา สมุนไพร ในประเทศไทยมาจากประเทศอินเดีย สาเหตุเพราะตามหลกั ฐาน
ทางประวตั ิศาสตร์ชาติไทยไดอ้ พยพถ่ินฐานมาจากบริเวณเทือกเขา อลั ไตน์ประเทศจีน มาจนถึง
ประเทศไทยในปัจจุบนั จึงมีส่วนไดร้ ับอิทธิพลทางวฒั นธรรม ประเพณี ศาสนา ตลอดจนการ
บาบดั รักษาโรคจากประเทศอินเดียเป็นจานวนมาก หลกั ฐานท่ีปรากฎชดั ท่ีสุดในคมั ภีร์อายรุ เวท
ของอินเดีย ท่ีเกี่ยวกบั การวินิจฉยั โรค ชื่อ สมุนไพร ที่ใชร้ ักษาโรคมีเคา้ ช่ือของภาษาบาลีสนั สกฤต
อยไู่ ม่นอ้ ย เช่นคาวา่ มะลิ (ภาษาสนั สกฤตวา่ มลั ลิ) เป็นตน้ หากจะสืบสาวถึงความเป็นมาของ
เคร่ืองดื่ม สมนุ ไพร ก็มีมาต้งั แตค่ ร้ังสมยั พุทธกาล มีน้าชนิดหน่ึงเรียกวา่ "อชั บาล" หรือ น้าปานะ
ซ่ึงพระสงฆส์ ามารถฉนั น้าชนิดน้ีไดต้ ลอดท้งั วนั แทนการขบเค้ยี วอาหาร หลงั ม้ือเพลตามบญั ญตั ิ
ของพุทธศาสนา น้าปานะน้ีใช้ สมุนไพรไทย หรือพืชผลชนิดท่ีมีความเผด็ ร้อน เช่น ขงิ ข่า กระทือ
ตะไคร้ เป็นตน้ ตม้ ในน้าร้อนและผสมน้าตาลทรายแดงใหพ้ อมีรสปะแล่มๆ ซ่ึงตอ่ มานิยมดื่มกนั
แพร่หลาย
3
1.3 ความสาคัญของสมุนไพร
1.3.1 ความสาคญั ในดา้ นสาธารณสุข พชื สมนุ ไพร เป็นผลผลิตจากธรรมชาติท่ีมนุษยร์ ู้จกั
นามาใช้เป็ นประโยชน์ เพื่อการรักษาโรคภยั ไขเ้ จ็บต้งั แต่โบราณมาแล้ว เช่น ในเอเชียก็มี
หลักฐานแสดงว่ามนุษย์รู้จักใช้พืชสมุนไพรมากว่า ๖,๐๐๐ ปี แต่หลังจากที่ความรู้ด้าน
วทิ ยาศาสตร์ มีการพฒั นาเจริญกา้ วหนา้ มากข้ึน มีการสังเคราะห์และผลิตยาจากสารเคมี ในรูปที่
ใชป้ ระโยชน์ไดง้ ่าย สะดวกสบาย ทาให้ความนิยมใช้ยาสมุนไพรลดลงมา เป็ นเหตุให้ความรู้
วิทยาการดา้ นสมุนไพรขาดการพฒั นา ไม่เจริญกา้ วหนา้ เท่าที่ควร ในปัจจุบนั ทวั่ โลกไดย้ อมรับ
แลว้ ว่าผลที่ไดจ้ ากการสกัดสมุนไพร ให้คุณประโยชน์ดีกว่ายาท่ีได้จากการสังเคราะห์ทาง
วิทยาศาสตร์ประกอบกบั ในประเทศไทยเป็ นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติ อนั อุดมสมบูรณ์ มีพืช
ตา่ ง ๆ ท่ีใชเ้ ป็นสมนุ ไพรไดอ้ ยา่ งมากมาย
1.3.2 ความสาคญั ในดา้ นเศรษฐกิจ ในปัจจุบนั พืชสมุนไพรจดั เป็นพืชเศรษฐกิจชนิดหน่ึง
ท่ีต่างประเทศกาลงั หาทางลงทุนและคดั เลือกสมุนไพรไทยไปสกดั หาตวั ยาเพื่อรักษาโรคบาง
โรคและมีหลายประเทศท่ีนาสมุนไพรไทยไปปลูกและทาการค้าขายแข่งกับประเทศไทย
สมุนไพรหลายชนิดที่เราส่งออกเป็ นรูปของวตั ถุดิบคือ กระวาน ขมิ้นชนั เร่ว เปลา้ น้อย และ
มะขามเปี ยก เป็ นตน้ ซ่ึงสมุนไพรเหล่าน้ีตลาดต่างประเทศยงั คงมีความตอ้ งการอีกมาก ใน
ปัจจุบนั กรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไดใ้ ห้ความ
สนใจในการศึกษาเพ่ิมข้ึนและมีโครงการวิจยั บรรจุไวใ้ นแผนพฒั นาระบบการผลิต การตลาด
และการสร้างงานในแผนพฒั นาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบบั ท่ี ๖ (พ.ศ. ๒๕๓๐-๒๕๓๔)
เพื่อหาความเป็ นไปไดใ้ นการพฒั นาคุณภาพและแหล่งปลูกสมุนไพรเพื่อส่งออก โดยกาหนด
ชนิดของสมุนไพรท่ีมีศกั ยภาพ ๑๓ ชนิด คือ มะขามแขก กานพลู เทียนเกล็ดหอย ดองดึง เร่ว
กระวาน ชะเอมเทศ ขมิน้ จนั ทร์เทศ ใบพลู พริกไทย ดีปลี และน้าผ้ึง
4
1.4 ประโยชน์ของสมุนไพร
- สามารถรักษาโรคบางชนิดได้ โดยไมต่ อ้ งใชย้ าแผนปัจจุบนั ซ่ึงบางชนิดอาจมีราคาแพง
และตอ้ งเสียคา่ ใชจ้ ่ายมาก อีกท้งั อาจหาซ้ือไดย้ ากในทอ้ งถ่ินน้นั
- ให้ผลการรักษาไดด้ ีใกลเ้ คียงกบั ยาแผนปัจจุบนั และใหค้ วามปลอดภยั แก่ผูใ้ ชม้ ากกว่า
แผนปัจจุบนั
- สามารถหาไดง้ ่ายในทอ้ งถ่ินเพราะส่วนใหญ่ไดจ้ ากพืชซ่ึงมีอยู่ทว่ั ไปท้งั ในเมืองและ
ชนบท
- มีราคาถูก สามารถประหยดั ค่าใช้จ่ายในการซ้ือยาแผนปัจจุบนั ท่ีตอ้ งสั่งซ้ือจากต่าง
ประเทศเป็ นการลดการขาดดุลทางการคา้
- ใชเ้ ป็นยาบารุงรักษาใหร้ ่างกายมีสุขภาพแขง็ แรง
- ใชเ้ ป็นอาหารและปลูกเป็นพืชผกั สวนครัวได้ เช่น กะเพรา โหระพา ขงิ ขา่ ตาลึง
- ใชใ้ นการถนอมอาหารเช่น ลกู จนั ทร์ ดอกจนั ทร์และกานพลู
- ใชป้ รุงแต่ง กลิ่น สี รส ของอาหาร เช่น ลูกจนั ทร์ ใชป้ รุงแต่งกล่ินอาหารพวก ขนมปัง
เนย ไส้กรอก แฮม เบคอน
- สามารถปลกู เป็นไมป้ ระดบั อาคารสถานที่ตา่ ง ๆ ใหส้ วยงาม เช่น คูน ชุมเห็ดเทศ
- ใชป้ รุงเป็นเคร่ืองสาอางเพอื่ เสริมความงาม เช่น วา่ นหางจระเข้ ประคาดีควาย
- ใชเ้ ป็นยาฆา่ แมลงในสวนผกั , ผลไม้ เช่น สะเดา ตะไคร้ หอม ยาสูบ
- เป็นพืชท่ีสามารถส่งออกทารายไดใ้ หก้ บั ประเทศ เช่น กระวาน ขมิ้นชนั
5
บทที่ 2
ชนิดของกลุ่มสมนุ ไพร
2.1 กลุ่มยาลดไขมันในเส้นเลือด
ภาวะไขมนั ในเลือดสูง หรือภาวะไขมนั ในเลือดผิดปกติ (Dyslipidemia) คือ ระดบั ไขมนั
ในเลือดท่ีมีคอเลสเตอรอล มากกว่า 200 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ระดบั ไตรกรีเซอไรด์ มากกว่า 150
มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ระดับ (HDL-cholesterol) (HDL-C) หรือไขมนั ดี น้อยกว่า 40 มิลลิกรัมต่อ
เดซิลิตร ระดบั (LDL-cholesterol) (LDL-C) หรือไขมนั เลวมากกว่า 130 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร โดย
ยิ่งหากมีไขมนั ตวั ร้ายมาก ก็ย่ิงก่อปัญหาหลอดเลือดอุดตนั ไดม้ าก ส่งผลกระทบให้เกิดโรคหลอด
เลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดส่วนปลาย หลอดเลือดสมองตีบ แตก ตนั ในทางกลบั กันหากยิ่งมี
ปริมาณไขมันตัวดีสูง ก็จะส่งผลดีกับร่างกายมากข้ึน เพราะไขมันตัวดีจะทาหน้าท่ีเก็บไขมัน
ส่วนเกินจากผนงั หลอดเลือดกลบั ไปทาลายที่ตบั
2.1.1 ขิง
ภาพท่ี 1 ขิง (อภยั ภูเบศร, 2020 : ออนไลน์)
มีการศึกษาหน่ึงของต่างประเทศพบว่า การรับประทานขิงแคปซูลวนั ละ 3 กรัมต่อวนั
โดยแบ่งให้วนั ละ 3 เวลา เป็ นเวลา 45 วนั สามารถลดระดบั ไขมนั คอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์
นอกจากน้ีขงิ ยงั มีป้องกนั การเกาะกลุ่มของเกลด็ เลือด ป้องกนั การอดุ ตนั ของหลอดเลือดไดอ้ ีกดว้ ย
6
2.1.2 กระเทียม
ภาพท่ี 2 กระเทียม
นอกจากจะลดความดนั ไดแ้ ลว้ ยงั มีผลลดไขมนั ในเลือดได้ โดยมีการศึกษาพบว่า เพียง
คุณทานกระเทียมวนั ละ 1-2 กลีบ หรือทานในรูปแบบผงกระเทียม 600-900 มิลลิกรัมต่อกรัม เป็น
เวลา 2 เดือนข้ึนไป จะมีผลลดไขมนั คอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ โดยมีการศึกษาหน่ึงพบวา่
หากทานเป็นเวลา 16 สัปดาห์ สามารถลดไขมนั คอเลสเตอรอลได้ 12% ลดไขมนั ไตรกลีเซอไรด์ได้
17%
หมายเหตุ : ควรระวงั การทานกระเทียมและขิงในรูปแบบสารสกดั หรือการรับประทานในปริมาณ
มากในผูป้ ่ วยท่ีมีการทานยาละลายล่ิมเลือดร่วมดว้ ย เพราะกระเทียมและขิง อาจมีผลเพ่ิมฤทธ์ิยา
ละลายลิ่มเลือด โดยเฉพาะยาวาร์ฟาริน (อภยั ภูเบศร, 2020 : ออนไลน)์
7
2.1.3 กระเจี๊ยบแดง
ภาพที่ 3 กระเจ๊ียบแดง
มีสารออกฤทธ์ิสาคญั คือ แอนโทไซยานิน ซ่ึงพบวา่ มีผลลดระดบั ไขมนั ชนิดไตรกลีเซอ
ไรด์ได้ดีมาก ลดไขมนั ชนิดร้าย (LDL) ลดคอเลสเตอรอล อีกท้ังยงั มีผลช่วยเพ่ิมระดับไขมนั ดี
(HDL) โดยเห็นผลเมื่อด่ืมชาชงกระเจ๊ียบวนั ละ 2 เวลา เป็ นเวลาติดต่อกนั อย่างนอ้ ย 1 เดือน (อภยั
ภูเบศร, 2020 : ออนไลน์)
8
2.1.4 ตรีผลา
ภาพที่ 4 ตรีผลา
ตารับสมนุ ไพรท่ีประกอบข้นึ ดว้ ยผลไมส้ ามอยา่ งคือ สมอไทย สมอพเิ ภกและมะขามป้อม
มีผลลดระดบั ไขมนั คอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ได้ โดยอาจทานต่อเน่ืองอย่างนอ้ ยคืนละ 1
แกว้ ต่อเน่ืองทุกคืน นอกจากจะลดไขมนั ในเลือดได้แลว้ ตรีผลายงั มีส่วนช่วยในการรักษาภาวะ
ไขมนั พอกตบั อีกดว้ ย (fatty liver) (อภยั ภเู บศร, 2020 : ออนไลน)์
9
2.1.5 ดอกคาฝอย
ภาพที่ 5 ดอกคาฝอย
มีสารสีเหลืองสม้ คนโบราณใชใ้ นการแต่งสีอาหาร โดยการนากลีบดอกมาแช่น้าร้อน ซ่ึง
สารน้ันมีช่ือว่า (Carthamin) และ (Sufflower yellow) อีกท้งั ในเมล็ดดอกคาฝอยยงั มีน้ามนั ระเหย
ยาก เรียกวา่ น้ามนั เมล็ดดอกคาฝอย มีส่วนประกอบของกรดไขมนั ชนิดไม่อิ่มตวั หลายชนิด มีผลลด
ระดบั คอเลสเตอรอลและไขมนั ตวั ร้าย (LDL) และป้องกนั การอุดตนั ของไขมนั ในเลือด รวมท้งั มีผล
ในการป้องกนั โรคหัวใจไดด้ ว้ ย โดยอาจรับประทานในรูปแบบชาชงวนั ละ 1 คร้ัง คร้ังละ 1 ซอง
ตอนเยน็ หรือก่อนนอน (อภยั ภูเบศร, 2020 : ออนไลน)์
10
2.2 กลุ่มยารักษาโรคผิวหนงั ผื่นคนั กลากเกลื้อน
โรคผิวหนัง (Skin Disease) คือโรคภยั อีกชนิดท่ีพบไดม้ ากในประเทศไทยท่ีเต็มไปดว้ ย
อากาศร้อนอบอา้ ว และมลพษิ ซ่ึงโรคผวิ หนงั หลายโรคน้นั ถูกมองขา้ มไป เน่ืองจากมนั พบไดง้ ่ายใน
ชีวิตประจาวนั หลายคนมีความสับสนเก่ียวกบั โรคผิวหนงั เนื่องจากมนั เป็ นโรคที่มีชนิดแยกย่อย
ออกมามากมาย ท้งั ร้ายแรงและไม่ร้ายแรง ซ่ึงหากให้แจกแจงในเชิงลึกจริงๆ โรคผิวหนังจะมีนับ
พนั ๆ ชนิด โดยมีสาเหตุแตกตา่ งกนั ออกไป ไมว่ า่ จะเกิดจากสิ่งแวดลอ้ ม พฤติกรรมการใชช้ ีวิต หรือ
กรรมพนั ธุ์ก็ตาม
2.2.1 ขมิ้นชนั
ภาพที่ 6 ขมิน้ ชนั
แกฝ้ ี แผลพุพอง แกอ้ าการแพอ้ กั เสบ แมลงสัตวก์ ดั ต่อย โดยการนาเหงา้ ขมิ้นไปฝนกบั น้า
ตม้ สุก แลว้ นาไปทาบริเวณท่ีเป็น วนั ละ 3 คร้ัง หรือใชผ้ งขมิน้ ชนั โรยทาบริเวณที่มีอาการผ่ืนคนั จาก
แมลงกดั ตอ่ ย (สุดยอด "สมนุ ไพร" ช่วยรักษา "โรคผิวหนงั " หาไดง้ า่ ยๆใกลต้ วั , 2564 : ออนไลน์)
11
2.2.2 ข่า
ภาพท่ี 7 ข่า
แกก้ ลาก เกล้ือน โดยการนาข่าแก่ๆมาลา้ งให้สะอาด แลว้ ฝานเป็ นแว่นบางๆหรือทุบให้
แตก แลว้ นาไปแช่เหลา้ ขาว 1 คืน โดยก่อนทาใหท้ าความสะอาดบริเวณท่ีเป็น แลว้ ใชไ้ มเ้ ลก็ ๆขดู ผิว
บริเวณน้นั ให้พอแดงๆ เสร็จแลว้ จึงทาน้ายาที่ไดจ้ ากการดองข่ากบั เหลา้ ขาว เชา้ -เยน็ จนกว่าจะหาย
(สุดยอด "สมนุ ไพร" ช่วยรักษา "โรคผวิ หนงั " หาไดง้ า่ ยๆใกลต้ วั , 2564 : ออนไลน์)
12
2.2.3 ชุมเห็ดเทศ
ภาพท่ี 8 ชุมเห็ดเทศ
แกก้ ลาก ให้ใชใ้ บชุมเห็ดเทศสดมาขย้หี รือตาในครกให้ละเอียดแลว้ เติมน้าเลก็ น้อย หรือ
ใชใ้ บชุมเห็ดเทศกบั หวั กระเทียมในสดั ส่วนที่เท่าๆกนั ผสมกบั ปูนแดงเลก็ นอ้ ย (ปูนท่ีกินกบั หมาก)
ตาผสมกนั แลว้ นามาทาบริเวณท่ีเป็นกลาก ก่อนการทาควรใชไ้ มเ้ ลก็ ๆขดู ผวิ ให้พอแดงๆ ทาเชา้ -เยน็
จนกวา่ จะหาย หลงั จากหายแลว้ ให้ทาต่อไปอีก 7 วนั จึงหยุดทาได้ (สุดยอด "สมุนไพร" ช่วยรักษา
"โรคผิวหนงั " หาไดง้ า่ ยๆใกลต้ วั , 2564 : ออนไลน์)
13
2.2.4 ตาลึง
ภาพท่ี 9 ตาลึง
แก้อาการเเพอ้ กั เสบ แมลงกัดต่อย โดยให้ใช้ใบสด 1 กามือ ลา้ งทาความสะอาด ตาให้
ละเอียดผสมน้าเลก็ นอ้ ย แลว้ ค้นั เอาน้านามาทาบริเวณที่มีอาการ ทาซ้าบอ่ ยๆจนกวา่ จะหาย (สุดยอด
"สมุนไพร" ช่วยรักษา "โรคผวิ หนงั " หาไดง้ า่ ยๆใกลต้ วั , 2564 : ออนไลน์)
14
2.2.5 เทียนบา้ น
ภาพที่ 10 เทียนบา้ น
แกอ้ าการเลบ็ ขบ ปวดตามขอ้ มือหรือนิ้วเทา้ ถอนพิษปวดอกั เสบ ปวดร้อน ใหใ้ ชใ้ บและ
ดอกตาพอก แกอ้ าการฝี และแผลพุพอง ใช้ใบสดและดอกสด 1 กามือ ตาให้ละเอียดและพอก ทา
บริเวณท่ีเป็นฝี แผลพุพอง วนั ละ 3 คร้ัง (สุดยอด "สมุนไพร" ช่วยรักษา "โรคผิวหนงั " หาไดง้ ่ายๆ
ใกลต้ วั , 2564 : ออนไลน)์
15
2.2.6 ทองพนั ชงั่
ภาพที่ 11 ทองพนั ชง่ั
รักษากลาก เกล้ือน ใชใ้ บสดหรือรากสด (แบบแหง้ กใ็ ชไ้ ด)้ โดยใชใ้ บ 5-8 ใบ หรือราก 2-
3 ราก ตาให้ละเอียดแลว้ นาไปแช่เหลา้ หรือแอลกอฮอล์ 7 วนั แลว้ จึงนามาทาบริเวณที่เป็ นบ่อยๆ
จนกวา่ จะหาย (สุดยอด "สมนุ ไพร" ช่วยรักษา "โรคผิวหนงั " หาไดง้ ่ายๆใกลต้ วั , 2564 : ออนไลน)์
16
บทที่ 3
สรรพคุณของสมนุ ไพร
3.1 กระเจย๊ี บแดง
กระเจี๊ยบแดง ช่ือวิทยาศาสตร์ (Hibiscus sabdariffa Linn.) จดั อยใู่ นวงศช์ บา
(MALVACEAE)
ภาพที่ 12 กลีบกระเจ๊ียบแดง
17
3.1.1 สรรพคณุ ของกระเจี๊ยบแดง
- ลดความดนั กระเจี๊ยบแดงมีสรรพคุณ ลดไขมนั ในเลือด และยงั มีสรรพคณุ ช่วย ลด
ความดนั สูง รวมท้งั ลดความเหนียวขน้ ของเลือดลง ทาให้การไหลเวียนของโลหิตทว่ั ร่างกายดีข้ึน
ซ่ึงก็ช่วยรักษาเส้นเลือดขอดให้ทุเลาลงไดด้ ว้ ย ถา้ บริโภคกระเจ๊ียบแดง ต่อเน่ืองเป็ นเวลา 1 เดือน
สามารถลดไขมนั ในเสน้ เลือด น้าตาลในเลือด ไขมนั คอเลสเตอรอลได้
- ลดน้าหนกั น้ากระเจี๊ยบแดง ยงั ทานเป็ นยาลดน้าหนกั ได้ แต่ท้งั น้ีอาจทาให้เกิด
อาการทอ้ งเสียไดใ้ นผปู้ ่ วยบางราย เพราะมีฤทธ์ิเป็นยาระบาย
- ลดอากรไอ รสเปร้ียวตามธรรมชาติของ สรรพคุณของกระเจ๊ียบแดง เกิดจากกรด
อินทรียห์ ลายชนิด เช่น กรดแอสคอร์บิก กรดซิตริก กรดมาลิก กรดทาร์ทาริก ซ่ึงมีคณุ สมบตั ิละลาย
เสมหะ บรรเทาอาการไอ
- ป้องกนั โลหิตจาง การทานกระเจี๊ยบแดง จะช่วยป้องกนั การเกิดโรคน้ีได้ เพราะ
สรรพคุณของกระเจ๊ียบ มีธาตุเหลก็ ท่ีเป็นแร่ธาตุสาคญั ต่อร่างกาย ในการช่วยไม่ใหเ้ กิดภาวะโลหิต
จาง
- ไม่เสี่ยงต่อโรคหวั ใจ กระเจี๊ยบแดงมีคุณสมบตั ิพิเศษ เพราะมีฤทธ์ิช่วยยบั ย้งั ความ
เส่ียงของการเกิดโรคหัวใจ เน่ืองจากสารแอนโธไซยานินในกระเจี๊ยบแดง เป็นสารท่ีจะช่วยทาให้
เลือดไม่แข็งตวั และไม่ไปเกาะกบั หลอดเลือดที่จะเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหวั ใจ จึงทาใหร้ ะบบ
ไหลเวยี นเลือดมีความสมดุล
- ป้องกนั นิ่ว การดื่มน้ากระเจี๊ยวเป็นประจาจะช่วยให้ร่างกายสามารถลดความเสี่ยง
ต่อการเกิดนิ่วในท่อปัสสาวะ และโรคไตได้ เพราะในกระเจี๊ยบจะมีสารท่ีช่วยขบั กรดบางชนิด ท่ี
เป็นสาเหตุของการเกิดน่ิวได้ เช่น กรดยรู ิก แคลเซียม และโพแทสเซียม
- ชะลอความชรา น้ากระเจี๊ยบแดง มีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) และสาร
โพลีฟี นอล ซ่ึงได้แก่ (Protocatechuic Acid) ท่ีมีฤทธ์ิต่อตา้ นอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกนั โรคมะเร็ง
ชะลอความแก่ และช่วยใหเ้ สน้ เลือดอ่อนน่ิมได้ (7 ประโยชน์สุดวา้ วจากน้ากระเจี๊ยบท่ีคณุ ตอ้ งอยาก
หามาด่ืม, 2020)
18
3.2 ดอกคาฝอย
ดอกคาฝอย ชื่อวทิ ยาศาสตร์คอื (Carthamus tinctorius L.)
ภาพท่ี 13 ดอกคาฝอย
19
3.2.1 สรรพคุณของดอกคาฝอย
- บารุงหัวใจ การศึกษาทางเภสัชวิทยาพบว่า ดอกคาฝอยมีสารตา้ นอนุมูลอิสระ
ชนิดฟลาโวนอยด์ และอลั คาลอยด์ รวมท้งั สารสีในกลุม่ (Quinochalcone) ซ่ึงมีส่วนช่วยในการป้อง
ปกหวั ใจและหลอดเลือดในกลุ่มสัตวท์ ดลอง เช่นเดียวกบั ชาวจีนที่ศึกษาพบฤทธ์ิทางเภสัชวิทยาว่า
ดอกคาฝอยมีส่วนช่วยป้องกนั โรคหัวใจ เพราะทาใหเ้ ลือดไปเล้ียงหัวใจมากข้ึน ตา้ นการขาดเลือด
ของหวั ใจ รวมท้งั ป้องกนั สภาวะเสน้ เลือดหวั ใจตีบแคบลง
- บารุงโลหิต แกป้ วดประจาเดือน ดอกคาฝอยเป็นยาบารุงเลือดของผหู้ ญิงที่ดีมาก
เพราะมีฤทธ์ิอุ่น จึงมีตารับยาสมุนไพรท่ีใชด้ อกหรือกลีบจากผลดอกคาฝอยมาบารุงโลหิต ขบั เลือด
ขบั ระดูคงั่ คา้ งใหป้ ระจาเดือนมาเป็นปกติ ลดอาการปวดประจาเดือน-ปวดทอ้ งนอ้ ยไดด้ ี โดยนาดอก
คาฝอยแก่มาชงเป็นชาไวด้ ่ืมในช่วงประจาเดือนมา หรือจะด่ืมเพ่อื ช่วยขบั น้าคาวปลาหลงั คลอด และ
ทาใหก้ ารไหลเวียนของเลือดดีข้ึนกย็ งั ได้
- ลดไขมนั ในเลือด จากการศึกษาในหลอดทดลองและสัตวท์ ดลองพบวา่ สารสกดั
จากดอกคาฝอยมีสารตา้ นอนุมูลอิสระท่ีมีสรรพคุณช่วยลดไขมนั ในเลือด ป้องกนั ไขมนั อุดตนั ใน
เส้นเลือดได้ โดยใช้ดอกคาฝอยแห้ง 2 หยิบมือ (2.5 กรัม) ชงกับน้าร้อนคร่ึงแกว้ ด่ืมเป็ นชาดอก
คาฝอย
- ขบั เสมหะ เมล็ดดอกคาฝอยมีสรรพคุณช่วยขบั เสมหะ เน่ืองจากมีสารตา้ นอาการ
อกั เสบและมีฤทธ์ิฆ่าเช้ือบางตวั ได้
- แกอ้ าการปวด ขดั ตามขอ้ ต่าง ๆ เราสามารถนาน้ามนั สกดั จากเมล็ดดอกคาฝอย
มาทาแกอ้ าการปวดบวม แกข้ ดั ตามขอ้ ต่าง ๆ ได้ เพราะน้ามนั สกดั จากเมล็ดดอกคาฝอยมีฤทธ์ิลด
อาการอกั เสบและลดอาการบวมนนั่ เองค่ะ
- รักษาแผลฟกช้า ดอกคาฝอยแช่เหลา้ หรือนาดอกคาฝอยมาตาแลว้ พอกบริเวณ
แผลฟกช้า เป็นสูตรบรรเทาอาการฟกช้า ดา เขยี วของคนโบราณดว้ ยนะคะ
- รักษาโรคผิวหนงั หรือจะนาดอกคาฝอยมาตม้ น้าอาบแกอ้ าการคนั ตามผิวหนงั
แก้อาการโรคหัด แก้อาการแสบร้อนตามผิวหนัง และช่วยบารุงน้าเหลืองให้ปกติก็ได้เช่นกัน
(8สรรพคณุ ดอกคาฝอย ดีตอ่ ใจ ลดไขมนั ในเลือด, 2563 : ออนไลน์)
20
3.3 เสาวรส
เสาวรส หรือ กะทกรกฝรั่ง (Passion Fruit) ช่ือวิทยาศาสตร์ (Passiflora Edulissims.) เป็น
ผลไมท้ ี่มาจากทวีปอเมริกาใต้ เม่ือผลสุกจะมีหลายสีตามสายพนั ธุ์ สีม่วง สีเหลือง สีส้ม รสชาติ
เปร้ียวจดั จึงทาให้เสาวรสอุดมไปดว้ ยวิตามินซี นิยมนามาทาเป็นเคร่ืองดื่มแต่กล่ินค่อนขา้ งรุนแรง
จึงทาใหบ้ างคนอาจจะไมช่ อบดื่ม ถึงอยา่ งไรเสาวรสก็ยงั มีสรรพคณุ มากมาย
ภาพที่ 14 เสาวรส
21
3.3.1 สรรพคณุ ของเสาวรส
- ช่วยใหน้ อนหลบั ไดง้ ่ายข้นึ หากดื่มน้าเสาวรสเป็นประจาก็จะช่วยทาใหน้ อนหลบั
สบายข้ึน เพราะเสาวรสมีสารเซโรโทนินซ่ึงเป็ นสารท่ีมีหน้าที่ควบคุมการนอนหลับ ช่วยลด
ความเครียดและอาการซึมเศร้า เมื่อกินเสาวรสแลว้ จึงทาให้ร่างกายหลบั ง่ายข้ึน โดยมีผลการทดลอง
วา่ เพยี งแค่ด่ืมชาเสาวรสกช็ ่วยใหน้ อนหลบั สบายข้นึ แลว้
- ลดไขมนั ในเลือด ในเมลด็ เสาวรสมีสารที่ช่วยลดไขมนั ในเส้นเลือดไดเ้ ป็นอยา่ งดี
และยงั ช่วยลดความดนั โลหิตไดอ้ ีกดว้ ย
- บารุงสายตา เพราะเสาวรสมีวิตามินเอแลว้ ยงั มีสารฟลาโวนอยด์อยา่ งเบตา้ แคโรที
นอีกดว้ ย จึงช่วยป้องกนั เซลล์ประสาทตาถูกทาลาย และช่วยบารุงสายตาจากอาการเม่ือยลา้ และ
บารุงดวงตาใหส้ ดใสแขง็ แรง
- แกป้ ัญหาทอ้ งผกู ผลไมล้ ูกๆแต่มีใยอาหารสูงจึงช่วยทาใหร้ ะบบขบั ถ่ายคล่อง ท้งั
ยงั ช่วยป้องกนั ลาไส้อกั เสบ ป้องกนั โรคมะเร็งลาไส้ และแกอ้ าการทอ้ งผูกไดด้ ว้ ย แถมยงั ช่วยขบั
สารพษิ ในร่างกายไดอ้ ีก
- ป้องกันหวดั เพราะเสาวรสเป็ นผลไม้ท่ีมีวิตามินซีสูงมากจึงช่วยเสริมสร้าง
ภูมิคุม้ กนั ให้ร่างกายแข็งแรง ป้องกนั ไขห้ วดั ไดเ้ ป็ นอย่างดี ใครที่รู้สึกว่าป่ วยง่าย เป็ นหวดั บ่อยๆ
ควรทานเสาวรสเพื่อสุขภาพที่แขง็ แรง
- แกโ้ รคกระเพาะปัสสาวะอกั เสบ เสาวรสมีวิตามินซีสูงจึงช่วยเพมิ่ สภาวะเป็นกรด
ใหน้ ้าปัสสาวะ ไม่มีการตกตะกอนของเกลือตา่ งๆที่มีอยใู่ นน้าปัสสาวะ
- ช่วยให้ผมดกดา เพราะมีวิตามินบีท่ีช่วยบารุงเลือด เมื่อเลือดไปเล้ียงรากผมได้
พอเพียงจึงทาให้รากผมแขง็ แรง ผมไม่หลุดร่วงง่าย บารุงเส้นผมให้ดาเงางาม แกผ้ มหงอกก่อนวยั
(ประโยชนแ์ ละสรรพคณุ ของ เสาวรส ท่ีคุณไมค่ วรมองขา้ ม!, 2562 : ออนไลน์)
22
3.4 กระดงั งาไทย
กระดงั งา หรือ การเวก (Ylang-Ylang) เป็นไมเ้ ล้ือยที่นิยมปลูกกนั มากในบา้ นท่ีมีบริเวณ
พอสมควร โดยเฉพาะในเมืองหลวงของบา้ นเรา เพราะเป็นไมท้ ี่แตกกิ่งมาก ใหใ้ บดกเขยี วท้งั ปี และ
มีอายยุ นื นาน รวมถึงทนตอ่ สภาพอากาศร้อนและทนต่อภาวะมลพิษทางอากาศไดส้ ูง จึงทาใหห้ ลาย
บา้ นนิยมปลกู กระดงั งาเพ่ือเป็นร่มเงา และยงั เพ่ิมความสวยงามไดด้ ว้ ยดอกกระดงั งา อีกท้งั ยงั มีกล่ิน
หอมอีกดว้ ย
ภาพท่ี 15 ดอกกระดงั งา
23
3.4.1 สรรพคณุ ของกระดงั งาไทย
- ใชล้ ดไข้ จากการวจิ ยั หลายสถาบนั ทางการแพทย์ พบวา่ กระดงั งาสามารถช่วยลด
อาการไข้ ตวั ร้อน รักษาโรคมาลาเรีย และโรคไทฟอยด์ไดเ้ ป็ นอย่างดี เพราะน้ามนั หอมระเหยมี
ส่วนประกอบของ (Antiseptic) เป็นสารท่ีมีฤทธ์ิในการทาใหไ้ ขล้ ดลงได้
- บาบดั อารมณ์ได้ กระดงั งาเป็นพืชข้ึนช่ือในเรื่องของกลิ่นหอม ซ่ึงมีสรรพคุณใน
การช่วยบาบดั อารมณ์และร่างกาย ทาให้เกิดความผ่อนคลาย ช่วยลดอาการความเครียด และช่วยให้
นอนหลบั ไดส้ นิทข้ึน มีงานวิจยั ศึกษาพบว่า การดมกล่ินน้ามนั หอมะเหยจากกระดงั งาน้ันสามารถ
ช่วยเพม่ิ คลื่นสมองอลั ฟ่ าของแตล่ ะบุคคลหรือลดระดบั ความเครียดลงได้
- แกอ้ าการวิงเวียนศีรษะ สาหรับใครที่รู้สึกปวดหัว มึนหวั หรือมีอาการอ่อนเพลีย
ไม่สบายหัว รวมไปถึงผูท้ ี่มีอาการใจส่ันหรืออาการหนา้ มืดจะเป็นลม สามารถใชก้ ระดงั งาเพื่อช่วย
แกอ้ าการดงั กล่าวได้
- บารุงเลือด ปรับความดนั โลหิตให้เป็ นปกติ และกระตุน้ การไหลเวียนเลือดให้
สามารถไหลเวียนไปยงั ส่วนตา่ งๆ ของร่างกายไดด้ ี
- ดีต่อระบบการทางานของหวั ใจ ทาใหห้ ัวใจแขง็ แรงและทางานไดอ้ ย่างเป็นปกติ
มากยง่ิ ข้นึ ลดความเสี่ยงตอ่ การเกิดโรคหวั ใจต่างๆ ได้
- บรรเทาอาการระเคืองของผิวหนงั รวมไปถึงแผลพุพองและลดอาการเกร็งของ
กลา้ มเน้ือตา่ งๆ
- ช่วยในการขบั ลม นอกจากน้นั ยงั ช่วยขบั ปัสสาวะ บรรเทาอาการทอ้ งเสีย ปวด
ทอ้ ง ปวดมวนทอ้ ง และทอ้ งเดินจากอาหารเป็นพิษ
- มีฤทธ์ิในการต่อต้านอนุมูลอิสระ มีงานวิจัยพบว่าน้าหอมระเหยในดอก
กระดงั งานมีฤทธ์ิในการตา้ นอนุมูลอิสระ จึงคาดวา่ สามารถป้องกนั โรคต่างๆ ท่ีเกิดจากอนุมูลอิสระ
ได้ (ประโยชนข์ องกระดงั งา ไอเดียการกินและการใชเ้ พอ่ื สุขภาพ ขอ้ ควรระวงั , 2020 : ออนไลน)์
24
3.5 มะลิลา
มะลิลา หรือ มะลิซอ้ น ช่ือวทิ ยาศาสตร์: (Jasminum sambac) เป็นไมพ้ ่มุ ก่ึงเล้ือย สูง 15-25
ซม. ใบออกตรงขา้ ม รูปไขก่ วา้ ง 3.5 - 4.5 ซม. ยาว 4-7 ซม. ปลายแหลม โคนมน กา้ นใบส้นั มี 3 ใบ
ใน 1 ขอ้ ดอกสีขาว กล่ินหอมแรง ออกเดี่ยวหรือออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ใชท้ าเป็นน้าลอยมะลิ ใชท้ า
เป็ นขนมไทย
ภาพที่ 16 ดอกมะลิลา
25
3.5.1 สรรพคณุ ของดอกมะลิลา
- ฤทธ์ิขยายหลอดเลือดโคโรนารี และ กระตุ้นหัวใจ ฤทธ์ิดังกล่าวเป็ นผลช่วย
สนบั สนุนการใชม้ ะลิในตารับยาหอม ยาพ้นื บา้ นท่ีช่วยแกล้ มวิงเวียนได้
- ฤทธ์ิยับย้ังเช้ือแบคทีเรีย (Streptococcus sanguinis) ท่ีเป็ นสาเหตุให้เกิดฟันผุ
โดยสารสกดั เมทานอล จากดอกมะลิลาแหง้ มีฤทธ์ิยบั ย้งั เช้ือดงั กล่าว
- ฤทธ์ิสงบประสาท และทาให้นอนหลับ ฤทธ์ิดังกล่าวถูกใช้ประโยชน์อย่าง
กวา้ งขวาง โดยการศึกษาน้าค้นั จากรากสดมะลิลา 1-8 กรัม ต่อน้าหนกั สัตว์ 1 กิโลกรัม เม่ือฉีดเขา้
ช่องทอ้ ง หนู กระต่าย และสุนขั มีผลในการสงบประสาท ทาใหส้ ัตวเ์ คลื่อนไหวนอ้ ยลง และทาให้
นอนหลบั ในปริมาณตา่ งกนั จึงควรระมดั ระวงั ในการใช้ เพราะการใชม้ ากเกินไปจะทาใหส้ ลบได้
- ฤทธ์ิกระตุน้ ความรู้สึกทางเพศ ดว้ ยน้ามนั หอมระเหยจากดอกมะลิ มีฤทธ์ิกระตุน้
ความรู้สึกทางเพศ
- ฤทธ์ิยบั ย้งั เช้ือแบคทีเรีย (Pseudomonas aeruginosa) และเช้ือรา (Aspergillus niger)
โดยสารสาคญั ในดอกมะลิลา มีผลยบั ย้งั ได้
- ดอก รสฉุน ชุ่ม สุขมุ ใชส้ มานทอ้ ง แกบ้ ิด ปวดทอ้ ง ผิวหนงั เป็นผื่นคนั แผลเร้ือรัง
ตม้ น้าใชล้ า้ งตาแกเ้ ยื่อตาอกั เสบ แช่น้ามนั พืชจนพองตวั ใชห้ ยอดหูแกป้ วดหู (ส่องสรรพคุณ 'ดอก
มะลิ' ท่ีคุณอาจไม่เคยรู้, 2563 : ออนไลน)์
26
3.6 ข่า
ข่า ชื่อวิทยาศาสตร์ (Alpinia galanga (L.) Willd.) จดั อยู่ในวงศ์ ZINGIBERACEAE เป็ น
อีกหน่ึงสมนุ ไพรที่น่าสนใจไม่แพส้ มนุ ไพรชนิดอ่ืนๆ เลยกว็ า่ ได้ เพราะมีคณุ สมบตั ิช่วยในเรื่องของ
การรักษาโรค มากมายไปดว้ ยคุณประโยชน์ที่ดีต่อร่างกาย และยงั สามารถนามาประกอบอาหารได้
หลากหลายเมนู ทาใหร้ สชาติของอาหารมีความหอมอร่อยมากยง่ิ ข้ึน
ภาพท่ี 17 ข่า
27
3.6.1 สรรพคณุ ของข่า
- แกอ้ าการทอ้ งอืดทอ้ งเฟ้อ นาเหงา้ ข่าแก่สดที่มีความยาวประมาณ 1 นิ้วฟุต ตาให้
ละเอียดแลว้ เติมน้าปูนใส ดื่มคร้ังละคร่ึงแกว้ หลงั อาหาร วนั ละ 3 เวลา ก็ช่วยรักษาอาการทอ้ งอืด
ทอ้ งเฟ้อ ทอ้ งเดิน และอาการจุกเสียดแน่นทอ้ งไดเ้ ป็นอย่างดี เช่นเดียวกนั น้นั วิธีน้ียงั สามารถขบั ลม
ในลาไส้ แกบ้ ิด ปวดมวนทอ้ ง และลมป่ วงไดอ้ ีกดว้ ย
- รักษาโรคน้ากดั เทา้ สาหรับใครท่ีเผชิญกบั โรคน้ากดั เทา้ และไม่รู้ว่าจะตอ้ งรักษา
ดว้ ยวิธีไหนถึงจะดีและปลอดภยั แนะนาให้ใชเ้ หงา้ แก่สดขนาดเท่าหัวแม่มือ ตาใหล้ ะเอียดผสมเขา้
กบั เหลา้ โรงพอทว่ ม หมกั ทิง้ ไวป้ ระมาณ 2 วนั จากน้นั นาส่วนผสมท่ีไดช้ ุบดว้ ยสาลีแลว้ ทาบริเวณท่ี
เป็นน้ากดั เทา้ วนั ละ 3 รอบ จะช่วยใหโ้ รคดงั กล่าวหายไป
- แกล้ มพษิ นาเหงา้ ขา่ แก่สด 1 แง่ง ตาใหล้ ะเอียดแลว้ นาเหลา้ โรงมาผสมใหพ้ อแฉะ
นาส่วนผสมที่ได้ท้งั เน้ือและน้ามาทาบริเวณท่ีเป็ นลมพิษ ทาบ่อยๆ จนกว่าอาการจะดีข้ึน และ
พยายามหลีกเล่ียงส่ิงท่ีทาใหเ้ กิดลมพษิ ตามผวิ หนงั ไปพร้อมๆ กนั
- ช่วยให้ระบบหลอดเลือดทางานได้ดี ข่าเป็ นสมุนไพรท่ีมีคุณสมบตั ิช่วยในการ
ทางานของระบบหลอดเลือดให้สามารถทางานได้ดี อีกท้ังยังช่วยขับเลือดสาหรับสตรี ที่มี
ประจาเดือน และที่สาคญั ยงั ช่วยขบั เหงื่อไดด้ ี ทาใหร้ ่างกายรู้สึกผอ่ นคลายมากข้นึ
- บรรเทาอาการในระบบทางเดินหายใจ เน่ืองจากข่าเป็ นสมุนไพรที่มีรสชาติเผด็
ร้อน ดงั น้นั จึงเหมาะสาหรับแกอ้ าการหวดั ในช่วงหนา้ หนาว และท่ีสาคญั ยงั ช่วยแกอ้ าการหอบหืด
ไดเ้ ป็นอย่างดี เพราะในสมยั โบราณน้นั ไดม้ ีการนิยมนาข่ามาตม้ กินเพ่ือบรรเทาอาการหวดั คดั จมกู
อีกหน่ึงวิธีคือนาเอาข่ามาฝน ผสมเขา้ กบั น้าผ้ึงแท้ น้ามะนาวสด และเติมเกลือลงไปเพียงเล็กนอ้ ย
จากน้นั นามากิน จะช่วยสกดั เสลด เสมหะ และยงั ช่วยขยายหลอดลม ให้สามารถหายใจไดส้ ะดวก
มากยงิ่ ข้นึ พร้อมท้งั บรรเทาอาการหอบหืดไดอ้ ีกทาง (ประโยชน์ของข่า และไอเดียการกินการใชข้ ่า
เพอ่ื สุขภาพ, 2019 : ออนไลน์)
28
3.7 ขมิน้ ชนั
ขมิ้น ช่ือวิทยาศาสตร์ (Curcuma longa L.) จดั อยใู่ นวงศข์ ิง (ZINGIBERACEAE) สมนุ ไพร
ค่คู รัวท่ีคนไทยรู้จกั กนั ดี อุดมไปดว้ ยวิตามินและแร่ธาตหุ ลายชนิด นิยมนามาทาอาหารเนื่องจากมี
สีสันสวยงามและใหก้ ลิ่นหอมเคร่ืองเทศ ขมิน้ ชนั ถกู จดั อยู่ในตารับยาสมนุ ไพรไทยที่มีสรรพคณุ
ป้องกนั และรักษาโรคตา่ งๆ โดยองคก์ ารเภสัชกรรมยงั ไดย้ กใหข้ มิ้นชนั เป็น "มหศั จรรยส์ มุนไพร"
ที่ไดร้ ับการบรรจุเขา้ ในบญั ชียาหลกั แห่งชาติ
ภาพท่ี 18 ขมิน้ ชนั
29
3.7.1 สรรพคณุ ของขมิน้ ชนั
- ลา้ งพิษตบั ขมิน้ ชนั มีสรรพคุณช่วยขบั พิษที่สะสมในตบั เน่ืองจากมีฤทธ์ิป้องกนั ตบั
อกั เสบ ช่วยบารุงตบั และฟ้ื นฟูตบั โดยมีการใชข้ มิ้นชนั ทดลองรักษาโรคตบั แขง็ ในหนู ผลปรากฏ
วา่ อาการไมล่ ุกลามเพ่ิม ทาใหน้ ิยมใชเ้ ป็นสมุนไพรยาท่ีช่วยฟ้ื นฟูสุขภาพและลา้ งพิษออกจากตบั
- รักษาโรคผิวหนงั เร้ือรัง ขมิ้นชนั สามารถใชร้ ักษาโรคท่ีเก่ียวกบั ผิวหนงั ได้ เช่น โรค
ผื่นคนั กลาก เกล้ือน ผิวหนงั อกั เสบจากอาการแพ้ คนไทยสมยั ก่อนใชเ้ หงา้ สดของขมิ้นชนั มาฝน
และบดใหล้ ะเอียด ก่อนจะนาไปทาบริเวณท่ีมีอาการคนั แต่ปัจจุบนั สามารถใชผ้ งขมิ้นชนั สาเร็จรูป
ผสมน้าเปล่าหรือน้ามนั มะพร้าว นาไปทาบริเวณที่อกั เสบหรือคนั ได้
- แกอ้ าการทอ้ งร่วง ใครท่ีกินของผิดสาแดงเขา้ ไปแลว้ เกิดอาการทอ้ งร่วง สามารถหา
ขมิ้นชนั ในครัวมาใช้เป็ นยาได้ โดยนามาลา้ งใหส้ ะอาด ปอกเปลือกและห่ันเป็นชิ้นเลก็ ๆ นาไปตา
พร้อมผสมน้าเปล่า หลงั จากน้นั ค้นั เฉพาะน้าใหไ้ ดส้ ัก 1 ถว้ ยตวง แบง่ กินคราวละ 2 ชอ้ นโต๊ะ จะช่วย
สร้างสมดุลใหร้ ะบบขบั ถา่ ยและระบบยอ่ ยอาหาร
- ชะลอการแก่ก่อนวยั เน่ืองจากขมิ้นชนั ออกฤทธ์ิตา้ นอนุมูลอิสระ จึงถูกนามาสกดั
เป็ นยาเสริมอาหารท่ีใชบ้ ารุงร่างกาย ป้องกนั โรค ป้องกนั การเสื่อมโทรมของเซลล์ และป้องกนั
ร่างกายไม่ใหเ้ สื่อมไปตามวยั ถือเป็นสรรพคณุ ดา้ นความงามที่น่าจะถกู ใจใครหลายคน
- รักษาริดสีดวง สาหรับผูท้ ่ีเป็ นริดสีดวงทวารและมีแผลบริเวณทวารหนกั ให้ใชผ้ ง
ขมิ้นทาหัวริดสีดวง จะช่วยสมานแผลให้แห้งและหายเร็วข้ึน เพราะขมิ้นชนั จะช่วยลดการอกั เสบ
ช่วยฆา่ เช้ือโรค และทาใหเ้ น้ือเยอ่ื บริเวณแผลกระชบั เร็วข้ึน
- แกพ้ ิษแมลงกดั ต่อย หากถูกแมลงกดั จนเป็นแผล มีอาการบวมแดง สามารถบรรเทา
ไดด้ ว้ ยการใชผ้ งขมิ้นชนั ผสมกบั น้ามนั มะพร้าว แลว้ นาไปเค่ียวบนไฟ จะไดน้ ้ามนั นวดสาหรับทา
แก้พิษแมลงกัดต่อย หรือจะนาผงขมิ้นชันไปผสมกับน้าปูนใสเพ่ือนามาพอกแผลก็ได้เช่นกัน
(คุณประโยชนข์ องขมิ้นชนั สรรพคุณป้องกนั สารพดั โรค, 2563 : ออนไลน์)
30
3.8 เหงือกปลาหมอ
ช่ือวิทยาศาสตร์ (Acanthus ebracteatus) เป็ นพืชลม้ ลุกท่ีมกั พบเป็ นพืชช้นั ล่างในป่ าชาย
เลนในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ สาหรับในประเทศไทย ถือเป็ นพรรณไม้ท่ีมีช่ือเสียงในจังหวดั
สมทุ รปราการ อยบู่ ริเวณริมแม่น้าเจา้ พระยาฝ่ังตะวนั ออกเหนือปากคลองมหาวงษแ์ ละโรงเรียนนาย
เรือ ประโยชน์ของเหงือกปลาหมอน้นั เป็ นสมุนไพรใกลต้ วั หรืออาจจะเรียกว่าสมุนไพรชายน้า/
สมุนไพรชายเลนก็ได้ ช่วยรักษาโรคไดม้ ากมายหลายชนิด
ภาพท่ี 19 เหงือกปลาหมอ
31
3.8.1 สรรพคณุ ของเหงือกปลาหมอ
- เหงือกปลาหมอท้งั ตน้ ตากับพริกไทย ในอตั ราส่วน 2 : 1 ผสมน้าผ้ึง ป้ันเป็ นยา
ลูกกลอนรับประทาน จดั เป็นยาอายวุ ฒั นะ บารุงร่างกาย
- ใบสดหรือแหง้ ของเหงือกปลาหมอ นามาตม้ ดื่ม ใชข้ บั ปัสสาวะ รักษานิ่ว ถา้ เป็น
ใบสดนามาตาใหล้ ะเอียด พอกฝี แผล หรือบริเวณขอ้ ช่วยลดการอกั เสบ ลดอาการปวด หรือค้นั น้า
มาทาบริเวณศีรษะ มีสรรพคุณช่วยบารุงรากผม บารุงหนงั ศีรษะ
- ใบและต้นสดของเหงือกปลาหมอ 3-4 กามือ ใช้ตม้ น้าอาบหรือชะล้างบริเวณ
ผิวหนงั รักษาผืน่ คนั ฝีหนอง รักษาแผลเร้ือรัง โรคผิวหนงั กลาก เกล้ือน ลดการอกั เสบของผิวหนงั
- รากสด นามาตม้ ด่ืม มีสรรพคุณขบั เสมหะ แกไ้ อ แกห้ ืด รักษาระดูขาว รักษางูสวดั
- เมลด็ รับประทานเป็นยาขบั พยาธิ รักษาประจาเดือนผิดปกติ รักษาฝี
- หงือกปลาหมอมีสารออกฤทธ์ิตา้ นการอกั เสบ ยบั ย้งั แบคทีเรีย ช่วยรักษาโรค
ผวิ หนงั และสามารถรักษาสิวอกั เสบได้ โดยนาใบเหงือกปลาหมอแหง้ มาบดเป็นผง แลว้ ผสมน้า ใช้
พอกบริเวณที่เกิดสิว ซ่ึงในปัจจุบนั มีการใชส้ ารสกดั จากเหงือกปลาหมอเป็ นส่วนประกอบในเจล
รักษาสิว เพ่ือให้ใชไ้ ดส้ ะดวกมากย่ิงข้ึน (เหงือกปลาหมอ สมุนไพรสารพดั ประโยชน์ และมีฤทธ์ิ
ตา้ นการอกั เสบ ใชร้ ักษาสิวได,้ 2020 : ออนไลน)์
32
3.9 พิลงั กาสา
พิลงั กาสา ช่ือวิทยาศาสตร์ (Ardisia elliptica Thunb.) ลกั ษณะเป็นไมพ้ มุ่ หรือไมต้ น้ ขนาด
เลก็ สูง 1 – 5 ม. แตกตน้ คลา้ ยกอ ก่ิงกา้ นกลมหรือเป็นเหล่ียม สีน้าตาลเทา เรือนยอด ไม่เป็นระเบียบ
เปลือกนอก สีเทา ค่อนขา้ งเรียบ มีรอยแผลเป็นตามลาตน้ ทว่ั ไป มกั แตกหลายตน้ เหมือนกอ เปลือก
ใน สีชมพู
ภาพท่ี 20 ผลพิลงั กาสา
33
3.9.1 สรรพคุณของพิลงั กาสา
- ผลสุกนามาตากแห้งบดเป็นผงผสมกบั น้าผ้ึง แลว้ ป้ันเป็นลูกกลอนกิน หรือใชผ้ ง
ยา 1 ชอ้ นโตะ๊ ผสมกบั น้าคร่ึงแกว้ ด่ืมช่วยบารุงโลหิต
- ใบมีรสร้อน ช่วยแกอ้ าการไอ ใชเ้ ป็นยาแกล้ ม
- ใบและผลช่วยแกท้ อ้ งเสีย
- ดอกใชเ้ ป็นยาแกพ้ ยาธิ
- รากใชเ้ ป็นยาแกก้ ามโรค หนองใน
- ช่วยแกโ้ รคระดูของสตรี ดว้ ยการนาผลสุกมาตากแห้งบดเป็ นผงผสมกบั น้าผ้ึง
แลว้ ป้ันเป็นลูกกลอนกิน
- รากใชเ้ ป็นยาพอกปิ ดแผล ถอนพษิ งูกดั แกพ้ ษิ งู หรือใชก้ ากพอกแผล เอาน้ากิน
- เมลด็ ช่วยแกล้ มพษิ
- ตน้ ใชเ้ ป็นยารักษาโรคผิวหนงั แกโ้ รคเร้ือน กฏุ ฐงั
- ผลใชแ้ กโ้ รคเร้ือน (พิลงั กาสา สรรพคุณและประโยชน์ของตน้ พิลงั กาสา, 2017 :
ออนไลน์)
34
3.10 วา่ นมหากาฬ
ว่านมหากาฬ ช่ือวิทยาศาสตร์ (Gynura pseudochina (L.) DC.) วา่ นมหากาฬมีถ่ินกาเนิดใน
แถบอินโดจีน เช่นในประเทศ อินโดนีเซีย พม่า ลาว กมั พูชา เวียดนาม และไทย เพราะมีการพบว่า
วา่ นมหากาฬคร้ังแรกบริเวณภูมิภาคน้ี และยงั สามารถพบไดท้ วั่ ไปตามป่ าเบญจพรรณในภูมิภาคน้ี
อีกด้วย สาหรับในประเทศไทยพบว่านมหากาฬได้ทวั่ ทุกภาคของประเทศแต่จะพบมากบริเวณ
จงั หวดั กาญจนบุรี และมกั จะพบท่ีความสูงจากระดบั น้าทะเล 200-500เมตร โดยพบในที่ร่มใตร้ ่มไม้
หรือท่ีโล่ง ผลเป็นผลแหง้ ไมแ่ ตก เมลด็ ล่อน ปลายมีขน
ภาพที่ 21 วา่ นมหากาฬ
35
3.10.1 สรรพคุณของวา่ นมหากาฬ
- ท้งั ตน้ และรากมีรสขม เป็นยาเยน็ มีพิษเลก็ นอ้ ย ออกฤทธ์ิต่อตบั ใชเ้ ป็นยาดบั พิษ
ร้อน ถอนพษิ ไข้ แกไ้ ขเ้ ซ่ืองซึมระส่าระสาย ทาใหเ้ ลือดเยน็ และช่วยฟอกเลือด
- หัวมีสรรพคุณเป็ นยารักษาแผลอกั เสบและรักษามดลูกของสตรี ถา้ นามาบดให้
เป็นผงชงกบั ชาใหส้ ตรีหลงั คลอดดื่ม จะช่วยขบั ประจาเดือนไดด้ ว้ ย
- ใบสดใชต้ าพอกรักษางูสวดั เริม ดว้ ยการใชใ้ บสดประมาณ 5-6 ใบ นามาลา้ งน้า
ให้สะอาด ตาในภาชนะท่ีสะอาด ใส่พิมเสนเล็กนอ้ ย หรือใชใ้ บโขลกผสมกบั เหลา้ ใช้น้าทาหรือ
พอกบริ เวณท่ีเป็ น
- หัวใชต้ าพอกหรือฝนกบั น้าปูนใส ทารักษาแผลพุพองและฝี โดยให้ทาวนั ละ 3-4
คร้ัง
- ใบสดมีฤทธ์ิทาใหเ้ ยน็ ใชต้ าพอกเป็นยาถอนพิษ และแกอ้ าการปวดแสบปวดร้อน
(จากสตั วท์ ่ีมีพษิ กดั เช่น งู ตะขาบ แมงป่ อง ตวั ต่อ ผ้ึง เป็นตน้ )
- รากและใบสดใชต้ าพอกแกป้ วดบวม รวมถึงช่วยถอนพษิ ปวดแสบปวดร้อน
- ช่วยแกอ้ าการเคล็ดขดั ยอก ดว้ ยการใช้ตน้ สดนามาตาให้พอแหลกผสมกบั เหลา้
ใชเ้ ป็นยาพอกบริเวณที่เป็น
- ชาวเม่ียนจะใชใ้ บนามาตม้ ใส่ไก่ใชร้ ับประทานเป็นยาบารุงร่างกาย หรือใหส้ ตรีท่ี
อยไู่ ฟรับประทานเพื่อช่วยบารุงน้านมและบารุงโลหิต (สรรพคุณและประโยชน์ของวา่ นมหากาฬ !,
2017 : ออนไลน)์
36
บทที่ 4
สรุป
ยาสมุนไพรมีอยู่หลากหลายชนิด แต่ละชนิดก็มีคุณสมบตั ิของการรักษาโรคแตกต่างกนั
ออกไปมากมายซ่ึงยาสมุนไพรที่ถกู นามาใชใ้ นการรักษาโรคต่างๆน้นั มีมาแตส่ มยั โบราณ ผิดกบั ใน
ปัจจุบนั ที่ส่วนมากมกั จะใช้แผนปัจจุบนั ท่ีผลิตจากเคมีต่างๆตามเทคโนโลยีท่ีมีการพฒั นาข้ึนทุกๆ
วนั หากเราศึกษาถึงสรรพคุณของสมุนไพรต่างๆก็จะทราบไดว้ า่ ยาสมนุ ไพรน้นั กส็ ามารถท่ีจะรักษา
โรคไดเ้ ช่นกนั “สมุนไพร” ทางเลือกในการรักษาและป้องกนั โรคท้งั ในรูปแบบของยาและผลิตภณั ฑ์
อาหารเสริมที่เป็นกระแสนิยมของคนทวั่ ไปในปัจจุบนั และเม่ือกล่าวถึง “สมุนไพร” ก็อาจจะคิดวา่
เป็ นเพียงพืชหรือตน้ ไมท้ ่ีมาจากธรรมชาติเท่าน้ัน ทาให้รู้สึกปลอดภยั ในการเลือกใช้ ทาให้พบ
ปัญหาจากการนาสมุนไพรมาใชอ้ ยา่ งไม่ถูกตอ้ งหรือไม่ถกู วิธี จนทาให้เกิดโทษต่อตวั ของผใู้ ช้ หาก
ประสงคท์ ่ีจะการเลือกใชย้ าสมุนไพรเพื่อมุ่งประโยชนท์ างดา้ นการรักษาตอ้ งอาศยั ความรู้และความ
ชานาญของผูเ้ ชี่ยวชาญเฉพาะดา้ นท่ีสามารถต้งั ตารับยาหรือวิธีการบริหารยาที่ถูกตอ้ งเหมาะสมที่
เฉพาะกบั บคุ คลและอาการของโรคอีกดว้ ย
การไดร้ ับขอ้ มูลที่ไปไม่ครบถว้ นหรือการแชร์ข้อมูลปากต่อปาก จนอาจทาให้ละเลยเร่ือง
ความปลอดภยั ของการเลือกใช้ ขนาด และวิธีการใชท้ ี่ถูกตอ้ งเหมาะสมดงั ท่ียงั พบเห็นไดบ้ ่อยของ
รายงานหรือเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ อาการขา้ งเคียงของการใชส้ มุนไพร พบว่าการนาไปใชแ้ บบ
ผิดวิธีส่งผลทาให้ค่าการทางานของตบั และไตสูงเพิ่มข้ึน จนอาจเป็ นอนั ตรายถึงแก่ชีวิตได้ ดงั น้นั
การที่เราจะใชส้ มุนไพรในการรักษาจึงจาเป็ นท่ีจะตอ้ งศึกษาหาความรู้เร่ืองสมุนไพรชนิดต่างๆให้
ไดข้ อ้ มูลท่ีถูกตอ้ งก่อนจะนาไปใช้
37
บรรณานุกรม
“ความเป็นมาของสมนุ ไพรไทย,” [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงไดจ้ าก:
https://sites.google.com/site/smunphirnibanhea/prawati-khwam-pen-ma-khxng-
[สืบคน้ เม่ือ 4 สิงหาคม 2564].
“ความหมายสมนุ ไพรไทย,” [ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก:
https://sites.google.com/site/paweenakhuenjuk/paweena-khuenjuk-2 [สืบคน้ เมื่อ 4
สิงหาคม 2564].
“ยาสมุนไพร,” [ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก : https://www.gj.mahidol.ac.th/main/ttm/herb-right/
[สืบคน้ เม่ือ 4 สิงหาคม 2564].
“สมนุ ไพรไทย - สมุนไพรมีดี,” [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงไดจ้ าก: https://www.nittm.com/herbsbenefit
[สืบคน้ เม่ือ 4 สิงหาคม 2564].
“สรรพคุณของสมนุ ไพร,” [ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก: : https://www.xn--
12cg1cxchd0a2gzc1c5d5a.net/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%
B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2/ [สืบคน้ เม่ือ 5
สิงหาคม 2564].
“สมุนไพรตามกลุ่มโรค,” [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงไดจ้ าก: http://www.ananhosp.go.th/
“พืชผกั สมุนไพรสร้างภมู ิคุม้ กนั ตา้ นโรคเพ่ือสุขภาพหาง่ายท่ีตลาดใกลบ้ า้ น,” [ออนไลน]์ .
เขา้ ถึงไดจ้ าก: https://www.thairath.co.th/lifestyle/food/1797993 [สืบคน้ เมื่อ 5 สิงหาคม
2564].
“สมุนไพรน่ารู้ : 6 สมนุ ไพรลดไขมนั ในเลือด,” [ออนไลน]์ . เขา้ ถึงไดจ้ าก :
https://www.thailandplus.tv/archives/157395 [สืบคน้ เมื่อ 5 สิงหาคม 2564].