The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

เอกสารประกอบการเรียนรู้คณิตศาสตร์พื้นฐาน ม. 6 - หน่วยที่ 1 สถิติศาสตร์และข้อมูล

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by นายวสันต์ เปรมทวี, 2020-04-30 12:06:32

เอกสารประกอบการเรียนรู้คณิตศาสตร์พื้นฐาน ม. 6 - หน่วยที่ 1 สถิติศาสตร์และข้อมูล

เอกสารประกอบการเรียนรู้คณิตศาสตร์พื้นฐาน ม. 6 - หน่วยที่ 1 สถิติศาสตร์และข้อมูล

หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 สถิตศิ าสตรแ์ ละข้อมลู หนา้ 1

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 สถติ ิศาสตร์และข้อมลู หนา้ 1

สถติ ศิ าสตรแ์ ละขอ้ มลู

Statistics and Data

สถิติเป็นศาสตร์ที่ใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการตัดสินใจอย่างมีเหตุผล การตัดสินใจวางแผนการ
ดำเนินงาน การสรุปปญั หาและการแก้ปัญหาต่าง ๆ ปจั จุบันสถติ เิ ขา้ มามีบทบาทในการดำเนินชีวิตของคนเรา
เป็นอย่างมากจนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านธรุ กิจ ด้านการแพทย์ ด้านการค้าขาย ด้านอุตสาหกรรม
ด้านเกษตรกรรม ดา้ นการคมนาคมและขนส่ง ดา้ นภมู ิศาสตร์ เป็นตน้ การมีความรูท้ างด้านสถิตจิ ะมีประโยชน์
ตอ่ การนำไปใช้ในการศกึ ษาต่อและการทำงานด้านต่าง ๆ

ความหมายของสถติ ิ

สถิติศาสตรเ์ ปน็ ศาสตร์ท่ีว่าด้วยการเกบ็ รวบรวมข้อมลู และการวเิ คราะหข์ ้อมลู เพอ่ื หาขอ้ สรปุ จาก
ข้อมลู ท่ีเกย่ี วข้องและนำมาอธบิ ายปรากฎการณ์หน่ึง หรือตอบคำถาม หรือประเด็นปญั หาทีส่ นใจ โดยอาศยั
ขอ้ มูลที่ได้จากการเกิดซำ้ ๆ ของปรากฎการณ์นัน้ ๆ

สถติ ิ หมายถงึ ตวั เลขท่ีได้จากการเก็บรวบรวมข้อมลู ซ่ึงแสดงถึงข้อเท็จจรงิ ตา่ ง ๆ ของข้อมลู

ระเบยี บวธิ ีทางสถิติ

ระเบยี บวิธีทางสถิติเปน็ การศึกษาถึงขั้นตอนการดำเนินการทางสถติ ิ ซงึ่ ประกอบด้วยข้นั ตอนตา่ ง ๆ
ดงั น้ี

1. การเกบ็ รวบรวมข้อมลู

เป็นการวางแผนเพ่ือศึกษาเรื่องใดเรื่องหน่ึง แล้วจึงทำการเก็บรวบรวมข้อมลู ด้วยวิธตี า่ ง ๆ
ไดแ้ ก่ การสังเกต การสมั ภาษณ์ การทำแบบสอบถาม การทำแบบทดสอบ เปน็ ต้น

2. การนำเสนอข้อมลู

เปน็ การนำข้อมลู ทเ่ี ก็บรวบรวมมาได้มาจัดการให้อยู่ในรูปแบบที่สามารถเข้าใจได้ง่าย นำไป
วิเคราะหท์ างสถิตไิ ด้อยา่ งสะดวก การนำเสนอข้อมูลอาจอยู่ในรปู ของบทความ ตาราง กราฟแบบต่าง ๆ การ
นำเสนอข้อมูลจะอยู่ในรูปแบบใดข้นึ กบั ลักษณะข้อมลู และวัตถปุ ระสงค์ที่ต้องการนำเสนอข้อมลู

3. การวเิ คราะห์ข้อมลู

เป็นการนำข้อมลู ทีเ่ ก็บรวบรวมมาได้มาคำนวณหาคา่ ทางสถติ ิ เพ่ือตอบคำถามในเร่ืองที่กำลัง
ศึกษา การวิเคราะห์ข้อมูลอาจใชว้ ธิ กี ารของสถิตเิ ชิงพรรณนาหรืออาจใชว้ ิธกี ารของสถิติเชิงอนุมาน

หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1 สถิตศิ าสตร์และข้อมูล หนา้ 2

4. การตคี วามหมายข้อมลู

เปน็ การอธิบายผลท่ีได้จากการวเิ คราะหข์ ้อมลู เพ่ือให้เกดิ ความเขา้ ใจ และไดผ้ ลสรุปทจ่ี ะ
สามารถนำไปใชต้ ่อไปได้ การอธบิ ายผลจำเป็นต้องใชค้ วามรู้เก่ียวกับเรื่องของสถติ ิ ประกอบกบั ความรเู้ กย่ี วกับ
เรื่องท่ีศึกษาเพื่อให้การแปลความหมายของข้อมูล มคี วามครบถว้ นสมบูรณ์

คำสำคญั ในสถติ ิศาสตร์

1. ประชากร (Population) ข้อมลู จากหนว่ ยทุกหนว่ ยที่เราสนใจทจ่ี ะทำการศึกษา
2. ตวั อย่าง (Sample) ขอ้ มูลจากบางหนว่ ยของประชากร
3. คา่ พารามิเตอร์ (Parameter) ค่าสถติ ิของประชากร หรอื ค่าของข้อมลู ที่สรปุ รวบยอดมาจาก

ขอ้ มูลของประชากร
4. ค่าสถติ ิ (Statistics) คา่ สถติ ิของขอ้ มูลตัวอยา่ ง หรือคา่ ของข้อมลู ทีส่ รปุ รวบยอดมาจากขอ้ มูล

ตวั อยา่ ง คา่ สถิตจิ ะเป็นตัวประมาณค่าพารามเิ ตอร์
5. สารสนเทศ (Information) ข้อมลู ท่ผี า่ นการวเิ คราะห์แลว้ ไมว่ ่าจะเปน็ การวิเคราะห์เบ้ืองต้น

หรือการวเิ คราะห์ขน้ั สูง
6. ขอ้ มูล (Data) เปน็ ขอ้ ความจรงิ หรอื ส่ิงท่บี ง่ บอกถึงสภาพ สถานการณห์ รือปรากฎการณ์ใด

ปรากฎการณห์ น่ึงโดยที่ข้อมลู อาจเปน็ ตัวเลขหรอื ขอ้ ความก็ได้

ขอบเขตและเน้ือหาทางสถิติ

ขอบเขตและเน้ือหาทางสถติ ิ แบ่งออกไดเ้ ป็น 2 ประเภท

1. สถิติเชิงพรรณนา (descriptive statistics) เป็นการวิเคราะห์ขั้นต้นที่มุ่งวิเคราะห์เพื่ออธิบาย
ลักษณะกว้าง ๆ ของข้อมูลชุดนั้น ซึ่งสถิติเชิงพรรณนาจะว่าด้วยการสรุปข้อมูลแต่ละชุดที่เรา
สนใจด้านการวัด ค่าวัดแนวโน้มสู่ส่วนกลาง(ค่าเฉลี่ยเลขคณิต มัธยฐาน ฐานนิยม) และค่าวัดจาก
การกระจาย (ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน พิสัย ฯลฯ) ตลอดจนการแจกแจงความถี่ของข้อมูล การ
นำเสนอขอ้ มูลดว้ ยตาราง หรือดว้ ยแผนภูมิ แผนภาพและกราฟ

2. สถิติเชิงอนุมาน (inferential statistics) เป็นการวเิ คราะห์ข้อมลู ที่เก็บรวบรวมได้จากตัวอย่าง
เพื่ออ้างอิงไปถึงข้อมูลทั้งหมด ซึ่งเป็นศาสตร์ที่ให้วิธีการว่าในสถานการณ์หนึ่งจะเลือกตัวแทน
(ตัวอย่าง) จากข้อมูลทั้งหมด(ประชากร) ได้อย่างไรจึงจะเป็นตัวแทนที่ดีของประชากร หรือ
กำหนดแบบแผนการทดลองอยา่ งไรจึงจะสามารถทำการวเิ คราะหเ์ พอื่ ตอบคำถามที่ต้องการได้

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 สถติ ศิ าสตร์และข้อมลู หนา้ 3
แบบฝึกหดั ที่ 1 สถิตศิ าสตร์

1. จงจับคคู่ วามสมั พนั ธ์ของข้อความที่กำหนดใหต้ ่อไปนี้

A. สถิติ B. การเกบ็ รวบรวมข้อมูล C. การนำเสนอข้อมูล
F. สถิตเิ ชิงพรรณนา
D. การวิเคราะห์ขอ้ มูล E. การตีความหมายข้อมูล I. คา่ สถติ ิ
L. ประชากร
G. สถติ เิ ชิงอนุมาน H. ค่าพารามิเตอร์

J. ขอ้ มลู K. สารสนเทศ

M. ตวั อยา่ ง

1. ขอ้ มูลทผ่ี า่ นการวเิ คราะห์แลว้ ไม่วา่ จะเป็นการวิเคราะห์เบื้องต้น หรือการวเิ คราะหข์ ั้นสงู

2. การนำข้อมูลท่ีเก็บรวบรวมมาไดม้ าคำนวณหาค่าทางสถิติ เพ่อื ตอบคำถามในเรือ่ งทกี่ ำลัง
ศึกษา

3. ค่าของข้อมลู ท่สี รุปรวบยอดมาจากขอ้ มูลของประชากร

4. ตาราง แผนภูมแิ ทง่ แผนภูมิวงกลม

5. การวเิ คราะห์ข้ันต้นทม่ี ุ่งวเิ คราะหเ์ พอื่ อธิบายลักษณะกว้าง ๆ ของข้อมูลชดุ นั้น

6. เปน็ ข้อความจรงิ หรือส่งิ ทบี่ ่งบอกถงึ สภาพ สถานการณ์หรือปรากฎการณใ์ ดปรากฎการณ์หนง่ึ
โดยทีข่ อ้ มลู อาจเปน็ ตัวเลขหรือข้อความกไ็ ด้

7. การอธิบายผลที่ได้จากการวิเคราะหข์ ้อมูล เพ่ือใหเ้ กิดความเขา้ ใจ และไดผ้ ลสรปุ ท่จี ะสามารถ
นำไปใช้ตอ่ ไปได้

8. การสอบถาม การสงั เกต การทดลอง

9. การวเิ คราะหข์ ้อมลู ที่เก็บรวบรวมได้จากตวั อยา่ งเพ่ืออ้างองิ ไปถงึ ข้อมลู ท้ังหมด

10. ข้อมลู จากบางหนว่ ยของประชากร

หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 สถติ ศิ าสตรแ์ ละข้อมลู หนา้ 4

ข้อมูล (Data)

เป็นข้อความจริงหรือสิ่งที่บ่งบอกถึงสภาพ สถานการณ์หรือปรากฎการณ์ใดปรากฎการณ์หนึ่งโดยท่ี
ข้อมูลอาจเป็นตัวเลขหรือข้อความก็ได้ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ยังไม่ผ่านการประมวลผลทางสถิติ โดยเราเรียกว่า
“ขอ้ มลู ดิบ”

ข้อมูลท่สี ามารถนำมาประมวลผลหรือวิเคราะห์ดว้ ยกระบวนการหรือวธิ ีการต่าง ๆ เรยี กว่า
“ข้อมูลเชงิ สถติ ”ิ

ประเภทของขอ้ มลู

การแบง่ ประเภทของข้อมลู สามารถจำแนกได้จากแหล่งท่ีมาของขอ้ มลู จากระยะเวลาท่ีจัดเกบ็ และ
จากลักษณะของขอ้ มลู

การแบง่ ประเภทของข้อมูลตามแหล่งท่ีมาของขอ้ มูล
เม่ือจำแนกประเภทของข้อมูลตามแหลง่ ท่มี าของข้อมลู จะแบ่งได้เปน็ 2 ประเภท

1. ขอ้ มูลปฐมภมู ิ ขอ้ มูลท่จี ะตอ้ งเก็บรวบรวมจากผู้ให้ข้อมูลหรือแหลง่ ที่มาของข้อมูล
โดยตรง ทำไดโ้ ดยการสมั ภาษณ์ การสอบถาม การวดั การนบั การทดลองหรือการสงั เกต

วิธีการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูลปฐมภูมิ ทำได้ 2 วิธี คือ

(1) การสำมะโน เปน็ การเก็บรวบรวมข้อมลู จากทุก ๆ หนว่ ยของประชากรหรือส่ิงที่
ต้องการศึกษา

(2) การสำรวจจากกลมุ่ ตัวอย่าง เปน็ การเกบ็ รวบรวมข้อมลู จากบางหน่วยทเ่ี ลอื ก
มาเปน็ ตวั แทนจากทุก ๆ หน่วยของประชากรหรือสง่ิ ทีเ่ ราต้องการศกึ ษาเท่านน้ั

2. ข้อมูลทุติยภมู ิ ข้อมลู ที่ไม่ต้องเก็บรวบรวมข้อมลู จากผใู้ หข้ อ้ มูลหรือแหลง่ ทมี่ าของข้อมูล
โดยตรง แตไ่ ด้จากขอ้ มลู ท่มี ผี ู้อ่นื เก็บรวบรวมไว้แลว้ เช่น รายงานตา่ ง ๆ ของหนว่ ยงานราชการ รายงานและ
บทความหนว่ ยงานเอกชน หนังสอื เอกสารตา่ ง ๆ เป็นตน้

วธิ กี ารเก็บรวบรวมขอ้ มูลทตุ ิยภมู ิ ควรดำเนนิ การและคำนึงถงึ ส่งิ ตอ่ ไปนี้

(1) พิจารณาตวั บคุ คลผเู้ ขยี นรายงาน บทความหรอื เอกสารเหลา่ น้ันเสยี ก่อนว่าเป็น
ผู้มคี วามรู้และมีความเชีย่ วชาญในเรือ่ งท่ีจะเขยี นถงึ ขั้นพอท่ีจะเชอื่ ถือได้หรือไม่
การเขยี นอาศัยเหตผุ ล และหลักวิชาการมากน้อยเพียงใด ข้อมลู ท่ีจะนำมาใช้ซึ่ง
รวบรวมจากรายงาน บทความหรอื เอกสาร ดังกล่าวควรใช้ข้อมูลท่ผี ู้เขียนเกบ็
รวบรวมมาเองโดยตรง เช่น ข้อมูลท่ีได้จากการสำรวจหรือสำมะโน หากไมม่ ี
ความจำเปน็ ไม่ควรใช้ข้อมลู ท่ีผเู ้ขยี นนำมาจากแหลง่ ข้อมลู อืน่ เนอ่ื งจากอาจมี
การคลาดเคล่ือนจากขอ้ มูลท่ีควรจะเป็นจริงได้มาก

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 สถติ ิศาสตรแ์ ละข้อมลู หนา้ 5

(2) ถ้าข้อมูลที่ต้องการเก็บรวบรวมสามารถหาได้จากหลาย ๆ แหล่งควรเกบ็
รวบรวม มาจากหลาย ๆ แหลง่ เพอื่ ใช้ในการเปรียบเทียบว่าขอ้ มูลที่ต้องการมี
ความผิดพลาดเนื่องจากการลอกผดิ พิมพผ์ ิดหรือเข้าใจผดิ หรือไม่ นอกจากนี้ผู้
เกบ็ รวบรวมข้อมูลควรจะใชค้ วามรู้ความชำนาญของตนเองเก่ยี วกับข้อมูลเร่อื ง
น้ัน ๆ มาพิจารณาว่าข้อมูลที่จะนำมาใชน้ ั้นนา่ จะเปน็ ไปได้หรอื ไม่ เชน่ จำนวน
ประชากรของประเทศไทยในปี พ.ศ.2546 ทนี่ ำเสนออยูใ่ นรายงานฉบับหนึ่ง
เป็น 36 ล้านคน จำนวนดงั กล่าวน่าจะเป็นไปไม่ไดท้ ่ีถูกต้องควรจะเปน็ 63 ล้าน
คน ความผิดพลาดดังกลา่ วอาจเน่อื งมาจากการคัดลอกของผู้นำเสนอหรือการ
พิมพก์ ็ไดก้ ลา่ วคือคดั ลอกหรือพิมพเล์ ขโดดกลบั กนั

(3) พจิ ารณาจากลักษณะของข้อมูลที่ต้องการเก็บรวบรวมวา่ เปน็ ขอ้ มลู ทีเ่ ปน็
ขอ้ ความจริง ข้อมลู ที่ได้จากทะเบยี น ข้อมูลที่เปน็ ความคดิ เห็นหรอื เจตคติ
ขอ้ มูลประเภทความลบั หรือข้อมลู ซ่ึงผ้ตู อบอาจต้องเสยี ประโยชนจ์ ากการตอบ
ถ้าเป็นข้อมูลทเี่ ปน็ ขอ้ ความจริง ขอ้ มูลที่ได้จากทะเบยี นหรอื ข้อมลู ทเ่ี ป็นความ
คิดเห็นหรอื เจตคติ สว่ นใหญ่มักจะมีความถูกต้องเชื่อถือไดส้ ูง แต่ถา้ เปน็ ข้อมูล
ประเภทความลบั หรือข้อมลู ซ่ึงผูต้ อบอาจต้องเสยี ประโยชนจ์ ากการตอบ สว่ น
ใหญม่ กั จะไมถ่ ูกต้อง เช่ือถือไดน้ ้อย

(4) ถา้ ข้อมูลทจี่ ะเกบ็ รวบรวมได้มาจากการสำรวจจากกลมุ่ ตวั อย่าง หรอื ต้องผ่าน
ขน้ั ตอนการวเิ คราะหโ์ ดยใช้วิธกี ารทางสถิตมิ าก่อน ควรจะต้องตรวจสอบวิธีการ
ท่ใี ช้ในการเลือกกลุ่มตัวอย่าง ขนาดกล่มุ ตัวอย่างและวิธีการวิเคราะหว์ า่
เหมาะสมที่จะใชห้ รือไม่

การแบ่งประเภทของข้อมูลตามระยะเวลาทจ่ี ดั เก็บ

เมื่อจำแนกประเภทของข้อมลู ตามระยะเวลาทจ่ี ดั เกบ็ จะแบ่งไดเ้ ปน็ 2 ประเภท

1. ข้อมลู อนุกรมเวลา เปน็ ข้อมลู ทถ่ี ูกเกบ็ รวบรวมตามลำดับเวลาท่เี กดิ ขน้ึ ต่อเน่ืองไปเรื่อย ๆ
เช่น จำนวนประชากรของประเทศไทยในแต่แต่ละปี จำนวนผปู้ ว่ ยทเ่ี ขา้ รบั การรกั ษาพยาบาลในโรงพยาบาล
ต่าง ๆ ในแต่ละปี เป็นต้น

2. ขอ้ มูลภาคตดั ขวาง เปน็ ข้อมูลทเ่ี กบ็ รวบรวม ณ เวลาใดเวลาหน่ึงเท่านัน้ เพื่อประโยชน์ใน
การศึกษาวจิ ัยอยา่ งไรก็ตามในการจดั ประเภทของข้อมูลนี้ จะขึน้ อยู่กับวตั ถุประสงค์ในการนำไปวเิ คราะห์และ
ใช้ประโยชน์ดว้ ย

หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 สถิตศิ าสตรแ์ ละข้อมูล หน้า 6

การแบ่งประเภทของข้อมูลตามลักษณะของข้อมลู

เมือ่ จำแนกประเภทของข้อมลู ตามลักษณะของข้อมลู จะแบง่ ได้เป็น 2 ประเภท

1. ข้อมลู เชิงปรมิ าณ เปน็ ข้อมูลท่ใี ชแ้ ทนขนาดหรือปริมาณซึ่งวดั ออกมาเปน็ จำนวนทีส่ ามารถ
นำมาใชเ้ ปรยี บเทียบกนั ได้โดยตรง เช่น คะแนนสอบ อัตราดอกเบี้ยเงินกูข้ องธนาคารพาณชิ ย์ ปรมิ าณต่าง ๆ

2. ข้อมูลเชงิ คุณภาพ เป็นข้อมลู ทไี่ ม่สามารถวัดออกมาเป็นจำนวนได้โดยตรง แต่อธบิ าย

ลกั ษณะหรือคุณสมบัติในเชงิ คุณภาพได้ เช่น เพศของนกั เรียนในหอ้ งเรยี นหน่ึง สถานภาพสมรสของพนักงาน

ในบริษทั แห่งหนึ่ง หรอื ความคิดเห็นของบคุ คลตอ่ เรื่องใดเรื่องหนึง่ ซึ่งการวเิ คราะห์ขอ้ มูลประเภทนส้ี ว่ นใหญ่

ทำได้โดยการนับจำนวนจำแนกตามลกั ษณะเชงิ คุณภาพ เช่น นบั จำนวนนกั เรยี นท่เี ป็นเพศชายและเพศหญิงวา่

มีอยา่ งละกี่คน ข้อมูลเชิงคุณภาพบางลกั ษณะสามารถวดั ออกมาเป็นลำดับที่หรือตำแหน่งที่ได้ เช่น ความชอบ

วัดในรูปชอบมากทส่ี ดุ ชอบมาก ชอบปานกลาง ชอบน้อย ไมช่ อบเลย ความคิดเห็น วดั ในรูปเห็นดว้ ยอยา่ งยงิ่

เหน็ ดว้ ย ไมม่ คี วามเห็น ไมเ่ ห็นดว้ ย ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง การกำหนดลำดับท่ีหรือตำแหนง่ ที่ของข้อมูลเชิง

คุณภาพนี้ เมื่อนำขอ้ มูลไปวิเคราะหต์ ้องแทนลำดับท่ีหรอื ตำแหนง่ เหล่านดี้ ้วยตัวเลข เช่น ให้ตัวเลขที่มคี ่ามาก

ใชแ้ ทนลักษณะหรือความรสู้ ึกทด่ี ี

ชอบมากท่สี ดุ หรอื เห็นด้วยอย่างยิ่ง แทนด้วย 4

ชอบมาก หรอื เห็นด้วย แทนด้วย 3

ชอบปานกลาง หรือ ไมม่ ึความเหน็ แทนด้วย 2

ชอบน้อย หรือ ไมเ่ หน็ ดว้ ย แทนด้วย 1

ไม่ชอบเลย หรอื ไม่เหน็ ด้วยอยา่ งยงิ่ แทนด้วย 0

ในกรณีที่ข้อมูลเชิงคุณภาพใดไม่สามารถวัดออกมาเป็นลำดับที่หรือตำแหน่งที่ได้ เช่น เพศ
ชายกับเพศหญิง หากมีความจำเป็นต้องกำหนดเป็นจำนวนเพื่อใช้ในการวเิ คราะหด์ ้วยวธิ ีการทางสถติ ิอาจใช้ 0
แทน เพศชาย และใช้ 1 แทนเพศหญิง โดยที่จำนวนที่ใช้แทนข้อมูลเชิงคุณภาพเหล่านี้ไม่สามารถนำไป
ตีความหมายในเชิงปริมาณได้ เพราะความหมายของจำนวนที่ใช้แทนข้อมูลเหล่านี้เป็นเพียงสัญลักษณ์ที่ใช้
แทน “กล่มุ ” ตา่ ง ๆ เท่านนั้

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 สถิตศิ าสตรแ์ ละข้อมูล หน้า 7
แบบฝึกหดั ที่ 2 ขอ้ มูลและประเภทของข้อมูล

1. จงพิจารณาขอ้ ความท่ีกำหนดใหต้ อ่ ไปน้ี ถา้ ข้อความเปน็ จริงให้เขยี นสัญลักษณ์ T หน้าข้อความ แต่ถา้
ข้อความเป็นเท็จให้เขยี นสัญลักษณ์ F หนา้ ข้อความ
1) การสำมะโน เปน็ การเก็บรวบรวมขอ้ มูลจากบางหนว่ ยของประชากร

2) ข้อมลู ประเภทความลับหรอื ข้อมลู ซึ่งผูต้ อบอาจต้องเสียประโยชนจ์ ากการตอบ สว่ นใหญ่มี
ความน่าเชื่อถือได้น้อย

3) ข้อมลู ทไ่ี ดจ้ ากการสำรวจ การทดลอง หรือการสังเกต เปน็ ขอ้ มูลปฐมภูมิ

4) ความคดิ เห็นของบคุ คลตอ่ เรอ่ื งใดเรื่องหน่ึงเปน็ ข้อมลู เชิงคณุ ภาพ

5) ข้อมูลท่ีไดจ้ ากการสอบถามข้อมูลความพงึ พอใจในการใชบ้ ริการหอ้ งสรรพสนิ ค้าแห่งหนึ่งของ
ผู้มาใชบ้ รกิ าร เป็นข้อมูลทตุ ยิ ภมู ิ

6) ข้อมูลเชงิ ปริมาณ คือ ข้อมูลท่แี สดงลักษณะ ประเภท รปู แบบซ่ึงไม่สามารถวดั คา่ ออกมาเปน็
ตัวเลขและส่อื ความหมายตามค่าของตวั เลขไดโ้ ดยตรง

7) การเก็บรวบรวมข้อมลู ทตุ ิยภูมิควรคำนึงถงึ ตวั บุคคลผูเ้ ขียนรายงาน บทความหรอื เอกสาร
เหลา่ น้ันเสียกอ่ นว่าเปน็ ผู้มคี วามรแู้ ละมีความเช่ยี วชาญในเรอื่ งทจ่ี ะเขียนถึงขั้นพอทจ่ี ะเช่ือถือได้
หรอื ไม่

8) ขอ้ มลู อนุกรมเวลา เป็นข้อมูลท่ีเกบ็ รวบรวม ณ เวลาใดเวลาหนงึ่ เท่าน้ัน

9) จำนวนทีใ่ ช้แทนข้อมลู เชงิ คุณภาพสามารถนำไปตคี วามหมายในเชิงปริมาณได้

10) การศึกษาข้อมูลจำนวนผู้ปว่ ยท่เี ขา้ รับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลตา่ ง ๆ ในแต่ละปี
เปน็ การศึกษาข้อมูลภาคตัดขวาง

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 สถติ ิศาสตร์และข้อมูล หน้า 8
แบบฝกึ หดั ท่ี 2 ข้อมูลและประเภทของขอ้ มูล

2. จงพิจารณาข้อมลู ทีก่ ำหนดให้ตอ่ ไปนี้ วา่ เปน็ ข้อมลู เชงิ คุณภาพ หรือข้อมลู เชงิ ปรมิ าณ

1) เลขทะเบยี นรถยนต์สว่ นบคุ คล ตอบ ...............................................................

2) จำนวนผโู้ ดยสารทีข่ นึ้ รถประจำทาง ตอบ ...............................................................

3) รายไดข้ องคนในครอบครวั ตอบ ...............................................................

4) ราคาข้าวสารตอ่ กิโลกรัม ตอบ ...............................................................

5) ระดบั การศกึ ษา ตอบ ...............................................................

6) ขนาดของรองเท้านักเรยี น ตอบ ...............................................................

7) คะแนนสอบวิชาคณิตศาสตร์ ตอบ ...............................................................

8) เลขประจำตัวของนักเรียนในโรงเรียนคิดถงึ วทิ ยา ตอบ ...............................................................

9) ราคาน้ำมนั ดีเซล ตอบ ...............................................................

10) ความพึงพอใจต่อสนิ คา้ ชนดิ หน่งึ ตอบ ...............................................................

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 สถติ ิศาสตรแ์ ละข้อมูล หนา้ 9
ปัญหาในการใช้ขอ้ มลู

การเก็บรวบรวมข้อมูลตา่ ง ๆ เพอ่ื นำมาใชใ้ นการวิเคราะห์ข้อมูลและสรุปผลเพ่ือตอบปัญหาหรอื
คำถามในประเด็นตา่ ง ๆ นั้น ขอ้ มลู ที่ได้มาอาจทำให้เกดิ ปัญหาในการใช้ข้อมูลบางประการ ดงั นี้

1. ปญั หาในการใช้ข้อมลู ปฐมภมู ิ
1) ไมท่ ราบว่าจะใช้วิธีเลอื กตวั อย่างหรอื วิธีการวางแผนการทดลองแบบใดจึงจะเหมาะสม
2) ไม่ทราบว่าจะประเมนิ ความถูกตอ้ งเชื่อถือได้ของข้อมลู ทเ่ี ก็บรวบรวมมาได้อย่างไร
3) ไมท่ ราบว่าจะวิเคราะหข์ อ้ มูลอย่างไรในกรณีข้อมลู ทเ่ี กบ็ รวบรวมไดไ้ ม่ครบถว้ นหรือขาด
หายไปมากเนื่องจากไม่ไดร้ ับความรว่ มมือจากผู้ให้ข้อมูล

2. ปัญหาในการใชข้ ้อมุลทุตยิ ภูมิ
1) ความถูกต้องเช่ือถือได้ของข้อมูล
2) ความทันสมัยของข้อมูล
3) การขาดหายไปของข้อมูลบางรายการ


Click to View FlipBook Version