The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

7.ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ม.1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tom_club_za, 2022-04-26 03:05:06

7.ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ม.1

7.ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ ม.1

 
 
 
 

 
คมู ือการจัดกิจกรรมลกู เสอื เสรมิ สรา งทกั ษะชวี ิต 

ประเภทลกู เสอื สามัญรุนใหญ 
ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ี่ 1 

 

คํานาํ

สมาคมวางแผนครอบครัวแหงประเทศไทย ในพระราชูปถัมภสมเด็จพระศรีนครินทราบรม
ราชชนนี ไดรับการสนับสนุนงบประมาณจากสํานักงานกองทุนสนับสนุนการสรางเสริมสุขภาพ
(สสส.) เพื่อจดั ทําโครงการลกู เสอื เสริมสรางทักษะชีวติ มีวตั ถปุ ระสงคเพอ่ื เสรมิ สรา งทกั ษะชวี ติ ใหเดก็
และเยาวชนในสถานศึกษาดวยกระบวนการลูกเสือ โดยใหเด็กและเยาวชนลงมือปฏิบัติดวยตนเอง
ในการทาํ กจิ กรรมอยางครบวงจร ตั้งแตการศึกษา วิเคราะห วางแผน ปฏิบัติตามแผน ประเมิน และ
ปรับปรงุ การจัดกจิ กรรม รวมถงึ การทํางานเปนระบบหมูตามกระบวนการลูกเสือ ซึ่งกิจกรรมดังกลาว
เปนการพัฒนาความเปนมนุษยแบบองครวม ท้ังดานรางกาย จิตใจ สังคม และสติปญญา ทําใหเด็ก
และเยาวชนมีระเบียบวินัย มีจิตสํานึกในการทําความดี เพ่ือทําประโยชนใหกับครอบครัว ชุมชน
สงั คม และประเทศชาติ ตอ ไป

เริ่มจากการศึกษาความเปนไปได ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เก่ียวของทั้งในและ
ตางประเทศ จัดประชุมผูเช่ียวชาญท้ังดานลูกเสือ ดานทักษะชีวิต รวมทั้งดานการพัฒนาเด็กและ
เยาวชน เพื่อกําหนดกรอบโครงสรางหลักสูตรลูกเสือเสริมสรางทักษะชีวิต ที่สอดคลองกับปญหา
ตามวยั และพัฒนาการดา นตา ง ๆ ของลูกเสือแตล ะประเภท

คูมือการจัดกิจกรรมลูกเสือเสริมสรางทักษะชีวิต ฉบับทดลอง ไดเร่ิมใชในป พ.ศ. 2553
มโี รงเรยี นจากทกุ ภูมิภาคของประเทศเขารวมโครงการ จํานวน 26 โรงเรียน โดยไดดําเนินการควบคู
ไปกับการวิจัยและประเมินผลการใชคูมือ และทําการปรับปรุงคูมือครั้งแรกเมื่อ เมษายน พ.ศ.2554
โดยไดเพิ่มเติม เพลง เกม นิทาน เรอื่ งส้นั และเนอ้ื หาใหครบถวนย่ิงข้ึน

การปรับปรุงคร้ังท่ีสอง มิถุนายน พ.ศ. 2559 เกิดข้ึนตามขอเสนอแนะจากการประชุม
ปฏิบตั กิ าร “การขับเคลอื่ นกิจกรรมพัฒนาผูเรียนดวยกระบวนการลูกเสือ” ซึ่งจัดโดยสํานักการลูกเสือ
ยุวกาชาดและกิจการนักเรียน สํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยยึดขอบังคับคณะลูกเสือ
แหงชาติวาดวยการปกครอง หลักสูตรและวิชาพิเศษลูกเสือ และเพ่ิมจํานวนแผนการจัดกิจกรรมให
ครบ 40 ช่ัวโมง เพ่ือครอบคลุมสาระท่ีจําเปนอยางครบถวน เปนการเตรียมการขยายผลในโรงเรียน
สังกัดสํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน (สพฐ.) ท่ัวประเทศ และไดแบงคูมือออกเปน
11 เลม สาํ หรบั ลูกเสือแตละชั้นป เพ่ือความสะดวกของผสู อน

สมาคมวางแผนครอบครวั แหง ประเทศไทยฯ ขอขอบพระคุณหนวยงานและบุคลากรทุกทาน
ทมี่ สี ว นรวมในโครง ตง้ั แตการริเรมิ่ โครงการและสนบั สนนุ งบประมาณจากสาํ นักงานกองทุนสนับสนุน
การสรางเสริมสขุ ภาพ (สสส.) การจัดทําหลักสตู รและคูม อื การทดลองวิจัยและประเมินผลการใชคูมือ
การปรบั ปรงุ คมู ือทงั้ 2 คร้ัง ใหส าํ เรจ็ ลุลว งไว ณ โอกาสนี้ หวังเปนอยา งยง่ิ วาคูมอื ชุดนี้จะชวยสงเสริม
ใหกิจการลูกเสือของประเทศไทย ซึ่งดําเนินมาครบวาระ 105 ป ในป พ.ศ. 2559 นี้ ไดเปนเครื่องมือ
สําคญั และกอใหเ กิดประโยชนส ูงสุดตอ การพัฒนาเดก็ และเยาวชนของชาติตอ ไป

สมาคมวางแผนครอบครัวแหง ประเทศไทย
ในพระราชปู ถัมภสมเดจ็ พระศรนี ครนิ ทราบรมราชชนนี

กรกฎาคม 2559

สารบัญ

คาํ ชีแ้ จงการใชคูม ือ หนา
1
แผนการจดั กจิ กรรมลูกเสือสามญั รุนใหญชัน้ มธั ยมศึกษาปท่ี 1 5

หนว ยที่ 1 ปฐมนเิ ทศ 7
แผนการจดั กจิ กรรมท่ี 1 การปฐมนิเทศ
13
หนว ยท่ี 2 สาระสําคญั ของการลกู เสอื 27
แผนการจัดกจิ กรรมที่ 2 ความเขาใจในเรอ่ื งกจิ การของลกู เสือ 29
แผนการจดั กจิ กรรมที่ 3 ดีติดดาว 32
แผนการจัดกิจกรรมที่ 4 การคบเพือ่ น 32
แผนการจดั กจิ กรรมท่ี 5 วถิ ไี ทยและภูมิปญ ญาทองถนิ่
แผนการจัดกิจกรรมท่ี 6 เดก็ ตดิ เกม 39
44
หนวยที่ 3 คาํ ปฏญิ าณและกฎของลูกเสือ 48
แผนการจดั กจิ กรรมท่ี 7 คาํ ปฏิญาณและกฎของลูกเสอื 50
แผนการจดั กจิ กรรมท่ี 8 ความซอ่ื สตั ยส จุ รติ
แผนการจัดกิจกรรมท่ี 9 ความเปนสุภาพบรุ ษุ และสภุ าพสตรี 57
แผนการจดั กจิ กรรมที่ 10 ขยะนีม้ มี ลู คา
91
หนว ยที่ 4 ระเบยี บแถว
แผนการจัดกจิ กรรมท่ี 11 ระเบยี บแถวลกู เสือ 97

หนวยที่ 5 กางเต็นทและร้ือเตน็ ทท่ีพกั แรม 102
แผนการจัดกจิ กรรมที่ 12 การกางเต็นทแ ละรอื้ เตน็ ทท พี่ ักแรม
106
หนว ยที่ 6 การบรรจเุ ครอื่ งหลงั
แผนการจดั กจิ กรรมที่ 13 การบรรจเุ ครอื่ งหลงั สําหรับเดินทางไกลไปพักแรม 122

หนว ยท่ี 7 กอและจุดไฟกลางแจง
แผนการจดั กจิ กรรมที่ 14 การกอ และจดุ ไฟกลางแจง และปรงุ อาหาร

หนวยท่ี 8 แผนท่ี เขม็ ทศิ
แผนการจัดกิจกรรมท่ี 15 การอานและใชแ ผนที่ เขม็ ทศิ

หนว ยท่ี 9 ทกั ษะเงอ่ื นเชอื ก
แผนการจดั กิจกรรมที่ 16 เง่ือนเชือกลกู เสอื สามญั รุน ใหญ

สารบัญ(ตอ )

หนวยท่ี 10 การปฐมพยาบาล หนา
แผนการจัดกจิ กรรมที่ 17 การปฐมพยาบาล
131
หนว ยท่ี 11 ความปลอดภยั
แผนการจดั กิจกรรมท่ี 18 ภยั สงั คมจากอนิ เตอรเนต็ 135
แผนการจัดกจิ กรรมท่ี 19 เบื้องหลงั กวยเตยี๋ ว 139
แผนการจดั กิจกรรมที่ 20 รเู ทา ทนั สื่อ 143
แผนการจัดกิจกรรมท่ี 21 โฆษณาเปน พษิ 146

หนวยที่ 12 ประเมนิ ผล 151
แผนการจดั กิจกรรมท่ี 22 การประเมนิ ผล
161
หนว ยที่ 13 พิธกี าร
แผนการจัดกจิ กรรมที่ 23 พธิ เี ขา ประจํากองและประดบั เครือ่ งหมายลกู เสอื โลก 164
175
ภาคผนวก 178

ภาคผนวก ก แนวคดิ เรื่องทกั ษะชีวติ
ภาคผนวก ข กิจกรรมลกู เสือเสรมิ สรา งทักษะชีวติ
บรรณานกุ รม

คาํ ชีแ้ จงการใชคูมือ

คูมือการจัดกิจกรรมลูกเสือเสริมสรางทักษะชีวิตชุดนี้ จัดทําข้ึนสําหรับผูกํากับลูกเสือใชเปน
แนวทางในการจัดกิจกรรมลูกเสือ มีจํานวน 11 เลม แยกตามชั้นป สําหรับลูกเสือ 4 ประเภท คือ
ลูกเสือสํารอง ลูกเสือสามญั ลูกเสือสามัญรนุ ใหญ และลกู เสือวสิ ามญั

หลักสูตรลูกเสือเสริมสรางทักษะชีวิต มีเนื้อหาท่ีสอดคลองกับปญหาตามวัยและพัฒนาการ
ดานตาง ๆ ของลูกเสือแตละประเภท นอกจากน้ียังมีเน้ือหาครบถวน เปนไปตามขอบังคับคณะ
ลูกเสอื แหงชาติ วา ดว ยการปกครองหลักสูตรและวิชาพิเศษลูกเสือสํารอง ลูกเสือสามัญ ลูกเสือสามัญ
รุนใหญ และลูกเสือวิสามญั อีกดว ย

แผนการจัดกิจกรรมลูกเสือเสริมสรางทักษะชีวิตในคูมือชุดน้ี ไดออกแบบโดยบูรณาการ
กิจกรรมท่ีเสริมสรางทักษะชีวิตเขากับวิธีการลูกเสือ คือการใชระบบหมูหรือกลุมยอย โดยใหเด็กเปน
ศนู ยก ลาง และมีผใู หญทําหนาที่ชวยเหลือและสงเสริมใหเกิดกระบวนการเรียนรูในกลุม แนะนํา สั่งสอน
และฝกอบรมใหสามารถพึ่งตนเองได มีจิตอาสา รับผิดชอบตอสวนรวม ยึดม่ันในคําปฏิญาณและกฎของ
ลูกเสอื เสรมิ สรางคุณคาในตนเอง รวมทั้งใชระบบเคร่ืองหมายหรือสัญลักษณทางลูกเสือและเครื่องหมาย
วิชาพเิ ศษ เปน แรงกระตนุ ไปสเู ปาหมายในการพฒั นาตนเอง

การเรียงลําดับแผนการจัดกิจกรรม จัดเรียงลําดับเนื้อหาสาระตามหลักสูตรในขอบังคับคณะ
ลกู เสือแหง ชาติ วาดวยการปกครองหลักสูตรและวิชาพิเศษลูกเสือสํารอง ลูกเสือสามัญ ลูกเสือสามัญ
รุนใหญ และลูกเสือวิสามัญ การนําไปใชขึ้นกับดุลยพินิจของสถานศึกษาในการเลือกวาแผนการจัด
กิจกรรมใดควรใชเมอื่ ใด

องคประกอบในการประชุมกอง เนนการใชชีวิตกลางแจง นอกหองเรียน ใกลชิดธรรมชาติ
เรียนรูจากการลงมือปฏิบัติดวยตนเอง เกม และการบริการผูอื่น ซึ่งถือเปนหัวใจของกิจกรรมลูกเสือ
ทกุ ประเภท โดยกจิ กรรมท่ใี ช แบง ออกเปน 5 ประเภท คือ การแสดงออก การสํารวจและการรายงาน
การวิเคราะหและการประเมิน เกมและการแขงขัน การบําเพ็ญประโยชน มีการออกแบบกิจกรรม
เพ่ือใหลูกเสือไดใชกระบวนการกลุมในการแลกเปล่ียนประสบการณ แลกเปล่ียนความคิดความเช่ือ
สรางองคความรูและสรุปความคิดรวบยอด รวมทั้งเปดโอกาสใหลูกเสือไดประยุกตใชสิ่งท่ีไดเรียนรู
ในชีวติ จรงิ อกี ดวย

เนือ้ หาสาระในแผนการจัดกจิ กรรมประกอบดว ย
1. กิจกรรมตามขอบังคับของคณะลูกเสือแหงชาติ (ไมรวมกิจกรรมทดสอบเพื่อรับ
เคร่ืองหมายหรอื สัญลกั ษณทางลกู เสอื และเครอื่ งหมายวิชาพิเศษ)
2. กิจกรรมตามขอบังคับของคณะลูกเสือแหงชาติที่ชวยเสริมสรางทักษะชีวิตดานคุณธรรม
จรยิ ธรรม ความภาคภมู ิใจในตนเอง ความรับผิดชอบตอสวนรวม
3. กิจกรรมเสริมสรางทกั ษะชีวิต เพอ่ื สรางภูมิคุมกันทางสังคมตอเหตุการณและสภาพปญหา
ของเดก็ แตล ะวยั

คูม อื การจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสริมสรา งทักษะชวี ิต ช้นั มัธยมศกึ ษาปที่ 1 1

คูมือแตละเลม ไดจดั ทําตารางหนว ยกิจกรรม และแผนการจดั กิจกรรม 40 ชั่วโมง เพ่ือใหเห็น
ภาพรวมของการจดั กจิ กรรมลูกเสอื เสริมสรางทกั ษะชีวติ ของลูกเสอื ในแตละระดบั ช้นั และมหี มายเหตุ
บอกไวในตารางชองขวาสดุ วาเปนแผนการจดั กจิ กรรมเสริมสรางทกั ษะชีวติ

แผนการจดั กิจกรรมประกอบดวย จุดประสงคก ารเรยี นรู เนือ้ หา สื่อการเรียนรู กิจกรรม การ
ประเมินผล องคประกอบทักษะชีวิตสําคัญท่ีเกิดจากกิจกรรม และภาคผนวกประกอบแผนการจัด
กิจกรรม (เพลง เกม ใบงาน ใบความรู เร่ืองท่เี ปนประโยชน)

จุดประสงคการเรียนรู
ผูสอนควรทําความเขาใจใหชัดเจนวาเปนจุดประสงคการเรียนรูดานความรู เจตคติ หรือ
ทกั ษะ เพอื่ จดั กิจกรรมไดต รงตามจดุ ประสงคก ารเรียนรแู ตละดาน
จุดประสงคการเรียนรูดานความรู มีจุดเนนที่การตั้งประเด็นใหวิเคราะห สังเคราะหเนื้อหา
ความรู ใหเขาใจอยางถองแท และสามารถนาํ ไปใชไดในชวี ติ จริง
จุดประสงคการเรียนรูดานเจตคติ มีจุดเนนท่ีอารมณความรูสึก และการตั้งประเด็นใหผูเรียน
ไดแ ลกเปล่ยี นและตรวจสอบความคิดความเชอ่ื ของตนเองกบั สมาชกิ กลุมคนอน่ื ๆ
จดุ ประสงคการเรียนรูดานทักษะ เนนท่ีการทําความเขาใจในข้ันตอนการลงมือทําทักษะ และ
ไดท ดลองและฝก ฝนจนชาํ นาญ
บางแผนการจัดกิจกรรมมีจุดประสงคการเรียนรูซอนกันมากกวา 1 ดาน ใหเนนดานท่ีเปน
จดุ ประสงคหลักของแผนการจดั กจิ กรรม
เนื้อหา
เปนผลการเรียนรูที่เกิดข้ึนหลังการสอน ผูสอนควรตรวจสอบวาผูเรียนไดเน้ือหาครบถวน
หรือไม
ส่ือการเรียนรู
เปนสอื่ อปุ กรณ ท่ีใชใ นการจดั กิจกรรม เชน แผนภูมิเพลง เกม ใบงาน ใบความรู และเร่ืองที่
เปนประโยชน ซึ่งมรี ายละเอยี ดอยใู นภาคผนวกประกอบแผนการจดั กจิ กรรม
กิจกรรม
กิจกรรมลูกเสือยังคงแบบแผนของลูกเสือไว คือ การเปดประชุมกอง/ปดประชุมกอง และ
เพลง เกม นิทาน เรอื่ งท่เี ปน ประโยชน ซง่ึ ใสไ วใ นทุกแผนการจัดกิจกรรม โดยผูกํากับลูกเสือสามารถ
ปรบั เปลยี่ นไดตามความเหมาะสม ผูสอนควรจัดกิจกรรมตามท่ีไดออกแบบไวเรียงตามลําดับข้ันตอน
การจัดกิจกรรม นอกจากนี้กอนการจัดกิจกรรมควรศึกษาแผนการจัดกิจกรรมใหเขาใจอยางถองแท
ทกุ ข้ันตอน ศึกษาใบความรูสําหรับผูสอน และใบงานสําหรับผูเรียน เพ่ือท่ีผูสอนจะไดจัดกิจกรรมการ
เรยี นการสอนใหไดเนือ้ หาตรงตามจดุ ประสงคการเรยี นรมู ากท่สี ดุ
ทงั้ นีผ้ กู ํากับควรทาํ ความเขาใจแนวคิดเรื่องทักษะชีวติ และกิจกรรมลูกเสือเสรมิ สรา งทักษะชวี ติ
ใหถ อ งแทดว ย โดยศึกษาไดจากภาคผนวก ก และภาคผนวก ข

2 คูมือการจดั กจิ กรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรา งทกั ษะชวี ติ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที่ 1

การประเมนิ ผล
สามารถประเมินไดท ้งั ระหวา งการจัดกิจกรรม และหลงั การสอนจบแลว ตามแนวทางท่ีไดใหไวใน
แตล ะแผนการจัดกจิ กรรม
องคประกอบทกั ษะชีวิตสําคัญทเ่ี กิดจากกจิ กรรม
ทักษะชีวิตเกิดข้ึนไดหลายองคประกอบในการจัดกิจกรรมแตละครั้ง ในที่น้ีไดระบุเพียง
องคประกอบทักษะชวี ติ สาํ คัญที่เกดิ ขน้ึ เทา นัน้
ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกิจกรรม
เปนส่ือ อุปกรณ ตามรายการที่ระบุไวในสื่อการเรียนรู เชน เพลง เกม บัตรคํา ใบงาน ใบความรู
และเรือ่ งทเ่ี ปน ประโยชน ฯลฯ หากมีขอ เสนอแนะเพอ่ื การปรบั ปรงุ คมู อื ชุดนี้ กรณุ าติดตอท่ี
สมาคมวางแผนครอบครัวแหง ประเทศไทย ฯ
เลขท่ี 8 วิภาวดีรงั สิต 44 แขวงลาดยาว เขตจตุจกั ร กรุงเทพฯ 10900
โทรศัพท 0-2941-2320 ตอ 151 โทรสาร 0-2561-5130

คูมอื การจดั กจิ กรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรา งทักษะชวี ติ ช้นั มัธยมศกึ ษาปท่ี 1 3



แผนการจัดกจิ กรรม
ลกู เสือสามัญรุนใหญ
ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ่ี 1

คมู ือการจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสริมสรางทกั ษะชวี ิต ชนั้ มัธยมศึกษาปท่ี 1 5

แผนการจัดกิจกรรมลูกเสอื สามัญรนุ ใหญ ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ่ี 1

ช่อื หนว ยกจิ กรรมตามขอบงั คับ แผนการจัดกิจกรรม จํานวน หมายเหตุ
คณะลูกเสอื แหงชาติ เร่อื ง ช่ัวโมง
ทกั ษะชวี ติ
1. ปฐมนเิ ทศ 1. ปฐมนิเทศ 1 ทักษะชวี ติ
2. สาระสําคญั ของการลกู เสือ ทักษะชีวติ
2. ความเขา ใจในเรือ่ งกิจการของลกู เสือ 2 ทกั ษะชวี ติ
3. คําปฏิญาณและกฎของลูกเสือ 3. ดีตดิ ดาว 1
4. การคบเพอ่ื น 1 ทักษะชวี ติ
4. ระเบียบแถว 5. วถิ ไี ทยและภมู ิปญ ญาทองถ่ิน 1 ทักษะชีวติ
5. กางเต็นทแ ละรือ้ เตน็ ทท พี่ ักแรม 6. เด็กติดเกม 2 ทักษะชวี ติ
6. การบรรจุเครื่องหลงั 7. คาํ ปฏญิ าณและกฎของลูกเสอื 2
7. กอ และจุดไฟกลางแจง 8. ความซ่อื สัตยสจุ รติ 2
8. แผนที่ เข็มทิศ 9. ความเปนสภุ าพบุรุษ และสุภาพสตรี 1
9. ทกั ษะเงื่อนเชอื ก 10. ขยะนี้มมี ูลคา 3
10. การปฐมพยาบาล 11. ระเบียบแถวลกู เสอื 3
11. ความปลอดภัย
12. การกางเต็นทและรอ้ื เตน็ ทที่พักแรม 2
12. ประเมินผล
13. พิธกี าร 13. การบรรจเุ ครอ่ื งหลังสาํ หรับเดิน 2
ทางไกลไปพกั แรม
รวม 13 หนวยกิจกรรม 2
14. การกอและจดุ ไฟกลางแจง และปรงุ
อาหาร 3
3
15. การอา นและใชแ ผนท่เี ขม็ ทศิ
2
16. เงอื่ นเชือกลูกเสือสามัญรนุ ใหญ 1 ทักษะชวี ติ
1 ทกั ษะชีวติ
17. การปฐมพยาบาล 1 ทกั ษะชวี ติ
2 ทกั ษะชวี ติ
18. ภัยสังคมจากอินเตอรเ นต็ 1
19. เบ้อื งหลงั กว ยเตี๋ยว 1
20. รเู ทาทนั สอ่ื
21. โฆษณาเปน พิษ 40
22. การประเมนิ ผล

23. พิธเี ขา ประจํากองและประดบั
เคร่ืองหมายลูกเสือโลก

รวม 23 แผนการจดั กิจกรรม

6 คมู ือการจัดกจิ กรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรางทกั ษะชวี ติ ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ี่ 1

แผนการจัดกจิ กรรมลกู เสือสามญั รนุ ใหญ (เครือ่ งหมายลูกเสือโลก) ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ่ี 1

หนวยท่ี 1 ปฐมนเิ ทศ เวลา 1 ชวั่ โมง
แผนการจัดกจิ กรรมที่ 1 ปฐมนเิ ทศ

1. จุดประสงคก ารเรยี นรู

1.1 แตง เครอื่ งแบบลกู เสอื ตามกฎกระทรวงวาดวยเครื่องแบบไดอ ยา งถูกตอ ง
1.2 ปฏบิ ตั ิตนในการเขา รว มกจิ กรรมตามหลกั สูตรได
2. เน้อื หา

2.1 การแตง กาย
2.2 การเรยี นตามหลกั สตู ร
3. ส่ือการเรียนรู

3.1 แผนภมู ิเพลง
3.2 ใบความรู

1) เคร่อื งหมายลูกเสอื โลก / หลกั สตู รลูกเสอื สามัญรนุ ใหญ
2) เครื่องแบบลูกเสอื สามญั รนุ ใหญ
3.3 เร่ืองทีเ่ ปน ประโยชน
4. กจิ กรรม

4.1 พิธเี ปด (ชักธง สวดมนต สงบนิง่ ตรวจ แยก)
4.2 เพลง หรอื เกม
4.3 กิจกรรมตามจดุ ประสงคก ารเรียนรู

1) ผูกํากบั ลูกเสือนาํ สนทนาถงึ ความหมายและประโยชนของ “เครื่องแบบลกู เสือ”
แนะนําการแตง เครื่องแบบ การตดิ เครอ่ื งหมายตา ง ๆ ประกอบเครื่องแบบลูกเสอื

2) ผกู าํ กับลูกเสือแนะนําขน้ั ตอนและวิธกี ารจัดกจิ กรรมลกู เสอื ตามหลักสูตร
เคร่ืองหมายวิชาพิเศษ การวัดและประเมนิ ผล ใหลูกเสอื รแู ละเขา ใจ และสามารถเขารวม
กิจกรรมตามหลกั สูตรได

3) ผูกาํ กบั ลูกเสือและลกู เสอื รว มกนั สรุปความรแู ละแนวทางในการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม
ตามหลกั สูตร
4.4 ผูกาํ กบั ลกู เสอื เลาเร่อื งท่ีเปนประโยชน
4.5 พิธปี ด ประชุมกอง (นัดหมาย ตรวจเครือ่ งแบบ ชักธง เลิก)
5. การประเมินผล

สงั เกต การมีสวนรว มในการทํากิจกรรม การแสดงออก การแสดงความคดิ เห็น และประเมนิ
ความถูกตอ งของการแตง เครือ่ งแบบและการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม

คูมอื การจัดกิจกรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสริมสรา งทักษะชวี ิต ชัน้ มธั ยมศึกษาปท่ี 1 7

ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกจิ กรรมท่ี 1

เพลง

คําขวัญลกู เสอื

เกยี รตคิ ุณลูกเสอื เราจะเทิดเหนอื ดวงฤทัยเราน้นั
เราม่นั ใจในคําขวญั “เสียชพี อยา เสียสัตย” ไวจนตาย เราน้นั
ประพฤติตนสมกับที่เราเปนลกู ผูช าย ไวล าย ไวล าย ลูกเสอื ไทย
กลา หาญการชว ยเหลอื นาๆ เมตตาโดยมิเลือกวาใคร
เปน มติ รทดี่ ีของคนท่วั ไป รวมจติ รว มใจ สามัคคมี ีวัฒนธรรม

ลกู เสอื ของชาติ

ชาตติ องการชายฉกรรจ จรรโลงชาติ เอกราชคงอยูศ ัตรขู าม
เกดิ เปนไทยฟนฝา พยายาม รกั ษาความเกง กลาสามัคคี
ตอ งรอบรูท ุกอยางทางไลห นี
เหลา ลกู เสอื เช้อื ไทยใจนักสู เพ่อื ศกั ดิศ์ รีลกู เสือเช้อื ชาตไิ ทย
มีความสัตยส จุ ริตมติ รไมตรี

ใบความรู

เคร่ืองหมายลูกเสือโลก

ลักษณะเครื่องหมาย
เปนรูปวงกลม ขนาดเสน ผา ศูนยกลาง ๔.๓ ซม. ตามแบบ มตี ราเครอื่ งหมายหวั ลูกศรสีขาว
บนพน้ื สมี ว ง ลอมรอบดว ยเชอื กสขี าวเปน รปู วงกลมผกู เปนเงื่อนพริ อดอยเู บื้องลา ง

ที่มารูปภาพ : http://www.prc.ac.th/scout/sc08.jpg
เครือ่ งหมายน้ีเปน เครือ่ งหมายลูกเสอื สามญั รุนใหญท่ีไดเขาพิธีประจํากองแลว และติดที่กึ่งกลาง
กระเปา เสอื้ ขา งซาย

8 คูมือการจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรางทักษะชีวิต ชั้นมัธยมศกึ ษาปที่ 1

หลกั สูตร

1. แสดงวาเขาใจเร่อื งราวตอ ไปน้พี อสมควร :
1.1 กจิ การของคณะลูกเสือแหง ชาติ
1.2 กิจการของคณะลูกเสอื โลกและความสมั พนั ธร ะหวา งลูกเสือนานาชาติ
1.3 บทบาทของตนเองในฐานะทเ่ี ปนลกู เสือสามัญรุนใหญ

2. ยอมรับและปฏิบตั ิตามคําปฏญิ าณและกฎของลูกเสอื
3. เขาใจเรอื่ งระเบยี บแถวและปฏิบตั ติ ามหนงั สอื คมู ือการฝก ระเบียบแถวลูกเสือของสํานกั งาน
คณะกรรมการบริหารลกู เสอื แหง ชาติ
4. กางและร้อื เต็นททพ่ี กั แรมในเวลากลางคนื กับลกู เสือสามัญรนุ ใหญอกี คนหนึ่ง
5. สาธติ การบรรจุเครือ่ งหลังอยา งถูกตอ ง สาํ หรับการเดนิ ทางไกลไปพักแรมคา งคืน
6. กอ และจดุ ไฟกลางแจง แลวปรงุ อาหารอยางเพยี งพอสําหรบั 2 คน
7. สามารถอา นและใชแผนที่ เขม็ ทศิ และรูจักบรเิ วณทตี่ นอยู โดยพจิ ารณาจากเข็มทิศ
และสง่ิ แวดลอมท่มี องเห็นดวยตาเปลา
8. สามารถผูกและรจู กั ประโยชนเ งอื่ น 10 เงือ่ น ตอไปนี้ คือ เง่ือนพริ อด เงือ่ นขดั สมาธิ
เงอื่ นผูกกระหวดั ไม เง่อื นบว งสายธนู เง่อื นตะกรดุ เบด็ เง่อื นประมง เงือ่ นผูกซุง เงื่อนผูกร้ัง
เง่อื นปมตาไก และการผกู แนน (ผกู ทแยง ผกู กากบาท ผกู ประกบ)
9. รูวธิ ีปฏิบัตเิ กยี่ วกบั การปฐมพยาบาลในเรอื่ งตอ ไปนี้ คือ บาดแผลธรรมดา ถูกไฟไหม น้าํ รอ นลวก
เปนลม งูกัด แมงมมุ กดั แมลงกดั ตอย ผวิ หนังถลอก และเทา แพลง
10. รูเ รื่องท่ีพงึ ระมัดระวงั เพือ่ ความปลอดภัยท่วั ไป เก่ยี วกับกจิ กรรมของลกู เสอื สามญั รนุ ใหญ

เคร่ืองแบบลกู เสอื สามัญรนุ ใหญ

เครื่องแบบลกู เสือสามัญรุน ใหญ
หมวก ทรงออน ( เบเรห ) มีตราหนาหมวกรูปตราคณะลูกเสือแหงชาติ ทําดวยโลหะสีทอง เวลา
สวมใหต ราหนา หมวกอยเู หนอื คว้ิ ซาย
เสื้อ คอพับสีกากี แขนสั้นเหนือศอก ผาอกตลอด อกเส้ือทําเปนสาบกวาง 3.5 ซ.ม. มีดุมเหนือเข็ม
ขดั 4 ดุม อกมีกระเปาขา งละ 1 กระเปา มีแถบตรงกลางตามทางด่ิง ปกรูปมน ชายกลางแหลม เจาะรังดุม
ก่งึ กลางกระเปา 1 ดุม มีอินทรธนูสีเดียวกับเสื้อ ดานคอกวาง 2.5 ซม. ปลายมน มีดุมที่ปลายอินทรธนู
ทางดานคอดานละ 1 ดมุ ดมุ ลกั ษณะกลมแบนทาํ ดวยวัตถสุ นี ํา้ ตาลแก ใหชายเส้อื อยูภ ายในกางเกง
ผาผูกคอ รูปสามเหล่ียมหนาจั่ว ดานฐาน 100 ซ.ม. ดานต้ัง 75 ซ.ม. สีตามสีประจําภาค
การศึกษา และมีหวงซ่งึ ไมใ ชห วงกลิ เวลลสวมผาผูกคอ
กางเกง สีกากี ขาสั้นเหนือเขาประมาณ 5 ซ.ม. สวนกวางของกางเกงเม่ือยืนตรง หางจากขา
ตัง้ แต 8 - 12 ซ.ม. ปลายขาพบั เขา กวาง 5 ซ.ม. ผา ตรงสว นหนามีกระเปาตามแนวตะเขบ็ ขา งละ
1 กระเปา และมีหรู อ ยเข็มขัดยาวไมเ กิน 6 ซ.ม. กวาง 1 ซ.ม.
เข็มขัด หนังสีน้ําตาล กวางไมเกิน 3 ซ.ม. หัวชนิดหัวขัด ทําดวยโลหะสีทอง มีลายดุนรูปตรา
คณะลูกเสอื แหงชาติภายในกรอบชอชัยพฤกษ

คมู ือการจัดกจิ กรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรางทักษะชวี ติ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 1 9

ถุงเทา ยาว สีกากี พับซอนไวใตเขา ติดพูสีเลือดหมูขางละ 2 พู โผลออกมาจากขอบถุงเทา
ประมาณ 1/2 น้วิ หรอื 1 ซ.ม.

รองเทา หนังหรอื ผาใบสีนา้ํ ตาลแกไ มม ลี วดลาย หุมสน ชนิดผกู เชอื ก
เคร่ืองหมายประกอบเครอื่ งแบบลูกเสอื

 เครอื่ งหมายจงั หวัด ทําดว ยผา มีขนาด รูป และสี ตามกฎกระทรวง วาดวยเครอื่ งแบบกาํ หนด
ติดทม่ี มุ ผาผกู คอตรงขามกบั ดานฐาน

 เครื่องหมายสังกัด ทําดว ยผา สีแดงรปู ส่ีเหลีย่ มผืนผา ยาว 7 ซ.ม. กวาง 1.5 ซ.ม. ขลบิ รมิ สขี าว
มีช่อื กลมุ หรือกอง (ชอ่ื โรงเรยี น) สีขาวตดิ โคงตามไหลเสอ้ื ขา งขวา

 เลขกลุม และเลขกอง ทําดว ยผา สีแดง รปู สีเ่ หล่ียมจตุรสั ยาวดา นละ 3.5 ซ.ม. ขลบิ รมิ สีขาว
มีตัวเลขอารบคิ เลขกลุมสีขาวสงู 1.5 ซ.ม. อยูข างบน และเลขกองสขี าวสงู 1 ซ.ม. อยูข า งลาง
ตดิ ใตเ ครอื่ งหมายชอื่ กลมุ หรือกอง

กองลูกเสอื ทจี่ ดั เปนกลมุ ไมไดใ หมีเลขกองอยา งเดยี ว
 เครอ่ื งหมายหมู ทําดว ยผา รปู ส่เี หลยี่ มจตั รุ สั ยาวดา นละ 3.5 ซ.ม. มีรปู สามเหล่ียม 2 รปู
สีตามสีประจําหมูลูกเสือสามญั รนุ ใหญ ขลบิ ริมสเี ลือกหมู ตดิ ทไ่ี หลเสือ้ ขางซายใตต ะเข็บ
ประมาณ 1 ซ.ม.
 อนิ ทรธนูสเี ลอื ดหมู ปลายอนิ ทรธนูมอี กั ษร “ ล.ญ. ” ปกดวยดา ยหรือไหมสีทอง
ปลาย อนิ ทรธนูมดี มุ เชนเดยี วกบั ดุมเส้อื ( ดุมทองไมถกู ตอ ง )

หมายเหตุ
1. ถาเปน นายหมูหรอื รองนายหมใู หส วมสายนกหวดี เหลอื งทบั ผา ผกู คอ นกหวีดใสก ระเปาเสอ้ื ขางซาย
2. ถาสอบเคร่อื งหมายวชิ าพเิ ศษไดใ หต ดิ แขนเส้ือขางขวาเรียงเปน สามแถว ถาเกิน 9 วิชา
ใหติดทส่ี ายสะพายสเี หลอื งขลบิ สีนํา้ เงิน

เครื่องแบบลูกเสอื สามญั รนุ ใหญเหลา เสนา

10 คูม ือการจัดกจิ กรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรา งทักษะชวี ิต ช้ันมัธยมศึกษาปท่ี 1

ตวั อยา งเครอ่ื งหมายหมลู ูกเสือสามญั รนุ ใหญเหลา เสนา

เคร่อื งแบบเนตรนารีสามัญรนุ ใหญเหลา เสนา

ตัวอยา งเครอ่ื งหมายหมเู นตรนารีสามัญรนุ ใหญเหลาเสนา

คมู อื การจดั กิจกรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรางทกั ษะชวี ติ ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ่ี 1 11

เร่ืองทเ่ี ปน ประโยชน

ราชสหี กับหมาปา
หมาปา ตัวหน่ึงออกลาลกู แกะมาได และกาํ ลังพยายามท่จี ะนําซากลูกแกะผนู าสงสารนนั้
กลบั ไปท่รี ัง แตโชครายทมี่ นั ไปพบกบั ราชสหี อ ดโซเขา ตัวหนึ่ง ราชสีหตรงเขามาแยง ลกู แกะนั้นทนั ที
ซึ่งสรางความขนุ เคืองใหก บั หมาปามากมันตะโกนบอกราชสหี ว า “ทานไมนกึ ละอายใจบางหรอื อยา งไร
ทที่ ําตัวเปน เหมือนโจรราย เขา แยง อาหารของขา แบบน้ี” ราชสหี ไดฟง ดังนน้ั กห็ ัวเราะรา แลว ตอบ
กลับไปวา “ตัวขานะรึ ที่เจาประณามวาเปนไอโจรราย ฮะ...ฮะ...แลวส่ิงท่ีเจากระทํามาน้ันเลาเรียกวา
ความสุจรติ หรอกรึ ขา ไมเช่อื หรอกวา คนเลีย้ งแกะจะคิดวาเจาเปนผูบริสุทธิ์ ทั้งๆ ที่เจาขโมยเอาลูกแกะ
ของเขามาเชนน!ี้ ”
เรื่องน้ีสอนใหร ูวา คนท่ที จุ ริต ยากจะหาความยตุ ิธรรมจากผูอ ่นื ได

นกกา
รูกันทั่วไปวา นกกาเปน นกขข้ี โมย โดยเฉพาะอาหารแลว นกกาขโมยไดเกง นกั นอกจากน้ี
นกกายงั ขีอ้ จิ ฉา เห็นนกตวั อืน่ สวยกวาตน จะเกิดความไมพ อใจ โดยเฉพาะนกยงู นกกาไมชอบหนา เลย
วันหน่งึ นกกาสาํ รวจดขู นของตวั เองแลว รสู กึ ไมพ อใจขนสีดําของตน จงึ ไปเที่ยวหาขนนกยูง
มาแซมขนของตน เสร็จแลวก็เที่ยวโฆษณาวาตัวเองเปนนกท่ีสวยงามกวานกใดๆ ในโลก จนเปนที่
สังเวชของนกทั่วไป เพราะนกทั้งหลายเหน็ แลว ก็รวู ามใิ ชข นของนกกาจริงๆ แตเปนขนของนกยูง จึงพา
กันมารุมจิกขนท่ีแซมออกจนหมด มิหนําซํ้ายังจิกขนดําของนกกาออกอีกดวย นกกาจึงเหลือแตตัว
ลอนจอนนาเวทนาย่งิ นกั
เรือ่ งนีส้ อนใหร วู า จงพอใจในสงิ่ ที่ตนมีอยู ไมฉ กฉวยของผูอื่น

12 คมู ือการจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรา งทกั ษะชีวิต ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ่ี 1

แผนการจัดกิจกรรมลูกเสอื สามญั รนุ ใหญ(เครอื่ งหมายลูกเสอื โลก) ชนั้ มธั ยมศึกษาปที่ 1

หนวยท่ี 2 สาระสาํ คัญของการลกู เสอื เวลา 2 ชัว่ โมง
แผนการจัดกิจกรรมท่ี 2 ความเขา ใจในเรอ่ื งกจิ การของลกู เสอื

1. จุดประสงคก ารเรยี นรู

มีความรูและเขา ใจเกี่ยวกับกจิ การของลูกเสอื โลก กจิ การของคณะลกู เสือแหงชาติ
และบทบาทของตนเองในฐานะลูกเสือสามญั รุนใหญ
2. เนอื้ หา

2.1 กจิ การของลูกเสอื โลกและความสมั พันธระหวา งลูกเสอื นานาชาติ
2.2 โครงสรางการบริหารงานของคณะลกู เสอื แหงชาติ
2.3 บทบาทของลูกเสอื สามัญรุนใหญ
3. สอ่ื การเรยี นรู

3.1 แผนภูมเิ พลง
3.2 ใบความรู

1) เรือ่ ง การลกู เสอื โลกและความสมั พนั ธระหวา งลูกเสอื นานาชาติ
2) เรื่อง โครงสรางการบรหิ ารงานของคณะลูกเสอื แหงชาติ
3) เรอ่ื ง บทบาทของลกู เสือสามัญรนุ ใหญ
3.3 เรอ่ื งทีเ่ ปนประโยชน
4. กจิ กรรม

4.1 กจิ กรรมคร้งั ท่ี 1

1) พิธเี ปด ประชุมกอง (ชักธง สวดมนต สงบน่ิง ตรวจ แยก)
2) เพลง หรอื เกม
3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก ารเรียนรู

(1) ผูกํากับลกู เสือนาํ สนทนาดว ยคําถาม ตอ ไปนี้
- การลกู เสอื เรมิ่ ตน มาจากประเทศใด
- ลูกเสอื ไทยกับลกู เสือตา งประเทศมีความสัมพันธก นั อยางไร

(2) ผกู าํ กับลกู เสอื แบง งานใหห มูลูกเสือศกึ ษาใบความรตู อ ไปนี้ แลวสง ตัวแทนรายงานสรปุ
ในกองลูกเสอื

- กจิ การของลูกเสอื โลกและความสัมพันธร ะหวา งลกู เสอื นานาชาติ
- โครงสรา งการบริหารงานของคณะลูกเสอื แหงชาติ
(3) ตัวแทนหมูล กู เสอื นาํ เสนอ กองลูกเสอื ซกั ถามเพอ่ื ความเขา ใจ และผกู าํ กับลูกเสอื ชว ย
เพ่ิมเตมิ

คมู ือการจัดกจิ กรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสริมสรา งทักษะชวี ติ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 1 13

(4) ผูก ํากับลูกเสือและลูกเสือรวมกนั วเิ คราะหบ ทบาทของตนเอง ทจี่ ะสามารถมี
สวนรวมในกจิ การลูกเสอื ไทยและลูกเสือโลก เชน การรว มกิจกรรมกับลกู เสือตางโรงเรยี น
การรวมกจิ กรรมและการประชุมกบั ลกู เสอื นานาชาติ การรวมงานชมุ นมุ ลกู เสอื โลก เปนตน

4) ผูกาํ กบั ลกู เสอื เลา เร่ืองท่ีมีเปนประโยชน เรอ่ื งสมญานามของ B.P.
- “คนั ตาไก” แปลวาคนสวมหมวกปกกวาง
- “อิมปซ า ” แปลวา หมาปา ทไ่ี มเ คยนอนหลบั
- วรี บรุ ุษแหง เมอื งมฟั ฟค ิง

5) พธิ ปี ดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเคร่ืองแบบ ชักธง เลกิ )
- ผูก ํากบั ลูกเสือนัดหมายลูกเสือเขียนบนั ทึกความจาํ ประสบการณข องตนเองใน

บทบาทหนาทจี่ ากการที่เคยเปนลูกเสอื สาํ รอง ลกู เสอื สามัญ เนตรนารสี ามัญ ยุวกาชาด หรือผูบ ําเพ็ญ
ประโยชน

4.2 กจิ กรรมครัง้ ที่ 2
1) พธิ ีเปดประชมุ กอง (ชกั ธง สวดมนต สงบนง่ิ ตรวจ แยก)
2) เพลง หรอื เกม
3) กจิ กรรมตามจุดประสงคการเรียนรู
(1) ผูกาํ กบั ลกู เสือสุมใหลูกเสือเลาประสบการณของตนเอง 2 – 3 คน ที่เคยปฏบิ ตั ิ

หนาท่ีในฐานะลูกเสือสํารอง ลูกเสอื สามญั เนตรนารีสามญั ยุวกาชาด หรอื ผบู าํ เพ็ญประโยชน
โดยเปด โอกาสใหเ พือ่ นลูกเสือซักถามและเลาประสบการณเ พ่ิมเติมได

(2) ผูกํากับลกู เสือสรปุ วา “ในฐานะลูกเสอื สามญั รุนใหญ ลกู เสือทกุ คนกจ็ ะตองมี
บทบาทหนา ที่ ทตี่ อ งรับผดิ ชอบเชน กัน”

(3) ผูกํากับลูกเสอื มอบหมายใหห มลู กู เสือรว มกันศกึ ษาใบความรูเร่ือง “บทบาทของ
ลูกเสอื สามัญรุนใหญ” และอภปิ รายหาขอสรปุ ในเรื่อง “บทบาทหนา ทขี่ องตนเองในฐานะเปน ลกู เสอื
สามญั รุน ใหญ” ในประเด็นตอ ไปน้ี และสง ตัวแทนรายงานในกองลูกเสอื

- บทบาทหนา ที่ในการพฒั นากจิ กรรมลูกเสือในโรงเรยี น
- การบริการชว ยเหลอื โรงเรยี นและชมุ ชน
- การบาํ เพญ็ ตนใหเปน ประโยชน
- การปฏบิ ตั ติ นเปนผมู เี กยี รติ เชื่อถอื ได
(4) ผกู ํากบั ลกู เสอื สมุ ใหลูกเสอื สง ตัวแทนรายงานหมลู ะ 1 ประเด็น ผกู ํากบั ลูกเสือ
นําอภปิ รายใหห มูอ นื่ เพิม่ เตมิ ทีละประเดน็ จนครบ
(5) ผูกํากบั ลกู เสอื และลกู เสอื รว มกนั สรุปและวางแผนการปฏิบตั งิ านในกองลูกเสือ
ตามบทบาทหนาทใ่ี นฐานะเปนลูกเสือสามญั รุนใหญ และสง เสรมิ ใหล กู เสอื นาํ ไปปฏิบตั จิ ริงใน
ชวี ติ ประจําวนั

14 คมู ือการจัดกิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรางทกั ษะชีวติ ชัน้ มัธยมศึกษาปท ่ี 1

4) ผูกํากบั ลกู เสือเลาเรอ่ื งทเี่ ปนประโยชน
5) พธิ ีปดประชมุ กอง (นดั หมาย ตรวจเครอื่ งแบบ ชักธง เลกิ )
ขอเสนอแนะเพ่ิมเติมในการจัดกิจกรรม ผูกํากับลูกเสืออาจมอบหมายใหหมูลูกเสืออภิปราย
หรือศึกษาคนควาเพ่ิม และนําเสนอในรูปแบบแผนที่ความคิด (Mind Mapping) หรือใชวิธีการนําเสนอ
อ่ืนๆ

5.การประเมนิ ผล
5.1 ประเมินจากการมสี วนรว มของลกู เสือในการทาํ กิจกรรมตามทผ่ี ูกาํ กบั ลูกเสอื วางแผน

ครบทกุ กิจกรรม และการเสนอความคิดเห็นในหมูและกองลกู เสอื
5.2 ประเมินจากลูกเสอื มผี ลการจัดกจิ กรรมผานเกณฑระดับดี มคี วามรูค วามเขา ใจในเนอ้ื หา

และมีพฤตกิ รรมตามจดุ ประสงค รวมทั้งมีเจตคตทิ ีด่ ตี อ กจิ การลกู เสอื

ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมท่ี 2

เพลง

ลูกเสอื ธรี ราช

เหลา ลกู เสือของธีรราช ทะนงองอาจสืบชาตเิ ชือ้ พงศพ นั ธ
สมคั รสมานโดยมีสามคั คมี ัน่ พวกเราจะรกั รว มกนั จะผกู สมั พนั ธต ลอดกาล
มีจรรยา รักษาช่ือ สรางเกยี รติระบอื เลอื่ งลอื ตอไปชานาน
ราเรงิ แจม ใสใฝใ จรกั ใหยนื นาน พวกเราลวนชื่นบานเพราะกิจการลูกเสอื ไทย

เกียรติศกั ดลิ์ กู เสอื

ลกู เสอื ลูกเสอื ไวศ ักดิ์ซลิ กู ผชู าย ลกู เสือ ลกู เสอื ไวล าย ซิลกู เสือไทย
รกั เกียรติ รักวนิ ยั แข็งแรงและอดทน เราจะบําเพญ็ ตนใหเ ปนประโยชนตอผอู ื่น
แมลาํ บากตรากตรํา ก็จะทําใหส าํ เรจ็ ทํา ทํา ทํา ขา สัญญาวา จะทํา
เสียชพี อยาเสยี สตั ย รักชาตใิ หม ่ันไว ดงั นามอนั เกรียงไกร พระมงกุฎทรงประทาน

คมู อื การจัดกิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชีวิต ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปท่ี 1 15

ใบความรู

การลูกเสอื โลกและความความสมั พนั ธระหวา งลกู เสือนานาชาติ
ภูมิหลัง

การลูกเสือเร่ิมตนท่ีประเทศอังกฤษ เม่ือ พ.ศ. 2450 (ค.ศ.1907) จากแนวคิดของลอรดเบเดน
เพาเวลล และหนังสือเร่ือง “การลูกเสือสําหรับเด็กชาย” (Lord Baden Powell – “Scouting for Boys)
ซึ่งประกอบดวยเร่ืองราวที่ชวนใหเด็กๆเกิดความคิดสรางสรรค รวมกันทํากิจกรรมตามอุดมการณ
และวิธีการของลูกเสือ กอใหเ กิดสันติภาพความเขาใจอนั ดี และภราดรภาพแหงโลก

วตั ถุประสงค หลักการและวิธกี ารลูกเสอื
การลูกเสือเปนขบวนการทางการศึกษาสําหรับเยาวชน มีวัตถุประสงคในการสรางบุคลิกภาพ

และพัฒนาการทางสังคมใหกับเยาวชน เพ่ือใหเปนพลเมืองดีของประเทศ โดยใชวิธีการลูกเสือซ่ึง
ประกอบดวย การยึดมั่นในกฎและคําปฏิญาณ (Scout Promise and Laws) การเรียนรูโดยการกระทํา
(Learning by Doing) เนนการปฏิบัติกิจกรรมกลางแจง (Outdoor Activities) การใชระบบหมู
(Patrol System) และการสงเสริมความกาวหนาตามวิถีทางของลูกเสือ ดวยหลักสูตรและวิชาพิเศษ
ลูกเสือ (Proficiency Badges)

การลูกเสือเปนการอาสาสมัครทํางาน ใหการศึกษาและพัฒนาเยาวชน โดยไมมีการแบงแยก
กีดกันในเร่ืองเชื้อชาติ ผิวพรรณ วรรณะ ลัทธิทางศาสนาใด ๆ และไมอยูภายใตอิทธิพลหรือเกี่ยวของ
กับการเมือง ยึดถอื และปฏิบตั ิตามอดุ มการณข องผใู หกาํ เนิดลูกเสอื โลกอยา งมั่นคง
พันธกจิ หลกั (Mission)

พนั ธกจิ หลกั ของการลกู เสอื ในการฝก อบรมเยาวชน มี 3 ประการ คือ
1. ใหเดก็ ไดเปน ลกู เสอื แตเ ยาวว ยั โดยจดั ในรปู กจิ กรรมอาสาสมัครหรือกจิ กรรมเสริมหลกั สตู ร
2. ใชว ธิ กี ารลกู เสือในการพฒั นาเยาวชน ใหม ีคณุ สมบัตทิ ่ีพึงประสงค 4 ประการ คือ

2.1 เปนผทู เ่ี ชอ่ื ถือได
2.2 สามารถพึง่ ตนเองได
2.3 มคี วามรับผดิ ชอบ
2.4 กลา สูงานหนกั
3. พฒั นาระบบการฝกอบรมใหม ปี ระสิทธิภาพ ในการขดั เกลาคุณธรรม จรยิ ธรรมของเยาวชน
โดยใชก ฎลูกเสือเปนหลัก
จากพนั ธกิจหลกั (Mission) ทงั้ 3 ประการน้ี นําไปสูยุทธศาสตรหลัก (Strategy) ทใ่ี ชในการ
พัฒนาการลกู เสือใหตอบสนองสอดคลองกบั พนั ธกจิ
ยุทธศาสตร (Strategy)
1. ใหเยาวชนไดมีสว นรว มคิด รว มทํา และรวมตดั สินใจ
2. มผี ูใ หญเ ปน ผูใหก ารสนับสนนุ กิจกรรมลูกเสอื
3. ฝก อบรมลูกเสือชาย-หญงิ อยา งเสมอภาค ใหเขา ใจในสทิ ธแิ ละหนา ที่ ท้ังตอ ตนเองและผอู ่ืน

16 คมู ือการจัดกิจกรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรา งทักษะชวี ติ ชั้นมธั ยมศึกษาปท ่ี 1

4. ใหทมุ เทงานหนกั
5. ใชระบบอาสาสมคั ร
6. องคกรลกู เสือตองปรบั ตวั ใหม คี วามยดื หยุน สอดคลองกบั กระแสโลกาภิวัตน
7. ปรบั ระบบลูกเสอื ใหเ ขมแขง็
8. ใชเ ทคโนโลยกี ารสือ่ สารอยา งมปี ระสทิ ธภิ าพ เพอ่ื ใหก ารทํางานทันสมัย ทันคน
และทนั ตอ เหตกุ ารณ
9. สงเสริมการเผยแพรประชาสัมพันธผลงาน เพอื่ รายงานความกา วหนา ใหสงั คมรับรู
10. สรางเครือขายการทาํ งานรว มกนั ในองคกรลูกเสอื ทัง้ ในระดบั ประเทศและระหวา งประเทศ
11. สรา งเครอื ขา ยการทํางานรว มกบั องคกรเอกชนและองคก รเยาวชนอ่นื ๆ
12. สนับสนุนใหม ปี ระเทศสมาชิกใหม เขารวมองคก ารลูกเสือโลก และสงเสรมิ การเพิ่มจาํ นวน
สมาชิกลกู เสอื ในประเทศ
13. จัดตง้ั กองทุนเพอ่ื หาเงินสนับสนนุ กิจการลกู เสืออยา งเปน ระบบและม่นั คง
องคก ารลูกเสือโลก (WOSM: World Organization of the Scout Movement)

การลูกเสือไดเจริญเติบโตและแพรขยายไปท่ัวโลก มีสมาชิกกวา 28 ลานคน ใน 160 ประเทศ
และเขตปกครอง อาณานิคม แควนตา ง ๆ ท่วั โลก (ขอมลู พ.ศ.2553)

คณะกรรมการลูกเสือโลกประกอบดวยบุคคล 12 คน จากประเทศสมาชิก 12 ประเทศ เลือกตั้ง
โดยที่ประชุมสมัชชาลูกเสือโลก กรรมการลูกเสือโลกอยูในตําแหนงคนละ 6 ป และเลือกตั้งกันเอง
เปนประธานและรองประธาน กรรมการจะพนจากตําแหนง 6 คน ทุกๆ 3 ป และเลือกคนใหมเขาแทนท่ี
โดยวิธีลงคะแนนลับในการประชุมสมัชชาลูกเสือโลก ซ่ึงมีผูแทนมาจาก 160 ประเทศทั่วโลก โดยปกติ
คณะกรรมการลกู เสอื โลกจะมกี ารประชุมอยางนอ ยปละ 1 ครั้ง ณ เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอรแลนด

อาํ นาจและหนาที่ของคณะกรรมการลูกเสือโลก มีดงั น้ี

1. สง เสรมิ กิจการลกู เสือทวั่ โลก
2. แตง ต้งั เลขาธกิ ารของสํานักงานลูกเสอื โลก
3. ควบคมุ การปฏิบตั งิ านของสํานกั งานลูกเสอื โลก
4. จัดหาเงินทุนสําหรับสงเสริมกิจการลูกเสอื โลก
5. พจิ ารณามอบเครอ่ื งหมายลกู เสือสดุดใี หแกผ ูทไี่ ดม ีสว นชว ยเหลอื กจิ การลูกเสอื อยา งดีเดน

สมชั ชาลกู เสอื โลก (World Scout Conference)

สมัชชาลูกเสือโลก คือที่ประชุมของผูแทนคณะลูกเสือประเทศตาง ๆ (พ.ศ.2553 มี 160
ประเทศ) เปนผูแทนของลูกเสือท่ัวโลกประมาณ 28 ลานคน ประเทศสมาชิกสงผูแทนเขารวมประชุม
ไดไมเ กนิ ประเทศละ 6 คน และตองมาจากองคก ารเดยี วทเี่ ปนผูแทนของแตล ะประเทศ

สมัชชาลูกเสือโลกมีอํานาจและหนาที่ในการรับสมาชิกใหม ซึ่งตองย่ืนใบสมัครและรับรองวา
จะปฏิบัติตามวัตถุประสงค และหลักการสําคัญของลูกเสือโลก เปนอิสระไมเกี่ยวของกับลัทธิการเมือง
ใดๆ

คูมอื การจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชีวิต ช้ันมัธยมศึกษาปที่ 1 17

การประชุมสมัชชาลูกเสือโลก จัดใหม ีขึน้ ทุก 3 ป ในแตละครงั้ จะมปี ระเทศตางๆ ขอเปนเจาภาพ
จดั การประชมุ และสมชั ชาลกู เสือโลกเปน ผคู ัดเลือกวา จะจัดประชมุ ทปี่ ระเทศใด ประเทศไทยเคยเปน เจา ภาพ
การประชุมคร้ังท่ี 33 ป พ.ศ. 2536 คร้ังลาสุดเปนการประชุมครั้งท่ี 40 จัดท่ีประเทศสโลวีเนีย เมื่อวันท่ี 11 –
15 สิงหาคม 2557 ครง้ั ตอ ไปเปนครงั้ ท่ี 41 จดั ท่ี ประเทศอาเซอรไ บจาน ป พ.ศ. 2560

สาํ นกั งานลูกเสอื โลก (World Scout Bureau)
ตั้งอยูที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอรแลนด ทําหนาท่ีเปนสํานักงานเลขาธิการฯ ดูแลการดําเนินงาน

ของประเทศสมาชิก ใหพัฒนาไปตามกรอบนโยบายขององคการลูกเสือโลก และตามมติของที่ประชุม
สมชั ชาลูกเสือโลก งานของสํานกั งานลกู เสอื โลกอาจจาํ แนกไดดังน้ี

1. ใหค าํ ช้ีแจงแนะนาํ แกประเทศสมาชกิ และองคการท่ีเก่ียวขอ ง
2. ชวยเหลอื การฝกอบรมผูบงั คบั บัญชาลกู เสอื ในประเทศสมาชิก
3. จัดการประชมุ สมัชชาลูกเสอื โลกและการชมุ นุมลูกเสอื โลก
4. การเย่ียมเยอี น และการชว ยเหลอื โดยตรง
5. การจดั พิมพเ อกสารและการคนควา
นอกจากสาํ นกั งานลูกเสอื โลกแลว ยังมีสาํ นกั งานลกู เสอื ภาคพน้ื ในภมู ภิ าคทวั่ โลก อีก 6 แหง
ไดแ ก
1. ภาคพ้นื ยุโรป (Europe) สาํ นักงานใหญตัง้ อยทู ีก่ รงุ เจนวี า ประเทศสวติ เซอรแลนด
และกรุงบรสั เซลส ประเทศเบลเย่ียม
2. ภาคพื้น ยูเรเชยี (Eurasia) สํานกั งานใหญต ัง้ อยูทส่ี าธารณรัฐยูเครน และสํานกั งานสาขา
ท่ีกรงุ มอสโคว ประเทศรสั เซีย
3. ภาคพ้นื อินเตอรอเมรกิ า (Interamerica) สาํ นักงานใหญต ั้งอยทู กี่ รุงซานดเิ อโก ประเทศชลิ ี
4. ภาคพืน้ อาหรับ (Arab) สํานกั งานใหญตงั้ อยทู ่กี รุงไคโร ประเทศอียปิ ต
5. ภาคพ้ืนอาฟริกา (Africa) สํานักงานใหญตง้ั อยูทกี่ รุงไนโรบี ประเทศเคนยา
6. ภาคพน้ื เอเชยี -แปซิฟก (Asia-Pacific) สาํ นกั งานใหญต้ังอยูทกี่ รุงมนิลา ประเทศฟล ิปปน ส

ความสัมพนั ธร ะหวางลูกเสอื นานาชาติ
กิจการลูกเสือของทุกประเทศยึดมั่นในวัตถุประสงค หลักการสําคัญ และวิธีการของลูกเสือ

เหมือนกันทั่วโลก ทุกประเทศเขาเปนสมาชิกโดยสมัครใจ และเปนอิสระจากอิทธิพลการเมือง
มงุ พัฒนาเยาวชนดวยรากฐานของอุดมการณล ูกเสอื ซงึ่ มีคาํ ปฏญิ าณและกฎลูกเสอื เปน พืน้ ฐาน

การชมุ นุมลกู เสอื โลก (World Scout Jamboree)
ริเร่ิมโดยลอรดเบเดน เพาเวลล วัตถุประสงคเพื่อใหลูกเสือนานาชาติไดมาทํากิจกรรมรวมกัน

การประชุมคร้ังแรกจัดท่ีโอลิมเปย กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ พ.ศ. 2463 มีลูกเสือรวมประชุม
จํานวน 8,000 คน จาก 34 ประเทศ จากน้ันไดมีการประชุมทุก 4 ป โดยเปล่ียนสถานท่ีประชุม
ไปตามประเทศสมาชกิ มสี ํานักงานลูกเสือโลกเปนผูรบั ผิดชอบดําเนนิ การ

18 คูมือการจัดกิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรา งทักษะชีวิต ช้ันมัธยมศึกษาปท่ี 1

การชุมนุมลูกเสือโลกคร้ังท่ี 20 วันท่ี 28 ธันวาคม 2545 ถึง 7 มกราคม 2546 ประเทศไทย
เปนเจาภาพ จัดประชุมที่ชายทะเลอําเภอสัตหีบ จังหวัดระยอง มีลูกเสือชาย–หญิง เขารวมประชุม
รวม 24,000 คน จาก 147 ประเทศ คร้ังที่ 21 เปนปฉลองอายุ 150 ปของลอรดเบเดน เพาเวลล จัด
ประชุมที่ Hylands Park เมือง Chelmsford ประเทศอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2550 มีลูกเสือชาย – หญิงจาก
ทั่วโลก เขารวมประชุมกวา 40,000 คน ครั้งลาสุดจัดท่ีประเทศญ่ีปุน เมื่อ 28 กค. – 8 สค. 2558 เปน
ครัง้ ที่ 23 ครงั้ ตอไปกาํ หนดจัดท่ปี ระเทศสหรฐั อเมรกิ า 22 กค. – 2 สค. 2562 นับเปน คร้งั ที่ 24

สมัชชาลกู เสอื ภาคพ้ืนเอเชยี – แปซฟิ ค
เดิมเรียกวา Far East Scout Conference เปลี่ยนชื่อเรียกเปน Asia – Pacific Regional

Scout Conference เม่ือพ.ศ. 2513 จัดประชุมคร้ังแรกเม่ือ พ.ศ. 2501 ที่ประเทศฟลิปปนส ระยะแรก
มีการประชมุ ทกุ 2 ป ตอ มาเปลี่ยนเปน ประชุมทุก 3 ป ตง้ั แต พ.ศ. 2532

คณะกรรมการประกอบดวย ผูแทนจากประเทศสมาชิกลูกเสือภาคพื้นเอเชีย – แปซิฟค
ที่มาจากการคัดเลือกจํานวน 10 คน อยูในตําแหนงคราวละ 6 ป ท้ัง 10 คน จะคัดเลือกประธาน
และรองประธานกันเอง ในการประชุมทุก 3 ป จะมีกรรมการครบวาระ 5 คน และจะมีการเลือก
กรรมการใหมเ ขามาทดแทน โดยมคี นไทยหลายทานทเ่ี คยไดรับคดั เลอื กเขา เปน กรรมการ

โครงสรางการบรหิ ารงานของคณะลกู เสือแหง ชาติ

คณะลูกเสือแหง ชาติ
ตามพระราชบญั ญัติ ลกู เสอื พ.ศ.2551 ประกอบดวย บรรดาลกู เสอื ทั้งปวงและบคุ ลากรทาง

การลกู เสอื มีพระมหากษัตรยิ ทรงเปน ประมุขของคณะลูกเสอื แหง ชาติ
มวี ตั ถุประสงคเ พอื่ พัฒนาลูกเสือท้งั ทางกาย สตปิ ญ ญา จิตใจ และศีลธรรม ใหเปนพลเมืองดี

มคี วามรับผิดชอบ และชว ยสรา งสรรคสังคมใหเกดิ ความสามัคคี และมีความเจริญกา วหนา
ท้ังนเ้ี พือ่ ความสงบสุข และความม่ันคงของประเทศชาตติ ามแนวทาง ดังตอไปนี้

1. ใหม ีนิสัยในการสงั เกต จดจํา เชอ่ื ฟง และพ่ึงตนเอง
2. ใหซ ่ือสตั ยส ุจรติ มรี ะเบยี บวินยั และเห็นอกเห็นใจผอู ่นื
3. ใหรจู กั บาํ เพ็ญตนเพื่อสาธารณประโยชน
4. ใหรจู กั ทําการฝม ือ และฝกฝนใหทาํ กจิ การตาง ๆ ตามความเหมาะสม
5. ใหรูจกั รกั ษาและสง เสรมิ จารีตประเพณี วฒั นธรรม และความมนั่ คงของประเทศชาติ
กระทรวงศึกษาธิการมหี นาที่สงเสริมและสนบั สนุนงานของคณะลูกเสือแหง ชาติ รวมทงั้ สงเสรมิ
และสนับสนุนการดาํ เนินการของสํานักงานลกู เสอื แหงชาติ สาํ นกั งานลูกเสือจงั หวัด สาํ นกั งานลูกเสือ
เขตพื้นทกี่ ารศกึ ษาสถานศึกษาและหนว ยงานอน่ื ท่เี ก่ยี วขอ ง เพือ่ ใหการจดั กจิ กรรมลูกเสือเปน ไป
อยางทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ

คมู ือการจัดกิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสริมสรา งทักษะชวี ติ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ี่ 1 19

สภาลกู เสือไทย
มนี ายกรฐั มนตรี เปน สภานายก และเลขาธิการสาํ นักงานลกู เสอื แหงชาติ เปนกรรมการ

และเลขานกุ าร มีอํานาจหนา ท่ี ดังตอ ไปน้ี
(1) วางนโยบายเพอ่ื ความม่นั คงและความเจริญกาวหนาของคณะลกู เสือแหงชาติ
(2) ใหค ําแนะนาํ ในการปฏบิ ตั งิ านของคณะกรรมการบรหิ ารลูกเสอื แหง ชาติ
(3) พจิ ารณารายงานประจาํ ปข องคณะกรรมการบรหิ ารลกู เสือแหงชาติ
(4) มวี าระการดํารงตาํ แหนง คราวละสป่ี 

คณะกรรมการบรหิ ารลูกเสือแหงชาติ
เปนองคกรบรหิ ารของคณะลูกเสือแหง ชาติ มรี ฐั มนตรวี า การกระทรวงศกึ ษาธิการ

เปนประธานกรรมการ และเลขาธกิ ารสาํ นกั งานลูกเสือแหงชาตเิ ปนกรรมการและเลขานุการ
มอี ํานาจหนาที่ ดังตอ ไปนี้

(1) ดาํ เนินการตามวตั ถุประสงคข องคณะลกู เสือแหงชาตแิ ละตามนโยบายของสภาลูกเสอื ไทย
(2) สงเสรมิ ความสมั พนั ธกบั คณะลูกเสอื นานาชาติ
(3) สนบั สนุนและสง เสรมิ ใหมีการพฒั นาบุคลากรทางการลกู เสอื
(4) สนบั สนนุ ใหมกี ารจัดกิจกรรมอยางตอเนือ่ ง
(5) จัดการทรัพยส ินของสาํ นกั งานลูกเสือแหงชาติ

20 คูม อื การจดั กจิ กรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสริมสรางทักษะชีวติ ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ี่ 1

(6) ใหความเห็นชอบในการลงทนุ เพ่ือประโยชนข องสํานกั งานลกู เสือแหงชาติ
(7) ออกขอบังคับของคณะกรรมการบริหารลูกเสอื แหง ชาตติ ามทรี่ ะบไุ วใ นพระราชบญั ญัตนิ ี้
โดยประกาศในราชกิจจานเุ บกษา
(8) วางระเบยี บและแนวทางปฏิบัติเกยี่ วกับกิจการลูกเสอื
(9) จัดทํารายงานประจําปเสนอสภาลกู เสอื ไทยพจิ ารณา
(10) แตง ต้ังทปี่ รกึ ษาคณะกรรมการบรหิ ารลูกเสอื แหง ชาติ
(11) แตง ตง้ั คณะอนกุ รรมการเพ่อื พิจารณาหรือปฏิบตั กิ ารตามทค่ี ณะกรรมการบริหาร
ลกู เสือแหง ชาติมอบหมาย
(12) กาํ กับดแู ล สนับสนนุ และสงเสรมิ กจิ การลกู เสอื ชาวบาน
(13) จดั ต้งั ตาํ แหนงกิตติมศกั ด์แิ ละตาํ แหนง อื่นใดทมี่ ิไดร ะบไุ วใ นพระราชบญั ญตั นิ ้ี
(14) ปฏิบตั ิการอ่ืนใดตามทีก่ ฎหมายกําหนด ใหเ ปนอํานาจหนา ทขี่ องคณะกรรมการบริหาร
ลูกเสอื แหง ชาตหิ รือตามทีค่ ณะรฐั มนตรีมอบหมาย

สาํ นกั งานลกู เสือแหง ชาติ

เปนหนว ยงานของรัฐที่มฐี านะเปน นิตบิ คุ คลและอยูใ นกํากบั ของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร
รัฐมนตรีแตงตัง้ รองปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ ารคนหนึง่ ทําหนาทเ่ี ลขาธกิ ารสํานักงาน
ลกู เสอื แหงชาติ
มีหนา ทดี่ าํ เนินการตามวตั ถปุ ระสงคข องคณะลกู เสอื แหงชาติและตามนโยบายของ
สภาลกู เสือไทย รวมทัง้ ใหม ีอาํ นาจหนา ทด่ี ังตอไปนี้
1. ถือกรรมสิทธิ์หรือสิทธคิ รอบครองในทรพั ยสินของคณะลูกเสอื แหง ชาติหรือดาํ เนนิ การใดๆ
เกี่ยวกบั ทรพั ยส ิน
2. ทาํ นติ ิกรรมสญั ญาหรือขอ ตกลงอ่ืน
3. รับผดิ ชอบการดําเนินงานของคณะกรรมการบริหารลกู เสอื แหงชาติ
4.ควบคมุ ดูแลกจิ การลูกเสือใหเปน ไปตามกฎหมาย ขอ บงั คับ และระเบียบของ
ทางราชการ และคณะกรรมการบริหารลกู เสอื แหง ชาติ รวมท้งั ถกู ตองตามแบบธรรมเนยี มของลกู เสือ
5. จดั ใหม กี ารฝก อบรมหรือการชมุ นมุ ลูกเสือ ผูบังคบั บญั ชาลกู เสือและเจา หนาท่ลี กู เสอื
6. จดั ทํารายงานประจาํ ปพรอ มงบดลุ เสนอคณะกรรมการบริหารลูกเสือแหง ชาติ
7. จัดใหมีทะเบียนและสถติ ติ าง ๆ เก่ยี วกบั ลูกเสือ
8. ประสานและสง เสรมิ สาํ นกั งานลูกเสอื จงั หวัด และสาํ นักงานลูกเสอื เขตพื้นที่การศกึ ษา
9. ปฏิบัตหิ นา ทีต่ ามที่กาํ หนดไวในขอบงั คบั และตามมตขิ องคณะกรรมการบริหารลกู เสอื แหง ชาติ

คณะกรรมการลูกเสอื จังหวัด

แตล ะจงั หวดั จดั ระเบียบการปกครองลกู เสอื ตามเขตจังหวดั สําหรับการจดั ระเบียบการปกครอง
ลูกเสือในกรงุ เทพมหานครและองคกรปกครองสว นทองถ่ิน ทมี่ กี ฎหมายจัดตง้ั เปน รปู แบบพเิ ศษ
ใหเ ปน ไปตามทีก่ ําหนดในกฎกระทรวง

คูมอื การจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสริมสรางทักษะชีวติ ช้นั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 1 21

คณะกรรมการลกู เสือจงั หวดั มผี ูว า ราชการจังหวดั เปน ประธานกรรมการ และผูอ าํ นวยการ
สาํ นกั งานเขตพ้ืนทกี่ ารศึกษาเขต 1 เปนกรรมการและเลขานุการ

มีอํานาจหนา ท่ภี ายในเขตจงั หวดั ดังตอ ไปน้ี
(1) ควบคมุ ดแู ลกจิ การลูกเสือใหเ ปน ไปตามกฎหมาย ขอบังคับ และระเบียบของทางราชการ
และคณะกรรมการบรหิ ารลกู เสือแหง ชาติ
(2) สงเสรมิ และสนับสนนุ ความมั่นคงและความเจรญิ กา วหนาของกิจการลูกเสอื
(3) สนบั สนุนและสง เสรมิ ใหมีการพฒั นาบุคลากรทางการลกู เสือ
(4) ควบคุมดแู ลทรัพยสนิ ในกจิ การของลูกเสอื จังหวัด
(5) พิจารณาคําขอการจัดตง้ั คายลกู เสอื ตามมาตรา 32
(6) พิจารณารายงานประจําปข องสํานักงานลูกเสือจงั หวดั
(7) ใหค วามเห็นชอบแผนปฏิบตั กิ ารประจําป
(8) ใหค ําแนะนําผูอ าํ นวยการลกู เสือเขตพืน้ ทก่ี ารศกึ ษาในการปฏบิ ตั งิ านลกู เสอื
(9) จดั ใหม ีทะเบียนและสถติ ิตา ง ๆ เกีย่ วกบั การดาํ เนนิ กิจการลกู เสอื
(10) ออกระเบยี บปฏบิ ัตเิ กย่ี วกบั กิจการลกู เสือ เพือ่ ความเหมาะสมแกการปกครองในจังหวดั
ซึง่ จะตอ งไมขดั หรอื แยงกบั กฎหมาย ขอ บงั คบั และระเบียบของทางราชการและคณะกรรมการ
บริหารลูกเสอื แหงชาติ
(11) จัดทาํ รายงานประจาํ ปและรายงานทเี่ กีย่ วของกบั กจิ การลูกเสอื ในจงั หวดั เสนอตอ
คณะกรรมการบรหิ ารลกู เสอื แหง ชาติ
(12) แตง ต้งั คณะอนุกรรมการเพ่อื ดาํ เนนิ การอยา งหน่งึ อยางใด ตามทคี่ ณะกรรมการลูกเสือ
จังหวัดมอบหมาย
(13) ปฏบิ ตั งิ านอนื่ ตามทค่ี ณะกรรมการบรหิ ารลกู เสอื แหง ชาติมอบหมาย ใหม สี ํานกั งานลกู เสอื
จงั หวดั อยใู นสาํ นกั งานเขตพน้ื ที่การศกึ ษาเขต1 โดยมผี อู ํานวยการ สาํ นักงานเขตพน้ื ทกี่ ารศกึ ษาเขต 1
เปนหวั หนา สาํ นักงานลกู เสอื จงั หวดั บงั คบั บญั ชาและรบั ผิดชอบการดาํ เนนิ งานของสํานักงานลูกเสือ
จงั หวัด

คณะกรรมการลกู เสือเขตพ้นื ทกี่ ารศกึ ษา
มีผอู ํานวยการสาํ นักงานเขตพื้นท่ีการศึกษา เปนประธานกรรมการ และรองผอู าํ นวยการ

สํานกั งานเขตพน้ื ท่ีการศึกษาทไ่ี ดรบั มอบหมายเปนกรรมการและเลขานุการ
มอี ํานาจหนาทีภ่ ายในเขตพ้นื ท่กี ารศึกษา ดังตอ ไปน้ี
(1) ควบคุมดแู ลกิจการลูกเสอื ใหเ ปนไปตามกฎหมาย ขอบังคับ และระเบยี บของ

ทางราชการ และคณะกรรมการบริหารลกู เสอื แหงชาติ
(2) สง เสริมและสนับสนนุ ความมน่ั คงและความเจริญกา วหนา ของกจิ การลกู เสอื
(3) สงเสริมและสนับสนนุ ใหม กี ารจัดกจิ กรรมลกู เสือทง้ั ในและนอกสถานศกึ ษา
(4) ควบคมุ ดูแลทรัพยส นิ ในกิจการของลูกเสอื เขตพน้ื ท่ีการศึกษา

22 คมู อื การจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรา งทกั ษะชวี ิต ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปท่ี 1

(5) พจิ ารณารายงานประจาํ ปข องสํานักงานลกู เสือเขตพนื้ ท่กี ารศึกษาและรายงานให
คณะกรรมการลกู เสอื จงั หวดั ทราบ

(6) ใหความเหน็ ชอบในแผนปฏบิ ัตกิ ารประจาํ ป
(7) ใหค ําแนะนําแกผอู าํ นวยการสถานศกึ ษาในการปฏบิ ัติงานหรอื จดั กจิ กรรมลูกเสอื
(8) จดั ใหม ที ะเบยี นและสถติ ิตาง ๆ เกยี่ วกบั ลกู เสอื
(9) กํากบั ดูแล สนบั สนุนและสงเสรมิ กจิ การลกู เสือชาวบานในเขตพ้ืนทก่ี ารศึกษา
(10) ออกระเบียบปฏบิ ัตเิ กยี่ วกบั กิจการลูกเสอื เพอ่ื ความเหมาะสมแกการปกครองในเขตพนื้ ที่
การศกึ ษา ซ่ึงจะตอ งไมข ัดแยง กับกฎหมาย ขอบังคับ และระเบียบของทางราชการและคณะกรรมการ
บริหารลกู เสอื แหง ชาติ
มีสํานกั งานลกู เสอื เขตพนื้ ท่ีการศกึ ษาอยูในสํานักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศกึ ษานั้น โดยมีผอู าํ นวยการ
สํานกั งานเขตพ้นื ทีก่ ารศึกษาเปนหวั หนาสํานกั งานลกู เสือเขตพ้นื ท่กี ารศึกษา บงั คับบญั ชา
และรบั ผิดชอบ
ตําแหนงลูกเสือ

ตําแหนงผูบงั คับบัญชาลูกเสอื มีลาํ ดับ ดังตอไปน้ี
(1) ผูอ าํ นวยการใหญ (รมต.กระทรวงศกึ ษาธกิ าร)
(2) รองผูอํานวยการใหญ (ปลดั กระทรวงศึกษาธกิ าร/เลขาธกิ าร สพฐ. / เลขาธิการ

คณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา)
(3) ผูชวยผูอ าํ นวยการใหญ (รองปลดั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร)
(4) ผอู าํ นวยการลกู เสอื จงั หวัด (ผูวา ราชการจังหวดั )
(5) รองผูอาํ นวยการลกู เสอื จงั หวดั (รองผวู าราชการจงั หวัด)
(6) ผูช ว ยผอู าํ นวยการลูกเสอื จงั หวัด (ปลดั จังหวดั )
(7) ผอู ํานวยการลูกเสือเขตพน้ื ที่การศกึ ษา (ผอู ํานวยการเขตพืน้ ที่การศึกษา)
(8) รองผูอํานวยการลูกเสอื เขตพนื้ ที่การศึกษา (รองผูอํานวยการเขตพ้นื ทีก่ ารศกึ ษา)
(9) ผูอาํ นวยการลกู เสอื โรงเรียน (ผูอํานวยการโรงเรียน)
(10) รองผูอาํ นวยการลกู เสอื โรงเรยี น
(11) ผูก าํ กับลกู เสอื กลมุ ลกู เสือ
(12) รองผูกํากับลูกเสอื กลมุ ลกู เสอื
(13) ผกู ํากบั ลกู เสือกองลกู เสือ
(14) รองผูกํากบั ลูกเสอื กองลูกเสือ
(15) นายหมลู ูกเสอื
(16) รองนายหมูลูกเสอื

การแตง ตง้ั ผบู งั คบั บญั ชาลกู เสือใหเปนไปตามขอ บังคบั คณะกรรมการบริหารลูกเสอื แหง ชาติ

ตาํ แหนง ผตู รวจการลูกเสอื มลี าํ ดับดงั ตอ ไปน้ี
(1) ผูตรวจการใหญพเิ ศษ (นายกรัฐมนตรี)

คมู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสริมสรางทกั ษะชีวติ ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี 1 23

(2) ผูตรวจการใหญ (รองนายกรฐั มนตรี และรัฐมนตรีวา การกระทรวงมหาดไทย)

(3) รองผตู รวจการใหญ (ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผตู รวจราชการกระทรวงศกึ ษาธกิ าร

อธบิ ดีกรมการปกครอง และอธิบดีกรมสง เสรมิ การปกครองทอ งถิ่น)

(4) ผูตรวจการลูกเสือประจาํ สาํ นกั งานลกู เสอื แหง ชาติ

(5) รองผูตรวจการลูกเสอื ประจําสาํ นักงานลูกเสอื แหง ชาติ

(6) ผูชวยผตู รวจการลกู เสอื ประจาํ สาํ นักงานลกู เสือแหงชาติ

(7) ผูตรวจการลูกเสือจงั หวดั

(8) รองผูตรวจการลูกเสือจังหวดั

(9) ผูชว ยผตู รวจการลูกเสือจังหวดั

(10) ผตู รวจการลกู เสือเขตพน้ื ที่การศกึ ษา

(11) รองผตู รวจการลกู เสือเขตพ้นื ท่ีการศึกษา

การแตง ต้ังผูตรวจการลกู เสอื และการกาํ หนดหนาท่ีของผตู รวจการลูกเสอื ใหเปน ไป

ตามขอ บงั คบั คณะกรรมการบรหิ ารลูกเสอื แหง ชาติ

ผูตรวจการลกู เสอื มหี นาทต่ี รวจตรา แนะนํา ช้ีแจง และรายงานเพ่ือใหการบริหารงาลูกเสือ

เปนไปตามนโยบาย ขอบงั คับ ระเบียบ และแบบธรรมเนียมของลกู เสือ

สภาลูกเสือแหงชาติ คณะกรรมการบริหารลูกเสือแหงชาติ คณะกรรมการลูกเสือจังหวัด

คณะกรรมการลกู เสอื อาํ เภอ ตามพระราชบัญญตั ลิ กู เสอื พ.ศ. 2507 ปฏิบตั ิหนา ที่ตอไปจนกวา

จะไดมีสภาลูกเสอื ไทย คณะกรรมการบรหิ ารลูกเสือแหงชาติ คณะกรรมการลกู เสือจงั หวัด

และคณะกรรมการลูกเสือเขตพนื้ ทก่ี ารศกึ ษา ตามพระราชบญั ญตั ลิ กู เสือ พ.ศ. 2551

ใหนํากฎกระทรวง ขอบงั คบั คณะลูกเสือแหงชาติ ระเบียบ ประกาศ หรือคําสงั่ ที่ออก

ตามพระราชบญั ญตั ลิ ูกเสือ พ.ศ. 2507 ทใี่ ชอ ยูใ นวันทพี่ ระราชบัญญัตลิ กู เสือ พ.ศ. 2551 ประกาศใช

มาใชบ ังคบั โดยอนุโลมในระหวา งทย่ี ังมิไดออกกฎกระทรวง ขอบังคับคณะกรรมการบริหารลูกเสือแหงชาติ

ระเบียบ ประกาศ คําส่งั เพ่อื ปฏิบัตกิ ารตามพระราชบัญญัตลิ ูกเสือ พ.ศ. 2551

ในฐานะท่คี ณะลูกเสอื แหง ชาติ (The National Scout Organization of Thailand: NSOT)

เปน สมาชกิ ขององคก ารลูกเสอื โลก (World Organization of the Scout Movement: WOSM)

นอกจากจะปฏบิ ตั ิตามวตั ถปุ ระสงค หลกั การ และวธิ กี ารของการลกู เสือ ตามที่องคการลูกเสอื โลก

ไดกําหนดไวอยางเครงครัดแลว คณะลูกเสือแหงชาติยังยึดมั่นในวัตถุประสงคของคณะลูกเสือแหงชาติ

ตามพระราชบัญญัติลูกเสือ พ.ศ. 2551 และปฏิบัติตามขอบังคับคณะลูกเสือแหงชาติวาดวยการปกครอง

หลกั สูตรและวชิ าพิเศษ พ.ศ. 2509 ดว ย

การเรียนการสอนกิจกรรมลูกเสือเดิมเปนกิจกรรมทางเลือก ตอมาในพ.ศ.2544

กระทรวงศึกษาธิการ จึงไดกําหนดใหสถานศึกษาใชหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2544

เริ่มต้ังแตป พ.ศ. 2546 เปนตนไป โดยกําหนดใหกิจกรรมลูกเสือ ยุวกาชาด และผูบําเพ็ญประโยชน อยู

ในกลุมกิจกรรมพฒั นาผูเรียน

24 คมู ือการจดั กิจกรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรา งทักษะชีวิต ชั้นมัธยมศกึ ษาปท่ี 1

บทบาทของลูกเสือสามญั รุนใหญ

ผูสมัครเขาเปนลกู เสือสามัญรนุ ใหญตอ งมีอายุระหวาง 14 – 18 ป หรอื กาํ ลังเรยี น
ในชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1 – 3 โดยไมจําเปนตองเคยเปนลูกเสือมากอน นักเรียนหญิงท่ีสมัครเขาเปน
ลกู เสือสามัญรุนใหญใ หเ รยี กวา เนตรนารีสามัญรุนใหญ

กิจกรรมลูกเสือสามัญรุนใหญใชการฝกอบรมและกิจกรรมเปนระบบหมู ฝกใหมีความรับผิดชอบ
สูงขึ้น เปนผูนําในระบอบประชาธิปไตย ฝกการใชชีวิตกลางแจง การผจญภัย ทักษะลูกเสือ ฝกอบรมความรู
พ้นื ฐานทางวชิ าชีพตามที่ถนัด รวมทั้งการบาํ เพ็ญประโยชน โดยมุงพัฒนาลูกเสือซ่งึ อยูในวยั รุนดังนี้

1. พฒั นาความคดิ วิเคราะหว จิ ารณ และความคดิ สรา งสรรค ใหเ ปน ผรู จู กั ใชเ หตุผล สังเกต
และสืบคนขอ มลู ความเปนจรงิ และรูเทาทนั ความเปลย่ี นแปลงของโลกปจ จุบัน ตลอดจนมีแนวทาง
ในการแกปญหาทเี่ กิดขึ้นในชีวติ ประจาํ วนั อยางสรา งสรรค

2. พฒั นาความสามารถในการสือ่ สารท้ังภาษาพูดและภาษาทา ทาง
3. กลา แสดงออก รกั ษาสทิ ธขิ องตนเอง ยอมรับสิทธิและคสามคดิ เหน็ ของผูอืน่ ซง่ึ เปน รากฐาน
ของประชาธปิ ไตย
4. แสวงหาเอกลักษณท ดี่ ขี องตนเอง
บทบาทหนา ทข่ี องลกู เสอื สามญั รุน ใหญ อาจสรปุ ได ดังนี้
1. หนา ทใ่ี นการพฒั นาตนเอง
2. หนา ทต่ี อผูอน่ื ทงั้ ในโรงเรยี น และชมุ ชนทล่ี ูกเสอื อาศยั อยู ไดแก

2.1 กิจกรรมบําเพ็ญประโยชนต าง ๆ เชน การทําความสะอาด การดูแลความปลอดภัย
ใหเ ด็กเลก็ ลูกเสือจราจร การกาํ จดั ลูกน้ํายุงลาย ฯลฯ ทง้ั นข้ี น้ึ อยกู ับปญหา และความตอ งการ
ทเ่ี กิดขึน้ ในโรงเรยี นและชมุ ชนในขณะนน้ั ลกู เสอื ตอ งมีใจพรอมอาสาทุกเม่อื

2.2 กจิ กรรมโครงการเพ่อื การพฒั นาดานตางๆ ที่ผูกํากับลูกเสอื และลูกเสอื เห็นควร
จัดใหมีขน้ึ อาจเปนโครงการทีด่ าํ เนินการเอง หรอื รว มมอื กับผูน าํ ชุมชน หรือหนว ยงานราชการ
ซงึ่ เขา มาดาํ เนินโครงการอยูในชุมชนกไ็ ด ข้นั ตอนการดําเนนิ โครงการมีดังนี้

1) ข้ันวางแผน เปน การสํารวจขอมลู เขยี นโครงการ และกําหนดรายละเอยี ด
ทตี่ องปฏิบตั ิ รวมทั้งการประสานงาน งบประมาณและการขอรบั การสนับสนุนจากผเู กี่ยวของ

2) ขัน้ ลงมือปฏบิ ตั ิ เปนการจดั แบงงาน และกําหนดผรู ับผดิ ชอบอยางชดั เจน
มีรายละเอียดในการปฏบิ ัติ กาํ หนดระยะเวลาการทาํ งาน สถานท่ี เครอื่ งมือเครื่องใช และ
งบประมาณ

3) การตดิ ตามและประเมนิ ผลการปฏิบตั ิ เปนการติดตามดูวา มปี ญหา อปุ สรรคใด
ท่ตี อ งแกไ ข ปรับปรุงบา ง /การปฏบิ ัตงิ านถกู ตอง เรยี บรอ ย และเปนไปตามเปาหมาย
หรอื ไม /ทุกฝา ยท่ีเกีย่ วของมคี วามพึงพอใจและใหค วามรว มมือมากนอยเพียงใด / ปรบั ปรงุ
โครงการใหเ หมาะสม / การเขียนบันทกึ และรายงาน
ตัวอยางกจิ กรรมโครงการพัฒนาชุมชน
- ปลูกตน ไม

คูมอื การจัดกิจกรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรางทักษะชีวิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที่ 1 25

- รณรงคร กั ษาความสะอาด
- ขุดลอกคู คลอง ทางระบายน้าํ และกําจัดแหลงน้าํ ขัง ทีเ่ ปนแหลง เพาะพนั ธยุ งุ
- พฒั นาถนน ทางเขา หมูบาน วดั โรงเรียน และสาธารณสถานอื่น ๆ
- ปลูกพชื สวนครวั สมนุ ไพร
- เพาะพันธุปลา เลีย้ งปลาเพอ่ื เปนแหลง อาหารโปรตีน และเพมิ่ รายได
- เลีย้ งไก เพ่ือกนิ ไข
- การกําจดั ขยะ อยา งครบวงจร
ฯลฯ

เรื่องทเี่ ปน ประโยชน

สัจจะ

ณ ปาใหญแหงหนึ่งเปนท่ีอยูอาศัยของสัตวตางๆ สัตวใหญและแข็งแรงก็ฆาสัตวที่ออนแอกวา
เพื่อกินเปนอาหาร สัตวปาท่ีออนแอก็อยูอยางไมเปนสุข หวาดกลัวอันตรายอยูตลอดเวลา สิงโต
ซ่ึงเปนเจาปาเห็นวาสัตวท้ังหลายตางไมมีความสุข จึงเรียกประชุมและขอใหสัตวปาเลิกฆากัน
กินแตเนอื้ ของสัตวทีต่ ายแลว เทา นนั้ สตั วท้งั หลายตา งเช่ือฟงและทาํ ตามจงึ อยรู ว มกนั อยา งมคี วามสุข

วันหนึ่งมีคนเขามาปลูกบานอยูริมนํ้ากลางปา สัตวปาตางพากันกลัวอีกวาคนจะมาทําราย
สงิ หโ ตจึงเรียกประชมุ เพ่ือชว ยกนั คดิ วาจะทาํ อยา งไรกับคน

“บุกเขา ไปพังบานเสยี ก็หมดเรื่อง” ชางพูดพลางยกงวงชไู ปมา
“อยา เพง่ิ เลยตอนนเ้ี ราตองคอยดูความเคลอ่ื นไหวของเขากอน” มาเสนอความคดิ
“ฉันจะพาพวกบกุ เขา ไปกนิ คนพวกนัน้ ใหส าสมกับท่ีเขามาบกุ รุกปา ของพวกเรา”
เสอื โครง พดู อยางเดอื ดพลาน
“เรานา จะสง ตวั แทนไปบอกใหเ ขาออกไปเสียจากปา พวกเราจะไดอยอู ยา งสงบสขุ ”
ลิงแนะนาํ ขณะทมี่ ือยงั ถอื กลวยอยู
สตั วท กุ ตวั เหน็ ดวยกบั ขอ เสนอของลงิ สิงหโ ตจึงรบั หนา ที่ไปขอรองใหคนออกจากปา ไป
“เราไมม ที ี่อยู จงึ มาอยูในปา ” ชายคนหนึ่งบอก
“แตสตั วท ง้ั หลายกลวั พวกทานจะทํารา ยเอา” สิงหโ ตบอก
“อยา กลัวพวกเราเลย พวกเรามาอยูใ นปาเพอ่ื ทํามาหากิน เราจะไมรบกวนและทํารา ยสัตว
เราขอใหส ัญญา” ชายคนนน้ั กลา ว
สิงโตเหน็ วาคาํ พูดของคนเหลา น้ันนาเชอ่ื ถอื จงึ ยินยอมใหอ ยใู นปา ตอไป กอนกลบั สิงโต
ไดย ้ํากบั คนเหลา น้นั วา “เราขอใหท า นรกั ษาคาํ พูดตลอดไป ท้งั คนและสตั วจ ะไดอยูรว มกนั อยา งสงบสุข
ปา แหงนก้ี ็จะเปนทร่ี ม เย็นนา อยูต ลอดไป”

เร่ืองนสี้ อนใหรูวา การรักษาคําพดู หรอื สจั จะสญั ญาทใี่ หไวต อ กนั เปน สงิ่ ดี และนาํ มาซึ่งความสงบสขุ

26 คูม ือการจดั กิจกรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรางทักษะชีวติ ชั้นมธั ยมศึกษาปที่ 1

แผนการจัดกิจกรรมลกู เสอื สามัญรุน ใหญ(เคร่อื งหมายลูกเสอื โลก) ช้นั มัธยมศกึ ษาปที่ 1

หนว ยท่ี 2 สาระสําคัญของการลกู เสือ เวลา 1 ช่ัวโมง
แผนการจัดกจิ กรรมที่ 3 ดีตดิ ดาว

1. จุดประสงคก ารเรยี นรู

รจู ักและเขา ใจขอดขี องตนเอง ดว ยการวิเคราะหจากความเหน็ ของเพื่อนๆ
2. เนอื้ หา

การนําเสนอสง่ิ ดี ๆ ลักษณะเดน หรอื ความสามารถพเิ ศษของตนเองโดยมเี พ่อื น
ชวยใหค วามเหน็ จะสรางความมน่ั ใจและรูจ กั ตนเองไดด ีท่ีสุด
3.สื่อการเรียนรู

3.1 แผนภมู ิเพลง
3.2 กระดาษเอ 4, สติ๊กเกอรรปู ดาว
3.3 เร่ืองท่เี ปนประโยชน
4. กจิ กรรม

4.1 พธิ เี ปด ประชุมกอง (ชักธง สวดมนต สงบนิง่ ตรวจ แยก)
4.2 เพลง หรอื เกม
4.3 กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก ารเรยี นรู

1) หมูลกู เสือนง่ั ลอ มวง แจกกระดาษ ขนาด เอ 4 ที่แบงเปน 4 ชอ ง ใหค นละ 1 แผน
2) ลูกเสือแตล ะคนเขียน ขอดขี องตนเอง คนละ 3 ขอ ในกระดาษทีไ่ ดร ับ ชองละ 1 ขอ
ชองทีเ่ หลอื ใหเ ขยี นชือ่ ตนเองลงไป
3) นํากระดาษมาวางเรยี งกัน แจกสต๊ิกเกอรรูปดาวใหล ูกเสอื คนละ 10 ดวง
4) ลกู เสอื เดนิ ดูกระดาษของหมู ถา เห็นดวยกับขอ ดีของเพ่อื นขอใด ใหติดดาวลงในชอ งนน้ั
ตดิ ไดแคชอ งละ 1 ดวง และตอ งใชด าวจนหมด ดงั นัน้ แตละคนตอ งเลอื กใหครบ 10 ชอง
5) เมอ่ื ตดิ เสร็จลกู เสอื แตละคนนาํ กระดาษของตนกลับไปดู แลวเขา รวมในกองลกู เสอื
6) ผกู าํ กับลกู เสอื นําอภิปราย ในประเดน็ “ลกู เสือดูกระดาษของตนเองแลว รสู กึ อยา งไร
และไดข อ คดิ อะไรบา ง” และสรปุ (สงิ่ ทล่ี กู เสอื คิดวาเปน ขอดขี องตนเอง อยา งนอ ยกม็ ีเพื่อนเห็นดว ย
ดังน้นั ลกู เสอื จึงควรภาคภมู ใิ จในตนเอง และพฒั นาขอดีเหลา น้นั ใหม ากขนึ้ )
4.4 ผูกาํ กบั ลกู เสือเลาเร่อื งทีเ่ ปน ประโยชน
4.5 พิธีปดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครื่องแบบ ชักธง เลิก)
5. การประเมินผล

สังเกต การมีสวนรว มในการทาํ กิจกรรม และการแสดงความคิดเหน็ ในหมแู ละกองลกู เสอื

6. องคป ระกอบทกั ษะชีวิตสําคัญทเี่ กิดจากกิจกรรม

องคประกอบทกั ษะชวี ติ สําคัญทเ่ี กิดจากกิจกรรมคอื เขาใจตนเอง และเขาใจผูอื่น

คูมือการจดั กจิ กรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรา งทักษะชวี ติ ชน้ั มัธยมศึกษาปท่ี 1 27

ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กจิ กรรมท่ี 3

เพลง

ดอกบัว

ดอกเอย ดอกบวั ดอกน้เี พอ่ื ตัว แลว อยาลืม (ๆ)

ขอจงเคยี งอยกู บั ใจ ไวใหด ี (ซ้ํา) สดสวยเดน ตา ดอกนแ้ี หละหนา แลวอยา ลมื (ๆ)

ขอจงเคยี งอยคู กู บั ไทย เพือ่ ชาติไทย(ซาํ้ ) เก็บบวั ใสพ าน ตั้งใจอธษิ ฐาน พทุ ธองค พทุ ธองค

ขอจงเคยี งอยคู กู บั เรา ใหเ จริญ (ซาํ้ )

เร่ืองท่เี ปนประโยชน

หานกับนกกระสา

ณ บงึ ใหญแ หงหนง่ึ ใจกลางปา มหี า นและนกกระสาเปน เพอ่ื นกนั มัน 2 ตัวกาํ ลงั เดินทองนํา้
หาปลากินเปนอาหาร โดยไมรูตัวเลยวาภายในพุมไมท่ีอยูเบ้ืองหลังของพวกมันน้ัน มีพรานปาคนหน่ึง
ยืนถอื ปนคอยทา จะยิงพวกมันอยู หา นกมหนากม ตากนิ อยางไมย ้ัง ในขณะทนี่ กกระสาคอ ยๆ กิน
อยางไมรีบรอ นนัก เมื่อมันหนั มาเห็นหานกินเอากนิ เอา มนั ก็พูดเตอื นขึ้นวา “นี่ทาน กินขนาดนี้
ระวังบินไมไ หวนะ” แตห า นไมฟง มนั ยงั คงกินอยางไมคิดถึงอะไรทั้งสิ้น สวนนายพรานพอเห็นนกกระสา
และหานเผลอ เขาก็ยกปน ขน้ึ ตัง้ ทา จะยงิ ทนั ที นกกระสาหันไปเห็นเขา พอดี จึงฉวยโอกาสบนิ หนไี ปได

ในขณะทีห่ านแมจะหนั มาเห็นนายพรานเหมือนกนั แตมนั กห็ นไี มพ น เพราะทองอันหนัก
ของมันนน่ั เอง ทําใหไ มสามารถบินหนไี ด มนั จงึ ตกเปน อาหารของนายพรานในทส่ี ุด

เร่ืองน้สี อนใหรูวา ไมว าจะทาํ อะไร ควรตองคดิ ถงึ และระวงั อันตรายที่อาจเกิดขึ้นไวดว ย
ไมค วรประมาทหรอื พลั้งเผลอ

28 คมู อื การจดั กจิ กรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสริมสรางทกั ษะชวี ติ ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที่ 1

แผนการจัดกจิ กรรมลูกเสือสามัญรนุ ใหญ(เครื่องหมายลกู เสือโลก) ชนั้ มัธยมศึกษาปที่ 1

หนว ยที่ 2 สาระสําคัญของการลูกเสอื เวลา 1 ชวั่ โมง
แผนการจัดกิจกรรมท่ี 4 การคบเพอื่ น

1. จุดประสงคก ารเรยี นรู

ตระหนกั ถึงความสาํ คัญของการคบเพื่อน และมแี นวทางในการสรางสัมพันธภาพทีเ่ หมาะสมกบั
เพอื่ น ทัง้ เพื่อนเพศเดยี วกนั และเพอ่ื นตา งเพศ

2. เนอ้ื หา

เพอื่ นมคี วามสําคัญอยางมากกบั คนทุกวยั โดยเฉพาะอยา งยง่ิ วัยรนุ การสรางสัมพนั ธภาพที่
เหมาะสมกบั ท้ังเพ่ือนเพศเดยี วกนั และตา งเพศ จะเปนรากฐานสําคญั ของการพฒั นาทกั ษะทางสงั คม
เพื่อใชในการดําเนนิ ชีวติ ประกอบอาชีพ เลอื กคูค รองและสรางครอบครัวท่ีมน่ั คงในอนาคต

3. ส่ือการเรยี นรู

3.1 แผนภูมิเพลง
3.2 กระดาษแผนเลก็ และกระดาษสําหรบั จดบันทึก
3.3 เร่อื งทเ่ี ปนประโยชน

4. กิจกรรม

4.1 พิธเี ปดประชมุ กอง (ชกั ธง สวดมนต สงบน่งิ ตรวจ แยก)
4.2 เพลง หรอื เกม
4.3 กิจกรรมตามจดุ ประสงคก ารเรียนรู

1) ผูกํากบั ลูกเสือชวนคดิ ชวนคยุ “เพ่อื นสาํ คญั อยางไร”
2) ลกู เสอื นั่งลอมวงเปน หมู แจกกระดาษแผน เลก็ คนละ 3 แผน
3) ลูกเสอื เขยี น “คณุ สมบตั ขิ องเพ่ือนท่ลี กู เสืออยากคบดว ย” คนละ 3 ขอ ลงกระดาษขอละ
1 แผน แลวนาํ ไปจัดประเภทติดบนบอรด โดยไมม ีการพดู กนั เพ่อื ใหเ กิดจากการตัดสินใจของตนเอง
ไมเอนเอียงจากคําพูดคนอน่ื
4) นายหมรู วบรวม และสรปุ ผล นาํ รายงานในกองลูกเสอื
5) ผูก ํากับลกู เสือสุม ใหรายงาน 1 หมู หมูทีเ่ หลือใหเพิ่มเตมิ เฉพาะสว นทไี่ มซ้าํ กนั
6) ผูกาํ กับลูกเสือนําอภปิ รายทีละประเด็น โดยผกู าํ กับลูกเสอื ชว ยเพิม่ เติมและสรปุ วา
เพื่อจะใหไดเพื่อนอยา งที่อยากคบ ลกู เสอื ควรมีแนวทางในการคบเพ่อื นดงั นี้

(1) คบใหห ลากหลายทง้ั ชายและหญงิ เพราะเพ่ือนแตละคนจะมีความแตกตาง
ทัง้ ประสบการณ ความคิด ความสามารถ และนิสยั ใจคอ ทาํ ใหไดม โี อกาสแลกเปลย่ี นเรยี นรกู นั ในทุกดา น
เปน การพฒั นาทักษะทางสังคม และยงั สามารถชว ยเหลอื เก้ือกูลกนั ได

คมู ือการจัดกิจกรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชีวิต ช้นั มัธยมศึกษาปท ่ี 1 29

(2) เขา ใจ ใหเ กียรติ และยอมรบั เพ่ือนแตล ะคนอยางท่เี ขาเปน
(3) เอาใจเขามาใสใจเรา ไมทําในส่ิงที่เพอ่ื นไมชอบ
(4) ซ่อื สัตย จรงิ ใจ
(5) ใชการสอ่ื สารทางบวก โดยเฉพาะอยา งยิ่งการปฏเิ สธและเตือนเพือ่ น
และถา เปนการคบเพอ่ื นตา งเพศ ลกู เสอื ควรมีแนวทางเพ่มิ เติมดงั นี้
(1) คบอยางมขี อบเขตในฐานะเพอื่ น ใหโ อกาสในการเรียนรูนิสัยใจคอกนั อยาง
เพยี งพอ
(2) ไมค วรสนทิ สนมใกลชิดกับใครเพียงคนเดียวเพราะอาจเกดิ ความเขา ใจผิดและ
ปดก้ัน โอกาสที่จะคน พบคนทีเ่ หมาะสมจรงิ ๆ
(3) หลีกเล่ียงการสัมผสั การอยดู ว ยกนั ตามลําพงั และการอยูในทล่ี บั ตา เพราะ
อาจตกอยูในสถานการณท ท่ี าํ ใหเ กิดอารมณเ พศ และนําไปสูการมีเพศสมั พนั ธโ ดยไมค าดคดิ
4.4 ผกู าํ กับลกู เสือเลา เรอ่ื งเลา ทเ่ี ปนประโยชน
4.5 พธิ ปี ดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครอื่ งแบบ ชักธง เลกิ )
5. การประเมินผล
สังเกต การมีสว นรวมในการทํากจิ กรรม และการเสนอความคดิ เหน็ ในหมแู ละกองลกู เสือ
6. องคป ระกอบทกั ษะชวี ติ สําคัญทเี่ กดิ จากกิจกรรม
คือ ความคดิ วเิ คราะห ความคดิ สรา งสรรค เขาใจตนเอง เขาใจเห็นใจผูอ่ืน การสรางสมั พนั ธภาพ
และการสอ่ื สาร

30 คูม อื การจัดกิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชวี ติ ช้ันมัธยมศกึ ษาปท่ี 1

ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกิจกรรมที่ 4

เพลง

มิตรดี

มติ รดีเปน ที่พง่ึ พา ไดท ุกคราเดือดรอนเศราใจ

หาทางขจดั ปด ภัย ไมล หี้ นไี กลเมอื่ ยามอบั จน

มิตรเลวมแี ตส อพลอ ยกยอเพื่อหวงั ประโยชนต น

หากมีภัยทต่ี ัวผจญ ถงึ คราอบั จนเพอ่ื นลหี้ นีไกล

เรื่องทเ่ี ปนประโยชน

หมีกบั คนเดนิ ทาง

วันหนึ่ง…ชายสองคนอยใู นขณะเดินทาง เมอื่ คนท้งั สองไปพบหมเี ขา หมไี มทนั ไดเห็นชาย
ทง้ั สองแตแรก ชายคนหนึ่ง จงึ รบี วง่ิ หนไี ปขึ้นตนไมอ ยางรวดเร็ว แตช ายอีกคนหนง่ึ วิ่งไมเ รว็
เขาจึงรองขอความชวยเหลือ “ชวยดึงฉันข้ึนไปดวย” แตชายคนแรกไดปนขึ้นไปอยูบนก่ิงไมสูง ท้ิง
เพ่อื นของเขา เอาตัวรอดแตลาํ พัง

“ฉันจะทําอยางไรดี” ชายคนท่ีอยูใตตนไมรําพึง “ถาฉันว่ิงหนี หมีมันก็จะตองเห็นฉัน และถา
มันเห็นฉันเขา มันก็คงกัดกินฉันแน” ดังน้ันเขาจึงลมตัวลงนอนกับพื้นไมไหวติง แลวทําเปนตาย หมี
เดินเขา มาใกลแ ละเดนิ วนเวยี นรอบตวั เขา แลว ในทสี่ ดุ มนั กผ็ ละไปจากท่ีนนั้

ชายคนทปี่ นขน้ึ ไปอยูบนตนไมจึงไตล งมาหาเขา เอยปากถามเพื่อนวา “เมอ่ื กี้ หมีมนั มาอยู
ใกลๆ กับเพ่อื นมาก มันพดู วา อะไรบาง”

“พูดวา ...” เพ่ือนท่ีหนไี มท ันยงั ไมท ันตอบ เจา หมีตวั เดิมกเ็ ดนิ มาใกลแ ลว ตอบแทนวา
“อยาไดรว มทางไปกบั คนทท่ี ิ้งเพือ่ นในยามทเี่ พือ่ นประสบอนั ตรายเปนอันขาด”

เรื่องน้ีสอนใหร ูว า เพ่อื นแทต อ งไมท อดท้งิ กันยามตกทกุ ขไ ดย าก

คูมอื การจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสริมสรางทกั ษะชีวิต ช้ันมัธยมศึกษาปที่ 1 31

แผนการจัดกจิ กรรมลกู เสอื สามญั รุนใหญ(เคร่อื งหมายลูกเสือโลก) ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 1

หนวยที่ 2 สาระสาํ คัญของการลกู เสอื เวลา 1 ชั่วโมง
แผนการจดั กิจกรรมที่ 5 วถิ ไี ทยและภมู ิปญ ญาทอ งถน่ิ

1. จดุ ประสงคก ารเรยี นรู
ลกู เสอื มีจิตสาํ นกึ ในการปฏบิ ัตติ ามวิถไี ทยและภูมิปญ ญาทอ งถนิ่

2. เน้อื หา
การปฏบิ ตั ติ นตามวิถีไทยแสดงออกถงึ ความสัมพันธระหวางคนกับคน คนกับธรรมชาติ

และสิง่ แวดลอม รวมทัง้ คนกบั สิง่ เหนือธรรมชาติ ซึง่ เปน ภูมิปญ ญาของบรรพบรุ ุษทล่ี ูกเสอื ควรศกึ ษา
และนาํ ไปปฏบิ ตั ิเพอ่ื ใหเกิดสาํ นึกความเปน ไทย

3. สอ่ื การเรยี นรู
3.1 แผนภมู ิเพลง
3.2 เรือ่ งทเ่ี ปนประโยชน

4. กจิ กรรม
4.1 พธิ ีเปดประชุมกอง (ชักธง สวดมนต สงบนิ่ง ตรวจ แยก)
4.2 เพลง หรอื เกม
4.3 กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก ารเรยี นรู
1) ผกู ํากับลูกเสือใหล กู เสือจัดสถานท่สี ําหรับจดั กิจกรรมการโตว าที
2) ผูดาํ เนินรายการ ดําเนินกจิ กรรมโตวาทีญตั ติ “คนไทยเปน สขุ ไดดว ยวิถีไทย

และภมู ิปญ ญาไทย”
- ฝา ยเสนอและฝา ยคานตางมีหัวหนา 1 คน และมีผูสนับสนุน 3 คน
- ลกู เสอื เลอื กกรรมการตัดสนิ 3 คน

3) หัวหนาฝายเสนอนําเสนอขอ มูล 3 นาที และหวั หนา ฝายคา นนําเสนอขอ มูล 3 นาที
4) ผสู นับสนุนแตละฝายคนละ 2 นาที
5) หวั หนา ฝา ยเสนอและฝายคานสรปุ คนละ1 นาที
6) ผดู าํ เนินรายการใหก รรมการตดั สนิ ผชู นะการโตวาที
7) ผกู าํ กบั ลกู เสอื ใหขอเสนอแนะและกลา วคาํ ชมเชยลกู เสอื
4.4 ผูก ํากับลกู เสอื เลา เรือ่ งที่เปนประโยชน
4.5 พธิ ีปดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครือ่ งแบบ ชักธง เลิก)

32 คมู ือการจัดกจิ กรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสริมสรา งทักษะชีวติ ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 1

5. การประเมินผล
สังเกตการมสี ว นรว มทาํ กิจกรรม พฤตกิ รรมการแสดงออก และการแสดงความคิดเหน็ ในหมแู ละ

กองลกู เสอื

6. องคป ระกอบทักษะชวี ติ สาํ คญั ทเ่ี กดิ จากกิจกรรม
คอื ความคดิ วเิ คราะห ความคดิ สรา งสรรค ตระหนกั รถู งึ ความสําคญั ของการปฏบิ ตั ติ ามวิถีไทย

และภมู ปิ ญญาทองถ่ิน

ภาคผนวกประกอบแผนการจัดกจิ กรรมท่ี 5

เพลง

เมืองกังวล

เมืองใดไมมที หาร เมอื งนั้นไมน านเปน ขา

เมอื งใดไรจ อมพารา เมอื งน้นั ไมช า อับจน

เมอื งใดไมม ีพานิชเลศิ เมืองนั้นยอ มเกิดขดั สน

เมอื งใดไรศลิ ปะโสภณ เมอื งนั้นไมพ นเสื่อมทราม

เมืองใดไมม กี วีแกว เมอื งนน้ั ไมแคลว คนหยาม

เมอื งใดไรนารีงาม เมืองนนั้ ส้ินความภมู ิใจ

เมืองใดไมม ีดนตรีเลศิ เมอื งนัน้ ไมเพริศพศิ มยั

เมืองใดไรธ รรมอาํ ไพ เมอื งน้นั บรรลยั แนเอย

เรื่องท่ีเปน ประโยชน

คาํ บนของนกยูง

กาลครัง้ หนง่ึ มนี กยูงตัวหน่งึ ไมพอใจในนา้ํ เสียงของมันที่ไมไ พเราะเหมือนนกตัวอ่ืนๆ มันจึงบน
กับเทพธิดาจูโนวา “เสียงของขาชางแหบแหงเสียจริงๆ ทานชวยเสกใหขามีน้ําเสียงท่ีไพเราะดวยเถิด
จะไดเหมาะสมกบั ความงามของปก และหางของขา ” มนั พดู พรอ มกับรําแพนขนหางของมัน
ดว ยความภาคภูมใิ จ

เทพธดิ าจโู นไดฟงจงึ ตอบวา “ทา นมขี นสวยเชน น้ีกถ็ อื วา โชคดกี วานกชนิดอื่นๆ อีกมากมาย
ยังมีนกอกี หลายชนิดท่ไี มม ีขนตงั้ แตเกิดแมแตเ สนเดียว ทา นจงจําไวว า ถงึ ทานไมมีน้ําเสยี งทไ่ี พเราะ
แตทานก็มีขนหางท่ีสวยงามมาทดแทน ในขณะที่นกท่ีมีเสียงไพเราะหลายชนิดก็ยังมีขนไมสวยเทาขน
ของทาน ทานกค็ วรจะพอใจในสิ่งทธ่ี รรมชาติไดส รางใหท า นมา”

เรือ่ งนี้สอนใหร วู า จงพอใจในสง่ิ ท่ตี นมีอยู

คูมอื การจดั กิจกรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรา งทกั ษะชวี ิต ช้ันมัธยมศึกษาปท ่ี 1 33

แผนการจัดกจิ กรรมลกู เสือสามัญรนุ ใหญ(เครื่องหมายลูกเสือโลก) ชน้ั มัธยมศึกษาปท ี่ 1

หนวยที่ 2 สาระสาํ คัญของการลูกเสือ เวลา 2 ช่ัวโมง
แผนการจัดกจิ กรรมที่ 6 เด็กติดเกม

1. จุดประสงคก ารเรียนรู

ตระหนักถึงปญ หาและผลกระทบเนือ่ งจากการติดเกมจากส่อื อีเลคโทรนิกส เชน เกมกด
วิดีโอเกม เกมคอมพวิ เตอร เกมออนไลน เปนตน และมีแนวทางในการปองกนั การติดเกม

2. เนื้อหา

การติดเกมเปนปญหาสําคัญในปจจุบัน นอกจากเสียเวลา เสียเงิน และเสียสุขภาพแลว
ยังนําไปสูปญหาอ่ืนๆ อีก เชน ปลูกฝงใหชินชากับความกาวราวรุนแรงจากเนื้อหาในเกม ซ่ึงนําไปสู
การเลยี นแบบและขาดความยบั ย้งั ชั่งใจใชค วามรุนแรงในการแกป ญ หาโดยไมร ูสกึ วา ผิด นอกจากนคี้ วาม
ตอ งการเงินมาเลน เกม อาจถูกชักนําไปสกู ารกระทาํ ผิดอ่ืน เชน ลักขโมย รีดไถ/ขมขูกรรโชกทรัพยเด็ก
ทเี่ ล็กกวา ขายยาเสพติด ขายบริการทางเพศ เปนตน ความตระหนักในเร่ืองน้ีและหาวิธีปองกันจะชวย
ลดปญหาจากการตดิ เกมลงได

3. สือ่ การเรียนรู
3.1 แผนภมู ิเพลง
3.2 ใบความรเู รือ่ ง เด็กติดเกม
3.3 เร่อื งส้นั ท่ีเปน ประโยชน

4. กิจกรรม
4.1 กจิ กรรมคร้ังท่ี 1
1) พิธีเปดประชุมกอง (ชกั ธง สวดมนต สงบนิ่ง ตรวจ แยก)
2) เพลง หรอื เกม
3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก ารเรยี นรู
(1) ผกู ํากับลูกเสือมอบหมายใหห มูลกู เสอื เตรยี มการแสดงบทบาทสมมติ

อาการของเด็กตดิ เกม หมูล ะ 1 เร่ือง และนาํ เสนอในกองลกู เสือ
(2) ลกู เสือแตล ะหมรู ายงานในกองลูกเสือ
(3) ผกู าํ กับลูกเสอื นําอภปิ ราย สรปุ และเพ่ิมเติมในประเดน็ ตอ ไปน้ี
1) ลักษณะ และพฤติกรรม ของเดก็ ติดเกม มีอะไรบา ง
(ใบความรขู อ 2)
2) คดิ วาจาํ นวนเดก็ ติดเกมในประเทศไทยน้ันมมี ากนอยแคไ หน
(ใบความรขู อ 1)
3) ผลกระทบท่สี าํ คญั ตอ เดก็ ตดิ เกมมีอะไรบาง (ใบความรขู อ 2,4,5)

34 คมู ือการจัดกิจกรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรา งทักษะชวี ติ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 1

4) ผูกาํ กบั ลกู เสอื เลาเร่อื งทเี่ ปน ประโยชน
5) พิธปี ดประชมุ กอง (นัดหมาย ตรวจเครื่องแบบ ชักธง เลกิ )

4.2 กจิ กรรมคร้งั ท่ี 2
1) พธิ ีเปดประชุมกอง (ชกั ธง สวดมนต สงบน่งิ ตรวจ แยก)
2) เพลง หรือเกม
3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคการเรียนรู
(1) ผูกํากบั ลูกเสอื ใหล กู เสือแตล ะหมรู วมกนั อภิปรายในประเด็นตอ ไปนี้

และสง ตวั แทนรายงานในกองลกู เสอื
1) อะไรเปน สาเหตทุ ที่ าํ ใหเ ด็กและเยาวชนคลงั่ ไคลในเกม จนพฒั นาไปสู

การตดิ เกมในทีส่ ดุ (ใบความรูขอ 6)
2) ทําไมจงึ มเี ด็กท่ีลองเลน เกม แตไมต ดิ (ใบความรขู อ 7)
3) ลูกเสอื คิดวาควรมแี นวทางอยางไรในการเลน เกมอยางสรา งสรรค เปน

ประโยชนและไมเกิดปญ หาการติดเกมตามมา (ใบความรขู อ 8)
(2) ผูก ํากับลกู เสือสมุ ตัวแทนหมูลูกเสอื รายงาน หมูละ 1 ประเดน็ ผูก าํ กบั ลูกเสอื

นาํ อภิปรายใหลกู เสอื หมอู ื่น เพมิ่ เติม และสรปุ ทลี ะประเด็นจนครบ
(3) ผูกํากับลกู เสือมอบหมายใหห มูล กู เสอื เขยี นคําขวญั การรณรงคแกป ญ หา

“เด็กติดเกม”ในโรงเรยี น หมูละ 1 คําขวญั เขียนตดิ บอรดในทเ่ี หน็ ไดช ดั เจน
4) ผูกํากบั ลูกเสือเลาเรื่องทมี่ ีประโยชน
5) พิธีปด ประชุมกอง (นัดหมาย ตรวจเคร่ืองแบบ ชักธง เลกิ )

5. การประเมนิ ผล
สังเกตการณม สี วนรวมในการทาํ กิจกรรมและการแสดงความคดิ เหน็ ในหมูและในกองลกู เสือ

6. องคป ระกอบทกั ษะชวี ติ สาํ คญั ทเ่ี กดิ จากกจิ กรรม
คอื ความคดิ วเิ คราะห ความคดิ สรา งสรรค ตระหนักถึงปญหาและผลกระทบเนอ่ื งจากการติดเกม

คูมือการจดั กจิ กรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสรมิ สรางทกั ษะชวี ิต ชั้นมัธยมศกึ ษาปท่ี 1 35

ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กิจกรรมที่ 6

เพลง

กฎลูกเสือ

นํ้าคางพรมลมเย็นในยามดกึ คนงึ นึก กฎลูกเสือเพอื่ ปรุงสมอง

หน่งึ มเี กยี รติ สองจงรัก ภักดปี อง สามประคองหนา ท่ี สมี่ ติ รคน

หาสภุ าพไมง ันงก หกเมตตา เจ็ดเช่ือฟง แปดเรงิ ราอยาสบั สน

เกาเปนผมู ัธยสั ไมอ บั จน สบิ กายตน ประพฤตชิ อบวาจาใจ

ชอมาลี

เจา ชอ มาลคี นดีของพกี่ ม็ า สวยจริงหนาเวลาคํ่าคนื (ซ้ํา)

โอจ ันทรไ ปไหน ทําไมถงึ ไมสองแสง เดอื นมาแฝงแสงสวา ง

เมฆนอ ยลอยมาบงั (ซํา้ ) แสงสวา งก็จางหายไป (ซ้าํ )

ดอกฟาจะรว งพวงพะยอมโรยรา ดอกฟา จะโรยเมอื่ ลมโชยมาถลาลงดิน

แมร ักเราจะสนั้ ไมมเี ยื่อใย ดอกฟาพลดั ถิน่

ยามสงกลิ่นหอมสลกั ตรงึ ใจ ยงั ไมท นั ไรกร็ วงโรยรา

ใบความรู

เดก็ ติดเกม

1. ขอมลู ของศนู ยปอ งกันและแกไ ขปญ หาเด็กติดเกม ระบุวาวยั รุนทมี่ ีอายุ 12 ปขึน้ ไป
ราว 1,500,000 คนนยิ มเลน เกมออนไลนใชเ วลาเลน เกมเฉลย่ี 4.5 ชม.ตอวัน เสียเงินกวา 50-300 บาท
ตอคร้งั หรอื เฉลี่ยประมาณ 1,114 บาทตอ เดอื น บรเิ วณใกลบา นมีรา นเลน เกมเฉลย่ี 5 รา น ใชเ วลา
เดนิ ทางจากบา นไปรานเกมไมถงึ 10 นาที

2. การเลนเกมจงึ เปนกิจกรรมทั้งยามวา งและไมว า งของเดก็ เปนผลใหไมม กี ิจกรรมอืน่
ขาดการออกกาํ ลงั กาย ไมกินหรอื กินอาหารไมเ ปนเวลา อดนอน ขาดการปฏิสมั พนั ธกบั ผูอ น่ื
หนีเรยี นไปม่ัวสุมตามรานเกม มีผลกระทบตอการเรียนรู และพัฒนาการในดา นตา งๆ ทั้งทางรางกาย
อารมณ สงั คม ความคิด การตดั สินใจ เจตคติ และการแสดงออกทางพฤตกิ รรม ทาํ ใหเ กดิ ปญหา
ตา งๆ ตามมา เชน การคดิ /การตัดสินใจโดยขาดเหตุผล ไมม กี ารยับย้งั ช่งั ใจ ขาดการควบคมุ ตนเอง
และอาจนําไปสูการใชส ารเสพติด มเี พศสมั พนั ธก อ นวยั อันควร หรอื เลียนแบบพฤติกรรมกา วรา ว
จากเกมทีม่ เี น้อื หารุนแรง อาทิ การตอสู เตะ ตอย ฆา ฟน ขม ขืน และการทําลายลา งคูตอ สู
เนื่องจากความชนิ ชา และรสู กึ วา ความรุนแรงเปนเรอื่ งปกติ ไมผดิ เปนตน มผี ลกระทบทําให
เสยี การเรยี นและเสยี อนาคตในทีส่ ุด

3. ความนิยมอยา งมาก ทาํ ใหเ ว็บไซตเ กมออนไลนเปดตวั เพม่ิ ขน้ึ จาํ นวนมาก ป 2547
มีประมาณ 10,000,000, เว็บไซตพ ุงสงู ขึน้ เปน 75,500,000 เวบ็ ไซตในป 2548

36 คมู อื การจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรา งทักษะชีวติ ช้นั มธั ยมศึกษาปท ี่ 1

4. ตวั เลขทน่ี า ตกใจกค็ อื ในผูท ไี่ ปขอรับคําปรกึ ษาทางโทรศัพทก ับสถาบนั สุขภาพจิตเด็ก
และวยั รุน ราชนครินทร กรมสุขภาพจิตในระหวางเดือน พ.ย.2547 – เดอื น มี.ค.2548 พบวา
จํานวนเกนิ ครงึ่ เกิดจากปญ หาเดก็ ประถมและมัธยมทตี่ ดิ เกม

5. สถติ จิ ํานวนเดก็ และวยั รนุ ทีเ่ คยประสบปญหาในรา นอนิ เตอรเนต็ คาเฟ เคยถูกรดี ไถ
มถี งึ 60,560 คน/เคยถกู ทาํ รายรา งกาย 57,606 คน/เปนหน้รี านอนิ เตอรเน็ต 53,175 คน และถกู บังคับ
ใหท ําส่ิงที่ไมอยากทาํ เดก็ ในสถานพนิ จิ จํานวนมากทาํ ผิดกฎหมายดวยสาเหตุตอ งการเงนิ มาเลน เกม

6. ระดบั การติดเกม ของเด็กมกี ารพฒั นาแบงเปน 3 ระดับคือ
6.1 เริม่ ชอบ แรกๆ มักเลน ตามเพื่อน อยากรูอยากเห็นตามวัย เลนเพ่ือสนกุ

ระยะน้กี ารเรยี นและการดาํ รงชวี ติ ยงั เปน ปกติ ถาไมไ ดเ ลนก็ไมเปนไร เด็กบางคนเมือ่ หมดความสนใจ
หรอื มสี ิ่งใหมทสี่ นใจกวา กจ็ ะเลกิ เลน ไป

6.2 หลงใหลหรือคลั่งไคล เลน แลว สนุกเพลดิ เพลิน เกิดความพงึ พอใจ ภมู ิใจท่ี
ชนะเกมได มเี พือ่ นที่เลน ดว ยกัน คยุ เร่ืองเดยี วกนั และเปรยี บเทียบกนั ได เกดิ แรงจงู ใจใหอยากเลน
ตอ ไปเร่ือยๆระดบั นี้ยังเลน ยามวา งเปนงานอดิเรก การเรียนไมเสยี และชวี ติ ประจาํ วนั ยงั เปนปกติ
เดก็ กลมุ นมี้ ีจํานวน รอ ยละ 10 ของเด็กท่วั ไป

6.3 ติดเกม เปน ระยะท่พี ฒั นาจากเลนเร่อื ยๆ เปน เลน ประจํา จนเปน ความเคยชนิ
ปลีกตวั ไดเมื่อไหรก ็จะเลน เกมในท่ีสดุ ก็เลน เกมไมสนใจอยา งอน่ื หมกมุนอยกู บั เกมทัง้ วัน หนีเรยี น
และมผี ลกระทบตอ รา ยกาย และจติ ใจ ไดแก กนิ ขา วไมเปนเวลา ขาดการออกกาํ ลังกาย นอนดกึ
หรอื นอนไมห ลบั เลย ในความคิดจะมแี ตเรือ่ งเกม มองเหน็ ภาพในสมองของตนเอง พยายามเลน พนัน
ในเกม กา วรา วกบั พอ แม เปนตน ระดบั น้มี ีจํานวนรอ ยละ 5 ของเด็กท่วั ไป พบวา เด็กติดเกมอายุ
นอ ยท่ีสุดคอื 6 ป

7. อยา งไรก็ตามยงั มีเด็กทเี่ ลนเกมแตไมติด เปน เพราะเด็กเหลาน้ัน เปน ผมู วี นิ ยั คือ การไมทาํ
ในส่งิ ทไ่ี มควรทาํ และเปน ผมู คี วามรบั ผดิ ชอบ คอื การทําในส่งิ ทีค่ วรทํา ซง่ึ มีรากฐานมาจากการคดิ
และตัดสินใจอยา งมเี หตผุ ล การรจู กั ยับยง้ั ชง่ั ใจและควบคมุ ตนเอง รวมทง้ั การจดั การเวลาอยา งเหมาะสม
และใชเ วลาวา งใหเปน ประโยชน

8. แนวทางการเลนเกมอยา งสรางสรรค
8.1 กําหนดเวลาทเ่ี หมาะสมจํากัดเวลาในการเลน และตองไมเกนิ เวลาทตี่ ั้งใจไว
8.2 เลอื กเลนเกมท่สี รา งสรรคไ ดฝ กประสาทสัมผัสหลายดา น ฝกสมอง ฝกการแกไข

ปญหาทเ่ี ปนขน้ั ตอน เกมฝกฝนความรูและคณุ ธรรม เกมท่ตี องเคลอ่ื นไหวเนนการออกกาํ ลงั เนอ้ื หา
และรายละเอยี ดของเกมเหมาะสมกบั วัยไมม ีเน้อื หาท่ีรุนแรง

8.3 ใหความรสู ึกผอ นคลาย สนกุ สนาน ไมเ ครียดหรอื หมกมนุ กบั การเอาชนะ
8.4 เกมท่ีเลน พรอมกนั 2 คนขึ้นไป จะชว ยใหม ปี ฏสิ มั พนั ธก ับผูอ่ืน ไมแ ยกตัว
และชว ยกันควบคมุ เวลาได

คมู ือการจดั กจิ กรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชีวติ ช้นั มธั ยมศึกษาปที่ 1 37

เรื่องที่เปนประโยชน

คาํ แนะนําประหลาด !!!
ชายเรรอ นคนหนึ่ง เดนิ ทางไปเร่ือย ๆ ตามเมอื งตาง ๆ เมื่อผา นมาถงึ เมืองหนึง่ จึงเขาไป
ในตลาดเพอ่ื หาซ้ือขา วของ เขาไมท นั เห็นสุนัขทเ่ี รรอ นอยูใ นตลาดและถกู สุนขั กดั ท่นี อ งจนเปน เเผล
ขนาดใหญ พอ คาขายขนมปงเห็นเขาจงึ ใหค ําแนะนําวา “ทานตองเอาขนมปงชบุ เลอื ดจากเเผล
เเลว นําไปใหส นุ ัขตวั นนั้ กนิ เเผลของทา นจงึ จะหายไดเเละไมเ ปน พษิ ”
เเตช ายเรรอ นกลบั ยมิ้ เเลว กลา ววา “ถา ทาํ เชน น้ัน สนุ ขั ทุกตวั ในเมอื งก็จะมากัดขา เปนเเน
เพราะรูวา เมอ่ื กัดขา เเลว จะไดก นิ ขนมปง ”

เรื่องน้ีสอนใหรูว า ถา ใชเงนิ ซือ้ ศตั รู มเี เตจะไดศตั รมู ากขน้ึ เร่ือยๆ

นกั โทษประหารกบั มารดา
กาลคร้งั หน่ึงนานมาแลว มเี ดก็ คนหนึ่งขโมยหนังสอื ของเพื่อนกลบั มาบาน แมข องเขาเห็นเขา
แทนที่จะหามปรามและส่ังใหนาํ ไปคนื กลบั กลา วชมเชยวา ลกู ของตนน้ันเกง
เดก็ คนนั้นจึงรสู ึกภมู ใิ จ และคอยลักเลก็ ขโมยนอยเอาของ ของผูอน่ื มาใหแมอยเู ร่อื ยๆ
แมของเขาก็แสดงความพอใจทกุ คร้งั
คร้นั โตเปน หนุมเขาไดเ ขา ไปขโมยของในบานหลังหน่งึ และพล้ังมอื ฆา ผเู ปน เจาของบา นตาย
เมื่อเจา หนา ท่ีบา นเมืองจบั ตวั ไดจ งึ ถูกตดั สนิ ใหป ระหารชวี ิต ขณะทีก่ าํ ลังถกู นาํ ตัวไปประหาร
ผูเ ปน แมไดร องไหฟ ูมฟายว่ิงตามลกู ไปอยขู างๆ พรอมกับครา่ํ ครวญวา
“โธลกู เอย ทาํ ไมเจาถงึ ทาํ ผดิ คิดรา ยถึงเพยี งน”ี้
นักโทษผูเปน ลกู ชายจงึ กลาวกบั แมวา “แมอ ยา รอ งไหเ ลย ตอนทผี่ มเปนเดก็ เทย่ี วลกั ขโมย
ของผูอนื่ มาให ถา แมดดุ า ส่ังสอนแทนท่ีจะชมเชยใหท าย วนั นผี้ มกค็ งไมต อ งถกู ประหาร”

เรือ่ งนี้สอนใหร วู า รักววั ใหผูก รกั ลกู ใหต ี อยากใหล กู ใหด ี ตอ งอบรมสั่งสอน

38 คมู ือการจัดกจิ กรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรา งทักษะชวี ติ ช้นั มธั ยมศึกษาปท ี่ 1

แผนการจัดกิจกรรมลูกเสือสามญั รุนใหญ(เคร่อื งหมายลูกเสือโลก) ชน้ั มัธยมศึกษาปท่ี 1

หนวยท่ี 3 คาํ ปฏญิ าณและกฎของลกู เสอื เวลา 2 ชวั่ โมง
แผนการจดั กิจกรรมที่ 7 ปฏิบตั ติ ามคําปฏญิ าณ และกฎของลูกเสอื

1. จดุ ประสงคก ารเรยี นรู
ยอมรบั และปฏิบัตติ าม คาํ ปฏิญาณ และกฎของลูกเสอื และนําไปปฏบิ ัตใิ นชีวติ ประจาํ วนั

2. เนอ้ื หา
2.1 ความหมายของคาํ ปฏญิ าณ และกฎของลกู เสอื
2.2 วางแผนนาํ คําปฏญิ าณ และกฎของลูกเสอื ไปใชใ นชวี ติ ประจาํ วัน
2.3 การปฏบิ ัติตนตามคําปฏญิ าณ และกฎของลกู เสอื

3. ส่ือการเรยี นรู
3.1 แผนภูมิเพลง, เกม
3.2 ใบความรู เร่อื ง คาํ ปฏิญาณ กฎ และคติพจนลกู เสือสามัญรนุ ใหญ
3.3 เร่อื งทเี่ ปน ประโยชน

4. กิจกรรม
4.1 กจิ กรรมครั้งที่ 1
1) พธิ เี ปดประชมุ กอง (ชกั ธง สวดมนต สงบนง่ิ ตรวจ แยก)
2) เพลง หรอื เกม
3) กจิ กรรมตามจุดประสงคก ารเรยี นรู
(1) ผกู าํ กับลกู เสอื ใหล กู เสอื ทบทวนคําปฏิญาณ และกฎของลกู เสอื
(2) ผูกาํ กบั ลกู เสือแจกใบความรู และแบงงานใหห มูลกู เสือวเิ คราะห ความหมาย

การกระทาํ ทีแ่ สดงออกถงึ การยอมรบั และปฏบิ ตั ติ ามคําปฏญิ าณและกฎของลูกเสอื ในเรอื่ งตอ ไปน้ี
1) ความจงรักภักดตี อ ชาติ
2) ความรักและศรทั ธาในศาสนา
3) ความจงรกั ภักดีตอ สถาบนั พระมหากษตั ริย
4) การชว ยเหลือผอู ื่นทกุ เมื่อ

(3) ผกู าํ กับลกู เสอื ใหหมลู ูกเสือรายงาน ผกู ํากับลูกเสอื นําอภปิ รายใหหมูอนื่ ๆเพิ่มเติม
ผกู ํากบั ลกู เสอื ชว ยเพิ่มเตมิ จนครบ

(4) ผกู ํากับลกู เสอื ใหก องลกู เสอื รว มกันจัดทาํ ตารางกิจกรรมวันสําคญั ของ ชาติ ศาสนา
พระมหากษตั ริย และกาํ หนดเปนแผนงานของกองลูกเสอื วาจะทาํ กจิ กรรมอะไรบา งในวนั สําคญั แตละวนั

4) ผกู ํากบั ลูกเสอื เลาเร่ืองทเี่ ปน ประโยชน
5) พธิ ีปดประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครือ่ งแบบ ชกั ธง เลกิ )

คูมือการจัดกิจกรรมลกู เสือสามัญรุนใหญเสริมสรางทกั ษะชีวิต ชัน้ มธั ยมศึกษาปท่ี 1 39

4.2 กิจกรรมครัง้ ที่ 2
1) พธิ เี ปด ประชุมกอง (ชกั ธง สวดมนต สงบนงิ่ ตรวจ แยก)
2) เพลง หรือเกม
3) กจิ กรรมตามจดุ ประสงคก ารเรียนรู
(1) ผกู าํ กบั ลูกเสอื ใหก องลกู เสอื กําหนดการปฏิบัตใิ นวนั สาํ คญั ตามแผนงาน

ท่ีไดก าํ หนดไวในกจิ กรรมครั้งที่ 1 และบนั ทึกไวเ ปนหลกั ฐาน
(2) ผกู ํากบั ลูกเสอื ใหกองลูกเสือรวบรวมผลการปฏิบตั ิ แลวนําออกเผยแพร

ตามสอ่ื ตางๆ ของโรงเรียน หรือในโอกาสทเ่ี หมาะสม
4) ผูก าํ กับลูกเสอื เลา เรอ่ื งทเี่ ปนประโยชน
5) พิธีปด ประชุมกอง (นดั หมาย ตรวจเครอื่ งแบบ ชกั ธง เลิก)

5. การประเมนิ ผล
สังเกต การมสี วนรวมทาํ กจิ กรรม และการแสดงความคิดเห็นในหมู และกองลูกเสอื

ภาคผนวกประกอบแผนการจดั กจิ กรรมท่ี 7

เพลง

กฎลูกเสอื
กฎทีห่ นงึ่ พึงจําใหดี ลกู เสอื ตอ งมี เกียรตเิ ชอ่ื ถือได
กฎทีส่ อง นน้ั รองลงไป ตอ งภกั ดี ในผูมีพระคณุ
กฎที่สาม น้ันบาํ เพ็ญบญุ ชว ยเหลอื เก้อื กลู ผูอื่นเรอื่ ยไป นะเธอ อยา ลมื ๆ (ซํ้า)
กฎทส่ี ี่ ทนี่ ้ีนาคิดน้ีจะเปน มิตรกบั คนท่วั ไป
กฎทห่ี า ทา นวาเอาไว มารยาทนัน้ ไซรด ดั ใหงามๆ
กฎที่หก นรกไมตามเพราะน้าํ ใจงามกรณุ าสัตวมนั นะเธอ อยาลมื ๆ (ซาํ้ )
กฎทเี่ จ็ด จงเช่ือฟง ในคาํ สั่งโดยดษุ ฎี
กฎท่ีแปด ยม้ิ ๆไวซี ลูกเสอื ไมห นีตอความลําบาก
กฎทเ่ี กา ออมไวยามยาก จะไมล าํ บาก เงนิ ทองมากมี
กฎที่สบิ ประพฤตคิ วามดที งั้ กาย วจี มโน พรอมกัน นะเธอ อยาลมื ๆ (ซ้ํา)

40 คมู อื การจดั กจิ กรรมลูกเสือสามัญรุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชีวิต ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1

คําขวญั ลูกเสือ เราจะเทิดเหนอื ดวงฤทยั เรานัน่
เสียชีพอยาเสยี สัตยไ วจ นวนั ตาย
เกียรติคณุ ลูกเสอื ไวลาย ไวล าย ลูกเสอื ไทย
เรามั่นในคําขวญั เมตตาโดยไมเ ลอื กวา ใคร
เรานัน้ ประพฤตติ นสมกบั ทเ่ี ราเปนลูกผูชาย รวมจติ รวมใจสามคั คีมีวฒั นธรรม
กลา หาญ การชว ยเหลอื นานา
เปน มติ รเปน มิตรทด่ี ีของคนทวั่ ไป

เกม

สงไมง าม
วิธีเลน

1) ลูกเสือแตล ะหมูเขา แถวตอน โดยมจี าํ นวนคนในแตล ะหมเู ทากนั แตละแถวใหอ ยหู างกัน
ประมาณ 2 เมตร แจกไมงามใหค นอยูหัวแถว โดยวางไวท ่ดี านหนา

2) ลูกเสอื ทกุ คนนั่งลง เมอ่ื ไดย นิ สญั ญาณ ใหค นแรกสงไมง า มขามศรี ษะของตนเอง
ใหค นท่ีอยูดา นหลังรับและสง ตอไปเร่อื ย ๆ จนถึงคนสดุ ทา ย

3) คนสุดทายเมอื่ ไดรบั ไมงา มแลว ใหถือไมงามตงั้ ขึ้น หมูใดเสร็จกอ นจะเปน ผูช นะ

ใบความรู

คําปฏญิ าณ กฎ และคตพิ จนล กู เสือสามญั รุนใหญ

คาํ ปฏิญาณ คอื การใหคาํ มน่ั สัญญาวาจะประพฤติปฏบิ ตั ติ ามส่งิ ทพี่ ดู ดวยความเตม็ ใจ กอนทลี่ ูกเสอื
จะกลาวคาํ ปฏญิ าณตองขน้ึ ตน วา "ขาสัญญาวา" แลวจงึ ตามดว ยคาํ ปฏญิ าณ
กฎ คอื หลักเกณฑท่ีลูกเสือตองยึดเปน หลักปฏบิ ตั ิอยเู สมอ
คาํ ปฏญิ าณลกู เสอื สามญั รุนใหญ มี 3 ขอ ดงั น้ี

ดว ยเกียรติของขา ขาสัญญาวา
ขอ 1 ขา จะจงรกั ภกั ดตี อ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ  (ลกู เสอื จะตอ งมคี วามศรัทธา เชื่อมัน่ ใน
ชาติ ศาสนา และพระมหากษตั รยิ ข องตน เคารพเทิดทูนทงั้ 3 สถาบนั ดว ยความซอ่ื สตั ย)
ขอ 2 ขาจะชว ยเหลอื ผูอื่นทกุ เมือ่ (ลูกเสอื จะตองประพฤตปิ ฏิบตั ติ นใหเปน ประโยชนตอผูอ ื่น
ในทกุ โอกาส ทกุ สถานการณ เทา ที่จะทาํ ได โดยเร่มิ ตั้งแตค รอบครัวจนถงึ สงั คมภายนอก)
ขอ 3 ขา จะปฏบิ ัตติ ามกฎของลกู เสอื (ลูกเสอื ตอ งปฏิบัตติ นตามกฎ 10 ขอ ของลกู เสอื ซ่ึงเปน
หลกั ยดึ เหน่ยี วใหลกู เสอื ปฏบิ ตั แิ ตสิง่ ดีงาม)
ลกู เสอื ควรปฏิบัตติ อชาติ ดังนี้

1) ประพฤตติ นเปน พลเมืองดหี มนั่ ศึกษาหาความรใู สต วั
2) ไมป ระพฤติตนผดิ ตอ ขนบธรรมเนียมประเพณี วฒั นธรรม และกฎหมายของบานเมือง
3) เปน ผปู ระกอบอาชพี สุจรติ มีความซอ่ื สตั ย

คูมอื การจัดกจิ กรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรางทักษะชวี ิต ช้นั มธั ยมศึกษาปท ี่ 1 41

4) รักและหวงแหนแผน ดินถน่ิ เกิดของตน เปน ผูเ สยี สละและกลา หาญ
ลูกเสอื ควรปฏบิ ัตติ อศาสนา ดงั นี้

1) ปฏิบัติกิจทางศาสนาตามจารีตประเพณที ีต่ นนับถือดวยใจบรสิ ทุ ธิ์
2) ปฏิบัตติ ามคาํ สอนของศาสนาทต่ี นนบั ถือ
3) ไมแ สดงอาการลบหลศู าสนาอ่นื
4) ละเวนการประพฤตชิ ว่ั กระทําแตความดี
5) เขารวมพธิ ีทางศาสนาตามเวลาและโอกาสอันควร
ลูกเสือควรปฏบิ ัตติ อพระมหากษัตริย ดงั น้ี
1) แสดงความเคารพตอพระมหากษัตรยิ แ ละพระบรมฉายาลกั ษณ
2) ไมก ระทาํ การใดๆ ท่ีจะสงผลใหเ ส่ือมเสยี พระเกียรตคิ ุณ และตองชวยปอ งกัน ไมใ หคนอ่นื
กระทําดวยเชน กัน
กฎของลูกเสอื สามัญรนุ ใหญ มี 10 ขอ ดังนี้
ขอ 1 ลกู เสอื มีเกียรติเชื่อถอื ได (ยดึ มน่ั ในความซื่อสัตย ปฏบิ ตั ติ ามคาํ ม่ันสัญญา กระทําตนให
เปนท่เี ชอื่ ถือและไวว างใจได)
ขอ 2 ลกู เสือมคี วามจงรกั ภักดตี อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริยและซอ่ื ตรงตอ ผมู ีพระคุณ
(ปกปองสถาบนั ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย และยึดมน่ั ในความซอื่ สัตย กตญั ูตอ ผูมีพระคณุ ทุกทา น)
ขอ 3 ลกู เสอื มหี นาท่ีกระทาํ ตนใหเ ปนประโยชนและชวยเหลอื ผูอ นื่ (พรอมอยเู สมอทีจ่ ะบาํ เพญ็
ประโยชน และเปน ท่พี งึ่ แกผ ูอื่นได)
ขอ 4 ลูกเสือเปน มิตรของคนทกุ คน และเปน พน่ี อ งกบั ลกู เสอื อื่นทว่ั โลก (มีใจโอบออ มอารี มคี วาม
เอื้อเฟอเผอื่ แผแ กท ุกคน โดยไมเลือกเชอ้ื ชาติ ศาสนา และปฏบิ ตั ติ อ เขาเหมือนญาติพี่นอง)
ขอ 5 ลกู เสือเปนผสู ุภาพเรยี บรอ ย (เปนผูมกี ิริยาวาจาสุภาพ ออนโยน ออ นนอม มีความสัมมาคา
ราวะตอ บคุ คลท่ัวไป)
ขอ 6 ลูกเสือมคี วามเมตตากรณุ าตอ สัตว (มีใจเมตตากรณุ า สงสารสตั ว ไมรงั แกหรอื ทรมาน
สัตว หรือเม่ือพบสัตวบ าดเจบ็ ตองใหก ารชว ยเหลือ )
ขอ 7 ลกู เสอื เช่ือฟงคําส่งั ของบดิ า มารดา และผบู งั คบั บญั ชาดว ยความเคารพ (ปฏิบตั ติ าม
คาํ สง่ั สอน คาํ ชแี้ นะของบดิ ามารดา ครูอาจารย และผบู ังคับบญั ชาดวยความเต็มใจ และเคารพ)
ขอ 8 ลูกเสือมีใจราเรงิ และไมย อ ทอ ตอความยากลาํ บาก (มีความรา เริง ยมิ้ แยม แจมใสอยูเสมอ
ถึงแมจะตกอยใู นความยากลําบาก กจ็ ะไมแสดงอาการยอทอ ใหเ หน็ )
ขอ 9 ลูกเสอื เปน ผมู ธั ยัสถ (รจู ักประหยัดทรัพยทง้ั ของตนเองและผูอนื่ ไมส ุรุย สรุ าย)
ขอ 10 ลกู เสอื ประพฤตชิ อบดว ยกาย วาจา ใจ (รจู กั สํารวม และระวงั กาย วาจา ใจ ไมใ หม ี
ความอิจฉาริษยา มคี วามบรสิ ทุ ธใิ์ จตอทุกคน)
คตพิ จนแ ละคําขวญั ของลกู เสอื
คติพจน และคําขวญั เปน คําพดู หรอื ขอความท่ีเปน คตสิ อนใจใหย ดึ ถอื ปฏิบัติ เพอ่ื ประโยชน
ของตนเองและสวนรวม

42 คูม ือการจดั กจิ กรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสรมิ สรางทกั ษะชีวิต ชัน้ มัธยมศึกษาปท ี่ 1

คําขวัญลกู เสอื

"เสยี ชีพอยาเสยี สัตย" มคี วามหมายวา ใหลูกเสอื รกั ษาความซอื่ สัตย จะไมย อมละความสตั ย
ถึงแมจ ะถูกบบี บังคับจนเปน อนั ตรายถึงแกช วี ติ กต็ าม

คตพิ จนล ูกเสือสามัญรุนใหญ

มองไกล (Look wide) หมายถงึ การมองใหกวางและไกล ฉลาดท่จี ะมองเหน็ ความจรงิ ของสงิ่
ตางๆ วา ผลจากการกระทําภารกิจของตน อาจสงผลกระทบถึงภารกิจอ่นื บคุ คลอน่ื จะประสบผลดี
ผลเสียตอองคก รสวนรวมหรือไมอ ยา งไร วิเคราะหแ ละสามารถกาํ หนดทิศทางเปา หมาย วางแผนได
อยา งถกู ตอ ง ชัดเจน

เรอื่ งท่เี ปนประโยชน

เพ่อื นทรยศ

สุนขั จ้งิ จอกกบั ลาเปนเพือ่ นกัน มันสัญญากนั วา จะคอยชว ยเหลอื ซง่ึ กันและกนั เมือ่ ยามมภี ัย
วันหน่ึงขณะท่ีสัตวท้ังสองตัวออกไปลาเหยื่อดวยกัน สุนัขจ้ิงจอกเหลือบไปเห็นสิงโตตัวหน่ึงกําลังเดินตรงมา
มันรีบบอกลาวา “ลาเพ่ือนรัก ทานรออยูท่ีน่ีกอนนะ ขาจะอาสาเดินไปเจรจาผูกมิตรกับสิงหโตตัวนั้นเสียกอน
พวกเราจะไดปลอดภัย” วา แลวสนุ ขั จิ้งจอกกเ็ ดนิ ตรงเขาไปหาสิงหโต มนั บอกกบั สงิ โตวาถาสงิ โต
ปลอ ยมันไป มนั จะลอลวงลามาใหก นิ อยางสะดวกสบาย ไมต อ งวง่ิ ไลจ บั ใหเหนื่อย

ในท่ีสุดลาก็ตกเปนเหยื่อของสิงหโต พอกินเสร็จ สิงโตก็หันมาตะปบสุนัขจ้ิงจอกกิน
เปนอาหารอีกตัวหนึ่ง กอนตายสุนัขจิ้งจอกก็พูดเปนเชิงตัดพอวา “ทานไมนาทรยศกับขาเลย”
สิงหโตหัวเราะกอ นจะตอบวา

“ทีเจายงั ทรยศกบั ลาท่ีเปนเพื่อนของเจา ได ทาํ ไมขาจะทรยศตอ เจา ไมไ ด”

เรอ่ื งนี้สอนใหรวู า บุคคลที่ไรส ัจจะ อยาพึงหวังสจั จะจากผูอ ื่น

เร่อื ง ลงิ กับสุนขั จ้ิงจอก

มีลิงหางดวนตัวหน่ึง เหน็ สนุ ขั จิง้ จอกมีหางเปน พวงสวยกน็ กึ อยากจะมหี างสวยงามบา ง จึงไปถาม
สนุ ัขจ้งิ จอกวา “ขา อยากมหี างสวยเชนทา นบาง ทา นจะมีวธิ แี นะนําขา บางไหม” สุนัขจงิ้ จอกไดยนิ ลงิ หางดว น
พดู เชนนัน้ ก็นกึ ขําในความไมเจียมตัวของลิง มันจงึ แกลง บอกลิงวา “ไมย ากหรอก เพียงแตทา นใหเพ่ือนๆ ลงิ
ของทานชวยกนั ดึงหางใหทานทกุ วนั ไมน านหางของทานกย็ าวสวยเองแหละ”

ลงิ หางดว นผโู งเขลาไดยินกด็ ีใจ มนั รีบระดมเพอื่ น ๆ ลิงจาํ นวนมากใหม าชว ยกนั ดึงหางของมัน
พรอมกับบอกวา “ดงึ ใหเต็มแรงเลยนะ พรรคพวก” บรรดาเพื่อนลิงจงึ พากนั ดงึ หางทีม่ อี ยเู พียงนอยนิด
ของลิงโงสุดแรงเกดิ ทําใหห างของลงิ ผูไมเจยี มตวั ขาดออกทันที สรางความเจบ็ ปวดใหมนั อยางแสนสาหัส

เรื่องน้สี อนใหร วู า จงพอใจในส่งิ ท่ตี นมอี ยู

คูมอื การจดั กิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสริมสรางทกั ษะชวี ิต ช้นั มัธยมศึกษาปที่ 1 43

แผนการจัดกิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญ(เคร่ืองหมายลูกเสือโลก) ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 1

หนวยที่ 3 คําปฏิญาณและกฎของลกู เสือ เวลา 2 ช่ัวโมง
แผนการจัดกิจกรรมที่ 8 ความซ่ือสตั ยสุจรติ

1. จุดประสงคก ารเรียนรู
ลูกเสือแสดงออกถงึ ความเปน ผมู ีความซื่อสตั ยสจุ ริต

2. เนอื้ หา
ความซ่อื สตั ยสุจรติ เปนพน้ื ฐานของความดที ุกอยาง ลกู เสือจงึ ตองหมั่นอบรมและฝกฝน ใหเกิดมี

ข้ึนในตนเอง ตามคําขวัญที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกลาเจาอยูหัว รัชกาลท่ี 6 ทรงพระราชทานให
ลูกเสอื วา “เสยี ชพี อยาเสยี สตั ย”

3. ส่อื การเรียนรู
3.1 แผนภูมเิ พลง
3.2 เรอ่ื งท่ีเปน ประโยชน

4. กิจกรรม
4.1 กจิ กรรมครงั้ ที่ 1
1) พิธีเปด ประชมุ กอง (ชกั ธง สวดมนต สงบน่งิ ตรวจ แยก)
2) เพลง หรอื เกม
3) กิจกรรมตามจุดประสงคก ารเรยี นรู
ผูกํากับลูกเสือมอบหมายใหลูกเสือแตละหมูเขียนบทละครส้ัน ท่ีแสดงออกถึง
ความซอื่ สัตยส จุ รติ หมลู ะ 1 เรอ่ื ง ทาํ การซอ มเพื่อแสดงในกองลูกเสอื คาบตอไป โดยใหเวลาเตรียม
ประมาณ 30 นาที และเวลาในการแสดงหมูละไมเกิน 5 นาที (ตัวอยางเชน เก็บกระเปาสตางคได
แลวคืนเจา ของ การรกั ษาคาํ พดู /คาํ มั่นสัญญา ไมโ กหกหลอกลวง การไมเ อาเปรยี บคดโกงผูอน่ื การ
ตรงตอเวลา การรักษาระเบีบบวินัย ไมลอกขอสอบ ไมรับเงินสินบน และประกอบอาชีพสุจริต เปน
ตน)
4) ผกู าํ กบั ลกู เสือเลาเรื่องท่ีมปี ระโยชน
5) พิธีปดประชุมกอง (นัดหมาย ตรวจเคร่อื งแบบ ชักธง เลิก)

44 คูม ือการจัดกิจกรรมลกู เสือสามญั รุนใหญเสริมสรา งทกั ษะชวี ิต ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท่ี 1

4.2 กิจกรรมครัง้ ท่ี 2
1) พธิ ีเปด ประชมุ กอง (ชักธง สวดมนต สงบน่งิ ตรวจ แยก)
2) เพลง หรือเกม
3) กิจกรรมตามจดุ ประสงคก ารเรียนรู
(1) หมูลูกเสอื ใชเ วลาแสดงหมูล ะไมเกิน 5 นาที
(2) ผกู าํ กับลกู เสอื นาํ อภปิ รายในประเดน็ ตอ ไปนี้ และสรปุ วา
- จากละครส้ันท้ัง 4 เร่ือง ลกู เสือคิดวา คําวา “ซอ่ื สตั ยส จุ รติ “ มคี วามหมายอยางไร

(การประพฤตปิ ฏบิ ตั ใิ นทางที่ถกู ตอ งตามความเปนจริง ท้งั กาย วาจา และใจ ทั้งตอตนเอง ผูอน่ื
และหนาที่การงาน)

- เหตุใดพระบาทสมเดจ็ พระมงกฏุ เกลา เจาอยหู ัว รชั กาลที่ 6 จึงใหค วามสําคัญกับ
ความซ่ือสัตยม ากโดยถึงกบั พระราชทานคาํ ขวัญลูกเสือไทยวา “เสียชีพอยา เสียสตั ย” (ความซอื่ สตั ย
สุจริตเปนรากฐานของความดีทกุ อยาง เราจะทาํ ดไี มไดเ ลยถาปราศจากความซอ่ื สัตยสุจรติ )

- ถาสมาชกิ ในหมลู ูกเสือเปน คนไมซอ่ื สตั ย โกหกหลอกลวงไมร กั ษาสญั ญา
ไมรักษากฏระเบียบ หมูลูกเสอื น้จี ะเปน อยา งไร (จะขาดความสัมพันธทดี่ ใี นหมู ทํางานหมไู มสําเรจ็ ไม
เปน ท่ยี อมรบั ของลกู เสอื หมูอน่ื และครูอาจารย)

- ลูกเสอื ไดขอ คิดอะไรบางจากกจิ กรรม และจะนาํ ไปใชใ นชวี ิตประจําวันอยา งไร (ควร
เปด กวางใหล กู เสือออกความเหน็ )

4) ผกู ํากับลูกเสือเลา เร่อื งทม่ี ปี ระโยชน
5) พธิ ีปด ประชมุ กอง (นัดหมาย ตรวจเครอ่ื งแบบ ชกั ธง เลกิ )

5. การประเมนิ ผล
สงั เกต การมสี ว นรวมในการทํากจิ กรรม และการแสดงความคิดเหน็ ในหมแู ละกองลกู เสอื

6. องคประกอบทักษะชวี ติ สําคัญทเี่ กดิ จากกจิ กรรม
คือ ความคิดวเิ คราะห ความคิดสรา งสรรค รบั ผดิ ชอบตอ ตนเองลสงั คม ตระหนักถงึ ความสําคญั

ของความซื่อสตั ยสจุ ริต

คมู ือการจดั กิจกรรมลูกเสือสามญั รุนใหญเสริมสรางทักษะชีวติ ชน้ั มธั ยมศึกษาปท่ี 1 45


Click to View FlipBook Version