1
บทท่ี 1
กิจกรรมผูบ้ ำเพ็ญประโยชน์
กิจกรรมผู้บำเพญ็ ประโยชน์ (Girl Guides / Girl Scouts) คือ กจิ กรรมอำสำสมคั รนำนำชำติ
สำหรับเด็กผ้หู ญงิ และสตรีที่สนใจ โดยไม่จำกัดเชื้อชำติ วรรณะ และศำสนำ มีเปำ้ หมำยเพื่อฝกึ เด็กผ้หู ญงิ ให้
เปน็ พลเมืองดี มีประโยชนต์ อ่ สังคม ตำมหลกั กำรท่ี Lord Baden Powell ผกู้ ่อตัง้ กจิ กำรลกู เสอื และผู้บำเพ็ญ
ประโยชนไ์ ดก้ ำหนดไว้ มปี ระเทศต่ำงๆ ยอมรบั กจิ กรรมผ้บู ำเพญ็ ประโยชน์ และนำไปฝึกอบรมเยำวสตรขี องตน
ท้งั ในทวปี ยโุ รป อเมริกำ อัฟริกำ และเอเชยี บำงประเทศเรียกกิจกรรมนี้ว่ำ Girl Guides บำงประเทศเรยี กว่ำ
Girl Scouts ดังน้นั จงึ มีชื่อเรยี กกจิ กรรมน้อี ยู่ 2 ช่ือคอื Girl Guides หรือ Girl Scouts สำหรับประเทศไทย
ใช้ชื่อภำษำไทยว่ำ “ผบู้ ำเพญ็ ประโยชน์” และใช้ชือ่ ภำษำอังกฤษว่ำ Girl Guides (Girl Scouts)
คำว่ำ “ผบู้ ำเพ็ญประโยชน์” หมำยควำมว่ำ “ผู้ท่ีฝกึ ตนเองใหพ้ ร้อมทจ่ี ะนำทำงและช่วยเหลอื ผู้อน่ื
เสมอ” มำจำกภำษำองั กฤษว่ำ “Guide” แปลวำ่ ผู้นำทำง หมำยถึง ผทู้ ่ีฝกึ ฝนตนเองให้มีพัฒนำกำรทั้ง 6 ดำ้ น
ได้แก่ ร่ำงกำย อำรมณ์ สงั คม สตปิ ัญญำ จิตใจ และคุณธรรม เพอ่ื ให้มีควำมพร้อมทจ่ี ะชว่ ยเหลือผูอ้ ่ืนให้ ผำ่ น
พน้ อุปสรรคต่ำงๆ อย่ำงสร้ำงสรรค์ และกล้ำหำญ โดยมคี ำปฏญิ ำณ (Promise) 3 ข้อ และกฎ (Law) 10 ข้อ
เปน็ เคร่อื งยึดเหน่ยี วใหป้ ฏิบตั ติ นเปน็ พลเมืองดี มีประโยชน์ต่อสงั คม กำรจัดกิจกรรมผ้บู ำเพ็ญประโยชน์
สำมำรถจดั ได้ทงั้ ในลักษณะกำรศึกษำในระบบ (Formal Education) และกำรศึกษำนอกระบบ (Non –
Formal Education)
ปจั จุบันประเทศต่ำงๆ ทวั่ โลก ทมี่ กี ำรดำเนนิ กจิ กรรมผ้บู ำเพ็ญประโยชนจ์ ะมกี ำรบรหิ ำรองค์กรตำม
ข้อบงั คับ (Constitution) และนโยบำยขององคก์ ำรผบู้ ำเพ็ญประโยชนแ์ หง่ โลก (The World Association of
Girl Guides and Girl Scouts : WAGGGS) ซง่ึ ประกอบด้วยหลกั กำรของกจิ กรรมผ้บู ำเพ็ญประโยชน์
(Guiding and Scouting Principles) ค่ำนิยมขององค์กำรผบู้ ำเพญ็ ประโยชน์แห่งโลก (WAGGGS’ Values)
วิธกี ำรของผ้บู ำเพ็ญประโยชน์ (The Girl Guides and Girl Scouts Method) กำรเรียนรู้ทผี่ ู้เรียนกำกับ
ตนเอง (Self – Directed Learning) และทักษะของผบู้ ำเพ็ญประโยชน์ในศตวรรษท่ี 21 ดงั ต่อไปนี้
หลกั กำรของกิจกรรมผ้บู ำเพญ็ ประโยชน์ (Guiding and Scouting Principles)
หลกั กำรของกิจกรรมผู้บำเพ็ญประโยชน์ (Guiding and Scouting Principles) หมำยถงึ ส่ิงสำคญั ที่
ควรยดึ ถือปฏบิ ัติในกำรจัดกิจกรรมผู้บำเพ็ญประโยชน์ สำหรับองค์กำรผู้บำเพ็ญประโยชน์แห่งโลก และองคก์ ร
สมำชิก เพอ่ื นำไปใช้ในกำรฝกึ อบรมหรอื จัดกำรเรยี นรู้ให้สมำชกิ ได้แก่
1. คำปฏญิ ำณและกฎ (Promise and Law) ในกำรดำเนนิ งำนจะยึดม่ันและปฏิบัตติ ำมคำปฏิญำณและ
กฎของกิจกรรมผู้บำเพญ็ ประโยชน์เสมอ
2. ระบบหมู่ (Patrol system) สมำชิกผบู้ ำเพ็ญประโยชน์ทำงำนร่วมกันเป็นหมู่ หมูล่ ะ 4 ถงึ 8 คน มี 1
คนได้รบั เลือกให้เปน็ หวั หนำ้ หมู่ คนอืน่ ๆ เป็นสมำชิกในหมู่ ทำกิจกรรมและโครงกำรต่ำงๆ ร่วมกนั
2
3. กำรเรยี นรผู้ ำ่ นประสบกำรณ์หรอื กำรลงมือทำ (Through experiential learning or Learning by
doing) ผเู้ รียนจะเรยี นร้ผู ำ่ นกำรนำเสนองำน ทำกจิ กรรม อภปิ รำย ปรึกษำหำรอื และ กำรสงั เกต
4. กำรพฒั นำตนเองให้ก้ำวหนำ้ (Progressive self – development) สมำชกิ แต่ละคนพัฒนำตนเอง
โดยผ่ำนกิจกรรมต่ำงๆของผู้บำเพ็ญประโยชน์ โดยกำรเลอื กกจิ กรรม บทบำทหน้ำท่ีและทิศทำงกำร
พฒั นำตำมแนวทำงของตนเอง
5. กำรเรยี นรรู้ ว่ มกนั กับคนตำ่ งวัย (Intergenerational learning) เด็ก เยำวชน และผูใ้ หญเ่ รียนรู้
รว่ มกันและเรยี นร้ซู ่ึงกนั และกัน
6. เรยี นรผู้ ำ่ นกิจกรรมกลำงแจ้ง (กจิ กรรมนอกอำคำรสถำนที่) และกจิ กรรมผจญภยั (Outdoor
activities and learning through adventure) เป็นกจิ กรรมที่ช่วยสรำ้ งควำมมั่นใจในตนเอง (Self
– confidence) ควำมตระหนักรู้ในตนเอง (Self – awareness) คณุ ลักษณะ (Character) และควำม
ตระหนกั ต่อสง่ิ แวดล้อม
7. กำรบำเพ็ญประโยชน์ต่อชุมชน (Service in the community) ส่งเสรมิ จิตสำนกึ ในควำมรบั ผิดชอบที่
มีต่อสังคมและสมำชิกในชุมชน
8. กำรเรยี นรตู้ ำ่ งวฒั นธรรมและประสบกำรณน์ ำนำชำติ (Intercultural learning and international
experiences) ซงึ่ สนบั สนุนกำรยอมรับนับถือวฒั นธรรมทแ่ี ตกต่ำง ใหเ้ กียรติกนั กำรสรำ้ งควำมเขำ้ ใจ
รว่ มกนั และกำรอดทนอดกลั้น ตลอดจนสร้ำงควำมรสู้ ึกรับผดิ ชอบตอ่ โลกท่เี รำอำศยั อย่รู ่วมกนั
คำ่ นิยมขององค์กำรผบู้ ำเพ็ญประโยชน์แหง่ โลก (WAGGGS’ Values)
ค่ำนิยมขององค์กำรผู้บำเพญ็ ประโยชน์แหง่ โลก (WAGGGS’ Values) หมำยถึง ส่งิ ทเี่ ป็นทย่ี อมรบั มี
ควำมสำคัญเสมือนแนวทำงแห่งกำรประพฤติและปฏิบตั ิขององค์กำรผู้บำเพ็ญประโยชน์แห่งโลกและองคก์ ร
สมำชิก ไดแ้ ก่
Progressive มคี วำมกำ้ วหน้ำ
Recognition of spiritual dimension รับรู้ ถงึ มิตทิ ำงจติ วิญญำณ
Open to all เปดิ กวำ้ งสำหรับทกุ คน
Global commitment มุง่ มัน่ ที่จะทำเพือ่ โลก
Responsibility มคี วำมรับผดิ ชอบ
Equal opportunities โอกำสที่เทำ่ เทยี มกนั
Service-mindedness มจี ิตอำสำ มีใจท่จี ะบำเพ็ญประโยชน์
Sustainability มคี วำมยงั่ ยืน
Integrity มคี วำมซื่อสัตย์สจุ รติ ท้ังกำย วำจำ ใจ
Voluntary commitment ม่งุ ม่ันท่ีจะบำเพ็ญประโยชน์ อำสำลงมือทำ
Environmentally conscious ตระหนกั เรอ่ื งสงิ่ แวดล้อม
3
วิธีกำรของผ้บู ำเพ็ญประโยชน์ (The Girl Guides and Girl Scouts Method)
วิธกี ำรของผ้บู ำเพ็ญประโยชน์ (The Girl Guides and Girl Scouts Method) หมำยถึง วธิ ีท่ีใชจ้ ดั
กิจกรรมเพ่ือใหผ้ ูบ้ ำเพญ็ ประโยชนเ์ กิดกำรเรียนรู้ตำมเป้ำหมำยของกจิ กรรม ประกอบดว้ ย
1. กำรเรยี นรใู้ นกลุ่มเล็ก (Learning in small groups)
2. เสน้ ทำงของฉัน กำรเรียนรู้ของฉนั (My path, my pace)
3. กำรเรียนรู้โดยลงมอื ทำ (Learning by doing)
4. ควำมสัมพนั ธก์ ับผูอ้ ่ืน (Connecting with others)
5. ควำมสัมพันธก์ ับโลกของฉัน (Connecting with my world)
วธิ กี ำรและ หลักคิด ลักษณะ / กำรดำเนนิ กำร
เป้ำหมำยกำรเรยี นรู้
1) กำรเรยี นรใู้ นกลุ่มเล็ก กลุม่ เพ่ือนมีอิทธพิ ลท่ยี ่ิงใหญ่ – สมำชิกมีช่วงอำยุคละกนั จะ
(Learning in small
groups) ตอ่ คำ่ นิยมและกำรตัดสนิ ใจของ สนบั สนุนกำรแลกเปลี่ยนเรยี นรู้
ทำใหเ้ กดิ ทักษะกำรทำงำนเป็น เด็กและเยำวชน กำรไดท้ ำงำน ซ่งึ กนั และกนั
ทีม กำรร่วมมือกนั มีทักษะกำร
สื่อสำร กำรสร้ำงควำมสัมพนั ธ์ รว่ มกันเชงิ บวก ในกลุม่ เล็กๆ – สมำชกิ ในกลุม่ เล็กมโี อกำสมี
และสรำ้ งมติ รภำพ
สรำ้ งควำมรสู้ ึกในกำรเปน็ เจ้ำของ ประสบกำรณ์ในกำรเป็นผูน้ ำ
2) เส้นทำงของฉัน กำรเรยี นรู้
ของฉนั (My path, my เกดิ กำรเรยี นรู้ทีจ่ ะช่วยเหลอื ซ่ึง มำกกว่ำกลมุ่ ใหญ่
pace)
กนั และกนั เกิดกำรเจรจำต่อรอง – จดั ใหม้ พี ืน้ ทห่ี รอื มุมหมู่ สำหรับ
ให้เกดิ กำรตดั สนิ ใจแบบ ใหก้ ลุ่มได้วำงแผนหรือเพ่อื กำร
ประชำธปิ ไตย เพื่อใหแ้ ต่ละคน ได้ ตดั สินใจของกล่มุ
แสดงควำมคิดเห็นของตน รว่ มกัน – ใหค้ วำมใส่ใจเป็นรำยบุคคลใน
แกไ้ ขปัญหำ เกดิ กำรเรยี นรู้ที่จะ กล่มุ เล็ก เปล่ียนกันเป็นผู้นำกลุ่ม
ทำงำนรว่ มกบั ผู้อน่ื อย่ำงมี เปน็ เจำ้ ของในกำรวำงแผน
ประสทิ ธผิ ล เมอื่ มีสถำนกำรณ์
ต่ำงๆ เกดิ ขึน้ พลงั ของกล่มุ เล็กจะ
ช่วยใหบ้ รรลศุ ักยภำพ
เดก็ และเยำวชนเรยี นร้ใู น – เด็กและเยำวชนสำมำรถเลือก
หนทำง และพบแรงบันดำลใจในที่ เป้ำหมำยกำรเรยี นรู้เพอ่ื ใหต้ รง
แตกตำ่ งกัน กิจกรรมผู้บำเพ็ญ กบั ควำมสนใจของตนเอง
ประโยชนส์ ร้ำงคุณค่ำใหแ้ ต่ละคน – ควำมสัมพันธร์ ะหวำ่ งหัวหนำ้
ในกล่มุ โดยกำรเลอื กเรียนรู้ในสิง่ หมวดและเยำวสมำชกิ เป็น
ทตี่ ้องกำรเรยี นรู้และด้วยวิธกี ำร ควำมสมั พันธแ์ บบพเี่ ล้ียง /
ของตน เยำวสมำชกิ เปน็ ผนู้ ำใน บุคคลตน้ แบบ
4
วธิ ีกำรและ หลักคดิ ลกั ษณะ / กำรดำเนินกำร
เปำ้ หมำยกำรเรยี นรู้
กำรเลือกและวำงแผนกจิ กรรม – หวั หน้ำหมวดสนับสนุนกิจกรรม
หัวหน้ำหมวดสนบั สนุนให้มี ทีท่ ้ำทำยควำมสำมำรถของ
กิจกรรมอันหลำกหลำย เพื่อให้ สมำชิกแตล่ ะคนและชน่ื ชมใน
เกิดรปู แบบกำรเรียนรู้ตำ่ งๆ ไมม่ ี ควำมสำเร็จ
ทำให้เกดิ ควำมมุ่งมน่ั เกดิ กำรกดดนั ให้แต่ละบุคคลต้อง – จัดรปู แบบกำรเรยี นรู้ต่ำงๆ ใน
บรรลุมำตรฐำนที่กำหนดไว้ ระหว่ำงกำรชุมนมุ เพ่ือให้ทุกคน
แรงจูงใจทจี่ ะทำตำมควำมสนใจ โปรแกรมกำรศึกษำกระตนุ้
ทำควำมต้องกำรให้บรรลุ มโี อกำสเข้ำร่วมได้อยำ่ งเต็มท่ี
เปำ้ หมำย ในส่ิงทีท่ ้ำทำย เยำวสมำชิกเหลำ่ น้ีให้เกิดควำม – เปดิ โอกำสในกำรพูด กำรแสดง
ควำมสำมำรถของตนตำม ภำคภูมิใจในพัฒนำกำรของตน ควำมคิดเห็น กำรแสดงออกและ
เส้นทำงกำรเรียนรูข้ องตน และตัง้ เปำ้ หมำยทีเ่ หมำะสมกับ กำรแลกเปล่ียนประสบกำรณ์กบั
อำยขุ องตน ใหโ้ อกำสมีอสิ ระที่จะ ผู้อื่น
ลองผิดลองถกู และคน้ พบเสน้ ทำง – มอบเคร่ืองหมำยแสดง
กำรเรยี นรู้ของตนเองในทุกยำ่ ง ควำมสำมำรถ / สมรรถนะให้
ก้ำว เป็นไปตำมกฎเกณฑ์
3) กำรเรยี นรูโ้ ดยลงมอื ทำ หัวใจของกำรศกึ ษำนอก – เยำวสมำชิกมปี ระสบกำรณ์กำร
(Learning by doing) ระบบ คือกำรเรียนรผู้ ่ำน เรียนร้โู ดยตรง
ประสบกำรณ์จริงเด็กและเยำวชน – มีส่วนรว่ มในกิจกรรมท่ี
เรยี นรูใ้ นลักษณะสง่ ต่อ (Hands – ทำ้ ทำยและมปี ระสบกำรณ์ตรง
on way) โดยกำรมสี ่วนร่วมอยำ่ ง ในกำรแกไ้ ขปัญหำ
เตม็ ท่ี ในกำรเรยี นรูผ้ ำ่ นกจิ กรรมท่ี – มีเวลำในกำรไตร่ตรองและหำรือ
ทำ้ ทำย ประสบกำรณ์ เกม ภำยหลังกจิ กรรมเพอื่ ประมวลผล
โครงกำร และกำรทดลองต่ำงๆ กำรเรยี นรู้
ทำใหเ้ กิดควำมมั่นใจในทักษะ ตำมธรรมชำตขิ องมนษุ ยจ์ ะเรียนรู้ – มกี ำรตดิ ตำมผลเพื่อฝึกกำร
ของตนเองในสถำนกำรณ์ชีวติ
จริง พรอ้ มทจ่ี ะเรียนรู้ผิด – ถกู เมอ่ื ไดร้ ับแรงกระตุ้น กำรเรียนรู้ เรียนรู้และแบง่ ปันกับผอู้ ืน่
และรบั ควำมเสย่ี งบ้ำง สำมำรถ
ปรบั ตัว มคี วำมยดื หยุ่น และมี โดยกำรลงมือทำ ทำใหเ้ ยำวส – มกี จิ กรรมกลำงแจง้ ทท่ี ้ำทำย
ควำมคดิ สร้ำงสรรค์
มำชิกสำมำรถเชื่อมโยง สร้ำงควำมเช่อื มนั่ ในตนเองให้
ประสบกำรณ์เขำ้ กบั ชวี ติ จริง ทศิ สมำชกิ
ทำงกำรเรยี นรู้ของตนเองให้ตรง – สมำชิกกลุ่มถ่ำยทอดทักษะใหม่
กับสิง่ ทีต่ ้องกำรได้ ใหแ้ ก่กันและกนั
5
วธิ กี ำรและ หลักคดิ ลักษณะ / กำรดำเนินกำร
เป้ำหมำยกำรเรยี นรู้
4) ควำมสัมพนั ธ์กบั ผอู้ นื่ กำรเรยี นร้ไู ม่ได้เกิดขึ้นจำก – สนบั สนนุ ควำมสัมพนั ธ์เชิงบวก
(Connecting with others) ควำมว่ำงเปล่ำ เด็กและเยำวชน กบั หวั หนำ้ หมวดผู้บำเพ็ญ
เรยี นรู้ท่จี ะเชอื่ ถอื ไวว้ ำงใจ และ ประโยชน์
ทำใหม้ ีควำมเขำ้ ใจ มคี วำมอด เคำรพผู้ใหญ่ท่สี นบั สนุนและเปน็
กลั้น และไม่แบง่ แยก มีกำร ตน้ แบบของผ้นู ำที่มีพลัง – มีกำรประชุมรว่ มกบั กลุ่มอำยุที่
สื่อสำรและมีควำมร่วมมือกนั ใน ควำมสำมำรถ และสนบั สนุนกำร นอ้ ยกว่ำ และอำยทุ ี่มำกกว่ำ
ควำมแตกตำ่ งและควำม ตัดสินใจของสมำชกิ กลุ่มท่ี
หลำกหลำยในกำรทำงำนกับคน แตกต่ำงกัน ทำให้มปี ระสบกำรณ์ – มีอำสำสมัครท่เี ป็นตน้ แบบช่วย
ตำ่ งวยั ตำ่ งวัฒนธรรม ในกำรตดิ ต่อประสำนงำนกบั เพ่มิ ภำวะผูน้ ำให้กับเยำวสมำชกิ
บุคคลท่ีมีอำยุ เพศ ภูมิหลงั ทำง
5) ควำมสมั พนั ธก์ ับโลกของฉัน วัฒนธรรมและสังคมท่ีแตกตำ่ งกนั – เชิญบคุ คลสำคญั ในชมุ ชนมำ
(Connecting with my นี่เป็นสว่ นหน่งึ ของกจิ กรรมผู้ พดู คุย / ร่วมกิจกรรม ทำให้กลมุ่
world) บำเพญ็ ประโยชน์ เป็นที่รจู้ ักของผ้นู ำในชุมชน
ทำให้เกดิ กำรตระหนกั ในปัญหำ โลกรอบตวั เรำเปน็ แหลง่ – ออกค่ำยพักแรมและร่วม
ระดบั โลก มีแรงจงู ใจ ในกำร เรียนรูท้ ่ีใหญท่ ส่ี ดุ กิจกรรมผู้ กิจกรรมกบั ผูอ้ ่ืน
ดำเนนิ งำน และจดั กำรกบั บำเพ็ญประโยชน์ ใช้ประโยชน์
ประเด็นปัญหำ มีควำมสัมพันธ์ จำกพืน้ ที่เรียนรทู้ ่มี ีอยมู่ ำกมำยใน – มกี ำรเรียนรู้ทจ่ี ะตระหนักถงึ
โลก เดก็ และเยำวชนสำมำรถทำ ควำมหลำกหลำย และติดตอ่
ให้เหน็ วำ่ กำรเป็นพลเมอื งของโลก สมั พนั ธ์กับวัฒนธรรมอื่นๆ
มีควำมหมำยเพยี งใด ด้วยกำรทำ
โครงกำรกับชุมชน กำรแสดงออก – กำรเดินทำงไปสู่สิง่ แวดล้อมตำม
ในประเด็นปญั หำทตี่ นห่วงใย กำร ธรรมชำตแิ ละในเมือง
เข้ำใจวธิ ีอนุรักษธ์ รรมชำตแิ ละ
สงิ่ แวดลอ้ ม เด็กและเยำวชนตอ้ ง – กำรสมั พนั ธ์กับองค์กรกำรกุศล
ตระหนกั ถึงควำมสัมพันธ์เชอื่ มโยง และองค์กรเยำวชนอนื่ ๆ
อยำ่ งลกึ ซึ้งและย่ังยนื ต่อเรื่องนัน้ ๆ
เช่นกำรจดั กจิ กรรมกำรผจญภัย – เรยี นรูเ้ กยี่ วกับสภำพสงิ่ แวดล้อม
กลำงแจ้งเปน็ ส่วนหนึ่งทจี่ ำเป็น ตำ่ งๆ และกำรปรับตัวเพื่อกำรอยู่
รอด
– กำรลงมือทำกิจกรรมในชมุ ชน
– กำรสำรวจสภำพแวดล้อมของ
สถำนทพ่ี บปะ
– พูดและแสดงออกในประเด็น
ปัญหำท่ตี นหว่ งใย
– เรยี นรเู้ กีย่ วกบั ชมุ ชนทอ้ งถนิ่
– สนใจประเดน็ ปัญหำระดบั โลก
เรียนรเู้ กีย่ วกับโลกกวำ้ ง
6
วธิ ีกำรและ หลกั คดิ ลักษณะ / กำรดำเนินกำร
เปำ้ หมำยกำรเรียนรู้
กบั ชมุ ชน ท้องถ่ิน ธรรมชำติ ใส่ เด็กและเยำวชนจะถกู – เยี่ยมชมบ้ำนพักของผ้บู ำเพ็ญ
ใจกบั ส่ิงแวดล้อมทำงธรรมชำติ ทำ้ ทำยเพอ่ื ปรบั กำรเรียนร้ขู องตน ประโยชน์ (World Centre)
และมคี วำมเป็นพลเมอื งโลก ให้สำมำรถเตบิ โต ในสิ่งแวดล้อมท่ี
แตกตำ่ งกนั รวมทั้งกำรดแู ลรักษำ – กำรเดินทำงไปตำ่ งประเทศและ
ชุมชนและสงิ่ แวดลอ้ มที่ตนหว่ งใย รว่ มกจิ กรรมนำนำชำติ
– ทำกิจกรรมจำกหลักสตู ร
E – learning courses ของ
องค์กำรโลก
กำรเรยี นร้ทู ่ผี ู้เรียนกำกับตนเอง (Self – Directed Learning)
กำรเรียนรทู้ ่ผี เู้ รยี นกำกับตนเอง (Self – Directed Learning) หมำยถงึ กำรจัดกำรเรียนรู้ท่ีสรำ้ ง
โอกำสให้ผ้เู รียน (สมำชกิ ผบู้ ำเพ็ญประโยชน)์ ออกแบบกำรเรียนรู้ดว้ ยตนเอง และใช้วิธกี ำรเรยี นรขู้ องผ้เู รียน
เปน็ หลกั ซึ่งมแี นวทำงสำคัญ ดงั นี้
- สำรวจ / สอบถำมด้ำนสำระควำมรู้ท่ีผู้เรียน ต้องกำรเรียนรู้ และหรอื ฝกึ ทักษะ
- จดั กำรเรียนร้ดู ว้ ยวธิ ีทหี่ ลำกหลำยเพือ่ ให้เหมำะสมกับวธิ กี ำรเรียนรขู้ องผเู้ รยี นทุกคน
- ใหผ้ ูเ้ รียนมีโอกำสแสดงออกถึงสิง่ ท่ีได้เรยี นร้ใู นรปู แบบของกำรมีสมรรถนะ
(Competency) ในกำรทำงำน (สำมำรถนำควำมรู้ ทักษะและคุณลักษณะทีจ่ ำเปน็ ในกำร
ปฏบิ ตั ิงำนมำใช)้
- ผฝู้ ึก / หัวหนำ้ หมวดผู้บำเพ็ญประโยชน์ ทำหนำ้ ที่เปน็ ผอู้ ำนวยควำมสะดวกในกำรจดั กำรเรียนรู้
(Facilitator) ดว้ ยกำรจัดกิจกรรมกำรเรยี นรูท้ ีส่ นุก น่ำสนใจและทำ้ ทำยควำมสำมำรถผูเ้ รยี น
7
ทักษะจำเปน็ ของผู้บำเพ็ญประโยชน์ในศตวรรษท่ี 21
องค์กำรผ้บู ำเพ็ญประโยชนแ์ หง่ โลก ได้กำหนดทกั ษะ 6C ท่สี มำชิกผบู้ ำเพ็ญประโยชนจ์ ำเปน็ ต้องมีใน
ศตวรรษที่ 21 เพอื่ เป็นแนวทำงในกำรพฒั นำสมำชิกใหส้ ำมำรถเติบโตในโลกที่มีกำรเปล่ยี นแปลงอยำ่ งรวดเรว็
ได้ และเสรมิ พลงั ควำมสำมำรถของเยำวสมำชิกในกำรดำเนินชีวิตแบบท่ตี นตอ้ งกำรได้
ทักษะ 6C ประกอบด้วย
8
กำรจดั กิจกรรมผบู้ ำเพ็ญประโยชน์ในประเทศไทย
คณุ หญิงกนก สำมเสน วิล ได้นำกจิ กรรม “ผบู้ ำเพญ็ ประโยชน์” เข้ำมำในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.
2500 และจดทะเบียนเป็นสมำคมเมื่อ 21 พฤษภำคม พ.ศ. 2501 สมเด็จพระนำงเจำ้ สิรกิ ิติ์ พระบรมรำชินีนำถ
ทรงรบั ไวใ้ นพระบรมรำชนิ ปู ถัมภ์ เมื่อ 18 มกรำคม พ.ศ. 2506 ใชช้ อื่ องคก์ รว่ำ สมำคมผู้บำเพ็ญประโยชน์แหง่
ประเทศไทย ในพระบรมรำชินูปถมั ภ์ ใช้ชอ่ื ภำษำอังกฤษว่ำ The Girl Guides (Girl Scouts) Association of
Thailand Under The Royal Patronage of Her Majesty The Queen) โดยองค์กำรผบู้ ำเพญ็ ประโยชน์
แห่งโลกรบั เขำ้ เป็นสมำชกิ โดยสมบรู ณ์ (Full Member) ในปี พ.ศ. 2515
กระทรวงศกึ ษำธกิ ำรอนุญำตให้บรรจุกจิ กรรมผูบ้ ำเพญ็ ประโยชน์อยูใ่ นหลักสูตรกำรเรยี นกำรสอนใน
สถำนศกึ ษำ เม่ือ 3 มนี ำคม พ.ศ. 2521 และเปน็ หนง่ึ ในกจิ กรรมพัฒนำผเู้ รยี นสำหรับเด็กผู้หญิงเช่นเดียวกับ
กจิ กรรมยวุ กำชำด และเนตรนำรี ตำมพระรำชบัญญตั ิกำรศกึ ษำแหง่ ชำติ พ.ศ. 2542 และหลกั สูตรแกนกลำง
กำรศึกษำขน้ั พ้ืนฐำน พุทธศกั รำช 2551 โดยมุ่งใหผ้ ู้เรียนได้พฒั นำตนเองตำมศักยภำพ ศึกษำอย่ำงรอบดำ้ น
เพ่ือควำมเปน็ มนุษย์ที่สมบรู ณ์ทงั้ ร่ำงกำย สติปัญญำ อำรมณ์ และสังคม เสรมิ สร้ำงใหเ้ ป็นผมู้ ศี ีลธรรม
จรยิ ธรรม มีระเบียบวนิ ัย ปลกู ฝัง และสรำ้ งจิตสำนึกของกำรทำประโยชน์เพื่อสังคมสำมำรถจัดกำรตนเองได้
และอยู่รว่ มกับผู้อนื่ อย่ำงมีควำมสุข โดยมจี ุดเน้น ดำ้ นคุณลกั ษณะสำหรับผ้เู รยี นทุกระดับชน้ั และเปน็
คณุ ลักษณะท่พี ึงประสงคซ์ ึง่ กำหนดไว้ในหลักสตู ร (ระดับชั้น ป.1 – ม.6) ดังนี้
1. รกั ชำติ ศำสน์ กษตั รยิ ์ หมำยถึง คณุ ลกั ษณะที่แสดงออกถงึ กำรเป็นพลเมืองดีของชำติ ธำรงไว้
ซ่งึ ควำมเป็นไทย ศรทั ธำ ยดึ ม่ันในศำสนำ และเคำรพเทิดทูนสถำบันพระมหำกษัตริย์
2. ซ่อื สัตย์สจุ รติ หมำยถงึ คุณลักษณะทีแ่ สดงออกถึงกำรยึดม่ันในควำมถูกตอ้ งประพฤติตรงตำมควำม
เป็นจรงิ ตอ่ ตนเอง และผู้อื่นท้ังกำย วำจำ ใจ
3. มีวินยั หมำยถึง คุณลักษณะที่แสดงออกถึงกำรยึดม่นั ในข้อตกลง กฎเกณฑ์ และระเบยี บ ข้อบงั คับ
ของครอบครวั โรงเรยี น และสังคม
4. ใฝเ่ รียนรู้ หมำยถึง คุณลักษณะทแ่ี สดงออกถึงควำมตั้งใจ เพียรพยำยำมในกำรเรยี นแสวงหำควำมรู้
จำกแหลง่ เรียนรู้ทง้ั ภำยในและภำยนอกโรงเรียน
5. อยู่อยำ่ งพอเพียง หมำยถึง คุณลกั ษณะท่ีแสดงออกถงึ กำรดำเนนิ ชีวติ อยำ่ งพอประมำณ มีเหตุผล
รอบคอบ มีคุณธรรม มีภมู คิ ุ้มกนั ในตวั ที่ดี และปรบั ตวั เพ่ืออยใู่ นสังคมได้อย่ำงมีควำมสุข
6. ควำมมุ่งมัน่ ในกำรทำงำน หมำยถึง คณุ ลักษณะท่ีแสดงออกถงึ ควำมตงั้ ใจ และรบั ผิดชอบในกำรทำ
หนำ้ ทก่ี ำรงำนดว้ ยควำมเพียรพยำยำม อดทน เพื่อให้งำนสำเรจ็ ตำมเปำ้ หมำย
7. รักควำมเป็นไทย หมำยถงึ คุณลักษณะท่ีแสดงออกถงึ ควำมภำคภูมใิ จ เห็นคุณค่ำร่วมอนุรกั ษ์
สืบทอดภมู ิปัญญำไทย ขนบธรรมเนยี มประเพณี ศิลปะ และวฒั นธรรม ใช้ภำษำไทยในกำรสื่อสำรได้
อยำ่ งถูกต้องและเหมำะสม
9
8. มีจิตสำธำรณะ หมำยถึง คุณลักษณะทแี่ สดงออกถงึ กำรมีสว่ นร่วมในกิจกรรมหรือสถำนกำรณ์ที่
ก่อใหเ้ กดิ ประโยชนแ์ ก่ผอู้ ่นื ชุมชน และสังคมดว้ ยควำมเต็มใจกระตือรอื ร้นโดยไมห่ วงั ผลตอบแทน
แผนกำรศกึ ษำแหง่ ชำติของประเทศไทย พ.ศ. 2560 – 2579 วำงกรอบเปำ้ หมำยและทิศทำงกำรจัด
กำรศกึ ษำของประเทศ โดยกำหนดวสิ ัยทัศน์ไว้วำ่ “คนไทยทุกคนไดร้ บั การศกึ ษาและเรยี นรู้ตลอดชวี ติ อย่างมี
คณุ ภาพ ดารงชวี ิต อย่างเปน็ สขุ สอดคลอ้ งกบั หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง และการเปลีย่ นแปลงของ
โลกศตวรรษที่ 21” มีวัตถปุ ระสงค์สำคัญ เพ่ือพัฒนำคนไทยให้เป็นพลเมืองดี มีคุณลกั ษณะ ทักษะและ
สมรรถนะทีส่ อดคล้องกับบทบญั ญตั ขิ องรฐั ธรรมนูญแห่งรำชอำณำจกั รไทยและพระรำชบัญญตั กิ ำรศึกษำ
แห่งชำติ (ฉบับท่ี 4) พ.ศ. 2562 และพัฒนำสังคมไทยใหเ้ ป็นสงั คมแหง่ กำรเรียนรู้ และคุณธรรม จริยธรรม
รรู้ ักสำมัคคี และร่วมมือผนกึ กำลังมงุ่ สกู่ ำรพฒั นำประเทศอยำ่ งยงั่ ยืน ตำมหลกั ปรัชญำของเศรษฐกิจพอเพยี ง
โดยกำหนดเปำ้ หมำยดำ้ นผเู้ รียนใหท้ ุกคนมีคุณลกั ษณะและทกั ษะกำรเรยี นรู้ในศตวรรษท่ี 21 (3Rs8Cs) ดังน้ี
✥ 3Rs ได้แก่ กำรอำ่ นออก (Reading) กำรเขียนได้ (Writing) และกำรคดิ เลขเปน็ (Arithmetic)
✥ 8Cs ไดแ้ ก่
- กำรคิดอย่ำงมวี จิ ำรณญำณและทักษะในกำรแกป้ ญั หำ (Critical Thinking and Problem
Solving)
- กำรคดิ สรำ้ งสรรค์และนวัตกรรม (Creativity and Innovation)
- ควำมเข้ำใจต่ำงวัฒนธรรม ต่ำงกระบวนทัศน์ (Cross – cultural Understanding)
- ควำมรว่ มมอื กำรทำงำนเปน็ ทีม และภำวะผนู้ ำ (Collaboration, Teamwork and
Leadership)
- กำรสอื่ สำร สำรสนเทศและกำรรู้เทำ่ ทันส่ือ (Communications, Information and Media
Literacy)
- ทกั ษะด้ำนคอมพวิ เตอร์ เทคโนโลยีสำรสนเทศและกำรส่ือสำร (Computing and ICT
Literacy)
- ทักษะอำชพี และทักษะกำรเรียนรู้ (Career and Learning Skills)
- ควำมมีเมตตำ กรุณำ มวี ินัย คุณธรรม จรยิ ธรรม (Compassion)
เพื่อใหส้ อดคล้องกบั แผนกำรศกึ ษำชำติของประเทศไทย พ.ศ. 2560 – 2579 แนวทำงในกำรจดั
กิจกรรมพฒั นำผเู้ รยี น : ผูบ้ ำเพ็ญประโยชน์ ตำมหลักสูตรกำรศึกษำขั้นพื้นฐำนของกระทรวงศกึ ษำธกิ ำร
และนโยบำยขององคก์ ำรผบู้ ำเพญ็ ประโยชน์แห่งโลก (The World Association of Girl Guides and Girl
Scouts) นโยบำยของสมำคมผ้บู ำเพญ็ ประโยชนแ์ ห่งประเทศไทย ในพระบรมรำชินูปถมั ภ์ (The Girl Guides
(Girl Scouts) Association of Thailand Under The Royal Patronage of Her Majesty The Queen)
10
จงึ ได้กำหนดวสิ ยั ทัศน์ พันธกิจและแนวทำงในกำรจดั กจิ กรรมผูบ้ ำเพ็ญประโยชนข์ องเด็กผหู้ ญิงและเยำวสตรี
ดังน้ี
วสิ ัยทศั น์ (Vision)
ผ้หู ญงิ ทเ่ี กง่ ดี และมปี ระโยชน์ตอ่ สังคม
พันธกิจ (Mission)
ทำให้เด็กผู้หญิงและเยำวสตรีสำมำรถพัฒนำศักยภำพของตนเองได้สูงสุด ในกำรเป็นพลเมืองดี มีควำม
รับผิดชอบต่อสงั คม
11
แนวทำงกำรจัดกิจกรรมผู้บำเพญ็ ประโยชน์
1. เพื่อใหเ้ ดก็ ผ้หู ญงิ และเยำวสตรมี ีอปุ นิสัยท่ีดี หลักกำร เป็นกระบวนกำรในกำรทำงำนเพอ่ื ให้เด็กผู้หญงิ
ตำมแนวทำงของกฎและคำปฏญิ ำณ วตั ถปุ ระสงค์ และเยำวสตรีมโี อกำสเทำ่ เทียมกันในกำรพัฒนำ
ตนเองใหเ้ ตม็ ศกั ยภำพ โดยกำรฝึกจะม่งุ ให้
2. เพื่อเตรยี มเดก็ ผหู้ ญงิ และเยำวสตรี ใหม้ ี สมำชิกไดร้ บั กำรพัฒนำตนเองครบท้งั 6 ดำ้ น
ทักษะชีวิตเหมำะสมกบั สังคมปจั จบุ นั คอื สติปัญญำ รำ่ งกำย จติ ใจ อำรมณ์ สงั คม
และคณุ ธรรม
3. เพ่อื สรำ้ งโอกำสใหเ้ ด็กผหู้ ญงิ และเยำวสตรี
ได้ฝกึ ทกั ษะกำรเป็นผู้นำ ผมู้ ีส่วนรว่ มและ ขอบข่ำย จัดกจิ กรรมใหส้ มำชิก 4 รุน่
ผู้ตำมทดี่ ี รุน่ นกนอ้ ย (อำยุ 4 – 6 ปี) อ.1 – อ.3
รุ่นนกสีฟ้ำ (อำยุ 7 – 11 ป)ี ป.1 – ป.6
4. เพื่อสร้ำงโอกำสใหเ้ ด็กผหู้ ญงิ และเยำวสตรี รุน่ กลำง (อำยุ 12 – 15 ปี) ม.1 – ม.3
บำเพญ็ ตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมและ รุ่นใหญ่ (อำยุ 16 – 20 ปี) ม.4 – ม.6
ช่วยเหลอื ผ้อู ื่น
รว่ มกจิ กรรม เกณฑ์ประเมนิ
ยึดหลักกำรของกจิ กรรมผบู้ ำเพ็ญประโยชน์ 1. เวลำเข้ำรว่ มกจิ กรรม
ค่ำนยิ มขององค์กำรผบู้ ำเพญ็ ประโยชน์แหง่ 2. กำรปฏบิ ตั กิ จิ กรรม
3. ผลงำน / ช้นิ งำน / คณุ ลกั ษณะของผู้เรยี น
โลก
วิธกี ำรของผู้บำเพญ็ ประโยชน์
กำรเรยี นรู้ทผี่ เู้ รียนกำกบั ตนเอง
ทักษะจำเปน็ ของผบู้ ำเพญ็ ประโยชนใ์ น
ศตวรรษท่ี 21
โปรแกรมกำรจดั กจิ กรรมของสมำคม
ผู้บำเพ็ญประโยชนแ์ หง่ ประเทศไทยฯ
กำรเรยี นรูโ้ ดยใช้สมรรถนะเปน็ ฐำน
กำรเรยี นรู้โดยใชโ้ ครงงำนเปน็ ฐำน
ตำ่ กว่ำเกณฑ์ ประเมิน
ไม่ผำ่ น เป็นไปตำมเกณฑ์
ซอ่ มเสรมิ ผ่ำน
ประกำศผลกำรประเมนิ
12
ขั้นตอนกำรเปดิ หมวดกิจกรรมผู้บำเพญ็ ประโยชน์ในสถำนศึกษำ
มกี ลุ่มเด็กและเยำวสตรสี นใจสมคั รเปน็ ผปู้ กครองอนุญำตให้สมัครเปน็
สมำชกิ ผู้บำเพญ็ ประโยชน์ สมำชิกผบู้ ำเพ็ญประโยชนไ์ ด้
มีผ้ใู หญผ่ ่ำนกำรอบรมเปน็ หัวหน้ำหมวดผบู้ ำเพ็ญประโยชน์ หัวหน้ำหมวดผู้บำเพญ็ ประโยชนข์ น้ั พนื้ ฐำน
ตำมหลักสูตรของสมำคมผบู้ ำเพ็ญประโยชน์แห่งประเทศไทยฯ หวั หน้ำหมวดผู้บำเพ็ญประโยชน์ข้นั สูง
ผู้ฝกึ
สถำนศึกษำ / หน่วยงำนอนญุ ำตใหด้ ำเนินกำรเปดิ หมวด ผูฝ้ ึกขั้นสูง
กจิ กรรมผ้บู ำเพญ็ ประโยชน์
บคุ คลท่ีเกี่ยวขอ้ ง
สถำนศึกษำ / หน่วยงำนขออนุญำตเปดิ หมวดกิจกรรม
ผบู้ ำเพ็ญประโยชน์จำกสมำคมผ้บู ำเพญ็ ประโยชน์ ผตู้ รวจกำรผู้บำเพญ็ ประโยชน์
แหง่ ประเทศไทยฯ (หัวหนำ้ / ผอู้ ำนวยกำรสถำนศึกษำ)
จัดกจิ กรรมผ้บู ำเพญ็ ประโยชน์ ใหย้ ึดหลักกำร ดงั น้ี รองผู้ตรวจกำรผู้บำเพญ็ ประโยชน์ (รอง
หัวหนำ้ / รองผู้อำนวยกำรสถำนศกึ ษำ)
หลกั กำรของผ้บู ำเพ็ญประโยชน์ (Guiding and Scouting
Principles ) ผู้ช่วยผู้ตรวจกำรผ้บู ำเพญ็ ประโยชน์
(หัวหน้ำกิจกรรมพัฒนำผู้เรียน และหวั หน้ำ
ค่ำนิยมขององค์กำรผ้บู ำเพญ็ ประโยชนแห่งโลก (WAGGGS กิจกรรมผูบ้ ำเพญ็ ประโยชน์)
Values)
หวั หนำ้ หมวดผบู้ ำเพญ็ ประโยชน์ (ผำ่ นกำร
วิธีการของผบู้ าเพ็ญประโยชน์ (The Girl Guides and Girl อบรมหัวหนำ้ หมวดผู้บำเพญ็ ประโยชนข์ ้นั
Scouts Method) และทักษะจำเป็นของผูบ้ ำเพญ็ ประโยชน์ พ้ืนฐำน)
ในศตวรรษที่ 21
ผชู้ ่วยหวั หนำ้ หมวดผบู้ ำเพ็ญประโยชน์
โปรแกรมกำรจดั กิจกรรมของสมำคมผ้บู ำเพญ็ ประโยชน์
แหง่ ประเทศไทยฯ ผปู้ กครองนักเรยี น ชุมชน ฯลฯ ชว่ ย
ประเมนิ ผลกำรปฏบิ ัตกิ จิ กรรมและสง่ เสริม
กำรเรยี นรู้โดยใช้สมรรถนะเปน็ ฐำน ให้เรียนรตู้ ำมควำมสนใจ ควำมถนดั
กำรเรยี นรโู้ ดยใชโ้ ครงงำนเปน็ ฐำน
ออกแบบจดั กำรเรียนรแู้ บบ Backward Design
13
ขน้ั ตอนกำรเปิดหมวดกิจกรรมผบู้ ำเพ็ญประโยชน์นอกสถำนศึกษำ
มีกล่มุ เดก็ และเยำวสตรีสนใจ ผ้ปู กครองอนญุ ำตให้สมัครเปน็
สมคั รเปน็ สมำชิกผูบ้ ำเพญ็ ประโยชน์ สมำชกิ ผบู้ ำเพญ็ ประโยชนไ์ ด้
มีผใู้ หญผ่ ่ำนกำรอบรมเป็นหวั หนำ้ หมวดผู้บำเพ็ญประโยชน์ หัวหน้ำหมวดผ้บู ำเพญ็ ประโยชน์ขน้ั พื้นฐำน
ตำมหลกั สตู รของสมำคมผ้บู ำเพ็ญประโยชน์แหง่ ประเทศไทยฯ หวั หน้ำหมวดผู้บำเพญ็ ประโยชน์ขนั้ สูง
ผูฝ้ กึ
มีสถำนท่ีสำหรบั ทำกจิ กรรมกำรเรยี นรูท้ ี่ปลอดภยั ผฝู้ ึกข้ันสงู
หัวหน้ำหมวดฯ ขออนุญำตเปดิ หมวดกิจกรรมผู้บำเพญ็ ประโยชน์ บคุ คลที่เกยี่ วข้อง
จำกสมำคมผบู้ ำเพ็ญประโยชน์แหง่ ประเทศไทยฯ
ผ้ตู รวจกำรนอกสถำนศึกษำ ไดแ้ ก่
จัดกิจกรรมผ้บู ำเพญ็ ประโยชน์ ใหย้ ดึ หลกั กำร ดงั นี้ - ผู้ตรวจกำรผบู้ ำเพญ็ ประโยชน์ระดบั จังหวดั
หลกั กำรของผ้บู ำเพ็ญประโยชน์ (Guiding and Scouting คือ ประธำนกรรมกำรผบู้ ำเพญ็ ประโยชน์
Principles ) จังหวัด
คำ่ นิยมขององคก์ ำรผบู้ ำเพญ็ ประโยชนแหง่ โลก (WAGGGS - ผูต้ รวจกำรผบู้ ำเพ็ญประโยชนร์ ะดบั ภำค คือ
Values) ประธำนภำค
วิธกี ารของผูบ้ าเพญ็ ประโยชน์ (The Girl Guides and Girl - ผู้ตรวจกำรผู้บำเพ็ญประโยชนร์ ะดบั ชำติ คอื
Scouts Method) และทกั ษะจำเป็นของผบู้ ำเพญ็ ประโยชน์ ประธำนฝำ่ ยกำรฝกึ สมำคมผบู้ ำเพ็ญ
ในศตวรรษที่ 21 ประโยชน์แห่งประเทศไทยฯ
โปรแกรมกำรจดั กิจกรรมของสมำคมผู้บำเพ็ญประโยชน์
แห่งประเทศไทยฯ
กำรเรยี นรโู้ ดยใช้สมรรถนะเปน็ ฐำน
กำรเรยี นรู้โดยใช้โครงงำนเป็นฐำน
ออกแบบจดั กำรเรยี นรแู้ บบ Backward Design
14
หมวดผู้บำเพ็ญประโยชน์ (Girl Guides (Girl Scouts) Unit / Troop / Company)
หมวดผู้บำเพ็ญประโยชน์ คือ กลุ่มเด็กผหู้ ญิงและเยำวสตรที ี่มีอำยใุ กลเ้ คียงกนั มำรวมตัวกันเพ่อื ทำ
กจิ กรรมทีน่ ่ำสนใจ และต่ืนเต้น โดยมีผู้ใหญอ่ ำสำมำเป็นหวั หน้ำหมวด (Unit Leader) ทำหนำ้ ที่สรำ้ ง
ประสบกำรณ์ (จัดกิจกรรม) ส่งเสรมิ และสนับสนุนให้เด็กๆ เจรญิ เติบโต และพัฒนำตนเองได้เตม็ ศักยภำพ
เป็นผู้ทีเ่ ก่ง ดี และมปี ระโยชน์ต่อสังคม ตำมหลักกำรพนื้ ฐำนท่ีผู้กอ่ ตั้งกิจกำรได้กำหนดไว้
กล่มุ เด็กผ้หู ญิงและเยำวสตรีของผ้บู ำเพ็ญประโยชนใ์ นประเทศไทย มชี ว่ งอำยุระหวำ่ ง 4 – 20 ปี
เรียกวำ่ เยำวสมำชกิ แบง่ ออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่
1. เยำวสมำชกิ ร่นุ นกนอ้ ย (Little Birds) อำยุ 4 – 6 ปี หรอื กำลงั ศกึ ษำอยใู่ นระดับอนบุ ำล 1 – 3
2. เยำวสมำชิกรนุ่ นกสีฟำ้ (Blue Birds) อำยุ 7 – 11 ปี หรือกำลังศึกษำอยใู่ นระดับประถมศึกษำ
(ป.1 – ป.6)
3. เยำวสมำชิกรนุ่ กลำง (Guides) อำยุ 12 – 15 ปี หรอื กำลังศึกษำอยู่ในระดบั มัธยมศึกษำตอนตน้
(ม.1 – ม.3)
4. เยำวสมำชกิ รนุ่ ใหญ่ (Senior Guides) อำยุ 16 – 20 ปี หรอื กำลงั ศกึ ษำอยู่ในระดับมธั ยมศึกษำ
ตอนปลำย (ม.4 – ม.6) หรอื สูงกวำ่
หวั หนำ้ หมวดผบู้ ำเพญ็ ประโยชน์ จึงมี 4 ประเภทตำมชว่ งอำยุของเยำวสมำชิก คอื
– หัวหน้ำหมวดผู้บำเพญ็ ประโยชน์ รุ่นนกน้อย
– หัวหนำ้ หมวดผบู้ ำเพ็ญประโยชน์ รนุ่ นกสฟี ้ำ
– หัวหน้ำหมวดผูบ้ ำเพญ็ ประโยชน์ รุน่ กลำง
– หัวหน้ำหมวดผ้บู ำเพ็ญประโยชน์ รุ่นใหญ่
บทบำทของหัวหน้ำหมวดผ้บู ำเพญ็ ประโยชน์ รุ่นกลำง และร่นุ ใหญ่
บทบำทของหวั หน้ำหมวดผบู้ ำเพญ็ ประโยชนร์ ุ่นกลำงและรุ่นใหญ่ คือ ผสู้ รำ้ งประสบกำรณ์ (กิจกรรมที่
หลำกหลำย) โดยใชห้ ลกั กำรและวิธีกำรของผ้บู ำเพญ็ ประโยชน์ เพอ่ื ใหส้ มำชิกในหมวดได้พัฒนำศักยภำพของ
ตนเองได้สงู สดุ ตำมเปำ้ หมำยของกิจกรรมผ้บู ำเพ็ญประโยชน์ เพ่อื ให้เจรญิ เติบโตเป็นผทู้ มี่ ีอปุ นิสัยดตี ำม
ควำมหมำยที่แสดงไวใ้ นคำปฏิญำณและกฎ เปน็ ผนู้ ำท่ีดีในระบอบประชำธปิ ไตย มีทักษะทจ่ี ำเป็นตอ่ กำร
ดำเนนิ ชีวติ ในศตวรรษท่ี 21 และมีสว่ นร่วมในกำรพฒั นำสังคม ชมุ ชน และประเทศชำติต่อไป หวั หนำ้ หมวดผู้
บำเพญ็ ประโยชน์จงึ เปน็ บคุ คลสำคัญที่สุดในกจิ กรรมผู้บำเพญ็ ประโยชน์ในกำรสร้ำงสรรคอ์ นำคตของชำติ
โดยตรง ในฐำนะทเี่ รำทุกคนเปน็ ส่วนหนึ่งของสังคม คือ กำรเป็นพลเมอื งดขี องสงั คม ชมุ ชน ประเทศชำติ และ
ของโลก
15
แนวทำงในกำรเป็นหวั หนำ้ หมวดผู้บำเพญ็ ประโยชน์ท่ปี ระสบผลสำเรจ็ ควรคำนงึ ถึงส่ิงต่อไปน้ี
1. สมำชกิ คอื คนสำคญั (Girl - Led) มองไปที่สมำชกิ ในหมวดของเรำวำ่ เขำคือบุคคลสำคัญใน
อนำคตเขำคือผบู้ ริหำรชมุ ชน สงั คม และประเทศชำติ ให้ควำมสนใจเขำเป็นพิเศษ ทำใหเ้ ขำร้สู ึกวำ่ เขำคอื คน
สำคัญสำหรับเรำ ให้ควำมเป็นเพือ่ นและเป็นพ่เี ล้ยี ง จัดกิจกรรมใหส้ นกุ สนำนและมีสำระ สง่ เสริม สนบั สนุน
และสร้ำงประสบกำรณใ์ หมๆ่ เสมอ ให้เขำมีสว่ นร่วมคดิ วำงแผน และลงมือทำงำนด้วยตนเอง ลองผดิ ลองถูก
ไมว่ ำ่ งำนที่ทำรว่ มกันจะประสบควำมสำเรจ็ หรือล้มเหลว สำมำรถสรำ้ งบรรยำกำศกำรเรียนรู้ได้เสมอ และท้ำ
ทำยใหช้ ่วยกนั หำทำงแก้ไข ปรบั ปรุงให้ดีขึน้ ด้วยกำรตั้งคำถำมชวนคดิ ให้ทุกคนได้แสดงควำมคิดเหน็ อดทนฟัง
เขำให้มำกขน้ึ ใหเ้ ด็กๆ ไดส้ ลบั ปรบั เปลยี่ นหนำ้ ท่เี ป็นระยะๆ ทำทุกอยำ่ งเพ่อื ประโยชนส์ งู สดุ สำหรบั เดก็ ๆ โดย
ยึดแนว Engage – Support – New Experiences – Friendship – Fun
Engage Support New Experience Friendship Fun
สร้ำงกำรมสี ่วน ส่งเสรมิ สนบั สนุน สร้ำงประสบกำรณ์ มีควำมเป็นมิตร สนุกสนำน ร่ำงเริง
ร่วม เป็นทปี่ รึกษำ ใหมๆ่ มีอำรมณ์ขัน
ใหโ้ อกำสสมำชิก – สร้ำงพืน้ ท่ี – มีกิจกรรมใหม่ๆ – ใหเ้ ด็กๆ ไดพ้ ่ึงพำ – มีช่วงเวลำท่ี
– ได้แสดงควำม สงิ่ แวดล้อมและ – มีกิจกรรมท่ี ชว่ ยเหลือซงึ่ กนั หวั เรำะสนกุ สนำน
คดิ เหน็ ในส่ิงที่เขำ บรรยำกำศท่ี หลำกหลำยให้ และกัน – เป็นตัวของตัวเอง
จะเรยี นรู้ ปลอดภัยทง้ั ทำง สมำชกิ ไดล้ งมือทำ – ใหท้ ุกคนเป็นส่วน – มกี ำรพบปะ
– ได้บอกวำ่ เขำ กำยและใจ และพฒั นำตนเอง หนงึ่ เสมอ ไมท่ งิ้ สังสรรค์กนั เสมอๆ
อยำกเรียนรแู้ ละ – ให้คำแนะนำ เปน็ ท่ี ไดท้ ำกจิ กรรมทง้ั ใครไวข้ ำ้ งหลัง หรือ ระหวำ่ งกนั และ
ลงมือทำกจิ กรรม ปรกึ ษำ และเปน็ พี่ ในและนอก ปลอ่ ยใครให้โดด ระหว่ำงเด็กกบั
ในเรอ่ื งใดอกี เลยี้ ง สถำนท่ี เดี่ยว ผใู้ หญ่
– มอี ิสระ มีวินัย – สง่ เสริม สนบั สนุน – เลือกกจิ กรรมท่ีทำ้ – มชี ว่ งเวลำได้คดิ
และมีควำมเปน็ ตัว – เชียร์ และ ทำย ทบทวนและ
ของตวั เอง ประคับประคอง ภำคภูมิใจ
2. จดั ประสบกำรณ์ โปรแกรม หรอื กจิ กรรมท่หี ลำกหลำย อำจเปน็ กิจกรรมท่ีคดิ ข้ึนเอง จัดตำม 10
โปรแกรมของสมำคมผูบ้ ำเพ็ญประโยชน์แหง่ ประเทศไทยฯ ตำมโปรแกรมขององค์กำรผบู้ ำเพญ็ ประโยชนแ์ ห่ง
โลก ซึง่ มีท้ังโปรแกรมทแ่ี ปลเป็นภำษำไทยแลว้ หรอื โปรแกรมท่ีเปน็ ภำษำอังกฤษ ซึง่ ค้นหำได้จำกเว็บไซด์ของ
องค์กำรโลก และเวบ็ ไซด์ขององค์กรสมำชิกกวำ่ 150 ประเทศ โดยใช้วธิ กี ำรฝึกของผู้บำเพญ็ ประโยชน์ (The
Girl Guides and Girl Scouts Method) และยึดหลัก Girl – led, Learning by doing และ Cooperative
Learning ให้เดก็ ๆ ได้เรยี นรู้ที่จะต้ังเป้ำหมำย รู้จักตัวเองวำ่ เขำคือใคร อะไรสำคัญสำหรับเขำ ไดม้ ีโอกำสพบ
ตดิ ตอ่ สือ่ สำรกบั ผู้คนที่หลำกหลำยทงั้ ในและนอกชุมชน ระดบั ประเทศและนำนำชำติ ได้มสี ่วนรว่ มทำงำนใน
ชุมชนท้องถ่ิน
16
3. กำรบริหำรงำนหมวดผบู้ ำเพ็ญประโยชน์
กำรบริหำรงำนหมวดผบู้ ำเพ็ญประโยชน์มี 2 ส่วน สว่ นแรก คือ กำรจัดกำรเกี่ยวกบั เอกสำรตำ่ งๆ
เช่น ทะเบียนสมำชกิ กำรขออนญุ ำตเปดิ หมวดจำกสมำคมผบู้ ำเพญ็ ประโยชน์แหง่ ประเทศไทยฯ กำรขอเป็น
หัวหนำ้ หมวดฯ กำรรวบรวมเงนิ ค่ำสมำชิก คนละ 10 บำท เกบ็ ไวท้ ห่ี มวด 5 บำท อีก 5 บำทสง่ ไปยังสมำคมฯ
เพอื่ ให้สง่ ต่อไปยังองค์กำรผบู้ ำเพ็ญประโยชน์แห่งโลก ซงึ่ ต้องดำเนนิ กำรทุกปี
อกี สว่ นหน่งึ คือ กำรจัดสรรเวลำใหส้ มำชิกแต่ละหม่มู กี ำรประชุมหมู่ และจดั กำรประชมุ หวั หน้ำ
หมเู่ ป็นระยะๆ ตำมควำมต้องกำร เริ่มดว้ ยวิธีกำรระดมควำมคิดในหมู่ เสนอควำมเหน็ ผำ่ นกำรประชุมหวั หนำ้
หมู่
100%
บทบำทของหวั หน้ำ โอกำสในกำร
หมวดฯ ในกำรให้ ตดั สนิ ใจเองของ
คำแนะนำ เยำวสมำชกิ
0%
นกนอ้ ย นกสฟี ้ำ บ.พ.รนุ่ กลำง บ.พ.รุ่นใหญ่
แผนภูมิแสดงบทบำทของหัวหน้ำหมวดผบู้ ำเพ็ญประโยชน์กบั โอกำสกำรตัดสินใจของเยำวสมำชิก
4. สร้ำงและบรหิ ำรเครือขำ่ ย หัวหนำ้ หมวดผู้บำเพญ็ ประโยชน์สำมำรถทำให้กจิ กรรมผบู้ ำเพญ็
ประโยชนม์ คี ณุ ภำพ นำ่ สนใจและมีประสทิ ธิภำพย่ิงข้ึนได้ โดยประสำนกำรทำงำนรว่ มกับหนว่ ยงำน / องค์กร /
ผรู้ ู้ ผเู้ ชีย่ วชำญในรูปแบบของกำรเปน็ เครือขำ่ ยเพ่ือแบง่ ปันแหลง่ ทรัพยำกรในกำรเป็นแหล่งเรยี นรู้ ส่อื กำรทำ
กิจกรรม วิทยำกรให้ควำมรู้ ฯลฯ เครือข่ำยทหี่ วั หน้ำหมวดฯ สำมำรถขอกำรชว่ ยเหลอื สนับสนนุ และให้
คำปรึกษำ ไดแ้ ก่ คณะกรรมกำรฝำ่ ยฝึกฝำ่ ยโปรแกรมและฝำ่ ยวเิ ทศสัมพันธข์ องสมำคมผู้บำเพญ็ ประโยชน์แหง่
ประเทศไทยฯ คณะกรรมกำรผบู้ ำเพญ็ ประโยชน์ระดบั จังหวัด กรรมกำรภูมภิ ำคแอเชยี แปซิฟิก เจำ้ หนำ้ ท่ี
และกรรมกำรองค์กำรผบู้ ำเพ็ญประโยชนแ์ หง่ โลก นอกจำกนี้หวั หน้ำหมวดฯ ยังสำมำรถสร้ำงเครือข่ำยขึ้นเอง
เชน่ เครือขำ่ ย อบต. / อบจ. / ชมรมในชุมชนท่พี ร้อมให้กำรสนบั สนนุ เครอื ข่ำยผปู้ กครองของสมำชิกผ้บู ำเพญ็
ประโยชน์ เครือข่ำยหัวหนำ้ หมวดฯในสถำนศึกษำในภูมิภำคเดยี วกนั ทงั้ นจ้ี ะตอ้ งพยำยำมให้มีกำรสื่อสำรและ
ทำกจิ กรรมร่วมกันอยำ่ งต่อเนื่องเพื่อให้เครือข่ำยย่งั ยนื
5. กำรพฒั นำตนเอง หวั หน้ำหมวดผบู้ ำเพญ็ ประโยชนน์ อกจำกรบั กำรอบรมขั้นพื้นฐำนแล้ว ยังมี
โอกำสพฒั นำตนเองในด้ำนตำ่ งๆ เพิม่ ข้ึนอีก ได้แก่ กำรเขำ้ รับกำรอบรมหัวหน้ำหมวดผูบ้ ำเพ็ญประโยชน์ข้ันสูง
(Advanced Training Course) ขั้นผฝู้ กึ (Training for Trainer) ผฝู้ กึ ขัน้ สูง (Diploma) รวมถงึ สำมำรถเข้ำ
รบั กำรอบรมเพ่ิมพูนทักษะอืน่ ๆ เช่น กำรจัดและบรหิ ำรคำ่ ยพกั แรม กำรเปน็ ผ้นู ำนนั ทนำกำร และสำมำรถร่วม
เปน็ วิทยำกรแกนนำใหก้ บั สมำคมฯในโครงกำรพเิ ศษตำ่ งๆ เช่น โครงกำรกินเปลีย่ นโลก โครงกำรแผนที่สุขภำพ
โครงกำร Free Being Me โครงกำร Action on Body Confidence โครงกำร Leadership Model เปน็ ต้น
17
หัวหน้ำหมวดผ้บู ำเพญ็ ประโยชนจ์ ะได้รบั โอกำสในกำรคัดเลือกเป็นตวั แทนของสมำคมผู้บำเพ็ญประโยชน์แห่ง
ประเทศไทยฯ เข้ำรว่ มสัมมนำหรอื ร่วมกจิ กรรมค่ำยพกั แรมทัง้ ในประเทศและต่ำงประเทศ ซึ่งหำกหวั หน้ำ
หมวดผบู้ ำเพญ็ ประโยชนไ์ ด้พัฒนำตนเองอย่ำงสม่ำเสมอ มีบทบำทหนำ้ ที่และจัดกิจกรรมใหส้ มำชิกผู้บำเพญ็
ประโยชน์อยำ่ งมปี ระสทิ ธิภำพ อีกทงั้ ไดช้ ว่ ยเป็นคณะทำงำนในโอกำสต่ำงๆ ของสมำคมฯ หรอื เปน็ กรรมกำรผู้
บำเพญ็ ประโยชนจ์ ังหวัด เปน็ กรรมกำรฝำ่ ยตำ่ งๆ ของสมำคมฯ จะมโี อกำสไดร้ ับกำรเชดิ ชูเกียรตเิ ป็นหัวหน้ำ
หมวดผบู้ ำเพญ็ ประโยชนด์ เี ดน่ ในระดับประเทศ และระดับภมู ภิ ำคเอเชยี แปซิฟิก นอกจำกน้ี หัวหนำ้ หมวดผู้
บำเพ็ญประโยชน์ยงั สำมำรถทำผลงำนทำงวิชำกำร เพ่ือเพม่ิ พูนวทิ ยฐำนะในกำรปฏบิ ตั ิหน้ำที่ในระบบรำชกำร
ไดอ้ ีกดว้ ย
กำรเข้ำรว่ มกิจกรรมตำ่ งๆ ของสมำคมฯ นอกจำกกำรติดตอ่ ประสำนงำนกบั สมำคมผู้บำเพญ็
ประโยชนแ์ ห่งประเทศไทยฯ แล้วหัวหนำ้ หมวดผ้บู ำเพ็ญประโยชน์ยงั สำมำรถหำข้อมลู ควำมรู้ แนวกำรจัด
กิจกรรมจำกสมำคมผู้บำเพ็ญประโยชน์ประเทศต่ำงๆ หรอื จำกเวบ็ ไซต์ขององค์กำรผู้บำเพญ็ ประโยชนแ์ ห่งโลก
(www.WAGGGS.org)
18
โปรแกรมกำรจดั กจิ กรรมผบู้ ำเพญ็ ประโยชน์ไทย
โปรแกรมกำรจดั กิจกรรมผู้บำเพญ็ ประโยชน์มี 10 โปรแกรม มีสำระ ดงั นี้
1. กำรบำเพ็ญประโยชน์ (Giving Service) 2. กำรเปน็ พลเมอื งดี (Citizenship)
เรยี นรู้ เกี่ยวกบั กิจกำรผูบ้ ำเพญ็ ประโยชน์ ได้ ฝึกฝนตนเองใหเ้ ปน็ พลเมืองท่ดี ีมีควำม
ฝกึ ฝนทักษะต่ำงๆ ใหเ้ ปน็ ผู้ทชี่ ่วยเหลอื ผู้อ่นื เสมอ แสดง รับผิดชอบโดยกำรปฏบิ ตั หิ นำ้ ทตี่ อ่ ตนเอง ครอบครวั
ควำมเมตตำกรณุ ำเพ่ือใหไ้ ปบำเพญ็ ประโยชนต์ อ่ โรงเรียน ชุมชน ประเทศชำติดว้ ยควำมเต็มใจ ปฏิบัติตำม
ครอบครวั ชมุ ชนและสังคม คำปฏิญำณและกฎของผูบ้ ำเพ็ญประโยชน์
3. วัฒนธรรมและมรดกของชำติ (Culture and 4. ส่งิ แวดล้อม (Environment)
Heritage) เรยี นรู้ เขำ้ ใจ และ ตระหนกั ถงึ คุณค่ำของ
เรยี นรู้ เพื่อเขำ้ ใจ มีควำมภำคภูมิใจ ในวัฒนธรรม สิ่งแวดลอ้ ม ไดท้ ำกิจกรรมตำ่ งๆ ท่เี กยี่ วขอ้ งกับกำร
ขนบธรรมเนียมประเพณี ควำมเชือ่ และมรดกของชำติ อนุรักษธ์ รรมชำติและส่ิงแวดล้อม รวมทั้งกำรนำไปใชใ้ ห้
พร้อมทีจ่ ะอนุรกั ษ์และชว่ ยเผยแพรส่ งิ่ ดีงำมนแี้ ก่ผูอ้ ่นื เกิดประโยชนอ์ ย่ำงเหมำะสม
5. กำรอย่รู ่วมกับผู้อนื่ (Relationships) 6. สุขภำพ (Health)
เรียนร้เู พือ่ รจู้ กั ตนเอง และรู้จกั ผู้อ่ืน โดยกำรเป็นมิตร เรยี นรู้เกย่ี วกับกำรมสี ขุ ภำพดี มีสตปิ ัญญำ
และเรยี นรู้กำรทำงำนรว่ มกับผอู้ ่ืน โดยกระบวนกำรของ มอี ำรมณม์ ่นั คง และรจู้ กั ปรบั ตวั เขำ้ กบั ผู้อื่นและสงั คมได้
ระบบหมู่ เปน็ อย่ำงดี
7. ประสบกำรณ์นำนำชำติ (International 8. เทคโนโลยี (Technology)
understanding) เรียนรเู้ กย่ี วกบั เทคโนโลยี มีทกั ษะ และสำมำรถ
เรียนรเู้ กย่ี วกับวัฒนธรรมนำนำชำติ กิจกรรม นำเทคโนโลยีมำใช้ในชีวิตประจำวนั ได้อยำ่ งเหมำะสม
ผู้บำเพ็ญประโยชนข์ องประเทศตำ่ งๆ เรอ่ื งเก่ียวกับ
องคก์ ำรผูบ้ ำเพ็ญประโยชนแ์ ห่งโลก ภมู ภิ ำคเอเชียแป 9. ครอบครวั (Family Life)
ซฟิ ิคและสำยใยแหง่ ควำมสัมพนั ธ์ของสมำชกิ ผู้บำเพญ็ เรียนรู้ และเขำ้ ใจบทบำทควำมรบั ผดิ ชอบและหนำ้ ท่ขี อง
ประโยชน์ท่วั โลก เพื่อให้มคี วำมรู้ ควำมเขำ้ ใจอันดี ตนเองที่มีต่อครอบครัว เกดิ ควำมภำคภูมใิ จในกำรเปน็
ระหวำ่ งชำติ ยอมรับควำมแตกตำ่ งระหวำ่ งบคุ คลซง่ึ มี ส่วนหน่ึงของครอบครัวและมีพนื้ ฐำนในกำรสร้ำง
พนื้ ฐำนวถิ ีชีวติ และวฒั นธรรมทแ่ี ตกตำ่ งกันโดยกำร ครอบครัวในอนำคต
ส่งเสรมิ และสนบั สนนุ ใหท้ ำงำนรว่ มกนั ได้อยำ่ งสันติ
10. วสิ ัยทศั น์ (My vision)
เรียนรู้เพ่ือค้นหำควำมต้องกำร ควำมสำมำรถ ควำมสนใจ วิสยั ทศั นข์ องตนเอง ไดเ้ รียนรทู้ กั ษะใหมๆ่ เพ่อื
เตรยี มตวั ใหส้ ำมำรถตดั สินใจทจี่ ะเลอื กอำชีพทถ่ี นดั และสนใจในอนำคต
19
เม่ือสมำชิกผู้บำเพญ็ ประโยชน์รวมกลมุ่ ปฏบิ ตั ิกิจกรรมตำมโปรแกรม และแสดงออกถึงกำรมี
ควำมสำมำรถ / สมรรถนะในงำน ซงึ่ เก่ียวข้องกับโปรแกรมนน้ั ผเู้ รียนจะได้รับเครื่องหมำยแสดงควำมสำมำรถ
/ สมรรถนะ (Efficiency / Competency Badges) นอกจำกนั้นแต่ละคนสำมำรถเลอื กทำเครื่องหมำยแสดง
ควำมสำมำรถ / สมรรถนะ ท่ตี นสนใจและถนดั เพมิ่ เติมได้ เป็นกำรประเมนิ ผลขั้นสดุ ท้ำยของสมำชิกแต่ละ
ระดับ
กำรจัดกจิ กรรมผู้บำเพ็ญประโยชน์เป็นกำรจัดกำรเรยี นรูท้ ่ีมุ่งเน้นกำรใชส้ มรรถนะเป็นฐำน
(Competency – Based Instruction)
สมรรถนะ สมรรถนะ (Competency) เปน็ พฤติกรรมท่แี สดงออกถึง
ของผู้เรียน ควำมสำมำรถของบุคคลในกำรนำควำมรู้ (Knowledge) ทักษะ (Skill)
คือ อะไร และคณุ ลักษณะ / เจตคติ (Attribute / Attitude) เฉพำะของตนมำ
ประยุกตใ์ ช้ในงำนหรอื ในสถำนกำรณต์ ่ำงๆ (Tasks / Jobs /
Situations) ได้ จนประสบควำมสำเร็จ
สมรรถนะจงึ เปน็ ผลรวมของควำมรู้ ทักษะ เจตคติ หรอื
คุณลกั ษณะ ท่ีทำให้บุคคลประสบควำมสำเรจ็ ในกำรทำงำน กำร
แก้ปัญหำและกำรดำรงชวี ิต
คนมคี วำมรู้ แต่ไม่ใช้ควำมรู้หรือไมส่ ำมำรถใชค้ วำมร้ใู นสถำนกำรณต์ ำ่ งๆ ยงั ไม่ถือว่ำมสี มรรถนะ
(เช่น ผู้มีควำมรู้ภำษำอังกฤษ แต่ไม่สำมำรถพูดคยุ กบั ชำวตำ่ งชำติหรือใช้ควำมร้ภู ำษำองั กฤษใน
กำรปฏิบตั ิงำนได้)
คนมีทักษะ แต่ไม่สำมำรถนำทักษะน้นั มำใช้ในสถำนกำรณ์ตำ่ งๆ ก็ยงั ไมถ่ ือว่ำมสี มรรถนะ (เชน่ มี
ทกั ษะ กำรอ่ำน เขียน ฟัง พดู ภำษำองั กฤษ สอบผำ่ น กำรทดสอบ แต่ไมก่ ลำ้ หรอื ไม่สำมำรถ
สอื่ สำรกบั ชำวต่ำงชำติได้)
คนมีเจตคติที่ดี แต่ไม่นำมำใช้ในสถำนกำรณต์ ่ำงๆ กถ็ ือว่ำยังไมม่ ีสมรรถนะ (เช่น ชอบ
ภำษำอังกฤษ มีเจตคติ ท่ดี ีต่อภำษำอังกฤษ แต่อำย หรือไม่กลำ้ พูดส่ือสำรกบั ชำวต่ำงชำต)ิ
สมรรถนะ 20
เกดิ ขนึ้ ได้
อยำ่ งไร สมรรถนะเกดิ ขนึ้ ได้ เมอื่ บคุ คลมีโอกำสได้ฝึกใชค้ วำมรู้ ทกั ษะ
และคณุ ลักษณะ / เจตคติท่ีตนมีในกำรทำงำน กำรแก้ปญั หำ ในสถำนกำรณ์
ต่ำงๆ จนเกิดควำมชำนำญ และควำมมัน่ ใจ ทำใหส้ ำมำรถทำงำนต่ำงๆ ได้
สำเร็จ
สมรรถนะ = ควำมรู้ + ทักษะ คุณลกั ษณะ
( + / เจตคติ
ประยุกตใ์ ช้
ทำงำน กำรแกป้ ัญหำ ระดับ /
ในสถำนกำรณ์ต่ำงๆ เกณฑก์ ำรปฏิบตั ิ
ควำมสำเรจ็
กำรวัดสมรรถนะเปน็ กำรชว่ ยใหเ้ หน็ ควำมสำมำรถทเ่ี ปน็ องคร์ วมของผเู้ รียนโดยทำกำรทดสอบ
พฤติกรรมกำรปฏิบัติ (Performance Assessment) ของผเู้ รียน ตำมเกณฑท์ ี่กำหนด (Performance
Criteria) ซ่ึงจะเน้นกำรประเมินองคร์ วมของสมรรถนะ ดว้ ยเคร่อื งมือประเมนิ ตำมควำมเหมำะสม และประเมิน
เมอื่ ผ้เู รียนพร้อมทจ่ี ะรบั กำรประเมนิ หำกประเมินผ่ำน ผเู้ รียนจะสำมำรถกำ้ วสู่จุดประสงค์กำรเรียนรู้ข้ันต่อไป
ได้ หำกยังไม่ผ่ำน ผเู้ รยี นจะได้รบั กำรสอนซ่อมเสรมิ จนกระท่ังบรรลผุ ล ผเู้ รียนแต่ละคน จะก้ำวหนำ้ ไปตำม
ควำมสำมำรถของตน อำจกำ้ วหนำ้ ไปได้เร็วในบำงสำระ และอำจไปไดช้ ำ้ ในบำงสำระตำมควำมถนัดของตน
21
กำรจดั กิจกรรมผบู้ ำเพญ็ ประโยชน์เพือ่ เสริมสร้ำงสมรรถนะผ้เู รยี น
รุ่นกลำง (อำยุ 12 – 15 ป)ี ม.1 – ม.3
สมำชกิ ผู้บำเพญ็ ประโยชน์รนุ่ กลำง เป็นชว่ งวยั ทีค่ วรค้นหำและเริม่ คน้ พบทักษะและควำมสำมำรถของ
ตนเอง เมื่อหัวหน้ำหมวดผบู้ ำเพ็ญประโยชน์สำรวจ / สอบถำมจนรู้ว่ำผู้เรียนตอ้ งกำรมีควำมสำมำรถ /
สมรรถนะด้ำนใดก็ให้ตงั้ เปำ้ หมำยทีจ่ ะช่วยพัฒนำให้ผูเ้ รียนทำอะไรได้ (ในระดับท่ีกำหนด) หวั หนำ้ หมวด
ผู้บำเพ็ญประโยชน์จะต้องวิเครำะหว์ ่ำผู้เรยี นจำเปน็ ต้องรู้อะไร มีลักษณะ และคุณลกั ษณะ / เจตคติ อยำ่ งไร
จงึ จะช่วยใหท้ ำส่ิงน้นั ได้ ซึ่งเอื้อให้มีกำรบูรณำกำรควำมรู้ขำ้ มศำสตร์ และลดสำระกำรเรียนรู้ที่ไม่จำเปน็ ผเู้ รียน
ต้องได้รบั ควำมรู้และฝึกใชค้ วำมรใู้ นกำรทำ รวมทง้ั พัฒนำคุณลักษณะ / เจตคติ ทค่ี วรจะต้องมีในกำรทำส่ิงนัน้
ใหป้ ระสบผลสำเร็จได้ ในระดับท่ีกำหนด
หวั หนำ้ หมวดผ้บู ำเพญ็ ประโยชน์ ควรจัดกำรเรียนรู้เชงิ รกุ (Active Learning) ใหผ้ ู้เรยี นไดเ้ รียนรจู้ ำก
กำรคิด กำรลงมอื ปฏบิ ตั โิ ดยกำรให้ข้อมลู ย้อนกลับถงึ ส่ิงที่ควรปรับปรงุ พฒั นำ และได้รบั กำรส่งเสริมใหน้ ำ
ควำมรู้ ทกั ษะ และคณุ ลักษะ / เจตคตทิ ไี่ ด้เรยี นรู้ ไปใช้ในสถำนกำรณ์ต่ำงๆ จนเกิดสมรรถนะในระดบั ที่
ต้องกำร โดยผเู้ รียนแตล่ ะคน อำจจะใชเ้ วลำในกำรเรยี นรู้มำกน้อยแตกต่ำงกันได้
รุ่นใหญ่ (อำยุ 16 – 20 ป)ี ม.4 – ม.6 หรอื สูงกว่ำ
สมำชิกผูบ้ ำเพญ็ ประโยชนร์ ุน่ ใหญ่ เปน็ ช่วงวัยท่คี วรนำควำมสำมำรถ / สมรรถนะทีม่ ีไปประยุกต์ใช้
สำหรบั งำนและอำชพี ใหม่ๆ ท่ีจะเกดิ ในอนำคต จึงตอ้ งใหผ้ ู้เรยี นฝึกฝนทกั ษะท่ีจำเป็น เช่น ทักษะกำรอ่ำน กำร
เขยี น และกำรคิดคำนวณ กำรคิดอยำ่ งมวี ิจำรณญำณ กำรแก้ปัญหำ กำรสร้ำงสรรคแ์ ละนวตั กรรม ควำมเขำ้
ใจควำมต่ำงวัฒนธรรม ควำมร่วมมอื กำรทำงำนเปน็ ทีม ภำวะผ้นู ำ กำรสื่อสำร สำรสนเทศ กำรเท่ำทนั สือ่
คอมพิวเตอรเ์ ทคโนโลยีสำรสนเทศ อำชีพและกำรเรียนรู้ เปน็ ตน้ เพือ่ เตรียมพร้อมสำหรับกำรเป็นพลเมอื งใน
ศตวรรษที่ 21 วธิ ีจัดกำรเรียนรู้จึงเปล่ยี นไปเปน็ รปู แบบท่ีเน้นพัฒนำทักษะมำกกว่ำควำมรู้ โดยสง่ เสรมิ ใหม้ ี
สภำพแวดลอ้ มทเ่ี อ้ือต่อกำรเรียนรู้อย่ำงไม่มีขีดจำกัด กำรเรียนแบบโครงงำนเปน็ รปู แบบกำรเรียนหนึ่งท่ี
เหมำะสมสำหรบั กำรเรียนรูใ้ นศตวรรษที่ 21
กำรเรียนรู้แบบโครงงำนเป็นฐำน (Project – Based Learning) เป็นกำรเรยี นรทู้ ี่เน้นกำรลงมอื ปฏิบัติ
ตำมควำมสนใจของผเู้ รียนเอง เพ่อื ค้นพบส่งิ ใหม่หรือควำมรู้ใหม่ ผำ่ นกระบวนกำรทำงวิทยำศำสตร์ โดยข้อ
คน้ พบใหมน่ ั้นผูเ้ รียนไม่เคยทรำบหรอื มปี ระสบกำรณ์มำก่อน โดยมหี วั หน้ำหมวดผ้บู ำเพญ็ ประโยชนเ์ ปน็ ท่ี
ปรึกษำ ผ้เู รยี นท่เี รียนดว้ ยกระบวนกำรน้จี ะมีแรงจูงใจในกำรแกไ้ ขปญั หำสูง เชื่อมโยงควำมร้กู บั โลกควำมเป็น
จริง ผู้เรียนจะเป็นผ้เู ลอื กวธิ ีกำรค้นหำคำตอบ กำหนดแหล่งขอ้ มูล จำกนั้นจะลงมอื ปฏิบัตแิ ละค้นควำ้ ด้วย
ตนเอง โดยสำมำรถบรู ณำกำรควำมร้แู ละทักษะในกำรแกป้ ัญหำ สรปุ ข้อคน้ พบ และสรำ้ งควำมรใู้ หม่
แลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึง่ กันและกัน และสำมำรถนำไปใช้ในชีวติ จริงได้
22
หวั หนำ้ หมวดผ้บู ำเพญ็ ประโยชน์ควรจัดกำรเรยี นร้แู บบใชโ้ ครงงำนเปน็ ฐำน (Project – Based
Learning) หลงั จำกผู้เรียนมีพ้ืนฐำนควำมรคู้ วำมเข้ำใจ ทกั ษะ และคณุ ลักษณะ / เจตคติ ตำมเปำ้ หมำยของ
โปรแกรมท้งั 10 โปรแกรมของสมำคมผบู้ ำเพ็ญประโยชน์แหง่ ประเทศไทยฯ โดยให้ผเู้ รียนรวมกลุ่มกนั จดั ทำ
โครงงำนทก่ี ลุม่ สนใจเพื่อปอ้ งกัน แก้ไขปญั หำทพ่ี บในชุมชนรอบสถำนศึกษำ หรือโครงงำนเพือ่ พัฒนำชุมชน
รอบสถำนศึกษำในด้ำนตำ่ งๆ ให้น่ำอยู่อำศัย โดยบรู ณำกำรควำมรูจ้ ำกโปรแกรมต่ำงๆ รวมถงึ ทักษะทีจ่ ำเป็นใน
ศตวรรษที่ 21 มำใช้ทำโครงงำนใหส้ ำเร็จ ซึ่งจะสะท้อนว่ำผู้เรียนมสี มรรถนะอย่ำงแทจ้ รงิ
23
กำรออกแบบกำรจดั กำรเรียนรู้โดยใชเ้ ทคนคิ Backward Design
Backward Design เปน็ กระบวนกำรออกแบบกำรจัดกจิ กรรมกำรเรียนรู้ ทเี่ ริ่มตน้ จำกปลำยทำงที่
ผลผลิต / ผลลพั ธ์ท่ีตอ้ งกำรซ่ึงเปน็ เปำ้ หมำยกำรเรียนรู้ (Identify Desired Goals) แลว้ จงึ กำหนดหลักฐำน
กำรเรยี นรู้ท่ใี ชส้ ำหรับกำรวดั และประเมินผล (Determine Acceptable Evidence) หลงั จำกนั้นจึงออกแบบ
กำรจดั ประสบกำรณ์เรยี นรู้ (Plan learning experiences and instruction) เพอื่ ใหผ้ ้เู รยี นมคี วำมรู้ มีทักษะ
มีคณุ ลักษณะ / เจตคติ และแสดงควำมสำมำรถ ตำมหลกั ฐำนที่เป็นผลจำกกำรเรียนรู้ของผู้เรยี นทกี่ ำหนดไว้
โดยมีจุดมุง่ หมำยสำคัญเพื่อสรำ้ งควำมคงทนในกำรเรียนร้ใู ห้เกิดขึ้นในตัวผเู้ รียน รวมถึงกำรเรยี นรทู้ เ่ี น้นผ้เู รียน
เป็นสำคญั ในรูปแบบของกำรบูรณำกำรเน้ือหำสำระ กระบวนกำรคดิ คณุ ธรรมจรยิ ธรรมทีเ่ ปดิ โอกำสใหผ้ เู้ รยี น
ได้ฝกึ ปฏบิ ตั ิจรงิ มสี ่วนร่วมในกำรจดั กำรเรยี นรู้ กำรวัดและประเมนิ ผล เพื่อสะท้อนผลกำรเรียนรู้
สมำคมผบู้ ำเพญ็ ประโยชน์แหง่ ประเทศไทยฯ ได้ออกแบบกระบวนกำรเพ่ือพฒั นำเด็กผหู้ ญิงและ
เยำวสตรใี นภำพรวม ใหเ้ ปน็ คนดสี ่สู งั คม ดว้ ยกระบวนกำร Backward Design โดยมีขัน้ ตอน ประกอบด้วย
1) กำหนดเปำ้ หมำยปลำยทำง (ผลลพั ธ์ทต่ี ้องกำร)
2) กำหนดผลผลติ / หลกั ฐำนกำรเรยี นรู้ทีต่ ้องกำรวัดและประเมนิ ผล (วัตถปุ ระสงค์ / วัด และ
ประเมนิ ผลจำกอะไร)
3) กำหนดวธิ จี ัดประสบกำรณ์เรยี นรู้ (จดั ประสบกำรณ์เรียนรู้ อยำ่ งไร)
4) กำหนดกจิ กรรมกำรเรยี นรู้ (เดก็ ๆ ไดท้ ำอะไรบ้ำง)
24
กระบวนกำรเพอ่ื พัฒนำเด็กผ้หู ญงิ และเยำวสตรี
ผลลัพธ์ที่ตอ้ งกำร วตั ถปุ ระสงค์ / วัด จดั ประสบกำรณ์ เดก็ ๆ ได้ทำอะไรบำ้ ง
ตอ่ สงั คมและโลก และประเมนิ ผล เรยี นรู้ อยำ่ งไร
-ทำกจิ กรรมตำมโปรแกรม
- เป็นพลเมืองท่เี กง่ ดี จำกอะไร วิธีกำรของผ้บู ำเพญ็ ของสมำคมผบู้ ำเพ็ญ
มปี ระโยชน์ต่อสังคม กำรเปลี่ยนแปลง / ประโยชน์ ประโยชนแ์ ห่งประเทศไทย
พฒั นำกำรของ 1. เรียนรใู้ นกลุ่มเลก็ : ฯ ได้แก่
- มบี ทบำทในสงั คม สมำชิก ไดแ้ ก่ 1. กำรบำเพ็ญประโยชน์
เป็นผูน้ ำในกำร 1. มอี ุปนิสัยท่ีดี Learning in 2. เป็นพลเมืองดี
เปลย่ี นแปลง 2. มีทักษะชีวิต small groups 3. วัฒนธรรมและมรดก
3. เป็นผู้นำทีด่ ี 2. เรียนรู้โดยกำรลง
4. บำเพญ็ ประโยชน์ มือทำ : Learning ของชำติ
by doing 4. ส่งิ แวดลอ้ ม
ตอ่ ชมุ ชน 3. มสี ่วนรว่ ม / 5. กำรอยู่รว่ มกับผู้อืน่
มีทกั ษะ 6Cs ได้แก่ กำหนดเส้นทำง 6. สขุ ภำพ
- Character กำรเรียนรู้ของ 7. ประสบกำรณ์นำนำชำติ
- Collaboration ตนเอง : My path 8. เทคโนโลยี
- Creative my pace 9. ครอบครวั
- Communication 4. ไดส้ มั พันธ์กบั ผู้อ่ืน 10.วสิ ัยทศั น์
- Citizenship : Connecting - ทำกจิ กรรมตำม
- Commitment with others
* มีกำรพัฒนำกำร 5. ได้ โปรแกรม ของ
สติปัญญำ / ร่ำงกำย สมั พันธ์กบั โลก WAGGGS และโครงกำร
/ จิตใจ / อำรมณ์ / รอบตัว : ตำ่ งๆ
สังคม / คุณธรรม Connecting with * Free Being Me
my world * SDGs
* Health Map
* Food For Change