The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

องค์ความรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสู่การเป็น Smart officer พืช ผัก เห็ด

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search

องค์ความรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสู่การเป็น Smart officer พืช ผัก เห็ด

องค์ความรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสู่การเป็น Smart officer พืช ผัก เห็ด

3) การปลูกแบบยกแปลง
- ยกแปลงปลกู ขนาดกวา้ ง 1 - 1.2 เมตร
- ขดุ หลมุ ปลกู แถวคบู่ นหลังแปลง ระยะหา่ งระหวา่ งแถว 40 - 80
เซนติเมตร ระยะห่างระหว่างหลุม 30 - 40 เซนตเิ มตร วางหัวพันธใุ์ นหลุม
- กลบดนิ หนาประมาณ 5 - 10 เซนตเิ มตร

- ใสป่ ๋ยุ คอก อัตรา1,000 กโิ ลกรัมต่อไร่ และปุ๋ยเคมี 15 - 15 - 15
อัตรา 150 กิโลกรัมต่อไร่ ขา้ งหัวพันธ์ุ หา่ งจากหัวพนั ธป์ุ ระมาณ 10 เซนตเิ มตร

การปลูกแบบยกแปลง

3. การดูแลรักษา
3.1 การใส่ป๋ยุ
หลังปลกู 15 – 20 วัน ใชป้ ยุ๋ ยเู รีย อตั รา 25 กกโิ ลกรมั ต่อไร่ ผสมกับปุ๋ยสูตร
13-13-21 อตั รา 25 กิโลกรัมต่อไร่ โดยโรยเปน็ แถวข้างตน้ และไถกลบทนั ที
3.2 การใหน้ �้ำ
- ต้องให้นำ้�อยา่ งสมำ�่ เสมอ
- ระยะแรกตอ้ งการน�ำ้ ไม่มาก ใหแ้ คเ่ พยี งพอตอ่ การงอก
- การให้นำ�้ เพิ่มขึน้ เม่อื ตน้ เจรญิ เตบิ โตคลมุ ดินเต็มท่จี นถงึ ตน้ มนั ฝรงั่ แก่
- งดน�ำ้ ก่อนขดุ หัว ประมาณ 2 สปั ดาห์ เพ่ือให้ผิวสวยและไม่เนา่
4. การปอ้ งกนั ก�ำ จัดศตั รพู ืช

4.1 โรคใบไหม้ เกดิ จากเชือ้ รา ปอ้ งกนั และก�ำ จดั ดงั น้ี
- หลีกเล่ยี งการปลูกพืชลงในแปลงเก่าท่เี คยมีโรคระบาดหรือใกล้กับแปลง
ปลูกพรกิ และมะเขอื เทศ

94

- ไมค่ วรปลอ่ ยใหม้ วี ชั พชื หรอื ตน้ ทง่ี อกขน้ึ เองหลงั เกบ็ เกย่ี วแลว้ หลงเหลอื
อยู่ในแปลง
- รักษาแปลงปลกู ให้สะอาดอยเู่ สมอ
- พ่นสารเคมี เชน่ โพรพีเนบ เมตาแลกซิล แมนโคเซบ็ และคอปเปอร์
ออ๊ กซคี่ ลอไรด์ เป็นต้น
4.2 โรคเน่า ถา้ พบตน้ เปน็ โรคใหถ้ อนทง้ิ ทนั ที แลว้ น�ำ ไปเผาท�ำ ลายนอกแปลงปลกู
4.3 โรคใบด่าง เกิดจากเชือ้ ไวรสั ป้องกนั ดังนี้
- ใชห้ ัวพันธุ์ท่ปี ลอดโรค
- พน่ สารป้องกันแมลง เพ่อื ก�ำ จัดเพลี้ยอ่อนที่เป็นพาหะของโรค เชน่
สารคารบ์ ารลิ สลบั กบั คารโ์ บซลั แฟน ทุก 10 วนั
- ท�ำ ความสะอาดแปลงปลกู และพื้นท่ีใกล้เคยี ง รวมทง้ั ก�ำ จดั วชั พืช
4.4 ไส้เดอื นฝอยรากปม เกดิ จากไส้เดือนฝอย ทำ�ใหห้ วั มันฝรั่งเกิดปุ่มปม
เหมือนหดู ป้องกนั ดังน้ี
- ดูแลรกั ษาแปลงใหส้ ะอาด กำ�จดั วัชพชื เก็บหวั มนั ฝรง่ั ทเี่ ปน็ โรคหดู ออก
จากแปลง
- ไถพรวนดนิ ให้ดีและลึก
- ปลูกพืชหมุนเวียนท่ีไม่เป็นพืชอาศัยของไส้เดือนฝอยรากปมหมุนเวียน
เพอ่ื ลดปรมิ าณของไส้เดอื นฝอย

โรคไสเ้ ดอื นฝอยรากปม

95

5. การเก็บเก่ียว
1) ตน้ มันฝร่ังแกพ่ รอ้ มเกบ็ เก่ยี ว อายปุ ระมาณ 100 – 150 วัน
2) ขุดมนั ฝร่งั เม่อื แก่จัดเตม็ ท่ี เมอ่ื ลำ�ตน้ และใบเรม่ิ แหง้ ตายเทา่ น้ัน
3) ไมเ่ ก็บมันฝร่ังขณะทมี่ ีฝนตก ทำ�ให้หวั เปียกชื้น เน่าเสยี ง่ายเพอ่ื เก็บรักษา

หัวมันฝรั่งทพี่ ร้อมเก็บเกีย่ ว
6. การปฏบิ ัติหลงั การเก็บเกีย่ ว
1) ไม่ทง้ิ หวั มันฝรั่งท่ขี ุดแลว้ ไว้กลางแจ้ง ใหถ้ ูกแสงแดดนานเกนิ ไป
2) ระมดั ระวังในการขนยา้ ยหัวมันฝรงั่
3) ผึ่งหวั มนั ฝรง่ั ในที่ร่มระบายอากาศไดด้ ี
4) คัดแยกหัวท่ีเปน็ แผล เป็นโรคเน่า หวั ผิดปกติ และหวั สีเขยี วท้ิง ก่อนสง่ โรงงาน
หรือจำ�หนา่ ย

96

ขอ้ มูลสภาพแวดลอ้ มทเี่ หมาะสมต่อการเจรญิ เติบโตและใหผ้ ลผลิตของมันฝรง่ั

สภาพแวดลอ้ ม ความเหมาะสม ขอ้ จำ�กดั / รายละเอียดเพ่มิ เตมิ
1 สภาพภมู ิอากาศ - เจริญเติบโตไดด้ ีในอณุ หภูมเิ ฉล่ยี ตลอดฤดปู ลกู - อุณหภูมิสงู กวา่ 21 oC ในระยะเรมิ่ สร้างหัวจะท�ำ ใหผ้ ลผลติ ลดลง
ระหว่าง 15 - 18 oC - อุณหภมู ิสงู ถงึ 30 oC ผลผลิตจะตำ่�ลง
2. สภาพพน้ื ท่ี - อณุ หภมู ิในชว่ งกลางคืนไมเ่ กนิ 20 oC
3. สภาพดนิ จะท�ำ ให้ผลผลิตสูงขึ้น
4. ธาตุอาหาร
5. สภาพน�ำ้ - ควรปลูกบนพน้ื ท่สี ูง ความสูงจากระดบั นำ้�ทะเล - พืน้ ทีป่ ลกู ตอ้ งไม่อยู่ในบริเวณเดียวกนั กบั แปลงปลกู พืชตระกูลเดยี วกับมันฝรั่ง เช่น
ตง้ั แต่ 800 เมตรขนึ้ ไป พรกิ มะเขือเทศ มะเขือต่างๆ ยาสบู เพราะเป็นพชื ทม่ี ีศตั รูพืชประเภท เดียวกัน

- เป็นดินร่วนหรือดินร่วนปนทราย - ดนิ เหนียวไม่เหมาะแกก่ ารปลกู เพราะการถ่ายเทอากาศในดนิ ไม่ดี เป็นอปุ สรรคตอ่
- มกี ารระบายน�้ำ ไดด้ ี การสรา้ งหวั และการเจรญิ เตบิ โต
- ระดบั ความเปน็ กรดดา่ งของดิน(PH) 5.5 - 6.5 มนั ฝรัง่ จะตอบสนองต่อโพแทสเซยี มคอ่ นขา้ งสูง จากการขดุ หวั มนั ฝรง่ั มาวิเคราะหจ์ ะ
ไนโตรเจน 30 กิโลกรัม พบวา่ ปริมาณโพแทสเซียมมากกว่าไนโตรเจนและฟอสฟอรัส ดงั น้ันถ้าหากในดิน
ฟอสฟอรสั 11.5 กโิ ลกรัม มโี พแทสเซยี มต่ำ�ควรจะใสเ่ พมิ่ ให้มากกวา่ ท่ี
โปแตสเซียม 50 กิโลกรัม

- 400-500 มิลลเิ มตร/ต้น/ฤดปู ลูก - ถา้ ได้รับน�ำ้ ไม่เพียงพอจะท�ำ ให้หวั ชะงกั การเจรญิ เตบิ โต
- ควรเลือกชว่ งปลกู ในระยะท่มี ฝี นตก - ถา้ ได้รบั นำ้�มากเกนิ ไปจนแฉะจะท�ำ ใหเ้ กดิ โรคในดิน หัวมนั ฝรง่ั เน่า
เพือ่ ใหม้ ีน�ำ้ เพยี งพอตลอดฤดปู ลูก ผิวของหัวไมส่ วย และเกดิ เปน็ รเู ลก็ ๆ ท่วั บริเวณผวิ

97

แนวทางการเพม่ิ ประสิทธภิ าพการผลติ และแหลง่ สบื คน้ ข้อมูลเพ่ิมเตมิ

แนวทางการเพมิ่ ประสทิ ธิภาพการผลิต
1. ในชว่ งท่มี ันฝร่ังลงหัว ไม่ควรให้ขาดน้�ำ เพราะหลังจากลงหวั แลว้ ถ้าได้น�ำ้
ไมส่ ม�ำ่ เสมอจะให้หัวท่ีมลี ักษณะผิดปกติ การเตรยี มดนิ สำ�หรบั ปลูกมันฝรั่งเป็นส่ิงสำ�คัญ
ต้องมกี ารเตรียมดนิ ใหด้ ีเนือ่ งจากมันฝร่งั เปน็ พชื หัว ถา้ หากเตรยี มดนิ ไมด่ ีจะทำ�ใหก้ ารลง
หวั ไมด่ ี ผลผลติ ทีไ่ ดจ้ ะตำ่�
2. การพูนโคน มคี วามส�ำ คญั มากตอ่ ผลผลติ มันฝรง่ั ตอ้ งมกี ารพูนโคนตน้ เพอ่ื
ให้มีการลงหวั ดี และป้องกันไมใ่ ห้หวั มันฝร่งั ถกู แสงแดด ท�ำ ใหเ้ กิดสเี ขยี ว
3. การใช้วัสดคุ ลมุ ดิน เชน่ ฟางแหง้ เพื่อป้องกันไมใ่ ห้อณุ หภมู ดิ ินรอ้ นเกนิ ไป
มผี ลให้หวั มันฝร่ังรปู รา่ งผดิ ปกติ
4. การปลูกแบบแถวเดี่ยวและนำ�เคร่ืองจักรกลขนาดเลก็ มาใช้ สามารถเพิม่
ประสทิ ธิภาพการผลิตและลดตน้ ทุนการผลติ ได้  ท�ำ ใหผ้ ลผลิตเพม่ิ ขึน้ และมคี ุณภาพ  
ซึ่งเปรยี บเทยี บกบั การปลกู แบบเกา่ แลว้ ในพืน้ ท่ี 10 ไร่จะใช้แรงงานเพียง 2 คน แล้วเสรจ็
ในระยะเวลาเพยี ง 1 วัน
แหลง่ สบื คน้ ขอ้ มูลเพม่ิ เตมิ
1. http://www.doa.go.th
2. กรมส่งเสรมิ การเกษตร. 2549. โครงการส่งเสรมิ การปลกู มันฝร่งั โรงงาน.
รายงานการประชมุ โครงการปรับโครงสร้างสินคา้ กระเทียม.(อดั สำ�เนา)
3. มาลนิ ี พทิ กั ษ์ และคณะ. 2541. การปลกู มนั ฝรง่ั . กรงุ เทพฯ : โรงพมิ พช์ มุ นมุ
สหกรณก์ ารเกษตร แห่งประเทศไทย จำ�กัด.
4. สถาบนั วจิ ัยพชื สวน. 2541. มันฝรั่งและศัตรูทีส่ �ำ คัญ. กรมวิชาการเกษตร
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์.
5. สำ�นกั งานเศรษฐกจิ การเกษตร. 2549. มันฝร่ัง. (อัดสำ�เนา)
6. นายบญุ ศรี ใจเป็ง ปราชญช์ าวบ้านโทร.0-5384-8572, 08-1992-5510.
7. ปฏภิ าณ สุทธิกุลบตุ ร และคณะ .2553.รายงานผลการวจิ ยั มหาวทิ ยาลัยแม่
โจ้ เรือ่ งการจัดการธาตุอาหารในระบบการปลกู พืชในนาขา้ วทม่ี มี ันฝรง่ั เป็นพชื หลัก .

98

หอมแดง

การเตรยี มการ 10 วัน ขน้ั ตอนการปลกู และการดแู ลรักษาหอมแดง 50 วนั 65 - 80 วัน

20 วนั 30 วนั 40 วัน

การเตรยี มดนิ การปลูก การใส่ปยุ๋ การให้น�้ำ
ตอ-- อ่ัตหหไรววรา่าา่ ่ นนแ5ลปป0้วุ๋ยยุ๋ กไคถิโ1อลก5กกอ่-1รน3ัม5ป-ต-1ลอ่ 55ูกไรต่ นั - ใชส้ ว่ นโคนจิ้มลง - ตงั้ แตเ่ รม่ิ ปลกู จนถึง
ในดินครง่ึ หัว - อายุ 14 วัน หลังปลกู 40 วัน หลงั ปลูกใหร้ ดนำ้�
ใช้เวลา 7 -10 วนั ใส่ปยุ๋ 46-0-0 หรอื 21-0-0 สม�ำ่ เสมอทุกวัน
ในการงอก อัตรา 20 - 25 กก./ไร่ - 40 วนั หลังปลูก
- อายุ 35 - 40 วัน หลงั ลดน�้ำ ลง โดยใหน้ ำ้�
การเตรยี มพันธุ์ ปลกู วนั เวน้ วัน กคหาวลรรังรมเกะดั บ็บจาเกุ กย่ียอตกวดัาาตกรร้อาปากงศฏแดบิใขีนว1ตั กน0ิหาภล-รา1เงั กย2กบ็ใาวนรรนั โกั เรกษงเ็บารเอื กนย่ี ทวี่มี
- ใชห้ วั พนั ธ์ุ 200-300 กก./ไร่ ใส่ปุ๋ย 15-15-15
- ควรแขวนหัวพันธก์ุ ่อนปลูก อัตรา 20-25 กก./ไร่ -
-
3 เดอื น เพือ่ ให้พน้ ระยะพกั หัว ศัตรทู สี่ �ำ คัญ
- ก่อนปลกู ฉีดพน่ หรือจุ่มสาร - โ�ร�ค��ใ�บ�จ��ุด�ส��มี �ว่��ง�เ�ก��ิด�จ�า�ก��เ�ช�อ้ื��ร�า��พ��น่ �ด��ว้ �ย�ส�า�ร��เค��ม�ตี �า�ม��อ�ตั��รา�ท��่ีแ��น�ะ��น��ำ ���� การเกบ็ เกีย่ ว
ป้องกนั กำ�จดั เชอ้ื รา - โ�ร�ค�ห��วั �แ�ล�ะ��รา�ก��เ�น�่า��เ�ก��ดิ �จ�า�ก��เ�ช�อ้ื��ร�า��ก�า�ร��ก�ำ�จ��ัด�ต��อ้ ��ง�ร�ีบ��ท�ำ�ล�า�ย��ต��้น�ท��เ่ี �ป�็น��โ�ร�ค��ท�ัน��ท�ี - ง��ด��น�ำ�้ �5���-��7��ว�ัน���ก�อ่ ��น�เ�ก��็บ�เ�ก��ย่ี �ว�
- ควรผงึ่ ลมหวั พันธุ์ใหแ้ ห้งก่อน - โ�ร�ค�ร�า�น���ำ้�ค��้า�ง��เ�ก��ิด�จ�า�ก��เ�ช�้ือ��ร�า���ป�อ้��ง�ก�นั��ก��ำ จ��ัด�โ�ด��ย�ใ�ช�ส้ �า�ร��เค��ม�ตี �า�ม��อ�ัต��รา�ท��แ่ี��น�ะ��น�ำ� - อายเุ ก็บเก่ียว 65 - 85 วนั
ปลูก - โ�ร�ค��ห�อ��ม�เ�ล�ื้อ��ย��เ�ก�ดิ �จ�า�ก��เ�ช�ือ้��ร�า���ป�้อ��ง�ก�ัน��ก��ำ จ��ดั �โ�ด��ย�ใ�ช�ส้ �า�ร��เค��ม�ตี �า�ม��อ�ตั��รา�ท��ี่แ��น�ะ��น��ำ - สงั เกตใบเรม่ิ เหลอื ง
- ถอนหวั ออกจากแปลง โดยเก็บหวั ทแ่ี หง้
- ห��น�อ��น�ก�ร�ะ��ท�หู้ �อ��ม���ป��อ้��ง��ก��นั���ก�ำ�จ��ดั �โ�ด��ย�ฉ��ดี �พ��น่ ��ด�้ว�ย��เช��อื้ ��B��t�ห��ร�ือ���เช��ือ้ �ไ�ว�ร��ัส���N��P��V�� สแี ดง เป็นมนั ใบแห้ง
- ห��น�อ�น�ช�อ��น�ใ�บ��ก���ำ จ��ัด�โ�ด�ย�พ��่น�ด��ว้ �ย�ส�า�ร��เค��ม�ี
- เ�พ��ล��ยี้ �ไ�ฟ���ใ�ช�ส้ �า�ร��เค��ม�ีใ�น�ก�า�ร��ป�อ้��ง�ก�นั��ก��ำ จ��ดั �ต�า�ม��อ�ตั��รา�ท���ีก่��ำ�ห��น�ด

เทคนคิ การปลกู และดูแลรักษาหอมแดง

1. การเตรียมการก่อนปลกู
1.1 ฤดูปลกู ส่วนใหญ่ปลูกหลังฤดทู �ำ นา ชว่ งที่ปลูกไดผ้ ลดีคอื ตัง้ แต่เดอื น

พฤศจิกายน - มีนาคม
ฤดกู าลเพาะปลกู แบง่ ไดด้ ังน้ี
1. ฤดฝู น มี 2 ช่วง คอื
- ปลกู เดอื นพฤษภาคม - กรกฎาคม เกบ็ เกย่ี วเดอื นกรกฎาคม - กนั ยายน
- ปลกู เดอื นสงิ หาคม - กนั ยายน เกบ็ เกย่ี วเดอื นตลุ าคม - พฤศจกิ ายน
2. ฤดูแล้ง เพาะปลูกเดอื นธันวาคม - มกราคม เก็บเกย่ี วเดือนกมุ ภาพันธ์ -
มนี าคม

1.2 พันธ์ุ การปลูกด้วยหวั พนั ธ์ุ ใช้หวั พันธุ์ 200 - 300 กโิ ลกรัมตอ่ ไร่ หัวพันธ์ุ
ก่อนน�ำ มาปลกู ควรแขวนไวป้ ระมาณ 3 เดือน เพือ่ ให้พ้นระยะพักหัวก่อนจงึ นำ�มาใช้ปลกู
ก่อนปลกู ควรฉดี พ่นหรือจุ่มสารละลายป้องกันกำ�จดั เช้อื ราในอตั ราทก่ี �ำ หนด และผึง่ ลม
ให้แหง้ ก่อนน�ำ ไปปลูก ปัจจุบนั มีพันธ์ุหอมแดงทีใ่ ช้ปลูกโดยทั่วไป 4 พันธุ์ ได้แก่

1. พันธ์ุศรีสะเกษ มเี ปลือกนอกหนาสมี ่วงแดง หวั กลมป้อม กล่ินฉนุ
รสหวาน ใบสเี ขยี วมรกต มีนวลจับเล็กน้อย

2. พันธ์ุเชยี งใหม่ มเี ปลือกบาง สสี ม้ อ่อน หวั กลมรี กลน่ิ ไมฉ่ ุนจดั มสี ว่ นสงู
มากกวา่ ส่วนกว้าง รสหวาน หัวจะแยกเปน็ กลบี ชัดเจน ไมม่ ีเปลอื กหมุ้ ใบสีเขยี ว มนี วล
จบั เลก็ นอ้ ย
3. พันธ์บุ างชา้ ง มีเปลอื กนอกสีมว่ งแดง แต่มีสจี างกว่าพนั ธ์ศุ รสี ะเกษ
หวั กลมโต กลิน่ ฉนุ

4. พันธุส์ ขี าว (พนั ธุ์พืน้ เมอื ง) มเี ปลอื กสีขาวหรือขาวอมเหลือง กลน่ิ ไมฉ่ นุ
รสหวาน

1.3 การเตรียมดนิ ไถแล้วหวา่ นด้วยพชื ตระกลู ถว่ั ไถกลบเพือ่ เพิ่มปุ๋ยในดิน
คราดเพื่อกลบหนา้ ดนิ ไถตากแดดให้แห้ง หวา่ นปุ๋ยอนิ ทรยี ์ รอใหป้ ยุ๋ ทห่ี วา่ นเข้ากันใหเ้ ปน็
เนอื้ เดยี วกันแลว้ ไถ เม่ือไถเสร็จหว่านป๋ยุ 15 - 15 - 15 อัตรา 1 กระสอบต่อ 1 ไร่ คราด
ใหเ้ สมอกันให้ดูราบเรยี บแตอ่ ยา่ คราดจนดินแน่นเกินไป เพราะทำ�ให้หอมลงหวั ยาก
2. การปลกู

2.1 วธิ ีปลูก แบ่งสว่ นของหวั ซ่ึงเปน็ ลำ�ตน้ ดดั แปลง (modified stem) มีรอยแบ่ง
อยู่แลว้ ตามธรรมชาติ ดึงจะแยกออกได้ หัวพนั ธ์ุทด่ี ีตอ้ งผา่ นการพักตัวไม่น้อยกว่า 3
เดอื น การปลกู ใหใ้ ช้ส่วนโคนหรือที่เคยเป็นที่ออกรากเก่า จมิ้ ลงในดนิ ประมาณคร่ึงหัว
ระวงั อย่าให้กดแรงนกั จะท�ำ ให้ล�ำ ตน้ หรอื หัวชำ้� สง่ ผลให้ไมง่ อก หรอื งอกชา้ หลงั จากน้นั
หอมจะงอกภายใน 7 - 10 วนั หากหัวใดไมง่ อกควรรีบทำ�การปลกู ซ่อม

100

2.2 ระยะปลกู ระยะปลกู 15 x 15 เซนตเิ มตร ความกวา้ งของร่อง 80 - 100
เซนติเมตร
3. การดูแลรกั ษา

3.1 การใส่ปุ๋ย ปยุ๋ เคมี แบง่ ใส่เป็นระยะ ดังน้ี
- พชื อายุ 14 วันหลังปลกู ใส่ป๋ยุ 46 - 0 - 0 หรอื 21 - 0 - 0 อตั รา
20 - 25 กโิ ลกรัมตอ่ ไร่
- พชื อายุ 35-40 วนั หลังปลกู ใสป่ ุ๋ย 15 - 15 - 15 อตั รา 20 - 25 กโิ ลกรมั
ตอ่ ไร่
3.2 การให้นา้ํ

- พืชอายุ 7 - 14 วัน ใหน้ �ำ้ อตั ราท่ีพอดี แต่ให้สมำ�่ เสมอ เพราะหอมแดง
ไมต่ อ้ งการนำ�้ มากนกั ใหพ้ อชนื้ เทา่ นน้ั
- พืชอายุ 15 - 28 วัน หอมแดงก�ำ ลงั จะเจรญิ เตบิ โต ต้องการน�ำ้ มาก

- พืชอายุ 29 - 35 วนั เป็นชว่ งหอมแดงเจริญเตบิ โตและต้องการอยใู่ น
ระหว่างการปรงุ อาหารทางใบ และอาจมีดอกเกดิ ขนึ้ หากมีการใหน้ �้ำ ปรมิ าณมากขึ้น

101

- พชื อายุ 42 - 49 วัน ใหป้ ริมาณนำ้�ลดลงเพราะใกลเ้ กบ็ เกย่ี ว อาจให้น�้ำ
วันเวน้ วัน ทง้ั นก้ี ารให้น้�ำ ตอ้ งสงั เกตความช้ืนในดนิ สภาพอากาศ และอณุ หภมู ิ เพราะ
จะมผี ลตอ่ การใหน้ ้ำ�หอมแดงที่ปลูกในชว่ งเดือนกันยายน - ตุลาคม ซ่งึ แทบจะไม่มีการให้
น�ำ้ เพราะฝนตกชุก แตถ่ า้ เป็นชว่ งเดอื นธนั วาคม - มกราคม ไม่มฝี น อากาศเย็น แห้ง
ต้องใหน้ �้ำ อย่างสม�ำ่ เสมอ ถ้าชว่ งปลกู ช่วงเดือนมนี าคม - เมษายน ต้องรดน�้ำ มาก
เนอ่ื งจากอากาศร้อน แห้ง นำ�้ ในดนิ ระบายเร็ว และการใหน้ ้ำ�จะมผี ลตอ่ การเจริญเติบโต
อย่างมาก หากรดน้�ำ ในปริมาณน้อย ไมเ่ พียงพอ หากรดน้�ำ มากเกนิ ไป น้ำ�จะไม่มที ่รี ะบาย
หรือการดดู ซบั ลงดนิ ชา้ มนี ้ำ�ขงั รากจะเนา่ อ่อนแอ และงา่ ยต่อการเข้าท�ำ ลายของโรค

3.3 การคลมุ ดนิ วสั ดุทใ่ี ชค้ อื ฟางแห้ง หญา้ แหง้ เปลือกถั่วลสิ ง หรอื แกลบดิบ
เพอื่ ป้องกนั การสูญเสยี น�้ำ และรักษาความช้นื ของผิวดนิ ไว้

4. ศัตรพู ืชท่สี ำ�คญั
1) โรคใบจดุ สมี ่วง เกิดจากเช้อื รา ปอ้ งกันก�ำ จดั ดังนี้
- ปรบั ปรุงดนิ ในการเตรียมแปลงปลกู ใส่ปุ๋ยอินทรียแ์ ละปูนขาว
ปรับสภาพความเปน็ กรด
- ดแู ลรกั ษาแปลงปลกู ให้สะอาด เกบ็ ซากพชื ท่เี ป็นโรคทัง้ ใบและหัวไปเผา
ทำ�ลาย อย่าทิง้ ไว้ในแปลงจะเป็นทสี่ ะสมโรค
- เลือกพันธป์ุ ลูกทป่ี ราศจากโรค ก่อนปลกู ควรชุบหัวพนั ธุ์ด้วยสารป้องกัน
กำ�จัดโรคพืช
- หมน่ั ตรวจดูแปลงในชว่ งที่มอี ากาศเยน็ มีหมอกและน้�ำ ค้างลงจัด จะพบ
การระบาดรนุ แรงและรวดเร็วมาก เม่ือพบอาการของโรค พน่ ด้วยสารเคมี
- เพ่ือปอ้ งกันการดอ้ื ยา ควรหยดุ พน่ สารเคมกี อ่ นเก็บเก่ยี ว 15 วัน
2) โรคหัวและรากเน่า สาเหตุเกิดจากเชื้อรา ปอ้ งกนั ก�ำ จดั โดยน�ำ พืชทเ่ี ปน็ โรคไป
เผาทำ�ลาย เพ่อื ปอ้ งกนั ไม่ให้เมด็ ราแพร่ระบาดไปยังที่อืน่ ๆ และราดดนิ บริเวณทพี่ บโรค
และบริเวณใกลเ้ คยี ง ด้วยสารเคมี หยุดใชส้ ารกอ่ นการเก็บเก่ยี ว 14 วนั ในปีต่อไปควรปรับ
ดนิ ดว้ ยปูนขาว และเพม่ิ ปุ๋ยอนิ ทรยี ์ ไมป่ ลกู ซ�้ำ ท่ีเดิม และควรท�ำ ลายต้นทเ่ี ป็นโรคท้งิ เสีย
3) โรคราน�ำ้ ค้าง เกิดจากเชือ้ รา ปอ้ งกนั ก�ำ จัดโดยใช้สารเคมตี ามอตั ราท่แี นะน�ำ
ฉดี พ่นทุก 7 - 14 วัน
4) โรคหอมเล้ือย เกิดจากเช้อื รา ปอ้ งกันกำ�จัดโดยใช้สารเคมตี ามอตั ราทแี่ นะน�ำ
ฉีดพน่ ทกุ 7 - 10 วัน
5) หนอนกระทหู้ อม ปอ้ งกนั ก�ำ จดั โดยพน่ ดว้ ยเชอ้ื แบคทเี รยี บาซลิ ลสั ทรู งิ เยนซสิ (Bt)
อตั รา 60 - 80 กรัม หรอื เช้อื ไวรสั นิวเคลียโพลีฮีโดรซสิ (NPV) อัตรา 30 มลิ ลิลิตร ตอ่ น้ำ�
20 ลิตร หยดุ พ่นก่อนเก็บเกยี่ ว 1 วนั หรอื สารเคมตี ามคำ�แนะน�ำ พ่นทุก 5 - 7 วัน

102

จำ�นวน 3 คร้งั ติดตอ่ กนั หรือจนกวา่ การทำ�ลายจะลดลงตำ่�กวา่ 10% ของจำ�นวนตน้ ใน
แปลง หยุดพ่นก่อนเก็บเกย่ี ว 14 วัน
6) หนอนชอนใบ การป้องกันก�ำ จัดเมอื่ พบใบถูกทำ�ลายมากกว่า 10% โดยพน่
ดว้ ยสารเคมี หยดุ พน่ สารเคมีกอ่ นเก็บเกย่ี ว 14 วนั หรือจะใช้กับดกั กาวเหนียวสเี หลอื ง
ดกั จับหนอนตัวเตม็ วยั ในแปลงปลกู อัตรา 60 - 80 กับดกั ต่อไร่
7) เพลีย้ ไฟ ระบาดในชว่ งทา้ ยของการปลกู ประมาณเดอื นกมุ ภาพนั ธ์ - เมษายน
ป้องกนั ก�ำ จดั โดยการตรวจแปลงบอ่ ยๆ ถา้ พบเพลี้ยไฟใช้สารเคมีในการป้องกันก�ำ จดั
ตามอัตราที่กำ�หนด
5. การปฏิบัติกอ่ นและหลังการเก็บเกี่ยว
5.1 อายุการเก็บเกยี่ ว อายุการเก็บเก่ียว 65 - 85 วนั ข้นึ กบั สภาพภมู ิอากาศ
โดยเฉพาะชว่ งอุณหภมู ติ �่ำ จะทำ�ให้อายกุ ารเกบ็ เกยี่ วยดื ยาวออกไป และมีอทิ ธิพลต่อ
การลงหัวของหอมแดงด้วย ตอ้ งงดน�้ำ 5 - 7 วัน ก่อนเก็บเก่ยี ว สังเกตใบจะเริ่มมสี เี หลือง
งดการรดน�ำ้ แลว้ ถอนหวั ออกจากแปลงปลกู
5.2 วิธเี กบ็ เกีย่ ว เก็บหอมแดงที่หัวแหง้ แดงมนั ใบแหง้ พอ่ คา้ ท่ีรบั ซอ้ื หอมแดง
จะดูรายละเอียดความสมบูรณ์ของหวั หอม และจะให้ราคาสูงคือ หอมท่ีมลี กั ษณะ
หวั สีแดงเข้ม หวั โดด ไมม่ แี ง่ง คอเล็ก หอมที่ใบแห้ง รากไมเ่ น่า จะเกบ็ ไดน้ าน รากตดั ส้นั

5.3 เกบ็ รกั ษา
- การเก็บรกั ษาเพอ่ื รอการขนส่งหรือเพ่ือรอการจ�ำ หนา่ ย หลังจากเก็บ
เกีย่ วหอมแดงมาแลว้ จะตอ้ งนำ�หอมแดงมาแขวนภายในโรงเรือนทีม่ กี ารระบายอากาศดี
10 - 12 วัน อย่าแขวนใหช้ ดิ กันเกินไป เพราะจะท�ำ ให้เกิดความชื้น ท�ำ ให้หอมแดงเนา่
เสยี ได้ นำ�มามดั จุกใหเ้ ป็นระเบยี บ ตัดรากออกให้สวยงาม การเกบ็ รักษาหอมแหง้ ทีด่ ี
สามารถเกบ็ ในหอ้ งเยน็ ความชน้ื สมั พทั ธ์ 65 - 70 % ระยะเวลาการเกบ็ รกั ษา 1 - 8 เดอื น
- การเกบ็ รกั ษาเพอ่ื ท�ำ พนั ธุ์ มี 2 วิธี ไดแ้ ก่ วิธที ี่ 1 การแขวน มดั ใบเพอื่
แขวน ฉีดยาปอ้ งกนั แมลงใหท้ ั่ว รอให้แหง้ นำ�ข้ึนแขวนในทท่ี ี่เตรยี มไว้ และวิธที ่ี 2 การคลุก
สารเคมี ตดั ใบออก คลุกหอมแดงด้วยปูนขาวใหท้ ่วั นำ�ไปใส่ถุงกระดาษ อยา่ ใสใ่ หแ้ นน่
จนเกนิ ไป และอยา่ วางทบั กนั

103

104

ขอ้ มลู สภาพแวดลอ้ มท่เี หมาะสมตอ่ การเจริญเตบิ โตและให้ผลผลิตของหอมแดง

สภาพแวดลอ้ ม ความเหมาะสม ข้อจำ�กัด / รายละเอียดเพมิ่ เติม
1 สภาพภูมอิ ากาศ
1.1 อณุ หภมู ิ - ขณะเริม่ ปลกู 23 - 27 ๐C - ควรปลูกในสภาพพ้นื ทีท่ มี่ อี ากาศเย็น การเปลี่ยนแปลงอณุ หภูมิ
1.2 ความเรว็ ลม - อุณหภูมเิ ฉลย่ี 20 - 35 ๐C ตลอด 1 - 2 ถา้ คอ่ ยๆ เปลย่ี นแปลงสม�ำ่ เสมอโดยไม่ข้ึนลงแตกตา่ งกันมาก จะท�ำ ให้ผลผลติ สงู ข้นึ �
2. สภาพน�้ำ เดอื น - ถ้าหวั เริ่มแก่ สภาพอากาศต้องแหง้
- ความเร็วลม ควรมลี มเคล่อื นทพ่ี ดั ผา่ น
3. สภาพดิน
3.1 ลักษณะของเนื้อดนิ - ห��อ�ม�แ�ด�ง�ใน�ภ�า�ค��เ�ห�น�อื���ต�อ้ �ง�ก�า�ร��น���้ำ ใ�ช�ต้��ล�อ�ด�
3.2 ความเปน็ กรด-เป็นด่าง (pH) อายุพชื 477 ลกู บาศก์เมตรตอ่ ไร่
- หอมแดงในภาคตะวันออกเฉียงเหนอื
ตอ้ งการน�ำ้ ใชต้ ลอดอายพุ ชื 515 ลกู บาศกเ์ มตร
ตอ่ ไร่

- ดนิ ร่วนซุย�ม��กี �า�ร�ร�ะ�บ�า�ย��น���ำ้ แ��ล�ะ�ระ�บ�า�ย� - พ้นื ทที่ ่ีปฏกิ ิรยิ าดนิ เป็นกรด (ดนิ เปรีย้ ว) ใส่ปนู มาร์ลหรือปนู ขาว
อากาศไดด้ ี ความชืน้ ในดนิ สงู ก่อนปลกู อยา่ งนอ้ ย 15 วัน โดยหวา่ นหลงั การไถดิน
- ความเปน็ กรด-เป็นดา่ ง (pH) 5.0 - 6.5 ครัง้ แรก พรวนกลบทง้ิ ไว้

แนวทางการเพิ่มประสทิ ธิภาพการผลิต และแหลง่ สืบคน้ ข้อมลู เพมิ่ เติม

แนวทางการเพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการผลติ
- การเตรียมหัวพันธ์ุการก่อนปลกู หากตอ้ งการจะใหห้ อมออกรากเร็ว ควร
นำ�ไปจมุ่ น้ำ�แล้วหอ่ ผา้ ทช่ี ื้นไว้ 2 - 3 วันจึงคอ่ ยนำ�ไปปลูก
- การเตรยี มดินกอ่ นปลกู หอมแดงมีระบบรากตื้น ชอบดนิ รว่ น มกี าร
ระบายน้�ำ ดี แปลงปลูกควรไถพรวน หรอื ขุดดว้ ยจอบ พลิกดนิ ตากแดดไวก้ ่อน 2 - 3 วนั
แล้วยอ่ ยดินใหเ้ ป็นกอ้ นเลก็ แตอ่ ยา่ ให้ละเอียดมาก จะทำ�ใหด้ นิ แน่น หอมลงหัวยาก
- การเกบ็ เกีย่ ว ควรงดน้ำ�ก่อนเกบ็ เกย่ี ว 5 - 7 วัน เพอ่ื ให้หอมแดงแห้งจะ
ชว่ ยในการเก็บรกั ษาไดน้ านขนึ้
แหล่งสบื คน้ ขอ้ มูลเพม่ิ เติม
ชมรมการเกษตร .การปลูกหวั หอมแดง. แหล่งที่มา : http://myveget.com. 1
กุมภาพันธ์ 2556.
ธวัชชัย น่ิมกิง่ รตั น.์ การผลิตหอมแดงให้ปลอดภัยจากสารพษิ . ศนู ย์วิจัยพชื สวน
ศรีสะเกษ กรมวิชาการเกษตร.
สกุ ญั ญา ตแู้ กว้ และสมภูมิ พรรณอภัยพงศ.์ 2551. คู่มือนกั วชิ าการสง่ เสรมิ การเกษตร
หอมแดง. ส�ำ นักส่งเสรมิ และจดั การสนิ คา้ เกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร.
หอ้ งสมุดความรู้การเกษตร. กรมสง่ เสริมการเกษตร. กระเทียม.

แหลง่ ทีม่ า : http://www.doae.go.th/library/ 15 กุมภาพันธ์ 2556.

105

หอมหัวใหญ่ ขั้นตอนการปลกู และการดแู ลรกั ษาหอมหวั ใหญ่

การเตรียมการ 25 วัน 50 วนั 75 วัน 100 วนั 125 วัน 150 วัน

การเตรียมดิน -1ป5ลยูก้า×ยกร2กะา0ลยร้าซะปปมลลล.กู งกู แปลง -กขณ�ำพจะรัดวลวกนำ�ชั าตดวพร้นชัินกชื พเล��ำ1ชืจก็-2ัด��ค�เ�พร��ือ่้ัง� -วจ-กวก-นัันำ�กกคคคน..นรรใ//รวไไส้้ัังงบั รรัง้นททป่จ่่ทก่่ีีเเยุ๋ามม3่23ี าก1่ือ่ือร1คออยใอ5ออร้าัตัตส-ตัาางั้ยรร1่ปยยรปาา5าุุุ๋ย-ล423312กู000055--4255
- ไถพลกิ ดินตากแดด
- รองพ้ืน โดยใส่ปุ๋ยอนิ ทรีย์
อตั รา 2 - 3 ตันตอ่ ไร่

การเตรยี มพนั ธุ์ การให้น�้ำ ม-เ-เนปพสี�้ำสเลกาตเีังะห่ยีบ็เาเกนลเลมกตือเ�ลปี่ยใง็ดบวน็ สเจสมกีขะีเือ่ขอเารยีอรง่มิ เวเาปถกปยา่ล็บุนง1ือเเอ5กทกอ0ยี่หากวุ้มวแนัแหลลนัวะะเับปเใจรบน็ ่มิาสกี
- แ��ช��่เม��ล��็ด��พ��นั �ธ��ุ์ �ใ�น��น�ำ้�อ��่นุ���5�0���ํC�� - ระยะแรก ��ใ�ห��น้���ำ้ ว��นั ��เว��น้ �ว��นั ��
ไว้ 1 คนื - หลังจากต้ังตัว��ใ�ห��น้��ำ�้ ��ท�ุก���
- ค��ล�กุ �ด��้ว�ย�ส�า�ร��ป�้อ��ง�ก�นั��ก��ำ จ��ดั �โ�ร�ค�� 3-5 วนั
ท้งิ ให้หมาดแล้วน�ำ ไปหวา่ นใน
แปลงเพาะ เมล็ดจะงอกภายใน
4-5 วัน เม่อื กลา้ อายุ 40-45 วัน
จึงจะยา้ ยปลูกได้

ศัตรทู สี่ �ำ คัญ -กเพาบือ่รรขเรกนจบ็ สุใรสง่ ัก่กษระากสหาอรรือบปเหฏพรบิอื่ ือัตรถอิหุงกตลาางั รขกจ่าา�ำ ยรหเนก่า็บยเแกล่ียะวสะดวกใน
- โรคแอนแทรคโนส หรือโรคหอมเลื้อย ปอ้ งกนั โดยปรับปรุงดินดว้ ยปูนขาวก่อนปลกู 1 - 2 สัปดาห์ และใสป่ ยุ๋ คอก
เพ่อื ฟนื้ ฟูสภาพดนิ
- โรคใบไหม้ ก�ำ จัดโดยฉดี พน่ สารเคมี และรดแปลงกล้าด้วยน้ำ�ปนู ใสจะช่วยให้กลา้ แขง็ แรงทนทานโรค
- เพลยี้ ไฟ ให้ใชส้ ารเคมฉี ดี พ่นในช่วงเวลาเยน็

เทคนคิ การปลูกและดูแลรกั ษาหอมหวั ใหญ่

1. การเตรยี มการกอ่ นปลกู
1.1 การเตรียมดนิ หอมหวั ใหญเ่ ปน็ พชื ผกั ประเภทหวั ดนิ ทจ่ี ะปลกู หอมหวั ใหญ่
ควรเป็นดนิ รว่ น หรอื ดนิ ร่วนปนทราย ควรไถพลิกดินตากแดดไว้อย่างนอ้ ย 7 วนั และใส่
ปยุ๋ อนิ ทรยี ์ 1.5 - 3 ตนั ตอ่ ไร่ และใสป่ ยุ๋ เคมี 15 - 15 - 15 อตั รา 50 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ รองพน้ื
คลกุ เคลา้ ไปกบั ปยุ๋ อนิ ทรีย์ ขนาดของแปลงกวา้ ง 1 - 1.20 เมตร 
1.2 การเพาะกลา้
- การเตรยี มเมลด็ พนั ธ์ุ โดยน�ำ เมลด็ พนั ธแ์ุ ชน่ �ำ้ ไว้ 1 คนื เพอ่ื ใหเ้ มลด็ พนั ธ์ุ
งอกอย่างสมำ�่ เสมอ คลุกด้วยสารป้องกนั ก�ำ จดั โรคแมลง ทงิ้ ใหห้ มาดแลว้ นาไปหว่านใน
แปลงเพาะ
- การเตรยี มแปลงเพาะกลา้ พน้ื ทแ่ี ปลงเพาะกลา้ ควรใกลบ้ รเิ วณทม่ี แี หลง่ น�ำ้
ไมม่ นี �ำ้ ขงั แปลงกลา้ จะตอ้ งเตรยี มใหด้ ี เพราะกลา้ หอมหวั ใหญจ่ ะตอ้ งอยใู่ นแปลง 40 - 45 วนั
จึงจะย้ายปลกู ได้ ก�ำ จัดวัชพืชและยอ่ ยดนิ ให้ละเอียด ตากดนิ ไว้ 7 - 10 วนั ใส่ปยุ๋ อินทรีย์
อตั รา 1 - 2 ตนั ตอ่ ไร่ และปุย๋ เคมี 15 - 15 - 15 อัตรา 30 กโิ ลกรมั ต่อไร่ แล้วคลกุ เคล้าดนิ
กับป๋ยุ ให้เขา้ กนั ปรบั และเกล่ยี ดนิ ใหเ้ รียบ
- การเพาะกล้าและดูแลรักษา ท�ำ รอ่ งขวางตามแปลงแต่ละรอ่ งห่างกัน
10 เซนตเิ มตร หยอดเมลด็ โดยใหเ้ มลด็ ในแตล่ ะรอ่ งหา่ งกนั 1 - 2 เซนตเิ มตร เพอ่ื ไมใ่ หต้ น้ กลา้
ขนึ้ แนน่ และแย่งอาหารกัน จากนัน้ กลบดว้ ยดนิ หนา 1 เซนติเมตร ฉีดพน่ ดว้ ยสารปอ้ งกนั
กาจดั โรคและแมลงใชฟ้ างหรอื หญา้ แหง้ ทส่ี ะอาดคลมุ แปลง รดน�ำ้ พอชมุ่ ควรท�ำ หลงั คาผา้
หรอื พลาสตกิ คลมุ แปลงเพาะ เพอ่ื ชว่ ยรกั ษาดนิ ใหช้ มุ่ ชน้ื และปอ้ งกนั แดดและฝน หมน่ั รดน�ำ้
ให้ชุ่มอยู่เสมอ เมลด็ จะงอกภายใน 4 - 5 วนั

2. การปลูก
2.1 วิธปี ลกู
ฤดปู ลกู เขตภาคเหนือ ปลูกช่วง เดอื นกนั ยายน – ธนั วาคม ชว่ งเกบ็ เก่ยี ว

กุมภาพนั ธ์ - พฤษภาคม
ฤดูปลกู เขตจังหวดั กาญจนบุรี เดือนมถิ นุ ายน – สงิ หาคม ช่วงเกบ็ เกย่ี ว

พฤศจกิ ายน – ธนั วาคม เมอ่ื ตน้ กลา้ อายุ 40 - 45 วนั สามารถยา้ ยลงแปลงปลกู ใชฟ้ างขา้ ว
คลมุ แปลง รดน�ำ้ แล้วจงึ ปลูกคดั ขนาดตน้ กล้าเท่ากนั ปลกู ในแปลงเดยี ว เพอื่ สะดวกตอ่ การ
ดูแลรกั ษา

2.2 ระยะปลูก ระยะปลกู ระหว่างหลุมและแถว 15 × 20 เซนตเิ มตร

3. การดูแลรักษา
3.1 การใสป่ ๋ยุ ใส่ปยุ๋ หลงั จากท่ีหอมหวั ใหญ่มีอายุ 20 - 25 วนั นบั จากวัน
ย้ายปลกู อตั รา 25 กิโลกรมั ตอ่ ไร่ ใสป่ ๋ยุ สูตร 15 - 15 - 15 อีก 2 ครั้ง ครงั้ ละ 30 กโิ ลกรมั

107

ตอ่ ไร คร้งั แรกเมอื่ หอมหวั ใหญม่ ีอายุ 80 - 85 วนั และครงั้ ท่สี องเมื่อหอมหวั ใหญ่มอี ายุ
95 - 100 วัน 
3.2 การให้น�ำ้ การใหน้ ำ้�กลา้ หอมหวั ใหญท่ ี่ยา้ ยลงปลกู ในแปลงใหญ่ โดยปกติ
จะให้น้ำ�วันเว้นวนั และหลังจากตัง้ ตัวไดแ้ ลว้ ให้น�้ำ 3 - 5 วนั ต่อครงั้ แต่ทั้งนีใ้ หด้ คู วามชื้น
ของดินประกอบไปด้วย การให้น�้ำ สามารถทำ�ได้หลายวธิ ี คอื ใชส้ ายยางรด ใชส้ ปรงิ เกลอร์
หรือปลอ่ ยนำ้�เขา้ ตามร่อง แต่ต้องจัดระบบการระบายน้ำ�ให้ดีอยา่ ให้ขังแฉะ เพราะถา้ นำ้�
ขงั แฉะมากเกนิ ไปจะท�ำ ให้หอมหวั ใหญ่เน่าไดง้ า่ ย และเม่อื สังเกตเหน็ วา่ ดนิ เริ่มแห้งจึงเร่ิม
ให้น�้ำ ส�ำ หรบั แปลงท่ีใชฟ้ างคลมุ อยู่แล้วอาจจะใหน้ ้�ำ เพียงสปั ดาห์ละครง้ั วิธกี ารทีใ่ หน้ �ำ้ ดี
ทีส่ ดุ คอื ปลอ่ ยน�้ำ ให้เข้าตามรอ่ ง เพ่ือใหน้ ำ�้ ซึมเขา้ แปลงอย่างเพยี งพอ แล้วจงึ ระบายนำ�้
ออกอย่าใหข้ ังแฉะ จะลดปญั หาการระบาดของโรคได้

3.3 การก�ำ จัดวชั พืช ในขณะทห่ี อมหวั ใหญย่ งั มขี นาดล�ำ ตน้ เลก็ อยู่ ควรพรวนดนิ
1 - 2 คร้ัง เพอื่ กำ�จดั หญ้าและวัชพืชอ่ืนทไ่ี มต่ อ้ งการออกไป และเมอ่ื หอมหัวใหญ่มีอายุ
70 วนั ไปแลว้ ควรหยดุ พรวนดนิ เพราะรากของหอมหวั ใหญจ่ ะแผเ่ ตม็ แปลง การพรวนดนิ
ระวงั อยา่ ใหบ้ ริเวณลำ�ตน้ หอมหวั ใหญ่เป็นแผล ซึ่งจะเปน็ ช่องทางให้โรคเขา้ ไปท�ำ ลาย
และจะท�ำ ใหห้ อมหัวใหญเ่ น่าได้ นอกจากน้ีหากเกษตรกรมกี ารใช้ฟางหรอื หญา้ แหง้
คลุมแปลง จะชว่ ยปอ้ งกนั ก�ำ จัดวัชพืชได้
4. ศตั รพู ืชทส่ี ำ�คัญ
- โรคแอนแทรคโนส หรือ โรคหอมเลอื้ ย สาเหตุเกิดจากเช้อื รา โรคนท้ี �ำ ให้
หัวลบี ยาว ระบบรากสนั้ เกบ็ เก่ียวไมไ่ ด้ มักจะพบระบาดรุนแรงในฤดูฝน หรอื ภายหลัง
ฝนตกในฤดหู นาวสามารถปอ้ งกนั ได้ โดยกอ่ นปลกู ทกุ ครง้ั ควรปรบั ปรงุ ดนิ ดว้ ยการใสป่ นู ขาว
กอ่ นปลกู 1 - 2 สัปดาห์ และใสป่ ุย๋ คอก เพือ่ ฟ้ืนฟูสภาพดิน
- โรคใบไหม้ สาเหตุเกิดจากเชอ้ื แบคทีเรีย ใบหอมหวั ใหญจ่ ะเป็นแผลฉำ่�นำ�้
ถ้าเป็นมากแผลจะมีขนาดใหญ่ ท�ำ ให้ใบหักพับลง ใบเหี่ยวมสี ีเขียวอมเทาเหมอื นถกู
น้�ำ ร้อนลวกและเปลย่ี นเปน็ สนี ำ้�ตาล แหง้ ตายในท่สี ดุ ป้องกนั กำ�จัดโดยพ่นสารเคมี อตั รา
ตามฉลากทุก 7 - 10 วัน ถ้าระบาดมากให้พ่นทกุ 3 - 5 วนั และรดแปลงกลา้ ดว้ ยน�ำ้ ปนู ใส
จะช่วยให้กลา้ แขง็ แรงทนทานต่อโรค
- เพล้ยี ไฟ การเขา้ ท�ำ ลายของเพลี้ยไฟมกั จะเป็นช่องทางให้เกดิ โรคราสีม่วง
เพลย้ี ไฟมกั จะระบาดชว่ งทา้ ยของการปลกู ประมาณเดอื นกมุ ภาพนั ธ์ - เมษายน การปอ้ งกนั
ก�ำ จดั ควรตรวจแปลงบอ่ ย ถ้าพบเพลย้ี ไฟมากให้ใชส้ ารเคมีอัตราใช้ตามฉลากทก่ี �ำ หนด
ควรผสมสารเคมกี �ำ จัดโรคราสมี ว่ งในการพน่ แต่ละครั้ง เพอ่ื ป้องกนั โรคราสีมว่ งระบาดไป
พร้อมกนั

108

- หนอนกระทู้หอม จะเขา้ ทำ�ลายโดยกัดกนิ ใบยอด กาบใบ การปอ้ งกันก�ำ จดั
ควรใชส้ ารเคมีกำ�จัดแมลง เช่น สารไพรที รอยด์ ออร์แกนโนฟอสเฟต หรอื คลอไพรฟี อส
ซึง่ จะออกฤทธถ์ิ ูกตวั ตาย ควรฉดี พน่ ในช่วงเวลาเย็นหรืออุณหภูมิสงู ไม่เกนิ 28 - 30 องศา
เซลเซียส จะใหไ้ ด้ผลดี
5. การปฏิบตั กิ ่อนและหลงั การเกบ็ เกีย่ ว
5.1 การเกบ็ เกย่ี ว
- เกบ็ เกีย่ วเม่อื แก่จัด อายุประมาณ 150 วัน นับจากวนั เพาะเมล็ด
หรอื สังเกตวา่ เมอื่ หอมหวั ใหญ่เริม่ แก่ใบจะเริ่มถ่างออก และใบเปลี่ยนเปน็ สีเขียวปนเทา
และเรม่ิ มสี เี หลอื ง สขี องเปลอื กหมุ้ หวั เปน็ สนี �ำ้ ตาล แสดงวา่ หอมหวั ใหญเ่ รม่ิ แกจ่ ดั สามารถ
เกบ็ เก่ียวได้ สาเหตทุ ีต่ ้องเกบ็ หอมหัวใหญท่ ม่ี ีอายุแก่จัดน้นั เพราะจะท�ำ ให้เก็บรักษาได้
นานรากจะไมง่ อก และมกี ารแทงยอดขนึ้ มาเรว็ กว่าปกติ

5.2 วธิ ีเก็บเกี่ยว
- การเก็บเก่ียวให้ใช้มอื ถอนหวั ข้ึนจากดนิ ในชว่ งฤดูแลง้ แล้ววางไวบ้ น
แปลงปลกู เป็นเวลา 4 - 5 วัน จนกระท่ังใบเหีย่ ว แล้วจึงตัดใบทง้ิ จากนน้ั จงึ บรรจุใส่
กระสอบหรือถุงตาขา่ ยเพ่อื เกบ็ รกั ษาไว้ใชป้ ระโยชนต์ อ่ ไป
5.3 การเกบ็ รกั ษา
- อุณหภมู ทิ ีเ่ หมาะส�ำ หรบั การเกบ็ รักษาหอมหัวใหญ่ คอื 2 - 5 องศา
เซลเซยี ส ความช้ืนสมั พทั ธ์ 70 - 75% เน่ืองจากนา้ํ ในเซลล์หอมจะแขง็ ตัวในอณุ หภมู หิ นง่ึ
ถ้าหากอุณหภมู ใิ นหอ้ งเก็บรักษาเปลย่ี นแปลง จะทำ�ให้หัวหอมใหญ่มีอาการแผลชา้ํ ได้
ควรควบคมุ อุณหภมู ิให้สม่าํ เสมอ
- หลงั จากนำ�ออกจากห้องเกบ็ รกั ษา หอมหวั ใหญ่จะคายนา้ํ สงู ซึ่งจะ
เน่าเสียง่าย ควรเป่าลมท่มี อี ุณหภูมิ 10 องศาเซลเซียส เปน็ เวลา 24 - 36 ช่วั โมง

- การบรรจใุ นภาชนะหรอื หอ้ งทค่ี วบคมุ บรรยากาศ (controlled atmosphere
storage: CA) จะช่วยให้เกบ็ รักษาได้นาน โดยใช้ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ 5 %
และออกซเิ จน 3 % หรอื บรรจุในระบบสูญญากาศ

5.4 การขนส่ง
- การขนสง่ โดยรถหอ้ งเยน็ อณุ หภูมิ 10 องศาเซลเซยี ส เป็นเวลา 48

ชั่วโมง หรอื 21 องศาเซลเซยี ส เปน็ เวลา 24 ช่วั โมง กอ่ นถึงตลาดหรือน�ำ ออกจำ�หน่าย

109

110 ข้อมูลสภาพแวดล้อมทเี่ หมาะสมตอ่ การเจริญเติบโตและใหผ้ ลผลติ ของหอมหวั ใหญ่

สภาพแวดลอ้ ม ความเหมาะสม ข้อจำ�กัด / รายละเอียดเพมิ่ เตมิ
1 สภาพภูมิอากาศ
1.1 อุณหภูมิ - ตอ้ งการพ้นื ทป่ี ลูกท่ีมสี ภาพอากาศเยน็ และชื้น อณุ หภมู ทิ เ่ี หมาะสม - อณุ หภูมสิ ูงกวา่ 30�อ���งศ�า�เ�ซ��ล�เ�ซ�ยี �ส���จ�ะ�จ��ำ ก��ดั �ก�า�ร��เจ�ร��ญิ �
คือ 13 - 24 องศาเซลเซียส หรอื อณุ หภูมิเฉลย่ี อยรู่ ะหวา่ ง 18.3
1.2 ความชืน้ สัมพทั ธ์ องศาเซลเซียส แตน่ ยิ มปลกู กันในช่วงฤดหู นาวเนอ่ื งจากการปลูกใน
1.3 ความยาวช่วงแสง ฤดฝู นนนั้ จะท�ำ ใหม้ ีการเนา่ เสยี ของใบและล�ำ ตน้ เกดิ ขึ้นได้งา่ ย�
- การเพาะเมล็ดเพื่อให้ไดต้ น้ กลา้ ท่ีแขง็ แรง ต้องการอุณหภูมิ 20 - 30
องศาเซลเซยี ส
- ระยะเก็บเก่ยี ว : ต้องการอณุ หภูมิสูง
- ตอ้ งการความช้ืนสมั พัทธใ์ นอากาศ 70 เปอรเ์ ซน็ ต์ ในเพาะเมล็ด
- ระยะเกบ็ เกี่ยว : ต้องการความช้ืนสัมพัทธต์ ํ่าเพอ่ื ใหส้ ามารถเกบ็
รกั ษาไดน้ าน
- ระยะเจรญิ เตบิ โต : ระยะที่หอมหัวใหญ่มกี ารเจริญเตบิ โตทางใบ - การใช้หอมทตี่ อ้ งการชว่ งแสงสัน้ ปลูกในระยะทมี่ ชี ่วงแสงยาวจะ
ควรอยใู่ นท่มี อี ากาศหนาวและชว่ งแสงส้นั เป็นเวลานาน ช่วงแสงที่ ลงหวั เรว็ หวั มขี นาดเลก็ เหมาะส�ำ หรบั ผลติ เปน็ หัวเล็กส�ำ หรับปลูก
เหมาะสำ�หรับการเจรญิ เตบิ โต จะอยู่ระหวา่ ง 8���-�1��6��ช���ั่ว���โ��ม��ง�ต��่อ��ว�นั � ในฤดูต่อไป
ขน้ึ อยูก่ ับพันธ์ุ (สว่ นพนั ธ์เุ บาหรือพันธท์ุ มี่ ีอายุส้นั เกบ็ เกยี่ วเร็ว
ซ่งึ นยิ มปลูกในเขตรอ้ น ตอ้ งการชว่ งแสง 8 - 10 ชั่วโมงต่อวนั )
- หอมหวั ใหญต่ ้องการช่วงแสงยาวในการลงหัวไปจนถงึ ระยะ
เก็บเกี่ยว

ขอ้ มลู สภาพแวดลอ้ มท่ีเหมาะสมต่อการเจรญิ เติบโตและให้ผลผลติ ของหอมหัวใหญ่ (ต่อ)

สภาพแวดลอ้ ม ความเหมาะสม ขอ้ จำ�กัด / รายละเอยี ดเพ่มิ เติม
2. สภาพดนิ pH ตา่ํ กว่า 5.8 หอมจะไมส่ มบูรณ์
2.1 ลักษณะของเนอื้ ดนิ ดนิ ร่วน หรือดนิ รว่ นปนทราย มคี วามอดุ ม pH�ส��งู�ก��ว�า่��6��.5��จ��ะ�ใ�ห��้ผ�ล�ผ��ล�ิต��ล�ด�ล��ง���ด�ิน��ท���มี่���ี��p���H��ส����งู ����พ���ืช���ไ��ม�ส่ �า�ม�า�ร��ถ�น�ำ�ธ�า�ต��ุท�อ��ง�แ�ด��ง�(�c��u���)�
สมบูรณ�์ ��ม��ีก�า�ร�ร�ะ�บ�า�ย��น��ำ�้ ไ��ด��ด้ �ี แมกนีเซีย่ ม (mg) และ สงั กะสี (Zn) ขน้ึ ไปใชป้ ระโยชน์ได้
2.2 ความเปน็ กรด - ดา่ ง (pH) 5.8 - 6.5

2.3 ปริมาณอนิ ทรียว์ ัตถุ ดนิ ปลกู ควรมคี า่ ธาตอุ าหารในปรมิ าณทม่ี าก
เพยี งพอ

4. สภาพน�ำ้ หอมหัวใหญ่ตอ้ งการนํ้า 700 - 750 - การให้นํ้าน้อยเกินไปจะทำ�ใหช้ ะงกั การเจริญเตบิ โต�แ��ล�ะ�ใ�ห�้ม�า�ก��เ�ก�นิ �ไ�ป���จ�ะ�ท�ำ�ใ�ห��้ห�อ�ม�
4.1 ปรมิ าณนำ�้ ที่ต้องการ มลิ ลเิ มตร ตลอดฤดปู ลกู หรือให้น้าํ ประมาณ เนา่ ตาย
14 - 15 ครงั้ แต่ละครงั้ ให้นํา้ 50 มลิ ลิเมตร
โดยรกั ษาใหม้ คี วามชื้นอยู่ทร่ี ะดบั
35 - 59 เซนตเิ มตร จากหนา้ ดิน

111

แนวทางการเพม่ิ ประสิทธภิ าพการผลิต และแหลง่ สบื ค้นข้อมลู เพิ่มเตมิ

แนวทางการเพม่ิ ประสทิ ธิภาพการผลิต
- การย้ายปลกู ควรคัดขนาดตน้ กล้าให้มีขนาดเทา่ กันปลูกในแปลงเดียวกัน
เพื่อสะดวกต่อการดแู ลรักษา
- การปฏบิ ัตหิ ลงั การปลูกในการควบคุมวัชพืช สามารถใชฟ้ างหรือหญา้ แหง้
คลมุ แปลงจะช่วยป้องกันการเกดิ วัชพชื ได้
- เทคนิคการให้น้ำ� วธิ ีใหน้ �ำ้ ดีทสี่ ุดคอื ปลอ่ ยน�ำ้ ให้เขา้ ตามรอ่ ง ให้น�้ำ ซมึ
เข้าแปลง ระบายน�้ำ ออกอยา่ ให้ขงั แฉะ จะชว่ ยลดการระบาดของโรค
- เทคนคิ การพรวนดนิ ขณะพรวนดนิ พยายามอยา่ ใหล้ �ำ ตน้ เปน็ แผล เนอ่ื งจาก
จะเป็นชอ่ งทางใหโ้ รคเขา้ ลาย และท�ำ ให้หอมเนา่
- การป้องกันกำ�จดั โรคกล้าเน่า สามารถใชน ้าํ ปนู ใสรดตนกลาหอมหัวใหญ
จะชวยปองกนั โรคกลาเนาตาย โดยใชปูนขาว 5 กิโลกรมั ละลายในน้ํา 60 ลิตร กวนให
เขากันทง้ิ ไว 1 คนื ตกั สว นเปน น้ําใสมา 1 สว น นําไปผสมกบั น้ํา 5 สว น นําไปใชรดกลา
ทกุ 7 วันเพ่ือปอ งกันกันกลาเนา
- การปฏบิ ตั หิ ลงั การเก็บเก่ียว ภาชนะบรรจคุ วรมีคณุ ภาพดี ถกู สุขลกั ษณะ
มีการถา่ ยเทอากาศท่ดี ี ไมม่ กี ล่ินและสิ่งแปลกปลอม มคี ุณสมบตั ทิ นทานต่อการขนส่ง
และรกั ษาคุณภาพหอมหัวใหญ่ได้
- การเก็บรกั ษา หากต้องการเกบ็ รกั ษาเปน็ ระยะเวลานาน สามารถทำ�ไดโ้ ดย
การฉายรงั สแี ล้วเกบ็ รักษาในหอ้ งเย็น จะช่วยชะลอการงอกลดอตั ราการสญู เสยี น้ำ�หนกั
อตั ราการเนา่ เสยี และได้หอมคุณภาพดีกวา่
แหลง่ สืบคน้ ข้อมลู เพมิ่ เติม
ฉัตร ชำ�่ ชอง และ เยาวลกั ษณ์ รัตนะเพยี รธรรมมะ. ไม่ระบุปีพิมพ์.
แนวทางในการรกั ษาเสถยี รภาพหอมหวั ใหญ.่ มหาวทิ ยาลัยเกษตรศาสตร์.
นรินทร์ สมบรู ณ์สาร และสภุ าพ หลิมอตั ระ. 2542. หอมหวั ใหญ่. กรมส่งเสริมการเกษตร.
นิพนธ์ ไชยมงคล. ไมร่ ะบปุ พี มิ พ์. หอมหัวใหญ่. มหาวทิ ยาลยั แมโ่ จ.้
สำ�นักงานมาตรฐานสนิ ค้าเกษตรและอาหารแหง่ ชาติ. 2552.
มาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแหง่ ชาติ : หอมหวั ใหญ่. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์.
สำ�นักส่งเสริมและฝึกอบรม มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์.2556. หอมหวั ใหญ.่
แหลง่ ท่มี า : http://www.eto.ku.ac.th/neweto/e-book/plant/herb_gar/hom_
hua.pdf. 8 กมุ ภาพันธ์ 2556.

112

หน่อไมฝ้ ร่งั ข้ันตอนการปลกู และการดูแลรกั ษาหนอ่ ไม้ฝรง่ั

การเตรยี มการ 1 เดอื น 2 เดือน 3 เดือน 4 เดอื น 5 เดือน 6 เดือน 7 เดอื น 8 เดอื น 9 เดือน 10 เดอื น 11 เดือน 12 เดอื น ปที ี่ 2 ปที ี่ 3 ปที ่ี 4 ปีท่ี 5

การเตรยี มดิน การปลกู การใสป่ ยุ๋ การท�ำ ราวค�ำ้ ต้น การเกบ็ เกย่ี ว การปฏบิ ตั ิหลงั
ในถงุ ด�ำ ดินรว่ นผสมปยุ๋ - หลังปลกู 2-3 เดือน - กล้าอายุ 2 เดอื น - ปักเสาที่หวั ทา้ ยแปลง และการพักต้น การเก็บเก่ียว
อนิ ทรีย์ อัตรา 1 : 1 ย้ายปลกู ใส่ปยุ๋ 21-0-0 อัตรา ตรงกับแถวท่ปี ลกู - อายุ 8 เดือนหลงั เพาะกลา้ - การขนยา้ ย เกบ็ ผลผลติ
ในแปลงเพาะ 1 ไร่ - เลอื กกล้าท่สี มบรู ณ์ 30 กก.ต่อไร่ - ขงึ เชือกไนล่อนเปน็ สามารถเก็บเกยี่ วได้ โดยการ ในทร่ี ม่ อากาศถา่ ยเทได้
- ใส่ปุ๋ยอินทรยี ์ 30 กก. แข็งแรง มรี ากมาก - อายุ 3 เดือน ใส่ ระยะ 1 - 2 แถว จบั โคนหนอ่ ท่ตี ิดกับดินแลว้ สะดวก
- ปุ๋ย 15-15-15 จ�ำ นวน - ย้ายปลูกชว่ งทมี่ ีแดด ปยุ๋ 15-15-15 อตั รา ดงึ ขน้ึ - การท�ำ ความสะอาด
0.5 กก. ออ่ นๆ 30 กก.ตอ่ ไร่ การไวต้ น้ แม่ - สามารถเกบ็ ผลผลติ ไดท้ กุ วนั ทำ�ความสะอาดเฉพาะ
- ปนู ขาว 1 กก. - ระวงั อย่าให้รากขาด - ใส่ทกุ 1 เดือน จน - ตดั แตง่ กิง่ และไว้ต้น เปน็ เวลา 60 วัน สว่ นโคนด้วยนำ�้ สะอาด
ในแปลงปลกู 1 ไร่ ครบ 9 เดอื น แม่ 4 - 5 ต้นต้นกอ - หลังเก็บผลผลติ นาน 60 วนั - การคดั เกรด ก่อนคัด
- ไถดินลกึ 50 ซม. การก�ำ จดั วชั พืช ในชว่ งพกั ตน้ ควรทำ�การพกั ต้น โดยถอน เกรดต้องตัดโคนหน่อ
- ใส่ปนู ขาว 200 กก. ช่วงเตรยี มดิน และชว่ ง - ใส่ปุย๋ อินทรยี ์ 0.5 การให้น�้ำ แยกต้นท่ีเหลือง โทรมออก ด้วยมีดสะอาดให้หน่อ
- ตากดนิ 10-15 วนั ท่ที ำ�การพกั ตวั ควรก�ำ จัด – 1 ตนั ตอ่ ไร่ - ให้ทุก 3 - 5 วนั ขึ้นอยู่ เหลอื ตน้ แมไ่ ว้ 4 - 5 ต้นต่อกอ มคี วามยาวเท่ากนั ที่ 25
- ใสป่ ุ๋ยอินทรีย์ 2-3 ตนั วชั พืช - ปุ๋ย 12-24-12 กับความชื้นในดิน - ช่วงพกั ต้นควรงดการเกบ็ ซม.
อตั รา 50 กก.ต่อไร่ - ระวังอยา่ ให้แฉะ ผลผลติ - การบรรจุ และขนส่ง
การเตรยี มพันธ์ุ - พักตน้ นาน 1 เดอื น รัดผลผลติ ด้วยหนังยาง
- แชเ่ มลด็ ในนำ้�อนุ่ 50 – เรียงผลผลิตให้ยอดตัง้
55oC นาน 30 นาที ศตั รทู ส่ี �ำ คญั และการปอ้ งกันก�ำ จัด ข้ึนในตะกร้าพลาสติก
- แชใ่ นน�้ำ อณุ หภมู ปิ กติ 1. โรคล�ำ ตน้ ไหม้ เกดิ จากเชอ้ื รา ระบาดในฤดฝู น 2. โรคใบเทยี มรว่ ง เกดิ จากเชอ้ื รา ระบาดมากในทม่ี คี วามชน้ื สงู ท่รี องดว้ ยแผน่ ฟองน�้ำ
นาน 1 คืน 3. โรคเนา่ เปียก เกดิ จากเชอ้ื รา ระบาดรุนแรงในฤดฝู น และทม่ี ีความชน้ื สูง 4. โรคแอนแทรคโนส เกดิ จากเช้อื รา คลมุ ด้วยผ้าขาวบางหรอื
- นำ�ไปผง่ึ ลม ระบาดมากในฤดูฝน ปอ้ งกนั กำ�จัดโรค1-4 โดย ตัดแต่งทรงพุ่ม ควบคุมการให้น�ำ้ 5. หนอนเจาะสมอฝา้ ย ฟองนำ�้
- เม่ือเมลด็ ปริ น�ำ ไปเพาะ 6. หนอนกระทู้ผัก หนอนกระทหู้ อม และ 7. เพลี้ยไฟ ระบาดชว่ งฤดูรอ้ น และช่วงหนาวเข้ารอ้ น ปอ้ งกนั กำ�จัด
โดยใชก้ ับดกั กาวเหนียว

เทคนคิ การปลกู และดูแลรกั ษาหน่อไม้ฝร่ัง

1. การเตรยี มการกอ่ นปลกู
1.1 การเตรยี มเมลด็ พันธุ์ แชเ่ มล็ดในนำ�้ อนุ่
อณุ หภมู ิ 50 - 55 องศาเซลเซียส นาน 30 นาที นำ�ไปแชน่ ำ้�
อุณหภูมิปกติ 1 คนื น�ำ มาผ่งึ ลมให้หมาด อยา่ ใหเ้ มล็ดแห้ง
เมื่อเมลด็ ปริ จึงนำ�ไปเพาะ
1.2 การเพาะกลา้ ส�า�ม�า�ร��ถ�ท�ำ�ไ�ด��โ้ �ด�ย��
1) เพาะในถงุ ดำ�ขนาด 4 x 6 น้ิว ใส่ดินรว่ น
ผสมปยุ๋ อินทรยี ์ อัตรา 1:1 หยอดเมลด็ ลงถงุ ถงุ ละ 1-4 เมลด็
น�ำ ไปวางในทร่ี ม่ ร�ำ ไร หรอื คลมุ ดว้ ยตาขา่ ยพรางแสง 50% รดน�ำ้ ทกุ วนั
2) เพาะในแปลงเพาะ ควรเปน็ ดินร่วนปนทรายที่มอี ินทรยี วตั ถสุ งู
ใกล้แหลง่ น�้ำ ไมม่ นี �้ำ ขังแฉะหรอื ทว่ มขัง พนื้ ทป่ี ลกู 1 ไร่ จะตอ้ งเตรยี มแปลงเพาะกล้า 80
ตารางเมตร กำ�จัดวัชพืชออกให้หมด ย่อยดนิ ให้ละเอยี ด ใสป่ ุ๋ยอินทรยี ์ 30 กโิ ลกรมั
ปยุ๋ สูตร 15 - 15 - 15 จำ�นวน 0.5 กิโลกรัม และปนู ขาว 1 กิโลกรัมต่อแปลงเพาะ
คลุกเคล้าให้ทว่ั เกลย่ี ดนิ ใหเ้ รยี บ และท�ำ รอ่ งลึก 1 – 2 เซนติเมตร ตามแนวขวางของแปลง
แตล่ ะร่องห่างกนั 20 – 25 เซนติเมตร หยอดเมลด็ เปน็ จุดๆ ละ 1 เมลด็ หา่ งกัน จุดละ
10 - 15 เซนติเมตร กลบเมลด็ บางๆ ใช้ฟางคลมุ ทับบนแปลง รดน�ำ้ ตามให้ชุม่
1.3 การเตรยี มแปลงปลกู ขดุ หรอื ไถดนิ ลกึ 50 เซนตเิ มตร เกบ็ วชั พชื ออกใหห้ มด
ใส่ปนู ขาว 200 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ รดน�ำ้ ตากดิน 10 - 15 วนั และใสป่ ุ๋ยอนิ ทรีย์ 2 - 3 ตันต่อไร่
ย่อยดินให้ละเอียด ยกแปลงลกู ฟูกสูง 50 เซนตเิ มตร ระยะหา่ งระหวา่ งลกู ฟูกอยา่ งนอ้ ย
120 เซนติเมตร ปรบั ระดับดนิ ลกู ฟกู และรอ่ งระบายน�ำ้ ให้อยใู่ นระดบั เดยี วกนั ทั้งน้ี
ความลาดเอียงต้องไม่เกินรอ้ ยละ 5
2. การยา้ ยกล้าและการปลกู
เม่ือกล้าอายุ 3 เดอื น ให้ยา้ ยปลกู โดยเลอื กกล้าทแี่ ข็งแรง สมบรู ณ์ ตน้ ใหญ่
มีรากมาก และมีขนาดใกลเ้ คยี งกัน ระวงั อย่าใหร้ ากขาด ควรตดั ยอดดา้ นบนออกใหต้ ้น
กล้าสงู 15 เซนตเิ มตร แล้วแชส่ ว่ นรากและโคนในน�้ำ สะอาดผสมสารปอ้ งกนั กำ�จัดเช้ือรา
อตั รา 1 ช้อนชาตอ่ น�ำ้ 20 ลติ ร นาน 15 นาที
3. การดูแลรกั ษา
3.1 การใหน้ �ำ้ ช่วงแรกท่ียา้ ยกล้าลงแปลงปลกู จะใหน้ ้ำ�วันเว้นวนั หลงั จาก
กลา้ ตงั้ ตัวไดแ้ ล้วให้น�้ำ ทกุ 3 - 5 วนั ขึน้ อยกู่ ับความชน้ื ในดิน วธิ ีการใหน้ ้�ำ ข้นึ กบั สภาพ
แวดล้อม และทนุ ของเกษตรกร ทสี่ �ำ คญั ตอ้ งให้นำ�้ อย่างสม่�ำ เสมอ และตอ้ งจดั ระบบการ
ระบายน�ำ้ ให้ดี ผวิ หนา้ ดินควรมีความช่มุ ชืน้ แต่อยา่ ใหข้ ังแฉะ

114

3.2 การใสป่ ยุ๋
1) ปยุ๋ อนิ ทรยี ์
ใส่ทุก 2 เดอื น อตั รา 0.5 – 1 ตัน
ตอ่ ไร่ ในช่วงพักต้น
2) ป๋ยุ เคมี ใสป่ ๋ยุ
21-0-0 อัตรา 30 กโิ ลกรัมต่อไร่
เมอ่ื กลา้ อายุ 2 เดอื นหลังปลูก ปยุ๋
15-15-15 อัตรา 30 กโิ ลกรัมต่อไร่
เมื่อกล้าอายุ 3 เดอื น หลงั ปลกู
และใส่ทุกเดอื นๆ ละ 1 ครัง้ จน
ครบ 9 เดือน และใส่ปุ๋ย 12-24-
12 อตั รา 50 กโิ ลกรัมตอ่ ไร่ ในชว่ ง
พักต้น โดยใสท่ กุ 2 เดอื น
3.3 การทำ�ราวค้ำ�ต้น
หลังยา้ ยปลูก 4 เดือน ทำ�ราว
คำ้�ต้น โดยปกั เสาทีห่ ัวและท้าย
แปลงตรงกับแถวท่ีปลูกหน่อไม้
ฝรง่ั และขงึ เชือกไนลอ่ นเปน็ ระยะ
จ�ำ นวน 1 - 2 แถว
3.4 การไวต้ น้ แม่เหนือดิน หลังยา้ ยปลกู 3 เดอื น และก่อนเกบ็ เกีย่ ว 15 วัน
ต้องตัดแตง่ ยอดและกง่ิ แขนงเพอื่ ไวต้ ้นแม่ การไว้ต้นแมจ่ ะไว้ 4 - 5 ต้นต่อกอ เพ่อื ให้
ผลผลิตสงู สดุ ทั้งในแงจ่ �ำ นวนหนอ่ และนำ้�หนักหน่อ
3.5 การพักตน้ เมื่อเก็บผลผลติ ได้ประมาณ 60 วัน ตอ้ งพักตน้ 1 เดอื น
โดยการถอนแยกตน้ ท่เี หลืองและโทรม เป็นโรคหรือถูกแมลงรบกวนทงิ้ เลอื กตน้ ทีแ่ ขง็ แรง
ตอ่ กอไว้ 4 - 5 ต้น เลย้ี งไวเ้ ป็นตน้ แม่ ช่วงพกั ตน้ ควรใสป่ ๋ยุ อนิ ทรีย์อตั ราไรล่ ะ 0.5 - 1 ตัน
ตอ่ ไร่ และป๋ยุ เคมสี ูตร 12 - 24 - 12 อตั รา 50 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่

4. ศัตรูพืชทส่ี �ำ คญั
1) โรคลำ�ต้นไหม้ เกดิ จากเชอ้ื รา ระบาดชว่ งฤดฝู น โดยอาศยั ลมและน�ำ้ ปอ้ งกนั โดย
ส�ำ รวจแปลงปลูกทุก 7 วัน หากพบการระบาดของโรคให้ตดั แต่งทรงพมุ่ โดยลดต้นแม่หรือ
ตดั กง่ิ แขนงออกใหโ้ ปรง่ ควบคมุ การใหน้ �ำ้ และการระบายน�ำ้ ออกจากแปลง อยา่ ใหข้ งั แฉะ
และให้นำ�้ กอ่ น 16.00 น. เก็บตน้ เป็นโรคเผาไฟ
2) โรคใบเทยี มรว่ ง เกดิ จากเชือ้ รา ระบาดมากในพนื้ ที่ที่มีสภาพความชน้ื สูง
ป้องกนั โดยปฏิบตั เิ ชน่ เดยี วกบั การป้องกนั ก�ำ จัดโรคล�ำ ต้นไหม้

115

3) โรคเน่าเปยี ก เกดิ จากเช้อื รา
ระบาดรนุ แรงในฤดูฝน และในสภาพท่ีมี
ความช้ืนสงู ปอ้ งกันโดยปฏิบตั ิเชน่ เดียวกับ
การปอ้ งกนั กำ�จัดโรคล�ำ ต้นไหม้
4) โรคแอนแทรคโนส เกดิ จากเชอ้ื รา
ระบาดมากในฤดฝู น ปอ้ งกนั โดยปฏบิ ตั เิ ชน่ เดยี ว
กับการป้องกันก�ำ จดั โรคลำ�ต้นไหม้
5) หนอนเจาะสมอฝ้าย ป้องกนั โดย
ใชก้ บั ดักกาวเหนียว
6) หนอนกระทผู้ กั หนอนกระทหู้ อม
ป้องกนั โดย ใชก้ ับดกั กาวเหนยี ว
7) เพล้ียไฟ ระบาดช่วงฤดรู ้อน
และชว่ งหนาวเข้าร้อน ปอ้ งกนั โดยใชก้ บั ดัก
กาวเหนยี ว
5. การเกบ็ เกยี่ ว
เรม่ิ เกบ็ ผลผลติ เมอ่ื อายุ 6 - 8 เดอื น โดยเกบ็ 2 เดอื น และพกั ตน้ 1 เดอื น สลบั กนั
การเก็บเกย่ี วทำ�ได้ 2 วธิ ี คือ
1. วิธีถอน จบั บรเิ วณโคนหนอ่ ทต่ี ดิ กบั ดนิ ใหถ้ นดั แลว้ ดงึ หนอ่ ขน้ึ หากดนิ แขง็ มาก
หรอื หน่อขนาดใหญใ่ ห้คุ้ยดินกอ่ นแล้วจึงถอน ระวงั ไมจ่ บั หนอ่ แรงเกินไป เพราะหนอ่ จะ
ชำ้�หรือหกั ได้
2. วธิ ีตัด ใช้มีดคยุ้ ดินแลว้ สอดลงเพอ่ื ตัดหน่อ
6. การปฏบิ ตั ิหลังการเกบ็ เก่ยี ว
หลงั จากท่เี ก็บผลผลติ มาแล้วให้รีบน�ำ ผลผลติ ไวใ้ นท่ีร่ม อากาศถ่ายเทไดส้ ะดวก
เพ่ือน�ำ มาทำ�ความสะอาดโคนหนอ่ ดว้ ยน้�ำ สะอาด ระวังอยา่ ให้สว่ นปลายหนอ่ เปียก แลว้
ท�ำ การคดั เกรด โดยเรยี งให้ปลายหน่อเสมอกันและตดั สว่ นโคนใหย้ าวเสมอกนั ยาว 25
เซนตเิ มตร แลว้ นำ�มาคัดแยกขนาดตามมาตรฐานของบริษัทรบั ซ้ือ หลงั จากน้ันรดั หน่อ
ด้วยหนงั ยาง เรยี งผลผลติ ให้ตั้งยอดหน่อข้ึน เพ่ือป้องกันหน่องอ บรรจุในตะกรา้ พลาสติก
ทร่ี องดว้ ยแผ่นฟองน้ำ�ท่ีสะอาด คลมุ ด้วยผา้ ขาวบางหรือฟองน�ำ้ อกี ชนั้ ดา้ นบน และขนสง่
มายังจดุ รวบรวมผลผลติ อย่างรวดเร็ว

116

ข้อมูลสภาพแวดล้อมทีเ่ หมาะสมตอ่ การเจรญิ เติบโตและให้ผลผลิตของหน่อไม้ฝร่งั

สภาพแวดลอ้ ม ความเหมาะสม ข้อจำ�กดั / รายละเอียดเพิ่มเติม
1 สภาพภมู อิ ากาศ 20 - 30 องศาเซลเซียส เหมาะส�ำ หรับการเจริญเติบโต - ไม่ควรปลกู ในพืน้ ทที่ ม่ี อี ากาศเปล่ียนแปลงบอ่ ย และแตกตา่ งกันมาก
- อุณหภูมิ - อณุ หภูมิต�ำ่ กวา่ 18 องศาเซลเซยี ส จะพกั ตัว ท�ำ ให้ผลผลติ ลดลง
- อณุ หภูมิสงู กวา่ 30 องศาเซลเซยี ส หนอ่ จะมีเส้นใยมากและกาบใบ
- ความช้นื สมั พัทธ ์ 70 - 90% ทล่ี �ำ ตน้ ออ่ น (Spear) จะเปดิ เร็ว ท�ำ ใหค้ ุณภาพลดลง
- ความยาวช่วงแสง ไมน่ ้อยกวา่ 6 ชวั่ โมงตอ่ วัน - อุณหภมู สิ งู กวา่ 35 องศาเซลเซยี ส จะพักตวั
- ความเข้มของแสง สำ�หรบั การงอกของเมล็ด ตอ้ งการประมาณ 5 ลกั ซ์
- ความเรว็ ลม (การเคลอ่ื นทข่ี องลม) ความเร็วลมท่ีแรง ท�ำ ให้ล�ำ ตน้ หัก ต้องท�ำ การค้ำ�ยนั ล�ำ ต้น

117 2. สภาพพ้ืนท่ี ไม่เกิน 600 เมตร - ความลาดเอียงสูงกวา่ 5 % ท�ำ ใหก้ ารระบายน�ำ้ ดเี กินไป ส่งผลใหด้ ิน
- ความสูงจากระดับน้ำ�ทะเล ไม่เกิน 5 % ไมส่ ามารถเกบ็ กักน้�ำ ได้
- ความลาดเอียงของพ้ืนท่ี ดนิ รว่ น หรือร่วนปนทราย - ไม่ทนตอ่ สภาพน�ำ้ ขัง และดนิ ทีแ่ ฉะหรอื มคี วามช้ืนในดนิ สูง
3. สภาพดนิ ลึกมากกว่า 6 ฟุต - ถ้าหน้าดินตน้ื ต้องเพม่ิ อินทรยี วัตถุ
- ลกั ษณะของเนือ้ ดนิ 6.5 – 7.0 - ไมท่ นต่อดินท่เี ปน็ กรดจดั ท�ำ ใหล้ ำ�ต้นมขี นาดเลก็ ปลายใบสีน้�ำ ตาล
- ความลึกของหนา้ ดนิ ส�ำ หรบั การงอกของเมล็ด ระหว่าง 25 - 30 องศาเซลเซยี ส ดินท่ขี าดอินทรยี วตั ถุหรือมีไมพ่ อ ทำ�ใหแ้ ทงหน่อได้ยาก
- ความเปน็ กรด-เปน็ ดา่ งของดนิ (pH) ตอ้ งการในปรมิ าณอยา่ งน้อย 3 %
- อณุ หภมู ดิ นิ
- ปรมิ าณอนิ ทรียวตั ถุ

ขอ้ มลู สภาพแวดลอ้ มทเ่ี หมาะสมต่อการเจรญิ เตบิ โตและให้ผลผลติ ของหน่อไม้ฝรัง่ (ต่อ)

118 สภาพแวดลอ้ ม ความเหมาะสม ข้อจำ�กัด / รายละเอยี ดเพมิ่ เตมิ
4. ปริมาณธาตุอาหารในดิน - ปที ่ี 1 เป็นชว่ งการเจรญิ เตบิ โต ควรใสป่ ุ๋ยไนโตรเจนมากกวา่
- ธาตุอาหารหลกั ควรตรวจวเิ คราะห์สภาพดิน เพื่อเพ่มิ ปริมาณธาตอุ าหารให้เหมาะสม ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม โดยให้มปี รมิ าณท่ีเพียงพอตอ่
ตอ่ การเจริญเติบโตของพชื โดยตอ้ งมปี รมิ าณธาตุอาหารอย่างน้อยท่ีสดุ ความตอ้ งการ
ดังนี้ - ปที ี่ 2 เป็นต้นไป ควรใสป่ ๋ยุ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส
อนิ ทรียวตั ถุ และโพแทสเซียมให้มีปรมิ าณและสดั สว่ นทพ่ี อเหมาะ
ต�่ำ ปานกลาง สงู
ปริมาณไนโตรเจน (กก./ไร่)
ปีท่ี 1 22 18 15
ปที ่ี 2 เป็นต้นไป 15 11 7
ปรมิ าณโพแทสเซยี ม ปริมาณ K2O ปริมาณ K2O
ในดนิ (กก./ไร)่ (กก./ไร่) ในปที 1ี่ (กก./ไร่) ในปที ่ี 2 +
0-50 45 18
51-75 36 14
75-100 27 9
101-150 18 5
151-200 9 0
200+ 0 0
ปรมิ าณฟอสฟอรัส ปริมาณ P2O5 ปรมิ าณ P2O5
ในดิน (ppm) (กก./ไร)่ ในปที ี่ 1 (กก./ไร่) ในปที ่ี 2 +
0-10 36 14
11-20 27 9
21-30 18 5
31-40 9 0
41 + 5 0

ขอ้ มูลสภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสมตอ่ การเจรญิ เตบิ โตและให้ผลผลิตของหนอ่ ไม้ฝร่ัง (ตอ่ )

สภาพแวดลอ้ ม ความเหมาะสม ข้อจ�ำ กัด / รายละเอียดเพมิ่ เตมิ
- ธาตอุ าหารรอง/ธาตุอาหารเสรมิ Ca 0.4 - 0.5 ppm หน่อไม้ฝรง่ั จะแสดงอาการขาดธาตุ B เมอ่ื ตำ�่ กวา่ 43-45 ppm
Mg 0.15 - 0.20 ppm แตห่ ากสงู กว่า 175 – 288 ppm จะทำ�อันตรายตอ่ หน่อไม้ฝร่งั
B 50 – 100 ppm ได้
Cu 6 – 11 ppm - ควรทำ�การสง่ ตรวจวเิ คราะหค์ ณุ ภาพน้ำ�
Zn 20 – 60 ppm
Mn 20 – 160 ppm

5. สภาพน�้ำ ใชน้ ำ�้ ทม่ี ่นั ใจวา่ ไม่อย่ใู นสภาพแวดลอ้ มท่เี สี่ยงต่อการปนเปือ้ น เชน่
- คุณภาพนำ�้ ใกลโ้ รงงานอุตสาหกรรม ปนเปือ้ นโลหะหนกั หรอื วัตถุอันตรายทาง
-��ป��ร�มิ �า�ณ���น�ำ้�ท��่ีต��้อ��ง�ก�า�ร� การเกษตร
- ปรมิ าณน้ำ�ใตด้ นิ ตอ้ งเพยี งพอกบั ระดบั ท่ีรากเจรญิ เติบโต
คือ 15 - 60 ซม.
- ปริมาณน้ำ�ในดินท่หี นอ่ ไมฝ้ รั่งใช้ /ตน้ /วัน คอื 0.10 – 0.20 นิว้
- 1 ไร่ ~ 2,500 ต้น ใชป้ ริมาณน�้ำ เท่ากับ 250 – 500 นิ้ว

119

แนวทางการเพ่มิ ประสทิ ธิภาพการผลติ และแหล่งสืบคน้ ข้อมูลเพิ่มเติม

แนวทางการเพ่มิ ประสิทธภิ าพการผลติ
- การปรับปรุงบ�ำ รงุ ดนิ ควรมกี ารใสป่ ุ๋ยอินทรยี ์ เพอ่ื รกั ษาความอุดมสมบูรณ์
และโครงสรา้ งของดนิ และควรจดั การระบายน�ำ้ ใหด้ ี โดยเฉพาะในชว่ งทฝ่ี นตกตอ่ เนอ่ื งเปน็ เวลานาน
เนือ่ งจากจะทำ�ให้ระบบรากเสียหาย หากสภาพนำ้�ในแปลงปลกู แฉะ หรอื น้�ำ ขงั มากเกนิ ไป
- การใชพ้ นั ธทุ์ ด่ี ี เกษตรกรที่เก็บเมลด็ พนั ธเ์ุ อง ควรคดั เลอื กเมลด็ พันธจุ์ ากตน้
ทสี่ มบูรณ์ ใหผ้ ลผลิตสงู ไมม่ ีโรค และแมลงรบกวน ในปัจจุบันนยิ มใช้ต้นพนั ธท์ุ ี่ได้จากการ
เพาะเลยี้ งเนื้อเย่ือ
- การพักต้น บ�ำ รงุ ดนิ และการเลี้ยงตน้ แม่ สามารถชว่ ยให้ระยะเวลาการเก็บ
ผลผลติ นานขน้ึ
- การปอ้ งกนั การเกิดโรค ควรนำ�ตน้ หนอ่ ไมฝ้ รง่ั ท่ตี ดั ท้ิงในชว่ งท่ที �ำ การพักต้น
ท้งิ ใหไ้ กลจากบรเิ วณแปลงปลกู เพ่อื ปอ้ งกันการสะสมของเช้ือโรค
- การชะลอการบานของกาบใบ ใชพ้ ลาสติกสีขาว ท�ำ เป็นกรวยเล็กๆ ครอบทปี่ ลาย
ยอดหนอ่ ในชว่ งฤดรู ้อน เพอ่ื ปอ้ งกนั แสงแดดและลดอุณหภมู ิท่ีปลายหน่อ ควรระมัดระวงั เร่ือง
การรักษาความสะอาดของกรวยทค่ี รอบ
- การลดต้นทนุ การผลติ และได้ผลตอบแทนสูงสุด ควรวิเคราะห์ปริมาณธาตุ
อาหารในดนิ กอ่ นปลกู เพ่ือใสป่ ยุ๋ ให้เหมาะสมกบั ความต้องการของพชื
แหล่งสบื คน้ ข้อมลู เพมิ่ เตมิ
จิราภา จอมไธสง. 2548. “การศกึ ษาการผลติ หน่อไมฝ้ รงั่ รปู แบบเกษตรอนิ ทรีย์ของ
เกษตรกรจงั หวดั สระแกว้ ”. รายงานการวจิ ยั . สำ�นักส่งเสริมและจัดการสินคา้
เกษตร, กรมส่งเสริมการเกษตร.
ปราโมทย์ สฤษด์นิ ริ ันดร์และคณะ. 2545. โครงการวิจัยเพอ่ื การพัฒนาระบบการเกษตร
ในเขตชานเมืองใหญ่: โครงการย่อยท่ี 4 การพัฒนาและจัดการระบบการผลิต
หนอ่ ไม้ฝรั่ง. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
นรินทร์ สมบรู ณ์สาร. 2544. หน่อไมฝ้ รั่ง. กองสง่ เสริมพชื สวน, กรมส่งเสรมิ การเกษตร.
นรนิ ทร์ สมบรู ณ์สาร. 2545. การส่งเสรมิ การปลกู หน่อไม้ฝรง่ั ครบวงจร.
รายงานผลการศึกษา. กองส่งเสริมพืชสวน, กรมสง่ เสรมิ การเกษตร.
David F. Graper and Rhoda Burrows. 2001. “ Growing Asparagus ”. Extension Extra.
Retrieved April, 25 2007 http://ces.uwyo.edu/PUBS/b-1109.pdf
William D. Hutchison and Other. 2006. “Growing Asparagus in Minnesota”. Retrieved April,
25 2007 http://www.extension.umm.edu/distribution/horticulture/components/
DG1861print.htm
Siemonsma J.S. and Kasem Piluek. 1994. Prosea : Plant Resources of South-East
Asia No.8. Indonesia.
“Asparagus officinalis” Retrieved March, 25 2008. http://www.backyardgardener.com/
plantname/ pda_1776.html

120

เหด็ นางรม - นางฟา้

ข้ันตอนการเพาะและการดแู ลรักษาเหด็ นางรม-นางฟา้

การเตรียมการ 1 สปั ดาห์ 2 สัปดาห์ 3 สัปดาห์ 4 สปั ดาห์ 5 สปั ดาห์ 6 สัปดาห์

ไ1ใใขเ-วดเชดชสดา0า้อน้อืเ้อืห่ด้งว--วก�ำ1ทแนฟีวัลทเก5ลเ่สีตา่าชอ้ส่ีเจะ�ำรงปม้ือะนงึทถหียลรนอเเงุิง้มระหช็ด�ำาลไับมโอ้ื็ดวไดระปกาปใ้ททงปหาณดิอเเ่ีเผ่ีรรรปล้เสาา่อืยะบิดี้ย1กำ�นม็นน่มล-ดงากา1แเใเศีอปชนณา.นล5ถกื้อริดเว้�ำ า่มไฆไดยลป่า้เ็ดท กวอ-คถ-แแท-เชานลุงับมอ�ำโกดือ้ งสด้วไวมกาึงเดๆักนยตรจรมว้ ้ยีกกุกำ�้ังน3า2กไงราสทปปรซดีรวรำ�กาาดีดอ้วธิอปลงกาขาีึงนยอีาปรคถคง้ากกอาเตอืงุงอนปถนักลกถัง้ ข�ำงุิดถหงงุ กวโใแไเงุดดรหดป้อปลทือยอเ้อน็นจ้วาหแใกอกนเงชขด็ช4เรกถม้วดเอื้ีดจึงนแดีียพมขกรนใว้าาญิรอ้นวง้อนม การดแู ลรักษา แกเ-แจผกไ1--ลม-ะลตออ่้ลเเน3็กใ่มกเะ่ขผนนยิจหๆ็บอ่ืเอลสเรรมก้มชเเดบติปัญิ มบ็เปเี้อื กนนไศหดก่ือใเิดดบ็ตับ�ำ้ษานมาดด้ หชม็รไเชวออหป่ว์จเกท่อกกกลงอะยเส่ี บเเ็บดอืเีกชังหากาียไตเ้าม็ดิดกมน4วมดิ าปด่ียบ่เกคืดรวตรอวันาถันา้ะม็ กนใเงเมทกหเอหยหาบ็ี่ห้ย้อ็ดณ็ดมูก่ยบัด
- ใ��ห��้น���้ำ ส��ม���่ำ เ�ส�ม��อ�ว�ัน�ล��ะ� ศัตรูที่ส�ำ คัญ
2-3 ครั้ง ระวงั ไมใ่ ห้น�ำ้ ขัง
ในถุงกอ้ นเชอื้ เดด็ ขาด โรคทส่ี �ำ คญั โรคราดำ� ,โรคราเขียว ,โรคราส้ม,โรคราเมอื ก
- หม่นั ส�ำ รวจ ดแู ล ,โรคเนา่ น�ำ้ ตาล ,โรคเน่าเหลอื ง�ป��อ้ �ง�ก��นั �ด��ว้ �ย�ก�า�ร��ร�กั �ษ�า�ค��วา�ม��ส�ะอ�า�ด�
ภายในโรงเรอื น ว่ามี ทกุ ขน้ั ตอนการปฏบิ ตั ิ หากพบกอ้ นเชอ้ื ทเ่ี ปน็ โรคใหน้ �ำ ออกไปท�ำ ลาย
ก้อนเชอื้ มีความผดิ ปกติ แถทกู�มำ คทลว�ำ งาลทมาส่ี ยส�ำ ใะคหอญัน้ า�ำดอโหรองนกเรอจอื นานกแแโมรลลงะเงรฉวอื นัดี น,พไหป่นนทเชอ�ำ ้อืลนารผายเี สไมอ้ื โไตรฟปาอ้กงสั กนัพดบว้ กยอ้ กนาเรชอ้ื ท่ี
หรอื ไม่
- ดแู ลรกั ษาความช้ืนและ
อุณหภมู ิใหเ้ หมาะสม

--ท- �ำคใหชใัดาหม้ กข้พีดไนมคอาม่สงดลาๆแมมลาตปะรดั้อบถโงรจคกรำ�นจนั หดุใกนนอาบา่ กรยรกเอไรรดจะาทุ้ภเทศนััณบษททฑกวีใ�ำัสา์ตหใรดาเ้หปกมเุ ด้พบ็ฏทอาใิบ่ีตกนะลตัทชทาิห�ำ้ต่ี่เีดยดิลเตน็ปมังอ้ เกน็าพงอาตกอ่ื รอ้นายเกรกืด็บเอชเาน่ กย่ียกุบวารรรเจกใุ บ็นรถักุงษพาลาสตกิ ขนาดใหญ่

เทคนคิ การเพาะและดูแลรักษาเห็ดนางรม-นางฟ้า

1. การเตรยี มการเพาะ
1.1 การผลิตกอ้ นเชอ้ื เหด็
สูตรอาหารท่ีนิยมในการผลิต
เหด็ นางรม - นางฟา้ คอื ขเี้ ลอื่ ยไมย้ างพารา
100 กโิ ลกรมั รำ�ละเอยี ด 5 กโิ ลกรัม ดเี กลอื
0.2 กิโลกรมั ปูนขาว(แคลเซีย่ มคาร์บอเนต)
หรือหินปนู 1 กโิ ลกรมั หรอื เติมดว้ ยน้�ำ ตาล
ทราย 2 - 3 กโิ ลกรมั ผสมน้�ำ ให้มีความชื้น
60 - 70% มีวิธกี ารดังนี้
1) นำ�ส่วนผสมตา่ ง ๆ มาคลกุ เคลา้ ให้เขา้ กนั
2) เติมน้ำ�ลงไปผสม ควรผสมใหค้ วามชนื้ กระจายใหท้ ว่ั สม่ำ�เสมอ ทดสอบ
ใหไ้ ดค้ วามชื้นประมาณ 60 – 70 %
3) บรรจุใสถ่ ุงพลาสติกทนรอ้ นที่ใชเ้ พาะเหด็ หนักถุงละประมาณ 8 – 10 ขดี
อดั ให้แน่นพอประมาณ ใสค่ อขวดพลาสตกิ หุ้มด้วยส�ำ ลแี ละกระดาษ
4) น�ำ ไปนง่ึ ดว้ ยหมอ้ นง่ึ ลกู ทงุ่ ทอ่ี ณุ หภมู ิ 90 - 100 องศาเซลเซยี ส (น�ำ้ เดอื ด )
นาน 3 – 4 ช่วั โมง (เร่ิมจับเวลาเมอื่ อณุ หภูมิถงึ 100 องศาเซลเซยี ส) แลว้ ท้ิงไวใ้ ห้เย็น
1.2 การบ่มกอ้ นเช้ือเห็ด
การบ่มเชือ้ เมือ่ กอ้ นเชือ้ เยน็ แลว้ ใสเ่ ชื้อเห็ดทีข่ ยายในเมล็ดขา้ วฟา่ งลงไป
น�ำ กอ้ นเชอ้ื ไปบม่ ในทมี่ ดื อณุ หภมู ิประมาณ 28 – 35 องศาเซลเซยี ส เพ่อื เร่งการเจรญิ
เติบโตของเสน้ ใย เสน้ ใยเห็ดจะเจริญเตม็ ถุงประมาณ 1-1.5 เดือน เมอ่ื เสน้ ใยเดิน
เตม็ ถงุ แล้ว ใหพ้ กั ก้อนเช้ือระยะหนึ่ง เพ่ือให้เสน้ ใยสะสมอาหารและพรอ้ มจะเจรญิ
เป็นดอกเห็ด แล้วนำ�ไปเปดิ ดอกในโรงเรือนเปดิ ดอกต่อไป
1.3 โรงเรอื นเปดิ ดอกเห็ด
โรงเรอื นควรเปน็ สถานท่สี ะอาด เก็บรกั ษาความชนื้ และถ่ายเทอากาศไดด้ ี
ไม่ร้อน ภายในทำ�ชนั้ วางกอ้ นเช้อื เหด็ หรอื ใชร้ าวสำ�หรบั แขวนก้อนเชอ้ื ขนาดของโรงเรือน
สัมพนั ธก์ บั จ�ำ นวนก้อนเชอ้ื เพื่อรักษาความชน้ื และการถ่ายเทอากาศภายในโรงเรอื น
เช่น ขนาดโรงเรือน 3 x 4 x 2.5 เมตร สามารถบรรจุกอ้ นเช้ือไดป้ ระมาณ 1,500 ก้อน
2. การเพาะ
2.1 การเปดิ ดอก น�ำ กอ้ นเช้ือทผ่ี า่ นการบ่มและมีเสน้ ใยเจรญิ เต็มถงุ ไปไว้ใน
โรงเรอื นเปิดดอก จากน้นั ดึงจกุ สำ�ลีออก แล้วกรดี ขา้ งถงุ 2 รอย เพอ่ื ป้องกนั น�ำ้ ขงั แลว้ นำ�
กอ้ นเช้อื มาวางเรยี งซ้อนกนั ภายในโรงเรอื น ให้เหด็ เจรญิ ออกมาทางปากถงุ ทางเดียว

122

3. การดูแลรักษา
1) รดน้�ำ ทุกวัน วนั ละ 2 – 3 ครัง้ โดยใช้หัวฉีดพ่นฝอยในโรงเรอื น ให้ละอองน้�ำ
อยูเ่ หนือถุงเหด็ ไมใ่ ห้น้ำ�เขา้ ในคอขวด และรักษาความชนื้ ในโรงเรอื นไมน่ อ้ ยกวา่ 85 %
เวลาใหน้ ำ้� ระวงั อยา่ ให้น�ำ้ ขังในก้อนเชอ้ื
2) ควบคุมอุณหภูมิท่ีเหมาะสมในการเจริญเติบโตของเห็ดนางฟ้าประมาณ
25 องศาเซลเซยี ส เหด็ นางรมอยรู่ ะหวา่ ง 24 - 33.5 องศาเซลเซียส
4. ศัตรูเหด็
4.1 โรคเหด็
1) เกดิ จากเชอื้ รา
- เชือ้ ราดำ�กล่มุ แอสเพอร์จลิ ลสั บางสว่ นของก้อนเชือ้ จะมีสเี ขียวเขม้
เกือบด�ำ อาจเกิดท่สี ว่ นบนใกลป้ ากถุงแล้วลามลงไปขา้ งล่าง หรืออาจเกิดจากดา้ นล่างข้นึ
ไปก็ได้ บางสว่ นของถงุ เห็ดมสี นี ำ้�ตาลด�ำ เกิดขึ้นติดกบั บรเิ วณท่มี ีสเี ขยี วเขม้
- เชอ้ื ราด�ำ โบโอดฟิ โพลเลีย ขีเ้ ล่อื ยในถุงมีสีน้ำ�ตาลเข้มเกือบดำ�
เร่ิมแรกเชื้อราสขี าว ต่อมาเช้ือราสีขาวจะขยายกว้างข้นึ เรอ่ื ยๆ เม่อื ท้งิ ไวน้ านๆ จะสงั เกต
เห็นกอ้ นเลก็ ๆ สดี �ำ นูนออกมาทีผ่ วิ ของถุงพลาสตกิ
- เช้อื รากลุ่มราเขียว เปน็ หย่อมสีเขียวมะกอกหรอื เขยี วเข้มในถุงเหด็
- เชอ้ื ราสสี ม้ หรือราร้อน มักเกิดเปน็ กระจุกบรเิ วณปากถุง มลี กั ษณะ
เปน็ แผลสีชมพอู มสม้ หรือเปน็ กอ้ นติดกันสีชมพู บางถงุ อาจมรี าสสี ้มเกิดท่ีกน้ ถงุ ได้
การระบาดของราสีส้มจะทำ�ให้เสน้ ใยเหด็ เจริญไม่ได้ เนอ่ื งจากรานีเ้ จริญอยา่ งรวดเรว็
ปกคลมุ เส้นใยเห็ดเสียกอ่ น
- เช้อื ราเมือก จะเกิดกับถุงเหด็ ทเ่ี ปิดถุงเกบ็ ดอกไปแลว้ หลายรนุ่ และ
เป็นถงุ ทอ่ี ยูด่ า้ นล่างสุด ปกติจะสังเกตเห็นสเี หลอื งชัดเจนท่บี รเิ วณด้านขา้ งๆ ถงุ
และบรเิ วณปากถงุ โดยมากมักจะเกดิ กบั ถงุ เหด็ ภฐู านทห่ี มดรุ่นแล้ว แตย่ ังไมม่ กี ารขนยา้ ย
เพ่ือทำ�ความสะอาดโรงเรือน
2) เกิดจากเช้อื บักเตรี
- โรคเน่านำ�้ ตาลของเห็ดภฐู าน หมวกเห็ดด้านบนเป็นจดุ สีเหลอื ง
อ่อนแลว้ เปล่ยี นเป็นสนี ำ้�ตาลขยายไปท่ัวหมวก สว่ นแผลท่ีด้านดอกเปน็ ปน้ื สเี หลือง
หรือสนี ้ำ�ตาล แผลน้ียุบตัวได้ ถา้ เกิดอาการของโรคนี้ดอกเห็ดจะมีขนาดเล็กกว่าปกติ
ผวิ หมวกสนี �้ำ ตายออ่ นชำ�้ งา่ ย
- โรคเน่าเหลืองของเห็ดนางรม เกดิ จากเช้ือบักเตรกี ลุ่มเรอื งแสง
สังเกตได้จากดอกเหด็ ไมโ่ ผล่พน้ คอขวด บางดอกสีเหลืองซีดๆ บางดอกมีลกั ษณะม้วน

123

งอกไมส่ มบรู ณ์ ดอกไม่พัฒนา สว่ นดอกทีเ่ จรญิ ออกมาได้ หมวกดอกไม่บานเตม็ ที่
กลมุ่ ของชอ่ ดอกมีตัง้ แต่ 2 - 4 ดอก ก้านลีบเป็นกระจกุ หมวกดอกดา้ นบนและลา่ ง
รวมท้งั ก้านดอกมจี ดุ น้�ำ ตาลอ่อนประปราย
วธิ ีปอ้ งกันก�ำ จัด
- ตรวจสอบความสะอาดและความบริสทุ ธิข์ องหวั เช้ือก่อนซื้อ
- การถา่ ยเชอ้ื หรอื ใส่เชอื้ ควรท�ำ ในหอ้ งทสี่ ะอาด ปราศจากฝ่นุ ละอองหรอื
เช้ือโรคอ่ืนๆ หรอื บรเิ วณท่ไี ม่มีลมพัด
- คดั แยกถงุ เหด็ เสยี ถงุ เหด็ แตก ถุงทีม่ ีจกุ สำ�ลชี ืน้ น�ำ ไปน่งึ ใหม่ หรือเผาเพ่ือ
ลดการระบาด
- รกั ษาความสะอาดโรงเพาะและบริเวณโดยทวั่ รอบๆ ฟาร์ม
- เมือ่ เก็บผลผลิตหมดแล้ว ควรพักโรงเพาะเห็ดประมาณ 2 - 3 สปั ดาห์
เพ่ือทำ�ความสะอาดและฉีดยาฆ่าแมลง หรือเช้อื ราทอี่ าจซอ่ นตามพ้ืน และเสา ก่อนนำ�
ถงุ เห็ดชดุ ใหมเ่ ขา้ มา ถา้ เปน็ ไปได้ควรแยกโรงบม่ กบั โรงเปิดดอกต่างหาก
4.2 แมลงศัตรเู ห็ด
- หนอนแมลงวนั พบระบาดมากในการเพาะเลย้ี งเหด็ ในปที ่ี 2 โดยแมลงวนั
มกั ชอบของเน่าเหม็น และกล่นิ แอมโมเนียจากกอ้ นเชื้อเหด็ เม่ือเข้าทำ�ลายจะพบสว่ น
ของกอ้ นเชอ้ื ในถงุ เปลย่ี นเปน็ สนี �ำ้ ตาลหรอื สดี �ำ และสว่ นมากกพ็ บโรคเนา่ เกดิ ขน้ึ ดว้ ยทกุ ครง้ั
- หนอนผีเสอ้ื จะพบตวั แก่ในตอนกลางวนั เกาะอยู่ตามฝาผนงั โรงเรือน
และปากถุงก้อนเช้ือเห็ด มักวางไข่บนจกุ สำ�ลีปดิ ถุงก้อนเช้ือ ไข่เป็นกลมุ่ มีเสน้ ใยสคี รีม
ปกคลุม โดยตวั หนอนกินบริเวณปากถุงหรือชอนไชตามผวิ ของก้อนเชื้อทม่ี เี สน้ ใยเหด็
ทำ�ให้เสน้ ใยขาดไม่เจริญหรอื ออกดอก
- ไรศัตรูเหด็ มขี นาดตวั เล็กมากจนต้องอาศยั แวน่ ขยายเข้าช่วยจงึ เหน็ ได้
ไรสามารถเกดิ การระบาดท�ำ ลายอยา่ งรวดเรว็ และรนุ แรงจนเกดิ ความเสยี หาย โดยเฉพาะ
อย่างยงิ่ ในระยะที่เสน้ ใยเหด็ ก�ำ ลงั แผอ่ อก หากมีการระบาดจะท�ำ ใหเ้ ส้นใยขาดไม่สามารถ
เจรญิ เติบโตไปได้
วธิ ปี อ้ งกนั กำ�จัด
- กำ�จัดไรโดยใชเ้ ชือ้ ราไมโตฟากัส ฉดี พ่นด้วยการหมกั น�ำ้ มะพร้าวอ่อน 1 ผล
เติมเช้อื หมักไว้ 24 - 38 ช่ัวโมง ผสมนำ้�เปล่า 20 ลติ ร ฉีดพน่ ทัง้ ทีก่ อ้ นเห็ด ผนงั โรงเรือน
เสาแขวนถุง ทำ� 5 - 7 วันครง้ั หากระบาดมากช่วงแรกฉีดพน่ วนั เว้น 2 วัน แลว้ เว้น 3 วนั
แลว้ เวน้ ทกุ 5 วนั อกี 2 ครัง้
- พกั โรงเรอื น ใชส้ ารเคมีป้องกันกำ�จดั ไรศัตรพู ืช อตั ราส่วนตามท่รี ะบไุ ว้ใน
ฉลาก ฉีดพน่ ให้ทัว่ โรงเหด็
- ชว่ งบม่ เชือ้ ใหฉ้ ดี พน่ ที่ถงุ ทจ่ี กุ สำ�ลี หากผสมน�ำ้ ยาจบั ใบจะช่วยใหต้ ิดภาชนะ

124

ดีขึน้ ทัง้ น้ี การฉีดพน่ ทถ่ี งุ และจกุ สำ�ลนี ้นั จะสามารถปอ้ งกันการเขา้ ทำ�ลายของศัตรเู ห็ดได้
ประมาณ 10-14 วนั เป็นอย่างน้อย
- ดอกเห็ดและกอ้ นเชือ้ เหด็ ทพี่ บ ไรเป็นเม็ดกลมๆ หรือพบหนอนแมลงใหร้ ีบ
นำ�ออกจากโรงเรือนไปท�ำ ลายเสียเพอื่ ป้องกันการขยายพันธ์ุ
5. การเก็บผลผลติ
เมอื่ เอาถุงกอ้ นเชอ้ื มาเปดิ ดอก รดน�้ำ ในเวลาประมาณ 1 – 3 สัปดาห์ จะเกิด
ดอกเหด็ เลก็ ๆ ดอกเหด็ จะโตเต็มทภี่ ายใน 4 - 5 วัน ควรเกบ็ ช่วงเชา้ มืดกอ่ นรดนำ�้
เกบ็ เห็ดทดี่ อกเรมิ่ บาน แต่ขอบหมวกยงั ไม่บานย้วย โดยดงึ ดอกเห็ดในชอ่ เดียวกันออกมา
ท้งั หมดไม่ให้มเี ศษดอกเห็ดเหลือค้างในกอ้ นเชอื้ เพราะจะทำ�ให้เนา่ เชื้อโรคและแมลงจะ
เข้าท�ำ ลายได้ โดยมอี ายุการเก็บเก่ียวผลผลิตประมาณ 3 เดือนหลังจากเปิดดอก
6. การปฏบิ ัติหลงั การเก็บเก่ียว
1) ใช้มีดคมๆ ตดั โคนดอกเพอ่ื เอาเศษวสั ดุเพาะทีอ่ าจติดมาออก ควรเก็บก่อน
รดน้ำ�
2) คดั ขนาดและบรรจใุ นบรรจภุ ณั ฑ์ โดยเลือกบรรจภุ ณั ฑ์ตามตลาดทจี่ ำ�หน่าย
เช่น หากจ�ำ หนา่ ยตลาดขายส่งอาจบรรจุในถงุ พลาสตกิ ขนาดใหญ่ ท�ำ ให้พองลมป้องกนั
การกระทบท�ำ ใหด้ อกเห็ดช้�ำ หากจำ�หนา่ ยปลกี ควรบรรจุในถาดโฟมปิดด้วยพลาสตกิ ใส
เพือ่ สะดวกในการวางจำ�หน่าย สง่ จ�ำ หน่ายทนั ที
3) หากยงั ไม่สามารถจ�ำ หนา่ ยในวันนน้ั ควรนำ�ไปเก็บไวใ้ นทีเ่ ย็น (อาจเปน็ ตู้
เยน็ ก็ได้) เพอื่ ยืดอายุการเกบ็ รกั ษา โดยจดั วางไม่ให้โดนแสงแดดหรือลมโกรก เพ่ือรอ
จำ�หนา่ ยต่อไป
4) พักโรงเรือนทำ�ความสะอาด 2 - 3 สปั ดาห์

125

126 ข้อมูลสภาพ

สภาพแวดลอ้ ม ความเหมาะสม ขอ้ จำ�กัด / รายละเอียดเพม่ิ เติม
1 สภาพภมู อิ ากาศ เห็ดนางรม - เหด็ นางฟ้า หากไดร้ บั อุณหภูมิตำ่�กว่า 15 องศาเซลเซยี ส หรือสงู กว่า 35
1.1 อุณหภูมิ - บ่มเชอ้ื ทีอ่ ณุ หภูมิ 28 – 35 องศาเซลเซยี ส องศาเซลเซียส จะไมอ่ อกดอก หากให้อุณหภูมติ ่�ำ กว่า 20 องศาเซลเซยี สใน
- เปิดดอกทอ่ี ุณหภมู ิ 26 – 30 องศาเซลเซียส ชว่ งเวลาสัน้ หรอื รับอณุ หภมู ิต�ำ่ ตอนกลางคนื จะชว่ ยใหก้ ารออกดอกดีขน้ึ
1.2 ความช้ืนสมั พทั ธ์ - ใหผ้ ลผลิตดี ในช่วงอณุ หภมู ิ 24 – 33.5 องศาเซลเซียส
1.3 แสง เหด็ นางฟา้ - ในระยะเปดิ ดอกควรรดน�ำ้ 2 – 3 ครั้งต่อวนั
1.4 ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ - เปิดดอกที่อณุ หภูมิ 25 - 35 องศาเซลเซยี ส - ถา้ เชื้อเหด็ ได้รับแสงนอ้ ยจะท�ำ ให้หมวกดอกมขี นาดเล็กลงและกา้ นดอก
- เหด็ นางรม ประมาณ 70 – 80 % ยาวข้นึ และถ้าแสงนอ้ ยมาก ๆ จะท�ำ ใหด้ อกเหด็ มลี ักษณะผิดปกตไิ ป
- เหด็ นางฟ้า ประมาณ 80 - 85 % - ระยะพัฒนาเปน็ ดอก หากภายในโรงเรือนมีปรมิ าณ
- ควรให้เห็ดได้รบั แสงอยา่ งน้อย 15 – 20 นาทตี อ่ วัน กา๊ ซคาร์บอนไดออกไซด์สูง จะท�ำ ใหด้ อกมีลกั ษณะผดิ ปกติ

2. วัสดุเพาะ pH 7
2.1 ความเปน็ กรด-เปน็
ดา่ ง(pH)

แนวทางการเพม่ิ ประสทิ ธิภาพการผลิต และแหลง่ สบื คน้ ขอ้ มูลเพิ่มเตมิ

ปัจจุบันการเพาะเหด็ นางรม - นางฟ้าผ้เู พาะเหด็ โดยมากซื้อก้อนเชื้อจากฟารม์ เหด็ ที่
ผลิตก้อนเช้ือเหด็ จำ�หน่าย ไม่มกี ารผลิตแบบครบวงจร ดงั น้นั ควรปฏบิ ตั ิเพอื่ เพม่ิ ผลผลติ เหด็ ดงั นี้
แนวทางการเพ่มิ ประสทิ ธภิ าพส�ำ หรบั ผู้ผลิตก้อนเชื้อเห็ดเพอ่ื จำ�หนา่ ย
1. เลอื กหวั เชอ้ื ในเมลด็ ขา้ วฟา่ งทม่ี เี สน้ ใยเชอ้ื เหด็ เดนิ เตม็ ถงุ ไมม่ กี ารปนเปอ้ื นจากโรค
และแมลง
2. คัดเลือกวสั ดุเพาะท่ีมีคณุ ภาพ มีส่วนผสมของวัสดุเพาะทถ่ี ูกต้อง สะอาด ไมม่ ีการ
ปนเป้ือนของโรคและแมลง
3. นึง่ ฆ่าเชอ้ื โรคและแมลงในก้อนเช้ือเห็ดอยา่ งถูกต้องและทัว่ ถงึ ทุกกอ้ น
4. เขยา่ เมลด็ ขา้ วฟา่ งใหก้ ระจายออกจากกนั เพอ่ื ใหเ้ ชอ้ื กระจายทว่ั เมลด็ ขา้ วฟา่ ง
5. ดูแลรักษาความสะอาดบริเวณท่ีปฏบิ ัตงิ านกรอกหัวเชอ้ื ลงถุงกอ้ นเช้อื และต้อง
เปน็ สถานทถ่ี ่ายเทอากาศแต่ไมม่ ลี ม เพือ่ ปอ้ งกนั การปนเป้ือน
6. บ่มกอ้ นเชอื้ ในโรงบ่มท่สี ะอาด มีอากาศถา่ ยเท
7. ตรวจสอบและคดั กอ้ นเชอ้ื ทม่ี กี ารปนเปอ้ื นโรคและแมลงออกจากโรงบม่ เสมอ
8. นำ�กอ้ นเชื้อทม่ี กี ารปนเป้อื นไปทำ�ลาย หรือนึ่งฆา่ เชอ้ื โรคและแมลง กอ่ นน�ำ ไปทำ�
ปยุ๋ หมกั ไมค่ วรน�ำ มากองรวมกนั ในบรเิ วณฟารม์ เพราะเปน็ การสะสมของโรคและแมลง
และไม่ควรน�ำ กอ้ นเชือ้ ท่ีปนเปือ้ นแล้วกลับมาใชใ้ หมถ่ งึ แม้วา่ จะน่งึ ฆา่ เชอื้ แลว้ กต็ าม
แนวทางการเพ่ิมประสทิ ธภิ าพส�ำ หรับผ้เู พาะเห็ด
1. ซ้ือกอ้ นเชื้อเห็ดจากฟาร์มที่ไวใ้ จได้ เพ่ือใหไ้ ดเ้ ชือ้ เหด็ ตรงตามสายพนั ธ์ุท่ตี อ้ งการ
มกี ารใชว้ ัสดุเพาะท่ถี ูกต้องไมม่ กี ารปนเปอื้ นจากโรคและแมลง มีสารอาหารเพยี งพอ เพราะสาร
อาหารจากวสั ดุทผี่ สมในกอ้ นเช้ือ เป็นส่วนส�ำ คญั ท่ที �ำ ใหเ้ กดิ ดอกทีม่ คี ุณภาพและน้ำ�หนกั ดี
2. คดั เลือกกอ้ นเชอื้ ที่มีการเจรญิ ของเสน้ ใยเต็มก้อน เส้นใยแข็งแรง ไมม่ กี ารปนเปอ้ื น
จากโรคและแมลง
3. ดูแลรกั ษาความสะอาดโรงเรือนเปดิ ดอกและบริเวณโดยรอบอยา่ งสม่ำ�เสมอ
4. หม่นั ตรวจสอบกอ้ นเช้ือที่เปดิ ดอกแล้ว หากพบการเจริญเติบโตของเช้ือโรค
หรอื แมลง ให้นำ�ออกจากโรงเรือนไปท�ำ ลายด้วยการนงึ่ ฆา่ เชอื้
5. น�ำ้ ท่ีใชร้ ดควรมีคา่ ความเปน็ กรดเป็นด่างทีเ่ ปน็ กลาง (pH 7) และควรเป็นนำ้�สะอาด
หากไม่แนใ่ จควรกรองน้�ำ ก่อนน�ำ ไปใช้
6. ควรเรียงกอ้ นเชื้อเห็ดใหพ้ อดีไมค่ วรเรียงแนน่ เกินไป
แหล่งสบื คน้ ขอ้ มูลเพิม่ เตมิ
1. กรมส่งเสริมการเกษตร.2543.เทคนิคการเพาะเหด็ ถงุ
2. กรมส่งเสรมิ การเกษตร.2542.การบรหิ ารศัตรเู หด็
3. สมาคมนักวิจัยและเพาะเห็ดแห่งประเทศไทย.2537.คู่มือการผลิตเห็ดภูฐานตาม
แนวทางเกษตรดที ่เี หมาะสม(GAP)
4. กรมส่งเสรมิ การเกษตร.2543.คู่มือถา่ ยทอดเทคโนโลยกี ารผลติ เห็ด

127

เห็ดฟาง ขั้นตอนการเพาะและการดแู ลรักษาเหด็ ฟางโรงเรือน

การเตรยี มการ 1 วนั 2 วนั 3 วนั 4 วนั 5 วนั 6 วนั 7 วนั 8 วนั 9 วัน 10 วัน 12 วัน 17 วนั

ร-ฟใ5ว2-ปว5หำ�าา.รกเา8วมลงงตช้ะงาxกนัก.ะุ่มรขกร6โาวเียด้าคอห.อรแา้8มวยลบมเยีงxลหโโตุมดกั2ดรระม8รด.วง้วงว50กัียเปเัสยว้ รัสร-กยมดุ๋ยม9ือือดับพเุ0ยโ.ตนนพุเรปเูลแพอแมซรงานูาลลซียเมาีขะรสขะังะะน.อืรตาชหชายดวนิก้นัรน้ัดานือว้ำ� พถกใผโกดหวรั่ันสลย้แทะเมราหนบนำ�ดสเลปอำ�วน่ะนตือกนัคลาค้�ำิกงาหอืลทลเกต1ุกากกุมี่ ฝบร1ใลดคหเา้กย่ีส้วนืย้เอใยขรนงมิ้า ไ-รอนฝข(พเ-คถแคตพวว้าล่ัวาลลาำ�นเลอ้ มปาวชเหะสมุุก1า�ำ หซะ)กีดิเว่-เสาขกวปคังใลค2อวนพร้นึตัสอนหลอืลลเันงผดกิคลเงสโรุมือรา้งเรทกสหเุาืนปอืรียใดกพงสามมิห่ี มฟ็นงเ้ว2การตอบ้ทกั รยาะอื ฝิกูปนื่ทน่ัวงน้าๆ้ิงชยน้ั ทโฟเใฟ1ใ4แคปซรหห0นวีห่ดิาางลฝ้ไ้ทน-บงงน่เโมด4เา่รรดทั่วำ�ซคพกั5มอื้ปงอหวา้ียี่เุมเไอรอืนรนนัรอา่าวสอยีะปือหงเ้ลทงกกณุงมกจรนศาะไ่ีดรลาะาวร3หาะใณกม่ยีเใ้ หภจสนรบาาูม้ริมณนยิมิ วันท่ี 4 เปดิ ววันสั ดทบุ ี่ 8ังแสง
แไมมมลคีเี สม่เะวลก้นกีศาือาใลมัตยรกิ่นรชสเเเู้นืเตชหีขหพร้อืาด็มยีวอเปน็ หเมเนจห็ดเจรเชมปญิฟลุ อ้ืาิอ้ืนาเะเตนทงหท็มร็ดยีถดี่ ์งุี อบไอนำ�้ ในโรง
เรือนที่อณุ หภมู ิ เรแนปะอาดิบทมปา/ีโคยมวระรกันเน้ังตา๊ทยีซูห่ี น93า้-5ต่าง โป2มใไเรดกด-าริม่3ลย้ ะก1เ้เเมกกวย2ลนั็บาว-็นือ1ณา่เกก7แดแกกล่ียอ5ลาวรว้วกะรนัะวเเเเเจกมนัลกกโกุ็บ่อืบ็ก็ด็บทจรเยขเพึงนุ่่มี ก้ึนเแพกาทีดีย่ลทะัก็บอ่ี ะวัง้เ2เใกหเกสนกใด็ร้นชหบ็ ะใว่ญไจยงดุก่้
60-65 คปเทซว่ีิดล3บวเ0ซสัคว-ียดุม3ันส2บุอทงัุณอ่ี แ1งหส0ศภงาูมิ
องศาเซลเซียส
ประมาณ 5-6
ชว่ั โมง แลว้ พัก
โรงเรือน 1 คนื

วนั ที่ 5
โรยเชอ้ื เหด็ ฟางให้
ทั่ว 15-20 ถงุ /ชนั้
ควบคมุ อุณหภมู ิ
ที่ 35-36 องศา
เซลเซียส

รสผทาะสาเแโองมหรมเาผคขด็ ดลงา้ทหซแงรส่ีมศังลกั �ำึกมตัะฟคหดกรอญั รทูหากือรส่รี โปเอืร�ำโหรยฏคป็ดคบิบญัลขรนัตวาี้มกพิดเ้ามมแูน้ื มด็ดแลดดผลรปนิ แกักัะลกลษโกรว็ไะาาดคกปดอ้เลนแยพวมา่่าศกบเงลลัตสจมงะระมสาขูทต่ำ�กาอาเี่สบใสงนย�ำโเมดหกคหอยารัญด็ รือใฟชเยพา้สา้ งาายะรหกเปหน�ำ อ้ ด็จีไงปฟดั กแานัหงมโรกดลือองยจงหกะเยาตใชรด้ียร้ขใกัส้ีเถโษ่ตรา้ ราคแงครกปาวลาเาขบกมียว การปฏบิ ตั หิ ลังการเกบ็ เกยี่ ว
- ใชม้ ดี คมๆ ตดั โคนดอกเหด็ มเี ศษวสั ดเุ พาะออกและ
คดั ขนาด บรรจใุ นบรรจภุ ณั ฑต์ รงตามความตอ้ งการของ
ตลาดทจ่ี �ำ หนา่ ย
- น�ำ สง่ จ�ำ หน่ายทันที หรอื นำ�ไปเก็บไวใ้ นทเ่ี ยน็
(อาจเปน็ ตู้เย็นก็ได)้ เพอื่ ยดื อายกุ ารเกบ็ รกั ษา

การเตรยี มการ ขั้นตอนการเพราะและการดแู ลรกั ษาเหด็ ฟางกลางแจง้ (กองเตยี้ )

1 วนั 2 วัน 3 วัน 4 วนั 5 วัน 6 วัน 7 วัน 8 วัน 9 วนั 10 วัน 12 วัน 17 วนั

การแเลตะรพียนื้มทวสัี่เพดาเุ พะาะ วันที่ 1-3 เตกขบ้าอราเงวงปๆกจแวดิอดหนั พงูคง้ ทแลใวหล่ีาา4ะพ้มส-หตชร5ลม้ืนกิ ังนถ�ำ้ ้า วันท่ี 8 เขดวรัน้ึนอ่ิมทกเโกใ้ังดหบ็กยญรเเกะก่มีย่จบ็ าวกุกใกเนามโกรชดื่อวเ่วยก่าเงพเด็บใลากอือเะลกกกเ้เย่ีเหกยลวด็รน็็กะไแดจล้กุ ะ9ทเ-ก1มี่ ็บ0ี
- นำ�วสั ดเุ พาะรวมทงั้ อาหาร ควบคมุ อุณหภมู ิ รมิ กองและดา้ น
เสรมิ แชน่ ำ�้ ให้ช่มุ ใหอ้ ยปู่ ระมาณ บนเริ่มปรากฎเป็น
(ยกเว้นมลู สัตว)์ 35 - 38 องศา ตุ่มเลก็ ๆ
- ปรับดินใหเ้ รียบ รดน�ำ้ เซลเซียส
- ท�ำ แม่พิมพไ์ ม้ บนกวา้ ง
ย30าวซ8ม0.-ล12่า0งกซวม้า.งส3งู 53ซ0มซ.ม. การเพาะ
การเตรียมเชื้อเห็ด - วางแมพ่ มิ พ์ลงบนดนิ และเรมิ่ การดแู ลระหวา่ งเพาะ -เอ-คยวอในร็นชากักำ�ม้มแสษ(ดีอตลง่าคอ้าจะกมจงค�ำ กาเๆหดั ปราขน็นรปตน่าขตดัฏายอูเ้โดิบทยงคตัต็นนันบลหิกดทราร็ไอลี ดดจหกงัทใุ)้รเกนจ่หีเอื าพบ�ำด็นรหรอ่ืม�ำเรนยกเีไจศา่ปืด็บภุ ษยเอณเั กวกาสับ็ฑยีย่ ดไต์ุกววเุ รพา้ใงนราตเะทกาี่บ็ม
เลอื กเช้อื เหด็ ฟางท่ีดมี ี ใส่วสั ดุเพาะ อาหารเสริมและ - ตรวจดคู วามร้อนในกองเห็ด โดยเปดิ ผา้
โรยเชื้อเห็ดเป็นชัน้ ๆ ประมาณ พลาสติกประมาณ 5-10 นาที แลว้ ปิดตามเดิม
เส้นใยสีขาวเจริญเตม็ ถงุ 3 ชน้ั จึงยกไมแ้ บบออก ทกุ วันเชา้ เย็น ถ้าแดดจดั อณุ หภูมิสงู มาก ควรเปดิ
ไมม่ ีกลิน่ เหม็น จลุ นิ ทรยี ์ - ทำ�กองตอ่ ไป โดยหา่ งกนั ชายผา้ ใหน้ านขึ้นเพอ่ื ระบายความรอ้ น
และศัตรเู หด็ ปนเปอ้ื น ประมาณ 1 คบื - ตรวจดคู วามชนื้ โดยดึงฟางออกจากกองเพาะ
มีความชืน้ พอเหมาะ - โรยเช้ือผสมอาหารเสรมิ รอบ แล้วลองบดิ ดถู า้ นำ�้ ไหลออกมาเปน็ สายแสดง
กอง วา่ แฉะไป ถา้ น�ำ้ ไม่ซึมแสดงวา่ แห้งไป ควรเพ่มิ
- ท�ำ โครงไมไ้ ผก่ อ่ นคลมุ ด้วยผ้า ความชื้นโดยพรมนำ�้ เบาๆ
พลาสตกิ

ศัตรทู ีส่ �ำ คัญ
โรคทส่ี �ำ คญั โรคราเม็ดผักกาด พบมากในการเพาะเหด็ ฟางกองเต้ีย โรคราเขียว ราเห็ดหมึก หรอื เห็ดข้มี า้ และโรคเนา่ เละของเหด็ ฟาง ปอ้ งกนั โดยการรกั ษาความ
สะอาดและการปฏบิ ัติดแู ลรกั ษาอย่างสม่ำ�เสมอ
แมลงศตั รทู ส่ี �ำ คญั มด ปลวก แมลงสาบ ปอ้ งกันกำ�จัดโดยใช้สารก�ำ จดั แมลงหยดใส่ตรงปากทางเขา้ รังมดหรอื ปลวก มดและปลวกจะตายหรอื ย้ายหนไี ป หรอื จะใช้
ขีเ้ ถ้าแกลบผสมผงซกั ฟอกโรยบนพืน้ ดนิ กไ็ ด้

เทคนิคการเพาะและดูแลรกั ษาเหด็ ฟาง

1. การเพาะเห็ดฟาง
สามารถแบง่ วธิ ีการเพาะเห็ดฟางไดเ้ ปน็ 2 วิธี คือ การเพาะกลางแจ้ง ท่นี ิยม
เพาะเป็นการคา้ คือการเพาะเห็ดฟางกองเต้ียจากฟางขา้ ว และการเพาะเหด็ ฟางโดยใช้
ทะลายปาลม์ อีกวธิ คี อื การเพาะเหด็ ฟางในโรงเรอื น
1.1 การเพาะเหด็ ฟางกลางแจง้ มวี ธิ ีการดังน้ี
1) การเตรียมการก่อนเพาะ
- น�ำ วัสดุเพาะ ไดแ้ ก่ ฟางข้าวหรอื ตอซังขา้ ว แช่นำ�้ 1 - 2 วัน ส่วน
ทะลายปาลม์ รดน�ำ้ ให้เปยี ก 1 ½ วนั วนั ละ 1 คร้ังคลุมพลาสตกิ สีด�ำ ให้มิดชิดท�ำ อย่างน้ี
4 วัน แล้วคลมุ พลาสติกท้ิงไว้ 12 - 15 วัน อาหารเสรมิ ทกุ ชนิด ไดแ้ ก่ ไสฝ้ ้าย ไส้นุ่น
ผกั ตบชวาสบั ตากแห้ง ไปแช่น�้ำ ใหช้ มุ่ นาน 1 - 2 ชวั่ โมง ส่วนอาหารเสรมิ ที่ได้จาก
มูลสัตว์ ไดแ้ ก่ มูลไก่ มลู ววั หรือมูลม้า ผสมดนิ ร่วนในอตั ราสว่ น 2 : 1 ไมต่ ้องแชน่ ำ้�
- ปรบั ดนิ ให้เรียบ รดน�้ำ ให้ชมุ่ วางแบบพิมพล์ งบนดิน แบบพมิ พท์ �ำ
จากไมม้ ีลกั ษณะเปน็ สี่เหลย่ี มคางหมู ดา้ นบนกว้าง 30 เซนตเิ มตร ดา้ นล่างกวา้ ง 35
เซนติเมตร ยาว 80 - 120 เซนตเิ มตร สงู 30 เซนตเิ มตร
2) วิธกี ารเพาะ
- หากเพาะดว้ ยฟางขา้ ว ให้ใสฟ่ างลงไปในแบบพมิ พใ์ ห้หนา 8 - 12
เซนตเิ มตร ใชม้ อื กดใหแ้ นน่ หรอื อาจะเหยยี บซกั 1 - 2 เทย่ี ว ถา้ เปน็ ตอซงั ใหว้ างโคนตอซงั
หนั ออกด้านนอก ใสอ่ าหารเสรมิ บริเวณขอบโดยรอบ กวา้ ง 5 - 7 เซนติเมตร หนา 2.5
เซนตเิ มตร
- หากเป็นทะลายปาล์มต้องเทข้ีเลื่อยลงไปในแบบพิมพ์เกลี่ยให้เรียบ
กอ่ นน�ำ ทะลายปาลม์ ทแ่ี ชน่ �ำ้ แลว้ วางใหเ้ ตม็ และรดน�ำ้ ใหช้ มุ่ แลว้ โรยเชอ้ื ไมต่ อ้ งใสอ่ าหารเสรมิ
- โรยเชือ้ เห็ดโดยรอบบนอาหารเสรมิ เชื้อเห็ดที่ใช้ควรบีใ้ ห้แตกออก
จากกนั เสียกอ่ นเปน็ อันเสร็จชน้ั ที่ 1 เม่อื เสร็จแลว้ กท็ �ำ ช้นั ตอ่ ไปโดยทำ�เชน่ เดียวกับการทำ�
ช้ันแรกคือ ใส่ฟางลงในแบบไม้อัดหนา 8 - 12 เซนติเมตร กดให้แนน่ ใสอ่ าหารเสริม โรย
เชื้อในชว่ งฤดหู นาวหรอื อณุ หภูมิต�่ำ กวา่ 25 องศาเซลเซยี ส ควรทำ� 4 - 5 ชัน้ หรือสูง 35
- 40 เซนตเิ มตร ส่วนในฤดูรอ้ น ควรทำ� 3 ชั้น หรอื สูง 28 - 30 เซนตเิ มตร หากเพาะด้วย
ทะลายปาล์มสามารถโรยเชอ้ื เห็ดฟางบนทะลายปาลม์ ไดเ้ ลย
- เมอื่ ทำ�กองเสร็จแล้ว ชน้ั สุดท้ายคลุมฟางหนา 2 - 3 เซนตเิ มตร รดน้ำ�
บนกองให้โชกอกี ครั้ง ถอดแบบพิมพ์ เพ่ือนำ�ไปใช้เพาะกองต่อไป
- เมื่อโรยเช้ือเสร็จแล้ว ใช้เช้อื เห็ดฟางผสมกับอาหารเสริมโรยรอบกอง
ท้ังน้ีจะทำ�ใหไ้ ด้ดอกเห็ดเกดิ ระหวา่ งกอง เป็นการเพิ่มปรมิ าณดอกเห็ด นอกเหนอื จาก
ดอกเหด็ ท่ีได้จากกองเหด็ การเพาะเห็ดฟางแบบกองเตี้ยมกั จะท�ำ กองใกล้ๆ กนั หา่ งกนั
ประมาณ 1 คืบ โดยกองขนานกันไป 10 - 20 กอง เพือ่ ทำ�ให้อุณหภูมแิ ละความชน้ื
ของกองไม่เปล่ียนแปลงรวดเร็วนัก

130

- คลมุ ดว้ ยผา้ พลาสติกใสหรือทึบ การคลุมกองให้คลมุ ท้ังหมดด้วยผา้
พลาสติก 2 ผนื โดยใหข้ อบดา้ นหน่ึงทับกันบรเิ วณหลงั กอง จากนั้นใช้ฟางแห้งคลุมทบั
พลาสติกอีกทีหรืออาจท�ำ แผงจากปดิ ไมใ่ ห้แสงแดดสอ่ งถึง ก่อนการคลุมดว้ ยพลาสติก
อาจท�ำ โครงไมเ้ หนอื กองเพอ่ื ไม่ให้พลาสติกติดหลงั กอง แล้วปิดด้วยฟางหลวมๆ ก่อน
ในฤดรู ้อนแดดจัด ระยะ 3 วนั แรกควรเปิดผา้ พลาสตกิ หลงั กองกว้างประมาณ 1
ฝา่ มือ เวลากลางวันถึงตอนดวงอาทิตยต์ ก สว่ นกลางคืนปิดไวอ้ ยา่ งเดมิ สว่ นฟางคลุมเอา
ไว้เหมือนเดมิ วนั ท่ี 1 - 3 เหด็ ฟางตอ้ งอณุ หภมู ปิ ระมาณ 35 - 38 องศาเซลเซยี ส ในวนั ท่ี
4 - 5 ใหต้ รวจดคู วามชน้ื ถา้ เหน็ วา่ ขา้ งและหลังกองแหง้ ให้ใชบ้ ัวรดนำ�้ รดน้�ำ เบาๆ ให้ช้ืน
แล้วปิดไว้อยา่ งเดมิ เหด็ ฟางต้องการอณุ หภูมติ ำ่�กว่าวันแรกๆ จนกระทัง่ วันท่ี 8 - 10 ชว่ ง
เกบ็ ผลผลติ ได้เหด็ ฟางต้องการอุณหภูมิประมาณ 30 องศาเซลเซียส
1.2 การเพาะในโรงเรอื น
ปัจจุบันนิยมทำ�การเพาะเห็ดฟางในลักษณะน้ีกันมากจนถึงเป็นอุตสาหกรรม
ในพื้นที่ เพราะสามารถเพาะไดต้ ลอดท้ังปี มีข้นั ตอนวิธีเพาะดังน้ี
1) การเตรยี มการก่อนเพาะ
โรงเรอื นและชัน้ วาง
- โรงเรอื นขนาด 5.80 X 6.80 X 2.50 เมตร และสูงจากพ้นื ถงึ ยอดบน
สุดหลังคา 3.50 เมตร
- ประตู หนา้ -หลงั ขนาด 0.75 X 1.75 เมตร บนประตทู ง้ั 4 บาน
ทำ�หนา้ ต่างกว้างเท่ากบั ประตู สูง 30 เซนตเิ มตร ทงั้ ประตแู ละหน้าตา่ งกรดุ ้วยผา้ พลาสติก
แลว้ กรุทบั ดว้ ยแฝกดา้ นนอกอีกช้ันหนง่ึ
- กรภุ ายในโรงเรอื นรวมทง้ั หลงั คาดว้ ยพลาสตกิ ทนรอ้ นอยา่ งหนาใหม้ ดิ ชดิ
- ดา้ นนอกโรงเรือน กรุด้วยแฝกจนถึงชายคาไม่ใหแ้ สงเข้าได้
- พื้นโรงเรอื น อาจเทคอนกรตี หรอื หนิ คลกุ อัดให้แนน่ ถ้าเป็นพ้นื
คอนกรตี จะต้องเว้นเปน็ ชอ่ งใตช้ ัน้ ไว้เพอื่ ใหโ้ รงเรอื นไดร้ ับอุณหภมู ิและความช้ืนจากดิน
- ช้ันวางวัสดเุ พาะกว้าง 80 - 90 เซนติเมตร ยาว 5 เมตร ช้ันแรกสงู
จากพน้ื 30 เซนตเิ มตร ช้นั ต่อๆ ไปสงู ห่างกนั ชัน้ ละ 60 เซนติเมตร ตง้ั หา่ งจากฝาผนงั โรง
เรอื นโดยรอบ 80 - 90 เซนติเมตร โดยใช้เสาคอนกรีต ไม่ควรใช้ทอ่ ประปาและทอ่ PVC
เพราะอาจจะเคลอื บสารเคมที ีเ่ ปน็ อนั ตรายตอ่ การเกดิ ดอกเหด็ ได้ พน้ื ของชน้ั ปดู ว้ ยไมไ้ ผ่
(ไมร้ วก) หา่ งกนั ประมาณ 5 - 10 เซนติเมตร
- ท�ำ ความสะอาดโรงเรอื นและชั้นวางก่อนเพาะด้วยนำ�้ ยาฆ่าเชอื้
การหมกั วสั ดุเพาะ ประกอบดว้ ย ฟางขา้ ว 250 กโิ ลกรมั หมกั กบั ปูน
ขาว 2 กโิ ลกรมั รำ�ละเอยี ด 5 กโิ ลกรมั ปุย๋ ยูเรยี 0.5 กโิ ลกรัม รดน�ำ้ ใหช้ มุ่ คลุมปิดดว้ ย
พลาสตกิ 2 วนั

131

2) วิธีการเพาะ
- วันที่ 1 หมักอาหารเสริมประกอบดว้ ย กากฝา้ ย 250 กิโลกรัม ผสม
เปลอื กถั่วเหลอื ง 30 - 50 กิโลกรมั รดน้�ำ จนชมุ่ ให้ทวั่ กองเปน็ รปู สามเหลย่ี มสงู
70 เซนติเมตร คลุมดว้ ยพลาสตกิ หมกั 1 คนื
- วนั ท่ี 2 กลบั กองอาหารเสรมิ ผสมกับรำ�ละเอยี ด 15 กโิ ลกรัม ยิปซมั
3 กิโลกรมั ปุย๋ สตู ร 16 - 20 - 0 400 กรมั ตั้งกองรูปฝาชี คลุมพลาสติก ท้ิงไว้ 1 - 2 คนื
และนำ�วสั ดเุ พาะท่หี มักไว้ข้ึนชั้นเพาะ
- วนั ท่ี 3 กระจายกองวัสดุอาหารเสริมแบ่งออกเปน็ 12 กองเทา่ ๆ
กัน (เทา่ กับจำ�นวนชั้นเพาะ) แลว้ ขนไปเกลยี่ บนฟางท่ีเรยี งไว้ในโรงเรือน ชน้ั ละ 1 กอง
กระจายใหท้ ่ัว แต่ใหห้ ่างจากรมิ ฟางทเ่ี รียงด้านละ 1 ฝา่ มือ ใช้มอื กดให้แนน่ พอประมาณ
เสร็จแล้วปิดโรงเรอื นใหม้ ดิ ชิด ควบคุมอณุ หภูมใิ หไ้ ดป้ ระมาณ 40 - 45 องศาเซลเซยี ส
นาน 24 ชวั่ โมง ถ้าอณุ หภูมไิ ม่ถงึ ให้ใชไ้ อนำ�้ ที่ได้จากการต้มน�ำ้ ในถังน้�ำ ขนาด 200 ลิตร
ตอ่ ทอ่ เหลก็ เขา้ ไปยงั โรงเรอื นเพอ่ื เพม่ิ อณุ หภมู ิ ทง้ั นก้ี เ็ พอ่ื ตอ้ งการเพาะเลย้ี งเชอ้ื ราทเ่ี ปลย่ี น
วัสดเุ พาะให้เป็นธาตอุ าหารท่เี ห็ดฟางสามารถน�ำ ไปใช้ได้
- วันท่ี 4 หลงั จากเล้ยี งเชอื้ ราไว้ประมาณ 24 ชั่วโมง ให้ทำ�การอบไอนำ้�
ในโรงเรือนเพ่ือฆ่าเชือ้ ราและเช้อื อน่ื ๆ ท่ีอุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส นาน 6 ชัว่ โมง
แลว้ พักโรงเรือนไว้ 1 คนื
- วันท่ี 5 โรยเชื้อเห็ดฟางให้ทว่ั ทกุ ชน้ั โดยใชเ้ ชอ้ื เห็ดฟางชัน้ ละประมาณ
15-20 ถุง ผสมกบั แปง้ ข้าวเหนยี วหรือแปง้ สาลี 1 ช้อนโตะ๊ ต่อเชอ้ื เห็ดฟางถุงปอนด์ 1 ถงุ
เมือ่ โรยเช้ือเหด็ เสรจ็ แลว้ ปิดโรงเรือนให้มิดชดิ อยา่ ใหแ้ สงเข้าได้ ควบคุมอณุ หภูมใิ น
โรงเรือนไวป้ ระมาณ 35-36 องศาเซลเซียส ประมาณ 3 วนั ใยเห็ดจะเดินท่ัวแปลง
- วันที่ 8 เมอ่ื เห็นว่าใยเห็ดเดินทวั่ แปลงแล้ว ใหเ้ ปิดวัสดุบงั แสงออกให้
หมดทุกด้าน รักษาอุณหภมู ิท่ี 35 - 36 องศาเซลเซยี ส
- วนั ที่ 9 เปิดประตู หน้าตา่ ง เพื่อไลแ่ กส๊ แอมโมเนยี และแกส๊ อ่ืนๆ
ทเ่ี ป็นอนั ตรายแกก่ ารเกิดดอกเห็ด และเปน็ อนั ตรายแกค่ นออกจากโรงเรอื นใหห้ มด
โดยเปิดโรงเรือนไวป้ ระมาณ 3 - 5 นาทตี อ่ ครงั้ รักษาอณุ หภมู ิที่ 35 - 36 องศาเซลเซียส
- วันท่ี 10 หลงั จากเปิดแสงไว้ 2 - 3 วัน พ่นสเปรยน์ ำ้�ให้เสน้ ใยเหด็ ยบุ
ตวั ลง ช่วยลดอณุ หภูมิ และมกี ารสะสมอาหารทจี่ ะนำ�ไปสรา้ งเปน็ ดอกเห็ด ชว่ งน้ีตอ้ งลด
อณุ หภูมใิ หเ้ หลอื ประมาณ 30 - 32 องศาเซลเซยี ส เมอื่ เห็นวา่ เกิดดอกเหด็ เลก็ ๆ ขนึ้ เป็น
จำ�นวนมากพอสมควรแล้วจงึ ปดิ แสงหลังจากน้ีอีก 2 - 3 วัน ก็สามารถเกบ็ ดอกเหด็ ได้
- วนั ท่ี 12 - 17 เรมิ่ เกบ็ ดอกเห็ดไดแ้ ละเกบ็ ได้ประมาณ 5 วัน แลว้ พัก
เส้นใย 2-3 วัน เริ่มเกบ็ ร่นุ ที่ 2
3) การปฏบิ ตั อิ น่ื ๆ
- ถา้ อากาศรอ้ น ภายในโรงเรือนร้อนจัด ใหเ้ ปิดประตูระบายอากาศ

132

และความรอ้ น แต่ถ้าตอ้ งการระบายไม่มากนัก ให้เปิดเฉพาะหนา้ ตา่ ง โดยเปดิ เป็นชว่ งๆ
วันละ 4 - 5 คร้ัง คร้ังละประมาณ 3 - 5 นาที หา่ งกันประมาณ 2 ช่ัวโมง จะชว่ ยใหอ้ ากาศ
ภายนอกเข้าไปไล่อากาศเสียในโรงเรอื นออกมา และยงั เปน็ การช่วยใหด้ อกเห็ดไดร้ ับแสง
บา้ งเป็นครั้งคราวด้วย
- ตรวจดคู วามชน้ื ภายในโรงเรอื น ถา้ หน้ากองเพาะแหง้ เกนิ ไป
ให้พน่ น�้ำ เป็นฝอยที่ผิวหน้าใหฝ้ ้ายชมุ่ พอสมควร แต่อย่าใหแ้ ฉะ
- เมือ่ เหด็ ออกดอก ควรเปิดหนา้ ตา่ งไวต้ ลอด เพ่ือไลอ่ ากาศเสยี
แต่ต้องคอยควบคุมอุณหภูมไิ ม่ให้ตำ�่ กวา่ 28 องศาเซลเซยี ส
2. ศตั รพู ืชทสี่ ำ�คัญ
2.1 มด ปลวก แมลงสาบ สามารถปอ้ งกนั โดยใชส้ ารก�ำ จัดแมลงหยดใสต่ รง
ปากทางเข้ารังมดหรือปลวก มดและปลวกจะตายหรือยา้ ยหนีไป หรือจะใช้ขเี้ ถา้ แกลบ
ผสมผงซกั ฟอกโรยบนพน้ื ดินก็ได้
2.2 ไร การทำ�ลายจะกดั กินเส้นใยเหด็ ฟางหรือดอกเห็ดทีม่ ขี นาดเล็ก สามารถ
ป้องกันโดยท�ำ ความสะอาดหลงั จากเพาะเหด็ แตล่ ะรนุ่ แล้ว ควรดแู ลอุปกรณท์ ี่ใชใ้ ห้
สะอาดอยู่เสมอ การเพาะเห็ดฟางในโรงเรือนควรมีการพักท�ำ ความสะอาดโรงเรอื น
ส่วนการเพาะเห็ดฟางกองเตี้ย ไม่ควรเพาะเช้อื ซ้ำ�ทีใ่ นระยะเวลา 1 - 2 เดอื น
2.3 โรคราเม็ดผักกาด เกดิ จากเชอื้ รา มักเกิดกบั กองเหด็ ฟางกองเตีย้ ทีใ่ ชฟ้ าง
เก่าเก็บคา้ งปี และถูกแดดฝนมาก่อน ลกั ษณะท่ีพบ เริ่มเกิดข้ึนได้ในวนั ที่ 3 หรอื 4
ของการเพาะเหด็ สามารถปอ้ งกนั โดยการใช้ฟางขา้ วใหมไ่ มค่ า้ งปี
2..4 โรคราเขยี ว เกดิ ขนึ้ ได้ท้ังขีฝ้ า้ ย ฟางขา้ ว บนดนิ และดอกเหด็ ทั้งในการเพาะ
เหด็ ฟางแบบกองเต้ียและการเพาะเห็ดฟางแบบอตุ สาหกรรม สามารปอ้ งกันไดด้ ว้ ยการใช้
ฟางข้าวใหมไ่ มค่ า้ งปี
2.5 ราเหด็ หมกึ หรือเห็ดขม้ี ้า เกิดจากเชือ้ รา ซ่ึงเกดิ จากการใช้ฟางเก่าหรือวัสดุ
เพาะทีม่ เี ชือ้ เหด็ หมึกอยู่ ป้องกันก�ำ จัดโดยอบไอนำ้�ให้อณุ หภูมิในกองฟางหรือโรงเรือน

2.6 โรคเน่าเละของเหด็ ฟาง เกดิ จากเช้ือบกั เตรี เกดิ เฉพาะการเพาะเห็ดฟางในโรง
เรือน
เน่ืองจากเห็ดฟางมรี ะยะเวลาตงั้ แตเ่ พาะถึงเก็บเก่ียวเพยี ง 13 - 17 วัน จึงไมม่ ี
การใชส้ ารเคมปี ้องกนั ก�ำ จัดโรค ดงั นัน้ วธิ กี ารปอ้ งกนั ที่ท�ำ ได้ คือ การรักษาความสะอาด
และการปฏิบตั ดิ ูแลรักษาอย่างสมำ�่ เสมอ
3. การเก็บเกีย่ ว
เมอ่ื เสน้ ใยยบุ ตวั ลงและมดี อกเหด็ เลก็ ๆ ในอกี 2 - 3 วนั สามารถเกบ็ ดอกเหด็ รนุ่ แรก
ไดแ้ ละเกบ็ ไดป้ ระมาณ 5 วนั แลว้ พกั เสน้ ใย 2 - 3 วนั จงึ เรม่ิ เกบ็ รนุ่ ท่ี 2 โดยมวี ธิ เี กบ็ ดงั น้ี

133

1) ควรใช้ความระมดั ระวังเกบ็ เฉพาะกระจุกท่มี ดี อกเหด็ ขนาดใหญ่มากกว่าดอก
เล็ก เพราะจะท�ำ ใหไ้ ดผ้ ลผลิตนอ้ ยลง เน่ืองจากเห็ดดอกเลก็ จะเจรญิ เติบโตเป็นเหด็ ขนาด
ที่ตอ้ งการในวันตอ่ ไป
2) เวลาเก็บดอกเหด็ ท่ีเหมาะสมควรเปน็ เวลาบ่ายใกล้เยน็ เพราะอุณหภมู ิ
ภายนอกกบั ภายในโรงเรอื นจะใกลเ้ คยี งกนั แต่ถ้าท้องถิ่นใดมคี วามจ�ำ เป็นจะตอ้ งเก็บ
เวลาอนื่ ก็สามารถท�ำ ได้
4. การปฏิบัติหลงั การเก็บเก่ียว
หลังจากเกบ็ ดอกเห็ดแลว้ ควรใช้มดี คมๆ ตดั โคนดอกท่ีมีเศษวสั ดุเพาะออก
ใหห้ มดมฉิ ะนน้ั ดอกเหด็ ที่เก็บมาจะเจรญิ เตบิ โตต่อและเหด็ จะบานเร็วขึ้น ทำ�ใหเ้ สยี ราคา
คดั ขนาดและบรรจุในบรรจภุ ัณฑ์ โดยเลอื กบรรจภุ ณั ฑ์ตามตลาดที่จ�ำ หน่าย เชน่
หากจำ�หนา่ ยตลาดขายส่งอาจบรรจใุ นถงุ พลาสตกิ ขนาดใหญ่ ตะกรา้ พลาสติกส่ีเหลี่ยม
แบบยกวางซอ้ นได้ หรือบรรจุในถาดโฟมปดิ ด้วยพลาสติกใส เพื่อสะดวกในการวาง
จำ�หนา่ ยกไ็ ด้ตามความตอ้ งการของตลาดปลายทาง หากจำ�หน่ายปลีกควรบรรจใุ น
ถาดโฟมปิดด้วยพลาสตกิ ใสเพ่อื สะดวกในการวางจำ�หนา่ ย ส่งจำ�หนา่ ยทนั ทหี ากยงั ไม่
สามารถจ�ำ หน่ายในวันนน้ั ควรนำ�ไปเก็บไว้ในทเ่ี ย็น (อาจเป็นตู้เยน็ ก็ได้) เพ่ือปอ้ งกันไมใ่ ห้
ดอกเห็ดฟางบานและยืดอายกุ ารเก็บรักษา

134

ข้อมูลสภาพแวดลอ้ มท่ีเหมาะสมตอ่ การเจรญิ เตบิ โตและใหผ้ ลผลิตของเห็ดฟาง

สภาพแวดล้อม ความเหมาะสม ข้อจำ�กัด / รายละเอียดเพม่ิ เติม
1 สภาพภูมิอากาศ - การเจริญเติบโตทางดา้ นเส้นใย 35 - 38 องศาเซลเซยี ส ถ้าอณุ หภมู ติ ่�ำ กว่า 20 องศาเซลเซียส จะไมม่ ดี อกเกดิ ขึ้น
1.1 อณุ หภูมิ - ออกดอกที่ 30 - 35 องศาเซลเซยี ส
1.2 ความชืน้ สัมพัทธ์ 80 - 90 % เหด็ ฟางถ้าไม่ให้แสงตลอดการเพาะจะไมม่ ดี อกเกิดข้นึ การเกดิ ดอกไม่ไดข้ ้ึน
1.3 แสง ปรมิ าณแสงท่มี คี วามเขม้ แสงเหมาะสมในการกระตุ้นให้ อยู่กับระยะเวลาของการให้แสงแต่ขึน้ กับปริมาณแสง
2. สภาพวัสดุปลูก ออกดอกอย่ทู ี่ 15 ft-candles
2.1 ความเป็นกรด-เป็นดา่ ง ระยะงอกของสปอร์ pH 7.5
(pH) ระยะการเจรญิ เตบิ โต pH 7.2 - 8.0

3. ความต้องการธาตุอาหาร ไทอามีน เร่งการเจรญิ เติบโตของเหด็ ฟาง
ของเห็ดฟาง
3.1 ปริมาณธาตอุ าหาร สารประกอบคารบ์ อน ได้แก่ แปง้ กลูโคส น�้ำ ตาล ซโู คส
ไนโตรเจน ไดแ้ ก่ เปปโตน

4. สภาพน�้ำ ความเป็นกรดเป็นดา่ งของน้�ำ ต้องเป็นกลาง (pH 7)
4.1 คณุ ภาพน้�ำ /ความเปน็
135 กรด เปน็ ด่าง (pH)

แนวทางการเพม่ิ ประสิทธภิ าพการผลิต และแหลง่ สบื ค้นข้อมูลเพิ่มเติม

แนวทางการเพมิ่ ประสทิ ธิภาพการผลติ เห็ดฟาง
1. การเลือกเชอ้ื เหด็ ฟางเพ่อื ใหไ้ ดเ้ ชื้อเห็ดที่มคี ณุ ภาพดีและเหมาะสม
มีหลักเกณฑ์การพจิ ารณาประกอบดงั นี้
1.1 จับดูท่ถี งุ เชื้อเห็ด จะตอ้ งมลี ักษณะเป็นกอ้ นแน่น มีเสน้ ใยของเชอื้ เหด็
เดินเตม็ กอ้ นแล้ว
1.2 ไมม่ ีเชือ้ ราชนดิ อ่นื ๆ หรอื มีแมลง หนอน หรอื ไร เจอื ปน และไม่ควร
มนี ้ำ�อยทู่ ่กี น้ ถงุ ซงึ่ แสดงวา่ ช้นื เกินไป
1.3 ไมม่ ดี อกเหด็ อยใู่ นถงุ เชอ้ื เหด็ นน้ั เพราะนน่ั หมายความวา่ เชอ้ื เรม่ิ แกเ่ กนิ ไป
1.4 ควรผลิตจากปุ๋ยหมักของเปลอื กเมล็ดบัวผสมกบั ขมี้ ้า หรอื ไสน้ ุ่นกับขม้ี า้
1.5 เส้นใยไม่ฟูจดั หรอื ละเอียดเล็กเป็นฝอยจนผิดปกติ ลกั ษณะของเสน้ ใย
ควรเป็นสขี าวนวล เจริญคลุมทั่วทั้งกอ้ นเช้อื เห็ดนน้ั
1.6 ตอ้ งมกี ลิ่นหอมของเห็ดฟางด้วย จงึ จะเป็นกอ้ นเชื้อเห็ดฟางท่ดี ี
1.7 เชื้อเหด็ ฟางทซี่ อื้ ตอ้ งไมถ่ ูกแดด หรือรอการขายไว้นานจนเกินไป
1.8 เชอื้ เหด็ ฟางทีซ่ ้ือมานั้น ควรจะท�ำ การเพาะภายใน 7 วนั
1.9 อยา่ หลงเชอื่ คำ�โฆษณาใดๆ ของผู้ขาย ควรสอบถามจากผทู้ ่ีเคยทดลอง
เพาะมากอ่ นจะดีกว่า นอกจากน้คี วรมีการตรวจสอบเชอ้ื เห็ดฟางจากหลายเจา้ เช้อื เห็ด
ฟางยหี่ ้อใดให้ผลผลติ สูงกค็ วรเลือกใชเ้ จ้านั้นมาเพาะ
1.10 ราคาของเช้อื เหด็ ฟางไม่ควรจะแพงจนเกนิ ไป ควรสืบราคาจากเชอ้ื เห็ด
หลายๆ เจา้ เพือ่ เปรียบเทยี บ
2. การเพาะเหด็ ฟางกลางแจ้ง (กองเตีย้ )
2.1 การเพาะเหด็ ฟางกองเตยี้ การขดุ ดนิ ตากแดด 1 สัปดาห์ ย่อยดนิ รว่ น
ละเอยี ด จะทำ�ใหผ้ ลผลิตเหด็ ได้มากกวา่ เดิม 10 - 20 % เพราะเห็ดเกดิ บนดินรอบๆ
กองฟางได้
2.2 การเพาะเหด็ ฟางกองเตี้ย การใชข้ ี้มา้ เปน็ อาหารเสรมิ จะช่วยให้ยอ่ ย
สลายฟางไดด้ ีขน้ึ เพราะในขี้มา้ มจี ลุ ินทรียช์ ว่ ยยอ่ ย และทำ�ใหก้ องป๋ยุ หมักมีอุณหภมู ิสูง
ขน้ึ อย่างรวดเรว็ ท้ังยงั มีสารช่วยยบั ยงั้ การเจรญิ เติบโตของเช้อื จุลินทรีย์อืน่
2.3 หากตอ้ งการให้ดอกเห็ดฟางมีสีขาว ตอ้ งควบคมุ ไม่ให้แสงเขา้ ในกอง
เพาะหรือโรงเรอื นเพาะเหด็ ฟาง
3. การเพาะเห็ดฟางในโรงเรอื น
3.1 หากเพาะเหด็ ฟางในโรงเรือนในช่วงอากาศหนาว สามารถเพิม่ อณุ หภูมิ
ไดด้ ้วยการตดิ ต้งั หลอดไฟในโรงเรอื น หรืออบไอน้ำ�เพิม่ อุณหภูมิในเวลากลางคืน ระหวา่ ง
02.00 – 04.00 น. โดยควบคุมใหอ้ ุณหภูมสิ งู ประมาณ 32 - 34 องศาเซลเซียส จะช่วยให้
ดอกเหด็ เจรญิ ได้อย่างเต็มที่ และมขี นาดใหญ่

136

3.2 การท�ำ ปยุ๋ อนิ ทรยี น์ �ำ้ เพม่ิ ผลผลติ เหด็ ฟาง เพอ่ื ใหด้ อกเหด็ มขี นาดใหญข่ น้ึ
(ทีม่ า : กรมพฒั นาทีด่ ิน) โดยมีส่วนผสมและวิธดี งั นี้
- น�ำ เศษวัสดเุ หลือใช้ทไ่ี ดจ้ ากการตัดแต่งเห็ดกอ่ นออกจ�ำ หนา่ ย
30 กโิ ลกรัม คลุกเคล้ากากน้�ำ ตาล 10 กิโลกรัม ให้เข้ากนั
- ละลายสารเร่ง พด.2 จำ�นวน 1 ซอง (25 กรมั ) ในน�้ำ 10 ลิตร คนให้
เข้ากันนาน 5 นาที
- นำ�เศษวสั ดแุ ละพด.2 ทเี่ ตรยี มไว้คลกุ เคล้ากันในถงั หมักขนาด 10 ลิตร
คนนาน 10 นาที ปดิ ฝาไม่ต้องสนทิ ท้ิงไว้ 7 วัน
- น�ำ ปยุ๋ อนิ ทรยี ท์ ห่ี มกั เรยี บรอ้ ยไปรด หลงั จากโรยเชอ้ื เหด็ ฟางในชน้ั เพาะ
และรดอีกคร้งั หลังจากโรยเช้ือ 3 วัน เพอื่ ใหเ้ ส้นใยเห็ดรวมตัวเป็นดอกเห็ด (ป๋ยุ อินทรยี ์น้ำ�
5 ซซี ี.หรอื 1 ชอ้ นโต๊ะ ผสมน�้ำ 10 ลิตร)
แหลง่ สบื ค้นขอ้ มลู เพิม่ เตมิ
กรมสง่ เสรมิ การเกษตร. 2543. เทคนิคการเพาะเหด็ ฟาง. กรงุ เทพฯ
กรมสง่ เสรมิ การเกษตร. 2542. การบริหารศัตรเู ห็ด. กรงุ เทพฯ
ส�ำ นกั พฒั นาทด่ี นิ เขต 1 กรมพฒั นาทด่ี นิ . การผลติ เหด็ ฟางปลอดสารพษิ ดว้ ยสารเรง่ พด.
1,2,3 http://mordin.ldd.go.th/nana/hed/page02.htm วนั ท่ี 18 กุมภาพนั ธ์ 2556

137

138 ภาคผนวก

สรุปข้อมูลสภาพแวดล้อมท่เี หมาะสมต่อการเจริญเตบิ โตและใหผ้ ลผลติ ของพืชผกั เหด็

Crop สภาพภูมิอากาศ สภาพพนื้ ที่ สภาพดิน
Requirement อณุ หภูม ิ ความ แสง ปรมิ าณ ลม
CO2 ระดับน�้ำ ความลาด เนอ้ื ดนิ อุณหภมู ิ pH ธาตุอาหาร สภาพน�ำ้
ชนดิ พชื ชนื้ ทะเล เอียง ดนิ
สมั พัทธ ์ เพยี งพอ
ตลอดปี
กระเทียม 9 - 28 C ต่�ำ กวา่ 9 ช่ัวโมง - - - - ดินรว่ นซุยหรอื - 5.5 -6.8 -
60% ต่อวัน ดินร่วนปนทราย

กระเจ๊ยี บเขียว กลางวัน - 12 ชัว่ โมง - - - 5% ดนิ ร่วนปนทราย - 6.5 - 7.5 N = 38.4 กก./ไร ่ 8 มิลลิลิตร
18 - 35 C หรือ P=27.5 กก./ไร่ /ต้น/วัน
กลางคนื มากกวา่ น้อยกว่า K=46 กก./ไร่
19 C
การงอกของ
เมล็ด
30 - 35 C

กะหลำ�่ ดอก 15.5 - 18.3 C - 10-14 - - - - ดินร่วนเหนียว - 6.0 -6.8 ไนโตรเจน ไม่ตอ้ งการ
ชว่ั โมงตอ่ วนั สูงช่วงแรก น้ำ�มากแคด่ ิน
เมือ่ สร้างดอก มีความชนื้
ต้องการ สม�ำ่ เสมอ
ฟอสฟอรสั สูง

กะหล่�ำ ปล ี 15-20 C - 10-14 - - - - ดนิ ทรี่ ะบายน�้ำ ด ี - 6.0 - 6.8 ไนโตรเจนสงู 300-450 ลบม./
ชว่ั โมงตอ่ วนั อนิ ทรียวัตถุสงู ไร่/ฤดปู ลูก

ภาคผนวก

สรปุ ขอ้ มูลสภาพแวดลอ้ มที่เหมาะสมตอ่ การเจริญเตบิ โตและใหผ้ ลผลิตของพชื ผัก เห็ด

Crop สภาพภูมอิ ากาศ สภาพพืน้ ที่ สภาพดิน
Requirement อุณหภมู ิ ความ แสง ปริมาณ ลม
ชนิดพืช ระดบั น�้ำ ความลาด เนอ้ื ดิน อณุ หภูม ิ pH ธาตุอาหาร สภาพน�้ำ
ชน้ื CO2 ทะเล เอยี ง ดิน
สมั พทั ธ ์

ขงิ 20 - 35 C 60 - 80 % แสงเตม็ วนั - - ไม่เกิน - ดินรว่ นปนทราย - 6.0-6.5 ไนโตรเจนสูง 2,000-2,500
1,500 ม. ในระยะแรก ลบม./ไร่/
เมอื่ เริม่ สะสม ฤดปู ลกู
อาหารต้องการ
โปรแตสเซียมสูง

คะนา้ 20 - 30 C 60 - 80 % 10 ช่วั โมง - - ไมเ่ กิน 5 - 20 % ดินร่วนปนทราย - 5.5-6.8 N = 2.8-3 % 300-450 ลบม.
ต่อวัน 800 ม. P=0.17-0.29 % /ไร/่ ฤดปู ลกู
K=1.8-2.30 %

แคนตาลูป 18 - 28 oC - - - - 300 - 800 - ดินรว่ นหรอื ดนิ รว่ น - 6-5 ไนโตรเจน. 250-375
เมตร ปนทราย 15-20 กก มลิ ลิเมตร/ต้น
ฟอสฟอรสั
5-7 กก.
โปแตสเซียม
20-25 กก.
แตงกวา กลางวัน
22 - 28 C - - - - - ไมเ่ กิน ดินรว่ น - 5.5-6.5 - สะอาด
กลางคืน 800 ม. ปราศจากสาร
139 17 - 25 C อินทรีย์และ
อนินทรยี ท์ ่ีมพี ิษ

ภาคผนวก

140 สรุปข้อมลู สภาพแวดลอ้ มทเี่ หมาะสมตอ่ การเจรญิ เตบิ โตและใหผ้ ลผลติ ของพืชผกั เหด็

Crop สภาพภมู ิอากาศ สภาพพื้นที่ สภาพดิน
Requirement อุณหภมู ิ ความ แสง ปริมาณ ลม
ชน้ื ระดบั น�้ำ ความลาด เน้อื ดิน อุณหภมู ิ pH ธาตอุ าหาร สภาพน�้ำ
ชนิดพืช สัมพัทธ ์ CO2 ทะเล เอียง ดิน
-
ถั่วฝกั ยาว กลางวนั - - - - ไมเ่ กนิ 5-15% ดินร่วน 20-30 C 5.5-6.8 -
20 - 30 C 800 ม. ปนทราย
กลางคืน
16 - 24 C

ผักช ี 25 - 35 C - - - - ไม่เกิน - ดินร่วน - 6.5-7 - -
800 ม. ปนทราย

พรกิ ทว่ั ไป การตดิ ผล - 0.08-5 800 - ไม่เกิน - ดินรว่ น การงอก 6-6.8 N = 20 กก./ไร่ ปรมิ าณ
25 - 35 C ลกั ซ ์ 1,500 ม. ปนทราย 25 - 30 Cํ P = 13 กก./ไร ่ นำ้�ฝน 600-
K = 18 กก./ไร่ 1,250 มม./ปี
พริกหวาน ตงั้ แต่
500 ม.
ข้นึ ไป

มะเขอื เปราะ 21 - 29.5 C - - - - - - - - - 5.5 - 6.8 - -

ภาคผนวก

สรุปข้อมลู สภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสมตอ่ การเจรญิ เตบิ โตและให้ผลผลิตของพชื ผัก เหด็

Crop สภาพภมู ิอากาศ สภาพพ้นื ที่ สภาพดนิ
Requirement อุณหภมู ิ ความ แสง ปรมิ าณ ลม
ระดับน�้ำ ความลาด เนอื้ ดิน อณุ หภมู ิ pH ธาตุอาหาร สภาพน�้ำ
ชนิดพชื ช้นื CO2 ทะเล เอียง ดิน
สมั พัทธ ์

มะเขอื เทศ การงอก 60 - 70% 3,000- 300- 1 ม./ ไม่เกนิ 5-15% ดินร่วนเหนยี ว และ 15-20 C 6.5-6.8 N = 35-45 กรมั / 500-1,500
20 - 21 C 10,000 1,000 วินาที 800 ม. ดินร่วนปนทราย ตรม. ลบม./รอบ
ระยะกลา้ 25 C ลักซ ์ ppm. P = 3.48-5.16 รอบการผลติ
ออกดอกและตดิ กรมั / ตรม.
ผล 18 - 24 C K = 134 กรมั /
ตรม

มันฝร่ัง 15 - 18 C - - - - 800 ม. - ดินร่วนปนทราย - 5.5-6.5 N = 3 กก./ไร 400-500 มม./
ขึน้ ไป P = 11.5 กก./ไร่ ต้น
K = 50 กก./ไร่

หอมแดง 20 - 35 C - - - - - - ดินร่วนซยุ - 5.5-6.5 - -

หอมหัวใหญ ่ 13 - 34 C - ชว่ งวันยาว - - 1,000 ม. - ดนิ รว่ นหรือ - 5.0-6.5 - ให้น�ำ้ วันเว้น
และความ ดินรว่ นปนทราย วนั ในระยะ
เขม้ แสง กล้าและให้
สงู 3-5 วนั /ครั้ง
หลงั จากตั้งตวั

141

142 ภาคผนวก

สรปุ ขอ้ มูลสภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสมตอ่ การเจรญิ เติบโตและใหผ้ ลผลติ ของพชื ผัก เห็ด

Crop สภาพภมู ิอากาศ สภาพพ้ืนท่ี สภาพดนิ
Requirement อณุ หภูม ิ ความ แสง ปรมิ าณ ลม
ระดบั น�ำ้ ความลาด เน้อื ดิน อุณหภมู ิ pH ธาตอุ าหาร สภาพน�ำ้
ชนิดพชื ชื้น CO2 ทะเล เอียง ดนิ
สัมพัทธ ์

หนอ่ ไมฝ้ รัง่ 20 - 30 C 70 - 90% ไม่น้อย - - ไมเ่ กิน ไมเ่ กนิ ดนิ ร่วนหรอื 25 - 30 C 6.5 - 7.0 ปที ่ี 1 เป็นชว่ ง 0.10 - 0.20
กวา่ 6 600 ม. 5% ดินร่วนปนทราย การเจรญิ เติบโต น้วิ /ตน้
ควรใส่ป๋ยุ ไนโตร
เจน มากกวา่ ธาตุ
อาหารอื่นปที ี่ 2
เปน็ ตน้ ไป ควร
ใส่ปุย๋ ไนโตรเจน
ฟอสฟอรสั และ
โพแทสเซยี ม
ในปรมิ าณและ
สัดส่วนท่ี
พอเหมาะ

ภาคผนวก

สรปุ ข้อมูลสภาพแวดล้อมทเ่ี หมาะสมต่อการเจริญเตบิ โตและให้ผลผลติ ของพชื ผัก เหด็

Crop สภาพภมู อิ ากาศ สภาพพ้นื ที่ สภาพดิน
Requirement อณุ หภูม ิ ความ แสง ปรมิ าณ ลม
ระดบั น�้ำ ความลาด เนื้อดนิ อุณหภมู ิ pH ธาตุอาหาร สภาพน�ำ้
ชนดิ พืช ชืน้ CO2 ทะเล เอียง ดนิ
สมั พทั ธ ์ -

เห็ดนางรม- บม่ เช้ือ อย่างน้อย - - - - - - - - -
นางฟา้ 28 - 35 C 15 - 20
เห็ดนางรม เปดิ ดอก 70 - 80% นาท/ี วนั
26 - 30 C
เห็ดนางฟ้า เปดิ ดอก 80 - 85%
25 - 35 C

เหด็ ฟาง - การเจรญิ 80 - 90% 15 - - - - - - 7.2 - 8 สารประกอบ -
เติบโตด้าน คารบ์ อนและ
เสน้ ใย ไนโตรเจน
35 - 38 C
- ออกดอก
30 - 35 C

143


Click to View FlipBook Version