The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

คัมภีร์พระไตรปิฎก มรดกฉบับหลวงในสมัยรัตนโกสินทร์

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by ssirisopa53, 2022-10-18 08:38:17

คัมภีร์พระไตรปิฎก มรดกฉบับหลวงในสมัยรัตนโกสินทร์

คัมภีร์พระไตรปิฎก มรดกฉบับหลวงในสมัยรัตนโกสินทร์

คัมภีร์พระไตรปิฎก
ฉบับหลวงในสมัยรัตนโกสิ นทร์



คำนำ

E- BOOK ฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของ รายวิชาระเบียบวิธีการและ
หลักฐานทางประวัติศาสตร์ SO 3109-62 โดยมีจุดประสงค์ เพื่อศึกษา
ความรู้ที่ได้จากเรื่องคัมภีร์พระไตรปิฎกฉบับหลวงในสมัยรัตนโกสินทร์
ทั้งนี้ ในรายงานนี้มีเนื้อหาประกอบด้วยความรู้เกี่ยวกับการสร้างคัมภีร์
พระไตรปิฎกฉบับหลวงในสมัยรัตนโกสินทร์ และ คัมภีร์พระไตรปิฏก
ฉบับหลวงสำคัญๆในสมัยรัตนโกสินทร์ตลอดจนการประยุกต์ใช้ให้ความรู้
ประกอบการเรียนการสอน

ผู้จัดทำได้เลือกหัวข้อนี้ในการทำรายงาน เนื่องมาจากเป็นเรื่องที่
น่าสนใจ รวมทั้งแสดงให้เห็นถึงคุณค่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ ผู้จัดทำต้อง
ขอขอบคุณอาจารย์ผู้ให้ความรู้ และแนวทางการศึกษา หวังว่ารายงาน
ฉบับนี้จะให้ความรู้ และเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านทุกๆ ท่าน
หากมีข้อเสนอแนะประการใด ผู้จัดทำขอรับไว้ด้วยความขอบพระคุณยิ่ง

จัดทำโดย
น.ส. สิริโสภา ไชยวงค์ 63161645

สารบัญ ข

คำนำ ก
สารบัญ ข
1
การสร้างคัมภีร์พระไตรปิฎกฉบับหลวงในสมัยรัตนโกสินทร์ 6
การสร้างคัมภีร์พระไตรปิฎกสำหรับหอหลวง ๕ ฉบับ 12
รูปสัญลักษณ์ประจำรัชกาล 17
19
ฉบับของหนังสือใบลาน 20
21
เรื่องที่จารในหนังสือใบลาน
สรุป
อ้างอิง

1

คัมภีร์พระไตรปิฎก
มรดกฉบับหลวงในสมัยรัตนโกสิ นทร์

นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ปฐมกษัตริย์แห่ง
ราชวงศ์จักรี ทรงสถาปนา “กรุงเทพมหานคร” เป็นเมืองหลวงของราชธานี
จวบจนปัจจุบันนับเป็นเวลา ๒๐๐ กว่าปี ที่ปวงชนชาวไทยอยู่เย็นเป็นสุขภาย
ใต้พระบรมโพธิสมภารของสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าผู้ครองแผ่น
ดินทั้ง ๙ พระองค์

พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ทรงเป็นพุทธศาสนิกชนและองค์เอกอัคร
ศาสนูปถัมภกผู้ยอยกให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรือง ทรงใช้หลักธรรมในการ
บริหารปกครองประเทศให้ก้าวหน้าและรอดพ้นจากวิกฤตการณ์ทั้งหลาย และ
ทรงสนับสนุนให้มีการสร้างคัมภีร์พระไตรปิฎกอันเป็นคัมภีร์หลักของพระพุทธ
ศาสนามาอย่างตลอดต่อเนื่อง เพื่อหยั่งรากพระธรรมคำสอนให้แผ่นดินไทย
เป็นแผ่นดินธรรม

พระไตปิฎกฉบับทองใหญ่สร้างขึ้น ทรงริเริ่มไว้แต่ครั้งกรุงธนบุรี แต่สิ้นรัชกาล 2
ในปีพ.ศ. ๒๓๓๑ หลัังเสร็จสิ้นการสังคายนา
ก่อนที่คัมภีร์พระไตรปิฎกฉบับหอหลวงเสร็จสมบูรณ์
หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอด แต่กระนั้นข้อความในพระไตรปิฎกฉบับหลวงที่
ฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงย้ายราชธานีจาก รวบรวมขึ้นใหม่นี้ยังคลาดเคลื่อนอยู่มาก จึงโปรด
กรุงธนบุรีมาฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา เกล้าฯ ให้กระทำการสังคายนาพระไตรปิฎกเป็นครั้ง
แล้ว โปรดเกล้าฯ ให้สานต่องานรวบรวมคัดลอก แรกของกรุงรัตนโกสินทร์ ณ วัดนิพพานาราม โดยนำ
คัมภีร์พระไตรปิฎกที่พระเจ้าตากสินมหาราช คัมภีร์พระไตรปิฎกฉบับหอหลวง ที่ทรงให้สร้างขึ้นก่อน
หน้านั้นมาตรวจสอบ พระไตรปิฎกชุดนี้จึงเรียกว่าฉบับ
สังคายนา หรือ ฉบับครูเดิม และเรียกฉบับที่จารจารึก
หลังการสังคายนาว่า ฉบับทองใหญ่

คัมภีร์ขนฺธวารวคฺคปาลิ สํยุตฺตนิกาย ฉบับรดน้ำแดงไม้ประกับ มาถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
ลายทองจีนมีสัญลักษณ์ประจำรัชกาลอยู่ที่ริมขวาและซ้ายของ รัชกาลที่ ๓ เป็นยุคที่มีการสร้างพระไตรปิฎกจำนวน
ลานที่ใบปกรองและใบปกหลังของคัมภีร์แต่ละผูก มากและมีความประณีตงดงามยิ่งกว่าฉบับที่สร้างใน
รัชกาลก่อนๆอีกทั้งอักขระก็มีความถูกต้องครบถ้วน
ต่อมา ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เพราะเหตุที่ทรงให้การสนับสนุนทั้งการศึกษาภาษา
รัชกาลที่ ๒ รับสั่งให้สำรวจตรวจสอบคัมภีร์พระ บาลีและอักขระอื่นๆ ได้แก่ อักษรสิงหลและอักษร
ไตรปิฎกที่ประดิษฐาน ณ หอพระมณเฑียรธรรม ทำให้ มอญไปควบคู่กัน เพื่อประโยชน์ในการปริวรรตถ่าย
พบว่าคัมภีร์พระ-ไตรปิฎกหลวงบางชุดสูญหายไป จึง ถอดภาษาบาลีที่จารลงในใบลานด้วยอักษรมอญและ
โปรดเกล้าฯ ให้สร้างคัมภีร์พระไตรปิฎกหลวงขึ้น สิงหลให้เป็นอักษรขอมอย่างถูกต้องแม่นยำ
ซ่อมแซมฉบับที่สูญหายไปจนครบบริบูรณ์ และได้สร้าง
คัมภีร์ใหม่ขึ้นอีกฉบับ เรียกว่าฉบับรดน้ำแดง คัมภีร์ขนฺธวารวคฺคปาลิ สํยุตฺตนิกาย ฉบับรดน้ำแดงไม้ประกับ
ลายทองจีนมีสัญลักษณ์ประจำรัชกาลอยู่ที่ริมขวาและซ้ายของ
ลานที่ใบปกรองและใบปกหลังของคัมภีร์แต่ละผูก

3

พระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในคัมภีร์ทุกเล่มของพระไตรปิฎก
จุลจอมเกล้าบรมธรรมิกมหาราช ร.ศ. ๑๑๒ และตัวอย่างหน้าแรกจากคัมภีร์พระสุตตันตปิฎก

เมื่อล่วงเข้าสู่ยุครัตนโกสินทร์ตอนกลางพระบาท ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่

สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงมี หัว รัชกาลที่ ๕ โปรดเกล้าฯให้สร้างคัมภีร์ใบลานหลวง

บทบาทในการสร้างพระไตรปิฎกตั้งแต่สมัยดำรงอยู่ ด้วยอักษรขอมตามธรรมเนียมปฏิบัติแห่งพระมหา

ในสมณเพศตลอดรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่ง กษัตริย์ราชวงศ์จักรี และมีพระบรมราชโองการให้

เกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงศึกษาพระไตรปิฎกอย่างละเอียด พิมพ์พระไตรปิฎกจุลจอมเกล้าบรมธรรมิกมหาราช

ถี่ถ้วน ทรงรับเป็นธุระตรวจสอบคัมภีร์พระไตรปิฎก ร.ศ. ๑๑๒ จำนวน ๑,๐๐๐ ชุด ชุดละ ๓๙ เล่ม

ที่มีในแผ่นดิน และโปรดเกล้าฯ ให้เสาะหาคัมภีร์ พระราชทานไปยังวัดต่าง ๆ ในประเทศไทยและ

จากต่างประเทศมาเทียบเคียงและเสริมส่วนที่ขาด สถาบันการศึกษาทั่วโลก การเปลี่ยนวิธีการบันทึกพระ

หายให้สมบูรณ์ โปรดเกล้าฯ ให้สมณทูตไปอัญเชิญ ไตรปิฎกจากการจารจารึกลงในใบลานเป็นการพิมพ์

คัมภีร์พระไตรปิฎกจากลังกามาสู่สยามขณะเดียวกัน ด้วยกระดาษเย็บเข้าเล่มเป็นหนังสือ และเปลี่ยนอักษร

หากคัมภีร์ใดไม่มีในลังกาก็ทรงให้พระภิกษุสงฆ์ชาว ที่บันทึกเนื้อความจากอักษรขอม ซึ่งถือเป็นอักษร
สิงหลแลกเปลี่ยนไปคัดลอกได้ เป็นการค้นคว้าแลก ศักดิ์สิทธิ์มาแต่โบราณกาลมาเป็นอักษรสยาม นับว่ามี
นัยสำคัญในการแสดงอำนาจทางอารยธรรมและ
เปลี่ยนความรู้ทางพระพุทธศาสนาและเจริญ
สัมพันธไมตรีระหว่าง ๒ ประเทศให้แน่นแฟ้นขึ้น ภูมิปัญญาของชาวสยามให้เป็นที่ประจักษ์

และได้รับการยอมรับจากนานาอารยประเทศ เนื่องจากขณะนั้นสยามประเทศกำลังประส4บ
ปัญหาการล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก ดังนั้นพระไตรปิฎกฉบับพิมพ์จึงทรงคุณค่าแห่งการ
สืบทอดพระพุทธศาสนาและเป็นส่วนหนึ่งแห่งการรักษาอธิปไตยของชาติอย่างเต็มภาคภูมิ

ต่อมา สมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทรงอาราธนาสมเด็จพระ
สังฆราชเจ้าให้ทรงเป็นแม่กองชำระคัมภีร์อรรถกถา แล้วทรงบริจาคพระราชทรัพย์ให้จัดพิมพ์อรรถกถาพระ
ไตรปิฎกเป็นเล่มสมุดพระราชทานในราชอาณาจักร ๒๐๐ จบและพระราชทานในนานาประเทศ ๔๐๐ จบ
ทั้งทรงสนับสนุนการศึกษาของพระภิกษุ-สามเณรและรับสั่งให้เปลี่ยนระบบการสอบบาลีสนามหลวงจากการ
สอบปากเปล่ามาเป็นการสอบด้วยวิธีเขียน ตั้งแต่ประโยค ๑-๙ ซึ่งเป็นระบบที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน

ยุครัตนโกสินทร์ตอนปลายพระบาทสมเด็จพระ
ปกเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๗ ทรงพระกรุณาโปรด
เกล้าฯให้จัดพิมพ์พระไตรปิฎกฉบับสยามรัฐสืบต่อ
งานซึ่งพระบรมชนกนาถ รัชกาลที่ ๕ ทรงริเริ่มไว้
๓๙ เล่ม ให้สมบูรณ์ครบทั้ง ๔๕ เล่ม เพื่อบำเพ็ญ
พระราชกุศลอุทิศถวายแด่พระบาทสมเด็จ
พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมเชษฐาธิราช ทรง
กราบอาราธนาพระภิกษุสงฆ์และโปรดเกล้าฯ ให้ข้า
ราชบริพารและประชาชนทั่วไปมีส่วนในการ
สถาปนา ตราสัญลักษณ์หน้าปกรูปช้างจึงสื่อความ
หมายว่าพระไตรปิฎกฉบับนี้เป็นของชาวไทยทุกคน

ซ้าย พระไตปิฎกบาลี
ฉบับมหาสังคายนาสากลนานาชาติ

พ.ศ.๒๔๐๐ อักษรโรมัน

ขวา พระไตรปิฎก
ฉบับสำหรับประชาชน มหามกุฏราชวิทยาลัย

5

ต่อมา รัชสมัยพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พระไตรปิฎกฉบับมหาจุฬาลงกรณราช
รัชกาลที่ ๘ เริ่มมีการแปลพระไตรปิฎกเป็นภาษา วิทยาลัย พระไตรปิฎกบาลี-ไทย ฉบับภูมิพโลภิ
ไทย มีทั้งพระไตรปิฎกแปลโดยอรรถและพระ กขุ และพระไตรปิฎกฉบับสำหรับประชาชน
ไตรปิฎกแปลโดยสำนวนเทศนา แต่กระทำได้ไม่ มหามกุฏราชวิทยาลัย เป็นต้น พระมหากษัตริย์
เสร็จสมบูรณ์ก็สิ้นรัชกาลเสียก่อนพระบาทสมเด็จ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ทุกพระองค์ทรงนำชาติให้
พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ จึง พัฒนาและก้าวผ่านภยันตรายต่างๆ ด้วยพระ
ทรงสืบสานดำเนินงานแปลพระไตรปิฎกที่ค้างมา ปรีชาสามารถ ทรงนำหลักการทางพระพุทธ
ตั้งแต่สมัยพระบรมเชษฐาจนเสร็จสมบูรณ์ ฉบับ ศาสนามาบริหารแผ่นดินให้พสกนิกรชาวไทยอยู่
แรก คือพระไตรปิฎกภาษาไทย เป็นพระไตรปิฎก อย่างร่มเย็นเป็นสุขทั้งยังทรงปฏิบัติพระองค์เป็น
แปลโดยอรรถ และพระไตรปิฎกฉบับหลวงแปล แบบอย่างของพุทธศาสนิกชนที่ดี นอกจากนี้ยัง
โดยสำนวนเทศนา พิมพ์ใบลาน นอกจากนี้ในแผ่น ทรงมอบสมบัติล้ำค่า คือ พระไตรปิฎกที่บรรจุคำ
ดินพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ มีหลายหน่วยงานจัด สอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้ให้ลูกหลานได้
พิมพ์พระไตรปิฎกฉบับต่างๆขึ้น เนื่องในวาระต่างๆ ศึกษาเรียนรู้ เป็นตำรานำทางชีวิตที่มีทั้งความ
อาทิ พระไตรปิฎกบาฬี ฉบับมหาสังคายนาสากล สวยงามเชิงศิลป์ แสดงถึงอารยธรรมของ
นานาชาติ พ.ศ. ๒๕๐๐ อักษรโรมัน ประเทศและเป็นประจักษ์พยานที่แสดงให้ทั่ว
โลกเห็นว่า แผ่นดินแหลมทองของไทยนั้นงดงาม
ด้วยความเป็นไทยและแสงแห่งธรรม

อ้างอิง

ก่องแก้ว วีระประจักษ์ และวิรัตน์ อุนนาทรวรางกูร. คัมภีร์ใบลานฉบับหลวงในสมัยรัตนโกสินทร์.
กรุงเทพ : กรมศิลปากร, ๒๕๔๖.
พระไตรปิฎกในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว / แม่ชีวิมุตติยา (สุภาพรรณ ณ บางช้าง).
กรุงเทพ : บริษัท คราฟแมนเพรส จำกัด, ๒๕๕๗.
สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร. พัฒนาการของอักษรไทย.
กรุงเทพฯ :โรงพิมพ์พระพุทธศาสนา, ๒๕๕๖.
สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร. วิวัฒน์การอ่านไทย.
กรุงเทพฯ :โรงพิมพ์สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, ๒๕๕๖.

6

ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดให้สร้างคัมภีร์พระไตรปิฎกสำหรับหอหลวง ๕ ฉบับ คือ

๑. ฉบับรดน้ำเอก เมื่อสร้างเสร็จแล้วโปรดฯ ให้เก็บไว้ในหอพระเจ้าภายในพระบรม
มหาราชวังต่อมาถูกฝนและปลวกกินชำรุดเสียหายมาก ในรัชกาลต่อมาจึงได้โปรดฯ
ให้เคลื่อนย้ายมาเก็บ รักษาไว้ที่หอพระมณเที่ยรธรรม
๒. ฉบับรดน้ำโท สร้างสำหรับหอหลวง เพื่อใช้ในการสอบไล่พระปริยัติธรรม
๓. ฉบับทองน้อย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดฯ ให้ช่างผู้หญิง
ฝึกหัดจาร นับเป็นคัมภีร์พระไตรปิฎกของหลวงชุดแรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ที่จารโดยฝีมือช่างผู้หญิง
๔. ฉบับเทพชุมนุม มี ๖ ชุด สร้างสำหรับพระราชทานไปไว้ที่วัดพระเชตุพนฯพระ
ไตรปิฎกชุดนี้ ได้มีการ สร้างเพิ่มเติมอีกในรัชกาลที่ ๔ ต่อมาไนรัชกาลที่ ๕ โปรดฯ ให้
เคลื่อนย้ายมาเก็บรักษาไว้ในหอพระมณเทียรธรรม

7

๑. ฉบับรดน้ำเอก เมื่อสร้างเสร็จแล้วโปรดฯ ให้เก็บไว้ในหอพระเจ้า ภายในพระบรมมหาราชวัง
ต่อมาถูกฝนและปลวกกินชำรุดเสียหายมาก ในรัชกาลต่อมาจึงได้โปรดฯ ให้เคลื่อนย้ายมาเก็บ
รักษาไว้ที่หอพระมณเที่ยรธรรม

๒. ฉบับรดน้ำโท สร้างสำหรับหอหลวง เพื่อใช้ในการสอบไล่พระปริยัติธรรม
๓. ฉบับทองน้อย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดฯ ให้ช่างผู้หญิง
ฝึกหัดจาร นับเป็นคัมภีร์พระไตรปิฎกของหลวงชุดแรกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ที่จารโดยฝีมือช่างผู้ห

8

๔. ฉบับเทพชุมนุม มี ๖ ชุด สร้างสำหรับพระราชทานไปไว้ที่วัดพระเชตุพนฯพระไตรปิฎกชุดนี้
ได้มีการสร้างเพิ่มเติมอีกในรัชกาลที่ ๔ ต่อมาไนรัชกาลที่ ๕ โปรดฯ ให้เคลื่อนย้ายมาเก็บรักษาไว้
ในหอพระมณเทียรธรรม

๕. ฉบับอักษรรามัญ ฉบับนี้ในรัชกาลที่ ๔ ก็ทรงสร้างด้วย ฉบับลายกำมะลอ สร้างพระราชทานวัด
ราชโอรสฯ ฉบับรดน้ำแดง ฉบับนี้ สร้างซ่อมเพิ่มเติมฉบับรดน้ำแดงในรัชกาลที่ ๒
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชประสงค์จะให้แปลคัมภีร์พระไตรปิฎกออกเป็น
ภาษาไทย จึงโปรดฯ ให้ราชบัณฑิตส่งหนังสือฉบับหลวงไปพร้อมกับฎีกา

9

รูปภาพเพิ่มเติม

คัมภีร์ฉบับล่องชาด ไม้ประกับลายมะละกอ
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

คัมภีร์ฉบับทองใหญ่ ไม้ประกับทองทึบ ฉลากทอ
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก

10

คัมภีร์ฉบับทองชุบ ไม้ประกับลายมะละกอ
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก

คัมภีร์ฉบับชุบย่อ ไม้ประกับธรรมดา ฉลากทองเหลือง
ประดับกระในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช

11

คัมภีร์ฉบับรดน้ำแดง ไม้ประกับลายทองจีน
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

คัมภีร์ฉบับรองทรง ไม้ประกับธรรมดา
ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช

12

รูปสัญลักษณ์ประจำรัชกาล

ลักษณะประจำอีกประการหนึ่งของคัมภีร์พระไตรปิฎกฉบับหลวง คือ ในแต่ละฉบับจะมีรูปสัญลักษณ์
ประจำรัชกาที่สร้างปรากฎอยู่ที่ใบรองปก รูปสัญลักษณ์ดังกล่าวจะเขียนอยู่ภายในรูปวงรีด้วยเส้นทองบนพื้นรักดำ
ประจำอยู่ที่ริมด้านขวา และซ้ายของลานตรงกลางมีอักษรเส้นจารบอกชื่อคัมภีร์
รูปสัญลักษณ์ประจำรัชกาลต่าง ๆ มีลักษณะ ดังนี้

๑. รูปสัญลักษณ์ในรัชกาลที่ ๑ เป็นภาพอุณาโลม เขียนเป็นลายเส้นคล้ายเปลวไฟ
วางอยู่บนพาน ตรงกลางมีฉัตร ๕ ชั้น ขนาบอยู่ ๒ ข้าง และมีลายช่อกนกเปลว
ประกอบส่วนที่ว่าง

๒. รูปสัญลักษณ์ในรัชกาลที่ ๒ เป็นภาพครุทยุดนาคอยู่ตรงกลาง มีฉัตร ๕ ชั้น ขนาบอยู่
๒ ข้าง มีลายช่อกนกเปลวประกอบส่วนที่ว่าง

๓. รูปสัญลักษณ์ในรัชกาลที่ ๓ เป็นกาพปราสาท ๓ ห้อง อยู่ตรงกลาง มีฉัตร ๔ ชั้น
ขนาบอยู่ 2 ข้าง มีลายช่อกนกเปลวประกอบส่วนที่ว่าง

๔. รูปสัญลักษณ์ในรัชกาลที่ ๔ เป็นภาพมงกุฎางอยู่บนแป้น มีฉัตร ๕ ชั้น ขนาบ
อยู่ ๒ ข้าง มีลายช่อกนกเปลวประกอบส่วนที่ว่าง

๕. รูปสัญลักษณ์ในรัชกาลที่ ๕ เท่าที่พบในปัจจุบันมี ๕ แบบ คือ
แบบที่ ๑ เป็นภาพพระเกี้ยวเปล่งรัศมีเป็นเส้นแฉก วางอยู่บนพาน ๒ ชั้น
ตรงกลาง มีฉัตร ๕ ชั้น ขนาบอยู่ ๒ ข้าง ทั้งหมดวางอยู่เหนือช้างสามเศียร
ซึ่งอยู่ภายในกรอบมีรูปสิงห์และดชสีห์ขนาบสองข้าง หันหน้าไปทางขวาและ
ซ้ายอยู่ในท่าก้าวขาไต่ช่อดอกไม้ซึ่งเขียนเป็นกิ่งโค้งตามขอบวงรี
แบบที่ ๒ เป็นภาพพระเกี้ยวเปล่งรัศมีเป็นเส้นแฉก วางอยู่บนพาน ตรงกลางมีฉัตร ๕ ชั้น
ขนาบอยู่ ๒ ข้าง มีลายช่อกนกเปลวประกอบส่วน ที่ว่าง
แบบที่ ๓ เป็นภาพมงกุฎอยู่กึ่งกลางตอนบน มีรูปพยัญชนะ ส รองรับอยู่เบื้องล่าง
มีภาพตันไม้เขียนเป็นช่อชั้นคล้ายฉัตรขนาบอยู่ ๒ ข้าง มีช่อกนกเปลว
ประกอบส่วนที่ว่าง
แบบที่ ๔ เป็นภาพพระเกี้ยวเปล่งรัศมี เป็นเส้นแฉก วางอยู่บนหมอน
แบบที่ ๕ เป็นภาพอักษรไขว้ ๕ ตัว คือ พ ป ม จ ล ร้อยไขว้ร้อยเกี่ยวกันอยู่
เหนือเลข ๕ อักษร์นี้ย่อมาจากพระนามาภิไธย พระบาทสมเด็จพระ
ปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

13

๑. รูปสัญลักษณ์ รัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช



๒. รูปสัญลักษณ์ รัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย



๓. รูปสัญลักษณ์ รัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว

14

๔. รูปสัญลักษณ์ รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

๕. รูปสัญลักษณ์ รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า
เจ้าอยู่หัวใช้ในฉบับรัชกาลที่ ๕ สร้างซ่อมฉบับในรัชกาลที่ ๔

๖. รูปสัญลักษณ์ รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แบบที่ ๑

15
๗. รูปสัญลักษณ์ รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แบบที่ ๒

๘. รูปสัญลักษณ์ รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แบบที่ ๓

๙. รูปสัญลักษณ์ รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แบบที่ ๔

16

๑๐. รูปสัญลักษณ์ รัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แบบที่ ๕

การสร้างรูปสัญลักษณ์ประจำรัชกาลต่าง ๆ ที่คัมภีร์พระไตรปิฎกดังกล่าวข้างต้นมี ๒ อย่าง คือ
๑. ถ้าเป็นคัมภีร์พระไตรปิฎกฉบับที่สร้างขึ้นสำหรับรัชกาล รูปสัญลักษณ์ประจำรัชกาล
นั้นจะอยู่ที่ด้านขวา และซ้ายของใบลาน
๒. ถ้าเป็นฉบับที่สร้างซ่อมเพิ่มเติมฉบับที่หายไปในรัชกาลก่อน รูปสัญลักษณ์
ประจำรัชกาลที่สร้างซ่อม หรือรัชกาลก่อนนั้น จะอยู่ด้านซ้ายของใบลาน และรูป
สัญลักษณ์ประจำรัชกาลที่สร้างจะอยู่ทางด้านขวาของใบลาน ตัวอย่างเช่น
พระไตรปิฎกฉบับรัชกาลที่ ๔ สร้างซ่อมฉบับในรัชกาลที่ ๔ ทางด้านซ้ายของใบลานจะ
มีรูปสัญลักษณ์ประจำรัชกาลที่ ๔ ซึ่งทำเป็นรูปมงกุฎเปล่งรัศมีเป็นเส้นแฉก วางอยู่บน
พาน ๒ ชั้น ตรงกลางมีอุณาโลมรองรับมงกุฎแทนแป้น มีฉัตร ๕ ชั้น ขนาบอยู่ ๒ ข้าง
และที่เส้นขอบวงริมขวาเขียนเป็นรูปหนังสือวางอยู่บนพาน ที่เส้นขอบวงริมซ้ายเขียน
เป็นรูปแว่นวางอยู่บนพาน ภาพทั้งหมดอยู่ภายในเส้นรอบวง ซึ่งทำเป็นรูปวงรี
ด้านขวาเป็นรูปสัญลักษณ์ประจำรัชกาลที่ ๕ ซึ่งทำเป็นรูปพระเกี้ยวเปล่งรัศมีเป็น
เส้นแฉก วางอยู่บนพานตรงกลาง มีฉัตร ๕ ชั้น ขนาบอยู่ ๒ ข้าง อย่างนี้เป็นต้น

17

ฉบับของหนังสือใบลาน

หนังสือใบลานที่จารนั้น แบ่งออกตามประเภทของหน้าปกต่าง ๆ กัน และริมขอบฉบับลาน
ต่างๆ กัน ออกไปอีกเรียกว่า "ฉบับ" เท่าที่เคยพบและมีอยู่ในหอสมุดแห่งชาติ มี ๑๖ ฉบับ คือ

๑. ฉบับลานดิบ
๒. ฉบับรักทึบ
๓. ฉบับชาดทึบ
๔. ฉบับทองทึบ
๕. ฉบับข้างลาย
๖. ฉบับข้างลายรดน้ำดำ
๗. ฉบับข้างลายรดน้ำแดง
๘. ฉบับทองใหญ่
๙. ฉบับทองชุบ
๑๐. ฉบับชุบย่อ
๑๑. ฉบับรองทรง
๑๒. ฉบับรดน้ำแดง
๑๓. ฉบับทองน้อย
๑๔. ฉบับรดน้ำดำโท รดน้ำดำเอก รดน้ำดำลายเทพชุมนุม
๑๕. ฉบับล่องชาด
๑๖. ฉบับล่องรัก

18

ฉบับของหนังสือใบลาน

ฉบับต่าง ๆ ดังกล่าวมานี้ยังเป็นสัญลักษณ์ชี้บ่งบอกถึงสมัยและรัชกาลต่างๆ
ได้อีกด้วย ดังนี้

สมัยอยุธยา
ฉบับชาดทึบ ฉบับข้างลาย ฉบับข้างลายรดน้ำดำ ฉบับข้างลายรดน้ำแดง

สมัยกรุงธนบุรี
ฉบับชาดทึบ ฉบับล่องชาด

สมัยรัชกาลที่ ๑
ฉบับทองใหญ่ ฉบับทองชุบ ฉบับชุบย่อ และฉบับรองทรง

สมัยรัชกาลที่ ๒
ฉบับรดน้ำแดง

สมัยรัชกาลที่ ๓
ฉบับรดน้ำดำโท รดน้ำดำเอก รดน้ำดำลายเทพชุมนุม ฉบับชุบย่อ
และฉบับทองน้อย

สมัยรัชกาลที่ ๔
ฉบับล่องชาด

สมัยรัชกาลที่ ๕
ฉบับทองทึบ
ตามที่ใด้กล่าวมานี้ หมายถึง หนังสือใบลานฉบับหลวงเท่านั้น

ถ้าเป็นหนังสือที่ราษฎรทั่วไปสร้าง หรือพระสงฆ์สามเณร อุบาสก อุบาสิกา สร้าง
ซึ่งเรียกว่า ฉบับราษฎร์หรือ ฉบับเชลยศักดิ์ มีอยู่เพียง ๕ ฉบับเท่านั้น คือ ฉบับลานดิบ
ฉบับรักทึบ ฉบับล่องรัก ฉบับล่องชาด และฉบับทองทึบซึ่งใช้บ่งบอกสมัยและรัชกาลไม่ได้

19

เรื่องที่จารในหนังสือใบลาน

เรื่องที่จารในหนังสือใบลานส่วนมากเป็นเรื่องคำสั่งสอนในพระพุทธศาสนา
ทั้งที่เป็นพระไตรปิฎก เรียกว่า "บาลี" หนังสือที่อธิบายความในบาลีเรียกว่า "อรรถกถา"
หนังสือที่อธิบายความในอรรถกถาเรียกว่า "ฎีกา" หนังสือที่อธิบายความในฎีกาเรียกว่า
"อนุฎีกา" ฎีกาที่แต่งแต่เดิมมาเรียกว่า "มูลกา" ฎีกาที่แต่งขึ้นมาใหม่ในเรื่องเดียวกันเรียก
ว่า "นวฎีกา" หนังสือที่แต่งขึ้นอธิบายศัพท์และความสัมพันธ์ของประโยคในอรรกถาและ
ฎีกาเพื่อเป็นคู่มือในการแปลเรียกว่า "โยซนา" หนังสือที่แต่งขึ้นอธิบายเฉพาะข้อความ
ใจความที่ยากๆ

เป็นปมหรือเงื่อนงำชวนสงสัยเรียกว่า "ดัณฐ" ทั้งที่เป็นปกรณ์วิเสส ไม่ใช่พระ
ไตรปิฎก เป็นปกรณ์ที่แต่งขึ้นอธิบายพระธรรมวินัยเป็นเรื่อง ๆ แต่แต่งทำนองเดียวกันกับ
พระไตรปิฎกมีทั้งบาลี, อรรถกถา, ฎีกา, อนุฎีกา โยชนา, คัณฐี เหมือนกับพระไตรปิฎก
ทั้งที่เป็นสัททาวิเสส คือ
เรื่องที่แต่งอธิบายความแตกต่างกันของรูปศัพท์ต่าง ๆ ตามหลักไวยากรณ์และทั้งที่เป็น
ไวยากรณ์ คือ ปกรณ์หรือคัมภีร์ที่เป็นหลักภาษาเป็นเครื่องทำ ภาษาบาสีให้แจ่มแจ้ง
ได้แก่ อักขรวิธี วจีวิภาด วากยสัมพันธ์ และฉันทลักษณ์ ถ้าจะพูดถึงหลักวิชาที่จารลง
ในหนังสือใบลานแล้ว ก็มีทุกแขนงสาขาวิชาต่างๆที่เดียว

20

สรุปได้ว่า.. คัมภีร์ใบลานฉบับราษฎร์ ที่สร้างขึ้นมีเพียง 5 ฉบับ เท่านั้น คือ
ฉบับทองทึบฉบับล่องชาด ฉบับล่องรัก ฉบับรักทึบ ฉบับลานดิบ เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้มีชื่อเรียก
ฉบับเหมือนกับฉบับของหลวง แต่คัมภีร์ใบลานที่สร้างโดยสามัญชน ไม่มีสัญลักษณ์ที่สามารถ
บ่งบอกสมัยหรือรัชกาลได้เหมือนคัมภีร์ใบลานฉบับหลวง หากพิจารณาจากความวิจิตรประณีต
พิถีพิถัน ตั้งแต่การคัดสรรใบลาน ฝีมือการจารเนื้อผ้าห่อคัมภีร์ วัสดุที่ใช้ทำไม้ประกับ
และป้ายชื่อคัมภีร์ จะเห็นว่าคัมภีร์ใบลานฉบับหลวงมีความสมบูรณ์ถูกต้อง และงดงามกว่าคัมภีร์
ใบลานฉบับราษฎร์ แต่กระนั้น คัมภีร์ใบลานทั้ง 2 แบบ ต่างก็มีความสำคัญและทรงคุณค่าสูงสุด

ด้วยกลั่นออกมาจากจิตใจและความเคารพเทิดทูนพระศาสนาพุทธศาสนิกชน
ในแผ่นดิน ไม่ว่าจะยิ่งด้วยยศศักดิ์อย่างพระเจ้าอยู่หัว ผู้ปกครองประเทศหรือสามัญชน
คนธรรมดาอย่างอาณาประชาราษฎร์ ต่างก็มีใจที่รักและเทิดทูนพระพุทธศาสนาหวงแหน
ปกปักรักษา สืบทอดคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คำสอนอันทรงคุณค่า
ต่อจิตใจให้คงอยู่ต่อไป ท่านทั้งหลายเหล่านั้นไม่ว่าจะกี่ยุคสมัยจึงหลอมรวมดวงใจเป็นหนึ่ง
เดียวกัน เก็บรวบรวมคำสอนล้ำค่านี้บันทึกไว้ในคัมภีร์ใบลานส่งทอดสืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน

การสร้างคัมภีร์พระไตรปิฎกถวายไว้ในพระศาสนา จึงมิใช่เป็นเพียงแค่ธรรมเนียม
มิใช่เป็นเพียงเพราะปฏิบัติสืบต่อกันมา แต่เป็นความเพียรอุตสาหะที่กลั่นจากความรักและ
ศรัทธาที่ปรารถนาจะให้สมบัติล้ำค่านี้สืบทอดต่อไปชั่วลูกชั่วหลาน คัมภีร์ใบลานหลวงและ
ราษฎร์จึงทรงความงดงามและมีคุณค่ายิ่ง เป็นมรดกของแผ่นดิน ให้แผ่นดินไทยได้ชื่อว่าเป็น
“แผ่นดินธรรม”..

21

อ้างอิง

- ก่องแกว วีระประจักษ์ และวิรัตน์ อุนนาทรวรางกูร. / ( ๒๕๒๗ )./ คัมภีร์ใบลานฉบับหลวง
ในสมัยรัตนโกสินทร์./โรงพิมพ์อมรินทร์การพิมพ์

- สำนักหอสมุดแห่งชาติ./ ( ๒๕๕๒ )./เอกสารโบราณ ประเภทคัมภีร์ใบลานและหนังสือ
สมุดไทย./ สำนักหอสมุดแห่งชาติ

- มานะ ทองสอดแสง. ศึกษาศิลปลายไทย. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพฯ : รวมสาส์น, ๒๕๐๘.
ศิลปากร, กรม. การทำสมุดไทย และการเตรียมใบลาน ท่องแก้ว วีระประจักษ์ เรียบเรียง.
กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๕๒๑.

- สมุดตำยาลายไทย. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, ๒๔๘'๖.
ห้องสมุดแห่งประเทศไทย, สมาคม. ทอพระมณเทียธธรม เรียบเรียงโดย ก่องแก้ว
วีระประจักษ์ และนิยะดา ทาสุคนธ์. กรุงเทพฯ : อมรินทร์การพิมพ์, ๒๕๒๕.


Click to View FlipBook Version