The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.
Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by Suchanee Subsomboon, 2019-06-11 22:32:46

งานวิจัย นาวิน

อนาวิน

KแHกOน่ NเกKษAตEรN4A6GฉRบ. Jับ.พ46เิ ศSษUP1P:L(.215:6(120).18). KHON KAEN AGR. J. 46 SUPPL. 1 : (2401085).

อิทธพิ ลของการปลูกพชื แซมตอ่ ประสทิ ธภิ าพของข้าวโพดและถ่วั พมุ่
ท่ปี ลกู บนดินลูกรัง

Effects of intercropping on the performance of corn and cowpea
grown on lateritic soil

ชื่นจติ แกว้ กัญญา1*, อดศิ ร ยุบลวฒั น์1, เอกราช มุกธวตั ร1, สุนิสา ผลผาฤทธ1์ิ และ อรทัย ยนตพ์ ิมพ1์

Chunjit Kaewkunya1*, Adisorn Yubonwat1, Aekarach Muktawat1, Sunisa Pholpharit1
and Orratai Yonpim1

บทคดั ยอ่ : ทดลองในสภาพไรบ่ นพน้ื ทดี่ นิ ลกู รงั ภายใตส้ ภาพแวดลอ้ มจงั หวดั สกลนคร เพอื่ ศกึ ษาอทิ ธพิ ลของการปลกู พชื
แซมขา้ วโพดและถัว่ พุ่มต่อประสิทธิภาพของพชื วางแผนการทดลองแบบ RCBD จ�ำนวน 3 ซำ�้ 4 สงิ่ ทดลอง 1) ข้าวโพด
หวานอย่างเดียว 2) ถ่ัวพุ่มอย่างเดยี ว 3) พืชแซมระหวา่ งขา้ วโพดหวานกบั ถั่วพุ่ม (2 ตน้ /หลุม) และ 4) พชื แซมระหวา่ ง
ข้าวโพดหวานกับถวั่ พุม่ (3 ตน้ /หลุม) การทดลองดำ� เนินการจากเดอื นกรกฎาคมถงึ ธนั วาคม 2559 ผลการทดลอง พบว่า
ภายหลงั การทดลองดนิ มคี า่ pH เพม่ิ ขนึ้ จาก 5.86 เปน็ 6.11 ปรมิ าณอนิ ทรยี วตั ถดุ นิ เปลยี่ นจาก 15.60 กรมั ตอ่ กโิ ลกรมั เปน็
20.20 กรมั ตอ่ กโิ ลกรมั และไนโตรเจนทง้ั หมดเพมิ่ จาก 0.34 เปน็ 0.85 กรมั ตอ่ กโิ ลกรมั ตามลำ� ดบั ในสว่ นขององคป์ ระกอบ
ผลผลติ พบวา่ การปลกู ขา้ วโพดหวานอย่างเดียวจ�ำนวนฝกั ตอ่ ตน้ และผลผลติ น้�ำหนกั สดมคี วามแตกตา่ งทางสถติ ิ ลดลง
โดยการปลกู พชื แซม ระบบการปลกู พชื แซมลดผลผลติ เมลด็ ถวั่ พมุ่ และจำ� นวนฝกั ตอ่ ตน้ แตไ่ มพ่ บความแตกตา่ งทางสถติ ิ
ของจำ� นวนเมลด็ ตอ่ ฝกั และนำ�้ หนกั 100 เมลด็ นอกจากนยี้ งั พบวา่ คา่ ประสทิ ธภิ าพการใชท้ ด่ี นิ ของการปลกู พชื แซมสงู กวา่
การปลกู พชื เดย่ี ว ผลการทดลองครง้ั นแ้ี สดงใหเ้ หน็ วา่ การปลกู พชื แซม (ขา้ วโพดหวาน/ถว่ั พมุ่ ) ไมเ่ พยี งแตเ่ พมิ่ ประสทิ ธภิ าพ
ทด่ี ินยังสามารถปรบั ปรุงสมบัติเคมบี างประการของดินไดอ้ กี ด้วย
ค�ำสำ� คัญ: การปลกู พชื แซม, ขา้ วโพด, ดินลกู รัง, ถ่ัวพมุ่

ABSTRACT: A field experiment was conducted on lateritic soil area under the environment of Sakhon Nakhon
province to investigate the effects intercropping corn and cowpea on the performance of plants. The experiments
were conducted in Randomized completely block design (RCBD) with 3 replications and 4 treatments; 1) Sole sweet
corn, 2) Sole cowpea, 3) intercrop between sweet corn with cowpea (2 plants/hill), and 4) intercrop between sweet
corn with cowpea (3 plants/hill). The experiment was monitored form July to December 2016. The results illustrated
that after the experiment was done, the soil pH increased from 5.86 to 6.11, soil organic matter changed from 15.60
g kg -1 to 20.20 g kg -1 and total nitrogen increased from 0.34 to 0.85 g kg -1 respectively. In term of yield component
found that only sweet corn number of era per plant and fresh weight yield were significantly reduce by intercropping.
Intercropping systems reduce the cowpea seed yield and number of pods per plant but had no significant effect on
the number of seed per pod and 100 seed weight. Results also showed that land equivalent ratio (LER) value of
intercropping had higher than sole crop. Results indicated that intercropping (sweet corn/ cowpea) not only increased
LER but also improve some chemical property of soil.
Keywords: intercropping, corn, lateritic soil, cowpea

1 ภาควิชาเกษตรและทรัพยากร คณะทรัพยากรธรรมชาติและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
วทิ ยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวดั สกลนคร

Department of Agriculture and Resources, Faculty of Natural Resources and Agro-industry Kasetsart University
Chalermphrakiat Sakhon Nakhon Province Campus

* Corresponding author: [email protected]

406 แก่นเกษตร 46 ฉบบั พเิ ศษ 1 : (2561).

บทนำ� หรือโรยเมล็ดก่อนปลูกพืชหลักอย่างน้อย 45-60 วัน
การปลกู พชื แซม (Intercropping) คอื การปลกู พชื แล้วไถกลบ หรือปลูกแซมระหวา่ งแถวพืชหลกั ถ่ัวพมุ่
ชนิดหน่ึงลงไประหว่างแถวของพืชอีกชนิดหนึ่งโดย น�ำ้ หนักสด 1-4 ตนั /ไร่ ใหธ้ าตุไนโตรเจน 10-20 กก./ไร่
จำ� นวนแถวทป่ี ลกู แซมไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งอยใู่ นลกั ษณะของ และในสภาพไร่ถ่ัวพุ่มสามารถตรึงไนโตรเจนได้ถึง
แถวหนึง่ กบั อีกแถวหน่ึงกไ็ ด้ อาจปลูกแซมในลกั ษณะ 12-59 กก./ไร่ (กรมพัฒนาที่ดิน, 2540) ชื่นจิต และ
สองแถวของพชื แซมระหวา่ งหนง่ึ แถวของพชื หลกั หรอื คณะ (2555) รายงานว่า การปลูกถั่วพุ่มในสภาพดิน
อาจปลกู แซมสแี่ ถวของพชื หลกั ทำ� ใหส้ ดั สว่ นของแถว ลูกรังท�ำให้ดินมีปริมาณอินทรียวัตถุเพ่ิมขึ้นจาก 13.4
ท่ีปลูกแซมจึงไม่แน่นอน (อภิพรรณ, 2544) โดย ก./กก. เปน็ 17.8 ก./กก. Legwaila et al. (2012) ศกึ ษา
วตั ถปุ ระสงคข์ องการปลกู พชื แซมคอื ใหพ้ ชื ใชป้ จั จยั การ อิทธิพลของการปลูกพืชแซมต่อประสิทธิภาพของ
ผลิตที่มีอยู่อย่างจ�ำกัด และใช้ปัจจัยสภาพแวดล้อม ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และถั่วพุ่มในประเทศบอตสวานา
เช่น แสงแดด น�้ำ และอุณหภูมิท่ีมีอยู่ให้เกิด (Bostwana) ระหว่างปี ค.ศ. 2006-2007 ส่ิงทดลอง
ประสทิ ธภิ าพสงู สดุ การปลกู พชื แซมในแถวพชื หลกั จะ ประกอบดว้ ย การปลูกขา้ วโพดอย่างเดียว ปลกู ถัว่ พมุ่
ช่วยลดอุณหภูมิดิน สามารถเพ่ิมความช้ืนในดิน ซึ่ง อย่างเดียว การปลูกข้าวโพดแซมถั่วพุ่มระยะห่าง
เป็นการส่งเสริมกิจกรรมของสิ่งมีชีวิตได้อีกทางหนึ่ง 40 ซม. และปลูกขา้ วโพดแซมถั่วพุ่มระยะห่าง 30 ซม.
นอกจากน้ียังเป็นการลดปัญหาวัชพืชได้อีกทางหน่ึง ผลการทดลองพบว่า การปลูกพืชเดี่ยวให้ผลผลิต
(Takim, 2012) ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันว่าการใช้พืช น�้ำหนักแห้งแตกต่างทางสถิติกับการปลูกพืชแซม
ตระกลู ถว่ั ในระบบการปลกู พชื ทงั้ ในรปู ของการปลกู พชื ท้ังสองวิธี ซง่ึ เปน็ ผลมาจากการแขง่ ขันด้านปจั จัยการ
หมุนเวียน การปลูกเป็นพืชแซม และการปลูกเป็นปุ๋ย เจริญเติบโตของพืช เช่น ธาตุอาหาร แสง และ
พืชสด จะช่วยให้พืชหลักมีการเจริญเติบโตและให้ นำ้� เปน็ ตน้ แตไ่ มส่ ง่ ผลตอ่ จำ� นวนฝกั ตอ่ ตน้ ของขา้ วโพด
ผลผลติ สงู ขน้ึ ทงั้ ยงั สามารถชว่ ยลดหรอื ทดแทนการใช้ และน�้ำหนัก 100 เมล็ด ของข้าวโพดและถ่ัวพุ่ม
ปยุ๋ เคมี ตลอดจนอาจชว่ ยลดความรนุ แรงของโรค และ นอกจากน้ี Takim (2012) รายงานถงึ ขอ้ ได้เปรยี บของ
แมลงสัตรพู ืชหลักได้ การใชพ้ ืชตระกลู ถั่วในระบบการ การปลูกพืชแซมข้าวโพด-ถ่ัวพุ่ม เม่ือเปรียบเทียบกับ
ปลกู พชื นน้ั พชื ทป่ี ลกู รว่ มมโี อกาสไดร้ บั ไนโตรเจนจาก การปลกู พชื เดย่ี วคอื สามารถลดจำ� นวนวชั พชื และเพมิ่
การตรึงไนโตรเจนของพืชตระกูลถั่วน้อยมาก แต่พืชท่ี ค่าประสิทธิภาพการใช้ท่ีดินให้สูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ปลูกร่วมจะได้รับไนโตรเจนจากการย่อยสลายของ การศึกษาในระบบปลูกพืชแซมข้าวโพดเล้ียงสัตว์กับ
เนือ้ เยื่อ และปมทีห่ ลดุ รว่ มของพชื ตระกูลถัว่ (Allison, พืชตระกูลถั่วชนิดอนื่ โดย Kheroar and Patra (2013)
1973) ปัจจุบันระบบการปลูกธัญพืช เช่น ข้าวโพด พบวา่ การปลกู ถว่ั เหลอื ง 1 แถว แซมแถวขา้ วโพดระยะ
ขา้ วไร่ และขา้ วฟา่ ง แลว้ ปลกู พชื ตระกลู ถว่ั แซมระหวา่ ง หา่ งแถว 60 ซม. และการปลกู ถวั่ เหลือง 2 แถว แซม
แถวพืชหลักได้รับความนิยมจากกลุ่มประเทศในทวีป ระหว่างแถวข้าวโพดระยะห่างแถว 90 ซม. มีค่า
แอฟริกา เชน่ บอตสวานา และไนจเี รยี นอกจากนีย้ งั มี ประสิทธิภาพการใช้ที่ดินใกล้เคียงกันคือ 1.33 และ
การศึกษาในประเทศบราซลิ และประเทศจนี 1.35 ตามลำ� ดบั
ถ่ัวพุ่ม L. (Walp.) เป็นพืชท่ีได้รับความนิยมใน
ระบบการปลกู พชื แซม เนอ่ื งจากเปน็ พชื ทป่ี ลกู งา่ ย เปน็ ดนิ ลกู รงั (lateritic soil) จดั อยใู่ นกลมุ่ ดนิ ปนกรวด
พชื ตระกลู ถว่ั ประเภทปเี ดยี ว มลี กั ษณะการเจรญิ เตบิ โต (skeletal soil) ถกู จำ� แนกเป็นดินท่มี ปี ัญหา เน่อื งจาก
เป็นพุ่มเตี้ยคล้ายถ่ัวเขียว เป็นพืชท่ีทนแล้ง สามารถ มีอนภุ าคขนาดกรวดของลกู รงั จำ� นวนมากอยใู่ นระดับ
เจริญเติบโตได้ดีในสภาพดินต่างๆ ถ่ัวพุ่มมีประโยชน์ ตืน้ ท�ำใหจ้ ำ� กัดการชอนไชของรากพชื และเปน็ ปญั หา
ในด้านการปรับปรุงดินโดยการปลูกหมุนเวียนกับ ในการเขตกรรม ปริมาณอนุภาคดินละเอียดมีน้อย
พชื หลกั เชน่ ขา้ วโพด และมนั สำ� ปะหลงั เปน็ ตน้ หวา่ น ท�ำใหม้ ีธาตุอาหารและความช้ืนที่เป็นประโยชนต์ อ่ พชื
ต่�ำ และง่ายต่อการชะล้างพังทลายของหน้าดิน
(Potichan, 1991) ถงึ แมว้ า่ ดนิ ลกู รงั จะถกู จดั วา่ เปน็ ดนิ

KHON KAEN AGR. J. 46 SUPPL. 1 : (2018). 407

ที่มีปัญหาไม่เหมาะสมต่อการท�ำการเกษตร แต่ 53 (บริษัทแปซิฟิคเมล็ดพันธุ์) ถ่ัวพุ่มสายพันธุ์ CP4
เกษตรกรส่วนใหญ่ก็ยังมีการใช้ประโยชน์ เน่ืองจาก 2-3-1 (ถวั่ พมุ่ เมลด็ ดำ� จากศนู ยว์ จิ ยั พชื ไรอ่ บุ ลราชธาน)ี
ปัจจุบันพ้ืนที่ท�ำการเกษตรลดลงอย่างรวดเร็ว ดังน้ัน
การจัดระบบการปลูกพืชแซมที่ใช้พืชตระกูลถั่วร่วม การปลกู และการจดั การ : หลงั จากเกบ็ ตวั อยา่ ง
ด้วยอาจเป็นทางออกเพื่อความยั่งยืนได้ในอนาคต ดินก่อนการทดลอง ไถเตรียมแปลงพร้อมส�ำหรับการ
เพราะระบบดังกล่าวเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ ปลกู วดั ขนาดแปลงย่อย 3x4 เมตร เพื่อปลูกพชื ตาม
ท่ีดินควบคู่กับการเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน จาก ส่งิ ทดลอง โดย T1 และ T2 ใช้ระยะปลกู 75 x 25 ซม.
ปัญหาและความส�ำคัญดังกล่าวข้างต้นจึงได้ศึกษา ปลูกด้วยการหยอดเมล็ดจ�ำนวน 3 เมล็ด/หลุม แล้ว
อิทธิพลของการปลูกพืชแซมต่อประสิทธิภาพของ ถอนแยกใหเ้ หลอื 2 ตน้ หลงั ปลกู 1 สปั ดาห์ สำ� หรบั T3
ข้าวโพดและถ่ัวพุ่มท่ีปลูกบนดินลูกรัง โดยมี และ T4 เมื่อปลูกข้าวโพดลงแปลงเรียบร้อยแล้วปลูก
วัตถุประสงค์เพื่อประเมินประสิทธิภาพการให้ผลผลิต ถ่ัวพุ่มโดยการหยอดเมล็ดลงในช่องว่างระหว่างแถว
ตลอดจนประสทิ ธกิ ารใชท้ ด่ี นิ ของระบบการปลกู พชื แซม ขา้ วโพดโดยมรี ะยะหา่ งระหวา่ งตน้ 25 ซม. จำ� นวน 3-4
เมลด็ /หลมุ หลังปลกู 1 สปั ดาห์ ถอนแยกให้ไดจ้ ำ� นวน
วิธกี ารศกึ ษา ต้นตามส่ิงทดลอง ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 50
ทำ� การวจิ ยั ตง้ั แตเ่ ดอื น กรกฎาคม-ธนั วาคม 2559 กก./ไร่ ใสโ่ ดยหยอดขา้ งตน้ กลบโคนพรอ้ มกำ� จดั วชั พชื
พ้ื น ที่ ศึ ก ษ า เ ป ็ น แ ป ล ง ท ด ล อ ง ฟ า ร ์ ม พื ช ค ณ ะ เมื่อพืชมีอายุ 30 วันหลังปลูก มีการให้น�้ำด้วยระบบ
ท รั พ ย า ก ร ธ ร ร ม ช า ติ แ ล ะ อุ ต ส า ห ก ร ร ม เ ก ษ ต ร สปริงเกอร์ในระหวา่ งทฝี่ นท้งิ ช่วง
มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์ วทิ ยาเขตเฉลมิ พระเกยี รติ
จงั หวดั สกลนคร พนื้ ทปี่ ลกู เปน็ ดนิ ลกู รงั ชดุ ดนิ โพนพสิ ยั การบนั ทกึ ข้อมลู : เก็บข้อมูลทางอตุ ุนิยมวิทยา
สภาพภูมอิ ากาศระหวา่ งการทดลองแสดงใน Table 1 ได้แก่ ปริมาณน�้ำฝน และอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดการ
ใช้แผนการทดลองแบบ Randomized completely ทดลอง ศกึ ษาสมบตั บิ างประการของดนิ กอ่ นและหลงั
block design(RCBD) มี 3 ซ�้ำ และ 4 สิ่งทดลอง คือ การทดลอง (pH, Organic matter Total Nitrogen)
1) ปลกู ขา้ วโพดหวานอยา่ งเดยี ว (T1) ปลกู ถวั่ พมุ่ อยา่ ง ศกึ ษาขอ้ มลู องคป์ ระกอบผลผลติ ทสี่ ำ� คญั ของขา้ วโพด
เดียว (T2) 3) ปลูกถั่วพุ่มแซมระหว่างแถวข้าวโพด หวาน ไดแ้ ก่ จำ� นวนฝกั ต่อต้น ความกว้าง ความยาว
จ�ำนวน 2 ต้น/หลุม (T3) และ 4) ปลูกถั่วพุ่มแซม ฝกั นำ้� หนกั ตอ่ ฝกั และผลผลติ ฝกั สดตอ่ ไร่ และสำ� หรบั
ระหวา่ งแถวขา้ วโพด จำ� นวน 3 ตน้ /หลมุ (T4) โดยชนดิ ถ่ัวพุ่มเก็บข้อมูลจ�ำนวนฝักต่อต้น จ�ำนวนเมล็ดต่อฝัก
และพันธุ์พืชท่ีศึกษาคือ ข้าวโพดหวานพันธุ์ ไฮ-บริกซ์ น�้ำหนัก100 เมล็ด และผลผลิตเมล็ดต่อไร่ ประเมิน
ประสิทธิภาพการใช้ที่ดิน (Land Equivalent Ratio;
LER) ค�ำนวณจากสูตร

LER = ผลผลิตข้าวโพดทปี่ ลูกแซม + ผลผลิตถวั่ พ่มุ ท่ปี ลกู แซม
ผลผลิตขา้ วโพดท่ปี ลกู เดีย่ ว ผลผลติ ถ่วั พมุ่ ท่ีปลูกเด่ียว

การวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ : น�ำข้อมูล ผลการศึกษาและวิจารณ์
วเิ คราะหค์ วามแปรปรวน (Analysis of Variance) ตาม สภาพภูมิอากาศสถานที่ทดลอง : สภาพภูมิ
แผนการทดลอง และเปรียบเทียบความแตกต่างของ อากาศตลอดการทดลองในปี พ.ศ. 2559 (Table 1)
ค่าเฉลย่ี ดว้ ยวธิ ี Least Significant difference (LSD) เหน็ ไดว้ า่ มปี รมิ าณนำ้� ฝนรวมสงู ถงึ 1,533.4 มม./ปี โดย
ทีร่ ะดบั ความเช่อื ม่นั 95 % โดยโปรแกรมส�ำเร็จรปู ฝนจะเริ่มตกในเดือนเมษายน และเพิ่มปริมาณขึ้น
เร่ือยๆ และสูงสุดในเดือนสิงหาคมและกันยายนซึ่งมี
ปริมาณใกลเ้ คียงกันคอื 321.4 และ 314.4 มม./เดือน

408 แกน่ เกษตร 46 ฉบับพเิ ศษ 1 : (2561).

ปริมาณน้�ำฝนลดลงอย่างรวดเร็วในเดือนตุลาคม ในส่วนของอุณหภูมิพบว่ามีอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี
เนื่องจากเป็นช่วงปลายของฤดูฝน ซ่ึงงานในแปลง 26.4 °C ซง่ึ เปน็ ชว่ งทเ่ี หมาะสมตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของ
ทดลองยงั ไมไ่ ดเ้ กบ็ เกย่ี วผลผลติ จงึ ตอ้ งมกี ารใหน้ ำ้� โดย พชื ปลูก
ระบบสปรงิ เกอร์ในช่วงเดอื นตลุ าคม และพฤศจกิ ายน

Table 1 Rainfall and average temperature in 2016 under environment of Sakhon Nakhon province.

Month Jan. Feb. Mar. Apr. May Jun. Jul. Aug. Sep. Oct. Nov. Dec. Total
Rainfall (mm.)
58.4 0 0 59.4 155.0 310.6 238.0 321.4 314.4 52.8 21.6 2.2 1,533.4
27.3 27.5 27.0 27.0 25.0 22.9 26.4
Average temperature ( ◦C) Average
22.9 21.4 28.0 31.7 28.9 28.0

การเปลี่ยนสมบัติบางประการของดิน : จาก ทป่ี ลกู ถัว่ พุ่มจะมีปริมาณอินทรียวตั ถเุ พ่มิ ขึน้ การปลกู
การศกึ ษาสมบตั เิ คมบี างประการของดนิ กอ่ นและหลงั พชื ตระกลู ถว่ั จะชว่ ยเพมิ่ อนิ ทรยี วตั ถแุ ละธาตอุ าหารให้
การทดลอง Table 2 พบวา่ ความเปน็ กรด-ด่าง (pH ) แก่ดินได้ และรักษาคุณสมบัติของดินได้ในระยะยาว
ดนิ กอ่ นการทดลองมคี า่ 5.86 หลงั ทำ� การทดลองคา่ pH (ธวชั ชยั และประทีป, 2536) เน่ืองจากเมอื่ ส่วนของพชื
ของดินเพิ่มขึ้นเฉล่ีย 6.11 แต่ไม่แตกต่างทางสถิติ ทค่ี ลมุ ดนิ หลดุ รว่ งทบั ถมในดนิ เกดิ การยอ่ ยสลายทำ� ให้
ระหว่างสง่ิ ทดลอง คือมคี า่ ระหว่าง 6.02-6.14 โดยอยู่ อินทรียวัตถุในดินเพิ่มขึ้นได้ และในส่วนของปริมาณ
ในชว่ งดินทเ่ี ป็นกรดเลก็ นอ้ ย การปลูกพืชตระกูลถวั่ จะ ไนโตรเจนทั้งหมดในดิน นั้น ภายหลังการทดลองมี
สามารถปรับปรุงสมบัติทางเคมีของดินที่ท�ำการเพาะ ปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและพบความแตกต่าง
ปลกู ใหด้ ีขนึ้ ได้ (Tarawali and Pamo, 1992) โดยพืช ทางสถิติระหว่างสิ่งทดลอง โดยการปลูกถ่ัวพุ่มอย่าง
ตระกูลถ่ัวสลายตัวและปล่อยสารเคมีออกมาจาก เดยี วมปี รมิ าณสงู สดุ ในขณะทกี่ ารปลูกขา้ วโพดอย่าง
จุลินทรีย์ท�ำให้เกิดการปรับสภาพความเป็นกรด-ด่าง เดียวมีปริมาณต�่ำที่สุด ท้ังน้ีเนื่องจากการปลูกถั่วพุ่ม
ในดนิ ได้ (แววจักร, 2529) ส�ำหรับปรมิ าณอินทรยี วตั ถุ อย่างเดียวพืชเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่ สามารถตรึง
ในดนิ นนั้ ภายหลงั การทดลองมปี รมิ าณเพิ่มขึน้ แต่ไม่ ไนโตรเจนได้ดีและไม่มีข้าวโพดซ่ึงเป็นพืชที่มีความ
พบความแตกต่างระหว่างส่ิงทดลอง สอดคล้องกับ ตอ้ งการธาตุไนโตรเจนทสี่ งู แย่งใช้
รายงานของชื่นจิต และคณะ (2555) ทพ่ี บวา่ ดนิ ลกู รงั

Table 2 Some properties of lateritic soil before and after different treatments.

Treatment Some soil properties
pH Organic matter Total nitrogen
(g kg-1) (g kg-1)
Before 5.86 15.60 0.34
Sole sweet corn 6.02 19.07 0.75 b
Sole cowpea 6.22 20.07 1.03 a
Sweet corn intercrop with cowpea (2 plant/hill) 6.08 20.56 0.84 b
Sweet corn intercrop with cowpea (3 plant/hill) 6.14 21.09 0.79 b
F-test ns ns
C.V. (%) 5.73 7.37 *
ns = not significant 9.09

Means in the same row with different superscripts differ significantly (P<0.05) by LSD

KHON KAEN AGR. J. 46 SUPPL. 1 : (2018). 409

องค์ประกอบผลผลิตบางประการของข้าวโพด : แวดล้อม และสภาพดินที่แตกต่างกัน ตลอดจนการ
การศกึ ษาองคป์ ระกอบผลผลติ บางประการซงึ่ ประกอบ จัดการปุ๋ย น้�ำไม่เต็มท่ีเหมือนกับการทดสอบในสถานี
ด้วย จ�ำนวนฝักต่อต้น ความกว้างและความยาวฝัก วจิ ยั ของบรษิ ทั อยา่ งไรกต็ าม ดนิ สามารถปรบั ปรงุ ใหด้ ี
น�้ำหนักต่อฝัก และผลผลิตน้�ำหนักฝักสดต่อไร่ Table ข้นึ ได้ดว้ ยการปลกู พืชตระกลู ถัว่ อย่างสม่�ำเสมอ
3 แสดงใหเ้ หน็ วา่ การปลกู ขา้ วโพดอยา่ งเดยี วใหจ้ ำ� นวน
ฝักต่อต้น น�้ำหนักต่อฝัก และผลผลิตฝักสดทั้งเปลือก องคป์ ระกอบผลผลติ บางประการของถว่ั พมุ่ :
ตอ่ ไรส่ งู สดุ แตกตา่ งทางสถติ กิ บั การปลกู พชื แซมทง้ั 2 Table 4 แสดงให้เห็นว่าการปลูกถ่ัวพุ่มอย่างเดียวมี
วิธี ท่ีมีค่าใกล้เคียงกัน เนื่องจากการแย่งปัจจัยท่ีมีผล จ�ำนวนฝักต่อต้น และผลผลิตเมล็ดต่อไร่สูงกว่าการ
ตอ่ การเจริญเติบโตของพืช เช่น แสงแดด น้�ำ และธาตุ ปลกู แซมระหวา่ งแถวขา้ วโพดทงั้ 2 วธิ ี โดยมจี ำ� นวนฝกั
อาหาร ในขณะทคี่ วามกวา้ งและความยาวฝกั ขา้ วโพด 26.7 ฝกั ตอ่ ตน้ และผลผลติ เมลด็ แหง้ 135.7 กก./ไร่ ซงึ่
ทไี่ ดจ้ ากระบบการปลกู พชื ทงั้ 4 วธิ ไี มพ่ บความแตกตา่ ง เป็นผลมาจากการแข่งขันของพืชในการปลูกพืชแซม
ทางสถิติ คอื มคี วามกว้าง และความยาวฝักเฉลยี่ 4.8 ถว่ั พมุ่ ทใ่ี ชใ้ นการทดลองครงั้ นคี้ อื สายพนั ธ์ุ CP4-2-1-3
และ 22.0 ซม. ตามลำ� ดับ ท้งั น้ีลกั ษณะทั้งสองขน้ึ อยู่ ซ่ึงให้ผลผลิตเมล็ดแห้งเฉล่ีย 120-150 กก./ไร่
กับพันธุกรรม การทดลองครั้งน้ีให้ผลผลิตฝักสดท้ัง (ศูนย์วิจัยพืชไร่อุบลราชธานี, 2543) แสดงให้เห็นถั่ว
เปลือกต�่ำกว่าของทางบริษัท แต่ฝักข้าวโพดมีความ พุ่มสายพันธุ์ดังกล่าวสามารถปลูกในสภาพดินลูกรัง
กวา้ งและความยาวใกลเ้ คยี งกนั (ลกั ษณะประจำ� พนั ธ์ุ ชุดดินโพนพิสัย ในจังหวัดสกลนครได้ดี ส�ำหรับ
ข้าวโพดหวานพันธุ์ไฮ-บริกซ์ 53 ซ่ึงเป็นพันธุ์ใหม่ของ องค์ประกอบผลผลิตในด้านจ�ำนวนเมล็ดต่อฝัก และ
บริษัทแปซิฟิคเมล็ดพันธุ์ มีกว้างฝัก 5.0-5.5 ซม. น้�ำหนัก 100 เมล็ด ไม่พบความแตกต่างระหว่าง
ความยาว 16-18 ซม. และผลผลติ ทง้ั เปลอื ก 3,589 กก. ส่ิงทดลอง เน่ืองจากท้ังสองปัจจัยถูกควบคุมด้วย
(บรษิ ทั แปซฟิ คิ เมลด็ พนั ธ,์ุ 2017)) ทงั้ นเ้ี นอื่ งจากสภาพ ลกั ษณะทางพนั ธุกรรม

Table 3 Effect of intercropping on some yield component of sweet corn grown on lateritic soil

Treatment No. of ear Ear wide Ear length Fresh weight (g Yield (kg rai -1)
plant-1 (cm.) (cm.) ear-1) (fresh weight)

Sole sweet corn (control) 1.8 a 5.2 23.8 222.1.7 a 1,674.2 a
1,411.9 b
Sweet corn intercrop with 1.1 b 4.6 21.6 169.4.7 b
cowpea (2 plant/hill) 1,502.1 b

Sweet corn intercrop with 1.0 b 4.7 20.7 211.1 a **
cowpea (3 plant/hill) 5.64

F-test * ns ns *

C.V. (%) 7.70 7.1 3.4 4.37
ns = not significant
abc Means in the same row with different superscripts differ significantly (P<0.05) by LSD

410 แก่นเกษตร 46 ฉบบั พเิ ศษ 1 : (2561).

Table 4 Effect of intercropping on yield component of cowpea grown on lateritic soil

Treatment No. of No. of 100 seed Seed yield
pods plant-1 Seed pods-1 weight (g) (kg rai -1)
Sole cowpea (control) 26.7 a 12.4 14.7 135.7 a
Sweet corn intercrop with cowpea 15.0 b 12.6 13.9 80.5 b
(2 plant/hill) 71.4 b
Sweet corn intercrop with cowpea 18.0 b 12.6 14.7
(3 plant/hill) **
F-test * ns ns 10.90
C.V. (%) 16.63 11.23 3.21
ns = not significant
abc Means in the same row with different superscripts differ significantly (P<0.05) by LSD

ผลผลติ รวมและคา่ ประสิทธภิ าพการใช้ทดี่ นิ : และจำ� นวน 3 ตน้ ตอ่ หลมุ มคี า่ ประสทิ ธภิ าพการใชท้ ดี่ นิ
เม่ือเปรียบเทียบระหว่างการปลูกพืชท้ัง 4 วิธี จาก ใกล้เคียงกนั คอื 1.44 และ 1.42 ตามลำ� ดบั ซ่ึงเปน็ ไป
Table 5 พบว่าการปลูกข้าวโพดหวานอย่างเดียวให้ ในทางเดยี วกนั กบั รายงานของ Takim (2012) ทศ่ี กึ ษา
ผลผลติ สงู ใกลเ้ คยี งกบั การปลกู ขา้ วโพดหวานแซมดว้ ย ความไดเ้ ปรยี บของการปลกู พชื แซมขา้ วโพดเลยี้ งสตั ว-์
ถวั่ พมุ่ (3 ตน้ /หลมุ ) (1,674.2 และ 1,573.5 กก/ไร่ ตาม ถวั่ พมุ่ ทีเ่ หนือกวา่ การปลกู พชื เดี่ยว ในประเทศไนจีเรีย
ลำ� ดบั ) ประโยชนข์ องการปลกู พชื แซมทเี่ ดน่ ชดั ทส่ี ดุ คอื ซงึ่ พบวา่ วธิ กี ารปลกู ขา้ วโพด 1 แถว:ถว่ั พมุ่ 1 แถว และ
การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ที่ดิน ซึ่งการทดลองคร้ังน้ี ข้าวโพด 2 แถว:ถว่ั พ่มุ 1 แถว ท่ีมคี ่าประสิทธิภาพการ
พบวา่ การปลกู ขา้ วโพดหวานแซมถวั่ พมุ่ 2 ตน้ ตอ่ หลมุ ใช้ท่ีดิน 1.77 และ 1.74 ตามล�ำดบั

Table 5 Effect of intercropping on yield of plants and land equivalent ratio (LER)

Treatment Yield (kg rai -1) Total LER
Sweet corn Cowpea -
Sole sweet corn 1,674.2 a - 1,674.2 a -
Sole cowpea - 135.7 a 135.7 c 1.44
Sweet corn intercrop with cowpea 1,411.9 b 80.5 b 1,492.4 b 1.42
(2 plant/hill) ns
Sweet corn intercrop with cowpea 1,502.1 b 71.4 b 1,573.5 ab 4.96
(3 plant/hill)
F-test ** ** **
C.V. (%) 5.64 5.64 7.34
ns = not significant
abc Means in the same row with different superscripts differ significantly (P<0.05) by LSD

สรปุ และข้อเสนอแนะ เปน็ การกระจายความเสย่ี งในดา้ นสภาพแวดลอ้ ม และ
การปลกู พชื แซมขา้ วโพดหวานถว่ั พมุ่ สามารถเพม่ิ ราคาผลผลิตพืช สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ท่ีดี
ประสทิ ธภิ าพการใหผ้ ลผลติ รวมของระบบการปลกู พชื นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน
ลกู รงั ได้ ดงั นน้ั การใชพ้ ชื พชื ตระกลู ถว่ั ในระบบการปลกู

KHON KAEN AGR. J. 46 SUPPL. 1 : (2018). 411

ท่ีมีธัญพืชเป็นพืชหลักจึงถือได้ว่าเป็นทางเลือกหน่ึงท่ี ศูนย์วิจัยพืชไร่อุบลราชธานี. 2543. ถั่วพุ่ม. พิมพ์คร้ังท่ี 1.
นำ� ไปสคู่ วามยง่ั ยนื ทง้ั ทางดา้ นเศรษฐกจิ สงั คม และสง่ิ โรงพิมพศ์ ริ ิธรรมออฟเซท็ , อบุ ลราชธาน.ี
แวดลอ้ มได้ อยา่ งไรกต็ ามเพอ่ื ใหเ้ หน็ ผลทชี่ ดั เจนยงิ่ ขนึ้
ควรมีการทดลองในระยะเวลาทีย่ าวนานขึ้น อภพิ รรณ พกุ ภกั ด.ี 2544. ระบบการปลกู พชื และการวจิ ยั พฒั นา
ระบบการท�ำฟารม์ สถู่ าวรภาพของเกษตรกรรม. ภาควิชา
เอกสารอ้างอิง พชื ไรน่ า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร,์ กรงุ เทพ ฯ.

กรมพฒั นาทดี่ นิ . 2440. พชื ตระกลู ถวั่ เพอื่ การปรบั ปรงุ บำ� รงุ ดนิ . Allison, F.E. 1973. Soil Organic Matter and It,s Role in Crop
กระทรวงเกษตรและสหกรณ,์ กรงุ เทพฯ. Production. Elsevier Scientific Publishing Company,
New York.
ชน่ื จิต แกว้ กัญญา, ปนดั ดา ประสาทชัย และ อมรัตน์ อปุ พงศ.์
2555. ศกั ยภาพของถว่ั เขตรอ้ นเพอ่ื เปน็ อาหารสตั วค์ ณุ ภาพ Kheroar S., and B. C. Patra. 2013. Advantages of Maize-
ดีและการปรับปรุงดินลูกรัง. ว. วิทยาศาสตร์เกษตร. Legume Intercropping Systems. J. of Agricultural
43(พเิ ศษ 2). 297-300. Science and Technology. B3: 733-744.

ธวัชชัย ณ นคร และประทีป วีระพัฒนนิรันทร์. 2536. Legwaila, G.M., T. K. Marokane, and W. Mojeremane.
การจัดการและอนรุ กั ษด์ นิ และน้ำ� ในระดับไรน่ า. น. 102- 2012. Effects of Intercropping on the Performance
116. รายงานวจิ ยั ประจำ� ป.ี กรมวชิ าการเกษตร, กระทรวง of Maize and Cowpeas in Botswana. International J.
เกษตรและสหกรณ์, กรุงเทพฯ. of Agriculture and Forestry. 2(6): 307-310.

บรษิ ทั แปซฟิ คิ เมลด็ พนั ธ.์ุ 2017. ขา้ วโพดหวานพนั ธไ์ุ ฮ-บรกิ ซ์ 53. Potichan, A.1991. Morphology, Genesis and Characteristic
แหลง่ ทม่ี า: https://goo.gl/TEU4GJ. คน้ เมอื่ 20 กนั ยายน of Skeletal Soils in Sakon Nakhon Province, Northeast
2560. Thailand. Ph.D.Thesis, University of Philippines, Los
Banos.
แววจักร กองพลพรหม. 2529. พชื ตระกลู ถั่ว-ปยุ๋ พืชสด และพชื
อาหารสตั วส์ ำ� หรบั โครงการพฒั นาการเกษตรอาศยั นำ�้ ฝน Takim, F.O. 2012. Advantages of Maize-Cowpea
ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ. น.11-13. ใน: รายงานประชมุ Intercropping over Sole Cropping through
เชิงปฏิบัติการคณะท�ำงานระบบการปลูกพืช โครงการ Competition Indices. J. of Agriculture and Biodiver-
พัฒนาการเกษตรอาศัยน้�ำฝนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ. sity Research. 1(4): 53-58.
20-23 มกราคม 2529. จังหวดั นครพนม.
Tarawali, G., and E.T. Pamo.1992. A case for on-farm
trials of fodder banks on the Adamawa Plateau in
Cameroom. Exp. Agri. 28: 229-235.


Click to View FlipBook Version