The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

3-8 สำรวจภาพพจน์ในเพลงไทยสากล

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sriwan04132526, 2022-02-03 02:37:52

3-8 สำรวจภาพพจน์ในเพลงไทยสากล

3-8 สำรวจภาพพจน์ในเพลงไทยสากล

รายงานการศกึ ษาคน้ คว้าดว้ ยตนเอง (Independent Study : IS) เรอ่ื ง
สำรวจภาพพจนใ์ นเพลงไทยสากล

จัดทำโดย
ด.ช.ธนิสร พรหมชนะ เลขที่ 19
ด.ช.ภูไท ไชใยเยน็ เลขที่ 25
ด.ช.วงศกร พรหมอ่อน เลขที่ 27
ด.ญ.นชิ าภา เห็นสวา่ ง เลขที่ 38
ด.ญ.อรัญญา รตั นา เลขที่ 48

ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี3/8

เสนอ
คุณครศู รวี รรณ โชระเวก

รายงานฉบับน้ีเป็นสว่ นหนงึ่ ของการศกึ ษารายวชิ าการศึกษาค้นควา้ ด้วยตนเอง (IS3) I23901
โรงเรียนวสิ ุทธรังษี จงั หวัดกาญจนบุรี
ภาคเรยี นท่ี 2 ปีการศึกษา 2564

ช่อื เร่อื ง สำรวจภาพพจนใ์ นเพลงไทยสากล
คณะผู้จัดทำ เดก็ ชายธนิสร พรหมชนะ

เดก็ ชายภูไท ไชใยเย็น
เดก็ ชายวงศกร พรหมอ่อน
เดก็ หญงิ นิชาภา เห็นสว่าง
เดก็ หญิงอรญั ญา รัตนา
อาจารยท์ ี่ปรึกษา ครศู รีวรรณ โชระเวก
โรงเรียน วสิ ทุ ธรังษี กาญจนบุรี
ปีการศึกษา 2564

บทคัดย่อ

การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง เรื่องสำรวจภาพพจน์ในเพลงไทยสากลเป็นรายงานการศึกษา โดยมี
วัตถุประสงค์การศึกษา เพื่อศึกษาหาภาพพจน์ในเพลงไทยสากล และเพื่อศึกษาความสามารถการจำแนก
ภาพพจน์ในเพลงไทยสากลและเพ่ือศกึ ษาความเขา้ ใจในภาษาไทย

ดำเนินการศึกษาโดยการดำเนินงานศึกษาค้นคว้าและเรียบเรียง เรื่องสำรวจภาพพจน์ในเพลงไทย
สากลซึ่งมีขั้นตอนการดำเนินงานดังนี้ 1) ประชุมวางแผนการดำเนินงาน คิดและเลือกหัวข้อเรื่อง 2) เขียน
เค้าโครงของโครงงาน และปฏิบัติโครงงาน ตามแผนงาน (ศึกษาเอกสารที่เกย่ี วขอ้ งจากหนังสือ สิง่ พิมพ์ และ
สอื่ ออนไลน์ จัดพิมพ์ขอ้ มลู รูปแบบรายงาน 3) ตรวจสอบความตอ้ งของขอ้ มลู และรูปเล่มรายงาน 4) ผลิตส่ือ
ความรู้ พรอ้ มรปู แบบการนำเสนอผลงานการศกึ ษาคน้ คว้า

ผลการศึกษาพบว่า จาการศึกษาเรื่องสำรวจภาพพจน์ในเพลงสากลสามารถอภิปรายผลได้ดังนี้ ผล
การศึกษาค้นคว้าบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ คือ ภาพพจน์ในเพลงไทยสากล ความสามารถจำแนก
ภาพพจนใ์ นเพลงไทยสากล และความเข้าใจในภาษาไทย ดังน้ี

อปุ มา (simile)คือ การเปรียบเทียบส่งิ หนึ่งกับอีกสิ่งหนึง่ ท่ีโดยธรรมชาตแิ ล้วมสี ภาพที่แตกต่างกนั
อุปลักษณ์ (metaphor)คือการเปรียบเทยี บดว้ ยการกล่าวว่าส่งิ หนึ่งเป็นอีกส่งิ หนงึ่ เปน็ การ
เปรยี บเทียบทไ่ี ม่กลา่ วตรง ๆ
บคุ ลาธษิ ฐาน (personification)คือ การสมมุติใหส้ ิง่ ที่ไมม่ ชี ีวติ ไม่มคี วามคดิ สง่ิ ท่ีเป็นนามธรรม
หรือสัตว์ใหม้ ีสตปิ ญั ญา อารมณ์หรอื กริ ยิ าอาการ เหมอื นมนุษย์
อตพิ จน์ (hyperbole) คือ การกลา่ วเกนิ จริง
นามนยั (Metonymy)คือ การเปรียบเทยี บโดยการใช้คำ
อนุนามมัย (Synecdoche) คือ การกล่าวถึงส่วนยอ่ ยท่ีมีลักษณะเด่นของสงิ่ นนั้ ๆ
ปฏิพจน์ (paradox) คอื การใช้ถ้อยคำท่มี ีความหมายตรงกนั ข้าม
สทั พจน์ (onomatopoeia) คอื การใช้ถอ้ ยคำท่ีเลยี นเสียงธรรมชาติ
ปฏิวาทะ (oxymoron)คือ การใช้คำทีม่ ีความหมายตรงกนั ขา้ มกนั หรอื ขัดแยง้ กนั
สัญลกั ษณ์ (symbol)คือ การเปรยี บเทียบท่ีเรียกสิ่งหนึง่ สงิ่ ใดโดยใชค้ ำอ่นื แทน

ขอ้ เสนอแนะ
1.ควรทำเปน็ สมุดเล่มเลก็ ให้เดก็ ๆสามารถอา่ นได้
2.หาข้อมูลใหค้ รบถว้ นและมีข้อมูลทเ่ี ยอะกวา่ นี้

กิตตกิ รรมประกาศ

รายงานการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง ฉบับนี้สำเร็จลุล่วงได้ด้วยความกรุณาช่วยเหลือ แนะนำ ให้
คำปรึกษา ตรวจสอบแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ ด้วยความเอาใจใส่อย่างดียิ่งจาก คุณครูศรีวรรณ โชระเวก
ครูผู้สอนรายวิชาการศกึ ษาค้นควา้ ดว้ ยตนเองผจู้ ดั ทำ ใครข่ อกราบขอบพระคณุ เปน็ อยา่ สงู ไว้ ณ โอกาส นี้

ขอขอบพระคุณครู ศรีวรรณ โชระเวก กลุ่มสาระการเรียนรู้การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง โรงเรียนวิ
สุทธรังษี กาญจนบุรที ี่กรุณาให้คำแนะนำในการค้นคว้าข้อมลู ความรู้ในด้านต่าง ๆ ที่ช่วยในการสืบคน้ ข้อมลู
แลกเปลย่ี นความรู้ความคิด และใหก้ ำลงั ใจในการศกึ ษาค้นคว้าตลอดมา ขอบคุณ คุณครบู รรณารกั ษห์ ้องสมุด
โรงเรียนทใ่ี หค้ วามอนุเคราะห์และความสะดวกในการค้นควา้ หาข้อมูล ขอขอบคณุ คณุ พ่อ คณุ แม่ และญาติพ่ี
นอ้ งทกุ คนทีช่ ว่ ยเหลอื สนับสนุนท้งั ด้านกำลงั ใจและกำลังทรัพย์ดว้ ยดตี ลอดมา

ท้ายทีส่ ุดนี้ คุณประโยชน์ท่ไี ดจ้ ากรายงานทางวิชาการฉบับน้ี ผู้ศกึ ษาคน้ ควา้ ขอมอบให้แด่ผู้มะระคุณ
ทุกท่านและขอขอบคุณผู้เป็นเจ้าของแนวคิดและทฤษฎีต่างๆ ที่ผู้ศึกษาได้นำมาอ้างองิ ในการทำรายงานทาง
วิชาการ โครงงาน ฉบบั น้ไี ว้ ณ โอกาสนี้ด้วย

คณะผจู้ ัดทำ
(สำรวจภาพพจนใ์ นเพลงไทยสากล)

คำนำ

รายงานการศึกษาค้นคว้าด้วยต้นเอง เรื่องศึกษาภาพพจน์ในเพลงไทยสากล เป็นส่วนหนึ่งของ
การศึกษาวิชา การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง รหัส i23901 จัดทำขึ้นเพื่อให้เกิดความเข้าใจ และได้รับความรู้
ความเขา้ ใจเก่ียวภาพพจนใ์ นเพลงไทย โดยศึกษาหาความรหู้ รือการทำโครงงานตามระบบขน้ั ตอน

เนื้อหาของรายงานประกอบด้วยที่มา ความสำคญั ของปัญหา มีการศึกษาค้นควา้ เอกสารทเ่ี ก่ียวข้องมา
สนับสนุนการศึกษาโดยการวางแผน ลงมือปฏิบัติตามขั้นตอน บันทึกผลการศึกษาค้นคว้า สรุปผลการศึกษา
ประโยชนแ์ ละข้อเสนอในการศกึ ษาคน้ ควา้ เปน็ ตน้

ผูจ้ ดั ทำขอขอบคณุ คุณครูศรีวรรณ โชระเวก และทุกคนท่เี กีย่ วขอ้ ทีก่ รณุ าใหค้ วามรู้และข้อเสนอแนะ
และหวงั เป็นอย่างย่งิ ว่ารายงานฉบับน้ีจะให้ความร้แู ละเปน็ ประโยชน์แกผ่ อู้ า่ นทุกๆทา่ น

คณะผู้จดั ทำ
สำรวจภาพพจนใ์ นเพลงไทยสากล

2 ธันวาคม 2564

สารบญั

ปกใน……………………………………………………………………………………………………………………………………. หนา้
บทคัดยอ่ ………………………………………………………………………………………………………………………………
กติ ตกิ รรมประกาศ…………………………………………………………………………………………………………………. ก

คำนำ...................................................................................................................................................... ค
สารบญั ………………………………………………………………………………………………………………………………

บทท่ี 1 ความเปน็ มาและความสำคญั ของปญั หา จ
วัตถุประสงคก์ ารศึกษา ......................................................……………………........................
ขอบเขตของการศกึ ษา……...……………………………………………….….................……………….……

สมมตฐิ านของการศกึ ษา……………………………………….................…………………………….…..…..
ประโยชนท์ ่ีคาดวา่ จะไดร้ ับ......................................................................................................

บทที่ 2 เอกสารและงานวจิ ยั ทเี่ ก่ียวขอ้ ง
เนือ้ หาท่เี กีย่ วขอ้ ง...................................................................................................................
โครงงานท่ีเกีย่ วขอ้ ง.................................................................................................................

บทที่ 3 วธิ ีดำเนนิ การศกึ ษา…………………………………………….................………….…………………………..
บทท่ี 4 ผลการศึกษาคน้ คว้า..………………………………………...................………….…………….……………..

บทท่ี 5 สรปุ ผลการศึกษา และขอ้ เสนอแนะ………………………....................……………………….…………
บรรณานกุ รม………………………………………………………………………....................………………………….…....
ภาคผนวก

ประวตั ผิ ู้ศกึ ษาคน้ ควา้
ภาพประกอบขั้นตอนการดำเนินงาน

เค้าโครงของโครงงาน

บทท่ี 1
บทนำ

ความเปน็ มาและความสำคัญของปัญหา
ภาษาไทย เป็นภาษาทางการของประเทศไทย และภาษาแม่ของชาวไทย และชนเช้ือสายอื่นใน

ประเทศไทย ภาษาไทยเป็นภาษาในกลุ่มภาษาไต ซึ่งเป็นกลมุ่ ยอ่ ยของตระกูลภาษาไท-กะได สันนษิ ฐานว่า
ภาษาในตระกูลนี้มีถิ่นกำเนิดจากทางตอนใต้ของประเทศจีน และนักภาษาศาสตร์บางท่านเสนอว่า
ภาษาไทยน่าจะมีความเช่ือมโยงกับ ตระกูลภาษาออสโตร-เอเชียติก ตระกูลภาษาออสโตรนีเซียน ตระกูล
ภาษาจนี -ทิเบต

ภาพพจน์เป็นการใช้ถ้อยคำสำนวนโวหาร ท่ีทำให้ผู้รับสารเกิดมโนภาพ เกิดจินตนาการ ถ่ายทอด
อารมณ์ ทำให้มีความรู้สึกร่วมตรงตามความปรารถนาของผู้ส่งสารเพลงไทยสากล เป็นเพลงที่ขับร้องใน
ภาษาไทย โดยเร่ิมจากนำทำนองไทยเดิมใสเ่ นื้อร้องบรรเลงและขับร้อง โดยใชม้ าตรฐานของโน้ตเพลงแบบ
สากล จนเปน็ เพลงไทยแนวใหม่

ดังนนั้ กลมุ่ ของขา้ พเจา้ มคี วามสนใจท่จี ะศึกษา ภาพพจนใ์ นเพลงไทยสากล ในส่วนท่ียงั ไม่คอ่ ยเข้าใจ
เพอื่ ให้เกดิ ความเขา้ ใจมากข้ึน

วตั ถปุ ระสงคข์ องการศกึ ษา
1. เพอื่ ศกึ ษาหาภาพพจนใ์ นเพลงไทยสากล
2. เพอ่ื ศึกษาความสามารถจำแนกภาพพจน์ไทยสากล
3. เพื่อศกึ ษาเพิม่ ความเข้าใจในภาษาไทย

สมมติฐานการศกึ ษา
1. ได้รบั ความรเู้ กยี่ วกบั ภาพพจน์ในเพลงไทยสากลเพือ่ ศึกษาหาความหมายของภาพพจน์
2. ไดร้ ับความรู้เกย่ี วกับหาประเภทของภาพพจน์
3. เพ่มิ ทกั ษะใหน้ กั เรียนในการจำแนกภาพพจน์จากเพลงไทยสากล

ขอบเขตของการศกึ ษา
1. ศกึ ษาหาภาพพจนใ์ นเพลงไทยสากล ศกึ ษาสามารถจำแนกภาพพจนใ์ นเพลงไทยสากลได้
2. ศกึ ษาจากเพลงไทยสากลจำนวน 7 เพลง
3. ศึกษาตัง้ แต่ ..........................ถึง...........................

นยิ ามศัพท์เฉพาะของโครงงาน
ภาพพจน์ คอื ภาพพจนเ์ ป็นการใช้ถอ้ ยคำสำนวนโวหาร ทที่ ำให้ผ้รู บั สารเกิดมโนภาพ เกดิ

จินตนาการ ถา่ ยทอดอารมณ์ ทำให้มีความรสู้ ึกร่วมตรงตามความปรารถนาของผู้ส่งสาร
เพลงไทยสากล คือ เป็นเพลงที่ขับร้องในภาษาไทย โดยเรม่ิ จากนำทำนองไทยเดิมใสเ่ นอื้ ร้อง

บรรเลงและขบั ร้อง โดยใชม้ าตรฐานของโนต้ เพลงแบบสากล จนเป็นเพลงไทยแนวใหม่

ประโยชนท์ ค่ี าดว่าจะไดร้ บั

1. ได้รับความรู้เกย่ี วกบั เร่ืองภาพพจน์ในเพลงไทยสากลและสามารถจำแนกภาพพจนเ์ องได้
2. ได้แนวทางในการแยกภาพพจนใ์ นเพลงไทยสากล

บทท่ี 2
เอกสารและงานวิจยั ที่เกย่ี วขอ้ ง

แนวความคิดและเอกสารทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั การศึกษา มีดงั นี้
1. ภาพพจน์
2.เพลงไทยสากล
3.ภาษาไทย

ทฤษฎีทเ่ี กี่ยวข้อง รายละเอียดแตล่ ะหวั ข้อ
1.ทฤษฎีของภาพพจน์ หมายถึง สำนวนภาษารูปแบบหนึ่งเกิดจากการเรียบเรียงถ้อยคำด้วยวิธีการ

ต่างๆให้ผิดแผกไปจากการเรียงลำดับคำหรือความหมายของคำตามปกติ ไม่กล่าวอย่างตรงไปตรงมา เพ่ือ
ต้องการให้ผู้อา่ นเกดิ ภาพ มีสว่ นรว่ มในการคิด มีความหมายพเิ ศษ เข้าใจ และรู้สึกอย่างลึกซง้ึ ตามผูแ้ ต่ง
ประเภทของภาพพจน์

1) อุปมา (simile)คือ การเปรียบเทียบสิง่ หน่ึงกบั อกี สิ่งหนง่ึ ท่ีโดยธรรมชาติแล้วมสี ภาพที่แตกต่างกนั แต่
มลี ักษณะเด่น ร่วมกนั และใช้คำท่ีมีความหมายวา่ เหมอื นหรอื คล้ายเป็นคำแสดงการเปรยี บเทียบเพ่ือเนน้ ให้เห็น
จริงว่า เหมือนอย่างไร ในลักษณะใด ได้แก่คำว่า เหมือน เสมือน ดัง ด่ัง คล้าย ดูราว เหมือนดั่ง ดุจ ประดุจ
ประหนึ่ง ละม้าย เสมอ ปาน เพียง ราว ราวกับ พ่าง เทียบ เทียม เฉก เช่น ฯลฯ เป็นการกล่าว การ
เปรยี บเทยี บสิ่งท่ีเหมือนกนั หรอื ต่างกันใชค้ กู่ ับ อุปไมย อปุ มา คอื สง่ิ หรือข้อความท่ียกมากล่าวมาเปรียบ อุปไมย
คอื สงิ่ หรือข้อความท่พี ึงเปรยี บเทียบกบั ส่งิ อ่ืนเพ่ือใหเ้ ขา้ ใจแจม่ แจง้

2) อุปลักษณ์ (metaphor)คือการเปรียบเทียบด้วยการกล่าวว่าสิ่งหน่ึงเป็นอีกสิ่งหน่ึงเป็นการ
เปรียบเทียบที่ไม่กล่าวตรง ๆ ใช้การกล่าวเป็นนัยให้เข้าใจเอง เป็นการเปรียบเทียบโดยนำเอาลักษณะ สำคัญ
ของสิ่งที่ต้องการเปรียบเทียบ มาเปรียบเทียบทันทีโดยโดยไม่ต้องมีคำเชื่อมโยง ไม่ต้องใช้คำแสดงการ
เปรียบเทียบ ไม่มีคำแสดงความหมายว่า เหมือน ปรากฏอยู่ หรือถ้าจำเป็นต้องใช้ก็ใช้คำว่า “เป็น” หรือ
“คือ” อุปลักษณ์ เป็นการใช้ถ้อยคำภาษา ในเชิงการเปรียบเทียบที่มีชั้นเชิงและลึกซึ้งกว่าอุปมา นิยมใช้กับ
ภาษ-หนงั สือพิมพ์ เพราะใช้คำน้อย ได้ความมากเหมาะกบั เนื้อท่อี ันจำกดั

3) บุคลาธิษฐาน (personification)คือ การสมมุติให้ส่ิงท่ีไม่มีชีวิต ไม่มีความคิด ส่ิงท่ีเป็นนามธรรม
หรือสัตว์ให้มีสติปัญญา อารมณ์หรือกิริยาอาการ เหมือนมนุษย์เพ่ือให้ส่ิงเหล่าน้ันเกิดปรากฏการณ์เสมอื นเป็น
ส่งิ มีชีวิตที่มีความรู้สึก นึกคิดขึ้นมา แล้วส่ือความรู้สึกออกมาให้ผูร้ ับสารได้รับรู้เป็นการเปรียบเทียบโดยนำเอา
ส่ิงไม่มชี ีวิต หรอื มชี วี ิต แต่ไม่ใชค่ นมากล่าวถงึ ราว กบั เปน็ คน หรือทำกิริยาอาการอย่างคน “ภาพพจน์ประเภท
นีจ้ ะทำให้สิ่งทก่ี ล่าวถึง มีชีวิตชีวา ผู้รับสารจะมองเห็นภาพส่งิ นั้นเคลือ่ นไหวทำกิรยิ าอาการเหมือนคนมีอารมณ์
มคี วามรู้สึก และสามารถสื่อความรสู้ ึกนนั้ มาสผู่ ู้รบั สารได้” (นภาลัย สุวรรณธาดา, 2533: 295)

4) อติพจน์ (hyperbole)
คอื การกล่าวเกนิ จรงิ ซึ่งเปน็ ความรู้สกึ หรอื ความคดิ ของผกู้ ล่าวทต่ี ้องการย้ำความหมาย ใหผ้ ู้ฟงั รู้สกึ ว่าหนกั แน่น
จริงจัง เน้นความรู้สึกให้เด่นชัดและน่าสนใจ โดยไม่เน้นความเป็นจริง เพราะต้องการ ให้ผู้รับ สารเกิดความ
ซาบซึ้งและประทับใจ ซึ่งอาจจะมากเกินไปหรือนอ้ ยเกินไปก็ได้ เพ่ือเน้นความ รู้สึกมากกว่า ความเป็นเหตเุ ป็น
ผล มุ่งเร้าอารมณแ์ ละความรู้สึกสะเทือนใจเป็นสำคัญ ภาพพจนป์ ระเภทนีน้ ิยม ใช้สอ่ื สารกันมากท้งั การพดู และ
การเขียน ที่ต้องการแสดงความร้สู กึ เพราะสามารถเปรียบเทยี บใหเ้ ห็นภาพไดง้ ่าย

5) นามนัย (Metonymy)คือ การเปรียบเทียบโดยการใช้คำหรือวลีซึ่งบ่งลักษณะหรือคุณสมบัติที่เป็น
จุดเด่น หรอื ลักษณะสำคัญ ของส่ิงใดสิ่งหนึ่ง หรือการกล่าวถึงส่วนใดส่วนหนง่ึ ของส่ิงใด ๆ มากล่าวแทนคำท่ใี ช้
เรยี ก ส่งิ นั้นโดยตรง เปน็ ภาพพจนท์ ี่ใช้เพอ่ื หลีกเลยี่ งการใช้คำธรรมดา ๆ ซ้ำซาก

6) อนุนามมัย (Synecdoche)
คือ การกล่าวถึงส่วนย่อยท่ีมีลักษณะเด่นของสิ่งน้ัน ๆ มากล่าวแทนส่ิงท่ีต้องการกล่าวถึงทั้งหมด เป็นการ
เปรยี บเทียบโดยนำเอาลักษณะเด่นที่เป็นสว่ นหน่ึงมากลา่ วแทนทั้งหมด

7) ปฏิพจน์ (paradox)
คือ การใช้ถ้อยคำที่มีความหมายตรงกันข้าม หรือขัดแย้งกันมากล่าวร่วมกันได้อย่างกลมกลืนกัน ภาพพจน์
ประเภทน้ผี ูร้ ับสารจะต้องมคี วามสามารถในการวเิ คราะห์ความหมาย หรือ ตีความจงึ จะเข้าใจไดด้ ี

8) สทั พจน์ (onomatopoeia)
คือ การใช้ถ้อยคำท่ีเลียนเสียงธรรมชาติ เช่น เสียงดนตรีเสียงร้องของสัตว์ หรือเลียนเสียงกิริยาอาการต่าง ๆ
ของคน การใช้ภาพพจนป์ ระเภทนี้ไม่ว่าจะเป็นการพดู หรือการเขยี น จะช่วยส่อื ให้ผรู้ ับสารร้สู ึกเหมือนไดย้ นิ เสยี ง
โดยธรรมชาติของส่ิงน้ัน ๆ และเห็นกิรยิ าอาการของสิ่งนั้น ๆ ด้วย

9) ปฏิวาทะ (oxymoron)คือ การใช้คำที่มีความหมายตรงกันข้ามกันหรือขัดแย้งกันมารวมไว้ด้วยกัน
เพ่อื ใหม้ คี วามหมาย ใหม่ หรือให้ความรู้สึก ขดั แย้งกนั หรือเพม่ิ นำ้ หนักใหแ้ กค่ วามหมายของคำแรก

10) สญั ลักษณ์ (symbol)คือ การเปรียบเทียบที่เรียกสิ่งหนึ่งสิ่งใดโดยใชค้ ำอ่ืนแทน คำท่ีใชเ้ รียกน้ันเกิด
จากการเปรียบเทียบและ ตีความซ่ึงใช้กันมานานจนเป็นท่ีเข้าใจกันโดยทั่วไป อาจเป็นคำ ๆ เดียว ข้อความ
บุคคลในเรื่อง เป็นเรอ่ื ง เฉพาะตอน หรือเร่อื ง ๆ หน่ึงก็ได้ สญั ลักษณ์ทน่ี ิยมใชม้ ี

2.ทฤษฎขี องเพลงไทยสากล เปน็ เพลงทข่ี ับร้องในภาษาไทย โดยเรม่ิ จากนำทำนองไทยเดมิ ใส่เนื้อร้องบรรเลงและ
ขบั รอ้ ง โดยใชม้ าตรฐานของโนต้ เพลงแบบสากล เชน่

ซอ่ นกล่นิ : Palmy
“รกั ยงั ไมจ่ างไป ตรึงตดิ ชิดดวงใจ”
“ตรงึ ตดิ ชดิ ดวงใจเปน็ ”
อตพิ จน์

มากกว่ารัก : โรส ศิรินทิพย์
“เธอเปน็ มากกว่ารัก เพราะเธอนน้ั คือครง่ึ ชวี ติ ”
“คือ”เปน็ อปุ ลกั ษณส์ ว่ น “ครงึ่ ชวี ติ ”เปน็ อตพิ จน์

หน้าหนาวทแี่ ลว้ : Room39
“เปรียบกับดา้ มปากกาท่หี าไมเ่ จอ”
“เปรยี บ”เปน็ อปุ มา

มอื ลน่ั : แจ๊ส ชวนช่นื
“กค็ ิดว่าเป็นดอกฟา้ ”
“เป็นดอกฟ้า”เปน็ อปุ ลกั ษณ์

ไวใ้ จ : klear
“โงง่ มต่อไปขา้ งเดียวเหมือนไดต้ อ่ เวลาซำ้ แค่
“เหมือน”เปน็ อปุ มา

ยินดที ีไ่ ดร้ กั : S.D.F
“จากกนั วันนี้แมเ้ สียใจ แตร่ ักคือการให้ไป”
“คือ”เป็นอปุ ลักษณ์

พนั หม่นื เหตุผล : KLEAR
“พนั หม่นื เหตุผลทบี่ อกกับฉัน คือความผูกพันธเ์ ธอนน้ั ไมม่ เี หลอื อยู่”
“พนั หมื่นเหตุผล”เปน็ อติพจน์

ใจกลางเมอื ง : LABANOON
“รอนแรมมาเน่นิ นาน คดิ ถงึ แทบขาดใจ”
“แทบขาดใจ”เป็นอตพิ จน์

3.ทฤษฎีของภาษาไทย ภาษาไทยกลาง เป็นภาษาราชการและภาษาประจำชาติของประเทศไทยและ
ภาษาไทยเป็นภาษาที่มีระดับเสียงของคำแน่นอนหรอื วรรณยุกต์เช่นเดียวกับภาษาจีน และออกเสยี งแยกคำต่อ
คำภาษาไทยเป็นภาษาที่มลี ักษณะเปน็ ของตนเองและมีความแตกต่างจากภาษาอนื่ ท่ีนำมาใช้ในภาษาไทย การใช้
ภาษาไทยไดอ้ ย่างถูกต้อง จำเปน็ ต้องรจู้ ักภาษาไทยให้ดเี พื่อใช้ถอ้ ยคำได้อย่างถูกต้องตามลักษณะภาษาไทย

โครงงานหรอื งานวจิ ัยทเี่ ก่ียวขอ้ ง
2.2 งานวจิ ัยท่ีเกี่ยวกับเพลงไทยสากล

พรเพ็ญ ต้นประเสริฐ (2533) ไดว้ ิเคราะห์เร่ือง "เพลงไทยสากลระหว่างปี พ.ศ. 2529-2531 : การศึกษาใน
ดา้ นลกั ษณะภาษาและการสะท้อนวัฒนธรรมไทย" ผู้ศึกษาพบว่า เน้ือเพลง ไทยสากลมีการใชถ้ ้อยคำทีน่ ่าสนใจ
4 ลักษณะ คือ การสร้างคำ การใช้คำ การเล่นคำ และการใช้สำนวน ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะที่น่าสนใจของเพลง
ไทยสากล สำหรับเน้ือเพลงไทยสากล ได้สะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมของสงั คมไทยด้านต่าง ๆ และยังบันทึกปญั หา
ตา่ ง ๆ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ในสงั คมไทยอีกปญั หาหน่งึ นัน้ คอื ความเบีย่ งเบนทางเพศ ซง่ึ พบมากในสงั คมยุคนี้

สมบตั ิ ก่งิ กาญจนวงศ์ (2534) ได้ศกึ ษาวจิ ัยเรอ่ื ง
"การวิเคราะหเ์ พลงลกู กรุง" โดยมีวัตถุประสงคใ์ นการวิจยั
2 ลักษณะคือ เพ่ือวิเคราะห์เน้ือหาสาระของเพลงลูกกรุงและเพื่อวิเคราะห์ การใช้โวหารของเพลงลูกกรุง ซึ่ง
พบว่าเพลงลูกกรุงสามารถจำแนกเน้ือหาได้เป็น 7 ประเภท คือเพลงปลุกใจและสดุดี เพลงเกย่ี วกบั ประเพณีและ
เทศกาล เพลงเกี่ยวกับการชมความงามต่างๆเพลงเกี่ยวกับความรัก เพลงเก่ียวกับความผิดหวังในชีวิต เพลง
เกี่ยวกับคติคำสอนใจ เพลงเก่ียวกับการสะท้อนสังคม ด้านการใช้ถ้อยคำและโวหารพบว่า มีการใช้ถ้อยคำ 8
ชนิด ได้แก่การใช้คำง่ายการใช้คำอุทาน การซ้ำคำ การหลากคำ การใช้ศัพท์สูง การใช้ดำเลียนเสียงธรรมชาติ
การเลน่ คำและการปรงุ ศัพท์ สว่ นการใชโ้ วหาร มี 6 ชนิด ได้แก่ อุปมา อุปลักษณ์ ปฏิปุจฉา สัญลักษณ์ อติพจน์
และบคุ ลาธษิ ฐาน

ปาริชาติ วนิ ิจ (2542) ได้ทำการศึกษาเร่ือง รูปแบบและลักษณะการใช้ภาษาในวรรณกรรมเพลงยอดนิยม"

ด้านรปู แบบ พบว่า โครงสร้างของเพลงแบง่ ออกเป็น 3 ประเภท คือแบบเอกบท แบบทวิบทพิเศษ และแบบตรี
บท มีจังหวะ 3 ประเภท คอื จงั หวะช้า ปานกลาง และเร็วด้านอารมณ์เพลง มี 3 ประเภท คือ อารมณ์สนุกสนาน

อารมณ์เพลงสะเทือนอารมณ์ และอารมณ์เพลงอ่อนหวาน มีการใชเ้ สียงประสานอย่างหลากหลาย ด้านลักษณะ
การใช้ภาษา พบว่ามีการเลือกใช้ถ้อยคำ เช่น ภาษาวัยรุ่น ศัพท์สแลง ดำซ้ำวลี การใช้โวหารภาพพจน์ แบบ

อปุ มาอุปไมยอปุ ลักษณ์ บุคลาธษิ ฐาน นามนัย อธิพจน์ การใชค้ ำถาม ด้านสะทอ้ นทางดา้ นวฒั นธรรมจากการใช้
ภาษาพบวา่ แสดงใหเ้ ห็นวัฒนธรรม 4 ดา้ น คือ ดา้ นขนบธรรมเนียมประเพณี ดา้ นคา่ นยิ ม ด้านทศั นคติ และด้าน
พฤติกรรมการแสดงออก

ศมกมล ลิมปิชัย (2531) ได้ศึกษาเร่ือง "เทปเพลงไทย : ธุรกิจกับการสร้างสรรค์ผลงาน" โดยได้ศึกษาถึง
ประวตั ิความเป็นมา ววิ ัฒนาการ และสภาพการดำเนนิ การธุรกิจเทปเพลงไทยสากลในปัจจบุ ัน ตลอดจนลักษณะ

การสร้างสรรค์ผลงานเพลงของศิลปิน ผลการศึกษาวิจัยพบว่า การสร้างสรรค์ผลงานของศิลปินนั้น จำเป็นต้อง
เป็นไปตามแนวทางท่ีผู้ผลิตวางไว้และตามทิศทางของตลาด เพื่อท่ีจะได้สร้างงานในลักษณะเดียวกัน น้ันทำให้
เทปเพลงที่ออกมาจำนวนมากมีลักษณะที่ไมแ่ ตกต่างกันมากนกั

อมรพันธ์ อุตสาหกิจ (2532)ไดว้ ิจัยเร่ือง "อิทธิพลของเพลงไทยสมัยนิยมที่มีผลต่อจริยธรรมของเยาวชน"
สรุปผลได้ว่า เพลงที่นักเรียนส่วนใหญ่ชอบฟังเป็นเพลงสตริง โดยมีความประทับใจในเน้ือร้องเป็นอันดับแรก

รองลงมาคือ ทำนองเพลง และผลสรุปของงานวิจัยยังสามารถช้ีให้เห็นถึงเพลงซ่ึงอยู่ในความสนใจของเยาวชน
ส่วนใหญน่ น้ั เนันในเร่อื งความมีสนุ ทรยี โ์ ดยเฉพาะเรอื่ งของความรกั

จากเอกสารและงานวยิ ขา้ งต้นจะเห็นว่า วงการเพลงในประเทศไทยมกี ารเติบโตอยา่ งรวดเรว็ และมีการ

ขยายจนเปน็ ลักษณะของอุตสาหกรรมเพลง ดังนั้นจงึ ต้องสรา้ งสรรค์เพลงเพ่อื นฟังจำนวนมาก และมีแนวเพลงท่ี
ทันสมยั เพอื่ ให้แขง่ ขันในตลาดได้ ผผู้ ลิตโดยส่วนใหญจ่ งึ ตอ้ งทำเพลงเพื่อตอบสนองความตอ้ งการของคนในสังคม

จึงมีลักษณะแนวเพลงไปในทิศทางเดียวกันส่วนในด้านการใช้ภาษา จะใช้ภาษาท่ีมีลักษณะเฉพาะท่ีน่าสนใจ มี
การสร้างดำ การใช้ดำ การเล่นดำ การใช้สำนวน และโวหารต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ฟังเกิดความประทับใจ และเห็ น
สภาพการใชภ้ าษาในสังคมในแตล่ ะยคุ สมัย นอกจากน้ีเนอ้ื หายังสะท้อนให้เห็นสภาพสังคม และปัญหาทางสังคม

ขนบธรรมเนยี ม ในยคุ สมัยนนั้ และให้สุนทรียะทางอารมณ์แกผ่ ฟู้ ังอกี ด้วย
เอกสารและงานวิจยั ท่ีเกย่ี วขอ้ งดังกล่าวแล้วข้างตน้ ผู้วจิ ัยจะนำมาใช้เป็นกรอบความคิดและแนวทางใน

การศึกษาวิเคราะห์การใช้ภาษาในเพลงไทยสากลของบริษัท อาร์.เอส.โปรโมช่ัน 1992 ช่วงปี พ.ศ. 2542 ถึง
พ.ศ. 2546

บทที่ 3
วธิ ีดำเนินการศึกษา

ในการศึกษาคร้ังนี้ ผศู้ กึ ษาไดด้ ำเนินตามขัน้ ตอน

สมาชกิ กล่มุ และหนา้ ทีร่ บั ผิดชอบ

ชอื่ -นามสกุล หน้าทป่ี ระจำกลุ่ม
ด.ช.ธนิสร พรหมชนะ เลขที่ 19 ประธานกลมุ่ (หวั หนา้ กลุ่ม)
ด.ญ.อรัญญา รัตนา เลขที่ 48 รองประธานกลมุ่ (รองหัวหน้ากลมุ่ )
ด.ช.ภไู ท ไชใยเย็น เลขท่ี 25 สมาชิกกลุม่
ด.ช.วงศกร พรหมออ่ น เลขท่ี 27 สมาชิกกลุ่ม
ด.ญ.นชิ าภา เห็นสวา่ ง เลขที่ 38 เลขานุการกลุ่ม

ตารางขัน้ ตอนการดำเนนิ งาน

รายการดำเนินงาน วนั /เดือน/ปี ท่ีดำเนนิ งาน ผู้ทร่ี บั ผดิ ชอบงาน
ทุกคน
1. ประชุมกลุม่ วางแผนการดำเนนิ งาน 26 มิถุนายน 2564 ทนุ คน
ธนิสร พรหมชนะ
2. ลงมือปฏิบัติตามแผนงาน 26 มถิ ุนายน 2564 อรญั ญา รตั นา

2.1 เขียนเคา้ โครงของโครงงาน 26 มถิ ุนายน 2564 นชิ าภา เหน็ สวา่ ง

2.2 รวบรวมข้อมลู จากคน้ หาหนงั สือและส่ื 26 มถิ ุนายน 2564 ภไู ท ไชใยเย็น
วงศกร พรหมอ่อน
อออนไลน์ ทุกคน

2.3 วสั ดุอุปกรณ์และสรปุ ผลการศกึ ษาคน้ 26 มิถนุ ายน 2564 ธนสิ ร พรหมชนะ
คว้า
ทุกคน
2.4 พมิ พ์ขอ้ มลู ในรูปเล่มรายงาน 5 บท 12 ธันวาคม 2564

2.5 ผลติ สือ่ ความรู้ 13 ธันวาคม 2564

2.6 นำเสนอในรูปแบบ Power Point 20 มกราคม 2565
หรอื บอร์ดนำเสนอโครงงาน 29 มกราคม 2565

3. 31 มกราคม 2565
ตรวจสอบความต้องของขอ้ มูลและรูปเลม่ ร
ายงาน

4.
ความสมบูรณ์ของรปู เล่มรายงาน/สือ่ ความ
รู้/สมาชิกกลุ่ม

รายละเอยี ด ดงั นี้

1. ประชุมกลมุ่ วางแผนการดำเนินงาน Plan = P
มีการนดั ประชมุ และตกลงกนั ในการปฏบิ ัตโิ ครงงานวิชาการเรื่อง”การสำรวจภาพพจนใ์ นเพลงไทย

สากล”ว่าใครมหี นา้ ทร่ี ับผิดชอบงานในหัวขอ้ นั้นๆ
1.)ศกึ ษาเพลง และดภู าพพจน์ในเพลงไทยสากล
2.)จัดทำโปสการด์ เรือ่ ง”ภาพพจนใ์ นเพลงไทยสากล”

2. ลงมอื ปฏิบตั ิตามแผนงาน DO = D
สมาชิกในกลมุ่ ปฏิบัติงานตามหวั ข้อและหน้าท่ีท่ีตนรบั ผดิ ชอบได้ดี ตามที่ตกลงและพดู คยุ กันไว้ ขณะที่

ประชุม ลงมอื เขยี นเคา้ โครงของโครงงาน รวบรวมขอ้ มูลจากคน้ หาหนงั สือและสือ่ ออนไลน์ วัสดุอปุ กรณ์และ
สรปุ ผลการศึกษาค้นคว้า แบง่ หน้าที่พิมพข์ อ้ มูลในรูปเลม่ รายงาน 5 บท ผลิตส่อื ความรู้ และ นำเสนอในรปู แบบ
Power Point หรือบอร์ดนำเสนอโครงงาน

3. ตรวจสอบความต้องของขอ้ มลู และรูปเล่มรายงาน Check = C
มกี ารตรวจสอบอย่างรอบครอบเพือ่ ข้อมูลท่ีถกู ต้องก่อนจะนำไปเผยแพร่

4. ผลิตส่อื ความรู้ พรอ้ มรูปแบบการนำเสนอผลงานการศึกษาค้นควา้ Action = A
นำขอ้ มลู มาทำเป็น PowerPoint เพอ่ื เผยแพร่ขอ้ มลู ทศี่ กึ ษามา

บทที่ 4
ผลการวิเคราะห์ข้อมลู /การศึกษาคน้ ควา้

ผลการศึกษาคน้ ว้า โครงงานเร่ือง สำรวจภาพพจน์ในเพลงไทยสากล มรี ายละเอยี ดท่ีจะศกึ ษา ตาม
วัตถปุ ระสงคค์ อื 1.ศกึ ษาหาภาพพจนใ์ นเพลงไทยสากล 2.เพ่อื ศกึ ษาหาความสามารถจำแนกภาพพจน์ในเพลง
ไทยสากล และ3.เพอ่ื ศกึ ษาเพิ่มความเข้าใจในภาษาไทย

ผลการศกึ ษาค้นคว้า พบว่า 1.ศึกษาประเภทของภาพพจน์
1) อปุ มา (simile)คอื การเปรยี บเทียบส่ิงหนึง่ กับอีกสิง่ หน่งึ ท่ีโดยธรรมชาติแลว้ มีสภาพที่แตกต่างกัน

แตม่ ีลักษณะเดน่ ร่วมกนั และใช้คำทม่ี ีความหมายว่า เหมือนหรือคลา้ ยเปน็ คำแสดงการเปรยี บเทยี บเพอื่ เน้นให้
เหน็ จริงว่า เหมอื นอย่างไร ในลกั ษณะใด ไดแ้ ก่คำวา่ เหมือน เสมือน ดัง ดั่ง คล้าย ดูราว เหมอื นดั่ง ดุจ ประดจุ
ประหนงึ่ ละมา้ ย เสมอ ปาน เพียง ราว ราวกบั พ่าง เทียบ เทยี ม เฉก เชน่ ฯลฯ เปน็ การกล่าว การ
เปรยี บเทียบสง่ิ ท่เี หมือนกันหรอื ตา่ งกันใช้คกู่ บั อปุ ไมย อุปมา คอื สง่ิ หรอื ข้อความทย่ี กมากล่าวมาเปรยี บ อปุ ไมย
คือ สง่ิ หรอื ข้อความที่พึงเปรยี บเทยี บกับสิ่งอ่นื เพอื่ ให้เข้าใจแจม่ แจ้ง

2) อุปลักษณ์ (metaphor)คอื การเปรยี บเทยี บด้วยการกล่าววา่ สิง่ หนง่ึ เป็นอกี สง่ิ หนึง่ เปน็ การ
เปรยี บเทยี บทไี่ ม่กล่าวตรง ๆ ใชก้ ารกล่าวเป็นนัยให้เขา้ ใจเอง เปน็ การเปรียบเทียบโดยนำเอาลักษณะ สำคญั
ของสิ่งท่ีต้องการเปรยี บเทยี บ มาเปรียบเทียบทันทีโดยโดยไมต่ อ้ งมีคำเชอื่ มโยง ไม่ตอ้ งใช้คำแสดงการ
เปรยี บเทียบ ไมม่ คี ำแสดงความหมายวา่ เหมอื น ปรากฏอยู่ หรอื ถ้าจำเปน็ ต้องใช้กใ็ ชค้ ำวา่ “เป็น” หรือ
“คือ” อปุ ลกั ษณ์ เป็นการใชถ้ ้อยคำภาษา ในเชิงการเปรยี บเทยี บทม่ี ีช้ันเชิงและลกึ ซงึ้ กวา่ อุปมา นยิ มใชก้ บั
ภาษ-หนังสอื พมิ พ์ เพราะใชค้ ำนอ้ ย ได้ความมากเหมาะกับเน้อื ท่อี ันจำกัด

3) บุคลาธษิ ฐาน (personification)คือ การสมมตุ ิใหส้ ่งิ ทีไ่ ม่มชี วี ติ ไมม่ คี วามคดิ สิง่ ทเ่ี ปน็ นามธรรม
หรือสัตว์ใหม้ ีสตปิ ญั ญา อารมณ์หรอื กริ ยิ าอาการ เหมอื นมนษุ ย์เพือ่ ใหส้ ิ่งเหล่าน้ันเกิดปรากฏการณ์เสมือนเปน็
ส่ิงมชี วี ติ ที่มคี วามรู้สึก นกึ คิดขึน้ มา แล้วส่อื ความรู้สกึ ออกมาใหผ้ ู้รับสารได้รบั รเู้ ปน็ การเปรียบเทียบโดยนำเอา
ส่งิ ไม่มชี วี ติ หรอื มีชีวิต แต่ไมใ่ ชค่ นมากล่าวถงึ ราว กับเปน็ คน หรอื ทำกริ ยิ าอาการอยา่ งคน “ภาพพจนป์ ระเภท
น้จี ะทำให้ส่งิ ทก่ี ล่าวถงึ มชี วี ติ ชีวา ผรู้ บั สารจะมองเห็นภาพสิง่ นน้ั เคลือ่ นไหวทำกริ ยิ าอาการเหมอื นคนมีอารมณ์
มคี วามร้สู กึ และสามารถสือ่ ความรู้สึกนั้นมาสู่ผู้รบั สารได้” (นภาลยั สวุ รรณธาดา, 2533: 295)

4) อติพจน์ (hyperbole) คอื การกล่าวเกินจริง ซง่ึ เป็นความร้สู ึกหรอื ความคดิ ของผกู้ ล่าวที่ต้องการ
ย้ำความหมาย ให้ผู้ฟงั รสู้ กึ วา่ หนักแนน่ จริงจงั เนน้ ความรสู้ กึ ให้เดน่ ชัดและน่าสนใจ โดยไม่เนน้ ความเปน็ จรงิ
เพราะต้องการ ให้ผู้รับ สารเกดิ ความซาบซึ้งและประทบั ใจ ซง่ึ อาจจะมากเกนิ ไปหรือนอ้ ยเกนิ ไปกไ็ ด้ เพ่ือเนน้
ความ รู้สึกมากกวา่ ความเป็นเหตุเป็นผล มุ่งเร้าอารมณ์และความรู้สึกสะเทือนใจเปน็ สำคัญ ภาพพจนป์ ระเภท
น้ีนิยม ใชส้ อื่ สารกนั มากทัง้ การพูดและการเขียน ทต่ี ้องการแสดงความรู้สึกเพราะสามารถเปรยี บเทียบให้เหน็
ภาพไดง้ ่าย

5) นามนยั (Metonymy)คอื การเปรียบเทียบโดยการใชค้ ำหรือวลซี ึ่งบ่งลักษณะหรือคณุ สมบัติท่ีเป็น
จุดเด่น หรือลักษณะสำคัญ ของส่งิ ใดสิง่ หนึง่ หรือการกล่าวถึงส่วนใดส่วนหน่ึงของสิ่งใด ๆ มากล่าวแทนคำที่ใช้
เรียก สง่ิ นั้นโดยตรง เป็นภาพพจน์ท่ีใช้เพ่อื หลกี เล่ียงการใช้คำธรรมดา ๆ ซำ้ ซาก

6) อนุนามมัย (Synecdoche) คอื การกลา่ วถึงส่วนยอ่ ยทีม่ ีลกั ษณะเด่นของส่ิงน้นั ๆ มากล่าวแทนสิ่ง
ท่ตี อ้ งการกล่าวถงึ ท้งั หมด เปน็ การเปรียบเทยี บโดยนำเอาลักษณะเด่นทเี่ ปน็ สว่ นหนึง่ มากลา่ วแทนทัง้ หมด

7) ปฏิพจน์ (paradox) คอื การใชถ้ อ้ ยคำทีม่ ีความหมายตรงกันข้าม หรือขัดแย้งกันมากลา่ วรว่ มกนั ได้
อยา่ งกลมกลืนกนั ภาพพจนป์ ระเภทนผ้ี รู้ บั สารจะต้องมีความสามารถในการวเิ คราะห์ความหมาย หรือ ตคี วามจึง
จะเข้าใจได้ดี

8) สัทพจน์ (onomatopoeia) คือ การใชถ้ อ้ ยคำที่เลยี นเสยี งธรรมชาติ เชน่ เสียงดนตรเี สยี งร้องของ
สัตว์ หรือเลยี นเสียงกิริยาอาการตา่ ง ๆ ของคน การใช้ภาพพจน์ประเภทนไ้ี ม่วา่ จะเป็นการพดู หรอื การเขียน จะ
ช่วยส่ือให้ผูร้ ับสารรู้สึกเหมือนได้ยนิ เสียง โดยธรรมชาติของส่งิ น้ัน ๆ และเหน็ กริ ิยาอาการของสงิ่ น้นั ๆ ดว้ ย

9) ปฏิวาทะ (oxymoron)คอื การใชค้ ำทมี่ ีความหมายตรงกนั ขา้ มกันหรอื ขดั แย้งกนั มารวมไวด้ ว้ ยกัน
เพ่ือใหม้ ีความหมาย ใหม่ หรอื ให้ความรู้สึก ขดั แย้งกนั หรือเพมิ่ นำ้ หนักให้แกค่ วามหมายของคำแรก

10) สัญลักษณ์ (symbol)คอื การเปรียบเทียบทเ่ี รียกสง่ิ หนึง่ สง่ิ ใดโดยใช้คำอื่นแทน คำทีใ่ ชเ้ รียกน้ัน
เกดิ จากการเปรียบเทยี บและ ตคี วามซง่ึ ใชก้ นั มานานจนเป็นท่ีเขา้ ใจกันโดยท่วั ไป อาจเปน็ คำ ๆ เดียว ขอ้ ความ
บุคคลในเรอื่ ง เปน็ เรอ่ื ง เฉพาะตอน หรอื เรอ่ื ง ๆ หน่ึงกไ็ ด้ สญั ลักษณท์ ่นี ิยมใช้มี

2.ศกึ ษาเพลงไทยสากล

ซ่อนกล่นิ : Palmy
“รกั ยงั ไมจ่ างไป ตรงึ ตดิ ชิดดวงใจ”

“ตรงึ ติดชิดดวงใจเปน็ ”
อติพจน์

มากกวา่ รัก : โรส ศิรินทพิ ย์
“เธอเปน็ มากกว่ารัก เพราะเธอนนั้ คือครึง่ ชวี ิต”
“คอื ”เป็นอุปลกั ษณส์ ่วน “ครง่ึ ชีวิต”เป็นอติพจน์

หนา้ หนาวท่ีแลว้ : Room39
“เปรียบกับดา้ มปากกาท่ีหาไม่เจอ”

“เปรียบ”เปน็ อุปมา

มือลั่น : แจ๊ส ชวนช่นื
“ก็คดิ ว่าเปน็ ดอกฟา้ ”
“เป็นดอกฟ้า”เปน็ อุปลักษณ์

ไวใ้ จ : klear
“โงง่ มต่อไปข้างเดียวเหมือนได้ตอ่ เวลาซำ้ แค่

“เหมือน”เปน็ อปุ มา

ยนิ ดที ่ีไดร้ ัก : S.D.F
“จากกนั วนั น้ีแม้เสียใจ แตร่ ักคอื การให้ไป”

“คือ”เปน็ อุปลกั ษณ์

พันหมืน่ เหตุผล : KLEAR
“พันหมนื่ เหตุผลที่บอกกบั ฉัน คอื ความผูกพันธ์เธอน้นั ไมม่ เี หลอื อยู่”

“พนั หมน่ื เหตุผล”เปน็ อติพจน์

ใจกลางเมอื ง : LABANOON
“รอนแรมมาเนน่ิ นาน คิดถงึ แทบขาดใจ”

“แทบขาดใจ”เปน็ อติพจน์

3.ศกึ ษาความหมายของภาษาไทย
ทฤษฎขี องภาษาไทย ภาษาไทยกลาง เปน็ ภาษาราชการและภาษาประจำชาติของประเทศไทยและ

ภาษาไทยเป็นภาษาท่มี ีระดับเสยี งของคำแนน่ อนหรอื วรรณยกุ ตเ์ ชน่ เดยี วกับภาษาจีน และออกเสยี งแยกคำตอ่
คำ ภาษาไทยเป็นภาษาท่มี ีลกั ษณะเปน็ ของตนเองและมคี วามแตกต่างจากภาษาอ่ืนท่ีนำมาใชใ้ นภาษาไทย การ
ใชภ้ าษาไทยได้อย่างถกู ตอ้ ง จำเป็นต้องร้จู ักภาษาไทยให้ดีเพอ่ื ใช้ถ้อยคำได้อยา่ งถูกตอ้ งตามลักษณะภาษาไทย

บทท่ี 5
สรปุ อภปิ ราย และขอ้ เสนอแนะ

สรปุ ผลการศึกษาค้นคว้า
การศึกษาค้นคว้า เรื่องสำรวจภาพพจนใ์ นเพลงสากลมีวตั ถุประสงค์เพอื่ ศกึ ษาหาภาพพจนใ์ นเพลงไทย

สากล และเพือ่ ศกึ ษาความสามารถการจำแนกภาพพจนใ์ นเพลงไทยสากลและเพือ่ ศกึ ษาความเข้าใจในภาษาไทย

อภปิ รายผล
จาการศึกษาเรอื่ งสำรวจภาพพจน์ในเพลงสากลสามารถอภิปรายผลได้ดงั นี้ ผลการศึกษาคน้ ควา้ บรรลุ

ตามวัตถปุ ระสงค์ท่ีต้งั ไว้ คอื ภาพพจน์ในเพลงไทยสากล ความสามารถจำแนกภาพพจน์ในเพลงไทยสากล
และความเข้าใจในภาษาไทย ดังน้ี

อุปมา (simile)คือ การเปรียบเทียบสง่ิ หนงึ่ กับอกี สง่ิ หนง่ึ ทีโ่ ดยธรรมชาตแิ ล้วมสี ภาพท่ีแตกตา่ งกนั
อปุ ลกั ษณ์ (metaphor)คอื การเปรยี บเทียบด้วยการกล่าวว่าสิ่งหนง่ึ เปน็ อีกสิ่งหน่งึ เป็นการเปรยี บเทยี บ
ทีไ่ มก่ ลา่ วตรง ๆ
บคุ ลาธิษฐาน (personification)คือ การสมมุติให้สิ่งทไ่ี ม่มชี ีวิต ไม่มคี วามคดิ ส่ิงทีเ่ ปน็ นามธรรม หรอื
สัตว์ใหม้ ีสตปิ ัญญา อารมณ์หรอื กิรยิ าอาการ เหมือนมนษุ ย์
อตพิ จน์ (hyperbole) คอื การกล่าวเกินจริง
นามนยั (Metonymy)คอื การเปรียบเทียบโดยการใช้คำ
อนนุ ามมัย (Synecdoche) คอื การกล่าวถึงสว่ นย่อยท่ีมีลกั ษณะเดน่ ของส่ิงนน้ั ๆ
ปฏิพจน์ (paradox) คอื การใช้ถ้อยคำทีม่ ีความหมายตรงกนั ขา้ ม
สัทพจน์ (onomatopoeia) คือ การใช้ถอ้ ยคำที่เลียนเสยี งธรรมชาติ
ปฏิวาทะ (oxymoron)คือ การใช้คำทีม่ ีความหมายตรงกันขา้ มกันหรอื ขดั แย้งกนั
สญั ลักษณ์ (symbol)คอื การเปรียบเทยี บที่เรียกส่ิงหนง่ึ สิง่ ใดโดยใช้คำอน่ื แทน
ศกึ ษาเพลงไทยสากลไดด้ งั น้ี
ซอ่ นกลิ่น : Palmy
“รกั ยังไมจ่ างไป ตรึงติดชิดดวงใจ” “ตรงึ ตดิ ชิดดวงใจเปน็ ” = อตพิ จน์
มากกว่ารัก : โรส ศิรนิ ทิพย์
“เธอเป็นมากกวา่ รกั เพราะเธอน้ันคอื ครึ่งชวี ิต” “คอื ”เปน็ อุปลักษณ์ส่วน “คร่งึ ชวี ิต” = เปน็ อติพจน์
หน้าหนาวที่แลว้ : Room39
“เปรียบกับด้ามปากกาท่หี าไมเ่ จอ” “เปรยี บ” = เปน็ อปุ มา
มือล่ัน : แจ๊ส ชวนช่ืน
“ก็คดิ ว่าเปน็ ดอกฟ้า” “เปน็ ดอกฟ้า” = เป็นอปุ ลกั ษณ์
ไวใ้ จ : klear
“โง่งมต่อไปข้างเดียวเหมือนไดต้ อ่ เวลาซ้ำแค่ “เหมอื น” = เปน็ อปุ มา

ยินดีท่ีไดร้ ัก : S.D.F
“จากกนั วนั น้ีแมเ้ สียใจ แต่รักคือการใหไ้ ป” “คือ” = เปน็ อปุ ลักษณ์

พันหม่นื เหตุผล : KLEAR
“พนั หมืน่ เหตุผลทบี่ อกกบั ฉัน คอื ความผกู พนั ธ์เธอนั้นไมม่ ีเหลืออย”ู่ “พนั หม่นื เหตผุ ล” = เป็นอติพจน์

ใจกลางเมือง : LABANOON
“รอนแรมมาเนิ่นนาน คดิ ถึงแทบขาดใจ” “แทบขาดใจ” = เป็นอติพจน์

ข้อเสนอแนะ
1.ควรทำเป็นสมุดเล่มเลก็ ให้เดก็ ๆสามารถอา่ นได้
2.ควรทำเป็นไฟล์ pdf ที่สามรถอา่ นได้ทกุ ท่ที กุ เวลา
3.หาขอ้ มลู ใหค้ รบถว้ นและมขี อ้ มูลทเี่ ยอะกวา่ น้ี

บรรณานกุ รม

วรรณลกั ษณว์ จิ ารณ์ เล่ม 2. (2544). กรงุ เทพมหานคร : โรงพมิ พค์ รุ ุสภา.
เสนยี ์ วิลาวรรณ สุระ ดามาพงศ์ และ ทัศนยี ์ ลว้ นสระ. (2551). หลักภาษาและการใชภ้ าษาม.6 เล่ม 1.

กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์วัฒนาพานชิ จกั ัด.
เขตต์อรัญ เลิศพิพฒั น์. (2545). คิดคำทำเพลง. กรุงเทพมหานคร : บรษิ ทั ฟา้ อภัยจำกดั .
เจษฎากร อคิ รทรพั ย์สกลุ ภูตะวัน ทองแท้ และ นมตรี ขำด.ี (ม.ป.ป.). การใช้โวหารภาพพจน์ [ออนไลน์].

เขา้ ถงึ ไดจ้ าก https://www.stie.google.com. สบื ค้นเมื่อ (20 สงิ หาคม 2564).
ศิวไิ ล ชวู จิ ิตร. (ตลุ าคม 2549). การวิเคราะหก์ ารใชภ้ าษาไทยในเพลงไทยสากล [ออนไลน์]. เขา้ ถึงไดจ้ าก

https://thesis.swu.ac.th. สบื คน้ เมอ่ื (20 สิวหาคม 2564)


Click to View FlipBook Version