147
148
149
150
151
152
153
154
155
156
157
158
159
160
161
162
163
หน่วยที่ 8 กำรติดตั้ง AppSheet ลงบนมือถือ การติดตั้ง AppSheet ลงบนมือถือ เพื่อให้สามารถใช้งานบนมือถือได้ และสะดวกไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็ สามารถใช้งานได้ โดยมีวิธีและขั้นตอนดังนี้ 1. เข้าไปที่ My account ในส่วนของ My App 1.1 My App 1.2 เลือก App ที่สร้างไว้ 1 app
2. เลือกที่เมนู User 2.1 เลือกที่เมนู User 2.2 Share app and copy app link 2.3 copy Sharing link 165
เลือก install link เพื่อติดตั้งลงในมือถือ โดยกดที่ Copy เมื่อกลับมาหน้าเดิม ให้กด Done - เมื่อได้ Link แล้ว ให้ส่งลิงค์ ไปให้เพื่อนใน Line หรือ Facebook Messenger - เปิดที่ Line หรือ Facebook Messenger ในมือถือ ดังภาพ 2.3 ที่ install link ให้เลือก Copy 166
1. กดเข้า link 2. คลิก Install - จะเข้ามาที่ Google Play 3. ให้คลิก ติดตั้ง 4. คลิก เปิด 5. รอการประมวลผล 6. คลิกเพิ่ม 167
9. รอเรียกข้อมูล 10. ได้ข้อมูลเลือกมาแล้ว 7. login 8. เลือกบัญชีโดยเลือกบัญชี Goggle ที่สร้างไว้ 168
หลังจากนั้น มาดู Icon ที่หน้าจอมือถือ ตัวอย่างดังภาพ จะเห็น App Sheet และ ข้อมูลนักเรียนที่ เราน าเข้า คือ Check Student หากคลิกที่ Check Student ก็จะได้ข้อมูลที่น าเข้า เมื่อน าเข้าเสร็จแล้วก็สามารถปรับปรุง แก้ไขในมือถือได้เหมือนท าใน PC 169
หน่วยที่ 9 วิธีสร้ำงบำร์โค้ดด้วย Google Sheets เทคโนโลยี "บาร์โค้ด (Barcode หรือ Bar Code)" เป็นเทคโนโลยีการแสดงข้อมูลรูปแบบหนึ่ง ที่ พัฒนาขึ้นมาให้เครื่องมองเห็น และอ่านข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว มันถูกคิดค้นขึ้นมาในปี ค.ศ. 1948 (พ.ศ. 2491) จากการที่เบอร์นาร์ด ซิลเวอร์ (Bernard Silver) บังเอิญไปได้ยินเจ้าของธุรกิจค้าส่งอาหารในท้องถิ่น ได้ เรียกร้องให้หนึ่งในคหบดีช่วยพัฒนาระบบอ่านข้อมูลสินค้าอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้การช าระเงิน และจัดท าข้อมูล สต๊อกสินค้า ประหยัดเวลา และสะดวกสบายยิ่งกว่าเดิม โดยเบอร์นาร์ด ซิลเวอร์ เลยน าเรื่องนี้ไปปรึกษากับนอร์แมน โจเฟซ วู้ดแลนด์ (Norman Joseph Woodland) เพื่อนสนิทของเขา ซึ่งพวกเขาได้แรงบันดาลใจจากรหัสมอร์ส (Morse Code) มาพัฒนาต่อจน กลายเป็นบาร์โค้ดในที่สุด และเป็นที่แพร่หลาย นิยมใช้งานกันมาจนถึงปัจจุบันนี้ เราสามารถเห็นบาร์โค้ดได้บนสินค้าแทบทุกชนิด และส าหรับผู้ที่ต้องจัดท าบัญชี หรือสต๊อกสินค้า บ่อยครั้งที่ต้องมีการน าบาร์โค้ดมาใส่ไว้ในฐานข้อมูลบน โปรแกรมสเปรดชีต (Spreadsheet Software) ด้วย ในบทความนี้ เราก็เลยอยากจะมาแนะน าวิธีสร้างบาร์โค้ดด้วย Google Sheets จากข้อมูลไอดี (ID) สินค้า จะได้ไม่ต้องเสียเวลาอัปโหลดรูปบาร์โค้ดที่สร้างด้วยโปรแกรมอื่น บำร์โค้ดท ำงำนอย่ำงไร ? (How does Barcode work ?) ก่อนอื่น เราอยากจะอธิบายถึงหลักการท างานเบื้องต้นของบาร์โค้ดสักเล็กน้อย ความจริงแล้ว หลักการท างานของบาร์โค้ดนั้นเรียบง่ายมาก ๆ นั่นคือการสร้างชุดตัวเลขที่มีค่าเฉพาะ ขึ้นมา เพื่อมอบเป็นเลขไอดีให้กับตัวสินค้า แล้วพิมพ์ชุดตัวเลขดังกล่าวลงไปบนตัวสินค้าดังกล่าว เมื่อเอาเครื่อง อ่านมาสแกนตัวเลขดังกล่าว ระบบก็จะรู้ข้อมูลของสินค้าได้ทันทีว่ามันคือสินค้าอะไร ? ราคาเท่าไหร่ ? ทีนี้ มันก็จะมีค าถามตามมา "แล้วท าไมเราไม่พิมพ์ตัวเลขลงไปตรง ๆ จะสร้างเป็นบาร์โค้ดให้มัน ซับซ้อนท าไม ? การพิมพ์เป็นตัวเลขโดยตรง มันอ่านง่ายส าหรับมนุษย์ แต่อย่าลืมว่า เราก าลังท าระบบเพื่อใช้งานกับ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ การสแกนตัวเลขโดยตรงนั้นมีโอกาสผิดพลาดสูง ลองคิดว่าสติกเกอร์ที่ระบุหมายเลข สินค้าเกิดหมึกเลอะ หรือเลือนหายไป แล้วท าให้ เลข "8" กลายเป็นเลข "3" หรือสแกนกลับหัว ท าให้ระบบ เข้าใจเลข "6" เป็นเลข "9" ดังนั้น บาร์โค้ดจึงถูกคิดค้นขึ้นมา เพื่อให้อ่านข้อมูลได้อย่างแม่นย า และรวดเร็ว ความกว้างของเส้นสีด า และช่องว่างระหว่างแต่ละเส้น จะแทนค่าตัวเลขต่าง ๆ ออกแบบมาให้เครื่อง บาร์โค้ดสแกนเนอร์สามารถอ่านข้อมูลตัวเลขได้อย่างแม่นย า (มนุษย์ก็อ่านได้นะ ถ้าเข้าใจหลักการ)
ภาพจาก https://www.explainthatstuff.com/barcodescanners.html จากนั้น สิ่งที่ต้องท าก็เหลือแค่ ก าหนดมาตรฐานการใช้ตัวเลขเท่านั้นเอง โดยมาตรฐานที่เป็นสากลคือ "บาร์โค้ดมาตรฐานสากล GS1" ซึ่งก็มีการแบ่งหมวดหมู่ไปตามลักษณะที่น าไปใช้งาน ดังนี้ ประเภทของบำร์โค้ด (Types of Barcode) 1. บำร์โค้ดส ำหรับกำรค้ำปลีก ใช้ส าหรับการคิดราคาที่จุดขาย, การขายของออนไลน์, จัดการคลังสินค้า และตัดสต๊อก แบ่งออกเป็น ประเภทต่าง ๆ ประกอบไปด้วย EAN-8, EAN-13 และ UPC-A โดยแตกต่างกันที่จ านวนหมายเลขรายการ การค้าสากล (Global Trade Item Number (GTIN)) ที่สามารถใช้ได้ ตัวอย่างบาร์โค้ดประเภท UPC-A 2. บำร์โค้ดส ำหรับกำรค้ำส่ง เป็นบาร์โค้ดประเภท ITF-14 รองรับ GTIN 14 หลัก ใช้ส าหรับจัดการคลังสินค้า, การคิดราคาที่จุด ขายหน้าร้านค้าส่ง หรือการขายของออนไลน์แบบค้าส่ง ส่วนใหญ่มักจะพิมพ์บาร์โค้ดชนิดนี้ลงบนกล่องลูกฟูก โดยตรง ตัวบาร์โค้ดมีขนาดค่อนข้างใหญ่ และจะมีกรอบสี่เหลี่ยมที่เรียกว่า Bearer ล้อมรอบแท่งบาร์ด้วย ตัวอย่างบาร์โค้ดประเภท ITF-14 3. บำร์โค้ดที่รองรับกำรใช้งำนเลขหมำย Application Identifiers (AI’s) ที่นิยมใช้มีอยู่ 2 ประเภท ประเภทแรก GS1-128 นิยมใช้ในการติดตามการขนส่ง, การเคลื่อนที่ของ สินค้าในซัพพลายเชน และการตรวจสอบย้อนกลับ ตัวอย่างบาร์โค้ดประเภท GS1-128 ตัวอย่างบาร์โค้ด GS1-128 171
บาร์โค้ดทั้งหมดที่เรากล่าวถึงไปก่อนหน้านี้ จะเรียกว่าบาร์โค้ดแบบ 1 มิติ โดยเป็นการเก็บข้อมูลใน แนวแกน X แบบแท่งบาร์ ส่วนบาร์โค้ดที่รองรับ AI’s ประเภทที่ 2 จะเรียกว่า GS1 DataMatrix เป็นบาร์โค้ด แบบ 2 มิติ ที่สามารถเก็บข้อมูลได้ทั้งในแนวแกน X และแกน Y ซึ่งหน้าตาก็จะคล้ายคลึงกับ QR Code ตัวอย่างบาร์โค้ด GS1 DataMatrix กำรเพิ่มฟอนต์สร้ำงบำร์โค้ดให้ Google Sheets (How to add Barcode Font in Google Sheet ?) ตามปกติแล้ว Google Sheets จะไม่สามารถสร้างบาร์โค้ดได้ เราต้องท าการเพิ่มฟอนต์บาร์โค้ดให้ตัว Google Sheets ก่อน จึงจะสามารถท าได้ ด้วยขั้นตอนดังนี้ คลิกที่ตัวเลือกฟอนต์ แล้วคลิกเลือก "เมนู More fonts" พิมพ์ลงในช่องค้นหาว่า "Libre Barcode" ท าการเพิ่มฟอนต์ตระกูลนี้ทั้งหมด ด้วยการคลิกเลือก (สังเกตว่าจะ มีเครื่องหมาย ✓ หน้าขื่อฟอนต์ที่เราเลือก) ซึ่งจะมีทั้งหมด 6 ฟอนต์ แล้วคลิกที่ "ปุ่ม OK" เป็นอันเรียบร้อย 172
วิธีสร้ำงบำร์โค้ดด้วย Google Sheets (How to create Barcode in Google Sheets ?) ก่อนจะเริ่มสร้างบาร์โค้ด เรามาท าความเข้าใจเกี่ยวกับฟอนต์ที่เราเพิ่มเข้าไปกันก่อนสักเล็กน้อย Libre Barcode 39 : ฟอนต์ตัวนี้จะสร้างบาร์โค้ดด้วย Code 39 ซึ่งนิยมใช้ในการท าป้ายข้อมูลสินค้า และข้อมูลสต๊อก Libre Barcode 128 : ฟอนต์ตัวนี้จะสร้างบาร์โค้ดด้วย Code 128 ซึ่งนิยมใช้ในการระบุข้อมูลการ ขนส่ง และข้อมูลของบรรจุภัณฑ์ Libre Barcode EAN13 : ฟอนต์ตัวนี้จะสร้างบาร์โค้ดด้วย EAN13 ใช้ส าหรับบรรจุภัณฑ์ประเภทขาย ปลีก วิธีสร้ำงบำร์โค้ด EAN13 และ Code 128 ด้วย Google Sheets 1. ให้เราสร้างคอลัมม์ที่บรรจุเลขไอดีของสินค้าขึ้นมาก่อน (ในภาพคือเซลล์ A2) 2. ในช่องที่ต้องการสร้างบาร์โค้ด (ในภาพคือเซลล์ B2) ใส่สูตร "=A2" ลงไป 3. เราจะได้ข้อมูลเป็นตัวเลขที่เหมือนกันมา 2 เซลล์ 4. ท าการเปลี่ยนฟอนต์ในเซลล์ B2 เป็น "Libre Barcode EAN13" หรือ "Libre Barcode 128" 173
วิธีสร้ำงบำร์โค้ด Code 39 ด้วย Google Sheets การสร้างบาร์โค้ด Code 39 ด้วย Google Sheets จะมีขั้นตอนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากคุณสมบัติของ Code 39 จะสามารถใช้ตัวอักษรได้ด้วย ไม่ได้จ ากัดแค่เพียงตัวเลขเท่านั้น ดังนั้นเราเลยต้องน าเครื่องหมาย ดอกจัน (*) และเครื่องหมายแอมเพอร์แซนด์ (&) เข้ามาใส่ในสูตรในการขั้นตอนการเชื่อมโยงข้อมูลด้วย โดย สูตรจะอยู่ในลักษณะดังนี้="*"&A1&"*" 1. ให้เราสร้างคอลัมม์ที่บรรจุข้อมูลไอดีของสินค้าขึ้นมาก่อน (ในภาพคือเซลล์ A2) 2. ในช่องที่ต้องการสร้างบาร์โค้ด (ในภาพคือเซลล์ B2) ใส่สูตร "="*"&A2&"*"" ลงไป 3. ท าการเปลี่ยนฟอนต์ในเซลล์ B2 เป็น "Libre Barcode 39" หรือ "Libre Barcode 39 Extended Text" บาร์โค้ดที่ได้นี้ เราสามารถน าไปใช้งานในโปรแกรมอื่น ๆ หรือพิมพ์เพื่อแปะลงบนตัวสินค้าได้ทันที ลองน าไป ประยุกต์ใช้งานกันดูนะครับ 174
หน่วยที่ 10 สร้ำงฟอร์มรับข้อมูลแบบ TAB แบบฟอร์มรับข้อมูลแบบแทบ คืออะไร การท าข้อมูล หากเป็นข้อมูลที่มีข้อมูลหลักและข้อมูลย่อยจ านวนมาก ก็จะเป็นการยุ่งยากที่จะกรอก ข้อมูลได้สะดวก ดังนั้น การสร้างแบบฟอร์มข้อมูลแบบแทบ ขึงเป็นสร้างข้อมูลเป็นหัวข้อหลัก และจัดกลุ่มเป็น หัวข้อย่อยในหัวข้อหลัก ซึ่งจะท าให้ง่ายต่อการกรอกข้อมูล ดังภาพต่อไปนี้ หากข้อมูลยาวไปมากจนล้นจึง จะต้องขยับขอบไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะสิ้นสุดข้อมูล และเพื่อเป็นการลดข้อมูลหรือตารางให้สิ้นสุดอยู่ในหน้าเดียวก็จะท าให้การกรอกข้อมูลง่ายและ สะดวกขึ้น วิธีกำรสร้ำงแบบฟอร์มแบบแทบ การสร้างแบบรับข้อมูลจึงต้องท าเป็นส่วนย่อย โดยจะต้องท าให้แบ่งเป็นส่วน ๆ ดังนี้ 1. สร้างฐานข้อมูล ซึ่งเราอาจสร้างข้อมูลนักเรียนประจ าชั้น ตั้งชื่อ Sheet เช่น ข้อมูลนักเรียนห้อง 408 2. แบ่งข้อมูลเป็นแทบ และมีข้อมูลย่อยๆ ออกไป เช่น 2.1 ข้อมูลนักเรียน 2.2 ข้อมูลสุขภาพ 2.3 ข้อมูลครอบครัว
ดังภาพ ซึ่งในภาพ อาจจะสร้างฐานข้อมูลซึ่งมีข้อมูลนักเรียนห้อง 408 ดังนี้ ข้อมูลนักเรียน 1. ชื่อ-นามสกุล 2. รูปภาพ 3. เบอร์โทร ข้อมูลสุขภาพ 1. น้ าหนัก 2. สวนสูง ข้อมูลครอบครัว 1. ชื่อบิดา 2. ชื่อมารดา 176
หลังจากสร้างฐานข้อมูลเสร็จแล้ว ให้ไปที่ App Sheet ของเรา โดยคลิก Quick Start จะขึ้นหน้าต่างนี้ ให้คลิกที่ 177
จะมาหน้าต่างนี้ ที่ App name ให้เปลี่ยนชื่อตรง New App ในที่นี้จะเปลี่ยนเป็น tabaddata 178
ในส่วนของ Category ให้เลือกไปที่ Other ส่วนของ Choose your data 179
ให้เลือกฐานข้อมูลของเราที่เราสร้างไว้ในโฟลเดอร์ ในที่นี้ เป็นโฟลเดอร์ Mykrubom เลือกข้อมูลนักเรียนห้อง 408 แล้วกด Select 180
รอ.... เมื่อขึ้นหน้าต่างนี้ ให้คลิกที่ Start customizing 181
จะได้หน้าต่างนี้ คลิกที่ data และชีต1 คลิกที่ View columns 1 2 3 182
เลือก Type เปลี่ยนตามภาพด้านล่างนี้ แถบข้อมูลหลัก จะใช้ Type เป็น Show และส่วนที่เป็น REQUIRE? ไม่ต้องท าเครื่องหมาย แถบข้อมูลย่อย เปลี่ยน Type ตามข้อมูลตามภาพ และส่วนที่เป็น REQUIRE? ต้องท า เครื่องหมาย กด Save ดังภาพ 183
เมื่อ Save จะขึ้น error ดังภาพ ให้เลือกที่ UX และเลือกซีต1 184
จะได้หน้าต่างนี้ และคลิกที่ form จะได้ฟอร์มปรากฏด้านขวาที่เป็นข้อมูลย่อย ในส่วน Page Style เลือก tabs จะปรากฏแทบ ดังภาพ (กรอบสีแดง) เป็น Page1 = ข้อมูลนักเรียน Page2 = ข้อมูลสุขภาพ Page3 = ข้อมูลครอบครัว ท าให้สามารถกรอกข้อมูลได้ เมื่อข้อมูลเสร็จแล้วให้กด Save 185
เมื่อจะแก้ไขข้อมูล ให้มาที่ส่วน data ให้เลือกที่ View columns จะได้หน้าต่างนี้ เมื่อได้หน้านี้แล้ว คลิกแถวที่เลือก Show โดยคลิกที่รูปดินสอหน้าหัวข้อหลัก 186
จะได้หน้าต่างนี้ แล้วเลือกตามภาพ จะได้หน้าต่างนี้ พิมพ์ที่ช่องสี่เหลี่ยม “ข้อมูลนักเรียน” และ Save 187
แล้วกด Done จะกลับมาหน้านี้ จะเห็นว่ามีเครื่อง = ข้อมูลนักเรียน 188
ให้ท าข้อมูลสุขภาพ และข้อมูลครอบครัวตามขั้นตอนการท าข้อมูลนักเรียน เมื่อเรียบร้อยแล้วให้กด Save 189
กรอกข้อมูล ใส่ชื่อ ภาพ และเบอร์โทร เสร็จกด Next เพื่อใช้ tab ถัดไป ข้อมูลรูปภาพ ให้กดที่รูปกล้องเพื่อเข้าไปค้นหาภาพในเครื่อง เมื่อเลือกได้แล้ว กด Open เมื่อกรอกข้อมูลทุก tab จะมีปุ่ม Save ให้กด Save 1 2 3 4 190
รอการประมวลผลสักครู่ ที่ปุ่ม refresh รอให้ปุ่มสีแดงหายไป ให้กด refresh ก็จะได้แบบฟอร์มนี้ เครื่องหมายหน้าข้อมูลนักเรียน ข้อมูลสุขภาพ และข้อมูลครอบครัวจะหายไป ก็ จะสามารถกรอกข้อมูลได้ เป็นการเสร็จสิ้นการสร้างแบบฟอร์มรับข้อมูลแบบ tab 191