การบรหิ ารการเปล่ยี นแปลงในสถานศึกษายคุ New normal
The Change management of school administrators in new normal
สพุ ัฒน์ ศรีกงพาน
บทคัดย่อ
บทความวิชาการการบริหารการเปลี่ยนแปลงในสถานศึกษายุค New normal มีวัตถุประสงค์เพื่อ
นำเสนอการศึกษาการบริหารสถานศึกษา ของผู้บริหารสถานศึกษาในยุค New normal และเพื่อศึกษาการ
บริหารการเปล่ียนแปลงในสถานศึกษายคุ New normal เพ่ือเปน็ แนวทางการบริหารสถานศึกษาบนฐานความ
ปกติใหม่ (New normal) เพื่อไปสู่องค์กรที่ประสบความสำเร็จนั้น ผู้บริหารสถานศึกษาต้องบริหารจัด
การศึกษาภายใต้รูปแบบการดำเนินชีวิตใหม่ที่แตกต่างจากอดีต การบริหารสถานศึกษาต้องมีกลยุทธ์ท่ี
เหมาะสม มีการวางแผน ในส่วนของแนวทางการจัดการศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษาต้องรู้จักปรับปรุงการจัด
การศึกษาในสภาวการณ์ท่เี กิดขนึ้ อย่างชาญฉลาด มีการเตรยี มความพรอ้ มในการเรียนการสอนออนไลน์ทั้งด้าน
ของการจัดสรรอุปกรณ์และเทคโนโลยี การออกแบบหลักสูตรที่ต้องคำนึงถึงความแตกต่างของนักเรียน การ
บริหารจัดการโรงเรียนและครูให้ประสบความสำเร็จนั้น ผู้บริหารต้องเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและนำ
วิสัยทัศนม์ าสู่การปฏบิ ัตไิ ด้อย่างเปน็ ผลสำเรจ็
ความสำคญั : การบรหิ ารการเปลย่ี นแปลง, สถานศึกษา, ยุค New normal
บทนำ
แนวทางการพฒั นาครูและบุคลากรทางการศึกษาในยคุ New Normal จะเก่ียวขอ้ งกับเทคโนโลยีและ
นวัตกรรมดิจิทัล ซึ่งจะเป็นวิถีในการพัฒนาเสริมสร้างองค์ความรู้ ทักษะ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการ
ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบวัตถุประสงค์ในการดำเนินกิจกรรม งาน/โครงการ ได้ อย่างมี
ประสิทธิผลในยุค New Normal การเชื่อมโยงของระบบออนไลน์ต้องเป็นไปอย่างมีคุณภาพสร้างการเรียนรู้
ได้อย่างต่อเนื่อง มีความเหมาะสมในการดำเนินการพัฒนา ทั้งนี้ จะมีแนวทางการพัฒนาครูและบุคลากร
ทางการศกึ ษาในยคุ New Normal
ผู้บริหารในฐานะผู้นำองค์กรจำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจในธรรมชาติของความเปลี่ยนแปลงที่
เกดิ ขนึ้ ตอ้ งแสดงบทบาทตา่ ง ๆ ท่สี ่งเสรมิ ใหเ้ กิดการเปล่ียนแปลงและการรับมือกับความเปลีย่ นแปลงนั้นอย่าง
เหมาะสม เช่นการกำหนดวิสัยทัศน์และค่านิยมองค์กร การวางแผนและการจัดทำยุทธศาสตร์และระบบการ
นิเทศติดตามงาน การสร้างความร่วมมือการกระตุ้นสร้างแรงบันดาลใจ การติดต่อสื่อสารและการพัฒนางาน
และพัฒนาบุคลากร ผบู้ ริหารจึงต้องมที กั ษะ ความรคู้ วามสามารถในการบริหารงาน ควบคู่ไปกบั ความสามารถ
ในการบริหารบุคลากร และจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากบุคลากรในองค์กรด้วย เพราะเมื่อเกิดความ
เปลี่ยนแปลงในองค์กร บุคลากร อาจเกิดการต่อตา้ นที่เกดิ จากสาเหตุหลายประการ เช่น การยึดติดหรอื ความ
เคยชินกับแนวคิดและวิธีการทำงานแบบเดิม ๆ ความรู้สึก โดนบังคับให้เปลี่ยนแปลง ความไม่รู้หรือความไม่
เข้าใจในการเปล่ยี นแปลง ความไมม่ ่นั ใจในผลกระทบท่อี าจเกดิ จากความเปลี่ยนแปลงความกังวลทเ่ี กดิ จากการ
เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ความกลัวการสูญเสียอำนาจควบคุม การขาดความเชื่อมั่นในทิศทางการเปลี่ยนแปลงของ
องค์กรหรือแม้แต่ขาดความเชื่อมั่นในตัวผู้นำองค์กรผู้บริหารจึงต้องอาศัยทักษะ ความรู้ความเข้าใจ
ความสามารถในการบริหารจัดการความสามารถในการติดต่อ สื่อสาร การโน้มน้าวสร้างแรงจูงใจและ
ความสามารถในการตัดสินใจเพื่อบริหารความเปลี่ยนแปลงในองค์กรได้อย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพและ
ประสิทธผิ ล ในบทความน้ีมวี ัตถปุ ระสงค์เพื่อนำเสนอแนวทางในการการบริหารการเปล่ยี นแปลงในสถานศึกษา
ยุค New normal เพื่อช่วยลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากความเปลี่ยนแปลง และสนับสนุนให้องค์กรและ
บุคลากรปรับตัวและเกิดการยอมรับพร้อมทั้งสามารถสร้างศักยภาพใหม่ ๆ เพื่อรองรับให้การเปลี่ยนแปลง
เกิดข้นึ ตามเปา้ หมายที่วางไว้
ความหมายของการบริหารการเปลยี่ นแปลง
การบริหารการเปลี่ยนแปลง เป็นวิวัฒนาการของแนวคิดทางการบริหารตามภาวการณ์ต่าง ๆ อาทิ
การบริหารแนววิทยาศาสตร์ มนุษยสัมพันธ์ เชิงระบบและตามสถานการณ์ ภาวการณ์ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปตาม
บริบท (Context) ของสังคม ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี ฯลฯ เป็นการ
เปลี่ยนแปลงซึ่งต้องบริหารแบบรู้เท่าทันการณ์ มีวิสัยทัศน์โดยใช้ พื้นฐานความรู้เดิมเป็นตัวตั้ง แล้วน ำมา
วเิ คราะหเ์ รยี บเรียง เพ่อื ศึกษาและทำความเข้าใจ แลว้ จดั การกำจดั จุดอ่อน และเพมิ่ จดุ แข็ง ใหเ้ กดิ ประโยชน์
สูงสุดด้วย “การบริหารการเปลี่ยนแปลง Change Management) สำหรับคำจํากัดความของการบริหารการ
เปลี่ยนแปลง หรอื Change Management น้นั มผี ใู้ ห้คำนิยาม ไวห้ ลากหลาย ดงั น้ี
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (2551) ได้ให้ความหมาย ไว้ว่า การบริหารการ
เปลี่ยนแปลง หมายถึง การวางแผน การดำเนินการต่าง ๆ ที่จะลดผลกระทบ ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลง
และสนบั สนุนใหเ้ กิดการปรับตัวและการยอมรับ พรอ้ มทั้งสร้าง ศักยภาพใหม่ๆ เพื่อรองรบั ให้การเปลี่ยนแปลง
เกิดขนึ้ อยา่ งเป็นผลตามเปา้ หมายทว่ี างไว้
ศุภชัย ยาวะประภาษ (2551) ให้ความหมายไว้ว่า การบริหารการเปลี่ยนแปลง หมายถึง การใช้องค์
ความรู้ของการบริหารการเปล่ียนแปลง เพอื่ เพ่ิมศักยภาพของหนว่ ยงาน ใน การประยกุ ต์และรับเอาเทคนิควิธี
ต่าง ๆ เพ่อื พัฒนาการปฏิบัติงาน
ปัณรส มาลากุล ณ อยุธยา (2557) กล่าวว่า การบริหารการเปลี่ยนแปลง (Management of
Change) คือ การจัดการกับกลไกส่วนประกอบต่างไขององค์การ ให้สามารถเรียนรู้ ปรับตัวให้ทัน กับการ
เปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ทั้งภายในและภายนอกในองค์การ เพื่อให้องค์การได้รับผลดีและลดผลกระทบ
ในทางท่ไี ม่ดีของการเปลี่ยนแปลง ซ่ึงจะช่วยใหอ้ งค์การดําเนินงานไปได้อย่าง ตอ่ เน่อื ง ราบรื่น สามารถอยู่รอด
และเจริญกา้ วหน้าไปได้
ผดุง พรมมูล (2553) ให้ความหมายไว้ว่า การเปลี่ยนแปลง หมายถึง กระบวนการหรือการกระท ำท่ี
ต่างไปจากเดิม ซึ่งเกิดจากการปรับตัวขององค์กร เพื่อการดำรงอยู่ในโลกธุรกิจ อาทิ สิ่งแวดล้อมที่ เกิดขึ้นใน
องคก์ ร ความรบั ผดิ ชอบต่อสงั คม วฒั นธรรมขององค์กร ปรมิ าณการผลิต ตลอดจนการเข้าส่ยู ุค ข้อมูลข่าวสาร
ส่วนการบริหารการเปลี่ยนแปลง (Change management) หมายถึง สิ่งที่องค์กร โดยทั่วไปต้อง ปรับเปลี่ยน
ตัวเอง เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาวะแวดล้อม ทั้งภายในและภายนอกองค์กร โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงภายนอก ในด้านความคาดหวังหรือความต้องการของลูกค้าที่มีการ เปลี่ยนแปลงอยู่
เสมอ ซึ่งองค์กรจะต้องไวต่อความต้องการดังกล่าว และปรับเปลี่ยนตัวเอง เพื่อดำรงไว้ซึ่ง ความพึงพอใจของ
ลูกค้าท่ีมีตอ่ องค์กร
กล่าวโดยสรปุ การบรหิ ารการเปลี่ยนแปลง หมายถงึ กระบวนการทำงานของผู้บรหิ ารและผู้ร่วมงานที่
มีระบบตามแผนที่ได้จัดทำไว้ เพื่อร่วมกันเปลี่ยนแปลงสภาพขององค์การ แบบเดิมไปสู่องค์การแบบใหม่ คือ
องค์การแหง่ การเรียนรไู้ ด้อย่างมีประสทิ ธิภาพ
ความสำคัญของการบริหารการเปลย่ี นแปลง
ชุมศักดิ อินทร์รักษ์ (2551) กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน ถือเป็นความจําเป็นต่อการพัฒนา
เพื่อให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นและนําไปสู่การเพิ่มผลผลิตตาม เป้าหมายการเปลี่ยนแปลง เนื่องมาจากสาเหตุ
ทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และเทคโนโลยี ซึ่ง ส่งผลต่อการบริหารจัดการด้านบุคลากร งบประมาณ และ
ระยะเวลาทีเ่ ป็นขอ้ จาํ กดั ของการใช้ ทรัพยากรการบรหิ ารการเปลี่ยนแปลงทางการบรหิ ารมีเหตุผล ดังน้ี
1. ความเจริญกา้ วหนา้ ทางเทคโนโลยี หรือท่ีเรยี กว่ายคุ ข้อมลู ขา่ วสาร (Information Technology)
2. ความเปน็ นานาชาตหิ รอื ความเปน็ สากล (Internationalization)
3. ภาวะการณแ์ ข่งขนั (Competition)
ปัณรส มาลากุล ณ อยุธยา (2552) ได้กลา่ วถงึ ความสำคัญของการบริหาร การเปลย่ี นแปลง ไว้ดังน้ี
1. องค์การที่มีการบริหารการเปลี่ยนแปลงที่ดี จะปรับตัวได้ทันกับปัญหา และการท้าทายจา ก
สภาพแวดลอ้ มได้
2. การบริหารการเปลี่ยนแปลงทีด่ ีช่วยใหอ้ งค์การเหน็ โอกาส และภัยคกุ คามต่าง ๆ ที่เกิดขน้ึ
3. การบรหิ ารการเปลีย่ นแปลงท่ีดีจะ ชว่ ยให้การดาํ เนนิ งานขององค์การเป็นไปโดยราบร่ืน
4. การบริหารการเปลี่ยนแปลงที่ดีจะช่วยให้องค์การ ไม่สับสนวุ่นวาย ระส่ำระสาย เมื่อต้องเผชิญกับ
ความจาํ เปน็ ทีจ่ ะตอ้ งปรับเปล่ยี นการดําเนินงาน
5. การบริหารการเปลี่ยนแปลงที่ดี จะช่วยให้องค์การ ได้ปรับปรุงตัวเองอย่างต่อเนื่องในด้านต่าง ๆ
และจะชว่ ยให้ มีการนําศักยภาพทีม่ อี ย่ใู นองค์การมาใชไ้ ด้อยา่ งคุ้มคา่
ศศิวิมล ทิมพิทักษ์. (2555) กล่าวว่า ในการที่องค์การจะสามารถดำรงอยู่ได้ในสภาวะเศรษฐกิจและ
สังคมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน องค์การ ไม่สามารถปฏิเสธการ เปลี่ยนแปลงได้และการบริหาร
การเปลี่ยนแปลงที่ผิดพลาดมักจะก่อให้เกิดการต่อต้านและผลเสียหายต่อองค์การ ดังนั้นการบริหารการ
เปลี่ยนแปลง (Change Management) จึงมีสำคัญท้ังความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีความเป็นนานาชาติ
และภาวการณ์แข่งขันต่าง ๆ ผู้บริหารต้องเป็นผู้นํา การเปลี่ยนแปลงและมีการวางแผนกับความส ำเร็จของ
องคก์ ารในการสนบั สนุนใหอ้ งค์การสามารถดำรงอยไู่ ด้อย่างมปี ระสิทธภิ าพในทุกสถานการณ์
สุริพร บุญเมือง (2555) ให้ความหมายไว้ว่า การที่องค์กรจะสามารถดำรงอยู่ได้ในสภาวะเศรษฐกิจ
และสังคมที่ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน องค์กรไม่สามารถปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงได้ และ การ
บริหารการ เปลี่ยนแปลงที่ผิดพลาดมักจะก่อให้เกิดการต่อต้าน และผลเสียหายต่อองค์กร ดังนั้น การบริหาร
การเปลี่ยนแปลง จึงเป็นกิจกรรมที่สำคัญ และมีความจําเป็นต่อความสำเร็จขององค์กรในการสนับสนุนให้
องคก์ ร สามารถดำรงอยู่ได้อย่างมปี ระสทิ ธิภาพในทุกสถานการณ
กลา่ วโดยสรปุ ความสำคัญของการบริหารการเปลีย่ นแปลง
1. องค์การที่มีการบริหารการเปลี่ยนแปลงที่ดี จะปรับตัวได้ทันกับปัญหา และการท้าทายจาก
สภาพแวดล้อมได้
2. การบรหิ ารการเปลีย่ นแปลงทด่ี ี ช่วยให้องค์การเห็นโอกาส และภยั คุกคามต่าง ๆ ที่เกิดข้ึน
3. การบริหารการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพราะการปรับเปลี่ยน คือ พื้นฐานส่วนหนึ่งของ
การอยรู่ อดขององค์กร
ผู้บรหิ ารดงั กล่าวจึงมีคุณค่าสำหรับองค์กร จงึ ไดม้ กี ารกระตนุ้ อย่างต่อเนื่องให้พนักงานค้นหาส่วนใดที่
จะทำให้การปรับเปลี่ยนองคก์ รในเชงิ สร้างสรรค์
การบรหิ ารการเปล่ยี นแปลงในสถานศึกษา
การบริหารการเปลี่ยนแปลงให้บังเกิดผลที่มีประสิทธิภาพย่อมต้องมีกระบวนการบริหารใ นรูปแบบที่
แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริบทของแต่ละองค์กรเป็นสำคัญ นักการศึกษาหลายท่าน ได้ให้ทัศนะใน
กระบวนการของการบรหิ ารการเปลี่ยนแปลงไวแ้ ตกตา่ งกนั ดงั น้ี
ปัณรส มาลากุล ณ อยุธยา (2553) กล่าวถึง กระบวนการในการบริหารการเปลี่ยนแปลงใน
สถานศึกษา ประกอบด้วยขั้นตอน 3 ขั้นตอน ดังน้ี 1) การวางแผนการเปลี่ยนแปลง (Planning to Change)
เป็นการกำหนดแผน 2) การนำแผนการเปลี่ยนแปลงสู่การปฏิบัติ (Implementing Change) 3) การติดตาม
ประเมินผลและรกั ษาผลของการเปลีย่ นแปลง (Evaluating and Maintaining Change)
ชยั เสฎฐ์ พรหมศรี (2551) กลา่ วถึงกระบวนการบริหารการเปลี่ยนแปลงองค์กรมดี ังนี้
1) ปจั จัยภายนอกและภายในทมี่ ตี อ่ การเปลย่ี นแปลงปรากฏขึน้
2) ผู้บริหารขององค์กรมองเห็นปัจจัยเหล่านี้ และตระหนักถึงความต้องการสำหรับการเปลี่ยนแปลง
ขององคก์ ร
3) ความต้องการท่ีได้รับรู้ ช่วยสรา้ งการรเิ ร่ิม และการพัฒนาการเปล่ียนแปลง
4) การนำไปปฏิบัติ
ณัฏฐพนั ธ์ เขจรนันทน์ (2551) กล่าววา่ กระบวนการของการบรหิ ารการเปลย่ี นแปลงมี 2 ลกั ษณะ คอื
1) การเปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ ทฤษฎีนี้ตั้งอยู่บนสมมติฐานว่าองค์กรจะมีการเปลี่ยนแปลงโดย
ไตร่ตรองไว้ก่อน เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้วจะสงบนิ่งใหม่และจะมีการวางแผนการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็น
ระบบจากลักษณะหนึ่งสู่ลักษณะหนึ่ง ซึ่งกระบวนการเปลี่ยนแปลงมีดังนี้ กระตุ้นให้รู้สึกว่าต้องมีการ
เปลยี่ นแปลงค่อย ๆ ปรับเปล่ยี นไปสลู่ ักษณะหรือรูปแบบท่ีตอ้ งการทำให้องค์กรรสู้ ึกคุ้นเคยกบั รูปแบบใหม่ๆ
2) การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มองการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องของสิ่งที่ต้องเกิดขึ้น และเกิดขึ้นได้
ตลอดเวลา แต่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดเมื่อไร ผู้บริหารต้องสามารถท่ีจะบรหิ ารและจดั การการเปลี่ยนแปลง
ทอี่ าจเกดิ ขึ้นอยา่ งไม่รู้ลว่ งหน้านี้ได้ และผบู้ รหิ ารจะต้องสามารถทจ่ี ะตอบสนองต่อการเปล่ียนแปลงท่ีเกิดข้ึนได้
อยา่ งรวดเรว็
สมชาย เทพแสง อรจิรา เทพแสง และอัจฉริยา เทพแสง (2552) ได้กล่าวว่า กระบวนการบริหารการ
เปลีย่ นมี 4 ขั้นตอน ดังน้ี
1) การสำรวจสภาพขององค์กร การเปลี่ยนแปลงองค์กรในแต่ละส่วน รวมทั้งการดำเนินงานของ
องค์กร เน้นความจำเป็นทีจ่ ะต้องเปลี่ยนแปลง ใช้การวิจัยในการสำรวจความต้องการ และความจำเป็นในการ
เปลี่ยนแปลงองคก์ ร รวมท้ังใช้ระบบทีป่ รกึ ษาแนะนำในการพัฒนาองคก์ ร
2) วางแผนการเปลี่ยนแปลง มีการปรึกษาหารือในเรื่องที่จะเปลี่ยนแปลงสร้างความรู้ความเข้าใจแก่
บุคคลกรในองคก์ รรวมท้งั พจิ ารณาอุปสรรคปัญหาท่ีเกิดขนึ้ เพ่ือวางแผนป้องกนั มีการรวบรวมขอ้ มลู สารสนเทศ
วางเป้าหมายและออกแบบการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้บรรลุเป้าหมายและปรับปรุงผลสำเร็จ ตัดสินใจปรับปรุง
พัฒนางาน
3) กิจกรรมและการปฏิบัติงาน ขับเคลื่อนกระบวนการสู่การปฏิบัติงานโดยใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อน
นำไปสู่เป้าหมายรวมทั้งการประเมินผลการปฏิบตั ิงาน เปรียบเทียบผลสำเร็จกับเป้าหมาย ทบทวน ตรวจสอบ
ผลงานทไ่ี ดร้ ับ
4) การบูรณาการนำผลการปฏิบัติงานทุกสว่ นเชื่อมโยงเป็นผลการปฏิบัติงานในภาพรวมและมีการให้
รางวัลแก่ผูป้ ระสบความสำเร็จ ให้กำลงั ใจและพฤติกรรมทด่ี ใี ห้คงอยตู่ ลอดไป
จากข้อมูลดังกลา่ วข้างต้น สรปุ ไดว้ ่ากระบวนการการบรหิ ารการเปลี่ยนแปลงจะประกอบด้วยขั้นตอน
3 ขัน้ ไดแ้ ก่
1) ขั้นการละลายพฤติกรรม เป็นขั้นการปรับเปลี่ยนทัศนคติ ความคิด ความเชื่อ ใส่ข้อมูลใหม่เพื่อให้
บคุ คลพรอ้ มรับกบั การเปลี่ยนแปลง
2) ขั้นเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เป็นขั้นตอนซึ่งบุคคลเริ่มเปลี่ยนแปลงแนวปฏบิ ัตแิ บบใหม่ที่นำมาใช้ใน
การทำงาน
3) ขั้นคงสภาพพฤติกรรม เป็นขั้นตอนการสร้างให้เกิดวัฒนธรรมองค์กรที่ได้จากการปฏิบัติแบบใหม่
ใหค้ งอยูต่ ่อไป
ความหมายและแนวคิดของการบริหารสถานศึกษา
นักวชิ าการได้กลา่ วถึงความสำคัญของการบริหารการศึกษา ไว้ดังน้ี
บุญรัตน์ โตทอง (2537) กล่าวว่า ความสำคัญของการบริหารการศึกษาเป็นสังคมหน่ึงซ่ึงประกอบไป
ด้วย บุคคลหลาย ๆ บุคคลทำกิจกรรมปฏิบัติงานในระบบกลุ่มบุคคล และประสานประโยชน์ให้เกิดแก่บุคคล
และกลุ่มบุคคลน้ันร่วมมือร่วมใจกันทำงาน เพื่อที่จะยังผลให้เกิดการทำงานทีบรรลุเป้าหมายทีต้ังไว้ การที่
มนุษย์มาอยู่ร่วมกันเพ่ิมทำงานดังกล่าว ย่อมเกิดความขัดแย้งและการร่วมมือกันทำงาน เมื่อการบริหารต้อง
เก่ียวข้องกับมนุษย์ การรวบรวม การจัดการเกี่ยวกับทรัพยากรมนุษย์ในหน่วยงานหรือสถานศึกษา ตลอดจน
ปัจจัยอื่น ๆ ที่จําเป็นต่อการทำงานจึงจำเป็นต้องเกิดขึ้น เร่ืองของการบริหารจึงนับเป็นส่ิงสำคัญเพราะการ
บริหารหรือการจัดการมีบทบาทที่สำคัญต่อการทำงานของมนุษย์ ให้การทำงานมีประสิทธิภาพและได้ผลมาก
ทส่ี ดุ
ศิริพงษ์ เศาภายน (2548) กล่าวว่า ความสำคัญของการบริหารสถานศึกษามีความสำคัญอย่างย่ิงต่อ
ความเจริญต่อคุณภาพของผลิตทางการศึกษาและต่อการพัฒนาการทุก ๆ ด้านของมนุษย์ท่ีเป็นทรัพยากรที่
สำคัญของชาติ เพราะถ้าหากไม่มีการบริหารแล้วการดําเนินงานของสถานศึกษา อาจจะต้องพบกับอุปสรรค
มากมายไมส่ ามารถดำเนินงานเพอื่ ใหบ้ รรลวุ ัตถปุ ระสงค์ได้
ปรัชญา เวสารัชช์ (2554) กล่าวว่า ความสำคัญของการบริหารการศึกษาเป็นการบริหารจัดการที่มี
ระบบและดำเนินการอย่างต่อเน่ือง มีบุคคลและหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้าร่วมดำเนินการมีรูปแบบ ข้ันตอน
กติกา และวิธีดำเนินการ มีทรัพยากรสนับสนุน และมีกระบวนการประเมินผล การศึกษาเที่ยงตรงและเช่ือถอื
ได้
สรุปได้ว่า การบริหารการศึกษามีความสำคัญในการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ และดำเนินการ
อย่างต่อเนื่อง มีบุคคลและหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้าร่วมดำเนินการ มีรูปแบบ ข้ันตอน กติกาและ
วิธีดำเนินการ มีทรัพยากรสนับสนุน และมีกระบวนการประเมินผลการศึกษาเท่ียงตรงและเชื่อถือได้ การ
บริหารการศึกษามีความจําเป็น เพราะต้องการคนทีได้รับการฝึกฝนเฉพาะด้านท่ีมีความรู้ ความเข้าใจ ความ
ชํานาญมาดแู ลรบั ผดิ ชอบ
ทฤษฎีและกระบวนการในการบริหารสถานศกึ ษา
อนุศักดิ์ คงทน (2556) ได้กล่าวถึงกระบวนการบริหารการศึกษา ไว้ว่า จากหลักการบริหารท่ัวไป 14
ข้อ ของ Fayol ทำให้ต่อมา Luther Gulick ได้นำมาปรับต่อยอดเป็นที่รู้จักกันดี ในตัวอักษรย่อที่ว่า
“POSDCoRB” กลายเป็นคัมภีร์ของการจัดองค์การในต้นยุคของศาสตร์การบริหารซ่ึงตัวย่อ แต่ละตัวมี
ความหมาย ดังน้ี
P -Plainning หมายถงึ การวางแผน
O - Organizing หมายถงึ การจดั องค์การ
S -Staffing หมายถงึ การจัดคนเขา้ ท างาน
D - Dircecting หมายถึง การสั่งการ
Co - Coordinating หมายถึง ความร่วมมือ
R - Reporting หมายถึง การรายงาน
B - Budgeting หมายถึง งบประมาณ
เจสส์ (Jesse. 1999) ได้สรุปว่าการบริหารการศึกษานั้นจะต้องดำเนินการไปตามกระบวนการบริหาร
ซง่ึ มี 5 ขนั้ ดังน้ี
1. การวางแผน (Planning) คือการกำหนดแผนงานและโครงการไว้ล่วงหน้า
2. การจดั องค์การ (Organizing) คือการกา หนดตำแหน่งและหน้าท่ใี นหนว่ ยงานให้ชัดเจน
3. การสั่งการ (Directing) คือการพิจารณาส่งั การและมอบหมายงาน
4. การประสานงาน (Coordinating) คือการสรา้ งความสัมพันธ์ระหว่างหนว่ ยงานและตำแหน่งต่าง ๆ
ในหนว่ ยงาน
5. การควบคุมงาน (Controlling) คือ เปน็ การตดิ ตามและประเมนิ ผลการปฏิบตั ิงาน
สัมมา รธนิธย์ (2560) กล่าวว่า กระบวนการบริหารการศึกษาของสถานศึกษาเป็นการประยุกต์
กระบวนการบริหารการศึกษาเข้ามาใช้ในวงการศึกษา ประกอบด้วย การตดั สินใจ การวางแผน การนา แผนสู่
การปฏิบัติการจัดองค์การการจัดคนเข้าทำงาน การอำนวยการการจัดสรรทรัพยากรการติดต่อสื่อสารการ
ประสานงาน การควบคุมงาน การประเมินผลงาน และการปรับปรุงรวมทั้งการกระตุ้นหรือการจูงใจ
กระบวนการบริหารการศึกษาจึงเป็นเครื่องมือสำคัญของการบริหารงานทุกระดับซ่ึงรวมถึงผู้บริหารการศกึ ษา
ด้วยการบริหารที่ดีจะช่วยจะช่วยให้การบริหารดำเนินไปอย่างราบรื่น มีระบบไม่สับสน และบรรลุเป้าหมายท่ี
กำหนดไวอ้ย่างมีประสิทธิภาพผู้บริหารที่ดีจะต้องมีทักษะในการใชก้ระบวนการบริหารทุกขั้นตอน โดยเฉพาะ
อย่างยิง่ ในขนั้ ตอนการตัดสินใจนั้น มคี วามสำคัญมาก หากผู้บรหิ ารตัดสนิ ใจไมถ่ กู ตอ้ งการดำเนินการในข้ันต่อๆ
ไป จะเกิดปัญหาและอุปสรรคตามมาผู้บริหารควรมีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีแนวคิด และข้อมูลครบถ้วน ในการ
ตดั สนิ ใจและอาศยั กระบวนการบริหารเป็นหลกั ในการบริหารงาน
สรุปได้ว่า กระบวนการและวิธีการของการบริหารการศึกษา ประกอบด้วย การตัดสินใจ การกำหนด
เป้าหมายและวัตถุประสงค์ทีช่ ัดเจน มีการสร้างแรงจงู ใจในการทำงาน การวางแผน การทำงานท่เี ปน็ ระบบ ให้
การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกในการใช้ทรัพยากรและงบประมาณที่คุ้มค่า มีการประเมินผลงาน
ปรบั ปรุงผลการทำงานและรายงานผลการปฏบิ ัติงานอย่างเปน็ ขน้ั ตอน
ความหมายและความสำคญั ของยุค New normal
ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) ราชบัณฑิตยสภา โดยคณะกรรมการบัญญัติศัพท์นิเทศศาสตร์ ราช
บัณฑติ ยสภา ไดอ้ ธิบายคำน้ีเอาไว้วา่ New Normal แปลวา่ ความปกติใหม่ ฐานวิถีชีวติ ใหม่ หมายถึง รูปแบบ
การดำเนินชีวิตอย่างใหม่ที่แตกต่างจากเดิม เนื่องจากมีบางสิ่งมากระทบ จนแนวทางปฏิบัติที่คนในสังคม
คุ้นเคยอย่างเป็นปกติและเคยคาดหมายล่วงหน้าได้ ต้องเปลี่ยนแปลงไปสู่วิถีใหม่ภายใต้หลักมาตรฐานใหม่
ความปกตใิ หม่ (New Normal) เปน็ รปู แบบการดำเนินชีวิตอย่างใหม่ท่ีแตกต่างจากอดีต อันเนื่องจากมีบางสิ่ง
มากระทบจนแบบแผนและแนวทางปฏิบัติที่คนในสังคมคุ้นเคยอย่างเป็นปกติและเคยคาดหมายล่วงหน้าได้
ต้องเปลยี่ นแปลงไปส่วู ิถีใหมภ่ ายใต้หลักมาตรฐานใหม่ทีไ่ ม่คุ้นเคย รูปแบบวิถีชวี ิตใหม่นี้ ประกอบด้วยวธิ ีคิด วิธี
เรียนรู้ วิธีส่อื สาร วิธีปฏบิ ตั ิ และการจดั การ การใชช้ วี ิตแบบใหมเ่ กิดขึน้ หลังจากเกิดการเปลีย่ นแปลงอย่างใหญ่
หลวงและรุนแรงอย่างใดอย่างหนึ่ง ทำให้มนุษย์ต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ปัจจุบันมากกว่าจะธำรง
รกั ษาวถิ ดี ั้งเดมิ หรอื หวนหาถึงอดีต
ชวี ติ วถิ ใี หมท่ างการศกึ ษา ประกอบด้วย
1. ด้านการดำรงชพี ปัจจุบัน มาตรการการปอ้ งกนั และควบคมุ การระบาดของ COVID-19 ในดา้ นการ
สาธารณสุขของเมืองไทยที่เป็นกรอบการดำรงชีวิตประจำวัน รวมทั้งการจัดการศึกษาในระดับชั้นต่าง ๆ
โดยเฉพาะการเว้นระยะห่าง และด้านสุขภาพอนามัย การเดินทาง กิจกรรมทางสังคมในสถานศึกษา เช่น การ
เรียนการสอนที่เป็นภารกิจหลัก ต้องเป็นไปตามมาตรฐานสาธารณสุข คือ สวมใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากาก
อนามัยเสมอต้องเว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อย ๆ ใช้เจลหรือแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด ไม่เปิดแอร์
เพ่อื ใหอ้ ากาศไหลเวียน ในขณะเดยี วกนั ต้องปรบั กระบวนการเรียนการสอนที่มีการใช้เทคโนโลยี การทำงานท่ี
บ้านของครูและบุคลากรของสถาบันการศึกษา และการเรียนการสอน เป็นต้น ซึ่งต้องเว้นระยะห่างทางสังคม
ในการติดต่อสอ่ื สารในทุกรูปแบบโดยบคุ คลทท่ี ำกิจกรรมทางสงั คมต้องอยู่ห่างกัน 1-2 เมตร ในทุกกิจกรรม
2. ด้านการเรียนการสอน การปรับแนวทางการเรียนการสอน ที่มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ ที่เรียกว่า
สอนแบบผสมผสาน (Blended Learning) ที่ครูและผู้บริหารต้องปรับบทบาทในการสอน การบริหาร และ
วิธีการสอนการจัดสภาพแวดล้อมทางการเรียนรู้ในมิติแบบใหม่ ที่ผสมผสานการสาธารณสุขกับการจัด
การศกึ ษาในระบบใหมใ่ นศตวรรษท่ี 21 การพัฒนาแนวคดิ แบบใหม่ (Design Thinking) การพัฒนาทักษะชีวิต
(Life Skill) ในภาวะวิกฤติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ในด้านความรู้ (Knowledge) ทักษะ (Skill) และ
กระบวนการทางความคดิ (Mindset)
3. ด้านการบริหารภาวะวิกฤติ การบริหารแบบใหม่ที่มีผลกระทบจาก COVID-19 ในช่วงระหว่างการ
แพร่ระบาดยังอยู่ เป็นการบริหารในระหว่างภาวะวิกฤติ (During Crisis) ที่ต้องคำนึงถึงมาตรการทาง
สาธารณสุขและการบริหารที่ต้องปรับเปลี่ยนที่เป็นลักษณะที่นำระบบอิเล็กทรอนิกส์มาใช้ตามบริบทและ
งบประมาณของสถาบันการเงินในรูปแบบใหม่ ระบบการเงินของสถาบันการศึกษา จะเข้าสู่ระบบ
อิเล็กทรอนิกส์ (E-Service) และการบริหารหลังจากภาวะวิกฤติ COVID-19 ยุติลง (After Crisis) ต้อง
เตรียมการบริหารแบบใหม่ลว่ งหนา้ จดั ทำแผนการบรหิ ารหลังวิกฤติ COVID-19
แนวคิดเกี่ยวกบั การบรหิ ารการศึกษาในยุค New normal
แนวทางการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อเปิดโอกาสทางวิชาชีพในยุค New Normal
สามารถวิเคราะห์ได้ 8 แนวทาง ดังนี้ 1) ส่งเสริมและพัฒนาให้มีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะในการใช้
เทคโนโลยีดิจิทัล 2) ส่งเสริมและพัฒนาให้เป็นผู้ชี้แนะ แนะนำและให้คำปรึกษา 3) ส่งเสริมและพัฒนาให้มี
ความรู้ ความเข้าใจในกฎหมายการศึกษา เพื่อการเข้าถึงสิทธิทางการศึกษา 4) ส่งเสริมและพัฒนาให้มี Mind
Set ที่ต้องปรับกระบวนทัศน์ในการเรียนการสอน และการใช้ชีวิตในโลกยุค New Normal 5) ส่งเสริมและ
พัฒนาผา่ นการเรียนรู้อย่างมีประสิทธภิ าพผ่านโปรแกรมการเรียนรู้ทางสื่อออนไลน์ 6) ส่งเสริมและพัฒนาให้มี
องค์ความรู้เชิงวิทยาศาสตร์มีหลักเหตุและผลในการจัดการเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียน 7) ส่งเสริมและพัฒนาให้ใช้
โทรศัพท์มือถือในการจัดการเรียนรู้พัฒนาผู้เรียน มือถือจะเป็นเครื่องมือเทคโนโลยีที่มีการอัพเดตนวัตกรรม
และเทคโนโลยีใหม่ๆ ตลอดเวลา ซึ่งจะสร้างความสะดวกในการจัดการเรยี นรู้และพัฒนาตนเองได้อยา่ งต่อเน่ือง
และ 8) สง่ เสริมและพัฒนาให้มี ความตระหนกั และใส่ใจเรอื่ งความปลอดภัยด้านสุขภาพ และใหค้ วามสำคัญใน
การร่วมกันรักษาสิ่งแวดล้อมและความสำคัญของพลังงานทดแทนและพลังงานหมุนเวียน และมีข้อเสนอแนะ
ในระดับนโยบายทางการศึกษาทค่ี วรให้ความสำคัญต่อการพฒั นาครูและบุคลากรทางการศึกษา เพอื่ เสริมสร้าง
ความมีคุณภาพในการจัดการศึกษาในภาพรวมของประเทศ เสริมสร้างให้ครูและบุคลากรทางการศึกษามี
ทักษะ ความรู้ สมรรถนะในวิชาชีพของตนเองได้อย่างเหมาะสม อันนำสู่การพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนท่ี
ต้องการในอนาคต
การบริหารการเปล่ยี นแปลงของสถานศกึ ษาในยคุ New normal
สุวิมล มธุรส (2564) ได้กล่าวว่าศึกษาถึงบริบทการบริหารจัดการศึกษาที่สอดคล้องกับความปกติ
(New Normal) ผู้บริหารจึงต้องมีการบริหารจัดการศึกษาที่สอดคล้องกับความปกติใหม่โดยมีแนวทางในการ
บริหาร ได้แก่ การเตรียมความพร้อมในการเรียนการสอนออนไลน์ด้านอุปกรณ์และเทคโนโลยี การออกแบบ
หลักสูตรโดยคำนึงถึงความแตกต่างของนักเรียนแต่ละคน การระบาดของโรค COVID-19 ที่ส่งผลกระทบให้
สถาบันการศึกษาทั่วประเทศถูกสั่งปิดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรค ทำให้ทั้งนักเรียน นักศึกษา และ
อาจารย์ผู้สอน ต้องปรับตัวเข้าสู่การเรียนการสอนแบบออนไลน์ เพื่อให้หลักสูตรยังคงดำเนินต่อไปได้อย่างไม่
ขาดตอน การบรหิ ารจดั การต่อการเรียนการสอนสามารถเข้าถงึ ของนักเรียนทุกคนได้อย่างมปี ระสิทธิภาพและ
ให้อาจารย์ประสบความสำเร็จในการจัดการเรียนรู้ โดยมีการหารือและวางแผนร่วมกันของบุคคลที่มีส่วน
เกี่ยวข้องในทุกภาคส่วน เช่น พ่อแม่ ผู้ปกครอง นักศึกษา รวมไปถึงคณาจารย์ในการเตรียมความพร้อมทั้ง
ทางดา้ นร่างกายและจิตใจต่อไป
จะเห็นได้ว่าแนวทางการพัฒนาครูและบคุ ลากรทางการศึกษาในยุค New Normal ท้ัง 8 ดงั กลา่ วน้นั
จะเป็นการเสริมสร้างให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาได้ใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข และมีความสุขกับ
การทำงานในวชิ าชพี ของตนเอง โดยเฉพาะประโยชน์ท่จี ะเกดิ ข้ึนตอ่ ผู้เรียนอยา่ งต่อเนือ่ งย่ังยืนเพื่อพร้อมรับการ
เปล่ียนแปลงทจ่ี ะเกิดข้ึนในอนาคตได้อยา่ งเหมาะสม ทั้งนี้ในระดบั นโยบายทางการศกึ ษาจึงควรให้ความสำคัญ
ต่อการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศกึ ษา เพื่อเสริมสร้างความมคี ุณภาพในการจัดการศึกษาในภาพรวมของ
ประเทศ เสริมสร้างให้ครูและบุคลากรทางการศึกษามีทักษะ ความรู้ สมรรถนะในวิชาชีพของตนเองได้อย่าง
เหมาะสม อันนำสู่ศักยภาพของผู้เรียนที่ต้องการในอนาคต และในส่วนสถาบันพัฒนาครูคณาจารย์ และ
บุคลากรทางการศึกษา ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางในการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาควรออกแบบ
หลักสูตรในการพัฒนาครูและบุคลากรทางการศกึ ษา โดยนำแนวทางการพฒั นาครูและบุคลากรทางการศึกษา
ในยุค New Normal มาเป็นฐานคิดในการออกแบบหลักสูตรการพัฒนา เพื่อเสริมสร้างพัฒนาสมรรถนะของ
ครูและบุคลากรทางการศึกษาให้เปน็ ทุนมนุษย์ที่มีศักยภาพรองรับวิถีชีวิตในยุคถัดไป New Normal สามารถ
นำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากการพัฒนาไปออกแบบจัดการศึกษาในส่วนที่เกี่ยวข้องให้มีคุณภาพ
ตอ่ ไป
อยา่ งไรก็ตาม อย่าลมื มองไปว่าในการใช้ชีวิตในยุควถิ ีถัดไปนั้น การตดิ ต่อสอ่ื สารได้ตลอด 24 ช่ัวโมงก็
มีปัญหาเชน่ เดยี วกัน ซ่ึงอาจจะส่งผลตอ่ การสร้างสมดลุ ระหว่างงาน กับชีวติ ครอบครวั การบรหิ ารเวลาจึงเป็น
อกี ประเดน็ ที่มีความสำคัญเพ่ือให้เกิดความสมดุลในการใชช้ วี ติ ในยุค New Normal เพ่ือไมใ่ ห้เกิดผลกระทบ
ระหวา่ งชวี ติ การทำงาน และชีวิตครอบครัวได้
บทสรุป
ผู้บริหารในภาวะความปกติใหม่ (New normal) ควรศึกษาและพัฒนาทักษะการบริหารจัดการ
องค์การ ความสามารถของผู้บริหารในการกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างบุคลากร และกิจกรรมต่าง ๆ ของ
สถานศึกษา เพื่อที่จะก่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างมปี ระสิทธิภาพสูงสุด เป็นการจัดระเบียบกิจกรรมต่าง ๆ
มีการบริหารโครงการ กิจกรรมทรัพยากรและสามารถประยุกต์การบริหารจัดการ ให้สอดคล้องกับการ
เปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จัดให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ การมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง
และมอบหมายงานใหบ้ คุ ลากรปฏิบตั ิได้อย่างเหมาะสมเพ่อื ใหบ้ รรลผุ ลสำเรจ็ ตามเปา้ หมาย
เอกสารอา้ งองิ
ชัยเสฏฐ์ พรหมศรี. (2551). การจัดการองคก์ าร. กรงุ เทพฯ : ปัญญาชน
ชุมศักดิ์ อินทร์รักษ์.(2551). การบริหารงานวิชาการและการนิเทศภายใน สถานศึกษา. พิมพ์ครั้งที่ 5.
ปัตตานี: ฝ่ายเทคโนโลยีทางการศึกษา สํานักงานวิทยบริการ . มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขต
ปัตตานี
ณฏั ฐพันธ์ เขจรนนั ทน.์ (2551). พฤติกรรมองคก์ าร. กรุงเทพฯ: ซีเอ็ดยเู คชัน่ .
บุญรตั น์ โตทอง. (2537). หลกั การจัดการ.กรุงเทพมหานคร: ศนู ย์ส่งเสริมกรุงเทพฯ.
ปรัชญา เวสารัชช. (2554). หลกั การจัดการศกึ ษา. กรุงเทพฯ : ภาพพมิ พ์.
ปัณรส มาลากุล. (2552). การบรหิ ารการเปลี่ยนแปลง. กรงุ เทพมหานคร : ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์คณะ
รฐั ศาสตร์จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั .
ผดงุ พรมมูล. (2553). การบรหิ ารการเปลี่ยนแปลง. กรงุ เทพมหานคร: สำนกั บรกิ ารเทคโนโลยีภาครฐั .
ศศิวิมล ทิมพิทักษ์ (2555). การบริหารการเปลี่ยนแปลงของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนที่
การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 1, วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบัณฑิต. กรุงเทพมหานคร:
มหาวทิ ยาลัยราชภัฏธนบรุ ี.
ศิริพงษ์ เศาภายน. (2548). หลักการบริหารการศึกษา: ทฤษฎีและแนวปฏิบัติ. พิมพ์ครั้งท่ี 2. กรุงเทพฯ :
บ๊คุ พอยท์
ศุภชัยยาวะประภาษ. (2551). การบริหารงานบุคคลภาครัฐไทย: กระแสใหม่และส่ิงทาทาย. กรุงเทพฯ:
จุดทอง.
สมชาย เทพแสง. (2552). ภาวะผู้นำวิสัยทัศน์รูปแบบใหม่ของผู้บริหารโรงเรียนในทศวรรษหน้า, วารสาร
บรหิ ารศกึ ษา มศว 6, 11: 83-95
สมั มา รธนธิ ย์. (2560). หลักทฤษฎีและปฏิบตั ิการบริหารการศึกษา. พมิ พค์ รง้ั ที่ 4. กรุงเทพฯ: ขา้ วฟา่ ง.
สำนักงาน ก.พ.ร. (2550).คู่มือการบริหารการเปลี่ยนแปลงเพื่อเสริมสร้างความเป็นเลิศในการปฏิบัติ
ราชการของหน่วยงานภาครฐั . กรงุ เทพฯ.
สุวิมล มธุรส (2564). การจัดการศึกษาในระบบออนไลน์ในยุค NEW NORMAL COVID-19. วารสารรัชต
ภาคย,์ ปที ่ี 15 ฉบบั ที่ 40 พฤษภาคม – มิถุนายน 2564
สุริพร บุญเมือง. (2555). ศึกษาระดับกระบวนการบริหารการเปลี่ยนแปลงตามองค์ประกอบ การประกัน
คุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาในสังกัดเทศบาลนครภูเก็ต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต.
วทิ ยานิพนธ์ ค.ม. ภเู ก็ต: มหาวิทยาลยั ราชภัฏภเู กต็ .
อนุศักดิ์ คงทน. (2556). การพัฒนาระบบบริหารการศึกษาของโรงเรียนทหารปืนใหญ่ ศูนย์การทหารปืน
ใหญ่ภายใต้กรอบการประกันคุณภาพการศึกษาของกองทัพบก. รายงานการวิจัย. วิทยาลัยเสนาธิ
การทหาร.
Jesse, B. (1999). Essentials of psychological testing. New York: Harper & Row.