ประวัติและความเป็นมา
ในสมัยโบราณมนุษย์ยังไม่มีนาฬิกาใช้ การดาเนินชีวิตข้ึนอยู่กับ
ธรรมชาติ ดวงอาทิตย์จึงเป็นนาฬิกาเรือนแรกท่ีมนุษย์รู้จัก นัก
ประวัติศาสตร์ชื่อ Herodotus ได้บันทึกไว้ว่า ประมาณ 3,500 ปีก่อน
มนุษย์รู้จักใช้ นาฬิกาแดด ซึ่งนับว่าเป็นนาฬิกาเรือนแรกของโลก โดย
สามารถอา่ นเวลาไดจ้ ากเงาท่ตี กทอดลงบนขดี เคร่ืองหมาย
โดยเฉพาะใช้ดวงอาทิตย์เป็นเคร่ืองช้ีบอกเวลาธรรมชาติท่ีสาคัญ
ท่ีสุด เช่นเวลาเช้าดวงอาทิตย์ขึ้น เวลาเที่ยงดวงอาทิตย์อยู่ตรงศีรษะ
เวลาเย็นค่าดวงอาทิตย์ตกลับจากขอบฟ้าส่วนเวลากลางวัน ในช่วงเวลา
อ่ืนก็อาศัยสังเกตดูจากการทอดเงา ของวัตถุใดวัตถุหน่ึงท่ีกาหนดให้
เป็นเครื่องบอกเวลาของคนในท้องถิ่นน้ัน ซึ่งอาจไม่มีความเท่ียงตรง
แต่ก็ยอมรับได้สมัยน้ันมาใช้กาหนดเวลาด้วยหลักการตามท่ีกล่าวมา
มนุษย์ในระยะแรกจึงได้ประดิษฐ์คิดค้นนาฬิกาแดด (Sundisl) ให้มี
รูปทรงท่ีเหมาะสมข้ึนมาใช้งานเป็นเครื่อง
บอกเวลาอย่างง่ายนาฬิกาแดดมี 3 ประเภท
คือ นาฬิกาแดดแบบศูนย์สูตร นาฬิกาแดด
แนวตั้ง และนาฬิกาแดดแนวราบ นาฬิกา
แดดท้ังสามชนิด มีรายละเอยี ดดงั นี้
1 นาฬิกาแดดแบบศูนย์สตู ร
นาฬิกาแดดแบบศูนย์สูตร (Equatorial Sundial) มีสันกาเนิดเงา
ต้ังอยู่ในแนวทิศเหนือ - ใต้ ชี้ไปยังขั้วฟ้า หรือทามุมเท่ากับค่า
ละติจูดของผู้สังเกตการณ์ ดังภาพท่ีปรากฏ โดยมีหน้าปัดรับเงาท้ัง
สองด้าน เนื่องจากในช่วงวันที่ 21 มีนาคม ถึง 23 กันยายน ดวง
อาทิตย์จะอยู่ในซีกฟ้าเหนือ ส่วนในช่วงวันท่ี 23 กันยายน ถึง วันที่
21 มีนาคม ดวงอาทิตย์จะอยู่ในซีกฟ้าใต้ นาฬิกาแดดประเภทนี้เป็น
ท่ีนิยมใช้ในประเทศแถบศูนย์สูตร น ประเทศไทย เน่ืองจากสัน
กาเนิดเงาของนาฬิกาแดดแนวตั้งและนาฬิกาแดดแนวนอนมีระดับ
ต่า มีมุมลาดมากไม่สวยงาม หน้าปัดของนาฬิกาแดดแบบศูนย์สูตร
จะเอียงทามุมในระนาบของเส้นศูนย์สูตรฟ้า โดยมีสเกลแบ่งเวลา
เป็นช่ัวโมง เส้นช่ัวโมงแต่ละเส้นทามุมกัน 15 องศา (360 องศา / 24
ชว่ั โมง) เนอื่ งจากทรงกลมทอ้ งฟ้าเคล่อื นทไ่ี ป 15 องศา ใน 1 ชั่วโมง
2 นาฬกิ าแดดแดดแนวต้ัง
นาฬิกาแดดแนวต้ัง (Vertical Sundial) มีลักษณะและหลักการ
คลา้ ยคลงึ กบั นาฬกิ าแดดแบบศนู ย์สูตร เพียงแต่หน้าปัดหรือฉากรับ
เงาจะต้ังขึ้นตั้งฉากกับพ้ืนโลก ดังภาพท่ี 1 นาฬิกาแดดแนวตั้ง
จะต้องมีหน้าปัดสองด้านเช่นเดียวกับนาฬิกาแดดแบบศูนย์สูตร
เนื่องจากดวงอาทิตย์ซึ่งเป็นต้นกาเนิดแสง จะมีตาแหน่งค่อนไปทาง
เหนือ - ใต้ ตามแต่ฤดูกาล นาฬิกาแดดแนวตั้งส่วนมากมีขนาดเล็ก
ชาวยุโรปนิยมสร้างนาฬิกาแดดประเภทน้ี ประดับผนังภายนอก
อาคาร
หน้าปัดของนาฬิกาแดดแนวตั้งทามุมต้ังฉากกับพ้ืน ดังภาพท่ี
2 (ไมเ่ หมือนกับหนา้ ปัดของนาฬิกาแดดแบบศูนย์สูตร ซึ่งเอียงขนาน
กับระนาบของเส้นศูนย์สูตรฟ้า) โดยมีสเกลแบ่งเวลาเป็นช่ัวโมง เส้น
ชวั่ โมงแต่ละเส้นทามมุ กัน 15 องศา (360 องศา/ 24 ช่ัวโมง) เช่นกัน
3 นาฬิกาแดดแดดแนวราบ
นาฬิกาแดดแนวราบ (Horizontal Sundial) มีสนั กาเนิดเงาขนาน
กับแกนหมุนของโลก และชี้ไปทางข้ัวฟ้า เมื่อแสงอาทิตย์ส่องมา จะ
ปรากฏเงาบนพ้ืนราบ ในลักษณะเดียวกับเงาของอาคาร หรือต้นไม้
ดวงอาทติ ย์อยู่สูง เงาก็ยิ่งส้ันลง นาฬิกาแดดประเภทนี้เป็นท่ีนิยมใช้
กันมากในประเทศที่มีละติจูดสูง แต่ไม่เหมาะสาหรับประเทศท่ีอยู่
ใกล้กับเส้นศูนย์สูตร เช่น ประเทศไทย เน่ืองจากมุมละติจูดเล็กมาก
ทาให้สนั กาเนดิ เงาตา่ มาก ดงั ภาพที่ 1
เสน้ ชว่ั โมงของนาฬิกาแดดแนวราบแต่ละเส้นจะห่างไม่เท่ากัน
(ไม่เหมือนกับนาฬิกาแดดแบบศูนย์สูตร และนาฬิกาแดดแนวต้ัง ซ่ึง
มีเส้นช่ัวโมงหางกันเส้นละ 15°) ท้ังน้ีเป็นเพราะการฉายเงาจากสัน
กาเนิดเงาซึง่ อยใู่ นแนวตัง้ ไปยงั หนา้ ปัดในแนวราบ
สมการเวลา
นาฬิกาแดดทุกชนิดสามารถคลาดเคล่ือนจากเวลาจริงไม่
เกิน ± 16 นาที แล้วแต่ฤดูกาล เนื่องจากแกนของโลกเอียง 23.5
องศา และวงโคจรของโลกเป็นรูปวงรี ทาให้ระยะทางระหว่างโลก
กับดวงอาทติ ย์ ไมใ่ ชร่ ะยะคงท่ี ถา้ ต้องการให้ค่าทไ่ี ด้ตรงกับความ
เป็นจริง จะต้องนาเวลาที่อ่านได้มาเทียบปฏิทินในกราฟสมการ
เวลา (Equation of Time) ด้านล่างอกี ทหี นงึ่ ยกตวั อยา่ งเชน่
วันท่ี 1 มกราคม อ่านเวลาจากนาฬิกาแดดได้ 10.00 น. ก็จะต้อง
บวกเพิ่ม 3 นาที ดังน้ันเวลาจริงคือ 10.03 น.วันที่ 1 พฤษภาคม
อา่ นเวลาจากนาฬกิ าแดดได้ 10.00 น. กจ็ ะตอ้ งลบออก 3 เวลาจรงิ
คอื 09.57 น
การเคลอ่ื นตัวของพระอาทติ ย์
ทบี่ ง่ บอกเวลาและเดอื น
วดี ีโอจาลองการเคล่ือนท่ขี องพระอาทติ ย์
เนอ้ื หาบทเรียนท้งั หมด
แบบทดสอบหลงั เรียน