47
ขนั้ ท่ี 3 ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรปุ
3.1 ครทู าการส่มุ นกั เรยี น จานวน 2 คน ออกมาเฉลยโจทยป์ ญั หาหนา้ ชัน้ เรยี น
3.2 นักเรียนทกุ คนชว่ ยกันตรวจสอบวิธกี ารหาคาตอบของเพื่อนวา่ ถูกต้องหรือไม่
3.3 ครูนานกั เรยี นอภปิ รายเพ่อื นาไปสู่การสรุป โดยใช้คาถามตอ่ ไปนี้
1) จงอธบิ ายความหมายของพลังงานภายในระบบ (internal energy of system)
(แนวการตอบ พลังงานท้ังหมดของโมเลกุลของแก๊สทีบ่ รรจอุ ยู่ในระบบ)
2) พลังงานภายใน (internal energy) ของแก๊ส แทนดว้ ยสญั ลกั ษณ์ใด
(แนวการตอบ )
3) ผลรวมของพลังงานจลน์ของโมเลกลุ ท้งั หมด มคี ่าเทา่ กับค่าใด
(แนวการตอบ ผลรวมของพลังงานจลน์ของโมเลกุลทงั้ หมด เท่ากบั พลงั งานจลนเ์ ฉลี่ยต่อ
โมเลกุลคูณด้วยจานวนโมเลกุลทัง้ หมด)
4) สาหรบั แก๊สอุดมคติในภาชนะปิด จานวนโมเลกลุ จะมีค่าคงตวั พลังงานภายในจึงข้นึ กับ
คา่ ใด (แนวการตอบ อุณหภมู ิ)
5) พลังงานภายในของแก๊สหรือพลังงานภายในระบบแปรผนั ตรงกบั ค่าใดบา้ ง
(แนวการตอบ จานวนโมเลกุล (หรอื จานวนโมล) และอณุ หภมู สิ ัมบรู ณ์ของแก๊ส)
3.4 นักเรียนและครรู ่วมกนั สรุปความหมายพลงั งานภายในระบบ สมการท่เี กี่ยวข้องกับพลังงาน
ภายในระบบ รวมถึงความหมายและหนว่ ยของตวั แปรที่เก่ียวข้อง
ขั้นที่ 4 ข้ันขยายความรู้
4.1 ครูให้ความรู้เพิ่มเติมเกย่ี วกบั โจทยป์ ญั หาท้าทาย ข้อ 44 ในหนงั สอื เรยี น
ขน้ั ที่ 5 ข้ันประเมินผล
5.1 ครตู รวจใบงาน เรอ่ื ง พลังงานภายในระบบ
5.2 ครูตรวจสมุดนักเรยี นในการทาโจทย์ปญั หา ข้อ 25-26
6. สอ่ื การเรียนรู/้ แหล่งเรยี นรู้
6.1 หนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเตมิ วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฟิสิกส)์ ชนั้ มธั ยมศึกษาปีที่ 6 เล่ม 5
(ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ.2560)
6.2 อินเทอรเ์ น็ต
6.3 หอ้ งสมุด
6.4 ใบงาน เร่ือง พลงั งานภายในระบบ
48
7. การวัดและประเมนิ ผล วธิ กี ารวัด เครอื่ งมอื เกณฑ์การประเมนิ
จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้
1) ตรวจใบงาน เรอื่ ง 1) แบบประเมินการ 1) นักเรียนสามารถ
ด้านความรู้ (K) พลงั งานภายในระบบ
1) นกั เรยี นอธบิ ายความหมายพลังงาน ทากิจกรรม ตอบคาถามได้
ภายในระบบได้
2) ใบงาน เรื่อง ระดับดี ผา่ นเกณฑ์
ด้านกระบวนการ (P)
1) นกั เรยี นคานวณหาปริมาณต่าง ๆ ท่ี พลงั งานภายในระบบ
เก่ยี วขอ้ งพลังงานภายในระบบได้
1) ตรวจสมดุ นักเรียน 1) แบบประเมนิ การ 1) นักเรยี นสามารถ
ด้านคณุ ลักษณะ (A) ในการทาโจทย์ปญั หา ทากิจกรรม ทาแบบฝึกหัดได้
1) ใฝเ่ รียนรแู้ ละม่งุ มน่ั ในการทางาน ขอ้ 25-26 2) โจทยป์ ญั หา ระดับดี ผ่านเกณฑ์
ขอ้ 25-26
1) ตรวจใบงาน เรอื่ ง 1) แบบประเมินการ 1) นกั เรียนทาภาระ
พลงั งานภายในระบบ
2) ตรวจสมุดนกั เรยี น ทากิจกรรม งานทีไ่ ดร้ ับมอบหมาย
ในการทาโจทย์ปัญหา
ข้อ 25-26 2) ใบงาน เรือ่ ง ไดร้ ะดบั ดี ผา่ นเกณฑ์
พลงั งานภายในระบบ
3) โจทย์ปญั หา
ข้อ 25-26
49
ช่อื ชั้น เลขที่ ‘
ใบงาน เรอ่ื ง พลงั งานภายในระบบ
คาช้ีแจง จงตอบคาถามต่อไปน้ีใหถ้ กู ต้องครบถ้วน อ
1) จงอธบิ ายความหมายของพลงั งานภายในระบบ (internal energy of system) อ
ตอบ พลังงานทงั้ หมดของโมเลกลุ ของแก๊สทบ่ี รรจุอยู่ในระบบ
โมเล กลุ ท้ังหมด อ
2) พลังงานภายใน (internal energy) ของแก๊ส แทนด้วยสญั ลักษณ์ใด
ตอบ
3) ผลรวมของพลงั งานจลน์ของโมเลกลุ ท้งั หมด มคี ่าเทา่ กับค่าใด
ตอบ ผลรวมของพลงั งา นจลน์ของโมเลกุลทั้งหมด เทา่ กบั พลงั งานจลน์เฉลีย่ ต่อโมเลกลุ คณู ด้วยจานวน
โมเลกุลทงั้ หมด อ
4) สาหรับแก๊สอุดมคติในภาชนะปิด จานวนโมเลกลุ จะมีค่าคงตวั พลังงานภายในจงึ ข้ึนกับคา่ ใด อ
ตอบ อุณหภูมิ
5) พลังงานภายในของแก๊สหรือพลังงานภายในระบบแปรผันตรงกับค่าใดบ้าง อ
ตอบ จานวนโมเลกุล (หรือจานวนโมล) และอณุ หภูมสิ ัมบรู ณ์ของแกส๊
50
51
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 24 ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ 6
เวลา 24 ช่ัวโมง
รายวชิ าวทิ ยาศาสตร์เพิม่ เติม (ฟิสกิ ส)์ เวลา 2 ชั่วโมง
หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 16 ความร้อน
เรอื่ ง งานท่ีทาโดยแก๊ส ครผู ู้สอน นายปัญญา ฮวดไชย
ภาคเรยี นท่ี 1
1. สาระสาคญั
พลงั งานทั้งหมดของโมเลกลุ ของแก๊สท่บี รรจุอยู่ในระบบ เรียกว่า พลังงานภายในระบบ (internal
energy of a system) ซง่ึ จะหมายถึง พลังงานภายใน (internal energy) ของแก๊สแทนด้วยสัญลักษณ์
สาหรบั แกส๊ อุดมคติสามารถหาพลงั งานภายในระบบไดจ้ ากสมการ = 3 = 3 พลังงาน
2 2
ภายในระบบมคี วามสัมพันธ์กับความร้อนและงานซึ่งเป็นไปตามกฎการอนุรกั ษพ์ ลังงาน เรียกว่า กฎข้อทหี่ น่ึงของ
อณุ หพลศาสตร์ (first law of thermodynamics) เขียนแทนดว้ ยสมการ = +
ตามกฎข้อทหี่ นงึ่ ของอุณหพลศาสตรท์ าให้ทราบวา่ ความร้อน (heat, ) เป็นเพียงพลงั งานที่ถ่ายโอน ในรูปงานและ
พลังงานภายในระบบเทา่ นั้น ความรู้พลังงานภายในระบบสามารถนาไปประยุกต์ดา้ นต่าง ๆ เชน่ การทางานของ
เคร่ืองยนต์ความรอ้ น ตเู้ ย็น และเครื่องปรบั อากาศ
2. ผลการเรยี นรู้
10. อธิบายและคานวณงานที่ทาโดยแกส๊ ในภาชนะปดิ โดยความดนั คงตวั และอธิบายความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง
ความร้อน พลังงานภายในระบบ และงาน รวมท้ังคานวณปรมิ าณต่างๆ ท่เี กี่ยวข้อง และนาความรเู้ รอ่ื งพลังงาน
ภายในระบบไปอธิบายหลักการทางานของเคร่อื งใชใ้ นชวี ติ ประจาวัน
3. สาระการเรยี นรู้
3.1 ความรู้
งานที่ทาโดยแก๊ส
แก๊สในกระบอกสูบเดิมมีปริมาตร และความดัน ถ้าแก๊สในกระบอกสูบเกิดการขยายตัวดันลูกสูบให้เคล่ือนที่
ออกในขณะที่ความดันมีค่าคงตัวทาให้แก๊สมีปริมาตรเพ่ิมข้ึน ∆ แสดงว่า แก๊สทางานหากพิจารณางานดังกล่าวท่ี
เกิดข้ึนกับลูกสูบที่มีพ้ืนที่หน้าตัด โดยแรงที่แก๊สดันลูกสูบมีค่าคงตัว = ถ้าแรงดังกล่าวทาให้ลูกสูบ
เคลื่อนท่เี ป็นระยะ ∆ จะไดป้ ริมาตรเพิ่มข้ึน ∆ = ∆
3.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการส่ือสาร (อ่าน ฟงั พูด เขียน)
2) ความสามารถในการคิด (สังเกต วเิ คราะห์ จดั กลุ่ม สรปุ )
3) ความสามารถในการแก้ปัญหา (แสวงหาความรู้)
52
4. จุดประสงค์การเรียนรู้ รายละเอยี ด
จดุ ประสงคการเรียนรู้
ด้านความรู้ 1. นกั เรียนอธิบายความหมายงานทท่ี าโดยแก๊สได้
(K: Knowledge) 2. นกั เรียนคานวณหาปริมาณต่าง ๆ ที่เกีย่ วข้องได้
ด้านทักษะกระบวนการ 3. ใฝ่เรียนรแู้ ละมงุ่ มัน่ ในการทางาน
(P: Process)
ดา้ นคุณลักษณะที่พงึ
ประสงค์ (A: Attitude)
5. กจิ กรรมการเรยี นรู้
ข้นั ที่ 1 ขั้นสรา้ งความสนใจ
1.1 ครูนาเขา้ สหู่ ัวขอ้ ที่ 16.4.2 โดยใชร้ ปู การทางานของแก๊สเมื่อขยายตวั จนมีปริมาตรเพ่ิมขน้ึ
∆ ในหนงั สอื เรียน โดยใหน้ ักเรียนอภปิ รายรว่ มกนั แลว้ ตง้ั คาถามใหน้ ักเรียนตอบ เพอ่ื นาเข้าสกู่ จิ กรรม
ดังน้ี
1) ถา้ ให้ความรอ้ นแกแ่ ก๊สท่บี รรจใุ นกระบอกสบู ที่ลูกสูบสามารถเคลื่อนท่ีไดค้ ล่อง
จะเกดิ การเปลี่ยนแปลงอย่างไร
2) เมื่อแก๊สขยายตัวจนมปี รมิ าตรเพมิ่ ขนึ้ แก๊สมีการทางานหรือไม่ รู้ไดอ้ ย่างไร
3) ถา้ แก๊สมกี ารทางาน จะสามารถหางานที่ทาโดยแกส๊ ได้อยา่ งไร
(ใหน้ ักเรียนแสดงความคิดเห็นไดอ้ ยา่ งอิสระ โดยไม่คาดหวงั คาตอบที่ถูกต้อง)
ข้นั ท่ี 2 ขัน้ สารวจและค้นหา
2.1 ครใู ห้นกั เรยี นศึกษาเน้ือหาเก่ยี วกบั เรอื่ ง งานทท่ี าโดยแก๊ส ตามรายละเอียดในหนังสือเรยี น
หนา้ 166
2.2 ครนู านกั เรยี นศึกษาโจทย์ตัวอยา่ ง 16.11 ในหนังสือเรยี น หนา้ 167 พรอ้ มอธิบายวธิ ีการหา
คาตอบอยา่ งละเอียด
2.3 ครใู หน้ กั เรยี นทาใบงาน เร่ือง งานที่ทาโดยแกส๊
2.4 ครูใหน้ กั เรยี นทาแบบฝึกหดั 16.4 ข้อ 1-2 ในหนังสือเรียน หนา้ 178 ลงในสมุดตนเอง
53
ขน้ั ที่ 3 ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรปุ
3.1 ครทู าการสุ่มนักเรยี น จานวน 2 คน ออกมาเฉลยแบบฝึกหดั หน้าชนั้ เรยี น
3.2 นักเรยี นทุกคนชว่ ยกันตรวจสอบวธิ กี ารหาคาตอบของเพอ่ื นวา่ ถูกต้องหรอื ไม่
3.3 ครูนานักเรยี นอภิปรายเพื่อนาไปส่กู ารสรุป โดยใช้คาถามตอ่ ไปน้ี
1) เมือ่ พิจารณาลูกสบู (ดังรปู ) จะมีแรงทแี่ ก๊สดันลูกสบู ออกและแรงจากภายนอกดนั
ลูกสบู เข้า งานที่เกดิ จากแรงที่แก๊สดันลกู สบู เรียกว่าอะไร (แนวการตอบ งานทที่ าโดยแก๊ส (work done
by gas))
2) เมอื่ พิจารณาลูกสบู (ดังรปู ) จะมีแรงทีแ่ กส๊ ดนั ลูกสูบออกและแรงจากภายนอกดัน
ลูกสูบเข้า งานทเ่ี กิดจากแรงภายนอกกระทาตอ่ ลูกสูบ เรยี กว่าอะไร (แนวการตอบ งานท่ีทาตอ่ แก๊ส (work
done on gas))
3) กรณลี ูกสบู อยู่นิง่ แกส๊ มีปริมาตรอยา่ งไร (แนวการตอบ แก๊สมปี ริมาตรคงตัว)
4) กรณลี ูกสบู เคลื่อนที่ออก แกส๊ มปี ริมาตรอย่างไร (แนวการตอบ แกส๊ มีปริมาตรเพ่มิ ขนึ้ )
5) กรณลี ูกสบู เคลือ่ นทอ่ี อก งานท่ีทาโดยแก๊สมคี า่ เป็นบวกหรอื ลบ และงานท่ที าต่อแก๊สมีค่า
เปน็ ลบหรอื บวก (แนวการตอบ งานทท่ี าโดยแก๊สเป็นบวก และงานที่ทาต่อแกส๊ เปน็ ลบ)
6) กรณีลกู สบู เคลื่อนที่เขา้ แก๊สมปี ริมาตรอยา่ งไร (แนวการตอบ แก๊สมีปริมาตรลดลง)
7) กรณีลูกสูบเคลือ่ นท่ีเขา้ งานทท่ี าโดยแก๊สมีคา่ เป็นบวกหรอื ลบ และงานที่ทาต่อแก๊สมี
คา่ เปน็ ลบหรอื บวก (แนวการตอบ งานท่ีทาโดยแกส๊ เป็นลบและงานท่ีทาต่อแกส๊ เป็นบวก)
3.4 นักเรียนและครูรว่ มกนั สรุปความหมายงานทท่ี าโดยแก๊ส สมการท่ีเกี่ยวข้อง รวมถงึ ความหมาย
และหน่วยของตวั แปรที่เกี่ยวขอ้ ง
ข้ันที่ 4 ขัน้ ขยายความรู้
4.1 ครูใหค้ วามร้เู พมิ่ เติมเกี่ยวกับโจทยป์ ญั หาทา้ ทาย ข้อ 46 ก. – ค. ในหนังสือเรียน
ขั้นที่ 5 ข้นั ประเมินผล
5.1 ครูตรวจใบงาน เร่ือง พลังงานภายในระบบ
5.2 ครตู รวจสมดุ นักเรียนในการทาแบบฝึกหัด 16.4 ขอ้ 1-2
54
6. ส่ือการเรียนร/ู้ แหลง่ เรียนรู้
6.1 หนังสอื เรียนรายวิชาเพ่ิมเตมิ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฟิสกิ ส์) ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 6 เลม่ 5
(ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.2560)
6.2 อินเทอรเ์ น็ต
6.3 ห้องสมดุ
6.4 ใบงาน เร่อื ง งานที่ทาโดยแก๊ส
7. การวัดและประเมนิ ผล วธิ ีการวดั เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมนิ
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1) ตรวจใบงาน เรอ่ื ง 1) แบบประเมนิ การ 1) นกั เรยี นสามารถ
ด้านความรู้ (K) งานที่ทาโดยแกส๊ ทากิจกรรม ตอบคาถามได้
1) นักเรยี นอธิบายความหมายงานที่ทาโดย 2) ใบงาน เร่ือง งาน ระดบั ดี ผ่านเกณฑ์
แก๊สได้ 1) ตรวจสมดุ นกั เรียน ท่ีทาโดยแก๊ส
ในการทาแบบฝกึ หดั 1) นักเรียนสามารถ
ดา้ นกระบวนการ (P) 16.4 ข้อ 1-2 1) แบบประเมินการ ทาแบบฝึกหัดได้
1) นกั เรียนคานวณหาปริมาณตา่ ง ๆ ที่ ทากิจกรรม ระดบั ดี ผ่านเกณฑ์
เก่ียวข้องงานทที่ าโดยแก๊สได้ 1) ตรวจใบงาน เรือ่ ง 2) แบบฝึกหัด 16.4
งานที่ทาโดยแกส๊ ขอ้ 1-2 1) นักเรยี นทาภาระ
ด้านคณุ ลกั ษณะ (A) 2) ตรวจสมุดนกั เรียน งานที่ไดร้ บั มอบหมาย
1) ใฝ่เรียนรูแ้ ละมุ่งมัน่ ในการทางาน ในการทาแบบฝึกหัด 1) แบบประเมินการ ไดร้ ะดบั ดี ผ่านเกณฑ์
16.4 ข้อ 1-2 ทากิจกรรม
2) ใบงาน เรอื่ ง งาน
ทท่ี าโดยแกส๊
3) แบบฝึกหดั 16.4
ขอ้ 1-2
55
ชอ่ื ช้ัน เลขท่ี ‘
ใบงาน เร่อื ง งานทีท่ าโดยแกส๊
คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นศึกษาเนื้อหา เรือ่ ง งานท่ีทาโดยแกส๊ ในหนงั สือเรียน แลว้ ตอบคาถามต่อไปนีใ้ ห้ถูกตอ้ ง
ครบถว้ น
1) เม่ือพิจารณาลูกสบู (ดังรูป) จะมีแรงทแ่ี ก๊สดันลูกสบู ออกและแรงจากภายนอกดนั ลกู สูบเขา้ อ
งานท่ีเกดิ จากแรงท่แี ก๊สดันลูกสูบ เรยี กว่าอะไร
อ
ตอบ งานที่ทาโดยแกส๊ (work done by gas) อ
2) เมอ่ื พจิ ารณาลกู สูบ (ดงั รปู ) จะมีแรงทแี่ ก๊สดนั ลูกสูบออกและแรงจากภายนอกดันลกู สูบเขา้
งานทเี่ กิดจากแรงภายนอกกระทาต่อลกู สูบ เรยี กว่าอะไร
ตอบ งานที่ทาต่อแก๊ส (work done on gas)
3) กรณลี ูกสูบอยู่นง่ิ แกส๊ มีปริมาตรอยา่ งไร
ตอบ กรณีลูกสบู อยู่นงิ่ แก๊สมีปรมิ าตรคงตวั
4) กรณลี ูกสบู เคลอื่ นทีอ่ อก แก๊สมปี รมิ าตรอย่างไร อ
ตอบ กรณลี ูกสูบเคลอ่ื นทอี่ อก แก๊สมีปรมิ าตรเพม่ิ ข้นึ
5) กรณลี กู สูบเคลือ่ นที่ออก งานที่ทาโดยแก๊สมีคา่ เปน็ บวกหรอื ลบ และงานทท่ี าต่อแก๊สมีค่าเป็นลบหรือบวก
ตอบ งานที่ทาโดยแกส๊ เป็นบวก และงานที่ทาต่อแก๊สเปน็ ลบ อ
6) กรณีลูกสูบเคล่ือนท่เี ข้า แก๊สมปี ริมาตรอยา่ งไร อ
ตอบ กรณีลูกสบู เคลอ่ื นทเ่ี ขา้ แกส๊ มปี รมิ าตรลดลง
7) กรณลี ูกสบู เคล่อื นทเ่ี ข้า งานทที่ าโดยแกส๊ มีค่าเปน็ บวกหรอื ลบ และงานทท่ี าต่อแก๊สมีค่าเปน็ ลบหรือบวก
ตอบ งานที่ทาโดยแก๊สเปน็ ลบและงานท่ีทาต่อแกส๊ เป็นบวก อ
8) จากรูปลูกสบู เคลื่อนท่หี รอื ไม่ อยา่ งไร
ตอบ ลูกสบู เคล่ือนที่ออก อ
56
9) จากรูปลกู สูบเคล่ือนทีห่ รือไม่ อยา่ งไร
ตอบ ลูกสูบเคล่ือนทเ่ี ข้า
10) อ
ตอบ ลูกสูบอยนู่ ิ่ง
จากรูปลกู สบู เคล่ือนที่หรือไม่ อยา่ งไร
อ
57
58
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 25 ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 6
เวลา 24 ช่วั โมง
รายวชิ าวทิ ยาศาสตรเ์ พิม่ เติม (ฟสิ กิ ส์) เวลา 2 ชวั่ โมง
หน่วยการเรียนรูท้ ี่ 16 ความร้อน
เรอื่ ง กฎข้อทีห่ นง่ึ ของอุณหพลศาสตร์ ครูผ้สู อน นายปัญญา ฮวดไชย
ภาคเรียนที่ 1
1. สาระสาคัญ
พลงั งานทัง้ หมดของโมเลกุลของแกส๊ ท่ีบรรจอุ ยู่ในระบบ เรียกวา่ พลังงานภายในระบบ (internal
energy of a system) ซง่ึ จะหมายถึง พลังงานภายใน (internal energy) ของแก๊สแทนด้วยสัญลักษณ์
สาหรับแกส๊ อดุ มคติสามารถหาพลังงานภายในระบบได้จากสมการ = 3 = 3 พลงั งาน
2 2
ภายในระบบมคี วามสัมพันธ์กับความร้อนและงานซ่ึงเป็นไปตามกฎการอนุรกั ษพ์ ลังงาน เรยี กว่า กฎข้อท่หี นึ่งของ
อณุ หพลศาสตร์ (first law of thermodynamics) เขียนแทนดว้ ยสมการ = +
ตามกฎข้อทห่ี นึ่งของอณุ หพลศาสตรท์ าให้ทราบว่าความร้อน (heat, ) เป็นเพยี งพลงั งานที่ถ่ายโอน ในรูปงานและ
พลังงานภายในระบบเท่าน้นั ความรู้พลังงานภายในระบบสามารถนาไปประยุกต์ดา้ นต่าง ๆ เช่น การทางานของ
เครอื่ งยนต์ความร้อน ตู้เย็น และเครอื่ งปรับอากาศ
2. ผลการเรยี นรู้
10. อธิบายและคานวณงานท่ีทาโดยแกส๊ ในภาชนะปดิ โดยความดนั คงตวั และอธิบายความสัมพนั ธ์ระหว่าง
ความร้อน พลังงานภายในระบบ และงาน รวมทง้ั คานวณปรมิ าณต่างๆ ท่ีเกี่ยวข้อง และนาความรู้เรอ่ื งพลังงาน
ภายในระบบไปอธิบายหลักการทางานของเครอ่ื งใชใ้ นชีวิตประจาวนั
3. สาระการเรยี นรู้
3.1 ความรู้
กฎขอ้ ท่ีหน่ึงของอุณหพลศาสตร์
สสารท่อี ยูใ่ นสถานะของแข็งและของเหลว เมื่อไดร้ บั หรอื คายความรอ้ น โดยไมม่ ีการเปล่ยี นแปลง
สถานะ จะสง่ ผลให้อณุ หภมู เิ ปลีย่ นแปลงไปตามความสัมพันธ์ = ∆ หรือ = ∆
ความสัมพันธ์ดงั กลา่ วเป็นการเปลี่ยนแปลงพลังงานภายในของสสารโดยไม่พจิ ารณางานที่ทาโดยของแข็ง
และของเหลว เนื่องจากของแข็งและของเหลวมีการเปลยี่ นแปลงปริมาตรน้อยมากเมอ่ื ได้รบั หรือคายความ
รอ้ น
59
3.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการสือ่ สาร (อา่ น ฟัง พูด เขยี น)
2) ความสามารถในการคดิ (สังเกต วิเคราะห์ จดั กลุ่ม สรปุ )
3) ความสามารถในการแก้ปัญหา (แสวงหาความรู้)
4) ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต (ความรบั ผิดชอบ)
5) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ (ใช้การสืบค้นผา่ นคอมพวิ เตอร)์
4. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ รายละเอียด
จดุ ประสงคการเรยี นรู้
ดา้ นความรู้ 1. นักเรียนอธิบายความสัมพนั ธ์ระหว่างความร้อน พลงั งานภายในระบบ
(K: Knowledge) กับงานท่ีทาโดยแกส๊ ได้
ดา้ นทักษะกระบวนการ 2. นักเรียนคานวณหาปริมาณตา่ ง ๆ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งได้
(P: Process)
ด้านคุณลกั ษณะที่พงึ 3. ใฝ่เรียนร้แู ละมงุ่ มัน่ ในการทางาน
ประสงค์ (A: Attitude)
5. กิจกรรมการเรยี นรู้
ขั้นท่ี 1 ข้นั สรา้ งความสนใจ
1.1 ครนู าเขา้ สู่หัวข้อท่ี 16.4.3 โดยอาจยกสถานการณ์ใหน้ ักเรยี นอภิปรายเกย่ี วกับความสมั พนั ธ์
ระหวา่ งพลังงานภายในระบบและงานที่ทาโดยแกส๊ เชน่ ถ้ามภี าชนะ 2 ใบ ทบี่ รรจแุ ก๊สชนิดเดียวกัน
มีจานวนโมลเทา่ กนั และมอี ุณหภูมิเริม่ ต้นเท่ากัน โดยภาชนะใบหนึ่งลกู สบู สามารถเคลื่อนท่ีข้ึนและลงได้
อย่างอิสระ สว่ นภาชนะอีกใบหน่ึงลกู สบู ไมส่ ามารถเคล่ือนทไ่ี ด้ ถ้าใหค้ วามร้อนกบั ภาชนะทง้ั สองเทา่ กัน
ดังรปู แลว้ ตงั้ คาถามให้นกั เรียนตอบ เพ่ือนาเข้าสู่กจิ กรรม ดงั นี้
1) ถา้ ให้ความร้อนกับภาชนะท้งั สองเทา่ กันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเหมือนหรือแตกต่าง
กนั หรือไม่ อยา่ งไร
2) อณุ หภมู ิทีเ่ พ่ิมขนึ้ ในภาชนะ แต่ละใบเท่ากนั หรอื ไม่ อย่างไร
3) ความรอ้ นมีความสัมพนั ธ์กับพลงั งานภายในระบบและงานทท่ี าโดยแกส๊ อย่างไร
(ให้นกั เรียนแสดงความคิดเห็นได้อยา่ งอิสระ โดยไม่คาดหวงั คาตอบที่ถกู ต้อง)
60
ขั้นที่ 2 ขน้ั สารวจและคน้ หา
2.1 ครใู ห้นกั เรียนศึกษาเน้ือหาเก่ยี วกบั เร่อื ง ความสมั พันธร์ ะหวา่ งพลังงานภายในระบบ
ความร้อน และงานท่ีทาโดยแก๊ส ตามรายละเอยี ดในหนงั สือเรยี น หนา้ 167-169
2.2 ครนู านกั เรยี นศึกษาโจทย์ตัวอย่าง 16.12 และ 16.13 ในหนังสือเรยี น หน้า 170-171 พร้อม
อธิบายวธิ กี ารหาคาตอบอย่างละเอยี ด
2.3 ครูใหน้ กั เรยี นตอบคาถามตรวจสอบความเขา้ ใจ 16.4 ข้อ 1
2.4 ครูใหน้ กั เรยี นทาแบบฝกึ หัด 16.4 ข้อ 3 ในหนังสือเรยี น หนา้ 178 ลงในสมดุ ตนเอง
ข้นั ท่ี 3 ขนั้ อธบิ ายและลงข้อสรปุ
3.1 ครูทาการส่มุ นกั เรยี น จานวน 2 คน ออกมาเฉลยแบบฝกึ หดั หนา้ ชน้ั เรียน
3.2 นกั เรียนทกุ คนช่วยกันตรวจสอบวิธกี ารหาคาตอบของเพ่อื นวา่ ถูกต้องหรอื ไม่
3.3 ครนู านักเรียนอภปิ รายเพ่อื นาไปสู่การสรุป โดยใชค้ าถามตอ่ ไปนี้
1) การบีบอดั แกส๊ และการขยายตัวของแกส๊ อย่างรวดเรว็ โดยไมม่ ีการถา่ ยโอนความร้อน
มผี ลตอ่ พลังงานภายในระบบและอุณหภูมสิ มั บรู ณ์ของแก๊สหรือไม่ อยา่ งไร
(แนวการตอบ การบบี อดั แกส๊ ทาให้พลังงานภายในระบบและอุณหภูมิของระบบเพ่ิมข้ึน ส่วนการขยายตัว
ของแกส๊ ทาให้พลังงานภายในระบบและอณุ หภูมิของระบบลดลง)
3.4 นักเรยี นและครรู ่วมกนั สรุปความสมั พันธ์ระหวา่ งพลงั งานภายในระบบ ความร้อน และงานท่ี
ทาโดยแกส๊ ดังน้ี
ถา้ ให้ความร้อนกับภาชนะท้ังสองเท่ากนั จะมีการเปลีย่ นแปลงแตกตา่ งกัน คือ ภาชนะใบ
แรกทีล่ ูกสบู สามารถเคลื่อนที่ขน้ึ และลงไดอ้ ย่างอสิ ระ ความร้อนทใี่ ห้กบั แกส๊ ส่วนหนง่ึ จะเปลยี่ นเปน็ งานที่ทา
โดยแกส๊ ทาให้ลูกสูบเคล่ือนท่ีขน้ึ และความร้อนส่วนท่ีเหลือจะถกู เปลี่ยนไปเปน็ พลังงานภายในระบบทาให้
แก๊สมีอุณหภมู สิ งู ขึ้น ส่วนภาชนะใบท่ีสองทล่ี กู สูบไม่สามารถเคลอื่ นทีไ่ ด้ ความรอ้ นทง้ั หมดท่ใี หก้ ับแก๊สจะ
ถกู เปลีย่ นไปเป็นพลงั งานภายในระบบทาให้แก๊สมีอุณหภมู สิ งู ขน้ึ ดงั น้ันอุณหภมู ขิ องแก๊สในภาชนะที่สอง
จะสงู กวา่ อุณหภมู ขิ องแก๊สในภาชนะที่หน่ึง ดังรูป
ขน้ั ท่ี 4 ข้นั ขยายความรู้
4.1 ครูให้ความรเู้ พ่มิ เติมเก่ียวกับโจทย์ปัญหาท้าทาย ข้อ 46 ง. ในหนังสือเรยี น
61
ขน้ั ที่ 5 ขน้ั ประเมินผล
5.1 ครตู รวจสมดุ นักเรียนในการตอบคาถามตรวจสอบความเข้าใจ 16.4 ข้อ 2
5.2 ครตู รวจสมดุ นักเรียนในการทาแบบฝกึ หัด 16.4 ขอ้ 3
6. สอ่ื การเรียนรู้/แหล่งเรยี นรู้
6.1 หนงั สือเรยี นรายวชิ าเพ่ิมเติมวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฟิสิกส)์ ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 6 เล่ม 5
(ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.2560)
6.2 อินเทอรเ์ นต็
6.3 ห้องสมุด
7. การวดั และประเมินผล
จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ วิธีการวดั เครื่องมือ เกณฑ์การประเมนิ
ด้านความรู้ (K)
1) นกั เรียนอธบิ ายความสมั พันธร์ ะหว่าง 1) ตรวจสมดุ นักเรียน 1) แบบประเมินการ 1) นกั เรยี นสามารถ
ความรอ้ น พลงั งานภายในระบบ กบั งานทีท่ า ในการตอบคาถาม ทากจิ กรรม ตอบคาถามได้
โดยแกส๊ ได้ ตรวจสอบความเขา้ ใจ 2) คาถามตรวจสอบ ระดับดี ผา่ นเกณฑ์
16.4 ข้อ 2 ความเข้าใจ 16.4 ขอ้
2
ด้านกระบวนการ (P) 1) ตรวจสมดุ นกั เรยี น 1) แบบประเมนิ การ 1) นักเรียนสามารถ
1) นักเรียนคานวณหาปริมาณต่าง ๆ ท่ี ในการทาแบบฝึกหดั ทากิจกรรม ทาแบบฝกึ หดั ได้
เกย่ี วขอ้ งได้ 16.4 ขอ้ 3 2) แบบฝึกหดั 16.4 ระดบั ดี ผา่ นเกณฑ์
ข้อ 3
ด้านคุณลกั ษณะ (A) 1) ตรวจสมุดนักเรียน 1) แบบประเมินการ 1) นักเรยี นทาภาระ
1) ใฝเ่ รียนรแู้ ละมงุ่ มัน่ ในการทางาน ในการตอบคาถาม
ตรวจสอบความเขา้ ใจ
16.4 ข้อ 2 ทากิจกรรม งานที่ได้รบั มอบหมาย
2) ตรวจสมดุ นักเรยี น
ในการทาแบบฝึกหัด 2) คาถามตรวจสอบ ไดร้ ะดับดี ผ่านเกณฑ์
16.4 ข้อ 3
ความเขา้ ใจ 16.4 ขอ้
2
3) แบบฝึกหดั 16.4
ข้อ 3
62
63
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 26 ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที ี่ 6
เวลา 24 ช่ัวโมง
รายวชิ าวิทยาศาสตร์เพ่มิ เติม (ฟสิ กิ ส)์ เวลา 2 ชวั่ โมง
หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 16 ความร้อน
เรอื่ ง การประยกุ ต์ของอุณหพลศาสตร์ ครูผสู้ อน นายปัญญา ฮวดไชย
ภาคเรยี นท่ี 1
1. สาระสาคัญ
พลงั งานท้งั หมดของโมเลกุลของแกส๊ ที่บรรจุอยใู่ นระบบ เรียกว่า พลงั งานภายในระบบ (internal
energy of a system) ซง่ึ จะหมายถึง พลังงานภายใน (internal energy) ของแก๊สแทนด้วยสัญลักษณ์
สาหรับแกส๊ อดุ มคตสิ ามารถหาพลงั งานภายในระบบได้จากสมการ = 3 = 3 พลังงาน
2 2
ภายในระบบมคี วามสัมพันธ์กับความร้อนและงานซึ่งเป็นไปตามกฎการอนุรกั ษพ์ ลังงาน เรียกว่า กฎขอ้ ทหี่ น่ึงของ
อณุ หพลศาสตร์ (first law of thermodynamics) เขียนแทนด้วยสมการ = +
ตามกฎข้อทหี่ นึง่ ของอุณหพลศาสตร์ทาให้ทราบว่าความร้อน (heat, ) เป็นเพียงพลงั งานท่ีถ่ายโอน ในรูปงานและ
พลังงานภายในระบบเท่านน้ั ความรู้พลังงานภายในระบบสามารถนาไปประยุกต์ดา้ นตา่ ง ๆ เชน่ การทางานของ
เครื่องยนต์ความรอ้ น ต้เู ยน็ และเคร่อื งปรับอากาศ
2. ผลการเรียนรู้
10. อธิบายและคานวณงานที่ทาโดยแกส๊ ในภาชนะปดิ โดยความดนั คงตวั และอธิบายความสัมพนั ธ์ระหว่าง
ความร้อน พลังงานภายในระบบ และงาน รวมท้ังคานวณปรมิ าณต่างๆ ที่เกย่ี วข้อง และนาความรู้เร่อื งพลังงาน
ภายในระบบไปอธิบายหลักการทางานของเครอ่ื งใชใ้ นชีวติ ประจาวนั
3. สาระการเรียนรู้
3.1 ความรู้
การประยกุ ต์ของอณุ หพลศาสตร์
จากความรู้ท่ีเกย่ี วกบั กฎขอ้ ท่ีหนง่ึ ของอณุ หพลศาสตรเ์ กย่ี วกบั งาน การขยายตวั และหดตัวของแก๊ส
เมื่อได้รับหรอื คายความร้อน สามารถนามาประยุกตใ์ ช้ในด้านต่าง ๆ เช่น เครื่องยนต์ความรอ้ น ตเู้ ป็น และ
เคร่ืองปรับอากาศ ซึ่งอธิบายได้ดังตอ่ ไปน้ี
เครอื่ งยนต์ความร้อน
เครอ่ื งยนตค์ วามร้อน (heat engine) เปน็ เคร่ืองยนตท์ ี่ทางานโดยการเปล่ียนความร้อนเป็น
พลังงานกล แบ่งออกเปน็ 2 ประเภท คอื เครือ่ งยนต์สนั ดาปภายนอก (external combustion
engine) และเครอ่ื งยนต์สนั ดาปภายใน (internal combustion engine)
64
3.2 กระบวนการ
1) ความสามารถในการส่อื สาร (อ่าน ฟัง พดู เขยี น)
2) ความสามารถในการคิด (สงั เกต วิเคราะห์ จดั กลุ่ม สรปุ )
4. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ รายละเอยี ด
จดุ ประสงคการเรียนรู้
ด้านความรู้ 1. นกั เรียนอธบิ ายการนาความรู้เรอื่ งพลงั งานภายในระบบไปใช้
(K: Knowledge) ประโยชน์ในชวี ติ ประจาวันได้
ดา้ นทกั ษะกระบวนการ 2. นักเรียนสามารถจัดกระทาและสื่อความหมายของข้อมูลที่ศึกษา
(P: Process) ค้นควา้ ได้
ดา้ นคุณลักษณะท่ีพึง 3. ใฝเ่ รียนรแู้ ละมงุ่ ม่นั ในการทางาน
ประสงค์ (A: Attitude)
5. กิจกรรมการเรียนรู้
ขัน้ ที่ 1 ขน้ั สร้างความสนใจ
1.1 ครนู าเข้าสู่หวั ขอ้ ท่ี 16.4.4 โดยตั้งคาถามใหน้ กั เรยี นตอบ เพื่อนาเขา้ ส่กู ิจกรรม ดังนี้
1) ความรู้เกยี่ วกบั กฎข้อทห่ี น่ึงของอุณหพลศาสตร์สามารถนามาประยกุ ต์ใชง้ านการ
ออกแบบและสรา้ งเคร่ืองยนต์ความร้อน ตู้เยน็ และเคร่ืองปรบั อากาศได้อย่างไร
2) เคร่อื งยนตเ์ บนซนิ และเครื่องยนตด์ เี ซลมีการใชเ้ ช้อื เพลิงเหมอื นหรือแตกต่างกนั
อย่างไร และมีกลไกการจุดระเบดิ เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
3) อณุ หภมู ิทีเ่ พิ่มขึ้นในภาชนะ แตล่ ะใบเทา่ กนั หรือไม่ อยา่ งไร
(ใหน้ กั เรียนแสดงความคดิ เหน็ ไดอ้ ย่างอิสระ โดยไมค่ าดหวงั คาตอบที่ถกู ตอ้ ง)
ขน้ั ที่ 2 ขน้ั สารวจและคน้ หา
2.1 จัดกลุ่มนักเรยี น กลุ่มละ 4 คน โดยใหส้ มาชิกแตล่ ะกลุ่มมีความรู้ความสามารถที่คละกนั กล่มุ น้ี
จะเป็นกลมุ่ ประจา
2.2 ครูจดั แบง่ เน้ือหาที่จะเรยี นเปน็ เนื้อหาย่อย ๆ เท่ากับจานวนสมาชกิ ในกลมุ่ ของนักเรียนอาจ
จดั ทาเปน็ บทเรียนหนา้ เดยี วก็ได้
2.3 ให้สมาชิกในแต่ละกลุ่มจับฉลากหมายเลขของเนื้อหา คนละ 1 ฉลาก เพ่ือรับผิดชอบใน
การศกึ ษาหวั ขอ้ ย่อยของเน้ือหา คนละ 1 หัวข้อ
2.4 ให้นักเรยี นแต่ละคนศึกษาและทาความเข้าใจเน้ือหาตามหมายเลขท่ีตัวเองได้ ซึ่งครูติดเน้ือหา
บนโต๊ะ (ใชเ้ วลา 15 นาท)ี
2.5 เม่ือนักเรียนศึกษาและทาความเข้าใจเนื้อหาแล้ว ให้นักเรียนกลับไปยังกลุ่มตัวเองแล้วอธิบาย
ความรทู้ ่ีได้จากการศกึ ษาและทาความเขา้ ใจในเน้ือหาทีไ่ ดร้ บั ผิดชอบใหเ้ พื่อนฟงั
65
2.6 นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ ช่วยกันสรุปความรู้ท่ไี ดใ้ นการศกึ ษาลงในกระดาษปรู๊ฟ (น้าตาล)
ขน้ั ที่ 3 ข้ันอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ
3.1 ครูให้นกั เรยี นทุกกลมุ่ ออกมานาเสนอผลการสบื คน้ ของกลมุ่ ตนเองหนา้ ชัน้ เรียน โดยสุม่ กลมุ่
ออกมานาเสนอ
3.2 ครนู านกั เรียนอธบิ ายและสรุปเนอ้ื หา เร่อื ง การประยุกต์ของอุณหพลศาสตร์ ตามรายละเอียด
ในหนงั สือเรียน
ขน้ั ท่ี 4 ขั้นขยายความรู้
4.1 ครใู หค้ วามร้เู พม่ิ เติมเก่ยี วกับสารทาความเยน็ ตามรายละเอยี ดในหนังสือเรียน หนา้ 176
4.2 ครูใหค้ วามรู้เพิ่มเติมเกีย่ วกับการควบคุมอุณหภูมิภายในอาคารของเครือ่ งปรับอากาศ ตาม
รายละเอียดในหนังสอื เรียน หน้า 177
4.3 ครใู หค้ วามรเู้ พม่ิ เติมเก่ียวกบั การใชต้ เู้ ย็นให้ประหยดั ไฟฟา้ ดงั น้ี
1. เลอื กใชต้ ูเ้ ย็นขนาดเหมาะสมและไดร้ บั ฉลากประหยัดไฟฟ้าเบอร์ 5
2. ปิดประตตู เู้ ย็นใหส้ นทิ และหลีกเล่ียงการเปิดประตูตูเ้ ย็นบอ่ ย ๆ หรอื เปิดค้างท้ิงไว้เป็น
เวลานาน
3. ไมน่ าของรอ้ นเขา้ ไปในต้เู ย็นทนั ที ควรปลอ่ ยทิ้งไวใ้ หเ้ ย็นก่อนนาเขา้ ไปไวใ้ นตูเ้ ย็น
4. ไมป่ ล่อยให้มนี า้ แข็งเกาะหนาบริเวณช่องแช่แข็ง และไมใ่ สข่ องในตเู้ ย็นแน่นจนเกนิ ไป
ควรเหลอื ที่วา่ งพอให้อากาศในตู้เย็นเคล่อื นจากด้านบนลงสูงดา้ นลา่ งได้
5. ควรตัง้ ตู้เย็นในบริเวณท่ีอากาศถ่ายเทได้สะดวกโดยดา้ นหลงั และข้างตู้เยน็ ควรห่างผนัง
หรือส่ิงของตา่ ง ๆ ไมน่ อ้ ยกว่า 15 เซนตเิ มตร และควรต้ังตู้เยน็ ให้หา่ งจาก แหลง่ กาเนดิ ความรอ้ นอ่ืนๆ
6. ตรวจเชค็ ใหย้ างขอบประตูใหส้ ามารถปิดไดส้ นิทเสมอ
4.5 ครูให้ความร้เู พิม่ เติมเกีย่ วกับการใชเ้ คร่ืองปรบั อากาศใหป้ ระหยัดไฟฟา้ ดังน้ี
1. ตดิ ตง้ั ขนาดเคร่ืองปรับอากาศให้เพยี งพอกับการทาความเย็นในห้อง โดยขนาดไม่เล็ก
หรอื ใหญเ่ กนิ ไป และควรเลอื กเครื่องปรับอากาศที่ไดร้ ับฉลากประหยัดไฟฟา้ เบอร์ 5
2. ตดิ ต้งั ตาแหนง่ เคร่ืองปรับอากาศใหเ้ หมาะสม ไม่มสี ่งิ กดี ขวางทางลม และให้ลมจาก
เครอ่ื งปรบั อากาศพดั มายังพ้ืนท่ใี ช้สอย
3. ห้องควรปดิ มดิ ชิด ไมม่ ีอากาศจากภายนอกรว่ั ไหลเขา้ มาในหอ้ ง หากมีการใชง้ าน พดั
ลมดูดอากาศควรใช้งานเท่าท่ีจาเปน็ ในชว่ งส้ัน ๆ
4. ปรับอณุ หภมู ไิ มต่ า่ กว่า 25 องศาเซลเซียส เมื่ออากาศในห้องเย็นแล้ว ปรับเพ่ิม
อุณหภมู ิ และเปิดพัดลมร่วมด้วย
5. ป้องกนั แสงแดดและความร้อนเขา้ มาในห้อง ผนังและหน้าตา่ งทเี่ ป็นกระจกควรมีม่าน
ทบึ แสง
6. กรณนี อนหลับในเวลากลางคนื เมือ่ ภายในห้องมอี ุณหภมู ิท่ตี ้องการแล้วควรตั้งอุณหภูมิ
ประมาณ 27 หรอื 28 องศาเซลเซียส แล้วเปิดพดั ลมร่วมด้วย
7. หลีกเลี่ยงใช้อปุ กรณ์ใหค้ วามร้อนในห้อง เช่น เตาหุงตม้ เตารีด
66
8. ควรถอดแผ่นกรองฝ่นุ ท่ีคอยลเ์ ย็นมาทาความสะอาดเดือนละครงั้
9. ควรใหช้ า่ งเครื่องปรับอากาศมาตรวจเช็คและทาความสะอาดเครื่องปรบั อากาศอย่างน้อย
ปลี ะ 2 ครงั้
ขัน้ ท่ี 5 ข้ันประเมนิ ผล
5.1 นักเรยี นส่งกระดาษปรฟู๊ (น้าตาล) ของแต่ละกลุม่ ที่ไดจ้ ากการศึกษาค้นคว้า
5.2 นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ นาเสนอผลงานทไี่ ดจ้ ากการศึกษาค้นควา้
ประยกุ ตแ์ ละตอบแทนสังคม
ครใู หน้ ักเรยี นแตล่ ะคนนาความรทู้ เ่ี รยี นไปค้นคว้าเพม่ิ เตมิ ท่ีหอ้ งสมุด หรอื เวบ็ ไซต์ แลว้ นาเสนอใน
ชัน้ เรียน
6. สือ่ การเรียนรู้/แหลง่ เรียนรู้
6.1 หนังสอื เรยี นรายวิชาเพม่ิ เตมิ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฟิสกิ ส)์ ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี 6 เลม่ 5
(ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.2560)
6.2 Jigsaw เรอ่ื ง การประยุกต์ของอุณหพลศาสตร์ จานวน 4 หัวขอ้ ยอ่ ย ดงั น้ี
1) เครื่องยนตค์ วามร้อนภายนอก
2) เคร่ืองยนตป์ ระเภทสันดาปภายใน
3) ต้เู ย็น
4) เครือ่ งปรบั อากาศ
6.3 อนิ เทอร์เน็ต
67
7. การวัดและประเมนิ ผล วธิ ีการวดั เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ารประเมนิ
จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้
1) ตรวจกระดาษปรู๊ฟ 1) แบบประเมินการ 1) นกั เรยี นสามารถ
ด้านความรู้ (K) (นา้ ตาล)ของแตล่ ะกลุ่ม ทากิจกรรม สรปุ เนอ้ื หาทีศ่ ึกษาได้
1) นักเรยี นอธบิ ายการนาความรเู้ ร่อื ง ทีไ่ ดจ้ ากการศึกษา ระดับดี ผ่านเกณฑ์
พลังงานภายในระบบไปใชป้ ระโยชนใ์ น คน้ ควา้
ชวี ิตประจาวนั ได้ 2) สังเกตการนาเสนอ
ผลงานของแต่ละกลุ่ม
ด้านกระบวนการ (P)
1) นักเรยี นสามารถจัดกระทาและส่อื 1) สงั เกตการนาเสนอ 1) แบบประเมินการ 1) นักเรยี นนาเสนอ
ความหมายของข้อมูลท่ีศึกษาคน้ คว้าได้
ผลงานของแตล่ ะกลุ่ม ทากจิ กรรม ผลงานได้ระดบั ดี
ด้านคุณลักษณะ (A)
1) ใฝเ่ รียนรู้และมุ่งมนั่ ในการทางาน ผา่ นเกณฑ์
1) ตรวจกระดาษปร๊ฟู 1) แบบประเมินการ 1) นกั เรียนทาภาระ
(นา้ ตาล)ของแต่ละกลุ่ม ทากจิ กรรม งานทีไ่ ด้รับมอบหมาย
ทีไ่ ดจ้ ากการศึกษา ไดร้ ะดับดี ผา่ นเกณฑ์
คน้ คว้า
2) สังเกตการนาเสนอ
ผลงานของแตล่ ะกลุ่ม
คน้ ควา้
68