The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

การบริการทางการแพทย์ในสงคราม คชรน สำหรับ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

การบริการทางการแพทย์ในสงคราม คชรน สำหรับ

การบริการทางการแพทย์ในสงคราม คชรน สำหรับ

หลกั พื้นฐานของการป้องกนั *

1. การหลีกเล่ียงการเป้ือนพษิ
(Contamination Avoidance)

2. การป้องกนั (Protection)
3. ทาลายลา้ งพิษ (Decontamination)

1.การหลีกเล่ยี งการเปอ้ื นพษิ

มวี ตั ถปุ ระสงค์เพอ่ื :

ลดความเสย่ี งต่อการถกู โจมตีด้วยอาวธุ คชรน.

จากดั ผลของอันตรายจากการเปอื้ นพิษให้เหลือนอ้ ยที่สดุ

เป็นหลักพืน้ ฐานประการสาคญั ทส่ี ดุ

2. การปอ้ งกนั

- การปอ้ งกนั เป็นบุคคล
-การป้องกนั เปน็ ส่วนรวม

การปอ้ งกันเป็นบุคคล

• เป็นการใช้ยุทธภัณฑ์ป้องกนั ตน

(Individual/Personal Protective Equipment,
IPE/PPE/MOPP Gear)

• เพือ่ ใหห้ นว่ ยแต่ละหนว่ ยมชี ีวิตรอดและปฏิบตั ิ
ภารกิจได้สาเร็จในสภาพแวดลอ้ ม คชรน.

ยทุ ธภณั ฑป์ อ้ งกันตน

1. หนา้ กากปอ้ งกันเคมี ชวี ะ
2. เครอ่ื งแต่งกายป้องกนั
3. ยาปอ้ งกนั
4. ยาแกพ้ ษิ
5. ยาทาลายล้างพษิ บุคคล
6. เครื่องวดั ปรมิ าณรังสี

1) หนา้ กากปอ้ งกนั เคมี ชวี ะ

2) เครือ่ งแตง่ กายป้องกัน

ลักษณะป้องกันตามภารกจิ บงั คบั (ลปภบ.)

(Mission-Oriented Protective Posture, MOPP)
• Individual Protective Equipment; IPE
• Personal Protective Equipment; PPE

“การกาหนดให้กาลังพล สวมยุทธภัณฑ์ป้องกันตน
ใหส้ อดคล้องกับระดบั ภัยคกุ คาม”

ระดับ ลภ. 0

เก็บยทุ ธภณั ฑ์ปอ้ งกันไว้ใกลต้ วั / สะพายย่าม

ใชเ้ มอ่ื - ทราบว่าฝ่ายตรงขา้ มจะมีการใชอ้ าวุธเคมี
- วางกาลงั เป็นครัง้ แรก
- มขี า่ วเก่ียวกบั ขีดความสามารถทาง คชรน.
ของฝ่ายตรงขา้ มแตย่ งั ไม่ได้มีการนาออกมาใช้

ระดบั ลภ. 1

สวมเสอ้ื -กางเกงปอ้ งกนั

ใช้เมอ่ื - มีสัญญาณเตือนภยั ทัว่ ไปจากหน่วย
เหนือวา่ มีการโจมตีในพื้นที่กว้างโดยไมเ่ จาะจง
ตาบลหรือหนว่ ย

ระดบั ลภ. 2

เพ่มิ การสวมรองเทา้ ป้องกัน

ใช้เมอ่ื
- เมื่อหน่วยเคล่ือนทางยทุ ธวธิ ี
- การเคล่ือนผ่านพ้ืนที่ซง่ึ ไมม่ รี ายงานว่าเปื้อนพษิ

ระดับ ลภ. 3

เพิ่มการสวมหน้ากากปอ้ งกนั และ ผา้ คลุมศรี ษะ

ใช้เม่ือ – เม่อื เคลอื่ นยา้ ยกาลงั
- มคี วามลอ่ แหลมตอ่ การถกู โจมตี
ด้วยอาวุธเคมี

ระดบั ลภ. 4

เพิ่มการสวมถุงมอื

ใชเ้ มือ่ – เม่อื เขา้ พื้นท่ีเปื้อนพษิ
- เมื่อถกู โจมตดี ้วยอาวธุ เคมีอยา่ งแน่นอน
ในระยะเวลาอันใกล้



3)ยาป้องกนั (Prophylactic drug)

• Pyridostigmine
• เป็นยาให้กนิ ลว่ งหนา้ เพ่ือป้องกันหรอื

บรรเทาความรนุ แรงของอาการปว่ ย
เน่ืองจากพิษของสารเคมี
• พบ. รับผดิ ชอบ

4)ยาแก้พิษ (Antidote)

• Atropine/2-PAM/ Amyl nitrite
• เปน็ ยาท่ใี หเ้ มอ่ื เกิดอาการป่วยจากพิษของสารเคมี
• ใช้ในการปฐมพยาบาลตนเองหรอื เพอื่ นทหาร เพือ่

บรรเทาอาการปว่ ยก่อนจะได้รบั การดแู ลจาก
เจ้าหนา้ ทส่ี ายแพทย์
• พบ. รับผดิ ชอบ

5)ยาทาลายลา้ งพิษบุคคล

(Individual Decontamination Kit)
• M 13
• เป็นยาทาลายลา้ งพิษท่ีจ่ายใหป้ ระจากาย
• ใชส้ าหรบั การทาลายล้างพิษผิวหนงั เสอื้ ผา้ และ

อาวุธยุทธภณั ฑป์ ระจากาย เพื่อป้องกนั ไมใ่ ห้
สารเคมที าอนั ตรายต่อรา่ งกาย
• วศ. รบั ผิดชอบ

6)เครอื่ งวดั ปรมิ าณรงั สี

• ใช้วดั เพ่ือใหท้ ราบปรมิ าณรังสที ร่ี า่ งกายได้รับ
• ในสงคราม คชรน. แนวทางการควบคุมรงั สีเปน็

การปฏิบัติตามหลกั การหลกี เล่ยี งการเปือ้ นพษิ
• พยายามให้กาลงั พลไดร้ บั ปรมิ าณรงั สนี อ้ ยท่ีสดุ
• ถา้ เคร่อื งฯ อา่ นได้คา่ เทา่ กับปริมาณรังสที ต่ี อ้ งถอน

ตัว (turn back dose) หนว่ ยจะต้องถอนตวั ออกจาก

พท.เปอ้ื นพิษกมั มันตรังสนี ั้นทันที

การป้องกันเป็นส่วนรวม

เพ่ือความอยู่รอดของหน่วยและกาลงั พลในหนว่ ย
ปฏบิ ัตติ ามมาตรการปอ้ งกนั ท่หี นว่ ยกาหนด ได้แก่
1. การจัดให้มที ีป่ อ้ งกันภัยเปน็ สว่ นรวม
2. การเตอื นภยั การรายงาน
3. การตรวจจบั /ตรวจหา

1) ที่ป้องกนั ภยั เปน็ ส่วนรวม

• เป็นสถานท่ปี ฏบิ ตั งิ านสาหรบั กาลังพล เช่น
•ที่บังคับการ
•สถานพยาบาล
•ศูนย์สอื่ สาร ลฯ

• เปน็ สถานท่ีให้กาลงั พลหมนุ เวยี นพักผอ่ น

2) การเตือนภยั และการแจง้ ภัย

 สัญญาณเตือนภยั
 ป้ายเตือนภยั
 การตรวจจบั /ตรวจหา

เพอ่ื ช่วยใหก้ าลงั พลและหนว่ ยต่างๆ สามารถหลกี เล่ียง
และปอ้ งกนั อนั ตราย

1) สัญญาณเตอื นภัย

สญั ญาณที่ใชเ้ พอื่ การเตอื นภัย/แจง้ ภยั มี 2 ประเภท

 สญั ญาณเตอื นภัยท่ัวไป
(General Warning)

 สญั ญาณแจ้งภยั เฉพาะตาบล
(Local Alarm)

สัญญาณเตือนภัยท่วั ไป

 ผู้สง่ สญั ญาณ คือหน่วยขนาดใหญ่
 บก. แจง้ ให้หนว่ ยในพื้นทีร่ ับผิดชอบ
 ใชร้ ะบบสื่อสารปกติ เพ่อื ให้หนว่ ยต่าง ๆ เตรียมรับ
สถานการณ์ (วิทยุ โทรศพั ท์ โทรสาร ฯลฯ)
 อยา่ งน้อยทสี่ ดุ ให้ใชม้ าตรการ รปจ.การปอ้ งกัน

สัญญาณแจ้งภยั เฉพาะตาบล

 ใชเ้ ม่อื หนว่ ยถกู โจมตีดว้ ยอาวุธ คชรน.
 ตรวจพบสารเคมี สารชีวะ สารรงั สี
 สงสัยว่าจะมีสาร คชรน.
 เพอ่ื แจง้ ใหก้ าลังพลในหนว่ ยทราบ เพ่อื ให้สามารถ
ปอ้ งกนั ตนได้ทนั กอ่ นได้รบั อนั ตราย

ต้องกาหนดไว้ลว่ งหน้าใน รปจ.ปอ้ งกันของหน่วย และ
ใช้เหมอื นกันในท่วั ทัง้ พืน้ ที่ของหนว่ ย

สญั ญาณแจง้ ภยั เฉพาะตาบล

 สญั ญาณแจง้ ภยั
 สญั ญาณปลอดภยั

วิธีสง่ สัญญาณแจ้งภัยเฉพาะตาบล

 สญั ญาณคาพูด
 เสยี งสัญญาณ
 ทศั นสัญญาณ

สญั ญาณคาพดู

ข้อดี ข้อเสีย

ส่งง่าย จากัดด้วยความดงั ของเสยี ง

สง่ ได้ทุกคน ถกู รบกวนด้วยเสียงอน่ื
เป็นวธิ ที ่ีดีที่สดุ
ต้องสื่อสัญญาณตอ่ ไปให้
ทราบทว่ั กันทัง้ พ้ืนที่

สญั ญาณคาพูด

ตะโกน หรอื ใช้เครื่องขยายเสยี ง “แกส๊ ”

ใชเ้ ม่ือถกู โจมตดี ้วยอาวธุ เคมี หรอื ชวี ะ
ตรวจพบอนั ตรายจากสารเคมีหรอื ชวี ะ
เครอื่ งสง่ สญั ญาณแจ้งสารเคมีอตั โนมตั สิ ่งสญั ญาณ
สวมหน้ากากป้องกันใหเ้ รยี บร้อยแล้วจึงสง่ สัญญาณ
เมื่อได้ยนิ สญั ญาณจากผอู้ ่ืน ใหส้ วมหน้ากากปอ้ งกัน

ทนั ที แลว้ ส่งสัญญาณต่อ

เสียงสัญญาณ

 ดังกวา่ สัญญาณคาพูด
 ต้องกาหนดไว้ใน รปจ. ซึ่งอาจเปน็

- การตรี วั วตั ถุท่เี ปน็ โลหะ
- บีบแตร
- ไขหรอื เปดิ ไซเรน

ทัศนสญั ญาณ

 ใชแ้ ทนสญั ญาณคาพดู หรอื เสยี งสญั ญาณ
 เมื่อเสียงถกู กลบด้วยเสียงการสู้รบ
 เมื่อไม่ตอ้ งการใชเ้ สียง
 ใช้สาหรบั เคมี หรอื ชีวะ เท่านน้ั
 ต้องสวมหนา้ กากในขณะส่งสญั ญาณ
 ปฏบิ ตั ิซ้า ๆ กนั หลายครัง้ จนผู้อ่นื ทราบ

ทศั นสัญญาณ

ขอ้ ด้อยของทัศนสญั ญาณ

 จากดั ด้วยแสงสว่างและทัศนวิสยั
 จากดั ดว้ ยสง่ิ กีดขวาง เช่น พุม่ ไม้
 ผู้รับสัญญาณหนั หลังให้ หรือไม่ได้สังเกตุ

2) ปา้ ยเตือนภัย

 ใช้เมอื่ พบว่ามกี ารปนเป้อื นพิษ

 ใช้เพ่ือเตือนภัยฝ่ายเดยี วกัน

 ในกรณที ่เี ป็นพ้ืนท่เี ปอื้ นพิษต้องติดปา้ ยไวท้ ่ี
ทางเขา้ ทกุ ทาง และรายงานหน่วยเหนอื

 ตอ้ งโยกย้ายป้ายตามขนาดของพ้นื ท่ซี ่งึ
เปลย่ี นแปลงไป และรายงานหน่วยเหนอื

ลกั ษณะของป้ายเตือนภยั

เปน็ สามเหลย่ี มหน้าจ่วั มุมฉาก
ขนาด 28 x 20 x 20 ซม.
ทาดว้ ยวัสดคุ งทนพอสมควร
ใช้สีของปา้ ยบง่ บอกชนิดของพษิ

ดา้ นหน้าหันออก ด้านหลงั เข้าหา

จากพ้ืนที่อันตราย พ้ืนท่ีอันตราย

28 ซม.

ATOM

อัตรารังสีท่ีวดั ได้
วนั ท่ี เวลา ทต่ี รวจพบ
วันที่และเวลาท่ีอาวธุ ระเบดิ (ถา้ ทราบ)

BIO
ชนดิ ของสาร (ถา้ ทราบ)
วนั ท่ี เวลา ทต่ี รวจพบ

ดา้ นหน้าหนั ออกจากพื้นทอี่ นั ตราย ดา้ นหลงั เขา้ หาพ้นื ท่อี ันตราย

GAS
ชนดิ ของสาร (ถ้าทราบ)
วนั ที่ เวลา ทีต่ รวจพบ

GAS MINES สนามทุ่นระเบดิ เคมี
(ทุ่นยังไมร่ ะเบดิ )

ชนิดของสารท่บี รรจุ
วนั ท่ีวาง

3) การตรวจจบั /ตรวจหา

M8 กระดาษตรวจจบั สารเคมี

• กระดาษ M8 ใชใ้ นการทดสอบสารทีเ่ ปน็ ของเหลว
• คลา้ ยกบั กระดาษลทิ มสั
• กระดาษ M8 ไดถ้ กู ออกแบบมาพิเศษใหม้ ปี ฏกิ ิรยิ า

กบั สารประสาทและแผลพพุ องทีม่ รี ูปแบบเป็น
ของเหลว

M8 กระดาษตรวจจับสารเคมี

• จุ่มกระดาษ M8 ลงในของเหลวท่ไี ม่เป็นทีท่ ราบชนิด
• รอ 30 วนิ าที เปรียบเทียบสที ่ีเปลีย่ นไป แปลผลดังนี้
• สเี หลือง (สารประสาท สาร G)
• สีแดง (สารพพุ อง H)
• สีเขียวมะกอกหรือดา (สารประสาท สาร V)



Chemical Agent Monitor (CAM)

• เป็นอุปกรณ์ทใ่ี ช้เพอ่ื ตรวจหาควนั /ไอระเหยของสาร
ประสาท

• จะต้องใช้ในบริเวณที่คาดว่ามกี ารปนเปอื้ นในระยะที่
ใกลม้ าก

• จะแสดงความเขม้ ขน้ ดา้ นหนา้ แสดงตวั เลข 1 ถงึ 8



3. การทาลายลา้ งพษิ

ระดับความรับผดิ ชอบในการทาลายล้างพิษ มี 3 ระดับ
1. ระดบั บคุ คล - ทหารแต่ละนายรบั ผิดชอบการ

ทาลายลา้ งพษิ ร่างกาย
2. ระดับหน่วย – ผบ.หนว่ ยรบั ผิดชอบการทาลายลา้ ง

ยุทโธปกรณ์ของหนว่ ย
3. ระดับหน่วยสนับสนุน- หน่วยทหารวิทยาศาสตร์

ระดบั การทาลายลา้ งพษิ

1. การทาลายลา้ งพิษเร่งดว่ น
–ดารงขดี ความสามารถในการรบตอ่ ไป
–ชว่ ยทาให้ทาลายล้างพิษอย่างประณตี ง่ายข้นึ
– ช่วยรกั ษาพ้ืนทีไ่ ม่เป้อื นพิษให้คงสภาพไว้

ระดับการทาลายล้างพิษ

1.1 การทาลายลา้ งพษิ ฉุกเฉิน < 1 นาที จงึ จะได้ผล

- ทลล. ออกจากผวิ หนงั (โดยไม่ตอ้ งรอคาสง่ั ) เป็นหน้าทข่ี อง

นายทหารทกุ นาย
- ทลล.ผป. กอ่ นการรกั ษาพยาบาลเป็นหน้าที่ของเจา้ หนา้ ท่ี
สายแพทย์

1.2 การทาลายลา้ งพษิ บางสว่ น < 15 นาที จงึ จะไดผ้ ล

- ทลล. เครื่องแตง่ กาย อาวธุ ประจากาย



ระดับการทาลายลา้ งพษิ

2. การทาลายลา้ งพิษอย่างปราณตี

–ทาลายล้างพษิ อย่างสมบูรณ์
–เป็นการฟื้นคนื ประสิทธภิ าพการปฏิบัตงิ าน
ให้สสู่ ภาพเดมิ
–มีการจัดต้ังสถานที าลายลา้ งพิษ

ลักษณะสาคัญของสถานที าลายล้างพิษ

• อย่ใู นพนื้ ท่ที ี่ไม่เปอื้ นพษิ
• อยู่ในพนื้ ท่ีปลอดจากการโจมตขี องขา้ ศึก มกี าร รวป.
• เข้าถึงไดง้ า่ ย
• ช่องทางออกอย่เู หนือลมเสมอ
• ไมอ่ ยู่เหนอื ลมจากฝ่ายเดยี วกัน
• มีการควบคุมน้าจากการทาลายล้างพษิ ไมใ่ ห้แพรไ่ ปยัง

พน้ื ท่ีอน่ื

สิ่งจาเปน็ สาหรบั สถานที าลายลา้ งพษิ

• เครอื่ งทาลายล้างพิษขนาดใหญใ่ ช้แรงเคร่อื งยนต์
• ใช้สารทาลายล้างพิษ
• น้า สาหรับใชผ้ สมสารทาลายลา้ งพษิ และชาระล้าง
• เครื่องตรวจสารเคมี และเครอื่ งวัดอัตรารงั สี
• แหล่งกาเนดิ ไฟฟ้า
• ภาชนะสาหรบั ใส่เสอ้ื ผ้าเปอื้ นพษิ เช่น ถุงพลาสติก ถงั
• เคร่อื งมอื ท่ใี ช้สาหรับการ ทลล. เชน่ แปรงด้ามยาว ไม้ถู

การทาลายลา้ งพิษ

การทาลายลา้ งพษิ

ระดบั ความรับผิดชอบ ระดบั การทาลายลา้ งพษิ
บุคคล
หน่วย เรง่ ดว่ น ประณตี
หนว่ ยสนับสนนุ ฉกุ เฉนิ
สถานีทาลายล้างพษิ
บางสว่ น
กาลงั พล

ยุทโธปกรณ์

การทาลายล้างพษิ ท่ีผวิ หนงั

• ทลล.สารเคมี

– ให้ใช้ชุดอปุ กรณท์ มี่ อี ยู่ กระทาภายใน 1 นาที

– ถา้ ไมม่ ีชดุ อุปกรณ์ ทลล. ใหใ้ ชน้ ้าจากกระตกิ
– ถา้ มสี บู่ใหใ้ ชส้ บลู่ ้าง พรอ้ มลา้ งด้วยน้าอนุ่

• ทลล. สารชีวะ

–ใชส้ บลู่ า้ ง
–ใช้สารท่ีมีสว่ นผสมไฮโปคลอไรด์
–ใชน้ า้ ยาฆ่าเช้ือ

การทาลายลา้ งพิษทผี่ วิ หนงั

• ทลล.รังสี

– ใหป้ ดั ฝนุ่ กมั มนั ตรงั สีออกจากเสื้อผา้ หรือชดุ ปอ้ งกัน
– ถ้าชุดปอ้ งกนั เปยี กใหร้ บี เปล่ียนชุดทนั ทที ่ที าได้
– ใช้น้าสบู่ล้างออก ควรใส่ใจบรเิ วณผม และ ปลายเลบ็
– หลกี เลยี่ งการสูดดมฝุน่ กมั มันตรังสี

การทาลายลา้ งพิษยุทโธปกรณ์

สาร วธิ กี ารทาลายล้างพิษ

เคมี ขดั ด้วยSuper Tropical Bleach
ท้งั แบบแหง้ / เปียก

ชีวะ 0.5% chlorine solution
รงั สี ใชก้ ารปดั ออก หรอื ลา้ งออกดว้ ยนา้ , สบู่


Click to View FlipBook Version