44
บ่งการท่ี 3 - นกั เรียนทาการยทุ ธ์ต่อไป เช่น ไล่ติดตาม ปิดล้อมตรวจการ ตามภารกจิ ทไ่ี ดร้ บั
มอบหมายของหนว่ ยนั้นๆ
- การชว่ ยเหลือผ้บู าดเจ็บ เช่น การรายงานยอด การรายงานขอการสง่ กลบั จากหน่วยเหนอื
(จานวนผบู้ าดเจ็บ นั่ง/นอนกี่ราย, ชนิดของการบาดเจ็บ เป็นตน้ )
การรายงานรอ้ งขอการช่วยเหลือจากหน่วยเหนอื ( Tactical Evacuation Care)
- การลาเลยี งผ้บู าดเจ็บ - อ้มุ เดย่ี ว และอุ้มคู่
- การใชเ้ ปลดัดแปลง
อาจารย์ ดกู ารปฏบิ ัติ
- ดูการร้องขอต่าง ๆ เช่น การส่งกลับ การชว่ ยเหลือของหน่วยเหนือ
การยุทธ์ของหนว่ ยน้ัน ๆ การอ้มุ
หมายเหตุ การปฏบิ ตั ิ จัดเปน็ ชุด ๆ สลบั ผลัดเปลี่ยนกันทาจนครบทุกชุด หากมเี วลาใหม้ ีการสลับ
ตาแหนง่ ในแตล่ ะชดุ แลว้ ทาการปฏิบตั ิซ้าเพื่อความเข้าใจมากขน้ึ
- เมอ่ื ครบทกุ ชดุ แลว้ ให้มาทบทวนการฝกึ หลังการปฏบิ ตั เิ สรจ็
- ให้มกี ารวจิ ารณ์การฝึก - แจกแบบประเมนิ การฝกึ
- สรุปการฝกึ
- ปดิ การฝึก
45
รายการตรวจสอบการปฏบิ ตั ิ (Check list)
ทักษะ : การดูแลระหวา่ งการปะทะ (Care Under Fire)
ลาดับ รายการปฏบิ ตั ิ ผา่ น ไมผ่ า่ น หมายเหตุ
1. การหลบเขา้ ที่กาบัง
2. ทาการยงิ โตต้ อบ ยงิ กดดนั ตามการดาเนนิ กลยุทธข์ องหนว่ ย
3. ป้องกนั ไม่ให้ผู้บาดเจบ็ ได้รบั การบาดเจ็บเพมิ่ ข้นึ
4. แนะนาใหผ้ บู้ าดเจบ็ หลบเขา้ ท่ีกาบังทาการยงิ โตต้ อบ
และปฐมพยาบาลตนเอง
5. ถา้ ผบู้ าดเจ็บ แขน ขา ขาด หรือเลอื ดออกมาก แนะนาใหผ้ ู้บาดเจ็บ
ใช้อุปกรณห์ า้ มเลอื ดเหนือตน้ แขน-หรอื ตน้ ขาทันที (Self-aid)
6. รายงานสถานการณ์ใหห้ วั หน้าชดุ ได้รบั ทราบ
7. หลงั การปะทะ ผู้ทาการชว่ ยเหลอื เชงิ ยทุ ธวธิ ีสามารถเขา้ ไป
ทาการชว่ ยเหลอื ผ้บู าดเจ็บได้ (Buddy aid)
รายการปฏบิ ตั ิ ต้องผา่ นทุกขน้ั ตอน ผา่ น ไมผ่ า่ น
ขอ้ เสนอแนะ...........................................................................................................................
..............................................................................................................................................
............................................................................................................................. .................
ผปู้ ระเมนิ ...............................................
46
รายการตรวจสอบการปฏบิ ตั ิ (Check list)
ทักษะ การดูแลในพนื้ ทหี่ ลงั จากการปะทะ (Tactical Field Care)
อุปกรณ์ 1. สายยางรัดหา้ มเลอื ด 2. ผ้าแต่งแผล 3. ผา้ พนั แผลม้วนแบบยืดได้ 4. ผ้าคราวาท (Cravat)
ลาดบั รายการปฏบิ ตั ิ ผา่ น ไมผ่ า่ น หมายเหตุ
1. ประเมินบาดแผลวา่ ตอ้ งทาการหา้ มเลอื ดเพม่ิ เติมหรอื ไม่
2. ถ้าจาเป็นใชส้ ายยางรัดหา้ มเลือดอันท่สี องรดั เหนือสายยางรัดอนั แรก
3. ถ้าไมจ่ าเป็นตอ้ งใช้สายยางรดั ห้ามเลือด ใหใ้ ช้วิธหี ้ามเลอื ดวิธี
อน่ื ๆ เช่น พันแผลด้วยผ้าแตง่ แผล ผ้าพันแผลม้วนแบบยดื ได้
และผ้าคราวาท (Cravat)
4. ประเมินระดับการรสู้ ติของผู้บาดเจบ็ ดว้ ยหลกั AVPU
รายการปฏบิ ตั ิ ต้องผา่ นทกุ ขน้ั ตอน ผา่ น ไมผ่ า่ น
ข้อเสนอแนะ...........................................................................................................................
............................................................................................................................. .................
..............................................................................................................................................
ผปู้ ระเมนิ ...............................................
47
รายการตรวจสอบการปฏบิ ตั ิ(Check list)
ทักษะ การใชส้ ายรดั หา้ มเลอื ดทแ่ี ขน ขา
อปุ กรณ์ สายยางรดั ห้ามเลอื ด
ลาดบั รายการปฏบิ ตั ิ ผา่ น ไมผ่ า่ น หมายเหตุ
1. ยดื สายยางรัดออกให้มากทสี่ ุดแลว้ รัดบริเวณต้นแขนหรอื ตน้ ขา
ห้ามคลายสายยางรัดออกโดยเดด็ ขาดจนกวา่ จะถึงมือแพทย์
2. เขียนตวั T ( Tourniquet) ที่หนา้ ผากผบู้ าดเจ็บ
3. บนั ทกึ เวลารดั สายยางรัดหา้ มเลือดไว้ในบรเิ วณท่ที ี่เจ้าหนา้ ทแ่ี พทย์
สามารถมองเหน็ ไดง้ ่าย
4. ถ้าเลอื ดไม่หยุดไหลใหใ้ ชส้ ายยางรัดเส้นท่ี 2 รดั เพิ่ม เหนือ
สายยางรดั หา้ มเลือดอนั แรกประมาณหนึ่งฝา่ มือ
รายการปฏบิ ตั ิ ตอ้ งผา่ นทกุ ขน้ั ตอน ผา่ น ไมผ่ า่ น
ขอ้ เสนอแนะ...........................................................................................................................
............................................................................................................................. .................
............................................................................................................................. .................
ผปู้ ระเมนิ ...............................................
48
รายการตรวจสอบการปฏบิ ตั ิ (Check list)
ทกั ษะ การใชก้ ารขนั ชะเนาะแบบแสวงเคร่อื งกบั บาดแผลเปดิ ทแี่ ขน ขา
อุปกรณ์ ผา้ สามเหลีย่ ม และไม้
ลาดบั รายการปฏบิ ตั ิ ผา่ น ไมผ่ า่ น หมายเหตุ
1. การทาแถบผา้ มีความกว้างไม่ต่ากว่า 2 นิว้
2. วางขนั ชะเนาะแบบแสวงเครื่องรอบต้นแขน-ตน้ ขา
3. ทาการผกู ปม แล้ววางไม้ขนั บนปมผ้าน้ัน
4. ทาการผูกทบปมเหนือไมใ้ หแ้ น่น
5. ทาการหมนุ ไม้ขันเพื่อขนั ชะเนาะแบบแสวงเครือ่ งใหแ้ น่น
จนกระทงั่ เลอื ดหยดุ ไหล
6. ยึดไมข้ นั เพื่อกันไมใ่ ห้ขันชะเนาะแบบแสวงเคร่อื งคลายเกลียว
โดยใชแ้ ถบผา้ หรือเทปพนั รอบแขนขา ถ้าใช้แถบผา้ พนั ให้
ผกู หางผา้ ใหแ้ น่น
7. ทาเครือ่ งหมาย T ( Tourniquet) ลงบนหนา้ ผากผู้บาดเจ็บและ
ลงเวลาท่ีรัดสายรดั ห้ามเลอื ดแบบแสวงเครอ่ื ง
รายการปฏบิ ตั ิ ต้องผา่ นทุกขนั้ ตอน ผา่ น ไมผ่ า่ น
ขอ้ เสนอแนะ...........................................................................................................................
............................................................................................................................. .................
..............................................................................................................................................
ผปู้ ระเมนิ ...............................................
49
รายการตรวจสอบ (Check list)
ทักษะ การใชผ้ า้ แตง่ แผลในสนามรบกบั บาดแผลเปดิ ท่ี แขน ขา
อุปกรณ์ ผ้าแตง่ แผล
ลาดบั รายการปฏบิ ตั ิ ผา่ น ไมผ่ า่ น หมายเหตุ
1. คน้ หาบาดแผลบริเวณ แขน ขา
2. ตรวจบาดแผลท้งั ทางเข้า และทางออก
3. แกะผ้าแต่งแผลออกจากกล่องกระดาษ และ ห่อพลาสติกโดย
ไม่ทาให้ ดา้ นสีขาวปนเปือ้ น
4. ใชม้ ือแตล่ ะขา้ งจบั หางผา้ แต่ละข้าง ถอื ผ้าไว้เหนือบาดแผล
โดยควา่ ดา้ นสีขาว เข้าหาบาดแผล
5. พนั ผ้าแต่งแผลให้แนน่ โดยให้หางผ้ากดลงบนขอบผ้าแต่งแผล
ทัง้ ด้านบน และดา้ นล่าง
6. ผกู หางผ้าใหเ้ ปน็ เง่ือนตายบนขอบผ้าดา้ นหน่ึงของผ้าท่ีไม่ใช่
บนบาดแผล
รายการปฏบิ ตั ิ ต้องผา่ นทกุ ขน้ั ตอน ผา่ น ไมผ่ า่ น
ข้อเสนอแนะ...........................................................................................................................
...................................................................................................................... ........................
............................................................................................................................. .................
ผปู้ ระเมนิ ...............................................
50
รายการตรวจสอบการปฏบิ ตั ิ (Check list)
การใชผ้ า้ พนั แผลมว้ นแบบยดื (Elastic bandage) ไดเ้ พอ่ื ชว่ ยในการห้ามเลอื ดสาหรบั บาดแผลทแี่ ขน ขา
อปุ กรณ์ ผ้าพนั แผลมว้ นแบบยดื ได้
ลาดับ รายการปฏบิ ตั ิ ผา่ น ไมผ่ า่ น หมายเหตุ
1. จับถือม้วนผา้ พันแผลแบบยืดได้ ต้องถือหงายมว้ นผ้าบนฝ่ามือ
2. พนั ยึดจุดเริ่มตน้ ของปลายม้วนผา้ วางปลายของผ้าลงบนฝ่ามือขวา
ปล่อยใหป้ ลายนนั้ อยบู่ นส่วนท่จี ะพันผ้าและปลายผา้ พับข้ึนได้
ต้องเรมิ่ ต้นจากส่วนปลายไปยังโคน หรือ จากเล็กไปใหญ่
3. ข้ึนผ้าด้วยการพับปลายผา้ ลงเพ่อื เป็นการลอ็ กผ้าไม่ให้หลดุ แลว้
พนั ทับอกี รอบหนง่ึ ก็เป็นการทาใหจ้ ุดเรมิ่ ตน้ ของผ้าพันแผลอยูก่ บั ที่
4. ทาการพนั เป็นเกลียวขนึ้ มาบนมอื รอบแขน ขาโดยให้ผา้ พนั แผล
พันทบั กนั เหลอื เศษหนึง่ ส่วนสามของผา้ เพื่อให้เหลอื สว่ น
สาหรบั การยึดตรงึ
5. ผกู เงอื่ นทับไว้พันปลายผ้าพนั แผลกลบั มาแล้วคลใ่ี ห้รอบส่วนนัน้
ทาให้เกดิ ปลายทจี่ ะผูกขน้ึ สองปลาย(การจบผา้ แบบท่ี 1)
6. แล้วจึงผูกปมส่เี หลี่ยมทับบนผ้าพันแผลทไ่ี ด้พนั ไว้หรอื ตัดแยกปลาย
ของผา้ พันแผลออกเป็นสองแฉก ผกู ใหแ้ นน่ (การจบผา้ แบบที่ 2)
รายการปฏบิ ตั ิ ต้องผา่ นทุกขนั้ ตอน ผา่ น ไมผ่ า่ น
ข้อเสนอแนะ...........................................................................................................................
............................................................................................................................. .................
.............................................................................................................................. ................
ผปู้ ระเมนิ ...............................................
51
รายการตรวจสอบการปฏบิ ตั ิ (Check list) ผา่ น ไมผ่ า่ น หมายเหตุ
ทักษะการลาเลยี งผู้บาดเจบ็ ดว้ ยมือ และเปลดดั แปลง
ลาดบั รายการปฏบิ ตั ิ
1. ทา่ อมุ้ แบก
- การเข้าหาผ้บู าดเจ็บ เข้าทางด้านท่ีมบี าดแผล
- นงั่ ตั้งเขา่ ไปทางด้านศีรษะของผบู้ าดเจ็บ
-ทาการตรวจรา่ งกายซ้าอีกรอบและจัดท่าผู้บาดเจบ็ ใหอ้ ยู่ในท่านอนหงาย
- ทาการยกผ้บู าดเจ็บตามขนั้ ตอน โดยใหผ้ ู้บาดเจบ็ อยูซ่ า้ ยมอื ของผู้อุ้ม
- ยกลาตวั ผบู้ าดเจ็บจากพน้ื สว่ นมืออีกขา้ งจะปลอ่ ยวา่ งไว้
2. ทา่ อมุ้ พยงุ
- การเข้าหาผูบ้ าดเจบ็ เข้าทางด้านทมี่ บี าดแผล
- นั่งตง้ั เข่าไปทางด้านศรี ษะของผบู้ าดเจบ็
-ทาการตรวจรา่ งกายซ้าอีกรอบและจดั ท่าผู้บาดเจ็บให้อยู่ในทา่ นอนหงาย
- ทาการยกผ้บู าดเจบ็ ตามขน้ั ตอน โดยใหผ้ ู้บาดเจ็บอยู่ซ้ายมอื ของผู้อุม้
- ออกคาสงั่ สาหรับการเดนิ
3. ทา่ อมุ้ กอดหนา้
- การเขา้ หาผูบ้ าดเจ็บ เขา้ ทางด้านท่ีมบี าดแผล
- นง่ั ตง้ั เขา่ ไปทางด้านศีรษะของผบู้ าดเจ็บ
-ทาการตรวจรา่ งกายซา้ อีกรอบและจดั ทา่ ผบู้ าดเจ็บให้อยู่ในทา่ นอนหงาย
- ทาการยกผู้บาดเจ็บตามขนั้ ตอน โดยใหผ้ บู้ าดเจบ็ อย่ซู ้ายมอื ของผู้อุ้ม
- ตั้งท่าให้ดแี ล้วยกผู้บาดเจ็บขนึ้ มาแนบอก
4. ทา่ อมุ้ ลากด้วยคอ
- การเข้าหาผู้บาดเจ็บ ดา้ นใดก็ได้
- ทาการตรวจรา่ งกายซ้า และทาการปฐมพยาบาลเพิ่มเติม
- สั่งใหผ้ ้บู าดเจ็บกอดคอผูป้ ฏบิ ัติ ถา้ ผ้บู าดเจ็บหมดสติใหใ้ ช้เชือกหรือผ้า
คราวาทผกู ข้อมือผูบ้ าดเจบ็ ให้แนน่ แลว้ คลอ้ งคอผู้ปฏิบตั ิ
- ทาการลากผบู้ าดเจ็บไปยงั ทปี่ ลอดภยั
รายการปฏบิ ตั ิ ต้องผา่ นทกุ ขน้ั ตอน ผา่ น ไมผ่ า่ น
ข้อเสนอแนะ...........................................................................................................................
..............................................................................................................................................
ผปู้ ระเมนิ ...............................................
52
ลาดับ รายการปฏบิ ตั ิ ผา่ น ไมผ่ า่ น หมายเหตุ
1. ท่าอมุ้ คพู่ ยุง
- ผู้ปฏิบัติหมายเลข 1 ท่ีอย่ดู า้ นขวามือ ส่ังการเขา้ หาผบู้ าดเจบ็ ผปู้ ฏิบตั ิ
หมายเลข 1 เข้าหาด้านทม่ี บี าดแผล
- นั่งตง้ั เขา่ ไปทางด้านศรี ษะของผ้บู าดเจ็บ
- ทาการตรวจรา่ งกาย และจัดทา่ ผบู้ าดเจ็บ ยกผู้บาดเจ็บมานงั่ ตรงเขา่
- ส่งั ผบู้ าดเจบ็ ลกุ และผ้ปู ฏิบัติยนื เคียงข้าง
- สัง่ เดนิ ดูการก้าวเทา้ ของผู้ปฏบิ ตั ิ โดยกา้ วผู้ปฏิบัตกิ ้าวเท้าขวาออกก่อน
2. ท่าอมุ้ คู่กอดหลัง
- ผปู้ ฏบิ ัติหมายเลข 1 ทีอ่ ยู่ด้านขวามอื สัง่ การเข้าหาผูบ้ าดเจบ็ ผู้ปฏิบตั ิ
หมายเลข 1 เข้าหาด้านทม่ี บี าดแผล
- นัง่ ตงั้ เขา่ ไปทางดา้ นศีรษะของผบู้ าดเจ็บ
- ทาการตรวจร่างกาย และจัดท่าผูบ้ าดเจ็บ
-สงั่ เตรียมยกผ้บู าดเจบ็ โดยใหห้ มายเลข 1 ดนั ผ้บู าดเจบ็ ข้นึ มานั่ง
หมายเลข 2 แยกขาผู้บาดเจ็บออก แล้วนั่งระหวา่ งขาท้ังสองด้าน หนั หนา้
ไปทางปลายเทา้
- หมายเลข 1 และ 2 ทาการจับผูบ้ าดเพือ่ เตรยี มการยกข้ึน
- หมายเลข 1 สงั่ ยก หลังจากนน้ั ทงั้ 2 หมายเลขยืนขึ้น
- หมายเลข 1 และ 2 ก้าวเท้าซ้ายออกไปขา้ งหน้าพร้อมกนั
รายการปฏบิ ตั ิ ตอ้ งผา่ นทกุ ขนั้ ตอน ผา่ น ไมผ่ า่ น
ข้อเสนอแนะ...........................................................................................................................
............................................................................................................................. .................
..............................................................................................................................................
ผปู้ ระเมนิ ...............................................
53
ลาดับ รายการปฏบิ ตั ิ ผา่ น ไมผ่ า่ น หมายเหตุ
3. ทา่ อมุ้ คูจ่ บั มือ
- ผปู้ ฏิบตั ิหมายเลข 1 ท่ีอยูด่ ้านขวามือ ส่ังการเขา้ หาผบู้ าดเจ็บ ผปู้ ฏิบตั ิ
หมายเลข 1 เข้าหาด้านที่มบี าดแผล
- นง่ั ตั้งเขา่ ไปทางดา้ นศีรษะของผบู้ าดเจบ็
- ทาการตรวจร่างกาย และจัดทา่ ผู้บาดเจบ็
- หมายเลข 1 สงั่ เตรียมยกผู้บาดเจบ็ หลงั จากนั้นสง่ั ยก ให้ยกผูบ้ าดเจบ็
ขึน้ มาน่ังบนเข่าของทั้งสองหมายเลข
- เมื่อพรอ้ มแล้วหมายเลข 1 สั่ง ลกุ โดยใหห้ มายเลข 1 และ หมายเลข 2
เอามือจับกันเปน็ มัดข้าวต้ม
- หมายเลข 1 และ 2 ก้าวเท้าดา้ นนอกออกไปข้างหน้าพร้อมกนั
4. ท่าอุ้มคู่ประสานแคร่
- ผ้ปู ฏบิ ัตหิ มายเลข 1 ทอี่ ย่ดู ้านขวามอื สง่ั การเขา้ หาผูบ้ าดเจ็บ ผูป้ ฏิบตั ิ
หมายเลข 1 เขา้ หาด้านทีม่ บี าดแผล
- นัง่ ตั้งเขา่ ไปทางดา้ นศรี ษะของผบู้ าดเจบ็
- ทาการตรวจรา่ งกาย และจัดท่าผบู้ าดเจบ็
- เมือ่ พร้อมแลว้ หมายเลข 1 สงั่ ลกุ โดยให้หมายเลข 1 และ หมายเลข 2
เอามือขวาจบั ที่ขอ้ มือด้านซา้ ย หลงั จากนั้นเอามือซา้ ยไปประสานกันเป็น
แคร่ หลังจากนนั้ นามาวางด้านหนา้ ชิดกบั เข่า สง่ั ให้ผู้บาดเจบ็ เล่ือนลงมา
น่งั
- หมายเลข 1 และ 2 ก้าวเท้าดา้ นนอกออกไปขา้ งหน้าพร้อมกัน
รายการปฏบิ ตั ิ ต้องผา่ นทุกขนั้ ตอน ผา่ น ไมผ่ า่ น
ข้อเสนอแนะ...........................................................................................................................
........................................................................................... ...................................................
............................................................................................................................. .................
ผปู้ ระเมนิ ...............................................
54
ลาดบั รายการปฏบิ ตั ิ ผา่ น ไมผ่ า่ น หมายเหตุ
รายละเอยี ดการตรวจสอบการทาเปลจากผา้ ห่ม และคานไม้
1.1. คลผ่ี ้าห่มออกและวางลงบนพื้น
2.2. วางคานไม้กลางผ้าหม่ โดยคานไมแ้ บง่ ด้านยาวของผ้าห่มออกเปน็
3. 2 สว่ นเทา่ ๆ กัน
3.4. ยกปลายผ้าหม่ ด้านหน่งึ ขน้ึ แล้ววางทาบลงบนคานไมใ้ ห้ปลายผ้าห่มไป
ชนกับปลายอกี ด้านหน่ึง
4.5. วางคานไม้อันท่ีสองกลางผา้ หม่ เพื่อแบ่งผ้าห่มท่ีพบั ทบครง่ึ แลว้
ออกเป็นสองส่วนเท่าๆกนั
5.6. พับปลายผา้ ห่มดา้ นไกล ทับคานไม้อนั ทีส่ องและใหป้ ลายผา้ ห่มอย่ขู า้ ง
เสาอนั แรก
รายการปฏบิ ตั ิ ตอ้ งผา่ นทุกขนั้ ตอน ผา่ น ไมผ่ า่ น
ข้อเสนอแนะ...........................................................................................................................
................................................................................... ...........................................................
............................................................................................................................. .................
ผปู้ ระเมนิ ...............................................
55
บรรณานุกรม
กรมแพทย์ทหารเรือ ( 2554 )เอกสารประกอบ หลักสูตร การชว่ ยชวี ิตเชงิ ยทุ ธวธิ ี ( สาหรบั ครูผสู้ อน )
ค่มู อื สาหรบั ผเู้ ข้ารับการฝึกหลักสูตรการช่วยชวี ติ ในการรบ (CLS) 2010
รส. 8-35 การลาเลยี งผู้ป่วย และ บาดเจ็บ
รส. 21-11 First aid for the soldier. การปฐมพยาบาลสาหรับทหาร
เอกสารประกอบการบรรยาย Combat lifesaver course 2008
Achneck HE, Sileshi B, Jamiolkowski RM, et al. A comprehensive review of topical hemostatic
agents: efficacy and recommendations for use. Ann Surg 2010;251(2):217-228.
American college of Surgeons. (2011). Prehospital Trauma Life Support 7th Elsevier Mosby
Jems.
Beekley AC, Martin MJ, Spinella PC, et al. Predicting resource needs for multiple and mass
casualty events in combat: lessons learned from combat support hospital experience
in Operation Iraqi Freedom. J Trauma 2009;66(4 Suppl):S129-137.
Butler FK, Giebner SD, McSwain N, et al, eds. Prehospital Trauma Life Support Manual;
Seventh Edition—Military Version. November 2010.
Cady CE, Weaver MD, Pirrallo RG, et al. Effect of emergency medical technician-placed
combitubes on outcomes after out-of-hospital cardiopulmonary arrest. Prehosp Emerg
Care 2009;13(4):495-499. 64. Strote J, Roth R, Cone DC, et al. Prehospital endotracheal
intubation: the controversy continues (Conference Proceedings). Am J Emerg Med
2009;27(9):1142-1147.
Combat Medic Field References.(2005). คูม่ ือนายสิบพยาบาลในสนาม.
FM 8-10-6 Medical Evacuation in a theater of operations. การส่งกลบั ทางการแพทยใ์ น
เขตยทุ ธบรเิ วณ
Gerhardt RT, Matthews JM, Sullivan SG. The effect of systemic antibiotic prophylaxis and
wound irrigation on penetrating combat wounds in a “return-to-duty” population.
Prehospital Emergency Care 2009;13(4):500-504.
Haut ER, Kalish BT, Efron DT, et al. Spinal immobilization in penetrating trauma: more harm
than good? J Trauma 2010;68(1):115-120; discussion 120-121.
Holbrook TL, Galarneau MR, Dye JL. et al. Morphine use after combat injury in Iraq and post-
traumatic stress disorder. N Engl J Med 2010;362(2):110-117.
56
Keneally R, Szpisjak D. Thoracic trauma in Iraq andAfghanistan. J Trauma Acute Care Surg.
2013;74:1292–1297.
Kotwal RS, Butler FK, Edgar EP, et al. Saving lives on the battlefield: a joint trauma system
review of pre-hospital trauma care in combined joint operating area–Afghanistan
(CJOA-A). 30 January 2013.
Lerner EB, Schwartz RB, Coule PL, et al. Mass casualty triage: an evaluation of the data and
development of a proposed national guideline (Review). Disaster Med and Pub Health
Prep 2008;2(Suppl 1):S25-34.
Martin M, Satterly S, Inaba K, et al. Does needle thoracostomy provide adequate and
effective decompression of tension pneumothorax? J Trauma Acute Care Surg. 2012;
in press.
Mabry RL, Edens JW, Pearse L, Kelly JF, Harke H. Fatal airway injuries during Operation
Enduring Freedom and Operation Iraqi Freedom. Prehosp Emerg Care 2010;14
(2, Apr 6):272–277.
Mulligan RP, Friedman JA, Mahabir RC. A nationwide review of the associations among
cervical spine injuries, head injuries, and facial fractures. J Trauma 2010;68(3):587-592.
Naval Operational Medical Lessons Learned Center. Combat Medical Personnel Evaluation of
Battlefield Trauma Care Equipment Initial Report. November 2011.
Naval Operational Medical Lessons Learned Center. Combat Medical Personnel Evaluation of
Battlefield Trauma Care Equipment. Survey Summary dtd 2 December 2012.
Stroumpoulis K, Pagoulatou A, Violari M, et al. Videolaryngoscopy in the management of the
difficult airway: a comparison with the Macintosh blade. Eur J Anaesthesiol
2009;26(3):218-222.
Tactical Combat Casualty Care Guidelines. 2009 Nov [cited 2010 May 31]. Available from:
URL: http://www.usaisr.amedd.army.mil/tccc/TCCC%20Guidelines%20091104.pdf.