The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เกี่ยวกับการรำพึงความตาย มีที่มาจากกวีนิพนธ์ของทอมัส เกรย์ พระยาอุปกิตศิลปสารเป็นผู้แต่ง กลอนดอกสร้อยในหนังสือเรียนมีทั้งหมด 21 บท

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Myy Dreamm, 2022-07-28 12:26:51

กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า

เกี่ยวกับการรำพึงความตาย มีที่มาจากกวีนิพนธ์ของทอมัส เกรย์ พระยาอุปกิตศิลปสารเป็นผู้แต่ง กลอนดอกสร้อยในหนังสือเรียนมีทั้งหมด 21 บท

Keywords: กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้า

กลอนดอกสร้อย
รำพึงในป่าช้า

ที่มาของเรื่อง

ทอมัส เกรย์ กวีนิพนธ์เรื่อง Elegy Written
in a Country Churchyard

กลอนดอกสร้อยรำพึงในป่าช้ามีที่มาจากกวีนิพนธ์เรื่อง Elegy Written
in a Country Churchyard ของ ทอมัส เกรย์ (Thormas Gray)
กวีอังกฤษผู้มีชีวิตอยู่ในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ ๑๘ กล่าวกันว่ากวีนิพนธ์
บทนี้เขียนขึ้นที่สุสานเก่าแก่ของเมืองสโตกโปจส์ (Stoke Poges) ในมณฑล
บักกิงแฮมเชอร์ (Buckinghamshire) เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๒๘๕ หลังจาก
มรณกรรมของญาติใกล้ชิดและเพื่อนรักของเกรย์ในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยทั่วไป
งานประพันธ์ประเภท Elegy (ราชบัณฑิตยสถานใช้ว่า บทร้อยกรองกำสรด)
คือ โคลงไว้อาลัยซึ่งมีเนื้อหาเป็นการคร่ำครวญเกี่ยวกับมรณกรรมของบุคคล
ใดบุคคลหนึ่งโดยเฉพาะ แต่กวีนิพนธ์ของเกรย์เรื่องนี้ใช้คำว่า Elegy ให้กว้าง
ออกไปในความหมายว่า การรำพึงเกี่ยวกับความตายของมนุษย์ตลอดจนสิ่งที่
บุคคลเหล่านั้นเห็นว่ามีคุณค่า ด้วยเนื้อหาอันแสดงสัจธรรมของชีวิตและ
ถ้อยคำภาษาที่สละสลวย ทำให้บทประพันธ์บทนี้เป็นบทร้อยกรองกำสรดของ
อังกฤษที่มีชื่อเสียงมากที่สุด


วรรณคดีวิจักษ์,๒๕๕๑,หน้าที่๑๑๙

ประวัติผู้แต่ง

เป็นผู้ริเริ่มคำทักทายคำว่า "สวัสดี" และยังเป็นผู้
อุทิศร่างกายเพื่อการศึกษาทางการแพทย์หรือที่
เรียกว่า อาจารย์ใหญ่ เป็นท่านแรกของ
ประเทศไทย โดยกล่าวว่า "ฉันเป็นครู ตายแล้วขอ
เป็นครูต่อไป"

เป็นบุตรของ นายหว่าง และ นางปลั่ง

เกิดวันที่ ๑๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๒๒ ศึกษา

หาความรู้ภาษาไทยเบื้องต้นที่ วัดบางประทุนนอก

อำเภอบางขุนเทียน จังหวัดธนบุรี (ปัจจุบันคือ

จังหวัดกรุงเทพมหานคร) และเป็นพระ อุปัชฌาย์

พระยาอุปกิตศิลปสาร ระหว่างที่บวชได้ศึกษาพระธรรมวินัย จนสอบ
ได้ เปรียญธรรม ๖ ประโยค และศึกษาวิชา
(นิ่ม กาญจนาชีวะ) ครู

พระยาอุปกิตศิลปสารได้เริ่มเข้ารับราชการเป็นครูฝึกสอน ที่โรงเรียนฝึกหัด

อาจารย์สายสวลี ต่อมาได้ย้ายไปสอนที่ โรงเรียนสวนกุหลาบ วัดมหาธาตุและ

โรงเรียนฝึกหัดอาจารย์บ้านสมเด็จเจ้าพระยา นอกจากเป็นครูแล้ว

พระยาอุปกิตศิลปสารยังเคยดำรงตำแหน่งข้าหลวงตรวจการ พนักงาน กรม

ราชบัณฑิต หัวหน้าการพิมพ์แบบเรียน หัวหน้าแผนกอภิธานสยาม ปลัดกรม

ตำราและอาจารย์ประจำกรมศึกษาธิการ และได้เลื่อนยศบรรดาศักดิ์มาตาม

ลำดับ จนวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๗ จึงได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น

พระยาอุปกิตศิลปสาร

พระยาอุปกิตศิลปสารเป็นผู้มีความรู้เชี่ยวชาญทางภาษาไทย ภาษาบาลี

และ วรรณคดีไทย อีกทั้งท่านยังเป็น อาจารย์พิเศษแผนกภาษาไทยและภาษา

โบราณตะวันออกในคณะอักษรศาสตร์ แห่ง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ท่านใช้ นามปากกา หลายนาม ที่รู้จักกันแพร่หลาย คือ

อุนิกา, อนึก คำชูชีพ ที่มาจาก :https://th.wikipedia.org/

ลักษณะคำประพันธ์

ที่มา : https://www.baanjomyut.com

กลอนดอกสร้อย เป็นคำประพันธ์ชนิดหนึ่ง ซึ่งกำหนดให้
ไว้เพียง ๘ วรรค คำที่ ๒ ของกลอนสดับมีคำว่า เอย แล้วมี
คำต่อเอยอีกไม่เกิน ๓ คำ ใช้คำสุดท้ายของกลอนสดับส่ง
ไปยังคำที่ ๑,๒,๓ หรือ ๔ คำใดคำหนึ่งของกลอนรับ แล้ว
คำสุดท้ายของกลอนรับ ส่งไปยังคำสุดท้ายของกลอนรอง
คำสุดท้ายของกลอนรองส่งไปยังคำที่ ๑,๒,๓ หรือ ๔ ของ
กลอนส่ง คำสุดท้ายของกลอนส่ง ส่งสัมผัสไปยังคำสุดท้าย
ของกลอนในบทที่แต่งให้จบ และจบลงด้วยคำว่า “เอย”

ที่มา : https://www.watmoli.com

ตัวอย่างคำประพันธ์

วังเอ๋ย วังเวง หง่างเหง่ง! ย่ำค่ำระฆังขาน
ฝูงวัวควายผ้ายลาทิวากาล ค่อยค่อยผ่านท้องทุ่งมุ่งถิ่นตน
ชาวนาเหนื่อยอ่อนต่างจรกลับ ตะวันลับอับแสงทุกแห่งหน
และทิ้งตนตูเปลี่ยวอยู่เดียวเอย
ทิ้งทุ่งให้มืดมัวทั่วมณฑล
วรรณคดีวิจักษ์,๒๕๕๑, หน้าที่ ๑๑๙

นกเอ๋ยนกแสก จับจ้องร้องแจ๊กเพียงแถกขวัญ
อยู่บนยอดหอระฆังบังแสงจันทร์ มีเถาวัลย์รุงรังถึงหลังคา
เหมือนมันฟ้องดวงจันทร์ให้ผันดู คนมาสู่ซ่องพักมันรักษา
ถือเป็นที่รโหฐานนมนานมา ให้เสื่อมผาสุกสันต์ของมันเอย

วรรณคดีวิจักษ์,๒๕๕๑, หน้าที่ ๑๒๖

หมดเอ๋ยหมดห่วง หมดดวงวิญญาณลาญสลาย
ถึงลมเช้าชวยชื่นรื่นสบาย เตือนนกแอ่นลมผายแผดสำเนียง
อยู่ตามโรงมุงฟางข้างข้างนั้น ทั้งไก่ขันแข่งดุเหว่าระเร้าเสียง
โอ้เหมือนปลุกร่างกายนอนรายเรียง พ้นสำเนียงที่จะปลุกให้ลุกเอย

วรรณคดีวิจักษ์,๒๕๕๑, หน้าที่ ๑๒๖

เนื้อเรื่องโดยสังเขป

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายคนหนึ่ง
ต้องการความสงบ จึงได้เข้าไปนั่งอยู่ใน
ป่าช้า ที่มีความวังเวงและมีหลุมศพอยู่
รอบ ๆ เขาได้เขียนความในใจดังต่อไปนี้

เนื้อเรื่องโดยสังเขป

มีเสียงระฆังดังหง่างเหง่ง ฝูงวัวควายก็
เดินจากท้องทุ่งกลับเข้าคอก ชาวนาที่
เหนื่อยก็พากันกลับบ้าน ท้องฟ้าช่างดูมืด
มิด และทิ้งให้ข้าพเจ้าอยู่คนเดียว

เนื้อเรื่องโดยสังเขป

ในป่าใหญ่แห่งนี้เงียบสงัด อากาศก็
หนาวเย็น มีแต่เสียงจิ้งหรีดเรไรและได้ยิน
เสียงเกราะจากคอกวัวคอกควายดังมาแต่ไกล

เนื้อเรื่องโดยสังเขป

นกแสกมันกำลังจับอยู่บนหอระฆัง มัน
ร้องขึ้นมาทำให้ข้าพเจ้าเสียขวัญ ที่ใต้
ต้นไม้มีเนินหลุมศพ มองดูแล้วรู้สึกสลด
ใจ ต่อไปข้าพเจ้าก็จะใกล้ไปนอนในนั้น
เช่นกัน

เนื้อเรื่องโดยสังเขป

คนที่ตายไปแล้วก็หมดห่วง ถึงแม้ลม
ยามเช้าจะพัดให้สดชื่น เสียงไก่ขันในยาม
เช้าเหมือนจะปลุกเขาให้ตื่นมา แต่พวกเขา
ก็ไม่ได้ยิน

เนื้อเรื่องโดยสังเขป

ผู้ที่เย่อหยิ่ง อย่าได้ดูถูกชาวนาและครอบครัวของเขา
เพราะชีวิตของเขามีความเรียบง่าย ต่อให้คนมีฐานะ
ร่ำรวย หาความสุขได้ทุกอย่าง แต่ก็ไม่มีใครหนีความตาย
ไปได้ มีความรู้ คุณงามความดีแค่ไหนก็ไม่มีใครรู้ เหมือน
ดอกไม้ที่มีสีสวยงามและกลิ่นหอมแต่อยู่ห่างไกล ไม่มีใคร
ได้เห็นหรือชื่นชม บางคนภายนอกทำตัวดูดีให้คนอื่นเห็น
แต่จริง ๆ แล้วภายในปิดบังความชั่วของตนเอาไว้ เมื่อ
ใกล้ตายทุกคนล้วนเป็นห่วงชีวิตตัวเอง แต่ขอให้ลืมทุกสิ่ง
ทุกอย่าง ปล่อยวาง เพื่อให้หมดห่วง


Click to View FlipBook Version