รายงานเชิงวิชาการ บทละครพูดคําฉันท์ เรื่องมัทนะพาธา โดย นายนเรนทร ชูโตศรี เลขที่9 นางสาวจิณห์นิภา ช่อม่วง เลขที่39 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่๕/๖ เสนอ คุณครูอรวรรณ ธวัชวงษ์ รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของของการศึกษาวิชาภาษาไทย ท๓๒๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๖ โรงเรียนลาดยาววิทยาคม
รายงานเชิงวิชาการ บทละครพูดคําฉันท์ เรื่องมัทนะพาธา โดย นายนเรนทร ชูโตศรี เลขที่9 นางสาวจิณห์นิภา ช่อม่วง เลขที่39 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่๕/๖ เสนอ คุณครูอรวรรณ ธวัชวงษ์ รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของของการศึกษาวิชาภาษาไทย ท๓๒๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ปีการศึกษา ๒๕๖๖ โรงเรียนลาดยาววิทยาคม
ก คำนำ รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิชาภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่๕ จัดทำขึ้นเพื่อศึกษาวรรณคดีเรื่อง มัทนะพาธาซึ่งเป็นวรรณคดีที่ทำคัญสมัยสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งมีข้อคิดแฝงหลายเรื่องรวมทั้งฉันท์ที่ ไพเราะและวิธีการดำเนินเรื่อง จากการวิจารณ์บทละครพูดคำฉันท์และการวิเคราะห์สามารถเป็นความรู้ และผู้ จัดจะเผยแพร่ความรู้ที่สำคัญให้แก่ผู้อ่าน ทางผู้จัดได้เล็งถึงข้อคิดที่สามรถปรับใช้ได้ในชีวิตประจำวันและขอขอบคุณอาจารย์พนมศักดิ์ผู้ แนะนำแนวทางและวิธีการวิเคราะห์วรรณคดีอย่างถูกต้อง รายงานฉบับนี้หวังว่าจะมีประโยชน์แก่ผู้อ่านถ้า ผิดพลาดประการใดขออภัย ณ ที่นี้ด้วย คณะผู้จัดทำ
ข สารบัญ เรื่อง หน้า คำนำ ก สารบัญ ข สารบัญภาพ ค ที่มาของเรื่อง ๑ ผู้แต่ง ๑ ประวัติผู้แต่ง ๒ ลักษณะคำประพันธ์ ๒ ตัวละคร ๕ ฉาก ๖ เรื่องย่อ ๗ วิเคราะห์คุณค่าวรรณคดี ๘ บรรณานุกรม ๑๐ ภาคผนวก - ภาคผนวก ก ๑๑ - ภาคผนวก ข (อภิธานศัพท์ ๑๓
ค สารบัญภาพ เรื่อง หน้า ภาพที่ ๑.๑ แผงผังกาพย์ยานี ๑๑ ๒ ภาพที่ ๑.๒ แผงผังฉันทลักษณ์กาพย์ฉบัง ๑๖ ๒ ภาพที่ ๑.๓ แผงผังกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ ๒ ภาพที่ ๒.๑ แผนผังวิชชุมมาลาฉันท์ ๘ ๓ ภาพที่ ๒.๒ แผนผังอินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ ๓ ภาพที่ ๒.๓ แผนผังอุปชาติฉันท์ ๑๑ ๓ ภาพที่ ๒.๔ แผนผังภุชงคประยาตฉันท์ ๑๒ ๔ ภาพที่ ๒.๕ แผนผังอินทวงศ์ฉันท์ ๑๒ ๔ ภาพที่ ๒.๖ แผนผังวสันตดิลกฉันท์ ๑๔ ๔
๑ บทละครพูดคําฉันท์ มัทนะพาธา ที่มาของเรื่อง มัทนะพาธา แปลว่า ความเจ็บปวดหรือความเดือดร้อนเพราะความรักบทละครพูดคาฉันท์เรื่อง มัทนะ พาธา หรือตานานแห่งดอกกุหลาบ มีลักษณะเป็นบทละครพูดคาฉันท์ จานวน ๕ องค์แบ่งเป็น ๒ ภาค คือ ภาคสวรรค์และภาคพื้นดิน๑ บทละครพูดคำฉันท์เรื่อง มัทนะพาธา เป็นบทละครที่พระบาทสมเด็จพระ มงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรง พระราชนิพนธ์ขึ้น ตามจินตนาการของพระองค์ โดยทรงให้ความสาคัญเรื่องความ ถูกต้อง และความสมจริงใน รายละเอียดของเรื่อง ทั้ง ชื่อเรื่อง ชื่อตัวเอก และรายละเอียด ต่างๆ เช่น ชื่อเรื่อง มัทนา มาจากศัพท์ มทน แปลว่า ความลุ่มหลงหรือความรัก พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงนาละครพูดมาสู่วงการวรรณกรรมไทยเป็นครั้งแรก ทั้งนี้ เนื่องจากทรงสนพระทัยในบทละครของวิลเลียม เชคสเปียร์ จึงทรงพระราชนิพนธ์บทละครพูดไว้เป็นจานวน มาก แต่เรื่องมัทนะพาธาหรือตานานดอกกุหลาบนี้เป็นบทพระราชนิพนธ์ที่เป็นบทละครพูดคาฉันท์เพียงเรื่อง เดียวโดยทรงเริ่มพระราชนิพนธ์เมื่อวันที่ ๒ กันยายน ๒๔๖๖ ขณะทรงพระประชวร และประทับอยู่ ณ พระราชวังพญาไท และทรงพระราชนิพนธ์เสร็จสมบูรณ์เมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๔๖๖ นับได้ว่าใช้เวลาเพียง ๑ เดือน ๑๗ วันเท่านั้น ผู้แต่ง มัทนะพาธาเป็นบทละครพูดคาฉันท์ พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จเพราะมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ทรงมีพระราชกุศลเพื่อสร้าง ตานานแห่งดอกกุหลาบ จึงทรงผูกเรื่องขึ้นมาใหม่หมด ทรงให้ ความ สาคัญเรื่องความถูกต้อง และความสมจริงในรายละเอียดของเรื่อง ทั้งชื่อเรื่อง ชื่อตัวเอก และรายละเอียด ต่างๆ เช่น ชื่อเรื่อง มัทนา มาจากศัพท์ มทน แปลว่า ความลุ่มหลงหรือความรัก และชื่อนางเอกของเรื่องก็มี ความหมายว่าความเจ็บปวดและความเดือดร้อนเพราะความรัก ซึ่งตรงกับแก่นของเรื่อง ________________________________ ๑ดูรายละเอียดหน้าที่ ๗
๒ ประวัติผู้แต่ง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ มีพระนามเดิมว่ามหาวชิราวุธ เป็นโอรสองค์ที่ ๒๙ในพระบาทสมเด็จพระจลุจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่๕ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่๑มกราคม๒๔๒๓ ทรงศึกษาในประเทศไทยจนพระชนมายุได้ ๑๔ พรรษา กเ็สด็จไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ ต่อมา เสด็จนิวัติประเทศไทยเมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๔๓๘ เพื่อรับการสถาปนาเป็นเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธสยามกุฎราช กุมาร ( ผู้ที่จะได้เป็นพระมหากษัตริย์องค์ต่อไป ) และทรงกลับไปศึกษาวิชาทหาร ณ โรงเรียนทหารบกที่แซนด์ เฮิซต์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๓ ได้เข้าศึกษาวิชาประวัติศาสตร์และวิชากฎหมาย ณ มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด แต่ทรง พระปรีชาสามารถทางด้านอักษรศาสตร์เป็นพิเศษ จนแต่งบทละครเป็นภาษาอังกฤษได้ เมื่อสาเร็จการศึกษา พระองค์ทรงเสด็จประพาสยุโรปก่อน แล้วจึงเสด็จนิวัติประเทศไทย เสดจ็ ขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๔๕๓ขณะมพีระชนมายุ๓๐พรรษาสวรรคตเมื่อวันที่๒๕พฤศจิกายน๒๔๖๘(ครองราชย์๑๕ปี) (พระชนมายุ ๔๕ พรรษา) วัตถุประสงค์ในการพระราชนิพนธ์ เรื่อง มัทนะพาธา ทรงตั้งพระทัยเพื่อเป็นหนังสือ อ่านกวีนิพนธ์ที่สนุกสนานในด้านเนื้อหา และเป็นคติสอนใจให้เห็นถึงอานุภาพของความรัก ลักษณะคําประพันธ์ บทละครพูดคาฉันท์ เรื่อง มัทนะพาธา ประกอบด้วยคาประพันธ์หลายชนิดดังนี้ ๑. กาพย์ ๓ ชนิด คือ กาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ฉบัง ๑๖ กาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ ภาพที่ ๑.๑ แผงผังกาพย์ยานี ๑๑ ภาพที่ ๑.๒ แผงผังฉันทลักษณ์กาพย์ฉบัง ๑๖
๓ ภาพที่ ๑.๓ แผงผังกาพย์สุรางคนางค์ ๒ ๒. ฉันท์๑ ๒๑ ชนิด เช่น วิชชุมมาลาฉันท์ ๘ อินทรวิเชียรฉนั ท์ ๑๑ อุปชาติฉันท์ ๑๑ ภุชงคประยาตฉันท์ ๑๒ อินทวงศ์ฉันท์๑๒ วสันตดิลกฉันท์๑๔ เป็นต้น ภาพที่ ๒.๑ แผนผังวิชชุมมาลาฉันท์ ๘ ภาพที่ ๒.๒ แผนผังอินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ ภาพที่ ๒.๓ แผนผังอุปชาติฉันท์ ๑๑ ๑คำประพันธ์ประเภทฉันท์นี้ไทยได้แบบ อย่างมาจากคัมภีร์วุตโตทัย ซึ่งเขียนไว้เป็นภาษา บาลี สันสกฤต แต่ไทยเรา นามาคัดเลือกและ ดัดแปลงใช้ให้เข้ากับลักษณะของภาษาไทย มี การเติมสัมผัสให้ไพเราะเพราะพริ้งยิ่งขึ้น
๔ ภาพที่ ๒.๔ แผนผังภุชงคประยาตฉันท์ ๑๒ ภาพที่ ๒.๕ แผนผังอินทวงศ์ฉันท์ ๑๒ ภาพที่ ๒.๖ แผนผังวสันตดิลกฉันท์ ๑๔
๕ ตัวละคร ชาวฟ้า สุเทษณะเทพบุตร.์ จิตระเสน, หัวหน้าคนธรรพ์ของสุเทษณ์ จิตระรถ, สาระถีของสุเทษณ.์ มายาวิน, วิทยาธร มัทนา, เทพธิดา.เทพบุตร์, คนธรรพ์, และอับสร บริวารของสุเทษณ์ ชาวดิน พระกาละทรรศิน,คณาจารยอ์ยู่ในป่าหิมะวัน โสมะทัต, หัวหน้าศิษย์ของพระกาละทรรศิน. นาค, ศิษย์ของพระกาละทรรศิน ศุน, ศิษย์ของพระกาละทรรศิน. ท้าวชัยเสน, กษัตริย์จันทรวงศ์ผู้ทรงราชย์ในนครหัสตินาปุระ ศุภางค์, นายทหารคนสนิธของท้าวชัยเสน. นันทิวรรธนะ, อมาตย์ของท้าวชัยเสน, ชาวสวนหลวง.วิทูร , พราหมณ์หมอเสน่ห.์ พระนางจัณฑ,ี มเหสีของท้าวชัยเสน ปริยัมวะทา, นางกานัลของท้าวชัยเสน. อราลี, นางค่อมฃ้าหลวงพระนางจัณฑี เกศินี,ฃ้าหลวงพระนางจัณฑี. ศิษย์พระฤษี ; นายทหาร, พราน , ราชบริพาร, และฃ้าหลวง ตัวละครหลัก ๑.สุเทษณ์เทพบุตร์ :ผู้หลงรักนางมัทนาอย่างหมดหัวใจจนอาจจะกลายเป็นความลุ่มหลง อันเป็นเหตุให้เกิดโศกนาฎกรรม แห่ง ความรักนี้ขึ้น เขาหลงรักมัทนาอย่างหมดหัวใจ ตัวอย่างเช่นบทสนทนากบั ดังนี้“หากพี่จะกอดวธุและจุมพิตะเจ้าจะว่าไร?”ในประโยคนี้ผู้แต่งต้องการสื่อถึงความรู้สึกของสุเทษที่ต้องการจะครอบครองร่างกายของมัท นา และสุเทษเป็น คนเอาแต่ใจตนเองเขามีนิสัยเป็นคนเจ้าอารมณ์ เวลาโกรธมักจะโวยวายทั้งคาพูดและการ กระทา จากบทสนทนาต่อไปนี้ สุเทษณ์ ตวาดใส่มัทยาและแสดงถึงอารมณ์โกรธ เช่น(ตวาด) “อุเหม่! มะทะนา ชะเจ้าเลห์ ชิชิช่างจานรรจา, ตะละคาอุวาทา ฤ กระบิดกระบวนความ.”หรือตอนมัทยาไม่รับรักสุเทษณ์ สุ เทษณ์ได้พูดกับมัทนาด้วยํน้าเสียงที่เปลี่ยนแปลงไปจากอ่อนหวานกลายเป็น เดือดดัน เช่น“ช้าก่อน! หล่อนจะ ไปไหน” ๒. นางมัทนา : หญิงผู้มีรูปโฉมงดงาม เป็นกุลศตรีที่มีความอ่อนโยน และความเฉลียวฉลาดในการพูดและการตอบ คาถามเช่นตอนที่นางไม่รับรักสุเทษณ์ฟังถ้อยคาดารัสมะธุระวอน จักเป็นมุสาวะจะนะด้วย อันชายประกาศวะ ระประทาน หญิงควรจะเปรมกะมะละยิ่ง แต่หากฤดีบ อะภิรมย์ เป็นปดและลวงบุรุษรักดนุนี้ผิเอออวย. บ มิ ตรงกะความจริง.ประดิพัทธะแด่หญิง, ผิวะจิตตะตอบรัก; จะเฉลยฉะนั้นจักก็จะหลงละเลิงไป.” ทำให้เห็นถึงความซื่อสัตย์และจริงใจ นางเป็นคนตรงไปตรงมาและมีความกล้าที่จะตอบตามความคิดและตาม หัวใจของตน ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม
๖ ๓.มายาวิน : มายาวินมีความสามารถพิเศษคือมีเวทย์มนต์สะกดจิต เขามีวิชาอาคม และเขาใช้มันเพื่อ ช่วยสุเทษณ์ เมื่อใช้ มนต์สะกดนางมัทยาไม่รู้สึกตวั เหมอื นคนหลบั ไหล เช่นบทสนทนาต่อไปนี้สุ เทษณ์พูด “นางมาแล้วไซร้ แต่ว่าฉันใด จงึ่ ไม่พูดไม่จา”มายาวินตอบ “นางยังงงงวย ด้วยฤทธิ์มนตรา, แต่ว่าตูข้า จะแก้บัดเดี๋ยวนี้.แล้ว จึงํส่งนางมัทนา...แสดงถึงความขลังของมนต์ที่มายาวินสะกดมัทยา และสั่งให้มัทยาพูดตอบโต้กับมายาวินทาให้ สุเทษณ์โกรธมทันา ฉาก ๑.วิมานของเทพบุตรสุเทษณ์ บนสวรรค์ ฉากท้องเรื่องเริ่มขึ้นบนสวรรค์ เพราะมายาวิน สุเทศณ์ และมัทนาเป็น เทวดา นางฟ้า ซึ่งอาศัยอยู่บน สวรรค์ สังเกตุได้จากหลังจากที่มายาวินคลายมนต์สะกดมัทนา มัทนาได้พูดว่า“ เหตุใดพระองค์ทรงธรรมจึง ทำ เช่นนั้น ให้ข้าพระบาทต้องอาย แก่หมู่ชาวฟ้าทั้งหลาย? โอ้พระฦสาย พระองค์จงทรงปราณี”ในบทสนทนา มัทนากล่าวจะสังเกตุว่ามัทนาพูดคาว่า หมู่ชาวฟ้า ทำให้รู้ว่าสถานที่ที่มัทนาอาศัยอยู่ไม่ใช่โลก มนุษย์ และสุเทษณ์ ก็สาปให้มัทนามาเกิดบนโลกมนุษย์ ๒.กลางป่าหิมะวัน ฉากท้องเรื่องหลังจากที่มายาวินสาปมัทนาให้ไปเกิดบนโลกมนุษย์สังเกตได้จาก นางมัทนา จุตติ๑อย่านาน จงมะละฐาน สุระแมนสวรรค์, ไปเถอะกำเนิด ณ หิมาวัน ดังดนุลั่น วจิสาปไว้! (หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ภาษาไทย วรรณคดีและวรรณกรรม ม.๕ ๒๕๕๑: ๖๕) ป่าหิมะวันมีลักษณะเป็นลานหญ้าอยู่ระหว่างต้นไม้ใหญ่ที่ตรงกลางเวทีมีดอกกุหลาบอยู่ต้นหนึ่ง ดอกสวยงาม ใหญ่สีชมพู ส่งกลิ่นหอมชวนผู้คนหลงใหล ______________________________________ ๑ดูรายละเอียดในภาคผนวก
๗ เรื่องย่อ ภาคสวรรค์ กล่าวถึงสุเทษณ์เทพบุตร ซึ่งในอดีตชาตินั้นคือกษัตริย์แคว้นปัญจาล และนางมัทนา ซึ่งในอดีตชาติ เป็น ราชธิดาในกษัตริย์แคว้นสุราษฎร์ ซึ่งทั้งคู่ได้มาเกิดใหม่บนสวรรค์ สุเทษณ์เทพบุตรใฝ่ปองรักนางฟ้ามัทนา แต่ก็ ไม่อาจจะสมรักด้วยกรรมที่เคยทามาแต่อดีต ทาให้ไร้ซึ่งความสุขอย่างยิ่ง สุเทษณ์เทพบุตร จึงได้ให้วิทยา ธร นามว่า "มายาวิน" ใช้เวทมนตร์คาถาไปสะกดเอานางมัทนาเข้ามาหา ก่อนที่มายาวินจะใช้เวทมนตร์เรียก นาง มัทนา ได้ทูลสุเทษณ์เทพบุตรว่า การที่พระองค์ไม่อาจจะสมรักกับมัทนาได้ เป็นเพราะเมื่อชาติปางก่อน เมื่อ พระองค์เป็นกษัตริย์แคว้นปัญจาลนั้น พระองค์ได้ไปสู่ขอมัทนาจากกษัตริย์แคว้นสุราษฎร์ผู้เป็นพระราช บิดา แต่ท้าวสุราษฎร์ไม่ให้ จึงเกิดรบกันขึ้น ในที่สุดท้าวสุเทษณ์แห่งแคว้นปัญจาลก็ชนะ จับท้าวสุราษฎร์เป็น เชลย และจะประหารชีวิตเสีย แต่นางมัทนาเข้ามาขอชีวิตพระราชบิดาไว้ และยอมเป็นบาทบริจาริกา ก่อนที่ นางจะ ใช้พระขรรค์ปลงพระชนม์ตนเอง เมื่อสิ้นพระชนม์แล้ว นางมัทนาก็ไปเกิดเป็นเทพธิดาบนสวรรค์ ส่วน ท้าวสุ เทษณ์ก็ได้ทาพลีกรรมบาเพ็ญจนได้มาเกิดบนสวรรค์เช่นกัน อย่างไรก็ตาม สุเทษณ์เทพบุตรก็ยังยืนยันจะ ให้ มายาวินลองวิชาดูก่อน มายาวินจึงเรียกเอามัทนามาด้วยวิชาอาคม เมื่อมัทนามาแล้ว ด้วยมนต์ที่ผูกไว้ ทำ ให้ไม่ ว่าสุเทษณ์เทพบุตรจะถามอย่างไร มัทนาก็ตอบตามเป็นคาถามย้อนไปอย่างนั้น เหมือนไม่มีสติ สุเทษณ์ เทพบุตรขัดใจนักก็ให้มายาวินคลายมนต์ ครั้นมนต์คลายแล้ว มัทนาก็ตกใจที่ตนล่วงเข้ามาในวิมานของสุเทษณ์ เทพบุตรโดยไม่รู้ตัว สุเทษณ์เทพบุตรพยายามจะฝากรักมัทนา แต่มัทนามิรักตอบ จะอย่างไรๆก็ไม่ยอมรับรัก จนสุเทษณ์เทพบุตรกริ้วจัด สาปส่งให้นางลงไปเกิดเป็น ดอกกุพชกะ คือ ดอกกุหลาบ อยู่ในแดนมนุษย์ และจะ กลับคืนเป็นคนได้ก็ต่อเมื่อวันเพ็ญ เพียง 1 วัน 1 คืนเท่านั้น แล้วจะกลับคืนเป็นกุหลาบดังเดิม แต่หากนางได รักบุรุษใดแล้ว เมื่อนั้นจึงจะคงรูปมนุษย์อยู่ได้ และหากเมื่อใดที่นางมีทุกข์เพราะรัก ก็จงขอประทานโทษมายัง พระองค์พระองค์จะยกโทษให้ ภาคพื้นดิน มัทนาได้ไปเกิดเป็นดอกกุหลาบอยู่ในป่าหิมวัน ในป่านั้นมีพระฤๅษีนามกาละทรรศินพร้อมด้วยศิษย์ ทั้งหลาย พระกาละทรรศินได้เห็นกุหลาบมัทนาก็ชอบใจ สั่งให้ศิษย์ขุดเอากุหลาบมัทนาไปปลูกใหม่ไว้ใกล้ อาศรม เมื่อถึงคืนวันเพ็ญ มัทนาก็กลายเป็นร่างมนุษย์มาคอยรับใช้พระกาละทรรศินและศิษย์ทั้งหลาย คอย ปรนนิบัติเรื่อยมา พระกาละทรรศินก็รักมัทนาเหมือนลูกตัว ต่อมาวันหนึ่ง ท้าวชัยเสนผู้ครองนครหัสดิน ได้เสด็จประพาสป่า ผ่านมายังอาศรมพระกาละทรรศิน ประจวบกับเป็นคืนวันเพ็ญ ก็ได้พบกับนางมัทนา ทั้งสองฝ่ายต่างรักกัน พระกาละทรรศินก็จัดพิธีอภิเษกให้ ๑๐ และนางมัทนาก็ได้เดินทางไปกับท้าวชัยเสน เข้าไปยังกรุงหัสดิน โดยไม่ได้กลับเป็นดอกกุหลาบอีก ท้าวชัยเสน หลงรักนางมัทนามาก จนกระทั่งลืมมเหสีของตนคือนางจัณฑี พระมเหสีจัณฑีหึงหวงนางมัทนา ทั้งอิจฉาริษยา เป็นอันมาก ก็ทาอุบายใส่ร้ายนางมัทนาว่าเป็นชู้กับทหารเอกท้าวชัยเสนนามว่าศุภางค์ และยุยงท้าว มคธพระ ราชบิดาให้มาตีเมืองหัสดิน ท้าวชัยเสนออกไปรบ ครั้นเมื่อกลับมาได้ข่าวว่ามัทนาลอบเป็นชู้กับ ศุภางค์ก็กริ้วจัด
๘ สั่งประหารมัทนาเสียทันที แต่เพชฌฆาตได้ปล่อยนางหนีไปเพราะความสงสาร ส่วนศุภางค์นั้น ด้วย ความจงรักภักดีต่อท้าวชัยเสน ก็ออกสนามรบกับท้าวชัยเสนเป็นครั้งสุดท้ายในฐานะไพร่ทหารเลวและ ตายในที่รบ มัทนาหนีกลับมายังป่าหิมวัน และได้ทาพลีกรรม์บูชาสุเทษณ์เทพบุตร จนสุเทษณ์เทพบุตรเสด็จมา และเอ่ยปากจะช่วยให้คืนสวรรค์ สุเทษณ์เทพบุตรได้ขอความรักจากนางอีก แต่มัทนามิสามารถจะรักใครได้อีก แล้ว และปฏิเสธไป สุเทษณ์เทพบุตรกริ้วนัก จึงสาปนางให้เป็นกุหลาบไปตลอดชีวิต ฝ่ายท้าวชัยเสน ต่อมาเมื่อรบชนะท้าวมคธ และได้รู้ความจริงทั้งหมด ก็กริ้วพระมเหสีจัณฑีมาก และ ได้ลงอาญาไป ก่อนจะออกไปตามหามัทนาในป่า แต่สิ่งที่พบ ก็เพียงแต่กุหลาบกอใหม่อันขึ้นอยู่ยังกองกูณฑ์ บูชาสุเทษณ์เทพบุตรเท่านั้น ท้าวชัยเสนทาอะไรไม่ได้อีกต่อไป แต่ด้วยความรักสุดจะรัก จึงนากุหลาบมัทนา กลับไปปลูกใหม่ยังสวนขวัญกรุงหัสดิน วิเคราะห์คุณค่าวรรณคดี ๑.คุณค่าด้านอารมณ์ ทาให้ผู้อ่านเกิดความรู้สึกคล้อยตาม เกิดความประทับใจอยากติดตามอ่าน เช่น เมื่อมายาวินเล่า เรื่องราวในอดีตถวายสุเทษณ์ว่าเหตุใดมัทนาจึงไม่รักสุเทษณ์ กวีเลือกใช้อินทรวิเชียรฉันท์ ๑๑ ที่มีท่วงทานอง เร็วเหมาะแก่การเล่าความ หรือบรรยายเรื่อง ส่วนเนื้อหาตอนสุเทษณ์ฝากรักนางมัทนานั้นใช้วสันตดิลกฉันท์ ซึ่งมีท่วงทานองที่อ่อนหวาน เมื่อสุเทษณ์กริ้วนางมัทนาก็ใช้ กมลฉันท์ ซึ่งมีคาครุลหุที่มีจานวนเท่ากันแต่ขึ้นต้น ด้วยจึงมีทำนองกระแทกกระนั้น ถ่ายทอดอารมณ์โกรธเกรี้ยวได้ดี ดังตัวอย่าง มะทะนาชะเจ้าเล่ห์ ชิชิช่างจานรรจาม, ตะละคาอุวาทา ฤ กระบิดกระบวนความ. ดนุถามก็เจ้าไซร้ บ มิตอบ ณ คาถาม, วนิดาพยายาม กะละเล่นสำนวนหวน. ก็และเจ้ามิเต็มจิต จะสดับดนูชวน๑ __________________________________________ ๑นายภาสกร เกิดอ่อนและคณะ. ๒๕๕๑. หนังสือเรียน รํายพื้นฐํานภําษําไทย วรรณคดีและวรรณกรรม ม.๕ (กรุงเทพมหานคร:อักษรเจริญทัศน์), หน้า๖๒
๙ ๒.คุณค่าด้านคุณธรรม ให้ข้อคิดในเรื่องการมีบริวารที่ขาดคุณธรรมอาจทาให้นายประสบหายนะได้ เช่น บริวารของท้าวสุ เทษณ์ที่เป็นคนธรรพ์ ชื่อจิตระเสนมีหน้าที่บารุงบาเรอให้เจ้านายมีความสุข มีความพอใจ ดังนั้นจึงทาทุกอย่าง เพื่อเอาใจผู้เป็นเจ้านาย เช่น แสวงหาหญิงงามมาเสนอสนองกิเลสตัณหาของเจ้านาย ให้วิทยาธรชื่อมายาวินใช้ เวทมนตร์สะกดนางมัทนามาให้ท้าวสุเทษณ์ บริวารลักษณะอย่างนี้มีมากในสังคมจริง ซึ่งมีส่วนให้นาย หรือ ประเทศชาติ ประสบความเดือดร้อนเสียหายได้ ๓. คุณค่าด้านสังคม สอดแทรกความคิดเกี่ยวกับความเชื่อในสังคมไทย เช่นความเชื่อเรื่องการทาบุญมากๆ จะได้ไปเกิดใน สวรรค์ และเสวยสุขในวิมาน แสดงกวีทัศน์โดยแสดงให้เห็นว่า "การมีรักเป็นทุกข์อย่างยิ่ง" ตรงตามพุทธวัจนะ ที่ว่า "ที่ใดมีรักที่นั่นมี ทุกข"์ เช่นสุเทษณ์รักนางมัทนาแต่ไม่สมหวังก็เป็นทุกข์ แม้เมื่อได้เสวยสุขเป็นเทพบุตรก็ ยังรักนางมัทนาอยู่ จึงทาทุกอย่างเพื่อให้ได้นางมาแต่ไม่สมหวังก็พร้อมที่จะทำลาย ความรักเช่นนี้เป็นความรัก ที่เห็นแก่ตัวควรหลีกหนีให้ไกลความเชื่อเรื่องชาติภพ
๑๐ บรรณานุกรม กวิตา ถนอนงาม. ๒๕๕๔. วรรณคดีก่อนนอน เรื่องมัทนะพําธํา. พิมพ์ครั้งที่ ๑. ปทุมธานี: สกายบุ๊ค ชิต บุรทัต. ๒๕๒๑. สํามัคคีเภทคําฉันท์. พิมพ์ครั้งที่ ๒๙ กรุงเทพมหานคร: องค์การค้าของคุรุสภา. ภาสรกร เกิดก่อน และคณะ. ๒๕๕๑. หนังสือเรียน รํายวิชําพื้นฐําน ภําษําไทย วรรณคดีและ วรรณกรรม ม.๕. พิมพ์ครั้งที่ ๙. กรุพเทพมหานคร: อักษรเจริญทัศน์ ธนวรรณ โสขุมา. ๒๕๕๗. ประวัติผู้แต่ง. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: https://sites.google.com/. (วันที่สืบค้นข้อมูล: ๑๒ กันยายน ๒๕๖๖) มหาบาลีวิชชาลัย. ๒๕๕๙. กําพย์สุรํางคนํางค์ ๒๘. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: https://www.watmoli.com/. (วันที่สืบค้นข้อมูล: ๑๒ กันยายน ๒๕๖๖) ยุพร แสงทักษิณา. ๒๕๕๘. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: https://www.sac.or.th/. (วันที่สืบค้นข้อมูล: ๑๓ กันยายน ๒๕๖๖
๑๑ ภาคผนวก ก หนังสือมัทนะพาธา หรือตำนานแห่งดอกกุหลาบ พิมพ์ครั้งที่ ๑ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๖)
๑๒ ตัวละครในมัทนะพาธา
๑๓ ภาคผนวก ข คำศัพท์ ความหมาย จรดล เที่ยวไปถึง จุติ ตาย(มักใช้แก่เทวดา) จักกะวาฬ(จักรวาล) บริเวณโดยรอบของโลกทั่วโลก เถลิง ขึ้น เช่น เถลิงราชย์ เถลิงอานาจ นารีรัตน์ นางแก้ว ประจักษ์ ปรากฏชัด อาจเป็นทางตาหรือทางใจก็ได้ เช่นประจักษ์แก่ตา ประจักษ์แก่ใจ ประดิพันธ์ ความรักใคร่ผูกพัน บริจาริกา หญิงรับใช้ ปัญจา,ปัญจ ห้า ลำดับที่5 ปฏิญญา การให้คำมั่นสัญญาหรือการแสดงการยืนยันโดย ถือเอาสิ่งศักดิ์สิทธ์ และสุจริตเป็นที่ตั้ง รังสรรค์ ที่อยู่ของเทวดา สวรรค์ ไผท แผ่นดิน พะลี(พลี) การบวงสรวง การบูชา ละเหี่ย อ่อนใจ รุจิเรจ มีลายงาม มีลายสุกใส วิศิษฎ์ เลิศ ยอดเยี่ยม ดียิ่ง ประเสริฐ สุราลัย ที่อยู่ของเทวดา สวรรค์ วธุ วธู หญิงสาว อนุวัตน์ ทำตาม ประพฤษตาม ปฏิบัติตาม สรางค์ นางสวรรค์ สุมณี สุมนา ดอกไม้ ดอกมะลิ
มัทนะพาธา