The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by pptprang4546, 2022-10-26 14:24:39

การพัฒนาหลักสูตรสิ่งแวดล้อมศึกษา เรื่อง กลองยาวศึกษา

ประวัติและขั้นตอนการผลิตกลองยาว

การพัฒนาหลักสูตร
สิ่งแวดล้อมศึกษา
เรื่อง กลองยาวศึกษา

บ้านมะกอก หมู่ 5 ตำบลขามเรียง อำเภอกันทรวิชัย
จังหวัดมหาสารคาม



~ก~

คำนำ

รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายวิชา การพัฒนา
หลักสูตรสิ่งแวดล้อมศึกษา (1707322) เพื่อศึกษาหาความรู้
ด้านภูมิปัญญาการทำกลองยาว อีกทั้งยังเป็นการศึกษาเพื่อ
สืบสานและถ่ายทอดภูมิปัญญาให้เกิดความตระหนักถึงคุณค่า
ของภูมิปัญญาและถ่ายทอดจาก
รุ่นสู่รุ่น

ผู้จัดทำหวังว่า รายงานฉบับนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน
นักศึกษา หรือผู้ใดก็ตามที่กำลังค้นคว้าหาข้อมูลในเรื่องนี้
หากมีข้อแนะนำหรือข้อผิดพลาดประการใด ผู้จัดทำขอน้อมรับ
ไว้และขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

คณะผู้จัดทำ



~ข~ หน้า

สารบัญ ข
1-5
เรื่อง
คำนำ 6-8
สารบัญ 9-14
หน่วยที่ 1 ประวัติชุมชน 15-16
หน่วยที่ 2 ภูมิปัญญา
หน่วยที่ 3 ขั้นตอนการผลิต 17
หน่วยที่ 4 ช่องทางการจำหน่าย
อ้างอิง

~1~

หน่วยที่ 1
ประวัติชุมชน

~2~

ประวัติชุมชน

ในราวปี พ.ศ. 2408 มีชาวบ้านอพยพจากจังหวัด
อุบลราชธานี ประมาณ 40 กว่าคน มียายหลิ่นเป็นหัวหน้ากลุ่ม
เพื่อหาที่อยู่อาศัยและแหล่งทีมีอาหารอุดมสมบูรณ์ ได้เดินทางมา
เจอโนนป่ากอกที่เป็นที่ดอนและมีหนองน้ำในบริเวณนี้หลายแห่ง
และอยู่ไม่ใกล้จากแม่น้ำชี จึงได้ตั้งหมู่บ้านที่นี้ได้และตั้งชื่อหมู่บ้าน
ว่าบ้านกอก ตามที่ตั้งบ้านที่มีแต่ต้นกอกจำนวนมาก การดำรง
ชีวิตอาหารจะอุดมสมบูรณ์ หาได้ง่าย ไม่มีการซื่อขายกัน ส่วน
เครื่องนุ่งห่ม ก็จะทำขึ้นมาเองจะปลูกฝ้าย ปลูกคาม เอามาเข็น
ให้เป็นเส้นแล้วก็ทอ ตัดเย็บเป็นผืนไว้เพื่อนุ่งห่ม แสงสว่างจะใช้
กระบองจุดไฟเพื่อเป็นแสงสว่างตอนกลางคืน การแต่งงานหรือ
แยกครอบครัวจะอยู่ในขอบเขตจารีตประเพณี ถ้ารักกันจะให้
ผู้ใหญ่มาสู่ขอ ค่าสินสอดในยุคแรก 2-3 ตำลึง หรือในยุคต่อ
มา 10-20 บาท ตามสมควร

เมื่อปี พ.ศ. 2416 มีการตั้งสำนักสงฆ์ขึ้นที่ทางทิศตะวันออก
ของหมู่บ้าน

เมื่อปี พ.ศ. 2418 ได้มีกลุ่มที่ 2 อพยพมาจากจังหวัด
ร้อยเอ็ดมาอาศัยอยู่ที่เดียวกัน

เมื่อปี พ.ศ. 2430 ได้สร้างสิมน้ำขึ้น ที่หนองเต่าในปัจจุบัน
เพื่อทำพิธีกรรมทางศาสนา เช่น พิธีอุปสมบท

~3~

เมื่อปี พ.ศ. 2457 ราชการได้ประกาศให้ชาวบ้านมีนามสกุล
ประจำตระกูลของตัวเอง การตั้งนามสกุลสมัยนั้นจะตั้งตามชื่อ
ของบรรพบุรุษ นายกวดซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านในสมัยนั้นได้เดินทาง
ไปอำเภอ จึงได้นามสกุล บุญหล้า นายหลวงมีพ่อชื่อบุญ แม่ชื่อ
หล้า จึงได้ นามสกุล บุญหล้า เป็นนามสกุลต้นตระกูลของ
หมู่บ้านที่ใช้กันทุกครอบครัว

เมื่อปี พ.ศ. 2460 ทางราชการได้มาตั้งโรงเรียนอยู่ที่วัด มี
ครูมาสอน 1คน สอนถึง ป.4

เมื่อปี พ.ศ. 2470 ได้เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ขึ้นในหมู่บ้าน สมัย
นั้นการทำบ้านจะปลูกด้วยไม้ไผ่ หลังคาจะมุงหญ้าแฝก และจะ
ปลูกบ้านติดกัน เมื่อไฟไหม้เกิดขึ้นจึงลุกรามอย่างรวดเร็ว วัสดุ
ที่ใช้สร้างบ้านก็เป็นเชื่อเพลิงอย่างดี ทำให้บางครอบครัวย้ายไป
อยู่ที่อื่น บางกลุ่มก็ย้ายไปอยู่ที่ดงมูลกาฬสินธู บางส่วนก็ย้ายไป
ที่บ้านคำเหมือดแก้ว อำเภอห้วยเม็ก แต่ยังเหลื่อบางครอบครัว
ที่อาศัยอยู่ที่เดิม

เมื่อปี พ.ศ. 2475 ถึง พ.ศ. 2485 เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่
หลายครั้ง ชาวบ้านจึงเริ่มย้ายจากโคกกอกที่น้ำท่วมถึง มาส
ร้างบ้านใหม่ที่ตั้งหมู่บ้านปัจจุบันนี้

เมื่อปี พ.ศ. 2495 เริ่มมีการพัฒนาหมู่บ้านทางราชการมี
การส่งเสริมให้ราช ฎร เริ่มปลูกปอเป็นพืชเศรษฐกิจ รายได้
ราษฎรในหมู่บ้านเริ่มดีขึ้น จึงมีการสร้างบ้านใหม่เริ่มมีการนำ
สังกะสีมาทำหลังคาแทนหญ้าแฝก ในด้านแสงสว่างก็เริ่มมี
การนำน้ำมันก๊าดมาใส่ตะเกียงจุดเพื่อเป็นแสงสว่างตอนกลาง
คืน เครื่องนุ่งห่มก็มีการชื่อมาใช้แทนการทอเอง การทอฝ้าย
เพื่อนำมาเป็นเครื่องนุ่งห่มก็เริ่มหมดไปในยุคนี้

~4~

เมื่อปี พ.ศ. 2505 ได้มีทะเบียนบ้าน (บ้านเลขที่) ทุกครัว
เรือน

เมื่อปี พ.ศ. 2512 ก็เริ่มมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เริ่มมี
การทำถนน จากบ้านท่าขอนยางที่เป็นบ้านตำบล มาบ้านดอนนา
– บ้านหนองแข้ และมาถึงบ้านกอก โดยใช้แรงงานจากราชในฎ
รพื้นที่ในการขุดดินเพื่อมาทำถนน ใช้เวลาสร้างนานถึง 2 ปี
กว่าจะถนนจะเป็นรูปเป็นร่าง

เมื่อปี พ.ศ.2514 อธิบดีกรมพัฒนาชุมชนได้ลงพื้นที่ตรวจ
เยี่ยมชาวบ้านเห็นความสามารถชาวบ้านที่สร้างถนนใช้กันเอง
ในปี

เมื่อปี พ.ศ. 2515 จึงได้มีโครงการนำหินลูกรังมาลงให้ถนน
เสร็จเรียบร้อยสามารถสัญจรได้สะดวกมากขึ้นจึงเริ่มมีรถยนต์
เข้ามาสู่หมู่บ้านแต่การเดินทางเข้าสู่ตัวจังหวัดหรืออำเภอจะ
ต้องเดินไปขึ้นรถโดยสารที่บ้านท่าขอนยางเพื่อขึ้นรถโดยสาร
ประจำทาง

เมื่อปี พ.ศ. 2516 ราชการก็มาขุดบ่อ ขุดสระน้ำ เพื่อใช้ในฤดู
แล้ง

เมื่อปี พ.ศ. 2517 มีการขอแบ่งหมู่บ้านขึ้นเนื่องจากหมู่บ้านมี
ครัวเรือนอาศัยมากขึ้นการปกครองไม่ทั่วถึง จึงมีการขอแบ่ง
หมู่บ้านขึ้นคือหมู่ที่ 12ตั้งชื่อว่าบ้านมะกอก หมู่ที่ 12 (หมู่ที่แยก
ออกใหม่ จะมี มะ ส่วน หมู่ที่ 5 ยังเป็น บ้านกอกคงเดิม)

เมื่อมี พ.ศ. 2523 บ้านกอกมีไฟฟ้าใช้
เมื่อปี พ.ศ. 2535 ได้ตั้งหมู่บ้านขึ้นใหม่ หมู่ที่ 18 แยกออก
จาก หมู่ที่ 12

~5~

เมื่อปี พ.ศ. 2538 ได้ตั้งหมู่บ้านขึ้นใหม่ หมู่ที่ 19 แยกออกจาก
หมู่ที่ 5

เมื่อปี พ.ศ. 2538 ได้มีสถานีอนามัยบ้านมะกอก ตั้งอยู่ในพื้นที่
หมู่ที่ 19 *ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ
ตำบลบ้านมะกอก

เมื่อปี พ.ศ.2542 ได้ตั้งหมู่บ้านขึ้นใหม่ หมู่ที่ 23 แยกออกจาก
หมู่ที่ 12
บ้านมะกอกนี้บ้านเดิมในทะเบียนบ้านเรียกว่าบ้านกอก ส่วนที่แยก
ออกใหม่ เป็นบ้านมะกอก

~6~

หน่วยที่ 2
ภูมิปัญญา

~7~

ภูมิปัญญา

กลอง เป็นเครื่องมือตีทำด้วยไม้เป็นต้น มีลักษณะกลม
กลวงขึงด้วยหนัง มีหลายชนิด ถ้าทำด้วยหนัง หน้าเดียว มีรูป
ยาวมากใช้สะพายในเวลาตี เรียกว่า กลองยาวหรือเถิดเทิง ถ้า
ขึงด้วยหนังหน้าเดียว มีรูปกลมแบนและตื้น เรียกว่า กลอง
รำมะนา ถ้าขึงหนัง 2 หน้า ร้อยโยงด้วยสายหนัง เรียกว่า
กลองมาลายู ถ้าร้อยโยงด้วยหวาย เรียกว่า กลองแขก กลอง
ชนะ กลองยาวของอำเภอกันทรวิชัย จังหวัดมหาสารคาม เป็น
กลองหน้าเดียว รูปร่างทรงยาว ด้านล่างกลึงเป็นรูปคล้าย
ปากแตร ส่วนบนป่องเล็กน้อยปิดด้วยหนังวัว ขึงด้วยเชือกให้
ตึง กลองยาวมีหลาย ขนาดขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของผู้เล่น
ตกแต่งด้วยผ้าสีสวยงาม มีสายสะพายคล้องบ่าเพื่อสะดวกใน
การเดินตี
ผู้เล่นกลองยาวจะใช้มือตีทั้งสองมือบางครั้งตีแบบโลดโผนเพื่อ
ความสนุกสนาน ใช้กำปั้ น ศอก เข่า ศีรษะ หรือต่อตัวในการตี
กลอง ซึ่งต้องใช้ทักษะและความชำนาญในการตี

การ ทำกลองยาว เป็นความรู้ ความคิดจากชาวบ้าน เป็น
ภูมิปัญญาท้องถิ่นอย่างแท้จริง มีการสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ
สืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน การทำกลองยาวจึงนับได้ว่าเป็นการ
อนุรักษ์ รักษางานช่างฝีมือพื้นบ้าน ที่บ่งบอกถึงความประณีต
สวยงาม อันทรงคุณค่าด้วยฝีมือคนไทยในท้องถิ่น การทำกลอง
ยาว ของช่างบ้านมะกอก ตำบลขามเรียง อำเภอกันทรวิชัย
จังหวัดมหาสารคาม เป็นงานช่างฝีมือ ใช้วัตถุดิบ คือ ต้นขนุน
ซึ่งไม่ใช่ไม้ป่า หรือไม้หวงห้าม

~8~

การทำกลองยาวงานช่างฝีมือกลุ่มนี้ได้สืบทอดมาจาก
บรรพบุรุษ คือ นายหวด ถ่ายทอดการทำกลองยาว และ
การตีเพื่อให้เป็นจังหวะ กลุ่มงานช่างฝีมือส่วนใหญ่ คือ
สมาชิกคนในชุมชนท้องถิ่น เพื่อปลูกฝังให้ ชุมชนมีความ
สามัคคี และสืบทอดอนุรักษ์รักษาการทำกลองยาวต่อไป
ต่อมาได้จัดตั้งกลุ่มผลิตกลองยาว พ.ศ. 2535 มี
วัตถุประสงค์ คือ เพื่ออนุรักษ์การทำกลองยาวไม่ให้
สูญหาย เพื่อให้กลุ่มชุมชนในท้องถิ่นมีความรู้ในการทำ
กลองยาว เพื่อถ่ายทอดความรู้ให้คนรุ่นหลังต่อไป และ
นอกจากนี้การทำกลองยาวยังทำให้ชาวบ้านมีรายได้เข้าสู่
หมู่บ้านคนในชุมชมมีอาชีพเสริมหาเลี้ยงครอบครัว

ดังนั้นการศึกษาข้อมูลภูมิปัญญาการทำกลองยาวของ
ชุมชนบ้านมะกอก เพื่อให้เยาวชนรุ่นต่อไปเห็นคุณค่า
สามารถที่จะสืบสานวัฒนธรรมและภูมิปัญญานี้ต่อไป

~9~

หน่วยที่ 3
ขั้นตอนการผลิต

~10~

วัตถุดิบและอุปกรณ์

ไม้ขนุน,เลื่อย หนังวัว
เชือก เครื่ องเจาะเนื้ อไม้

ค้อน,ตะขอ กระดาษทราย
(สำหรับขูดเลือดขูดเนื้อไม้)

แลคเกอร์

~11~

ขั้นตอนการผลิต

ขั้นเตรียมการ
1.ตัดต้นขนุนที่ต้นแก่ ๆ อายุประมาณ 20 ปี กำลังดี
2.ตัดต้นขนุนเป็นท่อน ๆ ท่อนละ 90 เซนติเมตร
3.เลื่อยเปลือก หรือถากเปลือกออกให้รอบทุกท่อน

ขั้นตอนการผลิต
1. ขั้นตอนการทำเอวกลองและฐานกลองด้านล่าง
1.1 นำท่อนขนุนที่ถากเปลือกนอกออกแล้ว วัดตั้งแต่ขอบหน้า
กลองลงไปประมาณ 1 ฟุต ใช้ดินสอขีดเส้นรอบไว้ ตั้งแต่ส่วนนี้
เรียกว่า เอวกลอง
1.2 เริ่มถากตั้งแต่เอวงลงไปถึงปลายฐานด้านล่าง โดยใช้ขวาน
โยนถาก ช่วงปลายฐานด้านล่างถากบานออกเพื่อให้กลองวาง
ได้ ความกว้างของหน้ากลองกับฐานกลองเท่ากัน
2. ขั้นตอนการขุดโพรงกลองยาว
2.1 เมื่อถากได้เอวกลองและฐานกลองเสร็จ แล้ว วางไม้กลอง
ตั้งขึ้น เพื่อวัดจุดศูนย์กลางของหน้ากลอง และวัดขอบกลอง
โดยใช้ไม้แบน วางบนหน้ากลองตอกตะปู 1 ตัว ตรงกลาง และ
ขอบริมหน้ากลอง 2 ตัว ตะปู 2 ตัว ที่ขอบห่างกันประมาณ 2
นิ้ว (ตอกตะปู ให้ปลายตะปูโผล่ติดไม้หน้ากลอง)
2.2 หมุนไม้วัดให้รอบหน้ากลอง ปลายตะปูจะขีดหน้ากลองเป็น
รอยเส้น ลึกพอประมาณ รอยเส้นจะมีที่ขอบ 2 เส้น และจุด
กลาง 1 จุด

~12~

2.3 นำสิ่ว และค้อน ขุดเนื้อตรงกลางหน้ากลองออก ขุดไป
เรื่อยๆ จนถึงเส้นขอบ ที่วัดไว้ และขุดให้ลึกจนกระทั่งทะลุ สิ่ว
ใช้ตัวเล็ก ไล่ไปตัวกลาง และตัวใหญ่สุด เพราะต้องขุดให้เป็นรู
ทะลุลงไปถึงฐานล่าง
2.4 เมื่อขุดทะลุแล้ว ส่วนนี้เรียกว่า โพรงกลองยาว ภายใน
ต้องใช้เหล็กตะขอคมขูดให้เรียบ และสม่ำเสมอทุกส่วนจากด้าน
บน และจากด้านล่าง
2.5 เมื่อขูดในโพรงกลองเสร็จแล้ว ตกแต่งภายนอกโดยใช้กบ
ไสให้ได้รูปทรงที่สวยงาม ขัดกระดาษทราย ขัดให้ผิวเรียบ
2.6 เมื่อขัดเสร็จแล้ว เจาะตรงขอบเอวกลอง ให้มีความห่าง
ประมาณ 1 นิ้ว แต่ละช่อง โดยใช้สิ่วเจาะให้ลึกพอประมาณ
เพื่อสำหรับไว้ร้อยเชือก ขัดกระดาษทรายละเอียดทาแลคเกอร์
1 ถึง 2 ครั้ง ทาเฉพาะผิวไม้ด้านนอก แต่งขอบฐานกลองใช้อลู
มิเนียมรัดเป็นวงกลมเพื่อไม่ให้ฐานกลองแตกร้าว
3. ขั้นตอนการใส่หน้ากลองยาว
3.1 หนังวัวตากแดดให้แห้งสนิท นำหนังวัว วัดเส้นผ่าศูนย์กลาง
ประมาณ ๑๕ นิ้ว ตัดเป็นวงกลม โดยให้เหลือขอบ
3.2 เจาะรูหนังวัวตามขอบที่เส้นขีดไว้ โดยใช้เหล็กเจาะตอกด้วย
ค้อนตะปู เจาะให้เป็นรูจนรอบวงกลม แต่ละรูห่างกันประมาณ 1
นิ้ว เจาะรู 2 แถว
3.3 เมื่อเจาะรูเสร็จแล้ว นาเชือกมาร้อย โดยใส่ลวดเส้นเล็ก
ระหว่างรูที่เจาะไว้ห่างกันประมาณ 1 นิ้ว ลวดสำหรับยึดให้แข็ง
แรง

~13~

3.4 เมื่อเจาะรูเสร็จแล้ว นาเชือกมาร้อย โดยใส่ลวดเส้นเล็ก
ระหว่างรูที่เจาะไว้ห่างกันประมาณ 1 นิ้ว ลวดใส่ระหว่างของรูที่
ร้อยเชือกสำหรับยึดให้แข็งแรง
3.5 นำลวดทำเป็นวงกลม ใส่รัดไว้ที่เอวกลอง จะมีบ่าไม้เพื่อไม้ให้
ลวดเลื่อนหลุดใส่ลวดรอบเอวกลองเพื่อสำหรับร้อยเชือกดึงยึด
หน้ากลองให้ตึง
3.6 เมื่อใส่ลวดเอวกลองเสร็จแล้ว นาหน้ากลองที่สานเชือกขอบ
ไว้เสร็จแล้ว วางไว้บนปากหน้ากลอง เพื่อร้อยเชือกดึงยึดหน้า
กลองให้ตึง
3.7 เมื่อร้อยเชือกจนรอบกลองแล้ว นำกระดาษทรายละเอียดขัด
หน้ากลอง ให้เรียบและสะอาด
4​ . ขั้นตอนการทำให้กลองยาวมีเสียงดังที่ได้มาตรฐาน
เมื่อขัดหน้ากลองเสร็จแล้ว นำข้าวเหนียวมาแปะหน้ากลอง และ
ทดลองตีเพื่อฟังเสียง
5. ขั้นตอนการแต่งตัวให้กลองยาว
การแต่งตัวให้กลองยาว เพื่อเพิ่มความสวยงาม โดยใส่เสื้อให้
ส่วนใหญ่จะเป็นแบบลวดลายเดียวกันทั้ง 7 ลูก และใส่สายสะพาย
ตามที่ต้องการ เพื่อสาหรับไว้สะพายเวลาเดิน ตีกลองยาว
ขั้นตอนหลังการผลิต
1.ตรวจความละเอียดของชิ้นงานแต่ละชิ้นที่เสร็จสมบูรณ์
2.พร้อมนำไปใช้งาน

~14~

ภาพขั้นตอนการผลิต

ขั้นตอนการวัดขนาดไม้

ขั้นตอนการทำลายกลอง

ขั้นตอนการร้อยเชือก

~15~

หน่วยที่ 4
ช่องทางการจำหน่าย

~16~

ช่องทางการจำหน่าย

นอกจากจะมีประโยชน์ด้านการสืบสานวัฒนธรรมแล้ว
กลองยาวยังสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนอีกด้วย โดยราคา
ของกลองยาว ปัจจุบันนี้เริ่มต้นที่ใบละ 1,800 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่
กับขนาดของกลองแต่ละใบ ซึ่งช่องทางในการจำหน่ายก็จะมีทั้ง
ขายเองโดยตรงจากผู้ผลิต และมีคนกลางมารับซื้อไปขายต่อ

~17~

อ้างอิง

- ประวัติหมู่บ้านมะกอก ได้จากการสัมภาษณ์ผู้ใหญ่บ้าน
- ภูมิปัญญาการทำกลองยาว https://www.m-
culture.go.th/mahasarakham/ewt_news.php?
nid=2256&filename=index
- ขั้นตอนและวิธีการทำกลองยาว http://xn--
e3ca4anygl0jlp7c8h.blogspot.com/2013/01/blog-
post.html
- ประโยชน์จากการทำกลองยาว ได้สัมภาษณ์นายสมใจ ปัดตะ
ชารี (กลุ่มผลิตกลองยาว)



การพัฒนาหลักสูตรสิ่ง
แวดล้อมศึกษา

เรื่อง กลองยาวศึกษา

บ้านมะกอก หมู่ 5 ตำบลขามเรียง อำเภอกันทรวิชัย
จังหวัดมหาสารคาม


Click to View FlipBook Version