The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

รายงานยุคการบริหารเชิงระบบ

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by PANOOPAN PUNSAWAS, 2020-09-18 10:32:08

รายงานยุคการบริหารเชิงระบบ

รายงานยุคการบริหารเชิงระบบ

ความเป็ นมาของ

ฮิคซ์ (Hicks.

➢ ยุคท่ี 1 ระยะ
หลกั เกณฑ์ (Pr

➢ ยคุ ที่ 2 การบริห
(Scientific Ma

➢ ยคุ ที่ 3 มนุษยส
➢ ยุคท่ี 4 ยุคขอ

รวบรวมเพื่อหา

(Ludwig Von Bertalanffy)

งทฤษฎเี ชิงระบบ

. 1972 ) ไดแ้ บ่งแต่ละยคุ ไวด้ งั น้ี

ะเวลาก่อนการคิดค้นการบริ หารที่มี
re-scientific Management :เริ่มตน้ -1880)
หารท่ีมีหลกั เกณฑ์
anagement : 1880-1930)
สมั พนั ธ์ (Human Relations : 1930-1950)
องการปรับปรุ ง คิดค้นขยายความและ
าขอ้ มูล

หลกั การและแนว

จนั ทรานี สงวนนาม ไดก้ ล่าวถึงหลกั

1) ทฤษฎีเชิงระบบมีความเชื่อวา่ ระบบ
กล่าวคือ จะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับส
ผลกระทบตลอดเวลาจากสภาพแวดลอ้

2) มีรูปแบบการจดั ลาดบั (The Hierar
ใหญ่และระบบยอ่ ยที่สมั พนั ธ์กนั

3) มีรูปแบบของปัจจยั ป้อนเขา้ และผลผ
ให้เห็นถึงผลของการปฏิสัมพนั ธ์ท่ีมีก
กระบวนการและผลผลิตตามลาดบั เป็น

วคดิ ทฤษฎเี ชิงระบบ

กการและแนวคิดทฤษฎีเชิงระบบ ดงั น้ี
บจะตอ้ งเป็นระบบเปิ ด (Open System)
สิ่งแวดล้อมโดยได้รับอิทธิพลหรื อ
อม
rchical Model) ในลกั ษณะของระบบ

ผลิต (Input Output Model) ซ่ึงแสดง
กบั สิ่งแวดลอ้ ม โดยเร่ิมตน้ จากปัจจยั
นองคป์ ระกอบระบบ

หลกั การและแนว

4) แต่ละองคป์ ระกอบของระบบจะตอ้
ต่อกนั และกนั (The Entities Model)
ระบบตวั ใดตวั หน่ึงเปลี่ยนไป ก็จะมีผล
ตวั อื่นดว้ ย

5) ทฤษฎีเชิงระบบเชื่อในหลกั การขอ
and Effect) ซ่ึงเป็นหลกั การทางวิทยา
ระบบไม่เช่ือว่าผลของสถานการณ์ใ
สาเหตุเดียว แต่ทฤษฎีเชิงระบบเช่ือวา่ ป
จากสาเหตุท่ีกวา่ หน่ึงสาเหตุ

วคดิ ทฤษฎเี ชิงระบบ

องมีส่วนสัมพนั ธ์กนั หรือมีผลกระทบ
หมายความว่า ถา้ องคป์ ระกอบของ
ลต่อการกรับเปล่ียนขององคป์ ระกอบ

องความมีเหตุผลของสิ่งต่างๆ (Cause
าศาสตร์ท่ีสามารถพิสูจน์ได้ ทฤษฎีเชิง
ใดสถานการณ์หน่ึงเกิดจากเหตุเพียง
ปัญหาทางการบริหารที่เกิดข้ึนมกั จะมา

หลกั การและแนว

6) ทฤษฎีเชิงระบบจะมองทุกๆ อย่า
มากกวา่ ท่ีจะมองเพียงส่วนใดส่วนหน่ึง

7) ทฤษฎีเชิงระบบคานึงผลของการป
มากกว่า “Process” ซ่ึงผลสุดทา้ ยของง
คือผลกระทบ (Outcome or Impact) ที่เ

8) ทฤษฎีเชิงระบบจะมีกระบวนการ
ยอ้ นกลบั (Feedback) เพือ่ บอกใหร้ ู้วา่ ร
ที่องคป์ ระกอบใดของระบบ

วคดิ ทฤษฎเี ชิงระบบ

างในภาพรวมของทุกองค์ประกอบ
งของระบบ

ปฏิบตั ิที่เป็ น “Output” หรือ “Product”
งานท่ีไดร้ ับอาจมีมากมายหลายส่ิง ซ่ึงก็
เกิดข้ึนตามมาในภายหลงั นนั่ เอง

รในการปรับเปล่ียน และป้อนขอ้ มูล
ระบบมีการเบี่ยงเบนอยา่ งไร ควรแกไ้ ข

ประเภทของระบบ

1. ระบบปิ ด (Closed Syste

ทางด้านวิทยาศาสตร์ กายภาพ
ผลกระทบจากส่ิงแวดล้อม ระบบ
ไม่ มีการรั บพลังงานจากภายนอ
แนวคิดระบบปิ ดสามารถนาไ
องค์การได้ค่อนข้างน้อยมาก

em) เป็ นแนวคดิ พืน้ ฐานจาก

ซึ่งเป็ นระบบที่ไม่คานึงถึง
บปิ ดที่สมบูรณ์จะเป็ นระบบที่
อก ซ่ึงมีลักษณะเชิงอุดมคติ
ไปประยุกต์ใช้ ในการศึกษา

ประเภทของระบบ

2. ระบบเปิ ด (Open Syst

คานึงถึงผลกระทบจากความสัม

tem) เป็ นระบบที่ยอมรับ หรือ

มพนั ธ์ของระบบกบั สิ่งแวดล้อม

ระบบเปิ ด (O

ส่วนประกอบสาคญั ของระบบเปิ ด

รูปแบบทฤษฎีระบบพ้ืนฐานขององคก์ าร
1) ปัจจยั นาเขา้ (inputs) ซ่ึงประกอบดว้ ย ค

เพื่อการผลิตและการบริการ

2) กระบวนการแปรสภาพ (Transformatio
และการบริหาร

3) ผลผลิต (outputs) ประกอบดว้ ยผลผลิตห

4) ขอ้ มูลยอ้ นกลบั (feedback) เป็นขอ้ มูลส
ขององคก์ ารท่ีเป็นตวั กาหนดปัจจยั นาเข

5) ส่ิงแวดลอ้ ม (Environment) ที่อยลู่ อ้ มรอ
และแรงกดดนั จากระบบเศรษฐกิจ

Open System)

รประกอบดว้ ยส่วนประกอบสาคญั 5 ส่วนดงั น้ี
คน วสั ดุอุปกรณ์ งบประมาณ และสารสนเทศ

on process) ปัจจยั นาเขา้ โดยใชเ้ ทคโนโลยี

หรือบริการ
สารสนเทศเก่ียวกบั ผลผลิตหรือกระบวนการ
ขา้ ในการดาเนินงานคร้ังตอ่ ไป
อบองคก์ ารซ่ึงประกอบดว้ ย สังคม การเมือง

ระบบเปิ ด (O

ลกั ษณะของระบบเปิ ด ระบบประกอบ

ผลผลิตแต่ระบบเปิ ดยงั มีลกั ษณะท่ีนอกเหนือ
1990 : 15-18 )

➢ คานึงถึงส่ิงแวดลอ้ ม (Invironment Aw

➢ ผลยอ้ นกลบั (Feedback)

➢ ระบบเปิ ดเป็นวงจรของเหตุการณ์ตา่ งๆ

➢ การโนม้ เอียงไปสู่ความเฉ่ือย (Negative

➢ สภาพท่ีมีความมน่ั คง (Steady State)

Open System)

บดว้ ยปัจจยั นาเขา้ กระบวนการแปรสภาพและ
อเพ่ิมเติมที่เก่ียวกบั การศึกษาองคก์ าร (Robin

wareness)

ๆ (Cyclical Character)
e Entropy)

ระบบเปิ ด (O

➢ เคลื่อนสู่ความเจริญเติบโตและการขยา
Expansion)

➢ สภาพท่ีมีความมนั่ คง (Steady State)

➢ เคล่ือนสู่ความเจริญเติบโตและการขยา
Expansion)

➢ รักษาสภาพสมดุลของการดารงอยแู่ ละ
Maintenance and Adaptive Activities

➢ การมีทางเลือกหลากหลาย (Equifinali

Open System)

ายตวั (Movement Toward Growth and

ายตวั (Movement Toward Growth and

ะกิจกรรมการปรับตวั (Balance of
s)
ity)

องค์ประกอบของระบ

ทศิ นา แขมมณี (2545 : 197-198) ก

ประกอบด้วยส่วนสาคญั 5 ส่วน ดงั นี้

บบ

กล่าวว่า องค์ประกอบสาคญั ของระบบ

องค์ประกอบ

หน่วยศึกษานิเทศก์ กรมสามญั ศึก

ของระบบทสี่ าคญั ในโครงสร้างของระบบ

บของระบบ

กษา (2538ก : 2-6) กล่าวว่าองค์ประกอบ

บแต่ละระบบมี 3 ประการ คือ

องค์ประกอบ

จันทรานี สงวนนาม (2545 : 86-87)

ดังต่อไปนี้

บของระบบ
กล่าวว่าส่ วนประกอบของระบบที่สาคัญ

รูปแบบของการวเิ คราะห์ระบ

บบ (System Analysis Model)

รูปแบบของการวเิ คราะห์ระบ

การวเิ คราะห์ระบบมวี ตั ถุประสงค์เพื่อ
1. ประเมนิ ความมีประสิทธิภ
2. ประเมนิ เวลา
3. ประเมนิ การใช้งบประมาณ
4. ประเมินความถูกต้องของก
5. ประเมนิ ผลผลติ หรือผลงาน

บบ (System Analysis Model)

อประเมินผลวธิ ีระบบในเรื่องต่อไปนี้
ภาพของระบบงาน


กระบวนการ


ทฤษฎกี ารบริหารการศึกษ

❖ ทฤษฎบี ริหารการศึกษาของทัล

ทฤษฎีการบริหาร โดย Parsons แ
1. ระบบโครงสร้างของปฏกิ ริ ิยาสังคม

2. ระบบโครงสร้างแบบราชการ (Bure

3. ระบบการแบ่งส่วนตามหน้าที่ (The

ษาเชิงระบบ

ลล์คอต พาร์สัน (Talcott Parsons)

แบ่งระบบต่างๆ ดงั น้ี
ม (The Structure of Social Action)

eaucratic Structure)

e Function of Impartations)

ทฤษฎกี ารบริหารการศึก

❖ ทฤษฎบี ริหารการศึกษาของเกท
(Jacob W. Getzels and Egon G

เป็ นผู้ทไี่ ด้วางทฤษฎบี ริหารในรูปของส
และบุคลามติ ิ (Indiographic Dimensi

กษาเชิงระบบ

ทเซล และกบู าล
G. Guba)

สถาบนั มติ (ิ Nomothetic Dimension)
ion)

ทฤษฎกี ารบริหารการศึก

❖ ทฤษฎกี ารบริหารการศึกษาของ
คาร์น (Daniel Katz and Robe

เป็ นผู้ก่อให้เกดิ และขยายตวั ของทฤษฎี
จากปัจจัยนาเข้า-ผลผลติ -กระบวนการ

กษาเชิงระบบ

งแดเนียล แคทซ์ และโรเบอร์ท แอท
ert L. Kahn)

คือด้วยการพฒั นาการบริหารระบบ
(Input – Output – Process –System)

การนาทฤษฎรี ะบบมาใช้ใ

ข้นั ตอนการแก้ไขปัญหาด้วยวธิ ีระบ

1. ระบุประเด็นปัญหา (Problem/Needs
2. กาหนดวตั ถุประสงค์ (Establishing
3. ระบุแหล่งทรัพยากร/ข้อจากดั (Reso
4. กาหนดเกณฑ์ของความสาเร็จ (Crite
5. กาหนดทางเลือกหลายๆ ทาง (Altern

ในการแก้ปัญหา

บบ

s Formulation)
Objective)
ources/Constraints)
eria of Success)
native)

การนาทฤษฎรี ะบบมาใช้ใ

ข้นั ตอนการแก้ไขปัญหาด้วยวธิ ีระบ

6. กาหนดรูปแบบทางเลือก (Model for
7. จดั ลาดบั ทางเลือก (Ranking of Alte
8. ตัดสินใจ/ทาแผนปฏิบตั กิ าร (Decisio
Formulation/Specification of Action
9. นาแผนไปปฏิบัติ (Implementation)
10. ตดิ ตามกากบั /ประเมินผล (Monitor

ในการแก้ปัญหา

บบ

r Selecting Alternatives)
ernatives)
on Making
Plan)
)
ring/Evaluation and Feedback)

ประโยชน์ของการนาวธิ ีระบบมา
(จนั ทรานี สงวนนาม. 2545 : 92)

1. ช่วยกาหนดเป้าหมายและวตั ถุประสง
2. ช่วยให้การจดั ทรัพยากรเป็ นไปอย่างม
3. ช่วยกาหนดคุณลกั ษณะ/รายละเอยี ดท
4. ช่วยให้มองเห็นวตั ถุประสงค์ทสี่ ามาร
5. ช่วยเสนอแนะวธิ ีการในการพฒั นานว

ทางการศึกษา
6. ก่อให้เกดิ ความยุตธิ รรม เพราะวธิ ีระบ
7. เป็ นเครื่องมือทช่ี ่วยผู้บริหารในการต
8. ช่วยผู้บริหารในการตดั สินค่านิยมแล

าใช้ในการแก้ปัญหาการศึกษา

งค์ของการศึกษา
มีระบบ เพื่อให้บรรลุวตั ถุประสงค์
ทจ่ี าเป็ นและทไี่ ม่ตรงประเดน็
รถวดั ได้ชัดเจนยง่ิ ขนึ้
วตั กรรมและการแก้ปัญหาทร่ี ุนแรง
บบเป็ นวธิ ีการทป่ี ราศจากความลาเอยี ง
ตัดสินใจ
ละนโยบายภายใต้กรอบความรับผดิ ชอบ

งานวจิ ัยที่เกย่ี วข้อง

สุธิชา ชิตกลุ (2550)

ได้ศึกษาเคร่ืองมือความคดิ เ
การระบุ กิจกรรม วิธีการ หรือเทค
พนักงานเกดิ ความคิดเชิงระบบในระ
เชิงระบบทาให้พนักงานมองเห็นภาพ
ร่ วมกัน และเป็ นการขุดคุ้ยพลังท
ประสานพลงั ในการพฒั นาองค์กร

เชิงระบบ (Systems Thinking) และ
คนิค ท่ีสามารถจะช่วยส่ งเสริมให้
ะดับต่างๆ พบว่า เคร่ืองมือความคิด
พความเป็ นจริง (Current Reality)
ท่ีซ่ อนเร้ นของพนักงานมาใช้ เพ่ือ

งานวจิ ัยทีเ่ กย่ี วข้อง

วทิ ยา คู่วริ ัติ (2538 : บทคดั ย่อ)

ได้ทาการวิจยั เร่ืองการพฒั นาระ
ครูในโรงเรียนคาทอลิก ฝ่ ายการศึกษ
ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบท่ีใช้มีผลต่อ
ปฏิบัติงานของครูโรงเรียนคาทอลกิ สา
โรงเรียนคาทอลิก ท้ังนี้ระบบการป
วัตถุประสงค์เพ่ือพัฒนาการปฏิบัติงาน
รู ป แ บ บ ข อ ง ร ะ บ บ ก า ร ป ร ะ เ มิ น ผ ล ก
องค์ประกอบที่สาคัญ 4 ประการคือ
(Process) ผลผลติ (Output) และรวมท

ะบบการประเมนิ ผลการปฏบิ ัติงานของ
ษา อัครสังฆมณฑลกรุงเทพมหานคร
อการพัฒนาระบบการประเมินผลการ
ามารถนาระบบการประเมินผลไปใช้ ใน
ประเมินผลการปฏิบัติงานของครู มี
นของครูให้มีคุณภาพมากย่ิงขึน้ โดยที่
การปฏิบัติงานของครู ประกอบด้วย
อ ปัจจัยนาเข้า (Input) กระบวนการ
ท้งั ข้อมูลป้อนกลบั (Feedback)

งานวจิ ยั ท่เี กยี่ วข้อง

สุเทพ บุญประสพ (2544 : บทคัดย่อ)

ได้ทาการวจิ ัยเรื่อง “การบริหารโดย
ผลการวิจัยพบว่า รูปแบบการบริหารท่ีโรงเ
ร่ วมในการตัดสิ นใจในการบริ หารจัดการใน
โรงเรียน ประกอบด้วย การสร้างกรอบแนว
ความตระหนัก การวิเคราะห์สภาพแวดล้อม
จุดเด่น จุดด้อย โอกาสและอุปสรรค แล้วน
คุณภาพ นาแผนพัฒนาคุณภาพไปสู่การปฏิบ
บังคับบัญชา และโครงสร้างมีความกะทัดร
อย่างชัดเจน ทางานเป็ นทีม จัดบุคลากรต
บุคลากรให้เป็ นครูมืออาชีพ มีการนิเทศติดต
รายงานผลให้หน่วยงานต้นสังกดั และสาธารณ

ยใช้โรงเรียน เป็ นฐาน การศึกษาเชิงคุณภาพ”
เรียนใช้ในการบริหารเป็ นแบบชุมชนมีส่วน
นรูปแบบคณะกรรมการ แนวทางการบริหาร
วคิดของโรงเรียน คือ การสร้างศรัทธาและ
ม หรือสารวจตนเองของโรงเรียนเพ่ือทราบ
นาข้อมูลและสารสนเทศไปวางแผนพัฒนา
บัติโดยมีการกาหนดโครงสร้ างตามสายงาน
รัด ลดความซ้าซ้อนของงาน กาหนดหน้าท่ี
ตามความถนัด และความสมัครใจ พัฒนา
ตามผล ประเมินผลตามสภาพที่เป็ นจริงและ
ณะชนได้รับทราบผลในการปฏิบัติงาน

บทสรุป

กระบวนการบริหารเชิงระบบ
บริหารท่ีมีคุณภาพโดยที่สามารถนามา
คุ ณภาพมาตรฐานได้ อย่ างมีประสิ ทธ
กระทาอย่ างสม่าเสมอและต่ อเน่ืองเช่ นก
เชิงระบบจะเป็ นวงจรสาเร็จรูปท่ีจะท
ความสาเร็จยง่ิ ๆ ขนึ้ ด้วย

บ เป็ นกลยุทธ์ที่สาคัญต่อกระบวนการ
าปรับใช้ กับการบริหารการศึกษาที่มุ่งสู่
ธิภาพ จะมีผลต่อเน่ืองได้ถ้าผู้บริหาร
กัน และไม่เท่าน้ันกระบวนการบริหาร
ทาให้การดาเนินการท้ังองค์กรประสบ

THANKS

S


Click to View FlipBook Version