6 1 5 .1
ประกาศคุณูปการ งานวิจัยใช้เรียน เรื่อง การพัฒนาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง สารอาหาร ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาลวัดเกตการาม โดยใช้สมุดจดแบบดิจิทัลสามารถสำเร็จบรรลุ วัตถุประสงค์ได้ด้วยความกรุณาจากท่านผู้อำนวยการสถานศึกษา และรองผู้อำนวยการสถานศึกษา โรงเรียนเทศบาลวัดเกตการาม ที่กรุณาแนะนำสิ่งที่เป็นประโยชน์ในการให้คำปรึกษาและสนับสนุน วัสดุอุปกรณ์ในการจัดการศึกษา ขอขอบคุณคณะครูโรงเรียนเทศบาลวัดเกตการามทุกท่าน ที่คอยให้ ความช่วยเหลือในการให้คำปรึกษา ตรวจสอบแก้ไขข้อบกพร่องในการทำวิจัยให้กำลังใจตลอดการทำ วิจัยในครั้งนี้ให้ลุล่วงจนสำเร็จ ผู้วิจัยขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูงไว้ ณ โอกาสนี้ และขอขอบใจนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาลวัดเกตการาม จำนวน 15 คน ในฐานะกลุ่มตัวอย่างของงานวิจัยนี้ ผู้วิจัยหวังเป็นอย่างยิ่งว่างานวิจัยในชั้นเรียนฉบับนี้ จะอำนวยประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจจะศึกษา คุณค่าและประโยชน์ใดๆ อันอาจเกิดจากงานวิจัยฉบับนี้ นางสาวณิชาภา เบี้ยวบรรจง ผู้วิจัย
คำนำ ในการศึกษาในศตวรรษที่ 21 การเตรียมนักเรียนให้พร้อมกับชีวิตในศตวรรษที่ 21 เป็นเรื่อง สำคัญของกระแสการปรับเปลี่ยนทางสังคมที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 21 ส่งผลต่อวิถีการดำรงชีพของ สังคมอย่างทั่วถึง ครูจึงต้องมีความตื่นตัวและเตรียมพร้อมในการจัดการเรียนรู้เพื่อเตรียมความพร้อม ให้นักเรียนมีทักษะสำหรับการออกไปดำรงชีวิตในโลก พัฒนางานของตนเองและพัฒนาด้านการเรียน การสอนให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น การเรียนการสอนในวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นการฝึกฝนทักษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ซึ่งเป็นความสามารถและความชำนาญในการคิดของนักเรียน เพื่อค้นหาความรู้และการ แก้ไขปัญหา โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ จึงเป็นทักษะสำคัญที่แสดงถึงการมีกระบวนการคิด อย่างมีเหตุมีผลตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ทำให้นักเรียนและผู้ปฏิบัติเกิดความเข้าใจในเนื้อหา ทางวิทยาศาสตร์ สามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองไป สู่กระบวนการคิดที่ซับซ้อนมากขึ้น และเมื่อครู ได้พบปัญหาต่าง ๆ ในการเรียนการสอน ครูควรจะมีการแก้ไขในปัญหานั้น ๆ อย่างทันท่วงที ด้วยเหตุ นี้ครูจึงต้องมีการวิจัยในชั้นเรียน ซึ่งเป็นงานที่เกิดจากความต้องการที่ครูจะพัฒนางานสอนให้ดีขึ้น เพื่อสนองความต้องการของนักเรียนให้มากที่สุดผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากงานวิจัย คือ นักเรียนก็ จะมีความสุขในการเรียน ตลอดจนครูก็จะมีกิจกรรมมากมาย มีการพัฒนางานของตนเอง โรงเรียนก็ ได้ชื่อว่าผลิตนักเรียนมีคุณภาพออกสู่สังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สารบัญ เรื่อง หน้า คำนำ สารบัญ รายงานการผลิตสื่อและการใช้สื่อการสอน.................................................................... 1 บทคัดย่อ............................................................................................................. .......... 2 ความเป็นมาของปัญหา………………………………………………………………..……………………. 3 จุดมุ่งหมายของการศึกษา………………………………………….………………………………………. 4 นิยามศัพท์เฉพาะ…………............................................................................................... 5 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ............................................................................................ 5 สมมติฐานของงานวิจัย………………………………………………………………………………………. 5 วิธีดำเนินการวิจัย.......................................................................................................... 6 1 ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง................................................................................... 6 2 ตัวแปร.................................................................................................................. 6 3 เครื่องมือที่ใช้ในงานวิจัย....................................................................................... 6 4 การเก็บรวบรวมข้อมูล.......................................................................................... 6 5 วิเคราะห์ข้อมูล..................................................................................................... 8 สรุปผลการวิจัย.............................................................................................................. 9 อภิปรายผลการวิจัย....................................................................................................... 9 ข้อเสนอแนะ.................................................................................................................. 10 บรรณานุกรม ภาคผนวก
รายงานการผลิตและการใช้สื่อการสอน ประจำปีการศึกษา ๒๕๖๕ กลุ่มสาระการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 1. ชื่อ-สกุล นางสาวณิชาภา เบี้ยวบรรจง 2. วิชาที่สอน วิทยาศาสตร์ 3. ชื่อสื่อ Digital Notebook เรื่อง สารอาหาร By ครูอิ๋ม 4. ประเภทสื่อ สื่อเทคโนโลยี (IT) สื่อสิ่งประดิษฐ์ สื่อสิ่งพิมพ์ หนังสือ เอกสาร แผ่นพับ โปสเตอร์ อื่นๆ ระบุ...... 5. ใช้ประกอบการสอน ในแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 - 6 เรื่อง สารอาหาร ในระดับชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 6. รูปแบบของรายงานการผลิตและการใช้สื่อการสอน จัดทำในรูปแบบของรายงานวิจัยในชั้นเรียน ชื่อ การพัฒนาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง สารอาหาร ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียน เทศบาลวัดเกตการาม โดยใช้สมุดจดแบบดิจิทัล
ชื่อเรื่องงานวิจัย : การพัฒนาความรู้ทางวิทยาศาสตร์เรื่อง สารอาหาร ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6โรงเรียนเทศบาลวัดเกตการาม โดยใช้ สมุดจดแบบดิจิทัล ชื่อผู้วิจัย : นางสาวณิชาภา เบี้ยวบรรจง กลุ่มสาระการเรียนรู้ : วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปีการศึกษา : 2565 คำสำคัญ : สมุดจดแบบดิจิทัล(Digital Notebook) ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ บทคัดย่อ การวิจัยในชั้นเรียน เรื่อง การพัฒนาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง สารอาหาร ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาลวัดเกตการาม โดยใช้สมุดจดแบบดิจิทัล ซึ่งผู้วิจัยเป็นครูผู้สอน ในรายวิชาวิทยาศาสตร์กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาลวัดเกตการาม สำนักการศึกษา เทศบาลนครเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ มีวัตถุประสงค์ เพื่อเปรียบเทียบความรู้ทางวิทยาศาสตร์เรื่อง สารอาหาร ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและ หลังการใช้สมุดจดแบบดิจิทัล (Digital Notebook) ซึ่งกลุ่มประชากรเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 จำนวน 15 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชาวิทยาศาสตร์ หน่วยการ เรียนรู้ที่ 1 เรื่องอาหารและการย่อยอาหาร เรื่อง สารอาหาร โดยใช้สมุดจดแบบดิจิทัล(Digital Notebook) จำนวน 2 แผน เวลา 8 ชั่วโมง และสมุดจดแบบดิจิทัล(Digital Notebook) เรื่อง สารอาหาร มีทั้งหมด 1ชุดจำนวน 3เรื่อง ได้แก่ 1) อาหารหลัก 5 หมู่ 2) หมู่อาหารและสารอาหาร และ3) การแยกประเภทและประโยชน์ของสารอาหาร ซึ่งสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทั้งนี้ผู้วิจัยได้ดำเนินการจัดการเรียนรู้ตามแผนจัดการเรียนรู้กับกลุ่มประชากร จัดทำการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนแบบปรนัยเลือกตอบ 4ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ หลังจากนั้นผู้วิจัยดำเนินการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมุดจดแบบดิจิทัลและให้นักเรียนทดสอบ หลังเรียน จำนวน 20 ข้อ โดยนำผลการทดสอบก่อนและหลังการใช้สมุดจดแบบดิจิทัลมาวิเคราะห์ด้วยวิธี ทางสถิติ เพื่อเปรียบเทียบคะแนนความรู้ทางวิทยาศาสตร์เรื่อง สารอาหาร จากการวิเคราะห์พบว่า ความรู้ทางวิทยาศาสตร์หลังจัดการเรียนรู้โดยใช้สมุดจดแบบดิจิทัลสูงกว่าก่อนใช้ แสดงให้เห็นถึงการ จัดการเรียนรู้โดยใช้สมุดจดแบบดิจิทัลสามารถพัฒนาความรู้ความเข้าใจในเนื้อหาเรื่อง สารอาหาร ของ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรื่องอาหารและการย่อยอาหาร ในรายวิชาวิทยาศาสตร์ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ให้ สูงขึ้น
ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา การเรียนการสอนวิทยาศาสตร์มีเป้าหมาย ที่มุ่งเน้นให้นักเรียนได้ค้นพบความรู้ด้วยตนเอง มากที่สุด เพื่อให้ได้ทั้งกระบวนการและความรู้จากวิธีการสังเกต การสำรวจตรวจสอบ การทดลอง แล้วนำผลที่ได้มาจัดระบบเป็นหลักการ แนวคิด และองค์ความรู้ โดยมุ่งหวังให้นักเรียนได้เรียนรู้ วิทยาศาสตร์ที่เน้นการเชื่อมโยงความรู้กับกระบวนการ มีทักษะสำคัญในการค้นคว้าและสร้าง องค์ความรู้ โดยใช้กระบวนการในการสืบเสาะหาความรู้ และแก้ปัญหาที่หลากหลายให้นักเรียน มีส่วนร่วมในการเรียนรู้ทุกขั้นตอน มีการทำกิจกรรมด้วยการลงมือปฏิบัติจริงอย่างหลากหลาย เหมาะสมกับระดับชั้นของนักเรียน เพื่อนำความรู้ความเข้าใจ ในวิชาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีไปใช้ ให้เกิดประโยชน์ ต่อสังคมและการดำรงชีวิต (กระทรวงศึกษาธิการ, 2560) ดังนั้นการจัดการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ในศตวรรษที่ 21 เป็นแนวทางให้นักเรียนและผู้สอนได้เรียนรู้ร่วมกัน ในสภาวะแวดล้อม ที่แตกต่างผู้สอนต้องจัดการเรียนรู้โดยวิธีที่หลากหลายและเน้นการใช้วิธีที่เน้นนักเรียนเป็นสำคัญ ควร ใช้สื่อต่างๆ และลงมือปฏิบัติให้มากกว่าวิธีบรรยาย การเรียนรู้วิทยาศาสตร์นั้นนักเรียนจำเป็นจะต้อง รู้ประวัติและปรัชญาวิทยาศาสตร์ การสืบค้น การทดลอง และวิธีการใช้เหตุผล เพื่อให้เกิดความ ซาบซึ้งใจในการค้นพบและแนวคิดของวิทยาศาสตร์ตามความคิดของนักวิทยาศาสตร์ เพื่อสร้าง แนวทางในการเรียนรู้ของตนเอง นอกจากนี้ยังต้องสื่อสารให้ผู้อื่นเรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ ที่นักเรียน ได้รับรู้มา การเรียนรู้เพื่อการก้าวผ่านไปสู่โลกยุคใหม่ ผู้สอนต้องย่อยและสกัดความรู้ให้ง่ายลง เพื่อให้ นักเรียนเข้าใจเนื้อหาสาระสำคัญอย่างแท้จริง รายละเอียดปลีกย่อยอาจสอนเสริมหรือให้นักเรียนไป เรียนรู้เพิ่มเติมเอง การประเมินผลการเรียนรู้ควรเป็นการประเมินตามสภาพจริงขณะที่มีการเรียนการ สอนจึงทำให้การเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ประสบความสำเร็จทันต่อการเปลี่ยนแปลงโลก และก้าว ข้ามไปสู่ยุคอนาคตได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเป็นระดับ AEC และระดับโลก ตามกระแสทิศทางที่มวลชน ก้าวไปพร้อมกัน (สมเกียรติ พรพิสุทธิมาศ, 2556:62) ปัจจุบันการเรียนการสอนเข้าสู่ยุคแห่งการ เรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ที่ผู้สอนและนักเรียน สามารถเข้าถึงความรู้ได้จากทุกหนทุกแห่งและทุกคน ผ่านสื่อที่เรียกว่า อีเลิร์นนิง (e-Learning) ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงในการนำมาใช้สนับสนุนการ จัดการเรียนการสอนทั้งในสถาบัน การศึกษาของประเทศไทยและทั่วโลก โดยเป็นได้ทั้งสื่อหลักและ สื่อเสริมในการเรียนการสอน อีเลิร์นนิงเกิดจากการพัฒนาแนวคิดของเทคโนโลยีการศึกษาแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนของนักเรียน ให้เข้ากับศตวรรษที่ 21 โดยพัฒนาระบบการเรียนรู้ให้เชื่อมต่อความรู้ใหม่อันเป็นพลวัตรกับเทคโนโลยี อินเทอร์เน็ต รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตได้พัฒนาให้มีความรวดเร็วในการส่งและรับข้อมูล สารสนเทศ จงก่อให้เกิดการพัฒนาบทเรียนอีเลิร์นนิงในรูปแบบสื่อประสม (Multimedia) 2 มิติ 3 มิติ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้แก่บทเรียน นักเรียนเกิดการเรียนรู้ในเนื้อหาวิชาได้อย่างมีประสิทธิภาพ มากขึ้น (ศยามน อินสะอาด, 2561)
ผู้วิจัยเป็นครูผู้สอนในรายวิทยาศาสตร์ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาล วัดเกตการาม สำนักการศึกษา เทศบาลนครเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ได้จัดการเรียนรู้ในหน่วยการเรียนรู้ อาหารและการย่อยอาหาร เรื่อง สารอาหาร ตัวชี้วัดที่ ว 1.2 ป.6/1 ระบุสารอาหารและบอกประโยชน์ ของสารอาหารแต่ละประเภทจากอาหารที่ตนเองรับประทาน ได้สังเกตเห็นว่า นักเรียนส่วนใหญ่ ยังไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างหมู่อาหาร สารอาหาร และประโยชน์ของสารอาหาร ซึ่งสังเกต ได้จากปฏิสัมพันธ์การตอบคำถามและเมื่อทำการวัดผลด้านความรู้หลังเรียน จะมีนักเรียนส่วนใหญ่ ได้คะแนนต่ำกว่าเกณฑ์ ซึ่งอาจเป็นเพราะการเรียนแบบทฤษฎีส่วนใหญ่จะเป็นการให้นักเรียนจดบันทึก เพียงอย่างเดียว หรือใบงานยังไม่ดึงดูดใจ ยังไม่ช่วยกระตุ้นกระบวนการเรียนรู้อย่างตื่นตัว (active learning)ของนักเรียน ทำให้ไม่ส่งเสริมความรู้ทางวิทยาศาสตร์เท่าที่ควร ครูผู้สอนจึงต้องปรับรูปแบบ การสอนให้น่าสนใจ โดยต้องอาศัยเครื่องมือสื่อการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพสูงช่วยสร้างองค์ความรู้ ทางวิทยาศาสตร์ให้แก่นักเรียน ทั้งนี้ผู้วิจัยได้สนใจศึกษาสมุดจดแบบดิจิทัล (Digital Notebook) เป็น สื่อประเภท อีเลิร์นนิง โดยครูผู้สอนสามารถออกแบบการเรียนรู้ได้เอง ผ่าน Google Jamboard ซึ่ง เป็นการเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ เป็นสื่อกลางที่ถ่ายทอด ความรู้ให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ โดยรูปแบบการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ จะใช้เทคโนโลยีและ การติดต่อสื่อสารผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต อันเป็นช่องทางในการถ่ายทอดเนื้อหาหรือความรู้ มีคุณลักษณะสำคัญ คือ มีเนื้อหาบทเรียนที่สอดคล้องกับจุดประสงค์ การเรียนมีการนำเทคนิควิธี การสอนมาใช้เพื่อช่วยทำให้เกิดการเรียนรู้ นอกจากนี้ยังมีการใช้สื่อมัลติมีเดีย เพื่อนำเสนอเนื้อหา และพัฒนานักเรียนให้สามารถสร้างความรู้ พัฒนาทักษะใหม่ในการเรียนรู้ให้แก่นักเรียน รวมถึง สามารถเรียนรู้ได้ทุกที่และทุกเวลา (ศยามน อินสะอาด, 2561) ทั้งนี้การเรียนรู้สมุดจดแบบดิจิทัล (Digital Notebook) ผ่าน Google Jamboard ครูผู้สอนสามารถสร้างสรรค์สื่อการเรียนรู้ให้น่าสนใจ อีกทั้งยังช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างนักเรียน กระตุ้นให้นักเรียนทำงานร่วมกันในรูปแบบที่สร้างสรรค์ เป็นการเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงความคิดด้านความรู้ทางวิทยาศาสตร์ช่วยเพิ่มความเข้าใจในเนื้อหา ที่เรียนมากกว่าการจดบันทึกแบบทั่วไป เพื่อให้นักเรียนได้เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ จุดมุ่งหมายของการศึกษา 1. เพื่อเปรียบเทียบความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง สารอาหาร ของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 ก่อนและหลังการใช้สมุดจดแบบดิจิทัล
นิยามศัพท์เฉพาะ การศึกษาค้นคว้าอิสระในครั้งนี้ ผู้ศึกษาได้คำศัพท์เฉพาะไว้ดังนี้ คือ สมุดจดแบบดิจิทัล(Digital Notebook) หมายถึง สื่อการเรียนรู้แบบอีเลิร์นนิงที่ช่วย พัฒนาให้นักเรียนได้เรียนรู้ผ่านภาพและความสัมพันธ์ของข้อมูลโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการ ถ่ายทอดข้อมูล ช่วยเพิ่มความเข้าใจในเนื้อหาที่เรียนมากกว่าการจดบันทึกแบบทั่วไป เพื่อให้นักเรียน ได้เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ หมายถึง ระดับของการสร้างและการใช้ด้านความรู้ผ่านการทำ ความเข้าใจในตัวชี้วัดที่ ว 1.2 ป.6/1 ระบุสารอาหารและบอกประโยชน์ของสารอาหารแต่ละประเภทจาก อาหารที่ตนเองรับประทาน โดยการวิเคราะห์ตัวชี้วัดในด้านความรู้ คือ สารอาหารคือสารที่เป็น ส่วนประกอบอยู่ในอาหารและมีประโยชน์ต่อร่างกายในการดำรงชีวิตได้แก่โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน เกลือแร่วิตามิน และน้ำ สารอาหารแต่ละชนิดประกอบด้วยสารอาหารที่แตกต่างกัน อาหาร บางอย่างประกอบด้วยสารอาหารประเภทเดียว อาหารบางอย่างประกอบด้วยสารอาหารมากกว่าหนึ่ง ประเภท และใช้แนวทางการวัดและประเมินตัวชี้วัดด้านความรู้ ดังนี้ 1) สามารถบอกความหมายและ ยกตัวอย่างสารอาหาร 2) สามารถระบุประเภทของสารอาหารที่อยู่ในอาหารและบรรยายประโยชน์ ของสารอาหารประเภท โปรตีน คาร์โบไฮเดต ไขมัน เกลือแร่ วิตามิน และน้ำ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ 1. นักเรียนได้รับการพัฒนาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ผ่านสื่อการเรียนรู้ยุคใหม่ 2. ครูผู้สอนในรายวิชาวิทยาศาสตร์ ได้สื่อการเรียนรู้ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อช่วย พัฒนาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนได้ 3. โรงเรียนได้แนวทางในการพัฒนาสื่อการเรียนรู้แบบอีเลิร์นนิงไปใช้พัฒนาความรู้ทาง วิทยาศาสตร์ของนักเรียนได้ สมมติฐานงานวิจัย สมุดจดแบบดิจิทัลสามารถพัฒนาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง สารอาหาร ของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ให้สูงขึ้น
วิธีดำเนินการวิจัย 1. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ประกอบด้วย นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียน เทศบาลวัดเกตการาม สำนักการศึกษา เทศบาลนครเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 1 ห้องเรียน รวมทั้งหมด 15 คน ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 2. ตัวแปรที่ศึกษา ประกอบด้วย 2.1 ตัวแปรต้น คือ สมุดจดแบบดิจิทัล(Digital Notebook) เรื่อง สารอาหาร 2.2 ตัวแปรตาม คือ ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 3. เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 3.2 แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง สารอาหาร โดยใช้สมุดจดแบบดิจิทัล จำนวน 2 แผน ใช้ เวลาสอน 7 ชั่วโมง ทดสอบก่อนใช้สมุดจดแบบดิจิทัล 30 นาที และทดสอบหลังสื่อสมุดจด แบบดิจิทัล 30 นาที รวมทั้งสิ้น 8 ชั่วโมง 3.2 แบบทดสอบวัดความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง สารอาหาร สำหรับนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6 เป็นข้อสอบแบบปรนัย 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ 4. การเก็บรวบรวมข้อมูล 4.1 สร้างเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง สารอาหาร โดยใช้ สมุดจดแบบดิจิทัลและแบบทดสอบวัดความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง สารอาหาร 4.2 ให้นักเรียนทำแบบทดสอบวัดความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง สารอาหาร ก่อนการ จัดการเรียนรู้โดยใช้สมุดจดแบบดิจิทัล จำนวน 20 ข้อ 4.3 ดำเนินการจัดการเรียนรู้โดยทดลองใช้แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่อง สารอาหาร โดย ใช้สมุดจดแบบดิจิทัลกับนักเรียนกลุ่มประชากร ใช้แบบแผนการศึกษาแบบกลุ่มเดียว ทดสอบก่อนหลังการทดสอบ ซึ่งแผนการศึกษาแบบนี้ มีการใช้กลุ่มประชากรเพียงกลุ่มเดียวและมีการให้ตัวแปร อิสระกับกลุ่มตัวอย่าง แต่ทำการทดสอบทั้งก่อนและหลังการทดลอง และพิจารณาผลการทดลองจาก การเปรียบเทียบผลการทดลองก่อนและหลังการทดลอง (เกียรติสุดา ศรีสุข, 2552 หน้า 18) เมื่อ T1 หมายถึง ทดสอบก่อนการทดลอง X หมายถึง ทดลองโดยการให้ตัวแปรอิสระ T2 หมายถึง ทดสอบหลังการทดลอง T1 X T2
4.4 ประเมินผลด้วยการทดสอบวัดความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง สารอาหาร หลังการ จัดการเรียนรู้โดยใช้สมุดจดแบบดิจิทัล จำนวน 20 ข้อ 4.5 นำคะแนนของนักเรียนที่ได้จากการทดสอบก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมุด จดแบบดิจิทัล มาวิเคราะห์โดยใช้วิธีการทางสถิติ 4.6 จัดทำตารางเปรียบเทียบผลคะแนนความรู้ทางวิทยาศาสตร์ก่อนและหลังการจัดการ เรียนรู้โดยใช้สมุดจดแบบดิจิทัล
5. วิเคราะห์ข้อมูล ตาราง แสดงผลคะแนนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ทำแบบทดสอบวัดความรู้ทาง วิทยาศาสตร์เรื่อง สารอาหาร ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมุดจดแบบดิจิทัล นักเรียนคนที่ ทดสอบก่อน จัดการเรียนรู้ (20 คะแนน) ทดสอบหลัง จัดการเรียนรู้ (20 คะแนน) คะแนน ความก้าวหน้า 1 10 16 6 2 7 15 8 3 9 14 5 4 12 17 5 5 9 16 7 6 7 13 6 7 9 14 5 8 12 17 5 9 8 15 7 10 10 14 4 11 8 16 8 12 11 15 4 13 13 18 5 14 9 14 5 15 11 17 6 รวม 145 231 86 μ 9.67 15.40 5.73 σ 1.839 1.454 1.280 จากตาราง พบว่าคะแนนเฉลี่ยหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมุดจดแบบดิจิทัล สูงกว่าคะแนน เฉลี่ยก่อนการจัดการเรียนรู้
ตาราง แสดงผลการพัฒนาความรู้ทางวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและ หลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมุดจดแบบดิจิทัล รายการ คะแนนพัฒนาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ผลต่าง ก่อนและหลังใช้ สมุดจดแบบดิจิทัล ก่อนใช้ สมุดจดแบบดิจิทัล หลังใช้ สมุดจดแบบดิจิทัล 1. ส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน 2. จำนวนนักเรียน 1.839 15 1.454 15 0.385 จากตาราง พบว่า ผลต่างก่อนและหลังใช้สมุดจดแบบดิจิทัลค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (σ) มีค่าเข้าใกล้ 0 ทำให้ทราบว่าคะแนนพัฒนาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังใช้สมุดจดแบบดิจิทัลมีการกระจายน้อยกว่าก่อนใช้แสดงถึงคะแนนผลการพัฒนาความรู้ทาง วิทยาศาสตร์ของนักเรียนมีค่าใกล้เคียงกัน สรุปผลการวิจัย ผลการเปรียบเทียบความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง สารอาหาร ของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 ก่อนและหลังการใช้สมุดจดแบบดิจิทัล พบว่า การจัดการเรียนรู้โดยใช้สมุดจดแบบดิจิทัล สามารถพัฒนาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง สารอาหาร ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สูงขึ้น กว่าก่อนใช้ อภิปรายผลการวิจัย จากการศึกษาค้นคว้าการพัฒนาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ เรื่อง สารอาหาร ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาลวัดเกตการาม โดยใช้สมุดจดแบบดิจิทัล จากผลการศึกษา สามารถอภิปรายได้ ดังนี้ เมื่อให้กลุ่มประชากรลงมือทำแบบทดสอบวัดความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ก่อนและหลัง การจัดการเรียนรู้โดยใช้สมุดจดแบบดิจิทัล เรื่อง สารอาหาร จำนวน 20 ข้อ คะแนนเต็ม 20 คะแนน ในเวลาครั้งละ 30 นาที ผู้วิจัยได้เก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อเปรียบเทียบผลคะแนนก่อนและหลังการ จัดการเรียนรู้ โดยก่อนการจัดการเรียนรู้ผลคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 9.67 คะแนนจากคะแนนเต็ม
คะแนนหลังการจัดการเรียนรู้ผลคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 15.40 คะแนนจากคะแนนเต็ม เมื่อเปรียบเทียบ คะแนนก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมุดจดแบบดิจิทัลจะเห็นว่าคะแนนหลังการจัดการ เรียนรู้โดยใช้สมุดจดแบบดิจิทัลมีค่าสูงกว่าก่อนใช้ โดยมีคะแนนความก้าวหน้าเฉลี่ยเท่ากับ 5.73 ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานก่อนใช้สมุดจดแบบดิจิทัล เท่ากับ 1.839 และหลังใช้ใช้สมุดจดแบบดิจิทัล เท่ากับ 1.454 จะเห็นว่าค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานหลังการใช้สมุดจดแบบดิจิทัลมีค่าน้อยกว่าก่อน การใช้ จึงส่งผลให้ผลต่างของค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานหลังกับก่อนใช้วิดีโอช่วยสอน มีค่าเท่ากับ 0.385 ซึ่งตัวเลขเข้าใกล้ 0 แสดงว่าคะแนนพัฒนาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาลวัดเกตการามหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมุดจดแบบดิจิทัลมี การกระจายน้อยกว่าก่อนใช้ ซึ่งเป็นผลเนื่องมาจากการจัดการเรียนรู้โดยใช้สมุดจดแบบดิจิทัลช่วย พัฒนาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีคะแนนใกล้เคียงกัน ทั้งนี้ สอดคล้องกับแนวคิดของ Knight. (2015) อ้างในTerrie Bethea-Hampton & Ashley Holder. (2018) กล่าวไว้ว่า สมุดบันทึกแบบดิจิทัลยังช่วยให้นักเรียนจัดระเบียบและสังเคราะห์ความคิด สมุดบันทึกทำ หน้าที่เป็นหนังสือเรียนออนไลน์ที่นักเรียนเป็นเจ้าของและสร้างขึ้นซึ่งมีบันทึกย่อ แบบฝึกหัด วารสาร แหล่งข้อมูล และการทบทวน นักเรียนสามารถย้อนกลับไปดูบันทึกย่อที่อาจช่วยในการประเมินและ โครงงานในอนาคตได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่นักเรียนกลับไปทบทวนบันทึกจากงานที่ได้รับมอบหมายก่อนหน้า นี้ พวกเขาจะได้เห็นสื่อการสอนซ้ำแล้วซ้ำเล่าซึ่งจะช่วยเพิ่มผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน ข้อเสนอแนะ 1. เนื่องจากผู้วิจัยเพิ่งย้ายมาปฏิบัติหน้าที่และเปลี่ยนระดับช่วงชั้นการสอนวิทยาศาสตร์เป็น ระดับประถมศึกษา ที่โรงเรียนเทศบาลวัดเกตการาม ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จึงได้เห็น ปัญหาในการจัดการเรียนรู้ในรายวิชาวิทยาศาสตร์เป็นระยะเวลาสั้นๆ จึงเลือกทำวิจัยในชั้นเรียนให้ เหมาะสมกับปัญหาที่เกิดขึ้น โดยใช้สมุดจดแบบดิจิทัลที่เป็นสื่อประเภทอีเลิร์นนิง เพื่อเพิ่ม ความน่าสนใจในการจัดการเรียนรู้ให้เหมาะกับนักเรียนในศตวรรษที่ 21 และยังช่วยส่งเสริมความรู้ ทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน ซึ่งสมุดจดแบบดิจิทัลเป็นสื่อการเรียนรู้ที่น่าสนใจ ในการจัดการเรียนรู้ ครั้งต่อไปควรมีเพิ่มระยะเวลาในการดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลให้นานขึ้น เพื่อให้ผลมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์แก่นักเรียนให้มากที่สุด 2. การจัดการเรียนรู้โดยใช้สมุดจดแบบดิจิทัลผ่าน Google Jamboard เป็นรูปแบบที่เหมาะ กับการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 และการคลี่คลายของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อ ฯ ทั้งนี้ควรจัดกิจกรรมที่ให้นักเรียนได้ทำงานร่วมกัน เพื่อส่งเสริมสมรรถนะการทำงานเป็นทีม
บรรณานุกรม กระทรวงศึกษาธิการ. (2560). ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมชนสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทยจำกัด เกียรติสุดา ศรีสุข. (2552). ระเบียบวิธีวิจัย. เชียงใหม่: ครองช่างพริ้นติ้ง. ศยามน อินสะอาด. (2561). การออกแบบบทเรียนe-learning เพื่อพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง. กรุงเทพฯ: บริษัท วี.พริ้นท์ (1991) จำกัด. สมเกียรติ พรพิสุทธิมาศ. (2556). การจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ในศตวรรษที่ 21. วารสารหน่วย วิจัยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมเพื่อการเรียนรู้ ปีที่ 4 (ฉบับที่ 1). [ระบบ ออนไลน์] https://doi.nrct.go.th//ListDoi/listDetail?Resolve_DOI=10.14456/jstel.2013.7 (21 พ.ค. 2565) สสวท. (2564). คู่มือครูรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เล่ม 1. [ระบบออนไลน์]. https://www.scimath.org/ebook-science/item/11450-6-1 (21 พ.ค. 2565) Google. (2017). เติมสีสันให้กับการเรียนรู้ด้วย Jamboard. [Online]. https://edu.google.com/intl/ ALL_th/products/jamboard/ (21 พ.ค. 2565) Terrie Bethea-Hampton & Ashley Holder. (2018). Digital Notebooks and Collaboration. [Online]. http://files.eric.ed.gov/fulltext/ED592865.pdf (25 พ.ค. 2565)
ภาคผนวก
แบบประเมินคุณภาพของสื่อ สมุดจดแบบดิจิทัล(Digital Notebook) ในรายวิชาวิทยาศาสตร์ เรื่อง สารอาหาร ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 คำชี้แจง : ให้เขียนเครื่องหมาย ✓ ลงในช่องตามความคิดเห็นของท่าน พร้อมทั้งแสดงข้อคิดเห็นเพิ่มเติม ที่ ตัวชี้วัด รายการประเมิน ระดับคุณภาพ/ความ เหมาะสม ข้อคิดเห็นเพิ่มเติม 5 4 3 2 1 1 คุณลักษณะของ สื่อการเรียนรู้ 1.1 สื่อการเรียนรู้มีความสอดคล้องกับความรู้ เนื้อหาสาระในวิชาวิทยาศาสตร์ 1.2 รูปแบบของกิจกรรมในสื่อการเรียนรู้ มีความน่าสนใจเหมาะสมกับผู้เรียน 2 คุณภาพของ องค์ประกอบใน สื่อการเรียนรู้ 2.1 วัตถุประสงค์ เป้าหมายของสื่อการเรียนรู้ สอดคล้องกับสภาพปัญหาความต้องการพัฒนา 2.2 มีความสมบูรณ์ในเนื้อหาสาระของ สื่อการเรียนรู้ 3 ความแปลกใหม่ ของ สื่อการเรียนรู้ 3.1 มีการปรับปรุงจากแนวคิดเดิมและนำมา พัฒนาใหม่ 3.2 ความแปลกใหม่ ทันสมัย 3.3 ความสามารถในการใช้งานจริง 4 ความสามารถ ในการแก้ปัญหา หรือพัฒนา 4.1 สอดคล้องตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายที่ ระบุได้ครบถ้วน 4.2 นำไปประยุกต์ใช้ในสภาพบริบทที่มีลักษณะ ใกล้เคียง 5 ประโยชน์ต่อ บุคคล 5.1 ผลงานส่งผลให้เกิดประโยชน์ช่วยพัฒนา ความรู้เรื่อง สารอาหารต่อผู้เรียน 5.2 ผลงานส่งผลให้เกิดประโยชน์ต่อเพื่อนครู สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง รวมคะแนน คะแนนรวมทั้งหมด ผลการประเมิน ระดับ จุดเด่นของสื่อการเรียนรู้................................................................................................................. จุดด้อยของสื่อการเรียนรู้................................................................................................................ ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนา............................................................................................................
เกณฑ์การประเมิน 5 หมายถึง มีความสอดคล้อง/เชื่อมโยง/ครอบคลุม/เหมาะสมและสัมพันธ์กัน อย่างชัดเจน 4 หมายถึง มีความสอดคล้อง/เชื่อมโยง/ครอบคลุม/เหมาะสมและสัมพันธ์กัน แต่ขาดความชัดเจนบางส่วน 3 หมายถึง มีความสอดคล้อง/เชื่อมโยง/ครอบคลุม/เหมาะสมและสัมพันธ์กันในบางส่วน 2 หมายถึง มีความสอดคล้อง/เชื่อมโยง/ครอบคลุม/เหมาะสมและสัมพันธ์กันแต่ไม่สมบูรณ์ 1 หมายถึง เนื้อหาขาดความสอดคล้อง/เชื่อมโยง/ครอบคลุม/เหมาะสมและสัมพันธ์กัน ผลการประเมิน ค่าเฉลี่ยและช่วงของระยะห่างคะแนนของแต่ละรายการ มีการแปลผล ดังนี้ ค่าเฉลี่ยระหว่าง 4.51 – 5.00 หมายถึง มีระดับคุณภาพมากที่สุด ค่าเฉลี่ยระหว่าง 3.51 – 4.50 หมายถึง มีระดับคุณภาพมาก ค่าเฉลี่ยระหว่าง 2.51 – 3.50 หมายถึง มีระดับคุณภาพปานกลาง ค่าเฉลี่ยระหว่าง 1.51 – 2.50 หมายถึง มีระดับคุณภาพน้อย ค่าเฉลี่ยระหว่าง 1.00 – 1.50 หมายถึง มีระดับคุณภาพน้อยที่สุด
กิจกรรมการใช้สื่อสมุดจดแบบดิจิทัล Digital Notebook เรื่อง สารอาหาร ในห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์
กิจกรรมการใช้สื่อสมุดจดแบบดิจิทัล Digital Notebook เรื่อง สารอาหาร ในห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 5 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว 16101 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 อาหารและระบบย่อยอาหาร เรื่อง อาหารหลัก 5 หมู่ เวลา 4 ชั่วโมง ครูผู้สอน นางสาวณิชาภา เบี้ยวบรรจง ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้าและออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่างๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 2. ตัวชี้วัดชั้นปี ระบุสารอาหารและบอกประโยชน์ของสารอาหารแต่ละประเภทจากอาหารที่ตนเองรับประทาน (ว 1.2 ป.6/1) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายอาหารหลัก 5 หมู่ได้ (K) 2. มีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ (A) 5. สื่อสารและนำความรู้เรื่องอาหารหลัก 5 หมู่ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ (P) 4. สาระสำคัญ อาหารหลัก 5 หมู่ มีดังนี้ หมู่ที่ 1 ได้แก่ เนื้อสัตว์ นม ไข่ งา และถั่วชนิดต่างๆ หมู่ที่ 2 ได้แก่ ข้าว แป้ง น้ำตาล เผือก และมัน หมู่ที่ 3 ได้แก่ ผักชนิดต่างๆ หมู่ที่ 4 ได้แก่ ผลไม้ชนิดต่างๆ และหมู่ที่ 5 ได้แก่ เนย น้ำมัน และไขมันจากพืชและสัตว์ 5. สาระการเรียนรู้ สารอาหาร
6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 4. มีจิตวิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชิ้นงานหรือภาระงาน สมุดจดแบบดิจิทัล 9. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ครูดำเนินการทดสอบก่อนเรียน โดยให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อตรวจสอบความพร้อมและ พื้นฐานของนักเรียน ชั่วโมงที่ 1 – 2 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1) ครูถามคำถามนักเรียนเพื่อกระตุ้นความสนใจ เช่น – วันนี้นักเรียนรับประทานอาหารมาแล้วหรือยัง (แนวคำตอบ รับประทานอาหารมาแล้ว) – อาหารที่นักเรียนรับประทานคืออะไร และมีส่วนประกอบใดบ้าง (แนวคำตอบ แซนวิช ประกอบด้วย ขนมปัง ไข่ ซอสมะเขือเทศ แตงกวา พริกหวาน และผักกาดแก้ว) 2) นักเรียนร่วมกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำตอบ เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่อง อาหารหลัก 5 หมู่ ขั้นจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สื่อสมุดจดแบบดิจิทัล (Digital Notebook) ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
ขั้นสร้างความสนใจ 1. ครูและนักเรียนกำหนดจุดมุ่งหมายสำหรับการเรียนร่วมกัน 2. ครูและนักเรียนร่วมกันสนทนา วิเคราะห์เนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนผ่านมาแล้วให้นักเรียนช่วยกันคิด ความรู้ที่ได้จากการเรียน อาหารหลัก 5 หมู่ – ในอาหารหลัก 5 หมู่มีสารอาหารประกอบอยู่กี่ประเภท อะไรบ้าง (แนวคำตอบ 6 ประเภท ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน เกลือแร่ วิตามิน และน้ำ) – สารอาหารชนิดใดให้พลังงานแก่ร่างกาย (แนวคำตอบ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน) – สารอาหารชนิดใดไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย (แนวคำตอบ เกลือแร่ วิตามิน และน้ำ) 3. ครูให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อสมุดจดแบบดิจิทัล (Digital Notebook) จำนวน 20 ข้อ เป็นเวลา 30 นาที 4. ครูแนะนำการใช้สื่อสมุดจดแบบดิจิทัล (Digital Notebook) ผ่าน Google Jamboard ให้แก่นักเรียน ชั่วโมงที่ 3 – 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาหารหลัก 5 หมู่ ให้นักเรียนเข้าใจว่า อาหารหลัก 5 หมู่ มีดังนี้ – หมู่ที่ 1 ได้แก่ เนื้อสัตว์ นม ไข่ งา และถั่วชนิดต่างๆ ให้สารอาหารประเภทโปรตีนเป็นส่วนใหญ่ – หมู่ที่ 2 ได้แก่ ข้าว แป้ง น้ำตาล เผือก และมัน ให้สารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนใหญ่ – หมู่ที่ 3 ได้แก่ ผักชนิดต่างๆ ให้สารอาหารประเภทเกลือแร่และวิตามินเป็นส่วนใหญ่ – หมู่ที่ 4 ได้แก่ ผลไม้ชนิดต่างๆ ให้สารอาหารประเภทเกลือแร่และวิตามินเป็นส่วนใหญ่ – หมู่ที่ 5 ได้แก่ เนย น้ำมัน และไขมันจากพืชและสัตว์ ให้สารอาหารประเภทไขมันเป็นส่วนใหญ่ ขั้นประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนทำกิจกรรมโดยใช้สื่อสมุดจดแบบดิจิทัล (Digital Notebook) ผ่าน Google Jamboard เรื่อง 1) อาหารหลัก 5 หมู่ 2) หมู่อาหารและสารอาหาร (2) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และการ นำความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์ (3) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการให้ตอบคำถาม เช่น – ข้าวสาลีให้สารอาหารประเภทใดเป็นส่วนใหญ่ (แนวคำตอบ คาร์โบไฮเดรต) – แตงโมให้สารอาหารประเภทใดเป็นส่วนใหญ่ (แนวคำตอบ เกลือแร่และวิตามิน) – น้ำมันพืชให้สารอาหารประเภทใดเป็นส่วนใหญ่ (แนวคำตอบ ไขมัน) ขั้นสรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเรื่อง 1) อาหารหลัก 5 หมู่ 2) หมู่อาหารและสารอาหาร โดยใช้สื่อ สมุดจดแบบดิจิทัล (Digital Notebook) ผ่าน Google Jamboard
10. สื่อการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบก่อนจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อสมุดจดแบบดิจิทัล (Digital Notebook) 2. คู่มือการสอน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 4. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 5. สมุดจดแบบดิจิทัล (Digital Notebook) เรื่อง 1) อาหารหลัก 5 หมู่ 2) หมู่อาหารและสารอาหาร ผ่าน Google Jamboard ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 6. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 11. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ จิตวิทยาศาสตร์(A) ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) 1. ซักถามความรู้เรื่องอาหารหลัก 5 หมู่ 2. ตรวจชิ้นงานหรือภาระงานของ กิจกรรมฝึกทักษะระหว่างเรียน 3. ทดสอบก่อนเรียนโดยใช้ แบบทดสอบก่อนเรียน 1. ประเมินเจตคติทางวิทยาศาสตร์ เป็นรายบุคคลโดยการสังเกตและ ใช้แบบวัดเจตคติทาง วิทยาศาสตร์ 2. ประเมินเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ เป็นรายบุคคลโดยการสังเกตและ ใช้แบบวัดเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ 1. ประเมินทักษะการคิดโดย การสังเกตการทำงานกลุ่ม 2. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏิบัติกิจกรรมเป็นรายบุคคล หรือรายกลุ่มโดยการสังเกต การทำงานกลุ่ม
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 6 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว 16101 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 อาหารและระบบย่อยอาหาร เรื่อง สารอาหาร เวลา 4 ชั่วโมง ครูผู้สอน นางสาวณิชาภา เบี้ยวบรรจง ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิต หน่วยพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต การลำเลียงสารเข้าและออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่างๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่างๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 2. ตัวชี้วัดชั้นปี ระบุสารอาหารและบอกประโยชน์ของสารอาหารแต่ละประเภทจากอาหารที่ตนเองรับประทาน (ว1.2 ป.6/1) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายสารอาหารได้ (K) 2. มีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ (A) 5. สื่อสารและนำความรู้เรื่องสารอาหารไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ (P) 4. สาระสำคัญ สารอาหารที่อยู่ในอาหารมี 6 ประเภท ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน เกลือแร่ วิตามิน และน้ำ 5. สาระการเรียนรู้ สารอาหาร 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งมั่นในการทำงาน 4. มีจิตวิทยาศาสตร์
7. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชิ้นงานหรือภาระงาน สื่อสมุดจดแบบดิจิทัล (Digital Notebook) 9. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 – 2 ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1) ครูให้นักเรียนทบทวนความรู้เดิมที่ได้เรียนรู้มาแล้ว โดยใช้คำถามต่อไปนี้ – ในอาหารที่นักเรียนรับประทานแต่ละวัน มีสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่หรือไม่ (แนวคำตอบ ครบทั้ง 5 หมู่) – ยกตัวอย่างอาหารที่มีสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ (แนวคำตอบ ข้าวผัดสับปะรด) 2) นักเรียนร่วมกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำตอบ เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้ ขั้นจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้สื่อสมุดจดแบบดิจิทัล (Digital Notebook) ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูถามคำถามนักเรียนเพื่อกระตุ้นความสนใจ เช่น – อาหารคืออะไร (แนวคำตอบ สิ่งที่รับประทานเข้าไปแล้วเกิดประโยชน์ต่อร่างกาย) – สารอาหารคืออะไร (แนวคำตอบ สารเคมีที่อยู่ในอาหาร เมื่อรับประทานอาหารเข้าสู่ร่างกายแล้ว ร่างกายจะได้รับพลังงานจากสารอาหารต่างๆ ในปริมาณที่แตกต่างกัน) (2) นักเรียนร่วมกันอภิปรายหาคำตอบเกี่ยวกับคำถามตามความคิดเห็นของแต่ละคน ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) (1) นักเรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหน้าห้องเรียน (2) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวคำถาม เช่น – ร่างกายได้รับพลังงานสำหรับนำไปใช้ในการปฏิบัติกิจกรรมต่างๆ จากสารอาหารประเภทใด (แนวคำตอบ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน) – สารอาหารใดไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย แต่ช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ (แนวคำตอบ เกลือแร่ วิตามิน และน้ำ)
(3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า สารอาหาร แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ สารอาหารที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมัน และ สารอาหารที่ไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย ได้แก่ เกลือแร่ วิตามิน และน้ำ ชั่วโมงที่ 3 – 4 ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับสารอาหาร ให้นักเรียนเข้าใจว่า อาหารแต่ละชนิดประกอบด้วยสารอาหาร ที่แตกต่างกัน อาหารบางชนิดมีสารอาหารประเภทเดียว เช่น น้ำมันมะพร้าวมีสารอาหารประเภทไขมันประเภท เดียว อาหารบางชนิดมีสารอาหารมากกว่า 1 ประเภท เช่น นมถั่วเหลืองมีสารอาหารครบทั้ง 6 ประเภท (2) นักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับสารอาหารจากหนังสือเรียนภาษาต่างประเทศหรือ อินเทอร์เน็ต และนำเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง คัดคำศัพท์พร้อมทั้งคำแปลลงสมุดส่งครู ขั้นประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรม มีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เข้าใจหรือยังมีข้อสงสัย ถ้ามี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรียนเข้าใจ (2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้มีการแก้ไขอย่างไร บ้าง (3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และการ นำความรู้ที่ได้ไปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยการให้ตอบคำถาม เช่น – สารอาหารในอาหารแต่ละชนิดมีปริมาณแตกต่างกันหรือไม่ เพราะอะไร (แนวคำตอบ แตกต่าง กัน เพราะอาหารแต่ละชนิดประกอบด้วยสารอาหารในสัดส่วนที่แตกต่างกัน) – ยกตัวอย่างอาหารที่มีสารอาหารประเภทเดียว (แนวคำตอบ น้ำมันถั่วเหลือง) – ยกตัวอย่างอาหารที่มีสารอาหารมากกว่า 1 ประเภท (แนวคำตอบ โยเกิร์ตมีสารอาหารครบทั้ง 6 ประเภท) ขั้นสรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับสารอาหาร โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือผังมโนทัศน์ ผ่าน Google Jamboard 10. สื่อการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบก่อนจัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อสมุดจดแบบดิจิทัล (Digital Notebook) 2. คู่มือการสอน วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 4. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
5. สมุดจดแบบดิจิทัล (Digital Notebook) เรื่อง 3) การแยกประเภทและประโยชน์ของสารอาหาร ผ่าน Google Jamboard ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 6. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 11. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ จิตวิทยาศาสตร์(A) ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) 1. ซักถามความรู้เรื่องสารอาหาร 2. ตรวจชิ้นงานหรือภาระงานของ กิจกรรมฝึกทักษะระหว่างเรียน 1. ประเมินเจตคติทางวิทยาศาสตร์ เป็นรายบุคคลโดยการสังเกตและ ใช้แบบวัดเจตคติทาง วิทยาศาสตร์ 2. ประเมินเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ เป็นรายบุคคลโดยการสังเกตและ ใช้แบบวัดเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ 1. ประเมินทักษะการคิดโดย การสังเกตการทำงานกลุ่ม 2. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏิบัติกิจกรรมเป็นรายบุคคล หรือรายกลุ่มโดยการสังเกต การทำงานกลุ่ม
แบบทดสอบ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 อาหารและการย่อยอาหาร เรื่อง สารอาหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโรงเรียนเทศบาลวัดเกตการาม รายวิชาวิทยาศาสตร์(ว 16101) เวลา 30 นาที คะแนนเต็ม 20 คะแนน คำชี้แจง ให้นักเรียนทำเครื่องหมาย X ลงในกระดาษคำตอบ โดยเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงคำตอบเดียว 1. อาหารข้อใดที่ให้สารอาหารแตกต่างจากข้ออื่น ก. เส้นหมี่ ข. ขนมปัง ค. ข้าวสวย ง. นมถั่วเหลือง 2. ข้อใดไม่ใช่สารอาหารที่อยู่ในหมู่ที่ 1 ก. เนื้อหมู ข. ข้าวเหนียว ค. ไข่ดาว ง. นมเปรี้ยว 3. สารอาหารข้อใดช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของ ร่างกาย ก. คาร์โบไฮเดรต ข. โปรตีน ค. น้ำ ง. ไขมัน 4. ขนมปัง ให้สารอาหารประเภทใด ก. โปรตีน ข. คาร์โบไฮเดรต ค. เกลือแร่ ง. วิตามิน 5. เนื้อไก่และนม ให้สารอาหารประเภทใดต่อร่างกาย ก. โปรตีน ข. วิตามิน ค. เกลือแร่ ง. ไขมัน 6. สารอาหาร หมายถึงอะไร ก. สิ่งที่ให้พลังงาน ข. สิ่งที่ไม่ให้พลังงาน ค. สารเคมีที่เป็นองค์ประกอบของอาหาร ง. สิ่งที่กินได้และก่อให้เกิดประโยชน์กับร่างกาย 7. "ไขมัน" มีประโยชน์อย่างไรกับร่างกาย ก. ให้ความอบอุ่นต่อร่างกาย ข. ให้ความกระฉับกระเฉงต่อร่างกาย ค. ให้ความคล่องแคล่วต่อร่างกาย ง. ให้ความอวบอิ่มต่อร่างกาย 8. อาหารชนิดใดให้สารอาหารที่ช่วยซ่อมแซมส่วนที่ สึกหรอของร่างกายได้ดีที่สุด ก. แกงผักหวาน ข. สลัดผัก ค. เป็ดย่าง ง. ข้าวโพดต้ม 9. ถ้าสุดสวยเหนื่อยล้าจากการออกกำลังกาย สมชาย ต้องนำอาหารประเภทใดมาให้สุดสวย ก. นมเปรี้ยว ข. น้ำส้มคั้น ค. น้ำเปล่า ง. น้ำอัดลม 10. ผัดเปรี้ยวหวานใส่กุ้ง มีสารอาหารมากมาย ยกเว้นข้อใด ก. คาร์โบไฮเดรต ข. วิตามิน ค. ไขมัน ง. โปรตีน 11. ถ้าต้องการให้คุณยายสุขภาพดี นักเรียนควรหลีกเลี่ยง อาหารประเภทใดที่จะให้คุณยาย ก. ผัดผักรวมมิตร ข. ข้าวผัดหมูใส่ผักคะน้า ค. ผัดเปรี้ยวหวานใส่กุ้ง ง. ไก่ชุบแป้งทอด
12. ไขมัน" มีประโยชน์อย่างไรกับร่างกาย ก. ให้ความอบอุ่นต่อร่างกาย ข. ให้ความกระฉับกระเฉงต่อร่างกาย ค. ให้ความคล่องแคล่วต่อร่างกาย ง. ให้ความอวบอิ่มต่อร่างกาย 13. วิตามินและเกลือแร่พบมากที่สุดในอาหารประเภทใด ก. เนื้อวัว ข. นมถั่วเหลือง ค. ข้าวผัด ง. แอปเปิ้ล 14. อาหารที่ไม่ให้พลังงานคือข้อใด ก. คาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน ข. เกลือแร่ วิตามิน ไขมัน ค. ไขมัน น้ำ คาร์โบไฮเดรต ง. วิตามิน เกลือแร่ น้ำ 15. ถ้าต้องการให้กระดูกและฟันแข็งแรง นักเรียนต้อง รับประทานอาหารประเภทใด ก. น้ำอัดลม ข. ข้าวต้มหมู ค. นมสด ง. กล้วยแขก 16. นักเรียนอยู่ในวัยเจริญเติบโต สารอาหารประเภท ใดที่จำเป็นน้อยที่สุด ก. โปรตีน ข. คาร์โบไฮเดรต ค. วิตามิน ง. ซิงค์ 17. เนื้อหมูให้สารอาหารใด ก. โปรตีน ไขมัน ข. วิตามิน เกลือแร่ ค. คาร์โบไฮเดรต โซเดียม ง. โปรตีน คาร์โบไฮเดรต 18. อาหารกลุ่มใดมีสารอาหารชนิดเดียวกันทั้งหมด ก. เนื้อหมู มันหมู ไข่ขาว ข. เนื้อปลา ข้าวเหนียว เต้าหู้ ค. นมสด น้ำตาลทราย น้ำมันพืช ง. ข้าวจ้าว ข้าวเหนียว นมข้นหวาน 19. ใครน่าจะต้องการสารอาหารคาร์โบไฮเดรตมากที่สุด ก. ยิ้มชอบเล่นคอมพิวเตอร์ ข. หวานชอบวาดภาพ ค. น้ำชอบอ่านหนังสือ ง. ตาลชอบเล่นกีฬา 20. จากข้อมูลในตาราง ใครรับประทานอาหารได้ครบทุกหมู่ นักเรียน ชนิดอาหารที่รับประทานในแต่ละมื้อ เช้า กลางวัน เย็น อาหารว่าง A หมี่กรอบ ข้าวหมกไก่ ข้าวขาหมู ชานม B ไส้กรอกทอด ข้าวหมูทอด ข้าวเหนียวไก่ย่าง ขนมจีบ C ข้าวไข่เจียว ข้าวหมูแดง ข้าวไข่พะโล้ ซาลาเปาไส้หมูสับ D ข้าวไข่เจียว เส้นใหญ่ราดหน้าหมู ข้าวแกงจืดตำลึงเต้าหู้ไข่ไก่ สับปะรด ก. A ข. B ค. C ง. D
เฉลย แบบทดสอบ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 อาหารและการย่อยอาหาร เรื่อง สารอาหาร ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโรงเรียนเทศบาลวัดเกตการาม รายวิชาวิทยาศาสตร์(ว 16101) เวลา 30 นาที คะแนนเต็ม 20 คะแนน คำชี้แจง ให้นักเรียนทำเครื่องหมาย X ลงในกระดาษคำตอบ โดยเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงคำตอบเดียว 1. อาหารข้อใดที่ให้สารอาหารแตกต่างจากข้ออื่น ก. เส้นหมี่ ข. ขนมปัง ค. ข้าวสวย ง. นมถั่วเหลือง 2. ข้อใดไม่ใช่สารอาหารที่อยู่ในหมู่ที่ 1 ก. เนื้อหมู ข. ข้าวเหนียว ค. ไข่ดาว ง. นมเปรี้ยว 3. สารอาหารข้อใดช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของ ร่างกาย ก. คาร์โบไฮเดรต ข. โปรตีน ค. น้ำ ง. ไขมัน 4. ขนมปัง ให้สารอาหารประเภทใด ก. โปรตีน ข. คาร์โบไฮเดรต ค. เกลือแร่ ง. วิตามิน 5. เนื้อไก่และนม ให้สารอาหารประเภทใดต่อร่างกาย ก. โปรตีน ข. วิตามิน ค. เกลือแร่ ง. ไขมัน 6. สารอาหาร หมายถึงอะไร ก. สิ่งที่ให้พลังงาน ข. สิ่งที่ไม่ให้พลังงาน ค. สารเคมีที่เป็นองค์ประกอบของอาหาร ง. สิ่งที่กินได้และก่อให้เกิดประโยชน์กับร่างกาย 7. "ไขมัน" มีประโยชน์อย่างไรกับร่างกาย ก. ให้ความอบอุ่นต่อร่างกาย ข. ให้ความกระฉับกระเฉงต่อร่างกาย ค. ให้ความคล่องแคล่วต่อร่างกาย ง. ให้ความอวบอิ่มต่อร่างกาย 8. อาหารชนิดใดให้สารอาหารที่ช่วยซ่อมแซมส่วนที่ สึกหรอของร่างกายได้ดีที่สุด ก. แกงผักหวาน ข. สลัดผัก ค. เป็ดย่าง ง. ข้าวโพดต้ม 9. ถ้าสุดสวยเหนื่อยล้าจากการออกกำลังกาย สมชาย ต้องนำอาหารประเภทใดมาให้สุดสวย ก. นมเปรี้ยว ข. น้ำส้มคั้น ค. น้ำเปล่า ง. น้ำอัดลม 10. ผัดเปรี้ยวหวานใส่กุ้ง มีสารอาหารมากมาย ยกเว้นข้อใด ก. คาร์โบไฮเดรต ข. วิตามิน ค. ไขมัน ง. โปรตีน 11. ถ้าต้องการให้คุณยายสุขภาพดี นักเรียนควรหลีกเลี่ยง อาหารประเภทใดที่จะให้คุณยาย ก. ผัดผักรวมมิตร ข. ข้าวผัดหมูใส่ผักคะน้า ค. ผัดเปรี้ยวหวานใส่กุ้ง ง. ไก่ชุบแป้งทอด
12. "น้ำ" มีประโยชน์อย่างไรกับร่างกาย ก. ให้ความอบอุ่นต่อร่างกาย ข. ให้ความกระฉับกระเฉงต่อร่างกาย ค. ให้ความคล่องแคล่วต่อร่างกาย ง. ช่วยขับของเสียออกจากร่ายกาย 13. วิตามินและเกลือแร่พบมากที่สุดในอาหารประเภทใด ก. เนื้อวัว ข. นมถั่วเหลือง ค. ข้าวผัด ง. แอปเปิ้ล 14. อาหารที่ไม่ให้พลังงานคือข้อใด ก. คาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน ข. เกลือแร่ วิตามิน ไขมัน ค. ไขมัน น้ำ คาร์โบไฮเดรต ง. วิตามิน เกลือแร่ น้ำ 15. ถ้าต้องการให้กระดูกและฟันแข็งแรง นักเรียนต้อง รับประทานอาหารประเภทใด ก. น้ำอัดลม ข. ข้าวต้มหมู ค. นมสด ง. กล้วยแขก 16. นักเรียนอยู่ในวัยเจริญเติบโต สารอาหารประเภท ใดที่จำเป็นน้อยที่สุด ก. โปรตีน ข. คาร์โบไฮเดรต ค. วิตามิน ง. ซิงค์ 17. เนื้อหมูให้สารอาหารใด ก. โปรตีน ไขมัน ข. วิตามิน เกลือแร่ ค. คาร์โบไฮเดรต โซเดียม ง. โปรตีน คาร์โบไฮเดรต 18. อาหารกลุ่มใดมีสารอาหารชนิดเดียวกันทั้งหมด ก. เนื้อหมู มันหมู ไข่ขาว ข. เนื้อปลา ข้าวเหนียว เต้าหู้ ค. นมสด น้ำตาลทราย น้ำมันพืช ง. ข้าวจ้าว ข้าวเหนียว เผือก 19. ใครน่าจะต้องการสารอาหารคาร์โบไฮเดรตมากที่สุด ก. ยิ้มชอบเล่นคอมพิวเตอร์ ข. หวานชอบวาดภาพ ค. น้ำชอบอ่านหนังสือ ง. ตาลชอบเล่นกีฬา 20. จากข้อมูลในตาราง ใครรับประทานอาหารได้ครบทุกหมู่ นักเรียน ชนิดอาหารที่รับประทานในแต่ละมื้อ เช้า กลางวัน เย็น อาหารว่าง A หมี่กรอบ ข้าวหมกไก่ ข้าวขาหมู ชานม B ไส้กรอกทอด ข้าวหมูทอด ข้าวเหนียวไก่ย่าง ขนมจีบ C ข้าวไข่เจียว ข้าวหมูแดง ข้าวไข่พะโล้ ซาลาเปาไส้หมูสับ D ข้าวไข่เจียว เส้นใหญ่ราดหน้าหมู ข้าวแกงจืดตำลึงเต้าหู้ไข่ไก่ สับปะรด ก. A ข. B ค. C ง. D