The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

3-4 ดอกไม้ประจำประเทศ (อาเซียน)

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by sriwan04132526, 2022-02-02 10:42:48

3-4 ดอกไม้ประจำประเทศ (อาเซียน)

3-4 ดอกไม้ประจำประเทศ (อาเซียน)

รายงานการศึกษาค้นคว้าดว้ ยตนเอง (Independent Study : IS) เร่อื ง
ดอกไม้ประจำประเทศ (อาเซยี น)

จดั ทำโดย

ด.ช.เกรียงยศ โพธเ์ิ งิน เลขที่ 2

ด.ญ.ณชั ชา นิตชิ ัยจงวตั ร เลขท่ี 33

ด.ญ.ณชั ชานษิ ฐ์ อังคพนมไพร เลขที่ 34

ด.ญ.ปิมาส กาญจนปนั นา เลขที่ 42

ด.ญ.สพุ ชิ ชา เขาถำ้ ทอง เลขที่ 46

นักเรยี นชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่3/4

เสนอ
คุณครู ศรวี รรณ โชระเวก

รายงานฉบับนี้เปน็ ส่วนหน่ึงของการศกึ ษารายวชิ าการศกึ ษาค้นคว้าด้วยตวั เอง (IS3) I23901
โรงเรียนวสิ ุทธรังษี จังหวัดกาญจนบุรี
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศกึ ษา 2564

ชอื่ เรือ่ ง ดอกไมป้ ระจำประเทศอาเซียน
คณะผู้จัดทำ ด.ช.เกรยี งยศ โพธิเ์ งนิ
ด.ญ.ณัชชา นติ ชิ ยั จงวตั ร
อาจารย์ทป่ี รึกษา ด.ญ.ณัชชานษิ ฐ์ อังคพนมไพร
โรงเรยี น ด.ญ.ปยิ มาส กาญจนปันนา
ปีการศกึ ษา
ด.ญ.สุพชิ ชา เขาถำ้ ทอง
ครูศรวี รรณ โชระเวก
วสิ ุทธรังษี จงั หวดั กาญจนบุรี
2564

บทคดั ยอ่

การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง เรื่องดอกไม้ประจำประเทศอาเซียน เป็นรายงานการศึกษา โดยมี

วัตถุประสงค์การศึกษา ดังน้ี 1) เพื่อศึกษาดอกไม้ประจําชาติในอาเซียน 2) เพื่อศึกษาลักษณะทางพฤกษา
ศาสตรข์ องดอกไม้ประจําประเทศอาเซียน

ดำเนินการศกึ ษาโดยการดำเนินงานศึกษาค้นคว้าและเรยี บเรียง เรื่องดอกไม้ประจำประเทศอาเซียน
ซงึ่ มีขัน้ ตอนการดำเนนิ งานดังนี้ 1) ประชุมวางแผนการดำเนินงาน คิดและเลอื กหวั ข้อเรือ่ ง 2) เขยี นเค้าโครง
ของโครงงานและปฏบิ ัติโครงงานตามแผนงาน(ศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้องจากหนังสือ ส่ิงพมิ พ์ และส่ือออนไลน์

จดั พมิ พข์ ้อมูลรปู แบบรายงาน 3) ตรวจสอบความต้องของข้อมูลและรูปเลม่ รายงาน 4) ผลิตสื่อความรู้ พร้อม
รูปแบบการนำเสนอผลงานการศกึ ษาคน้ ควา้

ผลการศึกษาพบว่า จากการศึกษาเรื่อง ดอกไม้ประจําประเทศอาเซียน สามารถอภิปรายผลไดด้ ังนี้
ผลการศึกษาค้นคว้าบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ คือ ศึกษาประวัติความเป็นมาของกลุ่มประเทศสมาชิก
อาเซียน และอาเซียน เกิดจากการรวมตัวกันของ 10ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย, พม่า, กัมพูชา, ลาว, ไทย,

สิงคโปร์, เวียดนาม, บรูไนดารุส-ซาลาม, ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ซึ่งรายนามประเทศเหล่าน้ีเป็นประเทศท่ี
ตงั้ อยู่ในทวปี เอเชียตะวันออกเ ฉยี งใตท้ งั้ ส้นิ โดยอาเซยี น ในแต่ละประเทศก็จะมีดอกไม้ท่ีสวยงามและมลี กั ษณะ

ความหมายแตกต่างกนั ไป และได้ศึกษาช่ือชนิดของดอกไม้ประจําประเทศของ10ประเทศได้แก่ ไทย-ดอกราช
พฤกษ์,กัมพูชา-ดอกลําดวน,ลาว-ดอกจําปาลาว,พม่า- ดอกประดู่,เวียดนาม-ดอกบัว,สิงคโปร์-ดอกกล้วยไม้
แวนด้า,มาเลเซีย- ดอกพรู่ ะหง,บรูไน-ดอกซิมปอร์, อนิ โดนเี ซยี - ดอกกลว้ ยไม้ราตรีและฟิลิปปินส์-ดอกพุดแก้ว

เราควรศกึ ษาและรู้ไวเ้ พือ่ เปน็ ความร้ตู อ่ ไป
ขอ้ เสนอแนะ

1. ผสู้ นใจด้านงานวิจัยสามารถนําผลวิจยั นีไปใช้ให้เกดิ ประโยชนใ์ นครั้งต่อไปได้
2. ควรมีการใช้เครื่องมือที่หลากหลายในการเก็บรวบรวมข้อมูลเช่น แบบสอบถาม การสนทนากลุม่
หรือการสมั ภาษณเ์ ชงิ ลกึ เปน็ ต้น

3. ร้จู กั ดอกไม้ประจําชาติลกั ษณะของดอกไม้และความหมายต่างๆ ของดอกไม้

กติ ตกิ รรมประกาศ

รายงานการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง ฉบับนี้สำเร็จลุล่วงได้ด้วยความกรุณาช่วยเหลือ แนะนำ ให้
คำปรึกษา ตรวจสอบแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ ด้วยความเอาใจใส่อย่างดียิ่งจาก คุณครู ศรีวรรณ โชระเวก
ครูผู้สอนรายวิชา การศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเอง I23901 ผู้จัดทำ ใคร่ขอกราบขอบพระคุณเป็นอย่าสูง ไว้ ณ
โอกาส น้ี

ขอขอบพระคุณครู ศรีวรรณ โชระเวก กลุ่มสาระการเรียนรู้ การศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเอง I23901
โรงเรยี น วสิ ทุ ธรังษี จังหวดั กาญจนบรุ ี ทีก่ รุณาให้คำแนะนำในการค้นควา้ ข้อมูล ความรู้ในด้านต่าง ๆ ท่ีช่วยใน
การสืบค้นข้อมูลแลกเปลี่ยนความรู้ความคิด และให้กำลังใจในการศึกษาค้นคว้าตลอดมา ขอบคุณ คุณครู
บรรณารักษ์ห้องสมุดโรงเรียนที่ใหค้ วามอนุเคราะห์และความสะดวกในการค้นคว้าหาขอ้ มูล ขอขอบคุณ คุณ
พ่อ คณุ แม่ และญาติพน่ี ้องทุกคนที่ชว่ ยเหลอื สนบั สนุนทั้งด้านกำลงั ใจและกำลงั ทรพั ย์ด้วยดีตลอดมา

ท้ายท่ีสดุ น้ี คณุ ประโยชน์ที่ไดจ้ ากรายงานทางวิชาการฉบับนี้ ผศู้ กึ ษาคน้ คว้าขอมอบให้แด่ผู้มะระคุณ
ทุกท่านและขอขอบคุณผู้เป็นเจ้าของแนวคิดและทฤษฎีต่างๆ ที่ผู้ศึกษาได้นำมาอ้างอิงในการทำรายงานทาง
วิชาการ โครงงาน ฉบบั น้ีไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย

คณะผ้จู ัดทำ
ดอกไม้ประจำประเทศ (อาเซียน)

คำนำ

รายงานการศึกษาค้นคว้าด้วยต้นเอง เรื่อง ดอกไม้ประจำประเทศอาเซียน เป็นส่วนหน่ึง
ของการศึกษาวิชา การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง รหัส I23901 จัดทำขึ้นเพื่อให้เกิดความเข้าใจ
และได้รบั ความรู้ ความเข้าใจ โดยการศกึ ษาหาความรู้ ดว้ ยกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ หรือการ
ทำโครงงานตามระบบขนั้ ตอนทีเ่ ช่ือถือได้

เน้ือหาของรายงานประกอบด้วย ท่มี า ความสำคัญของปัญหา มกี ารศกึ ษาค้นคว้าเอกสาร
ที่เกี่ยวข้องมาสนับสนุนการศึกษา โดยการวางแผน ลงมือปฏิบัติตามขัน้ ตอน บันทึกผลการศึกษา
คน้ คว้า สรุปผลการศึกษาค้นคว้า ประโยชนแ์ ละข้อเสนอแนะในการศกึ ษาคน้ คว้า เปน็ ตน้

ผจู้ ดั ทำขอขอบคณุ คุณครูศรีวรรณ โชระเวก และทุกคนทเี่ กย่ี วขอ้ ง ท่ีกรุณาให้ความรู้และ
ข้อเสนอแนะ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารายงานฉบับนี้จะใหค้ วามรู้และเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านทกุ ๆ
ทา่ น

คณะผูจ้ ัดทำ
ดอกไม้ประจำประเทศอาเซียน

1 ธนั วาคม 2564

สารบัญ

ปกใน……………………………………………………………………………………………………………………………………. หนา้
บทคดั ยอ่ ………………………………………………………………………………………………………………………………
กิตติกรรมประกาศ…………………………………………………………………………………………………………………. ก

คำนำ...................................................................................................................................................... ค
สารบญั ………………………………………………………………………………………………………………………………

บทที่ 1 ความเป็นมาและความสำคญั ของปญั หา จ
วัตถปุ ระสงค์การศกึ ษา ......................................................……………………........................
สมมติฐานของการศึกษา……………………………………….................…………………………….…..…..

ขอบเขตของการศกึ ษา……...……………………………………………….….................……………….……
นนิ ามศพั ท์เฉพาะ...................................................................................................................

ประโยชนท์ คี่ าดว่าจะได้รบั ......................................................................................................
บทท่ี 2 เอกสารและงานวิจยั ทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง

เนอ้ื หาท่ีเกี่ยวข้อง...................................................................................................................

โครงงานท่ีเกี่ยวข้อง.................................................................................................................
บทท่ี 3 วิธดี ำเนินการศึกษา…………………………………………….................………….…………………………..

บทที่ 4 ผลการศึกษาคน้ ควา้ ..………………………………………...................………….…………….……………..
บทที่ 5 สรปุ ผลการศกึ ษา อภิปรายผล และขอ้ เสนอแนะ………………………....................…….…………
บรรณานกุ รม………………………………………………………………………....................………………………….…....

ภาคผนวก
ประวตั ิผศู้ กึ ษาค้นควา้

ภาพประกอบขัน้ ตอนการดำเนนิ งาน
เคา้ โครงของโครงงาน

บทที่ 1
บทนำ

ความเป็นมาและความสำคญั ของปญั หา

สมาคมประชาชาติแห่งเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ (องั กฤษ: Association of South East Asian Nations)
หรือ อาเซียน (ASEAN) เปน็ องค์การทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้ มีประเทศสมาชิก
ทั้งหมด 10 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา ไทย บรูไน พมา่ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย ลาว เวียดนาม สิงคโปร์ และอินโดนีเซีย
อาเซียนมีพื้นท่ีราว 4,479,210 ตารางกิโลเมตร มีประชากรราว 625 ล้านคนในปี พ.ศ. 2553 จีดีพีของประเทศ
สมาชิกรวมกันคิดเป็นมูลค่าราว 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นลำดับที่ 9 ของโลกเรียงตามจีดีพี อาเซียนมี
ภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการ

ดอกไม้ (Flower) นอกจากจะเปน็ ตัวแทนของความสวยงามและความสดช่ืนแล้ว ดอกไม้ยงั ถกู นำมาเป็น
ตวั แทนหรือสัญลักษณข์ องประเทศต่างๆทว่ั โลก สำหรับประเทศในกลุ่มอาเซียนของเราก็เชน่ เดยี วกัน ทุกประเทศ
มดี อกไมป้ ระจําชาตดิ ้วยเหมือนกนั โดยที่ดอกไมแ้ ต่ละชนิดแสดงถงึ ความเปน็ มา วิถวี ัฒนธรรมของชาตนิ ้นั ๆได้เป็น
อย่างดี วันนี้เราจะมาดกู ันครบั วา่ ดอกไม้ประจาํ ชาตอิ าเซียนมดี อกไม้อะไรกนั บ้าง

ดังน้ันกลุ่มของข้าพเจ้ามีความสนใจที่จะศึกษาประวัติความเป็นมาของประเทศในอาเซียน โดยเฉพาะ
พรรณดอกไม้ประจำประเทศในอาเซยี น

วตั ถปุ ระสงค์ของการศกึ ษา
1) เพ่อื ศึกษาดอกไม้ประจำชาติในอาเซียน
2) เพือ่ ศึกษาลกั ษณะทางพฤกษาศาสตร์ของดอกไม้ ประจำประเทศอาเซยี น

สมมติฐานการศกึ ษา
1) ไดร้ บั ความร้เู กี่ยวกับดอกไมป้ ระจำประเทศอาเซยี น
2) ได้รับความรู้เกี่ยวกับขอ้ มูลพันธุ์ดอกไมป้ ระจำประเทศอาเซียน

ขอบเขตของการศึกษา
1) ศึกษาข้อมูลพนั ธุ์ไมด้ อกไมป้ ระจำประเทศอาเซียน
2) จัดทำpop-up เร่อื ง “ดอกไม้ประจำประเทศอาเซยี น”
3) ศึกษาคน้ คว้า ต้งั แต่ ..........ถงึ ...........

นยิ ามศัพท์เฉพาะของโครงงาน
1) ดอกไม้ คอื ส่ิงทีเ่ กดิ ข้ึนเองตามธรรมชาติหรอื เกดิ ขึน้ โดยมนษุ ย์
2) ประเทศในอาเซยี น มีท้ังหมด10ประเทศอาเซียน

ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะไดร้ ับ
1. ไดร้ ู้จกั ชื่อและประเภทของดอกไมข้ องประเทศอาเซียน
2. ไดน้ ำความรู้ไปเผยแผ่ใหก้ บั บุคคลท่ัวไป
3. ไดจ้ ดจำดอกไม้ประจำชาติในอาเซียนไดอ้ ยา่ งแมน่ ยำ

บทท่ี 2
เอกสารและงานวจิ ัยทเี่ กยี่ วข้อง

แนวความคิดและเอกสารทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกบั การศึกษา มีดังน้ี
1.ศกึ ษาประวัตคิ วามเปน็ มาของกลุม่ ประเทศสมาชิกอาเซียน
2.ศกึ ษาดอกไมป้ ระจำชาติในอาเซยี น
3.ศกึ ษาลกั ษณะทางพฤกษาศาสตร์ของดอกไม้

ทฤษฎที เ่ี ก่ียวขอ้ ง รายละเอียดแต่ละหัวขอ้

1.ศึกษาประวัตคิ วามเปน็ มาของกลมุ่ ประเทศสมาชกิ อาเซยี น
อาเซียน เกิดจากการรวมตัวกันของ 10 ประเทศ อันได้แก่ มาเลเซีย, พม่า, กัมพูชา, ลาว, ไทย,

สิงคโปร์, เวียดนาม, บรูไนดารุส-ซาลาม, ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ซึ่งรายนามประเทศเหล่านี้เป็นประเทศท่ี
ตั้งอยู่ในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งสิ้น โดยอาเซียน มีชื่อเรียกเต็มๆ ว่า "Association
of Southeast Asian Nations" หรอื "สมาคมประชาชาตแิ ห่งเอเชยี ตะวนั ออกเฉียงใต"้

2.ดอกไม้ประจำชาตปิ ระเทศอาเซยี น

1)ดอกไม้ประจำชาติไทย – ดอกราชพฤกษ์ (Ratchaphruek)
หรือดอกคูน

1)ดอกราชพฤกษ์นัน้ มีลักษณะดอกเปน็ ช่อหรอื เป็นพวง มสี เี หลืองสดใสสวยงาม ดอกราชพฤกษ์ของไทยบาน
เหลอื งสะพรง่ั ในช่วงเดือนกมุ ภาพนั ธถ์ ึงพฤษภาคมของทุกปี

ราชพฤกษ์ หรือ คูน (อังกฤษ: Golden shower; ชื่อวิทยาศาสตร์: Cassia fistula) เป็นไม้ดอกในตระกูล
Fabaceae เป็นพืชพื้นเมืองของเอเชียใต้ตั้งแต่ทางตอนใต้ของปากีสถาน ไปจนถึงอินเดีย พม่า และศรีลังกา
ดอกราชพฤกษเ์ ปน็ ดอกไมป้ ระจำชาติไทย นยิ มปลกู เป็นไมป้ ระดับในพืน้ ทเี่ ขตรอ้ นและกงึ่ เขตร้อน เจริญเติบโต
ได้ดีที่สุดในที่โล่งแจ้ง สามารถปลูกได้ท้ังดินร่วนซยุ ดินร่วนปนทราย ดินร่วนเหนียว ทนต่อความแห้งแลง้ และ
ดินเคม็ ไดด้ ี แตไ่ ม่ทนในอากาศหนาวจัด ซึง่ อาจตดิ เชื้อราหรือโรคใบจดุ ได้

ลักษณะ
ราชพฤกษ์เปน็ ไม้ยืนตน้ ขนาดกลาง มีความสูง 10-20 เมตร ดอกขึ้นเปน็ ช่อยาว 20-40 เซนติเมตร แต่ละดอกมี
เส้นผ่านศูนย์กลาง 4-7 เซนติเมตร มีกลีบดอกสีเหลืองขนาดเท่ากัน 5 กลีบ ผลยาว 30-62 เซนติเมตร และ
กวา้ ง 1.5-2.5 เซนตเิ มตร มกี ล่นิ ฉุน และมเี มล็ดทีม่ ีพิษเปน็ จำนวนมาก

เก่ียวกับชอื่

ชื่อของราชพฤกษ์นั้นมีการเรียกแตกต่างกันออกไปในแต่ละทอ้ งถิ่น ซึ่งส่วนใหญ่จะเรยี กราชพฤกษ์ว่า
คูน เนื่องจากจำง่ายกว่า (แต่มักจะเขียนผิดเป็น คูณ) ทางภาคเหนือเรียกว่า ลมแล้ง ทางภาคใต้เรียกว่า ราช

พฤกษ์ ลักเกลอื หรือ ลกั เคย ชาวกะเหร่ียงและในกาญจนบุรเี รยี กว่า กเุ พยะ
การปลกู และการดแู ลรกั ษา
การปลกู

ในช่วงแรกๆต้นราชพฤกษ์จะเจริญเติบโตได้ช้าในระยะเวลาประมาณ 1-3 ปีแรก หลังจากนั้นต้นราช
พฤกษ์จะเจริญเติบโตเร็วขึ้น เปลือกจะเป็นสีน้ำตาลเรียบ มีรากแก้วยาวสีเหลือง และ มีรากแขนงเป็นจำนวน

มาก เมื่อตน้ ราพฤกษม์ ีอายุ 4-5 ปี จึงออกดอกและเมลด็ และเจรญิ เติบโตตอ่ ไป
การดแู ลรกั ษา

แสง ต้นราชพฤกษต์ ้องการแสงแดดจัด หรอื กลางแจง้

น้ำ ต้นราชพฤกษ์ต้องการปริมาณน้ำน้อย ควรให้น้ำ 7-10 วัน/ครั้ง อายุประมาณ 4 ปี สามารถทนต่อสภาพ
ธรรมชาติได้

ดนิ ต้นราชพฤกษ์เจริยเติบโตไดด้ ดี นิ ร่วนซยุ ดนิ ร่วนปนทราย ดินร่วนเหนียว
ปุย๋ ตน้ ราชพฤกษ์นิยมใชป้ ุย๋ คอกหรือปยุ๋ หมกั ในการบำรุงรกั ษา อตั รา 2-3 กิโลกรัม/ตน้ ควรใสป่ ลี ะ 3-4 ครั้ง
การขยายพนั ธุ์ ตน้ ราชพฤกษ์นยิ มขยายพนั ธุด์ ้วยการตอนก่งิ การเพาะเมลด็ วิธที น่ี ิยมและไดผ้ ลดี คือ การเพาะ

เมล็ด
โรค ตน้ ราชพฤกษ์ไมค่ ่อยมปี ญั หาเรอ่ื งโรค เพราะเป็นไม้ที่ทนทานต่อสภาพธรรมชาตพิ อสมควร

ศตั รู ต้นราชพฤกษม์ ศี ัตรูหนอนเจาะลำต้น (Stem boring caterpillars) จะมอี าการ ลำตน้ หรือยอดเปน็ รู เป็น
รอยเจาะทำให้กง่ิ หกั งอ
การป้องกัน ต้นราชพฤกษ์ควรปลูกโดยรักษาความสะอาดบริเวณแปลงปลูก หรือกำจัดแมลงพาหะ ใช้ยา

เชน่ เดียวกบั การกำจัด
การกำจัด ต้นราชพฤกษ์นยิ มใชย้ าไดเมทโธเอท หรือ เมโธมิล อตั ราและคำแนะนำระบุไวต้ ามฉลาก

สรรพคุณ
สว่ นตา่ งๆ ของต้นราชพฤกษ์มีประโยชน์ดงั น้ี

ฝักแก่ เนื้อสีน้ำตาลดำและชื้นตลอดเวลา มีรสหวาน สามารถใช้เป็นยาระบายได้ โดยนำฝักมาต้มกับน้ำ และ

เติมเกลือเล็กน้อย ดื่มก่อนนอนหรือก่อนรับประทานอาหาร นอกจากนั้น ฝักแก่ยังมีสารที่ออกฤทธิ์ต่อระบบ
ประสาทของแมลง เมื่อนำฝกั มาบดผสมนำ้ แชท่ ิง้ ไว้ประมาณ 2-3 วัน สารละลายทก่ี รองได้สามารถฉีดพ่นกำจัด

แมลงและหนอนในแปลงผักได้[2] ฝกั แก่ใชเ้ ป็นเช้อื เพลงิ ในการหงุ ต้มด้วยเตาเศรษฐกิจ มีขนาดทพ่ี อเหมาะ ไม่
ต้องผ่า เล่อื ยหรือตดั เน้อื ของฝกั แก่ใชแ้ ทนกากนำ้ ตาลในการทำหวั เชือ้ จลุ ินทรีย์และจลุ นิ ทรยี ข์ ยาย
ฝกั อ่อน สามารถใชข้ ับเสมหะได้
ใบ สามารถนำมาใช้ในการฆา่ เชอื้ โรคได้
ดอก ชว่ ยแกแ้ ผลเรอ้ื รงั ใชเ้ ป็นยาถ่าย ยาระบาย ช่วยหล่อลืน่ ลำไส้ รักษาโรคท่ีเก่ียวกับกระเพาะอาหาร
นอกจากนั้น ราชพฤกษ์ยังเป็นพืชที่มีฤทธิ์ทางอัลลีโลพาที สารสกัดจากฝักด้วยเอทานอลสามารถยับยั้งการ
เจรญิ ของคะนา้ ได้[3]
ความเชื่อ

ต้นราชพฤกษเ์ ป็นต้นไมม้ งคลนยิ มใช้ประกอบพีธีท่ีสำคัญ เช่น พีธเี สาไมห้ ลกั เมอื ง เปน็ ส่วนประกอบใน
การทำคฑาจอมพล และ ยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร ทำพิธปี ลูกบ้าน ฯลฯ
คนไทยในสมัยโบราณเชื่อวา่ ควรปลกู ต้นราชพฤกษท์ างทิศตะวนั ตกเฉียงใต้ของทอ่ี ยู่อาศัย เพ่ือให้ผู้ที่อยู่อาศัย
ในบ้านเรือนมคี วามเจริญรุ่งเรืองเป็นทวีคูณ ซึ่งความเปน็ จริงคือทิศดังกล่าวจะได้รับแดดจัดตลอดชว่ งบ่าย จึง
ควรปลกู ต้นไม้ใหญเ่ พ่ือให้ลดความรอ้ นและทำให้ประหยดั พลงั งานมากขน้ึ
คนไทยในสมยั โบราณยงั มีความเชือ่ ว่าบ้านใดปลกู ต้นราชพฤกษไ์ ว้ประจำบ้านจะช่วยให้มีเกยี รตมิ ีศักด์ิศรี ด้วย
คนไทยส่วนใหญ่ยอมรับว่าต้นราชพฤกษ์เป็นต้นไม้ที่มีคุณค่าสูงและยังเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติไทยอีกด้วย
นอกจากน้มี ีความเช่ือวา่ ใบของต้นราชพฤกษ์เปน็ สิ่งศักด์ิสิทธ์ิเพราะในพิธที างไสยศาสตร์ให้ใบทำน้ำพุทธมนต์
สะเดาะเคราะห์ไดผ้ ลดดี ังน้นั จงึ ถอื วา่ ต้นราชพฤกษเ์ ป็นไมม้ งคลนาม

2)ดอกไม้ประจำชาตกิ มั พชา – ดอกลำดวน (Rumdul)
ลักษณะของลำดวน

ต้นลำดวน หรือ ต้นหอมนวล มีแหล่งกำเนดิ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จดั เปน็ ไม้ยืนต้นขนาดเลก็ ไม่
ผลัดใบ มีความสูงของต้นประมาณ 10-15 เมตร ลำต้นตรง แตกกิ่งใบจำนวนมาก เรือนยอดเป็นพุ่มกลมหรือ
เปน็ พมุ่ เป็นรูปกรวยคว่ำ เปลือกตน้ เรยี บเปน็ สเี ทา เมอ่ื ลำตน้ แก่เปลือกต้นจะเปน็ สนี ้ำตาลอมดำ มีรอยแตกตาม
แนวยาวของลำตน้ ส่วนกง่ิ อ่อนเปน็ สีเขียวสด ยอดอ่อนและใบอ่อนเป็นสแี ดง ขยายพนั ธด์ุ ้วยวธิ ีการเพาะเมล็ด
และวธิ ีการตอนกิง่ เจรญิ เตบิ โตได้ดีในดนิ รว่ นซุย ชอบความชน้ื สูง และแสงแดดแบบเตม็ วันถงึ คร่ึงวัน ชอบขึ้น
ในทโ่ี ลง่ และมีแสงแดด พบไดต้ ามปา่ เบญจพรรณ ป่าดบิ แล้งทางภาคตะวนั ออก และภาคกลาง และพบได้มาก
ในจังหวดั ศรีสะเกษ เนอ่ื งจากตน้ ลำดวนเป็นตน้ ไม้ประจำจงั หวัดศรษี ะเกษ

ผลลำดวน ผลเปน็ ผลสดแบบมีเนื้อ ออกผลเปน็ กลุ่ม มผี ลย่อยประมาณ 15-27 ผล ลักษณะของผลเป็นรูปทรง
กลมรี รูปไข่ หรือรูปกลม ผลอ่อนเป็นสีเขียว ผลมีขนาดกว้างประมาณ 0.5 นิ้ว และยาวประมาณ 0.5-1

เซนตเิ มตร เมื่อแกแ่ ลว้ จะเปล่ียนเป็นสีแดง และผลสกุ มสี ีน้ำเงินดำ มคี ราบขาว ภายในผลมเี มล็ดประมาณ 1-2
เมล็ด ใชร้ ับประทานได้ โดยจะมรี สหวานอมเปรี้ยว ส่วนกา้ นผลยาวประมาณ 1 เซนตเิ มตร โดยจะตดิ ผลในช่วง
เดือนมกราคมถึงเดอื นมนี าคม

สรรพคณุ ของลำดวน
1. ดอกแหง้ มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงกำลัง (ดอกแหง้ )
2. ดอกแห้งเป็นยาบำรุงโลหติ (ดอกแหง้ )
3. ช่วยบำรงุ หัวใจ (ดอกแหง้ )
4. ดอกใชเ้ ปน็ ยาแก้ลมวิงเวียน (ดอกแห้ง)
5. ใชเ้ ปน็ ยาแก้ไข้ (ดอกแห้ง)
6. ช่วยแกอ้ าการไอ (ดอกแหง้ )
7. ดอกลำดวนแหง้ จัดอยู่ใน "พิกดั เกสรทัง้ เก้า" (ประกอบไปดว้ ย เกสรดอกบัวหลวง ดอกกระดังงา ดอก
จำปา ดอกพิกุล ดอกบุนนาค ดอกมะลิ ดอกสารภี ดอกลำเจยี ก และดอกลาํ ดวน)
8. ซึ่งเป็นตำรับยาแก้ไข้ แก้ร้อนในกระหายน้ำ ช่วยชูกำลัง แก้อาการอ่อนเหลีบ ช่วยบำรุงหัว แก้พิษ
โลหิต แก้ลม (ดอก)

ประโยชนข์ องลำดวน
1. ผลสุกของลำดวนมสี ดี ำ มรี สหวานอมเปรี้ยว ใช้รับประทานได้
2. ดอกมีกลิ่นหอม รสเย็น นอกจากจะจัดอยู่ในพิกัดเกสรทั้งเก้าแล้ว ยังใช้เป็นส่วนผสมในตำรับยาหอม
อีกดว้ ย
3. ดอกลําดวนมีขนาดใหญ่และงดงามกว่าดอกนมแมว จึงนิยมนำมาใช้บูชาพระและใช้แซมผม อีกท้ัง
หญงิ ไทยในสมยั กอ่ นก็ชอ่ื ลำดวนกนั ท่ัวไป
4. ดอกสามารถนำมาสกดั เป็นนำ้ มันหอมระเหย โดยการตม้ กลั่นจะไดน้ ำ้ มันหอมระเหยร้อยละ 0.08
5. นิยมใช้ปลูกเป็นไม้ประดับทัว่ ไปตามสวน เพราะต้นลำดวนมีพุ่มใบสวย ดอกสวยมีกลิ่นหอม และต้น
ลำดวนยังเป็นพรรณไม้ที่ในวรรณคดีไทยหลาย ๆ เรื่องกล่าวถึง เช่น ลิลิตพระลอ รามเกียรติ์ สมุทร
โฆษคำฉันท์ อเิ หนา เปน็ ตน้ โดยจะนิยมนำมาปลกู สวนสาธารณะรว่ มกบั ไม้ดอกหอมชนิดอนื่ ๆ
6. ในด้านของความเชื่อ คนไทยเชื่อว่าบ้านใดปลูกต้นลำดวนหรือเป็นเจ้าของต้นลำดวน จะช่วยดึงดูด
ความรกั ชว่ ยเสรมิ ดวงทางเสน่ห์เมตตา ทำให้มแี ตค่ นคิดถึงในแงด่ ี ทำให้เปน็ คนทีน่ ่าจดจำ ใคร ๆ ก็มิ
อาจลืม และยังเชื่อด้วยว่ากลิ่นหอมของลําดวน สามารถช่วยผ่อนคลายอารมณ์ทางจิตให้สงบและมี

ความใจเยน็ มากข้ึน ผปู้ ลูกควรเปน็ ผหู้ ญิงและควรปลกู ในวันพุธ เพราะลำดวนเปน็ ไม้ของผ้หู ญงิ โดยให้
ปลูกไว้ทางทิศตะวันออกของตัวบ้าน[8]
7. บางข้อมลู ระบุว่าเนอื้ ไม้ของต้นลำดวนมคี วามแขง็ แรงทนทาน สามารถนำมาใช้ทำเครอื่ งมือเคร่ืองใช้ได้
และนำมาใชท้ ำฟืนได้ดี

3)ดอกไม้ประจำชาตลิ าว – ดอกจำปาลาว (Dok Champa) หรอื ดอกลีลาวดี

ดอกลลี าวดี หรือ ดอกจำปาลาว ดอกไมป้ ระจำชาติลาว
ดอกไม้ประจำชาติอาเซียนอีกประเทศหนึ่งคือดอกลีลาวดขี องประเทศลาว ดอกลีลาวดีมีชื่อในภาษา
ลาววา่ ดอกจำปาลาว หรือทคี่ นไทยโบราณนิยมเรียกวา่ ดอกลนั่ ทม ซึ่งมาเปลยี่ นช่ือเปน็ ดอกลีลาวดีในภายหลัง
(นัยวา่ เพอื่ ความเป็นสริ ิมงคล) ดอกลลี าวดนี ัน้ เป็นดอกไม้ทมี่ ีหลากหลายสีสัน ท้งั สีขาว สีสม้ สีแดง สีชมพู และ
สเี หลอื งเปน็ ตน้ คนลาวถือวา่ ดอกลีลาวดีซ่ึงเป็นดอกไมป้ ระจำชาตขิ องตนนนั้ เป็นตวั แทนของความสดชื่น ความ
จริงใจ และความสุข ดังนั้นคนลาวจึงนิยมใช้ดอกลลี าวดีในงานมงคลทุกชนิด ทั้งงานบวช งานแต่ง งานทำบุญ
ต่างๆ รวมถงึ ทำเปน็ พวงมาลยั ถวายพระและตอ้ นรับแขกบา้ นแขกเมอื งด้วย
ประวตั ิดอกลีลาวดี เดิมทีแลว้ ต้นล่นั ทมเปน็ ไมท้ ี่นำเขา้ มาจากเขมร ซ่งึ มีชอื่ เดมิ ว่า "ตน้ ขอม" เล่ากันว่า
มีการนำเข้ามาปลูกในไทย เม่ือครั้งไปตีนครธมจนได้รับชัยชนะ แล้วได้มีการนำต้นไม้ชนิดนี้เข้ามาปลูก และ
เรียกชื่อเป็นที่ระลึกว่า "ลั่นธม" โดยคำว่าลั่นนั้นแปลว่า ตีฆ้อง ลั่นฆ้อง ลั่นกลอง ส่วนคำว่าธมนั้นมาจากคำว่า
"นครธม" จึงเป็นที่มาของชื่อลั่นธม และเพี้ยนกลายมาเป็น "ลั่นทม" ในปัจจุบัน โดยมีผู้รู้ด้านภาษาไทยได้
กลา่ วถึงความหมายของลั่นทมไว้ โดยมคี วามหมายว่า "การละแลว้ ซ่ึงความทกุ ข์ความโศกเศร้าและมีความสุข"
เพราะคำวา่ ล่ัน นัน้ มีหมายวา่ แตกหัก ละทิง้ ส่วนคำว่า ทม ก็หมายถงึ ความทกุ ข์โศก แตเ่ นอื่ งจากทกุ ส่วนของ
ตน้ ลลี าวดจี ะมยี างสีขาวขนุ่ ซึง่ เป็นพิษ โดยสารท่ีเป็นพษิ คอื กรด Plumeric acid ถา้ หากสมั ผัสยางจะทำให้เกิด
ผื่นคันตามผิวหนัง ผิวหนังอักเสบบวมแดง และต้นลีลาวดีนี้กิ่งยังเปราะและหักง่ายอีกด้วย จึงไม่เหมาะที่จะ
ปลูกไว้ในบ้านท่ีมีเดก็ ซกุ ซนอยู่เทา่ ไหร่นัก

ประโยชนข์ องตน้ ลลี าวดี

1. ดอกลลี าวดีใชผ้ สมกบั พลู ทำเป็นยาแกไ้ ข้และไขม้ าลาเรีย (ดอกลลี าวดี, เปลือกต้น)
2. ช่วยรกั ษาไข้หวดั (ราก)

3. ใช้ปรุงเป็นยาแก้ไอ (เนอ้ื ไม)้
4. ชว่ ยถา่ ยเสมหะและโลหติ (ยางและแกน่ )

5. ชว่ ยขบั เหงื่อ แกร้ อ้ นใน (ราก)
6. ชว่ ยรกั ษาโรคหืดหอบ ดว้ ยการใช้ใบลลี าวดีแหง้ นำมาชงกบั นำ้ ร้อนด่ืม (ใบแหง้ )
7. ยางจากตน้ ลีลาวดีใช้ผสมกบั ไม้จันทร์และการบูรทำเปน็ ยาแกอ้ าการปวดฟัน (ยางจากตน้ )

8. มกี ารนำมาใชป้ รงุ เป็นยารกั ษาโรคลำไสพ้ กิ ารของม้า (ตน้ )
9. ใชป้ รงุ เป็นยาถ่าย (เนื้อไม้, ยางจากต้น, เปลือกราก, เปลือกต้น)

10. ชว่ ยขับลมในกระเพาะ (เปลอื กราก)
11. ใชเ้ ปลอื กต้นผสมกบั น้ำมันมะพรา้ ว มนั เนย และข้าว ทำเปน็ ยาแก้ท้องเดิน(เปลอื กตน้ )
12. ใชเ้ ปลอื กต้นผสมกับนำ้ มันมะพร้าว มันเนย และขา้ ว ทำเป็นยาขับปัสสาวะ (เปลอื กต้น)

13. ฝักนำมาฝนเพอื่ นำมาใชท้ าแก้รดิ สดี วงทวารได้ (ฝัก)
14. ช่วยขับระดู (เปลอื กตน้ )

15. ช่วยในการขับพยาธิ (เน้อื ไม้)
16. ใช้เปลือกรากปรงุ เปน็ ยารกั ษาโรคหนองใน (เปลอื กราก)
17. ชว่ ยรักษาโรคโกโนเรียหรือโรคหนองในแท้ (Gonorrhea) (เปลอื กต้น)

18. ชว่ ยรกั ษากามโรค (ยางและแกน่ )
19. ชว่ ยรักษาโรคไขข้ออกั เสบ (ยากจากตน้ ,เปลือกราก)

20. ใบสดใช้ชงกบั น้ำร้อนรกั ษาหิด (ใบสด)
21. ใบสดลลี าวดลี นไฟประคบร้อนชว่ ยแกอ้ าการปวดบวมได้ (ใบสด)
22. ใช้ปรุงเปน็ ยาถ่ายพิษทั้งปวง (ยางและแก่น)

23. ยางจากตน้ ลีลาวดใี ช้ผสมกบั ไมจ้ ันทร์และการบูรทำเป็นยาแก้คนั (ยางจากต้น)
24. ดอกใชท้ ำธูป (ดอก)

25. กลนิ่ ของดอกลีลาวดีช่วยทำใหน้ อนหลบั สบาย
26. มคี วามเช่อื ว่ากล่นิ ของดอกลีลาวดจี ะช่วยลดความรูส้ กึ ทางเพศ เหมาะสำหรบั นกั บวชและผู้ฝกึ ตน ที่ไม่

ต้องการใหก้ ามารมณ์มากวนใจ

27. ต้นลีลาวดีนิยมใช้ในการจดั สวนเพือ่ ตกแตง่ ภูมิทัศนเ์ ป็นอยา่ งมาก โดยพันธ์ุทีน่ ิยมปลูกกันก็คือ "พันธุ์
ขาวพวง" หรอื พนั ธุด์ ั้งเดมิ น่ันเอง

4)ดอกไมป้ ระจำชาตพิ มา่ – ดอกประดู่ (Padauk)

สหภาพพมา่ (Union of Myanmar) : ดอกประดู่
ดอกไมป้ ระจำชาตขิ องประเทศพมา่ คือ ดอกประดู่ (Paduak) เปน็ ดอกไมท้ พ่ี บมากในประเทศพม่า มี

สเี หลืองทอง ผลิดอกและส่งกล่นิ หอมในฤดฝู นแรก ช่วงเดือนเมษายนซึ่งเป็นช่วงเวลาเดยี วกบั ที่ประเทศพมา่ มี
การเฉลมิ ฉลองปีใหม่ ขน้ึ ชาวพม่าเชอื่ ว่าดอกประดคู่ ือสญั ลกั ษณ์ของความแข็งแรง ความทนทาน และเป็น
ดอกไม้ทีข่ าดไมไ่ ดใ้ นพธิ ีทางศาสนาของชาวพม่า

ดอกสเี หลอื งเปน็ พวงระย้ายอ้ ยหอ้ ยอยู่บนตน้ ไดส้ รา้ งความสบายตาในยามมองดอกประดู่ท่ีกำลังบาน
สะพรั่ง สีของดอกที่เด่นตัดสลับกับสีเขยี วของใบ ลำต้นสีน้ำตาลด้วยแล้วจงึ ทำให้ดอกประดูด่ ูสวยงามไม่น้อย

เลยทีเดียวค่ะ ด้วยความโดดเด่นของดอกประดูจ่ ึงทำให้เราพลาดไม่ไดท้ ี่จะหยบิ ยกเรือ่ งราว และประวัตคิ วาม
เปน็ มาของดอกไม้ชนิดนี้มาบอกกล่าว

ดอกประดู่ นั้นแท้จริงแล้วมีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศอินเดีย เป็นดอกไม้ที่มีวิธีการขยายพันธุ์โดยการ
เพาะเมล็ด ภาคกลางของบ้านเราจะเรียกว่าดอกประดู่ แตถ่ า้ เป็นทางภาคใต้จะเรียกว่าดอกสะโน สำหรับดอก
ประดนู่ ั้นเปน็ ไม้ยนื ตน้ ขนาดใหญ่ มลี ำต้นสูงโดยเฉล่ยี 25 เมตร เป็นพรรณไม้ท่ชี อบแสงแดดค่อนข้างจดั ดังนั้น
เราจงึ จะเห็นว่ามกี ารปลูกดอกประดตู่ ามริมถนนเป็นสว่ ยใหญ่ ลกั ษณะดอกคอื จะออกดอกรวมกนั เป็นช่อคล้าย
กับดอกขเี้ หล็ก โดยดอกจะออกเปน็ ช่อสีเหลืองสดคลา้ ยดอกถ่ัว ซึ่งดอกจะบานไม่พรอ้ มกัน แตเ่ มื่อบานแล้วจะ
ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ไปทั่วบริเวณ สำหรับช่วงเวลาที่ดอกประดู่บานนั้นจะอยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงเดือน
สงิ หาคม

5)ดอกไมป้ ระจำชาติเวียดนาม – ดอกบัว (Lotus)

ดอก Lotus หรือ ดอกบัว เป็นดอกไม้ทีช่ าวเวียดนามถอื ว่าเป็น 1 ใน 4 ของพันธุไม้ทีม่ ีความสง่างาม
ซึ่งประกอบไปด้วย ต้นสน ต้นไผ่ และต้นเบญจมาศ ดอกบัวเป็นที่รูจักในนาม “ดอกไม้แหง่ รุ่งอรุณ” สำหรับ
ชาวเวียดนามแล้วดอกบวั คือสัญลักษณ์ของความบริสุทธ์ิ ความผูกพัน และการมองโลกในแง่ดี ความสง่างาม
ของดอกบัวมักถกู กล่าวถึงในบทกลอนและเพลงพื้นเมืองของประเทศเวียดนาม ดอกบัวพบได้ทั่วไปตามแหลง่
นำ้ ของประเทศเวียดนาม

ดอกบวั ถือเปน็ ราชินแี ห่งไมน้ ้ำ มีหลากชนดิ หลายสายพนั ธุ์ อกี ท้งั ยังมดี อกหลากหลายสีสัน สามารถ
พบเห็นได้ตามแหลง่ นำ้ ตา่ ง ๆ ดอกบัวมปี ระวัติความเปน็ มาอนั ยาวนาน ปรากฏผ่านหลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์
เรื่องเล่า และงานศิลปะที่สอดแทรกความงามของดอกบัวเอาไว้มากมาย โดยเฉพาะในด้านความเชื่อและ
ศาสนา ผสมผสานอยู่ในชวี ิตประจำวันของเราอยา่ งแนบเนียน

ตามความเชื่อของชาวอียิปต์โบราณ ดอกบัวเป็นสัญลักษณ์ของความอดุ มสมบรู ณ์ การเกิด และความ
เปน็ นริ ันดร์ ชาวอยี ปิ ตโ์ บราณเชือ่ วา่ การวางดอกบัวไว้บนหนา้ อกของมัมม่ี จะสามารถทำใหค้ นตายกลับ ฟนื้
คืนชีพขึ้นมาในภายภาคหน้า และในช่วงไว้ทุกข์ ญาติของคนตายจะถือดอกบวั เอาไว้ เพื่อเป็นการภาวนา ให้
คนตายกลับมาเกดิ ใหม่ในเร็ววนั ส่วนในตำนานเทพปกรณมั นทิ านปรมั ปราของชาวกรีกมกี ารนำช่ือของนางไม้ที่
สิงสถิตอยู่ตามแม่น้ำ หรือเรียกว่า Nymph เป็นที่มาของชื่อดอกบัวสาย ซึ่งมีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า
Nymphaea อยู่ในวงศ์ Nymphaeaceae แสดงให้เห็นถึงความงดงามของดอกบัวดั่งเทพธิดาหรือนางไม้ที่
ปกป้องรักษาแหล่งน้ำไว้นั่นเอง นอกจากนี้ตามความเชื่อของชาวพุทธ และพราหมณ์-ฮินดู ดอกบัวเป็น

สัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ความสงบสุข การบรรลุธรรม การเกิดใหม่ และความอุดมสมบูรณ์ เป็นดอกไม้
ศักดิ์สิทธิ์ จากตำนานการสร้างโลกของศาสนาฮินดู ดอกบัวเปน็ ที่ประทับของพระพรหมซึ่งถือกำเนิดขึน้ เพ่ือ
สร้างโลก อกี ทงั้ รูปเคารพในศาสนาฮินดูมักเป็นรูปเทพเจ้าประทับอยู่บนดอกบวั ขนาดใหญ่ กลีบบัวที่บานออก
นนั้ หมายถึงการเติบโตทางจติ วญิ ญาณ สำหรับในทางพทุ ธศาสนา ดอกบวั เป็นสญั ลักษณแ์ ทนพระสัมมาสมั พุทธ
เจ้า แฝงไปด้วยคำสอนของพระองค์ เตือนให้ระลึกถึงธรรมชาติของมนุษย์ โดยเปรียบมนุษยเ์ หมือนดอกบวั 4
เหลา่ ซึง่ มนษุ ย์ตา่ งมสี ตปิ ญั ญาเขา้ ถงึ ธรรมะแตกต่างกัน ตั้งแตร่ ะดบั ทจ่ี มอยู่ในโคลนคือผ้ทู ่มี ีกเิ ลสมาก จะฝึกฝน
ขดั เกลาอย่างไรกไ็ ม่สามารถบรรลนุ ิพพานได้ ไปจนถึงบุคคลผู้มีสติปญั ญา เมื่อได้ฟงั พระธรรมเทศนาเพียงครั้ง
เดยี วก็สามารถตรัสร้ไู ด้ เปรยี บไดก้ ับบัวท่ีชชู ่ออวดความงามอยเู่ หนอื ผวิ น้ำพรอ้ มจะผลิบานรบั แสงอรุณ อีกท้ัง
ในศาสนาพุทธนิกายมหายาน พระแม่กวนอิมซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความกรุณาก็ประทับบนดอกบัวหรือถือ
ดอกบัวในพระหตั ถ์ ชาวจนี เรียกดอกบวั วา่ “เหลยี นฮวา” เป็นดอกไม้ที่สือ่ ถงึ ความงามและความบรสิ ทุ ธิ์

นอกจากดอกบัวจะมีความสำคัญที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อและทางศาสนาอย่างมากมายแล้ว ยังมี
คุณประโยชนห์ ลากหลายด้าน ทัง้ ปลกู เป็นไมป้ ระดับ ปลกู เพ่ือความสวยงาม อีกทง้ั ยงั สามารถนำสว่ นตา่ งๆ มา
ประกอบอาหารทั้งคาวและหวานได้ และมีสรรพคุณทางยาอีกด้วย อุทยานหลวงราชพฤกษ์ ได้รวบรวมบัว
หลากหลายสายพนั ธไ์ุ ม่ว่าจะเป็นบวั สาย บวั ผนั บวั เผอื่ น บวั ฝร่ัง บวั หลวง บวั วิกตอเรยี หรือบวั กระด้ง และบัว
อีกหลากหลายสายพนั ธ์ ที่ต่างเบ่งบานต้อนรับนักท่องเที่ยวมาสัมผัสชมความงดงาม ณ สวนบัว อุทยานหลวง
ราชพฤกษ์ ไดท้ ุกวนั ต้งั แตเ่ วลา 08.00 – 18.00 น. หรือสอบถามขอ้ มลู เพ่มิ เตมิ ได้ที่ กลุม่ วชิ าการและการเรียนรู้
อทุ ยานหลวงราชพฤกษ์ 053 114 195

6)ดอกไม้ประจำชาติสงิ คโปร์ – ดอกกลว้ ยไม้แวนดา้ (Vanda Miss Joaquim)

ประเทศสิงคโปร์ มี ดอกกล้วยไม้แวนด้า (Vanda Miss Joaquim) เป็นดอกไม้ประจำชาติ โดยดอก
กล้วยไม้แวนดา้ ตั้งช่ือตามผู้ผสมพันธุ์ คือ Miss Agnes Joaquim จัดเป็นดอกกล้วยไม้ที่เป็นท่ีรู้จักมากที่สดุ ใน
ประเทศสิงคโปร์ มีสีม่วงสดสวยงามและเบ่งบานอยู่ตลอดทั้งปี โดยถูกจัดให้เป็นดอกไม้ประจำชาติสิงคโปร์
ตงั้ แตป่ ี ค.ศ.1981 (พ.ศ.2524)

กล้วยไมส้ กุลแวนด้า Vanda
แวนด้าเป็นกล้วยไม้ประเภทโมโนโพเดย้ี ล ไมแ่ ตกกอ เจริญเติบโตไปทางยอด รากเปน็ รากอากาศ ใบมี

ลักษณะกลม แบนหรือร่อง ใบซ้อนสลับกนั ช่อดอกจะออกด้านข้างของลำต้นสลบั กับใบ ช่อดอกยาวและแข็ง
กลบี นอกและกลีบในมรี ปู ร่างคล้ายคลึงกัน โคนกลบี แคบ และไปรวมกันที่โคนเสา้ เกสร กลบี ดอกในล่างด้านใต้
มีเดือยแหลมย่ืนออกมาเป็นส่วนท้ายของปากกระเป๋า ปากกระเป๋าของแวนด้าเป็นแบบธรรมดาแบนเป็นแผ่น
หนาแข็ง และพุ่งออกด้านหน้า รูปลักษณะคล้ายช้อน หูกระเป๋าทั้งสองข้างแข็งและตั้งขึ้น สีดอกมีมากมาย
แตกตา่ งกันตามแต่ละชนดิ

กล้วยไม้สกลุ แวนด้าพบในป่าตามธรรมชาติประมาณ 40 ชนิด มีกระจายพันธุอ์ ยู่ในทวีปเอเชีย ตั้งแต่
อินเดีย ศรีลังกา พม่า ไทย อินโดนีเซีย จนถึงฟิลิปปินส์ แวนด้าได้รับการปรับปรุงสายพันธุ์ขึ้นอกี หลายพันธุ์
ปัจจบุ ันไดม้ กี ารจำแนกประเภทของแวนด้า โดยอาศยั รูปรา่ งลกั ษณะของใบออกเป็น 4 ประเภท คือ

• แวนด้าใบกลม มีลกั ษณะของใบกลมยาวทรงกระบอก ตน้ สูง ข้อห่าง สังเกตได้ท่ใี บตดิ อยู่หา่ งๆ กัน มี
ดอกช่อละหลายดอก แต่ดอกจะบานติดตน้ อยูค่ ราวละ 2–3 ดอกเท่านัน้ เมื่อดอกขา้ งบนบานเพ่มิ ข้ึน
ดอกขา้ งล่างจะโรยไล่กนั ขึ้นไปเรื่อยๆ การปลกู ใชด้ อกจงึ นยิ มปลิดดอกมากกวา่ ตัดดอกท้งั ช่อ

• แวนดา้ ใบแบน ลกั ษณะใบแผ่แบนออก ถ้าตัดมาดหู น้าตดั จะเป็นรปู ตัววี มขี ้อถี่ปล้องส้นั ใบซอ้ นชิดกัน
ปลายใบโคง้ ลงและจกั เป็นแฉก

• แวนด้าใบร่อง มีรูปทรงของใบและลำต้นคล้ายใบแบนมากกว่าใบกลม แวนด้าประเภทนี้ไม่พบในปา่
ธรรมชาติ การนำมาปลกู เลย้ี งเปน็ พนั ธุ์ลกู ผสมท้งั สนิ้ โดยนำแวนด้าใบกลมมาผสมกับแวนด้าใบแบน

• แวนดา้ กา้ งปลา มีรูปทรงของใบและลำต้น กิง่ ใบกลมกับใบแบน พบตามปา่ ธรรมชาตนิ ้อยมาก เพราะ
กลว้ ยไม้พันธ์นุ ้ีเปน็ หมันทง้ั สนิ้
ในบรรดาแวนด้าทั้ง 4 ประเภทนี้ แวนด้าใบกลมเป็นแวนด้าที่เลี้ยงง่ายที่สุด สามารถปลูกลงแปลง

กลางแจง้ ได้โดยไมต่ ้องมีโรงเรือน แต่ดอกมกั จะบานไม่ทน ส่วนทีเ่ ล้ยี งยากทส่ี ดุ คอื แวนดา้ ใบแบน มีหลายพันธ์ุ
ทั้งดอกใหญ่และดอกเล็ก แต่ที่ได้รับความนิยมได้แก่ ฟ้ามุ่ย เพราะดอกใหญ่ สีสวย การเลี้ยงแวนด้าใบแบน
จำเป็นต้องมีโรงเรือนเพราะต้องการแสงที่พอเหมาะ สำหรับแวนด้าใบร่องเป็นลูกผสมระหว่างใบกลมและใบ
แบน ถูกผสมขน้ึ เพอื่ ใหป้ ลกู เล้ยี งง่ายขึน้ แตด่ อกมกั จะสีไม่สวยและปากหกั ง่าย

การใช้ประโยชน์
- ปลูกเป็นไมด้ อกไมป้ ระดบั ประดบั กนั อย่างแพรห่ ลายทัง้ ในประเทศสงิ คโปรแ์ ละต่างประเทศ
- นำดอกมารอ้ ยเป็นพวงมาลยั ชอ่ บเู ก้ ชอ่ ดอกไม้ และการจดั ตกแต่ง
- เป็นสายพันธก์ุ ล้วยไมส้ ำหรบั ตดั ช่อดอก เพ่อื การจำหน่าย คร้ังแรกในประเทศสิงคโปร์
- ในฮาวาย นยิ มทำเป็นพวงมาลัยดอกไม้
- สื่อสัญลักษณ์ Singapore Airlines, The Vanda Miss Joaquim Park, ดวงตราไปรษณียากรหรือ

แสตมป์ที่จัดพิมพ์ออกมาเนื่องในโอกาสพิเศษ ๆ หลายครั้ง และเงินเหรียญในสกุลเงินดอลล่าสิงคโปร์ เป็น
เหรยี ญราคา 1 cent

7)ดอกไม้ประจำชาติมาเลเซีย – ดอกพรู่ ะหง (Bunga Raya) หรือ ดอกชบาแดง

ลกั ษณะของพูร่ ะหง
• ต้นพู่ระหง มีข้อสันนิษฐานวา่ มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเขตร้อนของทวปี แอฟริกา จัดเป็นไม้พุ่มยืนต้นขนาด
กลาง แตกกงิ่ ก้านสาขามาก ออกรอบ ๆ ต้น และมกั โคง้ ลงส่พู ืน้ ดนิ เปลือกตน้ เปน็ สีเหลือง เปลือกลำ
ตน้ และใบมยี างเหนียว ก่ิงอ่อนเป็นสเี ขียว ขยายพนั ธด์ุ ้วยวธิ กี ารปักชำและวธิ ีการตอนก่งิ เป็นไม้ท่ีปลูก
ง่าย มีความแข็งแรง ทนทาน โตเร็ว ขึน้ ไดใ้ นดนิ ทกุ ชนดิ ชอบแสงแดดจัด และตอ้ งการนำ้ พอประมาณ
พรรณไมช้ นดิ น้นี ำมาจากทางแถบร้อน เช่น ทวปี แอฟรกิ า และทวปี เอเชีย

• ใบพรู่ ะหง ใบเปน็ ใบเด่ียว ออกเรยี งสลบั ไปตามกิง่ กา้ น ลักษณะของใบเป็นรูปมนรีหรือรูปไข่ ปลายใบ
แหลมมีตง่ิ หาง โคนใบมน ส่วนขอบใบเปน็ จักคล้ายฟนั เลอ่ื ย ใบมขี นาดกวา้ งประมาณ 4-6 เซนติเมตร
และยาวประมาณ 6-12 เซนตเิ มตร แผ่นใบบางสีเขียวเป็นมัน กา้ นใบเป็นสเี ขยี ว

สรรพคณุ ของพู่ระหง
• ใบและรากพูร่ ะหงใช้เป็นยารักษาอาการไขใ้ นเด็ก (ใบและราก)

• ใบและรากใช้เปน็ ยารักษาอาการเจบ็ คอ และอาการไอ (ใบและราก)
8)ดอกไม้ประจำชาตบิ รูไน – ดอกซา้ นชะวา (Dillenia) หรอื ดอกซิมปอร์ (Simpor)

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ต้น ไม้ยนื ต้น เปลือกสนี ้ำตาลเขม้ อมแดง กงิ่ รปู ทรงกระบอก ผวิ เรียบไม่มหี นาม
ใบ รปู รหี รือรปู ไข่ ปลายมนหรอื กลม โคนมน ขอบจักตามเส้นแขนงใบ สเี ขียวเข้ม เสน้ แขนงใบข้างละ

12-20 เสน้ กา้ นใบมปี ีกกว้าง หุม้ ใบขณะท่เี ป็นใบออ่ น
ดอก ช่อดอกแบบช่อกระจะออกตามปลายกิ่ง มี 4-18 ดอก กลีบเลี้ยงรูปไข่กลับหุ้มดอกไว้ขณะเป็น

ดอกตูม 5 กลบี ซอ้ นทบั กัน กลีบดอกสเี หลอื ง รปู รีหรอื รปู ไข่ แผน่ บางหยกั เล็กนอ้ ย เกสรเพศผู้ 2 ชั้น สขี าว วง
นอกโคง้ วงในสดุ พบั งอ

ผล รูปกลมแปน้ ผลสกุ มสี ีสม้ หรอื แดง แตกเป็น 6 แฉก
ข้อมลู ทวั่ ไป
เปน็ พันธุ์ไมต้ า่ งประเทศ มีถนิ่ กำเนดิ ในคาบสมทุ รมลายู บอร์เนยี ว ชวา และสุมาตรา
การปลกู เลีย้ งและการใช้ประโยชน์
การปลกู เล้ยี ง
ดินท่วั ไป ตอ้ งการน้ำปานกลาง แสงแดดจดั
การขยายพนั ธ์ุ
ตอนก่งิ
การใชป้ ระโยชน์

ปลูกเป็นไมป้ ระดับ
9)ดอกไม้ประจำชาตอิ นิ โดนีเซีย – ดอกกลว้ ยไมร้ าตรี (Moon Orchid)

ดอกไม้ประจำชาติอินโดนีเซีย คือ ดอกกล้วยไม้ราตรี (Moon Orchid) ซึ่งเป็นหนึ่งในดอกกล้วยไมท้ ี่
บานอยไู่ ดน้ านทสี่ ุด โดยชอ่ ดอกนั้นสามารถแตกกิ่งและอย่ไู ดน้ าน 2-6 เดอื น โดยดอกจะบานแค่ปีละ 2-3 คร้ัง
เท่านั้น ทั้งนี้ดอกกล้วยไม้ราตรีสามารถเจริญเติบโตได้ดีในอากาศชื้น จึงพบเห็นได้ง่ายในพื้นที่ราบต่ำของ
ประเทศอนิ โดนเี ซยี

กล้วยไมร้ าตรี เปน็ หนง่ึ ในชนิดพนั ธ์ุกล้วยไม้ชนิดพันธแ์ุ รก ๆ จากภูมภิ าคตะวันออกไกล ที่ได้รับการ
อธิบายรายละเอียดของชนดิ พันธุ์ กลว้ ยไมช้ นดิ นเ้ี ป็นท่นี ิยมปลูกสำหรบั เป็นไม้ดอกไม้ประดับ และเป็นกล้วยไม้
ที่มีความโดดเด่นสำหรับการทำพืชสวนประดับ ด้วยความสวยสดงดงาม และมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวของ
กล้วยไม้ชนิดนี้ ทีเ่ หมาะสมสำหรบั การใช้เป็นตน้ พ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ ผสมกับกลว้ ยไม้อ่ืน ๆ เพอ่ื ท่ีจะได้สร้างสรรค์
ลูกผสมสายพันธุ์ใหม่ ๆ ได้อย่างหลากหลาย ลูกผสมของกล้วยไม้ชนิดนี้จึงนบั ได้ว่ามมี ูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูง
สำหรับกล้วยไม้ประดับในอาคาร กล้วยไมใ้ ช้สำหรับประดับตกแตง่ สวน ตลอดจนถงึ การปลูกเลย้ี งกล้วยไม้เพื่อ
การตัดดอก ในปัจจุบันสายพันธุ์ลูกผสมส่วนใหญ่ของกล้วยไม้สกุล Phalaenopsis จำนวนมากมักจะเป็น
กลว้ ยไม้ลูกผสมทเ่ี กดิ จากกล้วยไม้ชนิดพนั ธุ์นเี้ ปน็ พ่อพนั ธห์ุ รือแม่พันธุ์ เพอื่ ให้ไดส้ ายพันธุล์ ูกผสมใหม่ดอกสีขาว

และดอกมขี นาดใหญ่ ในขณะท่กี ารปรับสขี าวและรูปแบบของกล้วยไมล้ ูกผสมในสกุลนี้ เกอื บท้ังหมดท่ีถูกผสม
ขึน้ มาล้วนเกิดขึ้นมาจากการเลอื กกลว้ ยไม้ชนดิ น้ีหรอื กล้วยไม้ท่ีมีความคล้ายกนั มาก ๆ หรือมีความสัมพันธ์กัน
อย่างใกล้ชิดกันกับกล้วยไม้ชนิดนี้ กล้วยไม้สกุล Phalaenopsis ทั่วโลกมีอย่างน้อย 60 ชนิดพันธุ์ สายพันธุ์
ลูกผสมประมาณ 140 สายพันธุ์ ซึ่งเฉพาะสายพันธุ์ลูกผสมที่เกิดจากชนิดพันธุ์กล้วยไม้ราตรีในประเทศ
อินโดนีเซียมีมากถึง 60 สายพนั ธ์ุ จึงนบั ไดว้ ่าเป็นกลว้ ยไม้ทไ่ี ดร้ ับความนิยมกนั อย่างแพร่หลาย สำหรับใช้ปลูก
เป็นไมด้ อกไมป้ ระดับ ตลอดจนนำมาจัดตกแต่งภายในบา้ นทำให้บรรยากาศสดช่ืน นอกจากน้ีกล้วยไม้ราตรียัง
สามารถช่วยทำความสะอาดอากาศภายในบ้านให้สะอาดข้ึน โดยจะกำจดั สารระเหยจากสารประกอบอินทรีย์
(VOCs; volatile organic compounds) และฟอร์มาลดีไฮด์ (formaldehyde) ที่มักจะระเหยออกมาจากสี
ทาบ้าน ตัวทำละลาย และวัสดุสังเคราะห์อืน่ ๆ และแม้แตข่ ณะที่ดอกของกล้วยไม้ราตรีหลุดรว่ งเสียแล้วหมด
สิ้น ต้นและใบของกล้วยไม้ชนิดนี้ก็ยังคงงดงามอย่างน่าหลงใหลอยู่ทีเดียวเชียว จากความนิยมกล้วยไม้ราตรี
และกล้วยไม้สายพันธุ์ลูกผสมของกล้วยไม้ราตรีที่มีอย่างหลากหลายในปัจจุบัน ทำให้เป็นการยากที่จะหา
กล้วยไม้ราตรีชนิดพันธุ์ที่แท้จริง แม้แต่ในสภาพธรรมชาติเองความงดงามที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นและ
ความสำคญั ของกล้วยไม้ชนิดน้กี ับยง่ิ เปน็ ท่ีตอ้ งการของตลาดมากย่งิ ขึ้น จงึ ทำให้จำนวนประชากรของกล้วยไม้
ราตรใี นสภาพธรรมชาติลดจำนวนลง ไม่ว่าจะเปน็ ผลกระทบท้ังโดยตรงหรือผลกระทบทางอ้อม เช่น การตัดไม้
ทำลายป่า ทำลายถิ่นที่อยู่อาศัยพื้นถิ่น การรุกรานของพืชต่างถิน่ การลักลอบเก็บกล้วยไมป้ ่า และการค้าขาย
กลว้ ยไมอ้ ยา่ งผิดกฎหมาย ตลอดจนขดี จำกัดในการพัฒนาศกั ยภาพสำหรับการอนุรักษท์ รพั ยากรธรรมชาติและ
สิง่ แวดล้อม จากการทก่ี ล้วยไมร้ าตรถี ูกคุกคาม สถานะของการอนุรักษ์พรรณไม้ในประเทศอนิ โดนีเซียจึงได้จัด
ให้กล้วยไม้ราตรีอยู่ในพรรณไม้ประเภทพืชที่มีการป้องกัน และนี้ก็คงเป็นการกระทำที่พยายามจะรักษาชีวิต
ของกลว้ ยไม้ชนดิ น้ไี วอ้ กี ทางหนึ่ง

10)ดอกไมป้ ระจำชาติฟิลปิ ปินส์ – ดอกพุดแกว้ (Sampaguita Jasmine)

ดอกพุดแก้ว หรือดอก Sampaguita Jasmine เป็นดอกไม้ประจำชาติฟิลิปปินส์ ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า
Tabernaemontana divaricata ชื่อพื้นเมืองอื่น คือ พุดป่า (ลำปาง) พุดจีบ พุดซ้อน พุดสวน พุดสา (ภาค

กลาง) ใบรูปไข่หรือกลมสีเขียวเป็นมัน ออกดอกเดี่ยวและเป็นช่อ บานตลอดทั้งปี ดอกสีขาวลักษณะเป็นแฉก
คล้ายดาว มักบานในเวลากลางคืนและบานได้เพียงชั่วครู่ในตอนกลางวัน มีกลิ่นหอมแรงคล้ายดอกมะลิ
สามารถนำมาผลิตเปน็ น้ำมนั หอมระเหย

สรรพคณุ ทางยา ราก บำรุงรา่ งกาย ระงับอาการปวด แกป้ วดฟนั ขบั พยาธิ ลำตน้ คัน้ เอาน้ำด่ืมใช้ขับ
พยาธิ เน้ือไม้เปน็ ยาเย็น ใช้ลดไข้ ใบโขลกแลว้ ค้ันเอาแตน่ ำ้ ทาแก้โรคผิวหนงั สำหรบั ชาวฟิลิปปินส์ดอกไมช้ นิดนี้
เป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ เรียบง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน และเข้มแข็ง การผลิบาน ของดอกพุดแก้วถูก
นำมาเฉลิมฉลองในตำนานเร่อื งเล่าและบทเพลงของฟิลปิ ปนิ ส์ และมคี วามเช่ือว่าดอกไม้ชนิดน้ีมีที่มาจากแถบ
หิมาลยั ในศตวรรษที่ 17 สว่ นคนไทยโบราณเชื่อว่าบา้ นใดปลกู ต้นพุดไวป้ ระจำบา้ น จะเจรญิ มน่ั คง เพราะพุด
หรอื พุฒหมายถงึ ความเข็งแรง สมบรู ณ์

ลักษณะทว่ั ไป:
ตน้ ไมพ้ ุ่มหรอื ไม้ตน้ ขนาดเลก็ สงู ไดถ้ งึ 10 ม. เรือนยอดเปน็ พมุ่ กลมทบึ สีเขยี วเข้ม เปลือกตน้ สีขาว
เทา แตกเป็นร่องตามยาว
ใบ ประกอบแบบขนนกปลายค่ี เรียงสลบั มีใบย่อย 5-9 ใบ เรยี งสลับกนั จากเลก็ ไปหาใหญ่ สเี ขียวเข้มเปน็ มัน
ใบยอ่ ยทปี่ ลายกา้ นใบรูปไข่ รปู รี หรือรูปไขก่ ลบั ปลายแหลม โคนแหลมหรือสอบ ขอบเปน็ คลื่นหรอื หยักมน
ตนื้ ๆ โคนใบเบ้ยี วเล็กน้อย ใบมีตอ่ มนำ้ มนั
ดอก ชอ่ ดอกสนั้ ออกตามงา่ มใบ ดอกสขี าว กล่ินหอม กลีบเล้ียง 5 กลบี กลบี เลี้ยง ขนาดเล็ก ปลายมน
กลบี ดอกรูปขอบขนานแกมรูปไขก่ ลบั ยาวประมาณ1.2 ซม. เรียงซ้อนเหลอื่ ม ฐานรองดอกรปู วงแหวน เกสร
เพศผู้ 10 อนั ยาวไมเ่ ทา่ กนั ยาวประมาณก่ึงหนึง่ ของกลบี ดอก ก้านเกสรเพศผู้แบน รังไขต่ ิดเหนือวงกลบี ก้าน
เกสรเพศเมียหนา ยาวประมาณ 0.7 ซม. ยอดเกสรรูปโล่ห์ ร่วงงา่ ย ดอกบานเต็มท่กี วา้ ง 2-2.5 เซนติเมตร
ฝกั /ผล รปู รีหรอื รปู ไข่ กวา้ ง 5-8 มม. ยาวประมาณ 1 ซม. ผลแก่สีแดงอมสม้ ตอ่ มน้ำมันเหน็ ได้ชัด
เมลด็ รูปไข่ มขี นหนาและเหนยี วห้มุ โดยรอบเมล็ด
ฤดกู าลออกดอก: ตลอดปี โดยเฉพาะฤดฝู น
การปลูก: ปลูกเป็นตน้ เดยี วหรอื ปลูกเป็นกลมุ่ เป็นรวั้ บังสายตา ใหร้ ม่ เงา ลูกจากกง่ิ ตอนจะเป็นไม้พุ่ม ถา้ ปลูก
ทร่ี ่มใบจะเขียวเขม้ กิ่งยดื ยาวและใหด้ อกนอ้ ย ผลมีสสี ันแต่ไม่ตดิ ผล
การดแู ลรักษา: ดินรว่ นซยุ ดนิ ร่วนปนทราย แสงแดดจดั
การขยายพนั ธ์ุ: เพาะเมลด็ , ตอนกิง่

ส่วนทีม่ ีกลิน่ หอม: ดอก
การใชป้ ระโยชน์:
– ไม้ประดบั
– สมนุ ไพร
– เน้อื ไม้มลี ายมนั สวยงาม มีนำ้ มนั ในเนอื้ ไม้ นิยมใช้ทำเครอ่ื งตกแต่งในบ้าน ดา้ มเคร่อื งมอื ดา้ มปากกา
เครอื่ งดนตรี ไดแ้ ก่ ซอดว้ ง ซออู้
ถ่นิ กำเนิด: จีน, ญี่ปุน่ , เกาหล,ี อนิ เดยี และภมู ภิ าคอินโดจีน
แหลง่ ที่พบ: ทกุ ภมู ภิ าค
สรรพคณุ ทางยา:
– ใบ ใชป้ รุงเปน็ ยาขบั ระดู และยาระบายลมแก้จุกเสียดแนน่ เฟ้อ

3.ลักษณะทางพฤกษาศาสตร์ของดอกไม้
1)ดอกราชพฤกษ์น ั้น มีลักษณะ ดอ ก เป็น ช่อ หร ือ เป็นพ วง มีสีเหลือง สดใสสว ยง าม

ดอกราชพฤกษ์ของไทยบานเหลืองสะพรั่งในชว่ งเดือนกมุ ภาพนั ธ์ถงึ พฤษภาคมของทกุ ปี
2)ดอกลำดวนเป็นดอกไม้สีขาวปนเหลืองนวล (เหลืองนวลอ่อนๆ) มีกลีบดอกหนาและค่อนข้างแข็ง

มีกลิ่นหอมเย็นชื่นใจ โดยจะส่งกลิ่นแรงในช่วงเวลากลางคืน ชาวกัมพูชาถือว่าดอกลำดวนเป็นดอกไม้มงคล
นยิ มปลูกกันท่ัวประเทศ เป็นดอกไมป้ ระจำชาตอิ าเซยี นที่มีลกั ษณะแปลกตา แตม่ เี อกลักษณแ์ ละสวยงามมาก

3)ดอกลีลาวดีนั้นเป็นดอกไม้ที่มีหลากหลายสีสัน ทั้งสีขาว สีส้ม สีแดง สีชมพู และสีเหลืองเป็นต้น
คนลาวถือว่าดอกลีลาวดีซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติของตนนั้นเป็นตัวแทนของความสดช่ืน ความจริงใจ
และความสขุ

4)ดอกประดู่เป็นดอกไม้สีเหลืองทอง สีสันสวยงาม พบได้มากทั้งในประเทศพม่าและประเทศไทย
เป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอม โดยจะเริ่มออกดอกพร้อมกับฤดูฝน
งถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีสำหรับประเทศเกษตรกรรม
คนพม่านิยมใช้ดอกประดู่สำหรับงานเฉลิมดอกบัวคือสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ความรัก ความผูกพัน
และการมองโลกในแง่ดี

5)ดอกบัวคือสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ความรัก ความผูกพัน และการมองโลกในแง่ดี
รวมถึงความเชื่อที่ว่าดอกบัวเป็นตัวแทนแห่งรุ่งอรุณ เนื่องจากดอกบัวจะคลี่บานพร้อมกับแสงตะวัน
ซ่งึ หมายถงึ การเรม่ิ ต้นวนั ทแ่ี จ่มใส

6)ดอกกล้วยไม้แวนด้านี้จะมีสีม่วงแดงสดใส สามารถออกดอกบานสะพรั่งได้ตลอดทั้งปี โดยชื่อ
Vanda Miss Joaquim มาจากชื่อของผู้ที่สามารถผสมพันธุก์ ล้วยไม้สายพันธุ์แวนด้าชนิดนี้ได้สำเร็จ ซึ่งก็คือ
Miss Joaquim ดอก Vanda Miss Joaquim ถูกประกาศให้เปน็ ดอกไมป้ ระจำชาตเิ มอื่ ปี ค.ศ. 1981

7) พู่ระหงเป็นดอกไม้ที่มีสีแดงสดใส มีกลีบดอก 5 กลีบ มีแกนเกสรอยู่ตรงกลาง
เ ป ็ น ไ ม ้ ด อ ก ป ร ะ เ ภ ท ล ้ ม ล ุ ก ข น า ด เ ล ็ ก ล ำ ต ้ น ม ี ค ว า ม ส ู ง ป ร ะ ม า ณ 1 เ ม ต ร เ ท ่ า น้ั น
ชาวมาเลย์เช่ือวา่ ดอกพูร่ ะหงเปน็ สัญลกั ษณข์ องความแขง็ แรง ความสามคั คี

8) ดอก ซ ิมปอร์ ซ ึ่ง เป็น ดอก ไ ม้สีเหลือง สดใสสว ยง าม มีดอก ขน าดใหญ ่คล้า ย ร่ ม
ในหน่งึ ดอกจะประกอบไปดว้ ยกลีบดอกจำนวน 5 กลบี ดอกซา้ นชวาถือวา่ เปน็ ดอกไมป้ ระจำถิน่ ของบรูไน

9) ดอกกล้วยไม้ราตรีเป็นกลว้ ยไมส้ ายพันธุพ์ ิเศษที่มีลักษณะสวยงามและออกดอกตลอดทัง้ ปี รวมถึง
สามารถบานอยู่ได้หลายเดือน สามารถขึ้นได้ดีในสภาพอากาศที่ร้อนชื้นซึ่งเปน็ ลักษณะอากาศประจำถิ่นของ
อนิ โดนีเซยี

10) ดอกพดุ แกว้ ซึง่ เป็นดอกไมส้ ขี าวบริสุทธ์ิ มลี กั ษณะของดอกเป็นแฉกจำนวน 5 กลีบคล้ายรูปดาว
มีกลิ่นหอมสดชื่นโดยเฉพาะในเวลากลางคืน ต้นพุดแก้วจะออกดอกได้ทั้งปี โดยชาวฟิลิปปินส์เชื่อว่าดอกพดุ
แก้วเป็นตวั แทนของความบริสุทธ์ิ ความเรยี บง่าย ความอ่อนน้อมถอ่ มตน และความเขม้ แขง็ จึงนยิ มใช้ดอกพุด
แกว้ ในงานรืน่ เรงิ และงานเฉลิมฉลอง

โครงงานหรืองานวิจัยทเ่ี กี่ยวข้อง
โครงงานการสรา้ งบล็อกเร่ืองการสำรวจชนดิ ของดอกไมใ้ นกล่มุ ประเทศอาเซียน ผู้จดั ทำโครงงาน

นางสาว ตมัฏฐญา บรรพศรี เลขที่ 42 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 5/1 โรงเรียนขอนแก่นวทิ ยายน2 (สมาน สุ
เมโธ)

บทคดั ย่อ
โครงงานคอมพิวเตอร์ เร่ือง การสรา้ งบลอ็ กโครงงาน นมี้ ีจดุ มุง่ หมายเพ่อื
1.เพื่อรู้วิธีการสร้างบล็อกไปประยุกต์ใช้ในการเผยแผ่ข้อมูลดอกไม้ใน 10 ประเทศอาเซียน 2.เพื่อ

ศึกษาข้อมูลการสร้างบล็อก 3.เพื่อนำความรู้ในการสร้างบล็อกไปใช้ประโยชน์ในด้านการเผยแผ่ข้อมูลซึ้งมี
เนอื้ หาเกี่ยวกับเรือ่ งที่เราสนใจ

บล็อก(blog) เป็นคำรวมมาจากคำว่าเว็บบล็อก(weblog) เป็นรูปแบบเว็บไซต์ประเภทหน่ึง ซึ่งถูก
เขียนขึ้นในลำดับที่เรียงตามเวลาในการเขียน ซึ่งจะแสดงข้อมูลที่เขียนล่าสุดไว้แรกสุด บล็อกโดยปกติจะ
ประกอบด้วย ข้อความภาพลิงค์ซึ่งบางครั้งจะรวมสื่อต่างๆ ไม่ว่า เพลง หรือวิดีโอในหลายรูปแบบได้ จุดที่
แตกต่างของบล็อกกับเว็บไซต์โดยปกติคือ บล็อกจะเปิดให้ผู้เข้ามาอ่านข้อมูล สามารถแสดงความคิดเห็น
ตอ่ ท้ายขอ้ ความท่ีเจา้ ของบล็อกเป็นคนเขยี น ซง่ึ ทำให้ผู้เขยี นสามารถไดผ้ ลตอบกลบั โดยทันที คำวา่ "บลอ็ ก" ยัง
ใช้เปน็ คำกริยาได้ซึ่งหมายถงึ การเขียนบลอ็ ก และนอกจากนีผ้ ู้ที่เขียนบล็อกเป็นอาชีพก็จะถูกเรียกว่า "บล็อก
เกอร์"

ดอกไมป้ ระจำชาติอาเซียนทงั้ 10 ชาติ ได้แก่ 1. บรไู นดารสุ ซาลาม (Negara Brunei Darussalam)
:ดอกซิมปอร์ 2. ราชอาณาจักรกัมพูชา (Kingdom of Cambodia) :ดอกลำดวน 3. สาธารณรัฐ
อินโดนีเซีย (Republic of Indonesia) :ดอกกล้วยไม้ราตรี 4. สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
(Lao People's Democratic Republic) :ดอกจำปาลาว 5. ประเทศมาเลเซีย (Malaysia) :ดอกพู่ระหง
6. สาธารณรัฐฟลิ ปิ ปนิ ส์ (Republic of the Philippines) :ดอกพดุ แก้ว 7. สาธารณรฐั สิงคโปร์ (Republic
of Singapore) :ดอกกล้วยไม้แวนด้า 8. ราชอาณาจักรไทย (Kingdom of Thailand) :ดอกราชพฤกษ์
9. สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (The Socialist Republic of Vietnam) :ดอกบัว 10. สหภาพพม่า
(Union of Myanmar) : ดอกประดู่

บทท3ี่ หนา้ ทีป่ ระจำกลุม่
ประธานกลุ่ม(หวั หนา้ กลมุ่ )
ในการศึกษาครั้งนี้ ผูศ้ ึกษาไดด้ ำเนินตามข้ันตอน รองประธานกลุม่ (รองหัวหนา้ กลมุ่ )
สมาชิกกลุม่
สมาชกิ กลมุ่ และหน้าที่รบั ผิดชอบ สมาชิกกล่มุ
สมาชกิ กลมุ่
ชือ่ -นามสกุล เลขานุการกลุ่ม
ด.ช.เกรยี งยศ โพธ์ิเงิน
ด.ญ.ณชั ชา นิติชยั จงวตั ร
ด.ญ.ณชั ชานิษฐ์ องั คพนมไพร
ด.ญ.ปิยมาส กาญจนปนั นา
ด.ญ.สพุ ิชชา เขาถ้ำทอง
ด.ญ. สพุ ชิ ชา เขาถ้ำทอง

ตารางขน้ั ตอนการดำเนินงาน

รายการดำเนินงาน วนั /เดือน/ปี ทด่ี ำเนนิ งาน ผทู้ ี่รับผิดชอบงาน

1. ประชุมกล่มุ วางแผนการดำเนินงาน 15 กรกฎาคม 2564 ทกุ คน

2. ลงมือปฏบิ ัติตามแผนงาน 24 กรกฎาคม 2564 ด.ญ.ณชั ชา นิติชยั จงวตั ร

2.1 เขยี นเคา้ โครงของโครงงาน 27 กรกฎาคม 2564 ด.ญ.ณัชชานษิ ฐ์ องั คพนม

ไพร

2.2 รวบรวมข้อมลู จากคน้ หาหนังสือและส่อื 3-5 สิงหาคม 2564 ด.ญ.สุพิชชา เขาถ้ำทอง

ออนไลน์

2.3 วสั ดอุ ุปกรณแ์ ละสรปุ ผลการศึกษาค้นควา้ 13 สิงหาคม 2564 ด.ญ.ปยิ มาส กาญจนปันนา

2.4 พิมพ์ขอ้ มลู ในรปู เล่มรายงาน 5 บท 17 สิงหาคม 2564 ด.ช.เกรียงยศ โพธ์ิเงิน

2.5 ผลิตส่อื ความรู้ 20 สิงหาคม 2564 ด.ญ.ณัชชานิษฐ์ อังคพนม

ไพร

2.6 นำเสนอในรปู แบบ Power Point หรือ 22 สิงหาคม 2564 ด.ญ.ณัชชา นติ ิชยั จงวัตร

บอร์ดนำเสนอโครงงาน

3. ตรวจสอบความตอ้ งของข้อมลู และรูปเลม่ 24 สงิ หาคม 2564 ทกุ คน

รายงาน

4. ความสมบูรณ์ของรปู เลม่ รายงาน/ส่อื 30 สิงหาคม 2564 ทกุ คน

ความรู้/สมาชิกกลุม่

รายละเอียด ดงั นี้
1. ประชมุ กล่มุ วางแผนการดำเนนิ งาน Plan = P

มีการประชมุ วางแผนในการกำหนดหัวข้อเร่อื ง “ดอกไม้ประจำประเทศอาเซียน” ว่าใครมหี น้าท่ี
รบั ผิดชอบในหัวขอ้ น้นั ๆ

1.) ศึกษาเก่ยี วกับประวัติของดอกไม้ประจำชาติประเทศอาเซียนตา่ งๆ
2.) จัดทำ pop-up เร่ือง “ดอกไม้ประจำชาตปิ ระเทศอาเซยี น”

2. ลงมือปฏิบตั ติ ามแผนงาน DO = D
สมาชกิ ในกลุ่มปฏบิ ัติตามแผนงานทไ่ี ด้นัดหมายกนั ไว้ ตามที่ตกลงและพูดคยุ กันไว้ ขณะพูดคยุ ลงมอื

เขยี นเคา้ โครงของโครงงาน รวบรวมข้อมลู จากค้นหาหนังสอื และสอื่ ออนไลน์ วสั ดแุ ละอุปกรณ์สรปุ ผลการศกึ ษา
ค้นควา้ แบ่งหน้าที่พมิ พข์ อ้ มมลู ในรูปเลม่ รายงาน 5 บท ผลิตสือ่ ความรู้ และนำเสนอในรูปแบบ Power Point
หรือบอร์ดนำเสนอผลงาน

3. ตรวจสอบความตอ้ งของข้อมลู และรปู เล่มรายงาน Check = C
มีการตรวจสอบและดรู ายละเอียดโครงงาน PowerPoint ที่จดั ขึ้นมาอยา่ งละเอยี ดและรอบคอบ

4. ผลิตสือ่ ความรู้ พรอ้ มรปู แบบการนำเสนอผลงานการศึกษาค้นควา้ Action = A
นำข้อมูลท่ไี ดศ้ ึกษาค้นควา้ มาเผยแพร่ในรูปแบบของสื่อความรู้ /PowerPoint/ หรือบอร์ดนำเสนอ

โครงงาน

บทท่ี 4
ผลการวเิ คราะหข์ ้อมูล/การศึกษาค้นควา้

ผลการศึกษาค้นว้า โครงงานเรื่อง ดอกไม้ประจำประเทศอาเซียนมีรายละเอียดที่จะศึกษา ตาม
วัตถุประสงค์ คือ 1.เพื่อศึกษาประวัติความเป็นมาของกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซยี น 2.เพื่อศึกษาดอกไม้ประจำ
ชาตใิ นอาเซยี น และ 3.เพอื่ ศกึ ษาลกั ษณะทางพฤกษาศาสตรข์ องดอกไมป้ ระจำประเทศอาเซียน

ผลการศึกษาคน้ ควา้ พบว่า
1.ศึกษาประวัติความเป็นมาของกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน อาเซียน เกิดจากการรวมตัวกันของ

ประเทศ อนั ได้แก่ มาเลเซีย, พม่า, กมั พชู า, ลาว, ไทย, สิงคโปร์, เวยี ดนาม, บรไู นดารสุ -ซาลาม, ฟิลิปปนิ ส์ และ
อินโดนีเซีย ซึงรายนามประเทศเหล่านเี ป็นประเทศทีตังอยูใ่ นทวีปเอเชยี ตะวันออกเฉียงใต้ทั้งสิ้นโดยอาเซียน มี
ช่อื เรยี กเตม็ ๆ ว่า "Association of Southeast Asian Nations" หรอื "สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออก
เฉยี งใต"้

2.ดอกไมป้ ระจาํ ชาตปิ ระเทศอาเซยี น
1)ดอกไม้ประจําชาติไทย – ดอกราชพฤกษ์ (Ratchaphruek) หรอื ดอกคนู
2)ดอกไม้ประจาํ ชาติกัมพชา – ดอกลาํ ดวน (Rumdul)
3)ดอกไมป้ ระจําชาติลาว – ดอกจาํ ปาลาว (Dok Champa) หรอื ดอกลลี าวดี
4)ดอกไมป้ ระจาํ ชาตพิ มา่ – ดอกประดู่ (Padauk)
5)ดอกไมป้ ระจําชาติเวยี ดนาม – ดอกบวั (Lotus)
6)ดอกไมป้ ระจาํ ชาตสิ ิงคโปร์ – ดอกกล้วยไมแ้ วนด้า (Vanda Miss Joaquim)
7)ดอกไม้ประจําชาติมาเลเซีย – ดอกพู่ระหง (Bunga Raya) หรอื ดอกชบาแดง
8)ดอกไมป้ ระจําชาตบิ รูไน – ดอกซา้ นชะวา (Dillenia) หรือดอกซิมปอร(์ Simpor)
9)ดอกไมป้ ระจําชาติอินโดนเี ซีย – ดอกกล้วยไม้ราตรี (Moon Orchid)
10)ดอกไม้ประจาํ ชาติฟลิปปนส์ – ดอกพุดแก้ว (Sampaguita Jasmine)

3.ลักษณะทางพฤกษาศาสตร์ของดอกไม้
1)ดอกราชพฤกษนนั์ มลี ักษณะดอกเปนชอ่ หรือเปนพวง มีสเี หลอื งสดใสสวยงาม ดอกราชพฤกษ์

ของไทยบานเหลืองสะพรังในชว่ งเดอื นกมุ ภาพันธ์ถงึ พฤษภาค มของทุกป
2)ดอกลําดวนเปนดอกไม้สีขาวปนเหลืองนวล (เหลืองนวลอ่อนๆ) มีกลีบดอกหนาและค่อนข้าง

แขง็ มีกลินหอมเย็นชนื ใจ โดยจะส่งกลนิ แรงในชว่ งเวลากลางคืน ชาวกมั พูชาถอื ว่าดอกลําดวนเปนดอก
ไม้มงคล นิยมปลูกกันทัวประเทศ เปนดอกไม้ประจําชาติอาเซียนทีมีลกั ษณะแปลกตา แต่มีเอกลักษณ์
และสวยงามมาก

3)ดอกลีลาวดีนนั เปนดอกไม้ทีมีหลากหลายสสี ัน ทังสขี าว สีส้ม สแี ดง สชี มพู และสีเหลืองเปน
ต้น คนลาวถือว่าดอกลีลาวดีซึงเปนดอกไม้ประจําชาติของตนนันเปนตัวแทนของ ความสดชืน ความ
จรงิ ใจ และความสขุ

4)ดอกประดเู่ปนดอกไม้สีเหลืองทองสีสันสวยงาม พบได้มากทังในประเทศพม่าและประเทศ
ไทย เปนดอกไม้ทีมีกลินหอม โดยจะเริมออกดอกพร้อมกับฤดูฝน ซึงถือว่าเปนนิมิตรหมายทีดีสําหรับ
ประเทศเกษตรกรรม คนพม่านิยมใชด้ อกประดู่สําหรับงานเฉลมิ ดอกบัวคือสัญลักษณ์ของความบริ สุทธิ
ความรกั ความผูกพนั และการมองโลกในแงด่ ี 5)ดอกบัวคือสญั ลกั ษณ์ของความบริสุทธิ ความรกั ความ

ผกู พนั และการมองโลกในแง่ดี รวมถงึ ความเชือทวี า่ ดอกบัวเปนตวั แทนแห่งรุ่งอรณุ เนอื งจากดอกบัวจะ

คลบี านพรอ้ มกบั แสงตะวนั ซงึ หมายถึงการเริมต้นวันทีแจ่มใส
6)ดอกกลว้ ยไม้แวนด้านจี ะมีสมี ว่ งแดงสดใส สามารถออกดอกบานสะพรังไดต้ ลอดทังป โดยชือ

Vanda Miss Joaquim มาจากชือของผู้ทีสามารถผสมพนั ธุก์ ลว้ ยไมส้ ายพันธ์ุแวนด้าชนิดนีได้สําเร็จ ซึง
ก็คือ Miss Joaquim ดอก Vanda Miss Joaquim ถูกประกาศให้เปนดอกไม้ประจําชาติเมือป ค.ศ.

1981
7)พู่ระหงเปนดอกไม้ทีมีสีแดงสดใส มีกลีบดอก 5 กลีบ มีแกนเกสรอยู่ตรงกลาง เปนไม้ดอก

ประเภทล้มลุกขนาดเล็ก ลําต้นมีความสูงประมาณ 1 เมตรเท่านัน ชาวมาเลย์เชือว่าดอกพู่ระหงเปน

สญั ลักษณ์ของความแข็งแรง ความสามัคคี
8)ดอกซิมปอร์ ซึงเปนดอกไม้สีเหลืองสดใสสวยงาม มีดอกขนาดใหญ่คล้ายร่ม ในหนึงดอกจะ

ประกอบไปด้วยกลบี ดอกจาํ นวน 5 กลีบ ดอกซา้ นชวาถือวา่ เปนดอกไม้ประจําถินของบรูไน
9)ดอกกล้วยไม้ราตรีเปนกล้วยไม้สายพันธุพ์ ิเศษทีมีลักษณะสวยงามและออก ดอกตลอดทังป

รวมถึงสามารถบานอยู่ได้หลายเดือน สามารถขึนได้ดีในสภาพอากาศทีร้อนชืนซึงเปนลักษณะอากาศ

ประจําถนิ ของ อนิ โดนีเซยี
10)ดอกพุดแก้ว ซึงเปนดอกไม้สีขาวบริสุทธิ มีลักษณะของดอกเปนแฉกจํานวน 5 กลีบคล้าย

รูปดาว มีกลินหอมสดชืนโดยเฉพาะในเวลากลางคืน ต้นพุดแก้วจะออกดอกไดท้ ังป โดยชาวฟลิปปนส์
เชือว่าดอกพุดแก้วเปนตัวแทนของความบริสุทธิ ความเรียบง่าย ความอ่อนน้อมถ่อมตน และความ
เข้มแขง็ จึงนิยมใช้ดอกพดุ แกว้ ในงานรนื เริงและงานเฉลมิ ฉลอง

บทท่ี 5
สรปุ อภิปราย และขอ้ เสนอแนะ

สรุปผลการศึกษาค้นควา้
การศึกษาค้นคว้า เรื่อง ดอกไม้ประจำประเทศอาเซียน มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาดอกไม้ประจำชาติใน

อาเซียนและเพื่อศึกษาลักษณะทางพฤกษาศาสตร์ของดอกไม้ประจำประเทศอาเซียน สมาชิกในกลุ่มปฏิบัติตาม
แผนงานที่ได้นัดหมายกันไว้ ตามที่ตกลงและพูดคุยกันไว้ ขณะพูดคุยลงมือเขียนเค้าโครงของโครงงาน รวบรวม
ข้อมูลจากค้นหาหนังสือและสื่อออนไลน์ วัสดุและอุปกรณ์สรุปผลการศึกษาค้นคว้า แบ่งหน้าที่พิมพ์ข้อมมูลใน
รปู เล่มรายงาน 5 บท ผลติ สอ่ื ความรู้ และนำเสนอในรปู แบบ Power Point หรือบอรด์ นำเสนอผลงาน

อภิปรายผล
จาการศกึ ษาเร่ือง ดอกไมป้ ระจำประเทศอาเซียน สามารถอภิปรายผลได้ดงั นี้
ผลการศกึ ษาคน้ ควา้ บรรลุตามวัตถุประสงค์ทีต่ ั้งไว้ คือ ศึกษาประวตั คิ วามเป็นมาของกล่มุ ประเทศสมาชิก

อาเซียน อาเซยี น เกดิ จากการรวมตวั กันของ 10ประเทศ อันได้แก่ มาเลเซยี , พมา่ , กมั พชู า, ลาว, ไทย, สิงคโปร์,
เวียดนาม, บรูไนดารสุ -ซาลาม, ฟิลิปปินส์ และอินโดนเี ซีย ซึงรายนามประเทศเหล่านเี ปน็ ประเทศที่ต้ังอยู่ในทวปี
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งสิ้นโดยอาเซียน ในแต่ละประเทศก็จะมีดอกไม้ที่สวยงามและมีลักษณะความหมาย
แตกตา่ งกนั ไป และไดศ้ ึกษาช่อื ชนดิ ของดอกไมป้ ระจำประเทศของ10ประเทศไดแ้ ก่ ไทย-ดอกราชพฤกษ์,กัมพูชา-
ดอกลำดวน,ลาว-ดอกจำปาลาว,พม่า-ดอกประดู่,เวียดนาม-ดอกบัว,สิงคโปร์-ดอกกล้วยไม้แวนด้า,มาเลเซีย-ดอก
พู่ระหง,บรูไน-ดอกซิมปอร์, อินโดนีเซีย-ดอกกล้วยไมร้ าตรีและฟิลิปปินส์-ดอกพุดแก้ว เราควรศึกษาและร้ไู ว้เพือ่
เปน็ ความรู้ตอ่ ไป

ข้อเสนอแนะ
1. ผู้สนใจด้านงานวจิ ัยสามารถนำผลวิจัยน้ไี ปใช้ให้เกิดประโยชนใ์ นคร้ังต่อไปได้
2. ควรมกี ารใช้เคร่ืองมือทหี่ ลากหลายในการเกบ็ รวบรวมข้อมลู เชน่ แบบสอบถาม การสนทนากล่มุ หรือการ

สมั ภาษณ์เชงิ ลกึ เปน็ ต้น
3. ไดร้ ู้จกั ดอกไม้ประจำชาติลักษณะของดอกไม้และความหมายตา่ งๆ ของดอกไม้



บรรณานุกรม

สกลกาญจน์ วิเศษ. (2556). สาระอาเซียน. กรุงเทพมหานคร : ซแี อนดเ์ อน็ บคุ๊ .
รตั นลักษณ์ ปัญจวฒุ พิ ฒั น์. (2555). ดอกไม้ดนิ ญี่ปุ่นประจำชาติในประชาคมอาเซียน.

กรงุ เทพมหานคร : บริษทั ทวพี ร้ินท์ จำกัด
มังก้บี ุ๊กส์. (2556). ดอกไมป้ ระจำชาติ. กรงุ เทพมหานคร : มังก้ีบกุ๊ ส์
เทศบาลตำบลสร้างค้อ. (1กรกฎาคม2557). “ดอกไมป้ ระจำชาตอิ าเซยี น 10 ประเทศ”

(ออนไลน์). เขา้ ถงึ ได้จาก www.sangho.go.th. สืบค้นเมื่อ (13กันยายน2564).
A FLOWER ROOM. (8กนั ยายน2564). “10ดอกไมส้ ัญลกั ษณ์ประจำชาตอิ าเซยี น”

(ออนไลน์). เขา้ ถึงไดจ้ าก www.aflowerroom.com. สืบค้นเมอ่ื
(14กันยายน2564).


Click to View FlipBook Version