The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

หนังสือเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อนำเสนอเนื้อหารายวิชาชีววิทยาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เหมาะสำหรับผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 มีเนื้อหาเรื่องวิวัฒนาการ
วิวัฒนาการ คือ กระบวนการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในสิ่งมีชีวิตที่ส่งผลให้สิ่งมีชีวิตดั้งเดิมกลายเป็นสปีชีส์ใหม่ เป็นการเปลี่ยนแปลงหลายๆ ด้าน ทั้งรูปร่าง สริระวิทยา และพฤติกรรม โดยเกิดการเปลี่ยนแปลงช้าๆ ต่อเนื่องกันจากอดีตจนถึงปัจจุบัน

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Nun Nun, 2019-09-21 03:26:07

วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต

หนังสือเล่มนี้จัดทำขึ้นเพื่อนำเสนอเนื้อหารายวิชาชีววิทยาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เหมาะสำหรับผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 มีเนื้อหาเรื่องวิวัฒนาการ
วิวัฒนาการ คือ กระบวนการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ในสิ่งมีชีวิตที่ส่งผลให้สิ่งมีชีวิตดั้งเดิมกลายเป็นสปีชีส์ใหม่ เป็นการเปลี่ยนแปลงหลายๆ ด้าน ทั้งรูปร่าง สริระวิทยา และพฤติกรรม โดยเกิดการเปลี่ยนแปลงช้าๆ ต่อเนื่องกันจากอดีตจนถึงปัจจุบัน

Keywords: วิวัฒนาการ,Evolution

วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต

EVOLUTION

รายวิชาชวี วทิ ยา

จริ ภา ศรวี งษ 62120623109

.
.

คาํ นํา

ในปจจุบันการศึกษาในวิชาชีววิทยา มีความสาํ คัญตอ
ชีวิตความเปนอยูของมนุษย ท้ังโดยทางตรงและทางออมเปน เปน
การศึกษาเกี่ยวกับส่ิงมีชีวิตความสัมพันธระหวางประชากรสิ่งมีชีวิต
และสิ่งแวดลอม การศึกษาความสัมพันธระหวางส่ิงมีชีวิตกลุมตางๆ
รวมถึงวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต ทําใหทราบถึงท่ีมาและท่ีไปของการ
กาํ เนิดส่ิงมีชีวิตบนโลกใบนี้ รวมถึงมนุษยดวย จึงเปนเร่ืองใกลตัวท่ี
นักเรียนควรไดรับการศึกษาเปนอยางมาก ซ่ึงในปจจุบันสารสนเทศมี
ความซับซอนและหลายรูปแบบเปนผลมาจากการพัฒนาของเทคโน
โยสารสนเทศท่ีพัฒนาขึ้นอยางตอเน่ือง

หนังสือออนไลน(e-book) ผูจัดทํา จัดทาํ ขึ้นเพ่ือเปนสวน
หนึ่งของการศึกษาเรื่องวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต เพื่อใหนักศึษาและ
ผูท่ีสนใจศึกษาคนความีความรูและความเขาใจเก่ียวกับรายวิชา
ชีววิทยา เร่ืองวิวัฒนาการมากยิ่งขึ้น

ผูจัดทําจึงไดรวบรวมขอมูลตางๆเก่ียวกับเร่ืองวิวัฒนาการ
จากแหลงขอมูลท่ีเก่ียวของตางๆ เชน อินเตอรเน็ต เอกสาร เพ่ือ
หวังขอมูลท่ีนาํ เสนอในหนังสือออนไลน (e-book) จะเปนแหลง
ความรูสาํ หรับผูท่ีสนใจไมมากก็นอย

จิรภา ศรวี งษ ผูจ ัดทํา

สารบัญ

เรื่อง หนา

คาํ นํา 2

สารบัญ 3

วิวัฒนาการ 4

แนวคิดวิวัฒนาการ 5-9

หลักฐานทางวิวัฒนาการ 10-13

การศึกษาสารพันธุกรรมเพื่อเปรียบเทียบวิวัฒนาการ 14-16

เอกสารอางอิง 17

ประวัติผูจัดทาํ 18

วิวัฒนาการ (EVOLUTION)

วิวัฒนาการ คือ กระบวนการเปลี่ยนแปลงตางๆ ในสิ่งมีชีวิตที่
สงผลใหสิ่งมีชีวิตดั้งเดิมกลายเปนสปชีสใหม เปนการเปลี่ยนแปลงหลายๆ
ดาน ท้ังรูปราง สริระวิทยา และพฤติกรรม โดยเกิดการเปล่ียนแปลงชาๆ
ตอเน่ืองกันจากอดีตจนถึงปจจุบัน ตอมาเม่ือมีการศึกษาแบะนําทฤษฏี
พันธุกรรมมาอธิบายกลไกการเกิดวิวัฒนาการ จึงมีการใหความหมายวา

วิวัฒนาการ คือ การเปลี่ยนแปลงในระดับประชากรของ
ส่ิงมีชีวิต เปนการเปลี่ยนแปลงองคประกอบของยีนในประชากรทีละเล็กที
ละนอยตามระยะเวลาท่ีผานไปจนกระทั่งประชากรใหมมีความแตกตางจาก
ประชากรเดิม ในท่ีสุดเกิดเปนสปชีสใหม

แนวความคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของลามารก
(LARMARCK’S HYPOTHESIS OF EVOLUTION)

ลามารกเปนคนแรกท่ีเสนอวา ส่ิงมีชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงได
เน่ืองจากแรงผลักจากสภาพแวดลอม และไมไดถูกกําหนดโดยอํานาจ
เหนือธรรมชาติ

กฎแหงการใชและไมใช(Law of use and disuse)
“ส่ิงแวดลอมมีผลตอรูปรางของสัตว อวัยวะหรือชิ้นสวนของอวัยวะ
ที่ใชงานบอยๆ ติดตอกันไปยอมมีการเจริญ พัฒนาหรือเปลี่ยนแปลง
ใหเหมาะสมกับการดาํ รงชีวิต สวนอวัยวะที่ไมไดใชก็ออนแอลงและ
เส่ือมหายไปในที่สุด”

“ลกั ษณะทีไ่ ดม าหรือเสยี ไป

เนอ่ื งจากอิทธพิ ลของสิง่ แวดลอ ม
(ลักษณะทเี่ กดิ การเปล่ียนแปลง)
โดยการใชหรือไมใ ช จะคงอยู
และสามารถถา ยทอดไปสลู กู รุน
ตอๆ ไป (inheritance of
acquired characteristics)”

จากภาพอธิบายไดงายๆคือ เมื่อกอนบรรพบุรุษของยีราฟ
คอส้ันแตตองยืดคอเพื่อกินยอดไมท่ีอยูสูง คอจึงยาวขึ้นเร่ือยๆ และ
ลักษณะคอยาวซึ่งเปนลักษณะท่ีมีประโยชนก็จะถูกถายทอดสูรุนตอๆ
จนในท่ีสุดยีราฟคอส้ันก็หมดไป เหลือแตยีราฟคอยาวใหเราเห็นกัน
จนถึงปจจุบัน

แนวความคิดของลามารกไมเปนท่ียอมรับของ
นักวิทยาศาสตรในสมัยนั้น เน่ืองจากไมมีขอมูลสนับสนุนวาลักษณะท่ี
เกิดจากการใชและไมใชของอวัยวะสามารถถายทอดไปยังลูกหลาน
ไดอยางไร

“ออกัสไวสมานคานทฤษฎีของลามารก
โดยกลาววาลักษณะที่ถายทอดไปยัง
ลูกหลานไดนั้นจะตองเกิดจากเซลล
สืบพันธุมิใชจากเซลลรางกายเขาตัดหาง
หนูตัวผูและตัวเมียแลวใหผสมพันธุกัน
ปรากฏวาลูกหลานออกมามีหางทํา
ติดตอกันถึง20รุนหนูในรุนที่21ก็ยังคงมี
หางอยูไวสมานอธิบายวาการตัดหางหนู
ออกเปนการกระทําตอเซลลรางกายแต
เซลลสืบพันธุไมมีการเปล่ียนแปลง
ลักษณะหางยาวซึ่งจะถูกถายทอดโดย

เซลลสืบพันธุจึงยังคงอยู”

ทําไมลูกนกั เพาะกลา มถงึ ไมกลา มโตต้งั แตเ กดิ ?
ไมป ระดบั ที่เกดิ จากการเลีย้ งดู เชน บอนไซ (Bonsai) เม่ือมลี ูกก็จะมลี กั ษณะ
เหมือนกบั ลกั ษณะด้งั เดิม ?

แนวความคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการชารล ดารวิน
(CHARLES DARWIN)

ชารล ดารวิน (Charles Darwin) เกิดที่ประเทศอังกฤษในป ค.ศ.
1809 เขาสนใจธรรมชาติตั้งแตเด็ก พอของดารวินเปนหมอที่มีชื่อเสียง เม่ือดาร
วินอายุ 16 ป พอสงดารวินเขาเรียนแพทยที่มหาวิทยาลัยเอดดินเบอรก
(University of Edinburgh) แตดารวินไมชอบเขาจึงไมเรียนตอ และเขาเรียน
ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ (Cambridge University) เม่ือดารวินจบปริญญาตรี
ไดรูจักกับกัปตันโรเบิรต ฟทสรอย (Robert Fitzroy) ซ่ึงกําลังเตรียมตัวที่จะ
เดินทางสํารวจรอบโลกดวยเรือเอชเอ็มเอส บีเก้ิล (HMS Beagle) และดารวินได
รวมเดินทางไปดวย

ป ค.ศ.1831 ดารวนิ ขณะนนั้ อายุ 22 ป
เดนิ ทางกบั เรอื บเี กลิ้ ออกจากประเทศ
อังกฤษ เปาหมายเพือ่ สํารวจชายฝง ทวีป
อเมริกาใต ระหวา งการเดนิ ทางตลอด
ระยะเวลา 5 ป ดารวินสาํ รวจและเกบ็
ตวั อยางสปชีสข องพืชและสตั ว ตลอดจน
ซากดึกดําบรรพ (Fossil) จํานวนมากจาก
บรเิ วณที่เรือสํารวจผาน และดารวนิ
สงั เกตเหน็ วา มีการปรับตวั หลากหลาย
รูปแบบของทง้ั พชื และสัตวซงึ่ อาศัยอยใู น
สภาพสง่ิ แวดลอ มท่แี ตก ตา งกนั

ดารวินมีความสนใจในการกระจายตัวของสิ่งมีชีวิตในแตละ
ภูมิภาคอยางมาก โดยเฉพาะเม่ือเรือบีเกิ้ลเดินทางสํารวจหมูเกาะกาลาปา
กอส (Galapagos Islands) ซ่ึงกอตัวจากภูเขาไฟใตนา้ํ ต้ังอยูบริเวณศูนย
สูตร หางจากชายฝงทางตะวันตกของทวีปอเมริการใตประมาณ 900
กิโลเมตร ท่ีนั่นดารวินพบสิ่งมีชีวิตรูปรางแปลกๆ ที่ไมเคยเจอท่ีใดในโลก
เขาเก็บตัวอยางนกหลายชนิดรวมท้ังนกจาํ พวกฟนซ (Finch) ซ่ึงดู
เหมือนวามีลักษณะคลายกันมาก แตเม่ือดารวินเดินทางกลับอังกฤษและสง
ตัวอยางใหผูเชียวชาญดานการดูนกตรวจดู
พบวา นกฟนสท ี่เก็บตัวอยา งมากจากแตละเกาะเปนนกฟนสค นละสปชีส
กัน บางชนิดพบเฉพาะบนเกาะใดเกาะหน่งึ เทา นัน้ และในส่งิ มีชีวิตชนิดอ่นื
บางชนิดกพ็ บเฉพาะบนเกาะกาลาปากอส
การคนพบครัง้ นท้ี าํ ใหดารวินตงั้ สมมุติ
ฐานวา ส่งิ มชี ิวิตบนเกาะกาลาปากอสนัน้
มกี ารพลดั หลงหรอื อพยพมาจาก
แผนดนิ ใหญข องอเมริการใตแ ละตอมา
ววิ ัฒนาการเปลยี่ นแปลงปรับตัว
ใหเขา กับสภาพแวดลอ มของแตละเกาะ

หลักฐานดึกดาํ บรรพของสิ่งมีชีวิตหรือหลักฐานทางธรณีวิทยา
(GEOLOGICAL EVIDENCE)

เปนหลักฐานสําคัญท่ีทําใหเราทราบวาเคยมีส่ิงมีชีวิตมากมายท่ี
เกิดขึ้นในอดีต หลายชนิดสูญพันธุไปแลว เชน ไดโนเสารและสวนใหญท่ีมี
ชีวิตอยูก็มีสัณฐานเปล่ียนแปลงไปซากดึกดําบรรพจะพบมากในหินช้ันหรือ
หินตะกอน นักวิทยาศาสตรสามารถคาํ นวณอายุของซากดึกดาํ บรรพไดจาก
อายุของชั้นหิน ซากดึกดําบรรพท่ีพบในหินชั้นลางยอมมีอายุมากกวาซากที่
พบในหินช้ันบน และเมื่อพิจารณาถึงโครงสรางแลวซากดึกดําบรรพในหิน
ช้ันบนจะมีความซับซอนและมีโครงสรางท่ีใกลเคียงกับสิ่งมีชีวิตในปจจุบัน
มากกวา

หลกั ฐานทางวิวัฒนาการ

1. หลักฐานซากดึกดําบรรพของสิ่งมีชีวิต
หลักฐานดึกดาํ บรรพของสิ่งมีชีวิตหรือ
หลักฐานทางธรณีวิทยา(geological
evidence) เปนหลักฐานซากพืชซากสัตวใน
ชั้นหินตาง ๆ ซึ่งเรียกวา ซากดึกดําบรรพ
หรือฟอสซิล (fossil) วิชาท่ีศึกษาซากเหลานี้
เรียกวา บรรพชีวินวิทยา (paleontology)

2. หลักฐานกายวิภาคเปรยี บเทยี บ การศกึ ษาเปรยี บเทยี บของโครงสราง
ตา งๆในตวั เตม็ วัย กาํ เนดิ หนาที่ และการทาํ งานของกลุม สิง่ มชี ีวติ ตางๆ
ไดแ ก Homologous structure และ Analogous structure
- Homologous structure
โครงสรา งมาจากจุดกําเนิดเดยี วกัน
แตทาํ หนา ที่ตางกัน
ววิ ัฒนาการของโครงสรา งน้เี รียกวา Homology
การท่ีมีจุดกาํ เนดิ เดยี วกันแสดงวา
ส่ิงมีชีวติ กลุมนมี้ ีความสัมพนั ธใกลชดิ กันในเชงิ ววิ ฒั นาการ
(มีบรรพบรุ ษุ รวมกัน)

- Analogous structure
โครงสรางของส่ิงมีชีวิตท่ีมาจากจุดกําเนิดตางกันแตทาํ หนาท่ี

เหมือนกัน เรียกวิวัฒนาการของโครงสรางนี้วา Analogy ในเชิง
วิวัฒนาการส่ิงมีชีวิตกลุมน้ีไมมีความสัมพันธกันทางบรรพบุรุษ
แผนภาพเปรียบเทียบ
ปกนก ปกแมลงโครงสราง
มาจากจุดกําเนิดตางกัน
แตนําไปใชในการบินเชนเดียวกัน

3. หลักฐานจากคัพภะวทิ ยาเปรียบเทยี บ
ในบางกรณีที่ไมสามารถ ศึกษากายวภิ าคเปรยี บเทียบในระยะตัวเต็ม

วัยได แตเ มอ่ื ศึกษาการเจริญเตบิ โตในระยะเอม็ บริโอแลว พบวาใชเ ปน
หลกั ฐานสนบั สนุนการเกดิ วิวัฒนาการของสง่ิ มีชวี ิตได
จากการเจริญเติบโตของเอม็ บรโิ อ
ของสตั วม ีกระดกู สนั หลังระยะแรกๆ
จะเห็นวามี อวัยวะบางสวนที่คลายคลงึ กนั
ความคลา ยคลึงกันของการเจรญิ เติบโต
ในระยะเอ็มบริโอนี้อาจเปนไปไดว า
สัตวมีกระดกู สันหลังเหลา นตี้ างมวี ิวฒั นาการ
มาจากบรรพบุรษุ เดยี วกนั
แตม กี ารปรับเปลยี่ นรูปรางทแ่ี ตกตางกนั

4. หลักฐานดานชีววิทยาระดับโมเลกุล
เชน การเปลี่ยนแปลงกรดอะมิโนในไซโตโครมซี 1 โมเลกุลใช

เวลานานถึง 17 ลานป ดังนั้นคนเร่ิมแตกตางจากลิงซีรัสเม่ือ 17 ลานป
มาแลวเพราะมีกรดอะมิโนแตกตางกัน 1 โมเลกุล ดังน้ัน สิ่งมีชีวิตท่ีมี
ความใกลชิดทางสายวิวัฒนาการ จะมีความแตกตางของนิวคลีโอไทด
นอย และถาแตกตางกันมากจะมีสายวิวัฒนาการแตกตางกันมากขึ้น จาก
การศึกษาพบวาลิงซิมแพนซีมีความใกลชิดกับคนมากที่สุด

5. หลกั ฐานทางชวี ภมู ศิ าสตร
ภมู อิ ากาศและภูมปิ ระเทศเปน ตวั กาํ หนดที่ทําให มกี ารกระจายของพชื

และสัตวแ ตกตา งกนั ไปโดยอยกู ับความเหมาะสมของสภาพแวดลอมน้นั ๆ สิ่ง
กีดขวางตา งๆ เชน ภเู ขา ทะเลทราย ทะเลมหาสมทุ รเปน ผลใหมกี าร
แบง แยกและเกดิ สปชสี ในท่สี ุด เชน การเกิดสปชสี ข องกงุ ทีต่ างกัน6 สปช ีส
จากเดิมท่ีมีเพยี งสปชสี 

ปจจุบันเทคโนโลยีสมัยใหมไดกาวหนาไปมาก นับตั้งแตท่ีเมน
เดลไดจุดประกายการศึกษาสารพันธุกรรมในส่ิงมีชีวิต และจุดเปลี่ยน
สาํ คัญท่ีความแตกตางของลําดับเบสในดีเอ็นเอของส่ิงมีชีวิตแตละชนิด
สามารถใชบงชี้ถึงความใกลชิดกันทางวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตได
กลาวคือสิ่งมีชีวิตที่มีความใกลชิดกันเชิงวิวัฒนาการจะมีความเหมือนกัน
ของดีเอ็นเอมากกวาส่ิงมีชีวิตกลุมอ่ืน และเนื่องจากโปรตีนเปนผลิตภัณฑ
จากรหัสของดีเอ็นเอ ดังน้ันจึงอาจใชการศึกษาเปรียบเทียบความตางของ
โปรตีนในการเปรียบเทียบความตางของยีนในสิ่งมีชีวิตเพื่อศึกษา
วิวัฒนาการไดเชนกัน

ความตางของลาํ ดับเบสในไซโทโครม ซี ของมนุษย
(human_cytc) และลิงชิมแพนซี (chimp_cytc) ซ่ึงมีเบสตางกัน
เพียง 4 ตัว จาก318 เบส หรือคิดเปนความแตกตาง 1.2% แสดงวา
มนุษยและลิงชิมแพนซีนาจะมีความสัมพันธใกลชิดกันในเชิง
วิวัฒนาการไซโทโครม ซี เปนโปรตีนตัวสาํ คัญท่ีชวยในการหายใจ
ระดับเซลล พบในไมโทคอนเดรีย

จากการศึกษาอัตราของมิวเทช่ันท่ีเกิดข้ึนในสภาวะที่เปน
ธรรมชาติของดีเอ็นเอ พบวาอัตราการเกิดมิวเทชั่นตาํ่ มากและ
คอนขางคงท่ีการเปล่ียนแปลงกรดอะมิโนแตละโมเลกุลท่ีเกิดขึ้นใน
สายของโปรตีนกินเวลาหลายลานป เชน การเปลี่ยนแปลงกรดอะมิ
โนในไซโตโครมซี 1 โมเลกุลใชเวลานานถึง 17 ลานป ดังนั้นคนเริ่ม
แตกตางจากลิงซีรัสเม่ือ 17 ลานปมาแลวเพราะมีกรดอะมิโน
แตกตางกัน 1 โมเลกุล ดังน้ัน สิ่งมีชีวิตที่มีความใกลชิดทางสาย
วิวัฒนาการจะมีความแตกตางของนิวคลีโอไทดนอย และถาแตกตาง
กันมากจะมีสายวิวัฒนาการแตกตางกันมากข้ึน จากการศึกษาพบวา
ลิงซิมแพนซีมีความใกลชิดกับคนมากท่ีสุด

เอกสารอา้ งองิ

สุรียพร ฤกษเกษและคณะ. หลักฐานทางวิวัฒนาการ, 17กันยายน2562.
https://sites.google.com/site/evolution00life/evolution-introduct/evolution4

อาภรณ รับไซ. (2017). วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต, 17 กันยายน 2562.
https://www.scimath.org/lesson-biology/item/6957-evolution

ประวตั ผิ ูจ้ ดั ทํา

ชอื่ นางสาวจริ ภา ศรวี งษ ์
วนั เดอื น ปี เกดิ 10 กุมภาพนั ธ ์ พ.ศ.2539

ประวตั กิ ารศกึ ษา ระดบั ปรญิ ญาตรี สาขาวชิ าชวี วทิ ยา
คณะวทิ ยาศาสตร ์ มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อุดรธานี
เบอรโ์ ทร ปรญิ ญาโท สาขาวชิ าวทิ ยาศาสตรศ์ กึ ษา
E-mail บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อุดรธานี
0934366526
[email protected]


Click to View FlipBook Version