The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมจังหวัดนครปฐม

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Nakornpathom Provincial Culture Council, 2022-09-29 03:49:54

"ซิ่นลายแตงโม" ไทยทรงดำ จังหวัดนครปฐม

มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมจังหวัดนครปฐม

ซิน่ ลายแตงโม

ไทยทรงดำ� จงั หวัดนครปฐม

มรดกภมู ปิ ัญญาทางวัฒนธรรมจงั หวดั นครปฐม

2 “ซ่นิ ลายแตงโม” ไทยทรงดำ�

เคร่ืองแต่งกายเป็นปัจจัยส่ีของมนุษย์ที่นอกจากจะ
ใหค้ วามอบอนุ่ ช่วยป้องกนั ภยั อนั ตรายจากสตั ว์ สภาพดนิ ฟ้า
อากาศแล้ว ยังเป็นส่ิงที่แสดงสถานภาพทางสังคม ตลอดจน
ความเชื่อและพิธีกรรมของมนุษย์อีกด้วย ผู้หญิงไทยทรงด�ำ
เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีความสามารถในการทอผ้า และตัดเย็บ
เสอ้ื ผา้ สำ� หรบั ตนเองและบคุ คลในครอบครวั ซงึ่ แบง่ ผา้ ออกเปน็
๒ ประเภท ไดแ้ ก่ ผา้ ที่ใชส้ อยในชวี ิตประจำ� วัน กับผา้ ที่ใช้ใน
พิธกี รรมต่าง ๆ ของไทยทรงด�ำ

ผา้ ทใี่ ชส้ อยในชวี ติ ประจำ� วนั ไดแ้ ก่ เสอื้ ผา้ เครอื่ งนงุ่ หม่
เคร่ืองใช้ในครัวเรือน อาทิ เส้ือก้อมหญิง เสื้อไทของผู้ชาย
กางเกงขาส้ัน ผ้าซิ่นลายแตงโม ผ้าเปียว ผ้าขาวม้า หมอน มุ้ง
ย่าม เป็นต้น ส่วนผ้าและเครื่องแต่งกายที่ใช้ในพิธิกรรม ได้แก่
ผ้าขาว เสื้อฮีชาย เสื้อฮีหญิง ซิ่นลายแตงโม ซ่ินนางหาญ
เปน็ ตน้ การใชผ้ า้ ของไทยทรงดำ� เกย่ี วขอ้ งกบั ชวี ติ และความเชอื่
อาทิ เช่ือว่า เส้ือผ้าเป็นสิ่งที่จะท�ำให้ได้ไปพบแถนดังนั้นเสื้อฮี
จึงต้องมีประจ�ำตัวเม่ือเสียชีวิตก็จะได้สวมใส่และคลุมโลงศพ
ของตน หรือการแต่งงานของไทยทรงด�ำเจ้าบ่าว เจ้าสาวก็จะ
ต้องสวมชุดฮีในพิธีการแต่งงานของไทยทรงด�ำ ซึ่งยังคงยึดถือ
และสบื ทอดกนั มาอยา่ งยาวนาน ดว้ ยความเชอ่ื ในผบี รรพบรุ ษุ
ของชาวไทยทรงด�ำ ท่ีต้องมีการเสนตัว เสนเรือนเป็นประจ�ำ
เพราะเป็นสิ่งที่จะท�ำให้คนในครอบครัวมีความสุข

มรดกภมู ปิ ัญญาทางวัฒนธรรมจงั หวดั นครปฐม 3

4 “ซ่นิ ลายแตงโม” ไทยทรงดำ�

ผา้ และเคร่อื งแต่งกายของไทยทรงดำ� ท่ีเปน็ อัตลกั ษณ์
เปน็ ลกั ษณะเดน่ ทที่ กุ คนพบเหน็ จะทราบทนั ทวี า่ เปน็ คนลาวโซง่
หรอื ไทยทรงด�ำ นนั่ กค็ อื การสวมใส่เส้ือผา้ ทีย่ อ้ มหรือทอดว้ ย
ฝา้ ยหรอื ดา้ ยสดี ำ� เสอื้ กอ้ ม และเสอื้ ไทยทใ่ี สใ่ นชวี ติ ประจำ� วนั จะมี
กระดมุ เงนิ เรยี งถี่ ๆ อยา่ งน้อย ๑๑ เมด็ คนท่ีมีฐานะสามารถ
เสริมเข้าไปจนชิดติดกัน ผู้หญิงสวมเส้ือก้อม หรือห่มผ้าเปียว
สีดที่มกี ารปักลวดลายเป็นเอกลกั ษณด์ ว้ ยสแี ดง สขี าว สีเขียว
และสสี ม้ ซง่ึ เปน็ สที ม่ี คี วามหมาย และสง่ิ ทเ่ี ปน็ จดุ เดน่ คอื ผา้ ซนิ่
ทไี่ มเ่ หมอื นกลมุ่ ชาตพิ นั ธใ์ุ ด คอื ซนิ่ ลายแตงโมทส่ี ามารถอธบิ าย
และแฝงไวด้ ว้ ยเรอื่ งราว ซน่ิ ลายแตงโมทใี่ ชเ้ สน้ ยนื เปน็ เสน้ ไหม
สแี ดงทแี่ สดงถงึ ความรกั และไมแ่ สดงออกไมโ่ ออ้ วดใคร ๆ สว่ น
เสน้ พงุ่ จะเปน็ เสน้ ฝา้ ยสกี รมทา่ หรอื สดี ำ� ปกปดิ เสน้ ยนื ไหมสแี ดง
ทบ่ี า่ งใหเ้ หน็ ถงึ วา่ คนไทยทรงดำ� เปน็ คนสนั โดษ นอกจากเสน้ พงุ่
สีด�ำแล้ว ลวดลายท่ีเรียกว่า ลายแตงโมท่ีอยู่บนผืนผ้าซิ่นจะ
นิยมใช้ฝ้ายยอ้ มสีครามหรอื สธี รรมชาตทิ อของฝ้ายทอสลบั กัน
มีเสน้ เดยี่ วทขี่ ้ันระหวา่ งเส้นทบึ สีขาว ๒ ชดุ ชุดแรกจะทอเปน็
เสน้ ทบึ สองเสน้ อยชู่ ดิ กนั แสดงใหเ้ หน็ ถงึ ความรกั ความเปน็ คกู่ นั
กบั ชดุ ทสี่ องเปน็ เสน้ ทบึ สขี าวทอ่ี ยขู่ นานกนั แตไ่ มช่ ดิ กนั กม็ คี ติ
วา่ ตอ้ งพลดั พรากจากกนั หา่ งจากทเ่ี คยอยใู่ นถนิ่ เดมิ ทเ่ี ดยี นเบยี นฟู
ในประเทศเวียดนามปัจจุบัน ดงั นน้ั ผา้ ซนิ่ ลายแตงโมจงึ เปน็
ผา้ ซน่ิ ทม่ี เี รอื่ งราว คนไทยทรงดำ� จึงยังคงรักษารูปแบบไว้เป็น
อย่างดี

มรดกภูมปิ ัญญาทางวฒั นธรรมจงั หวดั นครปฐม 5

6 “ซ่นิ ลายแตงโม” ไทยทรงดำ�

ถึงแม้ว่าการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวิถีชีวิตจะ
เปล่ียนแปลงจากอดีตมากมายในสภาพของสังคมเพ่ือนบ้านมี
การเปล่ียนแปลงไปมากมายแต่ไทยทรงด�ำก็ยังคงรักษา
ขนบธรรมเนียมประเพณีความเช่ือไว้อย่างเหนียวแน่น จาก
สภาพการเปล่ยี นแปลงในหลาย ๆ ดา้ นผู้หญิงไทยทรงด�ำไม่ได้
ทำ� หนา้ ทแี่ มบ่ า้ นอย่างเดียวเหมือนในอดีต ออกไปท�ำงานนอก
บ้านในอาชีพต่าง ๆ มากขึ้นการสืบทอดการทอผ้าและปักผ้า
เพอ่ื ใชส้ อยในครวั เรอื น เมอ่ื คนรนุ่ ปยู่ า่ ตายาย พอ่ แมเ่ สยี ชวี ติ ไป
ชา่ งทอผา้ กก็ ำ� ลงั จะหมดไปจากสังคมไทยทรงด�ำ ทุกวันนจ้ี ึงมี
กลมุ่ คนทส่ี นใจทอผา้ และตดั เสอ้ื ผา้ เครอื่ งนงุ่ หม่ เพอ่ื เปน็ อาชพี
จดั ทำ� เพอื่ จำ� หนา่ ยใหก้ บั คนในหมบู่ า้ นตนเองและหมบู่ า้ นอน่ื ๆ
ในงานวนั สำ� คัญ ๆ หรอื ตั้งเปน็ วสิ าหกจิ ชุมชน เป็นร้านส่วนตัว
จากสภาพการเปลยี่ นแปลงทางสงั คมทำ� ใหช้ า่ งทอผา้ ซน่ิ
ลายแตงโมของไทยทรงดำ� จงั หวดั นครปฐมมจี ำ� นวนนอ้ ยมาก และ
ในอนาคตอาจไมม่ ชี า่ งทอผา้ ในหมบู่ า้ นอกี ตอ่ ไป การสบื ทอด และ
การถา่ ยทอดใหก้ บั ผทู้ สี่ นใจจงึ มคี วามจำ� เปน็ มากในสถานการณ์
ปจั จบุ นั

มรดกภูมปิ ัญญาทางวัฒนธรรมจงั หวดั นครปฐม 7

ประวตั ิความเปน็ มา

กลุ่มชาติพันธุ์ไทยทรงด�ำ หรือไทยด�ำ หรือลาวโซ่ง มีถิ่นก�ำเนิดอยู่ที่
เมอื งแถง (เดยี นเบยี นฟ)ู อยทู่ างทศิ ตะวนั ตกเฉยี งเหนอื ของเวยี ดนาม ตงั้ ถนิ่ ฐาน
ในประเทศไทยประมาณ ๒๓๗ ปี มีประวัติการอพยพเข้ามาในรชั สมยั พระเจา้
กรงุ ธนบรุ ี พ.ศ. ๒๓๒๑ สมยั พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลก รชั กาลท่ี ๑
และคร้ังหลังสุดสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓
ชาวไทยทรงดำ� จะตงั้ ถนิ่ ฐานอยทู่ ว่ั ไป ไดแ้ ก่ จงั หวดั เพชรบรุ ี สรุ าษฏรธ์ านี ราชบรุ ี
สุพรรณบุรี นครปฐม กาญจนบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร ก�ำแพงเพชร
พิษณุโลก สุโขทัย เลย และจงั หวดั อืน่ ๆ ไทยทรงดำ� มีวิถีชีวิตเรยี บงา่ ย ประดิษฐ์
สงิ่ ของเครอ่ื งใชด้ ว้ ยตนเอง มภี าษาพดู ภาษาเขยี นเปน็ ของตนเอง ปจั จบุ นั กำ� ลงั
ได้รบั การสนับสนนุ ในการเรียนการสอนภาษาไทยด�ำในอ�ำเภอเขาย้อย จังหวัด
เพชรบรุ ี ซง่ึ ไดร้ บั การสนบั สนนุ จากกระทรวงศกึ ษาธกิ ารและกระทรวงพฒั นาสงั คม
และความม่ันคงของมนุษย์ โรงเรียนท่ีเปิดสอนภาษาไทยด�ำ ได้แก่ โรงเรียน
เขายอ้ ยวทิ ยาและโรงเรยี นวดั หนองปรง ศรทั ธาความเชอ่ื ชาวไทยทรงดำ� สว่ นใหญ่
จะมคี วามผกู พนั อยกู่ บั ความเชอื่ ในเรอื่ งผแี ละขวญั เปน็ อนั มาก เนอ่ื งจากเชอ่ื วา่
ผีนั้นเป็นเทพยดาที่ให้ความคุ้มครองพิทักษ์รักษา หรืออาจให้โทษถึงตายได ้
โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงในเรื่อง ผีเรอื น ประดุจดง่ั ศาสดาประจำ� ตน ซงึ่ ทำ� ในสิ่งไมด่ ี
จะเป็นการผิดผี ผีเรือนอาจจะลงโทษได้ โดยจ�ำแนกประเภทของผีตามล�ำดับ
ความสำ� คญั และความเชือ่ ได้ดงั นี้ ผแี ถนหรือผีฟ้าผบี ้านผเี มอื ง ผีบรรพบุรุษ ผี
ปา่ ขวง และผีอน่ื ๆ ขนบธรรมเนียมประเพณี
วฒั นธรรมการแตง่ กายของไทยทรงดำ� มกี ารแตง่ กายแบบพธิ กี าร และ
แตง่ กายในวถิ ีชีวติ ประจ�ำวัน มรี ะเบียบ สังคม จดั ไวอ้ ย่างชัดเจน เช่น ชุดหมอ
เสนผู้น้อย ชุดหมอเสนผู้ต้าว ชุดพ่อมด ชุดแม่มด ชุดลูกสะใภ้ไปบ้านแม่สามี

8 “ซนิ่ ลายแตงโม” ไทยทรงดำ�

ชุดขึ้นบ้านใหม่ ชุดเขือยงานศพผู้น้อย ชุดเขือยงานศพผู้ต้าว ชุดไปเก้ียวสาว
ชดุ รำ� แคน ชุดโยนลูกช่วง ชดุ อยู่กับบา้ น ชุดไว้ทุกข์ ฯลฯ
ทอ่ี ยอู่ าศยั บา้ นเรอื นเปน็ บา้ นมลี กั ษณะใตถ้ นุ สงู มขี อกดุ เปน็ สญั ลกั ษณ์
บง่ บอกชนเผา่ และขอกดุ ยงั บง่ บอกสภาพของเจา้ ของบา้ นวา่ เปน็ ผนู้ อ้ ย หรอื ผตู้ า้ ว
อาชพี หลัก การท�ำนา ท�ำไร่ เล้ียงสตั ว์ และการทอผ้า
อาหารเป็นอาหารรสจัด จะมีพริกพราน (มะแข่น) เป็นเคร่ืองเทศ
บง่ บอกเอกลกั ษณป์ ระจำ� ชนเผา่ อาหารหลกั เชน่ แกงหนอ่ ไมส้ ม้ แกงหยวกกลว้ ย
แกงป่า แกงโฮเฮ
พธิ กี รรม พธิ เี สนคอื การเซน่ ไหวผ้ บี รรพบรุ ษุ นอกนน้ั มกี ารเซน่ ไหวแ้ ถน
เซน่ เสนปุกลว้ ยเมืองฟา้ เสนปกุ ลว้ ยเมืองลมุ เสนตอ่ มีต่อแนน พิธีเซ่นไหว้ผมี ด
ผบี ้านผเี มอื ง เสนฆา่ เกือด เสนแก้เคราะห์เรือน เสนกวักกว้าย ฯลฯ
ชาวไทยทรงด�ำ มีภาษาพูดและภาษาเขียนเป็นของตนเอง นับตั้งแต่
ชาวไทยทรงดำ� อพยพเขา้ มาอยใู่ นเขตอำ� เภอเขายอ้ ย จงั หวดั เพชรบรุ ี ไทยทรงดำ�
ไมไ่ ดจ้ ดั ระบบการศกึ ษาขน้ึ ในชมุ ชนของตนเอง ไมม่ โี รงเรยี นสอนภาษาไทยทรงดำ�
โดยตรง การสอนภาษาเป็นเพียงการถ่ายทอดในครอบครัวท่ีกระท�ำกันเอง
เทา่ นนั้ ซง่ึ สว่ นใหญก่ จ็ ะสอนแตเ่ พยี งภาษาพดู แกท่ ารกทเ่ี กดิ ใหมจ่ นสามารถพดู ได้
แตก่ ไ็ มไ่ ด้เนน้ ทางด้านการอ่าน การเขียน ลักษณะเช่นนี้ ทำ� ใหส้ มัยต่อ ๆ มา
จ�ำนวนไทยทรงด�ำที่สามารถอ่านเขียนหนังสือไทยทรงด�ำได้มีจ�ำนวนน้อยลง
ทุกที เน่ืองจากการถ่ายทอดภายในครอบครัวไม่มีประสิทธิภาพที่ดีพอ เพราะ
ไทยทรงด�ำส่วนมากจะดิ้นรนเพื่อการด�ำรงชีวิต ใช้เวลาในการประกอบอาชีพ
มากกว่าที่จะสอนหนังสืออย่างจริงจัง ปัจจุบันจึงมีชาวไทยทรงด�ำในจังหวัด
นครปฐม ทมี่ อี ายตุ งั้ แต่ ๕๐ ปีข้นึ ไป บางคนเท่านนั้ ทย่ี งั พอสามารถ อ่าน เขยี น

มรดกภูมิปัญญาทางวฒั นธรรมจังหวัดนครปฐม 9

ภาษาไทยทรงดำ� ได ้ สว่ นใหญพ่ บในตำ� ราทเี่ ปน็ ภาษาไทยทรงดำ� มใี หอ้ า่ นนอ้ ยมาก
สว่ นมากจะมเี ปน็ ตำ� นานเกา่ ๆ ตำ� รายาแผนโบราณ และบทขบั กลอ่ มตอบโตก้ นั
ระหวา่ งหญิงกบั ชาย เมื่อมงี านประจำ� ปี หรอื เทศกาลเดือนห้า หนา้ สงกรานต์
ไทยทรงด�ำท่ไี ด้รบั การศกึ ษาสูง ๆ หลายคนพดู ภาษาไทยทรงดำ� เกือบไม่ได้เลย
แม้แต่ภายในกลุ่มชาวไทยทรงด�ำ บางชุมชนก็ไม่ค่อยพูดภาษาไทยทรงด�ำ
ดว้ ยกนั แล้ว บางกลุ่มก็พูดผสมกนั ระหว่างภาษาไทยกับภาษาไทยทรงดำ�
ภาษาไทยทรงดำ� มลี กั ษณะไมแ่ ตกตา่ งไปจากภาษาไทยกลาง กลา่ วคอื
มลี กั ษณะเปน็ ค�ำโดด พยางคเ์ ดยี ว เชน่ คำ� ว่า อา้ ย เอม แลง งาย ช่วง เส้ือ เสอื่
สาด เป็นต้น ถา้ จะมีค�ำหลายพยางคก์ ็เอาคำ� โดดมาผสมกนั เช่น ซ่วงฮี-กางเกง
ขายาว ผา้ ฮา้ ย-ผา้ ขรี้ ว้ิ เฮอนฮา้ ย-เรอื นไมด่ ี (ไมเ่ ปน็ มงคล) และไมม่ เี สยี งควบกลำ�้
เช่น ค�ำว่า ปลา ไทยทรงด�ำออกเสียงว่า ปา หรือโตปา เปน็ ตน้
วัฒนธรรมการแต่งกายชาวไทยทรงด�ำ เป็นวัฒนธรรมหนึ่งซึ่งถือเป็น
เอกลักษณ์กลุ่มชาวไทยทรงด�ำ ท่ียังด�ำรงลักษณะเด่นของกลุ่มตนไว้ ไม่เหมือน
ไทยกลุ่มอ่ืน หญิงไทยทรงด�ำจะมีความสามารถในการทอผ้า และการตัดเย็บ
เครื่องแต่งกาย และของใช้ในครัวเรือน เช่น หมอน มุ้ง เป็นต้น การแต่งกาย
ไทยทรงด�ำ ในงานมงคลหรืองานอวมงคล จะใช้เส้ือผ้าแบบเดียวกันทั้งหญิง
และชาย ยกเวน้ ในงานพธิ ีกรรมจะตอ้ งใสช่ ุดพิเศษ สีเส้ือผา้ ของชาวไทยทรงด�ำ
นิยมใช้สีด�ำ หรือครามเข้ม
จังหวัดนครปฐมมีชุมชนไทยทรงด�ำอาศัยอยู่ในหลายพ้ืนที่ ได้แก่
บา้ นไผห่ ชู า้ ง ตำ� บลไผห่ ชู า้ ง บา้ นเกาะแรตพฒั นา ตำ� บลบางปลา อำ� เภอบางเลน
ต�ำบลสระกระเทียม ต�ำบลดอนยายหอม อ�ำเภอเมือง ต�ำบลดอนพุทรา อ�ำเภอ
ดอนตูม ต�ำบลดอนข่อย ต�ำบลสระสี่มุม และต�ำบลสระพัฒนา อ�ำเภอ
ก�ำแพงแสน

10 “ซิ่นลายแตงโม” ไทยทรงดำ�

ชุมชนไทยทรงด�ำบ้านไผ่หูช้าง ต�ำบลไผ่หูช้าง อ�ำเภอบางเลน จังหวัด
นครปฐม ไดม้ กี ารกอ่ ตง้ั สมาคมไทดำ� (ประเทศไทย) “ไทดำ� ” เปน็ ชอ่ื กลมุ่ ทเี่ คย
เรียกกันครงั้ ที่อยู่ที่เมอื งแถง สว่ น “ไทยโซง่ ” และ “ไทยทรงด�ำ” เปน็ ชื่อที่มา
เรียกกันท่ีหลัง ท่ีชุมชนไผ่หูช้างได้มีการรณรงค์ให้มีการอนุรักษ์ภาษาและ
วัฒนธรรมไทยทรงด�ำ โดยจัดการเรียนการสอนภาษาไทยทรงด�ำท่ีโรงเรียน
ไผ่หชู ้าง มีกลุม่ ทอผา้ ทเ่ี ขม้ แข็ง มวี งแคนของเยาวชนไทยทรงดำ� ผู้นำ� ชุมชนที่
ใหก้ ารสนบั สนนุ เรื่องการอนรุ กั ษแ์ ละฟื้นฟูวัฒนธรรมประเพณี

มรดกภูมิปญั ญาทางวฒั นธรรมจงั หวัดนครปฐม 11

ชุมชนไทยทรงด�ำบ้านเกาะแรตพัฒนา
อ�ำเภอบางเลน เปน็ ชุมชนไทยทรงดำ� ทเ่ี ขม้ แขง็
ใชศ้ นู ยเ์ ดก็ เลก็ เปน็ ศนู ยข์ องชมุ ชนไทยทรงดำ� มี
สิ่งของเคร่ืองใช้ของเก็บไว้ มีการตื่นตัวเรื่อง
ภาษาไทยทรงด�ำ บ้านเกาะแรต เป็นหมู่บ้าน
ใหญจ่ งึ มปี ระวตั ิความเป็นมา เร่อื งราว ศลิ ปะ
รวมถงึ วตั ถทุ างวฒั นธรรมพอสมควร ทห่ี มบู่ า้ น
มีศูนย์วัฒนธรรมไทยทรงด�ำ ศูนย์การเรียนรู้
ชมุ ชนเกาะแรต โรงเรยี นวดั เกาะแรต มลู นธิ ไิ ทย
ทรงดำ� แห่งประเทศไทย มีสถานทีท่ ำ� การอยู่ท่ี
เลขท่ี ๑๑๙ หมู่ ๑๑ ต�ำบลบางปลา อ�ำเภอ
บางเลน จงั หวดั นครปฐม และมกี ลมุ่ ทอผา้ พน้ื
เมอื ง กลุ่มหตั ถกรรมจักสานทห่ี มู่ ๑๒ ชุมชน
ไทยทรงด�ำท่ีบ้านเกาะแรตมีผู้น�ำชุมชนท่ีเข้ม
แข็ง

12 “ซ่นิ ลายแตงโม” ไทยทรงด�ำ

ชมุ ชนไทยทรงดำ� ตำ� บลสระกระเทยี ม อำ� เภอเมอื ง หมทู่ ่ี ๙ (บา้ นดอนทราย)
ได้มีการจัดตั้งกลุ่มอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยทรงด�ำ ได้รับการสนับสนุนโดย
องค์การบริหารส่วนต�ำบลสระกระเทียม โดยมนายสุเทพ สิงห์ลอ เป็นผู้น�ำ
มีการต้ังศูนย์เรียนรู้ไทยทรงด�ำ มีการตั้งศูนย์ทอผ้าพ้ืนเมือง และผลิตภัณฑ์
แปรรูป เป็นแหล่งท่องเท่ียวชมุ ชนดา้ นศิลปวฒั นธรรม

มรดกภูมิปญั ญาทางวัฒนธรรมจงั หวัดนครปฐม 13

ชุมชนไทยทรงด�ำบ้านสะแกราย ต�ำบลดอนยายหอม อ�ำเภอเมือง
ผนู้ ำ� ชมุ ชนบา้ นสะแกรายไดจ้ ดั ใหม้ กี จิ กรรมเชน่ บา้ นจำ� ลองไทยโซง่ ทบี่ า้ นสะแกราย
เป็นศูนย์วฒั นธรรมไตโซง่ ด�ำ จัดเปน็ ศนู ยเ์ รียนรู้ชมุ ชน บ้านสะแกราย จัดโดย
นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎนครปฐมศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาไทย (Thai
wisdom inform center) ซง่ึ เปน็ แหลง่ ทอ่ งเทยี่ ววฒั นธรรมวถิ ชี วี ติ ดำ� เนนิ การ
โดยชาวบา้ นสะแกราย กลมุ่ ทอผา้ พน้ื เมอื งสะแกราย หมู่ ๙ ตำ� บลดอนยายหอม
ได้รับการคัดสรรเป็นผลิตภัณฑ์ระดับส่ีดาว (OTOP Product Champion)
ปี ๒๕๕๒ ประเภทผา้ เครอื่ งแตง่ กาย ผา้ ทอพน้ื เมอื งลายแตงโม โครงการคดั สรร
สุดยอดหนึ่งต�ำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ไทยปี ๒๕๕๒ ศูนย์เรียนรู้ชุมชน หมู่ ๙
บา้ นสะแกราย ส�ำนักงานพฒั นาชมุ ชน

14 “ซนิ่ ลายแตงโม” ไทยทรงด�ำ

ชุมชนไทยทรงด�ำบ้านหัวถนน ต�ำบลดอนพุทรา อ�ำเภอดอนตูม ได้ม ี
การฟื้นฟูวัฒนธรรมไทยทรงด�ำ จัดตั้งพิพิธภัณฑ์ไทยทรงด�ำ เป็นแหล่งเรียนรู้
การศกึ ษาภมู ปิ ญั ญาชาวไทยทรงดำ� ในอดตี จนถงึ ปจั จบุ ัน มกี จิ กรรมเรียนรู้ เชน่
การแสดงวฒั นธรรมประเพณีไทยทรงดำ� สาธติ การทอผา้ ด้วยไหม การยอ้ มผา้
สาธิตอุปกรณ์เครื่องมือเครื่องใช้ของชาวไทยทรงด�ำ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมี
โครงการพฒั นาศนู ยก์ ารเรยี นรไู้ ทยทรงดำ� บา้ นหวั ถนนเพอ่ื สง่ เสรมิ การทอ่ งเทย่ี ว
โดยชมุ ชนมสี ว่ นรว่ มในโอกาสเทศกาลสำ� คญั เชน่ วนั สงกรานต์ ชมุ ชนไทยทรงดำ�
ทุกชมุ ชนจะจัดงานสงกรานต์ ทช่ี มุ ชนบา้ นหวั ถนน องค์การบรหิ ารสว่ นต�ำบล
ดอนพุทราร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครปฐมได้จัดให้มีโครงการ
ประเพณีวันสงกรานต์ รดน้�ำขอพรผู้สูงอายุและอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยทรงด�ำ
เป็นประจำ� ทุกปี

มรดกภมู ิปัญญาทางวฒั นธรรมจงั หวัดนครปฐม 15

ชุมชนไทยทรงด�ำบ้านดอนทอง ต�ำบลดอนข่อย อ�ำเภอก�ำแพงแสน
มีโครงการหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยทรงด�ำ โครงการน้ีมี
จุดประสงคท์ จ่ี ะอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรมประเพณขี องไทยทรงดำ� ไว้ท้งั หมด จะสร้าง
บ้านไทยทรงดำ� เพอื่ จดั กจิ กรรม เป็นพพิ ิธภัณฑ์ และท่ีพักสำ� หรับนักท่องเท่ยี ว
พื้นท่ดี ำ� เนนิ การ คือ ท่ีสาธารณะประโยชนบ์ า้ นโคกหลวง หมทู่ ี ่ ๑๕ ต�ำบลดอน
ข่อย อ�ำเภอก�ำแพงแสน จะมีการปรับภูมิทัศน์ เพื่อท�ำเป็นโฮมสเตย์ เพราะ
หมบู่ า้ นน้มี ภี มู ทิ ัศน์ทเ่ี ออ้ื อำ� นวยอยูแ่ ลว้ มีวดั ป่าดอนทอง (สายหลวงพอ่ ชา) ซ่ึง
นักท่องเที่ยวสามารถเย่ียมชมได้ โครงการนี้ก�ำลังของบประมาณมาสนับสนุน
ชมุ ชนไทยทรงดำ� ทร่ี วมตัวกนั เป็นชุมชนทีเ่ ขม็ แขง็
ชุมชนไทยทรงด�ำสระส่ีมุม และชุมชนไทยทรงด�ำสระพัฒนา อ�ำเภอ
ก�ำแพงแสน มีการใช้ภาษาไทยทรงด�ำในชีวิตประจ�ำวัน มีประเพณี พิธีกรรม
มีร�ำฟ้อนแคน มีศูนย์วัฒนธรรมต้ังอยู่ที่โรงเรียนวัดสระส่ีมุม มีหมู่บ้านทอผ้า
และผลิตภัณฑ์ผ้าพื้นเมืองท่ีบ้านหนองหมู เป็นชุมชนท่ีเข้มแข็งทางด้าน
วัฒนธรรม กลุ่มหน่ึงของชาติพันธุ์ไทยทรงด�ำในจังหวัดนครปฐม

16 “ซ่ินลายแตงโม” ไทยทรงด�ำ

ต่อไปนี้จะได้กล่าวถึง ผ้าและเคร่ืองแต่งกายของไทยทรงด�ำท่ีเป็นรูป
แบบของไทยทรงดำ� ในอดตี ตามประเภทและลกั ษณะการใช้สอยดงั ต่อไปนี้
๑. ผ้าและเคร่ืองแต่งกายท่ีใช้ในชีวิตประจ�ำวัน จะกล่าวถึง เสื้อผ้า
เครื่องแต่งกายผูช้ าย ผู้หญงิ และเดก็ ทใ่ี ชส้ วมใส่ในชีวิตประจ�ำวนั ดังตอ่ ไปนี้
๑.๑ เสื้อไท เป็นเสื้อของผู้ชายมีลักษณะเป็นเสื้อแขนยาว
ทรงกระบอกปลายเรยี ว คอปกเหมอื นเสอ้ื คนจนี สาบดา้ นหนา้ เจาะรงั ดมุ ตง้ั แต่
ปกเส้ือจนถงึ เอวอย่างนอ้ ย ๑๑ เม็ด เวน้ ระยะหา่ งเท่า ๆ กันกระดุมทำ� ด้วยเงนิ
รปู ทรงพมุ่ ขา้ วบณิ ฑ์ ชายเสอื้ ดา้ นขา้ งลำ� ตวั มกี ารเสรมิ ผา้ ชว่ งเอวถงึ ชายเสอ้ื ทำ� ให้
ชายเส้อื ผานออกเปน็ ลักษณะเดน่ ของเสื้อไทย ใตร้ ักแรเ้ สริมผ้าสามเหลย่ี มเพ่ือ
ใหส้ ามารถกางแขนไดส้ ะดวกเพราะการตดั เยบ็ เสอ้ื ไทของไทยทรงดำ� เปน็ การเยบ็
ดว้ ยมอื ทม่ี ลี กั ษณะพเิ ศษทท่ี งั้ ดา้ นนอกและดา้ นในจะเหมอื นกนั คอื ตะเขบ็ ตา่ ง ๆ
จะเย็บปกปดิ ชายผา้ หรอื การลยุ่ ของผา้ จะไม่มีใหเ้ ห็น รปู ทรงของเสือ้ จะเข้ารปู
ผู้สวมใส่ ผชู้ ายอาจใชผ้ า้ ขาวมา้ คาดเอว หรอื พาดบา่ ได้ หรอื ใช้กระเปา๋ ผา้ คาด
เอวซ่งึ จะไดก้ ลา่ วในลำ� ดบั ต่อไป เสื้อไทใช้สวมใสไ่ ดท้ ุกโอกาส เช่น ใสไ่ ปท�ำนา
ใส่ไปรว่ มงานประเพณี งานบุญตา่ ง ๆ ของชมุ ชน รวมทั้งสวมใส่อยู่บา้ น เป็นต้น
๑.๒ เสอ้ื กอ้ ม เปน็ เสอ้ื ของผหู้ ญงิ มลี กั ษณะเหมอื นเสอ้ื ไทของผชู้ าย
ทกุ ประการ มกี ารเสริมผา้ ทีร่ กั แร้ และเสรมิ ชายเสอ้ื ดา้ นข้างเหมือนกัน เม่อื ผู้
หญงิ สวมเสอ้ื กอ้ มบางครง้ั จะมองเหน็ สะดอื เพราะสาบเสอื้ ทม่ี รี งั ดมุ เมด็ สดุ ทา้ ย
สิน้ สุดแคส่ ะดอื เชน่ เดยี วกับเส้อื ไทของผชู้ ายท่ีสามารถสวมใสไ่ ดใ้ นทกุ โอกาส
๑.๓ กางเกงขาส้ัน หรือส้วงก้อม ส้วงเป็นภาษาไทยทรงด�ำ
หมายถงึ กางเกง ตดั เยบ็ ดว้ ยผา้ สดี ำ� คลา้ ยกางเกงขากว๊ ยของคนจนี แตร่ ปู ทรงรดั รปู
ความยาวเหนอื เขา่ ของผสู้ วมใส่ การนงุ่ สว้ งกอ้ มของไทยทรงดำ� จนเปน็ อตั ลกั ษณ์

มรดกภมู ปิ ญั ญาทางวัฒนธรรมจังหวัดนครปฐม 17

จนคนไทยเรยี ก คนกลมุ่ นว้ี า่ ลาวสว้ งดำ� หรอื ลาวโสง้ ดำ� กอ่ นทจ่ี ะมกี ารเรยี กชอ่ื
กลุ่มใหม่ว่าไทยทรงด�ำ จนคนไทยด�ำหรือลาวโซ่ง เป็นท่ีรู้จักของคนทั่วไปว่า
เปน็ กลุม่ ชาตพิ ันธุไ์ ทยทรงด�ำ
๑.๔ ผ้าซ่ินลายแตงโม อัตลักษณ์ของผ้าซ่ินไทยทรงด�ำท่ีม ี
ความโดดเด่น แปลกไม่เหมือนใคร คือซิ่นสีด�ำด้วยการย้อมมะเกลือหรือ
ยอ้ มครามเสน้ พงุ่ โดยใชเ้ สน้ ยนื เปน็ ไหมสแี ดง มลี วดลายสขี าวเปน็ เสน้ ทบึ ขนาด
ตามความยาวของตัวซิ่น จนดูคล้ายลายของแตงโม จึงมีชื่อว่าซิ่นลายแตงโม
บางทอ้ งทอ่ี าจกลา่ ววา่ เหมอื นลายปลาชะโดกม็ ี ซนิ่ ลายแตงโม แบง่ ออกเปน็ ๓ สว่ น
คอื หวั ซน่ิ เปน็ ผา้ สดี ำ� ไมม่ ลี วดลาย ตวั ซนิ่ ลายแตงโม และตนี ซน่ิ ทท่ี อสลบั ดว้ ยฝา้ ย
สฟี า้ คลา้ ยตนี ซน่ิ ของผา้ ซนิ่ อสิ าน มลี กั ษณะเปน็ แถบยาวกวา้ งประมาณหนงึ่ นวิ้
มีคติความเชื่อว่า ถ้าสามีตายผู้เป็นภรรยาจะต้องเลาะตีนซ่ินออกเพื่อบ่งบอก
สถานทางสังคมและเป็นการไว้อาลัย ผ้าซ่ินลายแตงโมใช้ได้ในทุกโอกาส เช่น
ใสไ่ ปอยใู่ นชวี ติ ประจำ� วนั ขณะอยบู่ า้ น ใสไ่ ปทำ� ไรท่ ำ� นา หรอื ไปงานบญุ กศุ ลหรอื
งานประเพณขี องชมุ ชน ผหู้ ญงิ ไทยทรงดำ� จะนงุ่ ผา้ พนื้ สดี ำ� ไวด้ า้ นในเปน็ เหมอื น
ซบั ในป้องกนั เหง่อื ไคลทจ่ี ะติดเส้อื ผ้า
๑.๕ กระเปา๋ ผา้ เปน็ กระเปา๋ ผา้ ของผชู้ ายทตี่ ดั เยบ็ ดว้ ยผา้ สดี ำ� เปน็
ครงึ่ วงกลมมกี ารเปดิ ชอ่ งกระเปา๋ สำ� หรบั ใสบ่ หุ รี่ ยาเสน้ ไฟแชก็ หรอื เงนิ ฝากระเปา๋
ดา้ นนอกมกี ารน�ำผา้ สตี า่ ง ๆ มาเย็บเปน็ ดอกหรือท่ีเรยี กว่าลายหน้าหมอนหรอื
ลายดอกแปดประดับตกแต่งอย่างสวยงาม เชือกมัดเอวจะมีการใช้เชือกควั่น
ตอ่ จากดา้ นขา้ งของกระเปา๋ มคี วามยาวพอสมควร ตรงปลายจะมพี ไู่ หมพรมหรอื
ดา้ ยสีต่าง ๆ เชือกผูก้ ระเปา๋ จะถกู หุ้มดว้ ยผ้าสเี ยบ็ ต่อ ๆ กนั เป็นปลอ้ ง ๆ จนถึง
ปลายเชอื กผใู้ ช้จะมัดเชอื กกระเป๋าทเี่ อว

18 “ซิ่นลายแตงโม” ไทยทรงด�ำ

๑.๖ ผา้ เปียว เป็นผา้ สำ� หรบั ผ้หู ญงิ ลักษณะคล้ายกบั ผ้าสไบ หรอื
ผ้าคลุ่มไหล่ ตัดเย็บด้วยผ้าสีด�ำมีความกว้างประมาณ ๓๐ - ๔๐ เซนติเมตร
ความยาวประมาณ ๑๕๐ - ๑๘๐ เซนติเมตร ชายท้งั สองด้านจะปักด้วยดา้ ย
สีแดง สีสม้ สขี าว และสเี ขยี วเป็นรปู เรขาคณิตสามเหล่ียมส่เี หล่ยี ม ลอ้ มรับดว้ ย
การปักเป็นเส้นขดวงกลมจ�ำนวน ๔ วง เท่ากับหน่ึงดอก ชายด้านหนึ่งจะมี
๒ ดอก ชายผ้าเปียวจะเย็บโดยรอบดว้ ยด้ายสีต่าง ๆ ลักษณะเหมอื นถักโครเชต์
กนั ผา้ รยุ่ และมคี วามสวยงาม ใชส้ ำ� หรบั พนั ปดิ ทรวงอกหรอื เรยี กวา่ คนไทยทรงดำ�
เรียกว่าฮ้างนม ผู้หญิงไทยทรงด�ำจะมัดหน้าอกเมื่ออยู่ในบ้าน เพราะสะดวก
การใชช้ วี ิตประจ�ำวัน
๒. ผา้ และเครอ่ื งแต่งกายทีใ่ ชใ้ นพิธกี รรมหรอื โอกาสสำ� คญั ๆ
๒.๑ เส้อื ฮีชาย เปน็ เสอื้ ท่ใี ชใ้ นพิธีการของคนไทยทรงดำ� ลกั ษณะ
เป็นเส้อื ป้าย แขนยาวสีดำ� ทรงเข้ารูป ชายเส้อื ยาวครึง่ นอ่ ง คอเส้อื กุ้นด้วยผ้าสี
ชายเสื้อด้านในประดับด้วยลายดอกจันหรือลายหน้าหมอน ด้านข้างตัวเสื้อมี
การเยบ็ ประดบั ดว้ ยผา้ สตี า่ ง ๆ เปน็ รปู สามเหลย่ี มใตฐ้ านปกั ดว้ ยดา้ ยสมี ว้ นเปน็
วงกลมเรียกว่าลายขอกูด ใต้รักแร้เสริมด้วยผ้าสีต่าง ๆ ประกอบกันเป็น
รูปส่ีเหลี่ยมจัตุรัส โอกาสในการใช้ทั้งงานมงคล ได้แก่ งานแต่ง งานร่ืนเริง
สงกรานตป์ ใี หม่ และงานอวมงคล สำ� หรบั สวมใหผ้ ตู้ าย เมอื่ เสยี ชวี ติ ญาตจิ ะกลบั
เส้ือฮีเอาด้านในออก เป็นการใส่เส้ือกลับตะเข็บ เป็นคติของไทยทรงด�ำท่ีเก็บ
ความสวยงามของเสอื้ ไว้ดา้ นใน บง่ บอกนิสัยไมเ่ ป็นคนโออ้ วด และคลมุ โลงศพ
เมื่อตายไปแล้วจะได้ไปพบแถนและได้กลับไปยังบ้านเกิดเมืองนอนในเมือง
เดียนเบียนฟูที่อยขู่ องบรรพบุรษุ

มรดกภูมิปญั ญาทางวฒั นธรรมจงั หวดั นครปฐม 19

๒.๒ เสอื้ ฮหี ญงิ เปน็ เสอื้ ทใี่ ชใ้ นพธิ กี รรมเหมอื นเสอื้ ฮผี ชู้ าย ลกั ษณะ
ตวั เสอ้ื เหมอื นกระโปรงแซก็ ตวั ใหญ่ คอวี ความยาวตวั เสอื้ คลมุ เขา่ แขนสามสว่ น
มกี ารประดบั ตกแตง่ ชายเสอ้ื ดา้ นในดว้ ยลายหนา้ หมอนหรอื ลายดอกแปดเหมอื น
เสื้อฮีผู้ชาย ด้านหน้าของเส้ือจากไหล่ท้ังสองข้างใช้ผ้าสีเย็บประกอบกันเป็น
รปู สามเหลยี่ มแทรกตะเขบ็ เกลด็ อก ดา้ นในเสอื้ ใชผ้ า้ สเี ยบ็ เปน็ เสน้ ปดิ ตะเขบ็ เสอื้
เปน็ ตารางสเ่ี หลย่ี มทงั้ ดา้ นหนา้ และดา้ นหลงั โอกาสในการใชเ้ สอื้ ฮเี หมอื นเสอื้ ฮชี าย
ในการแต่งงานกับคนนอกกลุ่ม เขย และสะใภ้จะต้องสวมใส่เส้ือฮีเข้าร่วม
พิธีแต่งงานตามประเพณไี ทยทรงดำ�
นอกจากเครอ่ื งแตง่ กายในชวี ติ ประจำ� วนั และพธิ กี รรมแลว้ ไทยทรงดำ�
ยังมีเคร่ืองใช้ท่ีใช้ในครัวเรือนเป็นอัตลักษณ์ ได้แก่ หมอน มุ้ง ท่ีใช้ผ้าพ้ืนสีด�ำ
ประดับตกแต่งด้วยลายดอกแปดหรือลายหน้าหมอนส่วนผู้ชายนอกจาก
มกี ระเปา๋ คาดเอวแล้ว ยังมีถุงยา่ ม เย็บดว้ ยผ้าแดงหรอื ส้มประดบั ดว้ ยฝา้ ยเป็น
พู่ด้านข้าง ใช้ใส่ของใช้เวลาเดินทาง และส�ำหรับเจ้าบ่าวสะพายในชุดเข้าพิธี
แตง่ งาน สว่ นผหู้ ญงิ ไมส่ ะพายยา่ มแตส่ ะพายกะเหลบ็ ทสี่ านดว้ ยไมไ้ ผ่ ในงานศพ
ของคนไทยทรงดำ� จะมกี ารใชผ้ า้ พนื้ สขี าวสำ� หรบั ตดั เปน็ เสอื้ สวมหวั ใหล้ กู หลาน
ใสใ่ นงานศพ และมผี า้ สามเหลยี่ มโพกหวั เหมอื นคนจนี มกี ารใชผ้ า้ สตี า่ ง ๆ ตดั เปน็ รวิ้
เป็นเส้นประดับหอแกว้ ในการท�ำพิธสี ่งวิญญาณผูต้ ายท่ีป่าช้า หรอื ป่าแฮว

20 “ซิน่ ลายแตงโม” ไทยทรงดำ�

ผา้ ซนิ่ ลายแตงโม ซง่ึ เปน็ เอกลกั ษณเ์ ฉพาะตวั ของผหู้ ญงิ ไทย มลี กั ษณะ
เปน็ ผา้ สามช้นิ นำ� มาเย็บต่อกัน ผ้าทน่ี �ำมาเย็บเปน็ ซ่ินลายแตงโมนัน้ แฝงไปดว้ ย
ความหมายแห่งสัจธรรมของการใช้ชีวิตอย่างลึกซึ้ง ผ้าซ่ินส่วนที่หน่ึงเรียกว่า
“หวั ซน่ิ ” เปน็ ผา้ สดี ำ� ลว้ นปราศจากลวดลายแทนความหมายของดนิ ทกุ สงิ่ ลว้ น
เรมิ่ ตน้ มาจากดนิ ตน้ ไมพ้ ชื พรรณตา่ ง ๆ ลว้ นเกดิ จากดนิ เลอื ดในรา่ งกายไดจ้ าก
นำ�้ ทไี่ หลอยู่บนผนื ดนิ ทกุ ลมหายใจก็ไดม้ าจากดิน สดุ ท้ายแลว้ ทุกคนต้องตาย
กลับกลายเป็นดิน ผ้าซ่ินส่วนที่สองเป็นผ้าท่ีต่อลงมาจากส่วนที่หนึ่งมีลวดลาย
ทเ่ี รยี กวา่ “ลายแตงโม” สอ่ื ความหมายแหง่ ปรชั ญาของการดำ� รงชวี ติ และความรกั
ความผกู พนั ระหวา่ งชายหญงิ ผา้ ซนิ่ สว่ นทสี่ ามเรยี กวา่ “ตนี ซนิ่ ” สอื่ ความหมาย
เตอื นใจหญงิ ทส่ี วมใสว่ า่ อยา่ หลงใหลในความสขุ หรอื ยดึ ตดิ กบั ความทกุ ขใ์ นชวี ติ คู่
ทุกส่ิงเกิดแล้วต้องดับไปตามสัจธรรมของธรรมชาติ ทุกคนเกิดมาคนเดียว
สดุ ทา้ ยกต็ อ้ งตายคนเดยี ว จงึ ควรดำ� รงชวี ติ ตง้ั มน่ั ในทางสายกลาง ผหู้ ญงิ เผา่ ไทดำ�
ทส่ี ามีเสียชวี ิตลงจะเลาะเอาตีนซ่นิ ออกเป็นการไว้ทกุ ข์ เม่อื ออกทุกขแ์ ล้วจงึ นำ�
มาเย็บติดกับตัวซ่ินใหม่ มีเรื่องเล่ามาแต่โบราณพูดถึงผ้าซิ่นลายแตงโมว่า
ในสมยั กอ่ นเมอ่ื ครงั้ โบราณกาล ผชู้ ายทเี่ ปน็ สามตี อ้ งออกจากบา้ นไปหาของปา่
ฝ่ายหญิงท่ีเป็นภรรยาอยู่กับเย้าเฝ้ากับเรือนเวลาทอผ้าใจก็ประหวัดคิดถึงสามี
ทเี่ ขา้ ปา่ ไปหลายวนั ความรกั ความคดิ ถงึ ทพี่ ลงุ่ พลา่ นอยใู่ นใจนน้ั มนั เกยี่ วกระหวดั
รดั แนน่ มากขน้ึ ทกุ วนั เหมอื นกระสวยทสี่ อดขดั รดั เสน้ ดา้ ยแตล่ ะเสน้ จนกลายเปน็
ผนื ผา้ ขนาดใหญใ่ นกท่ี อผา้ หวั ใจทโี่ หยหาคนรกั นน้ั จงึ แทนทด่ี ว้ ยดา้ ยสแี ดงเปน็
เส้นยืนแล้วใช้ด้ายย้อมสีครามจนเกือบด�ำทั้งผืนแทนตัวเองผู้ซ่ึงรอคอยคนรัก
กลับมา เวลาทอผ้าจะซ่อนด้ายสีแดงเอาไว้เม่ือใดที่สาวเจ้านุ่งซิ่นต้องกับแสง
ตะวนั จะมองเหน็ เหลอื บสแี ดงสะทอ้ นออกมาวาววบั เสมอื นวา่ เปน็ สญั ญาความรกั
ท่มี ใี ห้ต่อกันแม้จะเหน็ เพียงแคร่ างเลอื น

มรดกภมู ปิ ัญญาทางวัฒนธรรมจังหวัดนครปฐม 21

ผ้าซ่ิน “ลายแตงโม” ทเ่ี ปน็ ตน้ แบบดังเดมิ จะมี ๓ สว่ น ดงั น้ี

ส่วนท่ี ๑ หัวซ่ิน อยู่ท่อนบนสุดจะเป็นสีครามเข้มเกือบด�ำทั้งหมด
เวลานุ่ง ผู้นุ่งต้องม้วนพับกับเข็มขัดท่ีด้านหน้า เป็นส่วนท่ีถูกชายเส้ือทับไว ้
จึงไม่จำ� เปน็ ต้องทำ� ใหม้ ลี วดลาย
ส่วนท่ี ๒ ตัวซ่นิ เปน็ ผืนผ้าส่วนที่มีลายแตงโม พน้ื สดี ำ� สลับกับสขี าว
เปน็ ลายทางยาวตรงลงมา โดยใชเ้ สน้ ฝา้ ยสแี ดงเปน็ เสน้ ยนื และใชเ้ สน้ ฝา้ ยสดี ำ�
เปน็ เสน้ พงุ่
ส่วนที่ ๓ ตีนซ่นิ เปน็ สว่ นทนี่ �ำมาเย็บตอ่ ตดิ ในส่วนชายผา้ เป็นสว่ น
ที่มีความหนาพิเศษเพ่ือป้องกันไม่ให้ชายผ้าซ่ินขาดง่าย ตีนซิ่นต้องใช้ผ้าท่ีมี
ความหนาพิเศษ เพื่อไมใ่ ห้ผ้าซน่ิ ขาดงา่ ย เพราะขอบชายผ้าซน่ิ เป็นสว่ นท่ตี ้อง
สัมผสั กับส่งิ ตา่ ง ๆ อกี ทัง้ ตีนซ่ินยังท�ำให้ขอบชายผา้ ซิ่นทนทานไมห่ ลดุ ลุ่ยหรอื
ยดื ออกได้ ลายตนี ซนิ่ เปน็ ผา้ ทอลายเฉพาะสนี ำ้� เงนิ สลบั กบั พนื้ ดำ� เปน็ ลายขวาง
ขนาดของผา้ ซนิ่ ลายแตงโม หวั ซน่ิ มคี วามยาวประมาณ ๒๕ เซนตเิ มตร
ตัวซิ่นความยาวประมาณ ๖๐ เซนติเมตร ตีนมีความยาวประมาณ ๓ - ๓.๕
เซนติเมตร

22 “ซน่ิ ลายแตงโม” ไทยทรงด�ำ

วสั ดุทใ่ี ชท้ อผ้าซิน่ ลายแตงโม

๑. ไหมประดิษฐ์ สดี �ำ สขี าว สแี ดง
๒. กีท่ อผา้ เปน็ เคร่อื งมอื ส�ำหรับการขดั ประสานระหว่างด้ายเสน้ พงุ่
และด้ายเส้นยืน จนแน่นเป็นเน้ือผ้า คล้ายกับการจักสาน แต่มีความละเอียด
สงู กวา่ เนื่องจากเส้นด้ายมขี นาดท่ีเล็ก
๓. อกั หรือ กวัก เป็นเครอื่ งคัดเสน้ ด้ายหรอื เสน้ ไหม ทำ� ดว้ ยไมค้ ล้าย
หลอดด้าย เจาะรูตรงกลาง ปลายทั้ง ๔ ด้านมีไม้ประกบส�ำหรับสวมรูเพ่ือให้
อกั หนนุ อกั ใชก้ รอดา้ ยจากระวงิ ใหเ้ ปน็ ระเบยี บ กอ่ นจะสาวเขา้ กงเพอื่ แยกเปน็
ปอย ๆ และแยกเป็นไจๆ
๔. กง เปน็ เครอ่ื งมอื กรอเสน้ ด้าย ทำ� งานร่วมกับอัก เพอื่ เก็บด้ายปั่น
ดีแล้วจากเหล็กไนของหลา (ไนปั่นด้าย) มาพันรวมกันที่กง ช่างปั่นด้ายจะน�ำ
เส้นด้ายมาตรฐานมาตรวจตราความเรียบร้อยอีกคร้ัง เพื่อเก็บส่วนท่ีเป็นปม
หรอื ขยุ ดา้ ยท่ตี ดิ พันมาตอนป่ันดา้ ยออกให้เรียบรอ้ ย
๕. กระสวย ใช้บรรจุหลอดหมพี่ งุ่ สอดไประหว่างช่องวา่ งของเส้นหม่ี
ยนื ตน้ และปลายเรยี วตรงกลางเจาะเปน็ ช่องส�ำหรับใสห่ ลอดด้าย
๖. ไนปน่ั ดา้ ย เปน็ เครื่องมอื ใชป้ น่ั ด้าย หรือ กรอดา้ ยเข้าหลอด เพ่อื
นำ� ไปทอเปน็ ผืนผา้ ลักษณะของไนจะเป็นวงกลม ตงั้ ระหว่างขา ๒ อันท่ีทำ� จาก
ไมเ้ นอ้ื แขง็ และมเี หลก็ สอดเปน็ คนั สำ� หรบั หมนุ วงลอ้ สว่ นขาตดิ ตง้ั อยบู่ นสว่ นหวั
ของฐานทท่ี ำ� ดว้ ยไมท้ อ่ นยาวประมาณ ๓๐ นว้ิ สว่ นปลายของทอ่ นจะมเี หลก็ ไน
สอดอยกู่ บั ขาตง้ั โดยโผลเ่ หลก็ ไนออกมา ไวส้ ำ� หรบั เปน็ ทสี่ วมของหลอดไมไ้ ผ่ ทำ�
เป็นที่กรอดา้ ย และระหวา่ งวงล้อจะมีสายพานท�ำด้วยเชือกโยงมาเพื่อหมุน

มรดกภูมปิ ญั ญาทางวัฒนธรรมจงั หวัดนครปฐม 23

ขน้ั ตอนการผลติ /เทคนคิ การผลิต
๑. ข้นั ตอนการทอซ่นิ แตงโม

๑.๑ นำ� ดา้ ยไหมประดษิ ฐม์ ากรอใสห่ ลอดใหญ่ ใหไ้ ดจ้ ำ� นวน ๒๔
หลอด และนำ� หลอดด้ายสดี �ำมาเดินดา้ ยเพื่อกำ� หนดความยาว และความกว้าง
ของผา้ ซ่ิน
๑.๒ นำ� ด้ายไหมประดษิ ฐม์ าใสร่ แู ปงดา้ ย รูละ ๘ เลม่ ๕ รู เทา่ กบั
๑ หลบ เสน้ ดา้ ย ๔๐ เสน้
๑.๓ นำ� เสน้ ดา้ ยทใ่ี สไ่ มร้ แู ปงแลว้ มาสบื เขา้ ดว้ ยกนั (เขา้ หนา้ เขา้ หลงั )
จนครบทุกเสน้
๑.๔ ขนั้ ตอน “แหยร่ ฟู มี ” นำ� เสน้ ดา้ ยทส่ี บื เขา มาใสร่ ฟู มี ทเ่ี ตรยี มไว้
ให้ครบรูละสองเลม่ จนครบจ�ำนวนหลบ/ฟีม
๑.๕ ขั้นตอน “ละตกหุ” น�ำเส้นด้ายที่ใส่รูแปง,สับเขา,แหย่รูฟีม
แล้วมาข้ึนก่ี นำ� เส้นดา้ ยมาผูกเข้ากบั “สัมป้ัน” (ทม่ี ว้ นด้าย)
๑.๖ ข้ันตอนการทอ ตัวซิ่น กรอด้ายสีด�ำใส่หลอดเล็กเพื่อใช้ทอ
ด้ายสีด�ำใส่กระสวยและท�ำการทอด้ายสีด�ำเป็นพ้ืนหลัง ส่วนลายแตงโมจะม ี
สามเส้น ได้แก่ เสน้ คู่ (ลายสีขาว ๒ เสน้ คู่ กนั ) เดนิ เส้น ๆ ละ ๑๐ เส้น เส้นข้นั
๔ เส้น เส้นกิ๊ป ๘ เส้น (หรอื แล้วแต่ความต้องการของผู้ทอหรอื ผู้สวมใส่)
๒. ขั้นตอนการทอ ตนี ซน่ิ จะมีสดี �ำเปน็ หลกั สีขาว สองเสน้ เดินคู่ เส้น
แรก ๑๐ เสน้ เสน้ ท่ี ๒๕ เส้น
๓. ข้ันตอนการทอหวั ซิน่ หัวซ่ินทอสีดำ� ทงั้ ผนื

24 “ซ่นิ ลายแตงโม” ไทยทรงดำ�

ประโยชน์ของผ้าซ่ินลายแตงโม เป็นเคร่ืองนุ่งห่ม เป็นเครื่องแต่งกาย
ทแี่ สดงถงึ อตั ลกั ษณข์ องกลมุ่ ชาตพิ นั ธไ์ุ ทยทรงดำ� เปน็ สนิ คา้ ทส่ี รา้ งคณุ คา่ ทางสงั คม
และมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนได้ เป็นเส้นทางในการศึกษาค้นคว้า
ประวัตศิ าสตร์ วฒั นธรรมประเพณีของมนษุ ย์

ซ่ินลายแตงโมออกแบบสสี ันเพื่อการตลาด

มรดกภูมปิ ัญญาทางวัฒนธรรมจงั หวดั นครปฐม 25

26 “ซนิ่ ลายแตงโม” ไทยทรงดำ�

ภาคผนวก
๑. เอกสารอา้ งองิ

ประเทอื ง คล้ายสุบรรณ. (๒๕๓๑) วัฒนธรรมพนื้ บา้ น. กรงุ เทพฯ: สทุ ธิสารการพิมพ์.
ปรานี วงศ์เทศ. (๒๕๓๐) “การละเล่นและพิธกี รรมในสังคมไทย” ใน วัฒนธรรมพนื้ บ้าน : คตคิ วามเช่อื .
กรงุ เทพฯ:จฬุ าลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั .
สธุ ี จันทร์ศรี และศ.ดร.สมทรง บุรุษพฒั น์ (๒๕๖๑) สืบอัตลักษณ์ไทดำ� ในล�ำน�ำดนตร.ี กรุงเทพฯ :
ส�ำนกั พิมพจ์ รัลสนิทวงศ์.

๒. บุคคลอ้างอิงผู้ให้สัมภาษณ์

๑. นางขนั ตรอี ินทอง บ้านเลขท่ี ๑ หมทู่ ี่ ๒ ต�ำบลลำ� ลกู บวั อ�ำเภอดอนตมู จังหวัดนครปฐม ๗๓๑๕๐
๒. นางไหม ตรีอินทอง บา้ นเลขที่ ๑๔ หมู่ท่ี ๒ ต�ำบลล�ำลกู บัว อ�ำเภอดอนตมู จังหวัดนครปฐม ๗๓๑๕๐
๓. นางทองใบ ตรอี นิ ทอง บา้ นเลขท่ี ๖๕ หมทู่ ่ี ๒ ตำ� บลลำ� ลกู บวั อำ� เภอดอนตมู จงั หวดั นครปฐม ๗๓๑๕๐
๔. นายสเุ ทพ สิงห์ลอ บ้านเลขที่ ๕ หมู่ที่ ๙ ตำ� บลสระกระเทียม อำ� เภอเมือง จงั หวดั นครปฐม ๗๓๐๐๐
๕. นายสนิ สงิ หเ์ รือง บ้านเลขที่ ๒๙ หมูท่ ี่ ๙ ต�ำบลสระกระเทียม อำ� เภอเมอื ง จังหวดั นครปฐม ๗๓๐๐๐
๖. นายสทุ นิ คงเจรญิ บา้ นเลขท่ี ๑๘/๑ หมทู่ ่ี ๙ ตำ� บลสระกระเทยี ม อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั นครปฐม ๗๓๐๐๐
๗. นางส�ำลี สิงหล์ อ บ้านเลขที่ ๕/๑ หมูท่ ่ี ๙ ต�ำบลสระกระเทยี ม อำ� เภอเมือง จังหวดั นครปฐม ๗๓๐๐๐
๘. นางสวรรค์ เสวกนยั น์ บา้ นเลขท่ี ๔๓ หมทู่ ี่ ๙ ตำ� บลสระกระเทยี ม อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั นครปฐม ๗๓๐๐๐
๙. นายสนทิ สงิ หท์ อง บา้ นเลขท่ี ๒๖/๑ หมทู่ ่ี ๙ ตำ� บลสระกระเทยี ม อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั นครปฐม ๗๓๐๐๐
๑๐. นางสาวสาลี ใจชนื่ บา้ นเลขท่ี ๒๓ หมทู่ ี่ ๙ ตำ� บลสระกระเทยี ม อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั นครปฐม ๗๓๐๐๐
๑๑. นายจริ นุวฒั น์ สิทธิธนนี ันท์ บ้านเลขท่ี ๘๒ หมทู่ ี่ ๒ ตำ� บลดอนข่อย อำ� เภอก�ำแพงแสน จงั หวัด
นครปฐม ๗๓๑๔๐
๑๒. นางพรนภา กีรติบูรณะ ต�ำบลดอนพทุ รา อ�ำเภอดอนตมู จงั หวัดนครปฐม ๗๓๑๕๐
๑๓. นางสุรยี ์ สรรค์สร้างเจรญิ ต�ำบลสระพฒั นา อำ� เภอกำ� แพงแสน จังหวดั นครปฐม ๗๓๑๔๐
๑๔. ร.อ.ทอน แปน้ โก๋ บา้ นเลขที่ ๑๗๘ หมู่ท่ี ๕ ตำ� บลไผ่หูช้าง อ�ำเภอบางเลน จงั หวัดนครปฐม ๗๓๑๓๐
๑๕. นายพงษด์ นยั ทองคงหาญ บา้ นเลขท่ี ๑๕ หมทู่ ี่ ๕ ตำ� บลไผห่ ชู า้ ง อำ� เภอบางเลน จงั หวดั นครปฐม ๗๓๑๓๐
๑๖. นางสทุ นิ สงิ หท์ อง บา้ นเลขท่ี ๒๖/๒ หมทู่ ี่ ๙ ตำ� บลสระกระเทยี ม อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั นครปฐม ๗๓๐๐๐
๑๗. นางสภุ าพ นาคสวุ รรณ บา้ นเลขท่ี ๕/๒ หมทู่ ่ี ๙ ตำ� บลสระกระเทยี ม อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั นครปฐม ๗๓๑๕๐
๑๘. นางสมหมาย ชมุ่ เยน็ บา้ นเลขท่ี ๙๖ หมทู่ ่ี ๙ ตำ� บลสระกระเทยี ม อำ� เภอเมอื ง จงั หวดั นครปฐม ๗๓๑๕๐

มรดกภมู ิปัญญาทางวัฒนธรรมจงั หวัดนครปฐม 27

"ซิ่นลายแตงโม" ไทยทรงด�ำ จังหวดั นครปฐม

มรดกภูมปิ ัญญาทางวัฒนธรรมจังหวดั นครปฐม

ผจู้ ดั ทำ� สภาวฒั นธรมจังหวดั นครปฐม
ปที ีจ่ ัดท�ำ พ.ศ. ๒๕๖๕

คณะผู้จัดท�ำ ประธานสภาวัฒนธรรมจงั หวัดนครปฐม
ท่ปี รึกษา วฒั นธรรมจงั หวัดนครปฐม
นายสนุ ทร แก้วพจิ ติ ร คณะศลิ ปศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหิดล
นางฐติ ริ ัตน์ เรอื งสังข์
นางวันวสิ า นิยมทรพั ย์

ผ้จู ดั ทำ�
สภาวฒั นธรรมจังหวดั นครปฐม

คณะทำ� งาน นักวชิ าการวฒั นธรรมชำ� นาญการพิเศษ
นางสาวอรพร คัมภรี ศาสตร ์ นักวชิ าการวฒั นธรรมช�ำนาญการ
นางลนิ ดา ภูถุ นกั วิชาการวฒั นธรรมช�ำนาญการ
นางสาวชนดิ า พรหมผลิน นักวชิ าการวฒั นธรรมชำ� นาญการ
นางสาวศนิษา ไพบลู ยอ์ ัตถกจิ นักวชิ าการวัฒนธรรมช�ำนาญการ
นายศรัญ ลิม้ สกลุ นักวิชาการวฒั นธรรมปฏบิ ัตกิ าร
นางสาวรัฐพร พวงบปุ ผา นกั วชิ าการวัฒนธรรมปฏบิ ตั ิการ
นายวายุ สว่างจติ ต์ นักวิชาการวัฒนธรรม
นายสธุ ี รงุ่ รตั นพงษ์พร เจ้าหนา้ ทม่ี รดกภมู ิปญั ญาทางวัฒนธรรม
นางสาวดวงฤทยั เนยี มประพนั ธ ์ พนกั งานสภาวัฒนธรรมจงั หวัด
นางสาวอคั ริมา ภูถุ

โดยการสนบั สนุนงบประมาณจากกรมส่งเสรมิ วฒั นธรรม กระทรวงวฒั นธรรม

28 “ซน่ิ ลายแตงโม” ไทยทรงด�ำ




Click to View FlipBook Version