44 | หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ ข้อ 2) สถิติการขายหนังสือของร้านค้าแห่งหนึ่ง แสดงได้ดังนี้ ค ำถำม: ถ้าร้านนี้ขายหนังสือไปทั้งหมด 300 เล่ม อยากทราบว่าขายหนังสือนิยายไปจ านวนเท่าไร แนวค ำตอบ: ขายหนังสือนิยาย 36 เล่ม ตัวชี้วัดที่ 2เขียนแผนภูมิแท่งเปรียบเทียบและกราฟเส้น คะแนนเฉลี่ยผลการสอบของนักเรียน 2 ห้อง ดังนี้ ห้องเรียน วิชำ / คะแนน ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภาษาอังกฤษ สังคมศึกษา ห้อง 1 65 73 68 70 82 ห้อง 2 69 78 66 59 79 ค ำถำม: ข้อ 1) จงเขียนแผนภูมิแท่งเปรียบเทียบผลการสอบของนักเรียน ข้อ 2) จงเขียนกราฟเส้นแสดงผลการสอบของนักเรียน แนวค ำตอบ: 1. เขียนแผนภูมิแท่งเปรียบเทียบให้มีองค์ประกอบครบถ้วน ถูกต้อง 2. เขียนกราฟเส้นให้มีองค์ประกอบครบถ้วน ถูกต้อง ส าหรับการสร้างข้อสอบตามแนวทางการทดสอบระดับนานาชาติ (PISA) ซึ่งมีรูปแบบ 3 รูปแบบ ได้แก่ แบบสร้างค าตอบแบบปิด แบบเขียนตอบสั้นๆ และแบบสร้างค าตอบแบบอิสระ มีตัวอย่างของข้อค าถามใน แต่ละรูปแบบ ดังนี้ รูปแบบของข้อสอบตำมแนว PISA ตัวอย่ำงกำรเขียนข้อค ำถำม 1) แบบสร้างค าตอบแบบปิด บริษัทที่ท าขนมปงกรอบชื่อบริษัทอะไร จงค านวณพื้นที่เพดาน ABCD พื้นที่เพดาน ABCD = ……………… เมตร เท้าของมาลียาว 163 mm จงใช้ตารางข้างต้นเพื่อบอกว่ามาลี ควรลองใส่รองเท้าตามขนาดใดในเซตแลนด์ ขณะที่บทความนี้ตีพิมพ์ในนิตยสารตึกใดในรูปที่ 2 สร้างเสร็จแล้ว และสูงที่สุด ลานจอดรถผู้พิทักษ์อยู่ที่ระดับความสูงใดให้นักเรียนตอบเป็นฟุต และเมตร .............................ฟุต .............................เมตร กำรต์นู 40% นิทำน 20% นิยำย 12% เรอื่งสนั 28%
หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ | 45 รูปแบบของข้อสอบตำมแนว PISA ตัวอย่ำงกำรเขียนข้อค ำถำม 2) แบบเขียนตอบสั้นๆ จากแผนผังของหองสมุดในหนาที่แลว จงวงกลมรอบสถานที่ ที่ทานคิดวาสามารถหา นวนิยายภาษาฝรั่งเศสไดพบ ประชากรในวัยแรงงานที่ไม่อยู่ในภาคแรงงานมีเท่าไร พจมานใช้ลูกบาศก์เล็กๆ ทั้งหมดกี่อัน เพื่อต่อเป็นทรงสี่เหลี่ยม ดัง รูป ค ตามบทความข้างต้น ท าไมรองเท้ากีฬาจึงไม่ควรคับจนเกินไป จากสถานีรถไฟใต้ดินสถานีใดที่นักเรียนสามารถขึ้นทั้งรถเมล์ ระหว่างเมืองและรถไฟระหว่างเมืองได้ 3) แบบสร้างค าตอบแบบอิสระ นักเรียนจะท าอยางไร ถานักเรียนซื้อขนมปง กรอบเหลานี้มาแลว ท าไมผู้เขียนจึงเลือกที่จะเริ่มต้นกราฟ ณ จุดนี้ นักเรียนเห็นด้วยกับค าแนะน าที่ว่า ข้อความนี้ท าให้เข้าใจผิด และควรตัดออกหรือไม่ เพราะเหตุใด จงอธิบายค าตอบของท่าน ในขั้นตอนที่ 4 ของกระบวนการท าความสะอาด คลอรีนถูกเติม ลงไปในน้ า ท าไมจึงเติมคลอรีนลงไปในน้ า จงเขียนสูตรส าหรับการค านวณอัตราการเต้นของหัวใจของการ ฝึกซ้อมที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด โดยให้แสดงในรูปของอายุด้วย
46 | หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ ใบกิจกรรมที่ 4.1 กำรเขียนข้อสอบอัตนัย ใบกิจกรรมนี้แบ่งออกเป็น 2 ตอน ตอนที่ 1 เป็นการฝึกเขียนข้อค าถามจากสถานการณ์ที่ก าหนดให้ ตอนที่ 2 เป็นการฝึกหาสถานการณ์และก าหนดข้อค าถามด้วยตนเอง โดยในแต่ละตอนก าหนดให้ด าเนินการ ดังนี้ ตอนที่ 1 กำรฝึกเขียนค ำถำมของข้อสอบอัตนัยจำกสถำนกำรณ์ที่ก ำหนดให้ ค ำชี้แจง 1. ให้ผู้เข้าอบรมศึกษาเลือกระบุมาตรฐาน/ตัวชี้วัดจ านวน 1 ตัวชี้วัดเพื่อเขียนข้อสอบอัตนัย แล้ว ระบุรูปแบบข้อสอบและระดับพฤติกรรมที่วัด 2. ศึกษาสถานการณ์ที่ก าหนดและสร้างข้อค าถามให้สอดคล้องกับรูปแบบข้อสอบและระดับ พฤติกรรมที่ก าหนด มำตรฐำนที่ ท 1.1 ใช้กระบวนการอ่านสร้างความรู้และความคิด เพื่อน าไปใช้ตัดสินใจ แก้ปัญหาในการ ด าเนินชีวิต และมีนิสัยรักการอ่าน ตัวชี้วัดที่ต้องกำรวัด ม 3/3 ระบุใจความส าคัญ และรายละเอียดของข้อมูลที่สนับสนุนจากเรื่องที่อ่าน ม 3/5 วิเคราะห์ วิจารณ์ และประเมิน เรื่องที่อ่าน โดยใช้กลวิธีเปรียบเทียบ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจ ได้ดียิ่งขึ้น ม 3/6 ประเมินความถูกต้องของข้อมูลที่ใช้สนับสนุนในเรื่องที่อ่าน รูปแบบข้อสอบที่สร้ำง แบบสร้างค าตอบแบบปิด แบบเขียนตอบสั้นๆ แบบสร้างค าตอบแบบอิสระ ระดับพฤติกรรมที่วัด ความจ า ความเข้าใจ การน าไปใช้ การวิเคราะห์ การประเมินค่า การสร้างสรรค์ สถำนกำรณ์ที่ 1 เรื่องกำรแปรงฟันของคุณ กำรแปรงฟันของคุณ ฟันของเราสะอาดมากขึ้นและมากขึ้นเมื่อเรายิ่งแปรงนานขึ้นและแรงขึ้นใช่หรือไม่? นักวิจัยชาวอังกฤษบอกว่าไม่ใช่ เขาได้ทดลองหลายๆทางเลือก และท้ายที่สุดก็พบวิธีที่สมบูรณ์แบบ ในการแปรงฟัน การแปรงฟัน 2 นาที โดยไม่แปรงฟันจนแรงเกินไปให้ผลที่ดีที่สุด ถ้าคุณแปรงฟันแรง คุณก าลังท าร้ายเคลือบฟันและเหงือกโดยไม่ได้ขจัดเศษอาหารหรือคราบหินปูน เบนท์ ฮันเซน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการแปรงฟัน กล่าวว่าวิธีการจับแปรงสีฟันที่ดีที่สุดก็คือจับให้เหมือน จับปากกา “เริ่มจากมุมหนึ่ง และแปรงไปตามฟันจนหมดแถว” เธอบอกว่า อย่าลืมลิ้นของคุณด้วย มันสามารถสะสมแบคทีเรียได้มากทีเดียว ซึ่งเป็นสาเหตุของกลิ่นปาก” “การแปรงฟันของคุณ” เป็นบทความจากนิตยสารนอร์เวย์ ข้อค ำถำม ............................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ..............................................................................................................................................................
หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ | 47 มำตรฐำนที่ ค 4.2ใช้นิพจน์ สมการ อสมการ กราฟ และ ตัวแบบเชิงคณิตศาสตร์ (mathematic model) อื่น ๆ แทนสถานการณ์ต่าง ๆ ตลอดจนแปลความหมายและน าไปใช้แก้ปัญหา ตัวชี้วัดที่ต้องกำรวัด ม 3/4 อ่านและแปลความหมาย กราฟของระบบสมการเชิงเส้นสองตัวแปร และกราฟอื่น ๆ รูปแบบข้อสอบที่สร้ำง แบบสร้างค าตอบแบบปิด แบบเขียนตอบสั้นๆ แบบสร้างค าตอบแบบอิสระ ระดับพฤติกรรมที่วัด ความจ า ความเข้าใจ การน าไปใช้ การวิเคราะห์ การประเมินค่า การสร้างสรรค์ สถำนกำรณ์ที่ 2 เรื่อง ควำมเร็วของรถแข่ง ควำมเร็วของรถแข่ง กรำฟต่อไปนี้แสดงให้เห็นกำรเปลี่ยนแปลงควำมเร็วของรถคันหนึ่ง ที่วิ่งในสนำมแข่งทำงรำบ ระยะทำง 3 กิโลเมตร ข้อค ำถำม …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………….……………………………………………………………………………………………………….……………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………….……………………………………………………………………………………………………….………………………
48 | หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ มำตรฐำนที่ต้องกำรวัด มำตรฐำนที่ ว 6.เข้าใจกระบวนการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนผิวโลกและภายในโลก ความสัมพันธ์ของ กระบวนการต่างๆ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ภูมิประเทศ และสัณฐานของโลก มีกระบวนการสืบ เสาะหาความรู้และจิตวิทยาศาสตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้และน าความรู้ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ม 2/7ส ารวจและอธิบายลักษณะแหล่งน้ าธรรมชาติ การใช้ประโยชน์และการอนุรักษ์แหล่งน้ าใน ท้องถิ่น มำตรฐำนที่ ว3.1 เข้าใจสมบัติของสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสารกับโครงสร้างและแรงยึด เหนี่ยวระหว่างอนุภาค มีกระบวนการสืบเสาะ หาความรู้และจิตวิทยาศาศตร์ สื่อสารสิ่งที่เรียนรู้ น าความรู้ ไปใช้ประโยชน์ ตัวชี้วัด ม.2/3 ทดลองและอธิบายหลักการแยกสารด้วยวิธีการกรอง การตกผลึก การสกัด การกลั่น และ โครมาโทกราฟี และน าความรู้ไปใช้ประโยชน์ รูปแบบข้อสอบ แบบสร้างค าตอบแบบปิด แบบเขียนตอบสั้นๆ แบบสร้างค าตอบแบบอิสระ ระดับพฤติกรรมที่วัด ความจ า ความเข้าใจ การน าไปใช้ การวิเคราะห์ การประเมินค่า การสร้างสรรค์ สถำนกำรณ์ที่3 เรื่องท ำน้ ำดื่ม ข้อค ำถำม …………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………….……………………………………………………………………………………………………….……………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……... …………………………………………………………………………………………………………………………………….……...
หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ | 49 ตอนที่ 2 กำรฝึกหำสถำนกำรณ์และก ำหนดข้อค ำถำมของข้อสอบอัตนัย ค ำชี้แจง 1. ให้ผู้เข้าอบรมน าตัวชี้วัดที่วิเคราะห์ค าส าคัญไว้แล้วในหน่วยที่ 3 มาสร้างข้อสอบอัตนัย โดยพิจารณาเนื้อหา/สาระแกนกลางที่ก าหนดไว้ในหลักสูตรตามระดับชั้น 2. เลือกรูปแบบข้อสอบ ระบุพฤติกรรมที่ต้องการวัด 3. เขียนโจทย์หรือค าถามให้เหมาะสม/สอดคล้องกับรูปแบบข้อสอบและพฤติกรรมที่เลือก 4. ก าหนดแนวค าตอบและเกณฑ์การให้คะแนน มำตรฐำนที่..................................... ตัวชี้วัด รูปแบบข้อสอบ แบบสร้างค าตอบแบบปิด แบบเขียนตอบสั้นๆ แบบสร้างค าตอบแบบอิสระ ระดับพฤติกรรมที่วัด ความจ า ความเข้าใจ การน าไปใช้ การวิเคราะห์ การประเมินค่า การสร้างสรรค์ สถำนกำรณ์ และข้อค ำถำม สถำนกำรณ์…………………………………………………………………………….…………………………………………………………. ……….……………………………………………………………………………………………………………….………………………………… …………….……………………………………………………………………………………………………….…………………………………… …………….……………………………………………………………………………………………………….…………………………………… ………………….………………………………………………………………………………………………………………………………….…… …………….……………………………………………………………………………………………………….…………………………………… …………….……………………………………………………………………………………………………….…………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………..….………..… ข้อค ำถำม…………………………………………………………………………………………………………………………………….…….. …………….……………………………………………………………………………………………………….…………………………………… …………….……………………………………………………………………………………………………….…………………………………… …………….……………………………………………………………………………………………………….…………………………………… ………………….………………………………………………………………………………………………………………………………….…… แนวค ำตอบ (เฉลย) …………………………………………………………………………………………………………………………………………..….……..…… …………………………………………………………………………………………………………………………………………..….………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………….….……. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….……….… …………………………………………………………………………………………………………………………………………..….……..……
50 | หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ ใบกิจกรรมที่ 4.2 วิพำกษ์ข้อสอบอัตนัย ชื่อ-สกุล สพป./สพม. เลขที่ ค ำชี้แจง 1. ให้ผู้เข้าอบรมน าข้อสอบที่สร้างเสร็จแล้วในกิจกรรมที่ 4.1 ตอนที่ 1 (เลือกมา 1 สถานการณ์) และกิจกรรมที่ 4.1 ตอนที่ 2มาให้เพื่อนผู้เข้ารับการอบรมท าการพิจารณา/วิพากษ์มาตามประเด็นที่ก าหนดให้ 2. บันทึกผลการพิจารณา/วิพากษ์ลงในใบกิจกรรมที่ 4.2 ตอนที่ 1พิจำรณำ/วิพำกษ์ข้อสอบจำกใบกิจกรรมที่ 4.1 ตอนที่ 1 (เลือกมำ 1 สถำนกำรณ์) ผลกำรพิจำรณำข้อสอบจำกสถำนกำรณ์เรื่อง ............................................. 1. ค าถามสอดคล้องกับสถานการณ์หรือไม่ สอดคล้อง ไม่สอดคล้อง เหตุผล/ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................... 2. ค าถามชัดเจนหรือไม่ ชัดเจน ไม่ชัดเจน เหตุผล/ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................... 3. ค าถามสอดคล้องกับตัวชี้วัดหรือไม่ สอดคล้อง ไม่สอดคล้อง เหตุผล/ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................ ................................... 4. ค าถามสอดคล้องกับระดับพฤติกรรมที่ระบุหรือไม่ สอดคล้อง ไม่สอดคล้อง เหตุผล/ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................... ................................ 5. ค าถามสอดคล้องกับรูปแบบข้อสอบตามแนว PISA หรือไม่ สอดคล้อง ไม่สอดคล้อง เหตุผล/ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................... ................................
หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ | 51 ตอนที่ 2พิจำรณำ/วิพำกษ์ข้อสอบจำกกิจกรรมที่ 4.1 ตอนที่ 2 ผลกำรพิจำรณำข้อสอบ 1. สถานการณ์มีข้อมูลเพียงพอและจ าเป็นต่อการตอบค าถามหรือไม่ เพียงพอ/จ าเป็น ไม่เพียงพอ/ไม่จ าเป็น เหตุผล/ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................... 2. สถานการณ์มีความชัดเจนหรือไม่ ชัดเจน ไม่ชัดเจน เหตุผล/ข้อเสนอแนะ .................................................................................................... ....................................... 3. สถานการณ์เหมาะสมกับระดับผู้เรียนหรือไม่ เหมาะสม ไม่เหมาะสม เหตุผล/ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................... ................................ 4. ค าถามสอดคล้องกับสถานการณ์หรือไม่ สอดคล้อง ไม่สอดคล้อง เหตุผล/ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................... ................................ 5. ค าถามชัดเจนหรือไม่ ชัดเจน ไม่ชัดเจน เหตุผล/ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................... ................................ 6. ค าถามสอดคล้องกับระดับพฤติกรรมที่ระบุหรือไม่ สอดคล้อง ไม่สอดคล้อง เหตุผล/ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................... ............................ 7. ค าถามสอดคล้องกับรูปแบบข้อสอบตามแนว PISA หรือไม่ สอดคล้อง ไม่สอดคล้อง เหตุผล/ข้อเสนอแนะ ................................................................................................................................. .......... 8. ค าถามสอดคล้องกับตัวชี้วัดหรือไม่ สอดคล้อง ไม่สอดคล้อง เหตุผล/ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................... 9. เฉลยหรือค าตอบถูกต้องหรือไม่ ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง เหตุผล/ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................................................... 10. เฉลยหรือค าตอบครอบคลุมหรือไม่ ครอบคลุม ไม่ครอบคลุม เหตุผล/ข้อเสนอแนะ ........................................................................................................... ................................ ลงชื่อ ....................................................... ผู้วิพากษ์
หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ | 53 หน่วยที่ 5 กำรเขียนเกณฑ์กำรให้คะแนน(Rubrics) กิจกรรม เนื้อหำ รูปแบบ กำรอบรม เวลำ สื่อ/ประกอบ รับฟังการบรรยาย การเขียนเกณฑ์การให้คะแนน บรรยาย 1 ชั่วโมง - ppt: การเขียน เกณฑ์การประเมิน (Rubrics) ปฏิบัติกิจกรรม การตรวจสอบความรู้เรื่องเกณฑ์ การให้คะแนน (Rubrics) ศึกษาใบความรู้ ปฏิบัติ 15 นาที - ใบความรู้ที่ 5 เรื่อง เกณฑ์การให้คะแนน (Rubrics) - กิจกรรมที่ 5.1 - ใบความรู้ที่ 5 สร้างเกณฑ์การให้คะแนน ปฏิบัติ 1 ชั่วโมง 15 นาที - ใบกิจกรรมที่ 5.2 วิพากษ์ผลงาน ผลการปฏิบัติงาน “เกณฑ์การให้ คะแนน” ปฏิบัติ 30 นาที - ใบกิจกรรมที่ 5.3
54 | หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ หน่วยที่ 5 กำรเขียนเกณฑ์กำรให้คะแนน สำระส ำคัญ เกณฑ์การให้คะแนน (Scoring Rubrics) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินการปฏิบัติงานหรือผลงานของ ผู้เรียน เนื่องจากความส าเร็จของการปฏิบัติงานหรือผลงานจะต้องตัดสินที่คุณภาพ โดยมีเกณฑ์หรือประเด็นการ ประเมินเป็นองค์ประกอบในการพิจารณาซึ่งเกณฑ์การให้คะแนนจะต้องมีองค์ประกอบส าคัญ คือ เกณฑ์หรือประเด็น ที่จะประเมิน (criteria) ระดับความสามารถหรือระดับคุณภาพ (Performance Level) และการบรรยายคุณภาพของ แต่ละระดับความสามารถ (Quality Description) วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ในความหมายและความส าคัญของเกณฑ์การให้คะแนน 2. เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมสามารถเขียนเกณฑ์การให้คะแนนของข้อสอบอัตนัยแบบเขียนตอบได้ 3. เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมสามารถวิพากษ์และให้ข้อเสนอแนะในการปรับปรุงเกณฑ์การให้คะแนน ของข้อสอบอัตนัยแบบเขียนตอบได้ เวลำ ใช้เวลา 3 ชั่วโมง บทบำทของผู้เข้ำรับกำรอบรม 1. ฟังการบรรยาย 2. ศึกษาใบความรู้ 3. ปฏิบัติกิจกรรม 4. วิพากษ์ผลงาน กิจกรรม 1. วิทยากรบรรยายให้ความรู้ตามเอกสารประกอบการบรรยาย เรื่อง เกณฑ์การประเมิน (Rubrics) (Power Point, ใบความรู้ที่ 5) 2. ผู้เข้าอบรมศึกษาใบความรู้ที่ 5 และปฏิบัติกิจกรรม“การพิจารณาแนวทางการให้คะแนน (กิจกรรมที่ 5.1) และ การเขียนเกณฑ์การให้คะแนน (กิจกรรมที่ 5.2) 3. ผู้เข้าอบรมร่วมกันพิจารณา วิพากษ์ และปรับปรุง แก้ไขข้อสอบและเกณฑ์การให้คะแนนของกลุ่ม (กิจกรรมที่ 5.3) 4. ผู้เข้ารับการอบรมทดลองตรวจให้คะแนนผลการตอบของนักเรียน โดยให้ผู้เข้ารับการอบรมคัดเลือก กระดาษค าตอบของนักเรียนมา 1 ใบจากกระดาษค าตอบทั้งหมด 3 ใบ แล้วท าการตรวจให้คะแนน แล้วบันทึกลงใน ใบกิจกรรมที่ 5.4 สื่อ 1. กิจกรรม (5.1, 5.2,5.3และ 5.4) 2. เอกสารประกอบการบรรยาย 3. ใบความรู้ที่ 5 เกณฑ์การประเมิน (Rubrics) และpower point เรื่อง เกณฑ์การประเมิน (Rubrics) 4. ผลการปฏิบัติงาน: เกณฑ์การให้คะแนน
หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ | 55 วิธีกำรประเมิน 1. ตรวจแบบทดสอบความรู้ เรื่องเกณฑ์การประเมิน (Rubrics) 2. ประเมินผลงานการสร้างเกณฑ์การประเมิน (Rubrics) 3. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานของผู้เข้ารับการอบรม
56 | หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ ใบควำมรู้ที่5 เกณฑ์กำรประเมิน (Rubrics) เกณฑ์กำรประเมิน (Rubrics) คืออะไร เกณฑ์การประเมิน (Rubrics) คือ แนวการให้คะแนนเพื่อประเมินผลงานหรือประเมินการปฏิบัติงานของ ผู้เรียน หรืออาจกล่าวได้ว่า (Rubrics) เป็นเครื่องมือให้คะแนนชนิดหนึ่ง ใช้ในการประเมินการปฏิบัติงานหรือผลงาน ของผู้เรียน องค์ประกอบของเกณฑ์กำรประเมิน (Rubrics) เกณฑ์การประเมิน (Rubrics) มีองค์ประกอบ 3 ส่วน คือ 1. เกณฑ์หรือประเด็นที่จะประเมิน (criteria) เป็นการพิจารณาว่าการปฏิบัติงานหรือผลงานนั้น ประกอบด้วยคุณภาพอะไรบ้าง 2. ระดับความสามารถหรือระดับคุณภาพ (Performance Level) เป็นการก าหนดจ านวนระดับของ เกณฑ์ (criteria) ว่าจะก าหนดกี่ระดับ ส่วนมากจะก าหนดขึ้น 3-6 ระดับ 3. การบรรยายคุณภาพของแต่ละระดับความสามารถ (Quality Description) เป็นการเขียนค าอธิบาย ความสามารถให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจนในแต่ละระดับ ซึ่งจะท าให้ง่ายต่อการตรวจให้คะแนน ชนิดของเกณฑ์กำรประเมิน (Rubrics) เกณฑ์การประเมิน (Rubrics) มี 2 ชนิด คือ เกณฑ์การประเมินแบบภาพรวม (Holistic Rubrics) และ เกณฑ์การประเมินแบบแยกส่วน (Analytic Rubrics) เกณฑ์กำรประเมินแบบภำพรวม (Holistic Rubrics) เป็นการประเมินภาพรวมของการปฏิบัติงาน หรือผลงาน โดยดูคุณภาพโดยรวมมากกว่าดูข้อบกพร่องส่วนย่อย การประเมินแบบนี้เหมาะกับการปฏิบัติที่ต้องการให้ นักเรียนสร้างสรรค์งานที่ไม่มีค าตอบที่ถูกต้องชัดเจนแน่นอน ผู้ประเมินต้องอ่านหรือพิจารณา ผลงานให้ละเอียด ส่วนใหญ่มักก าหนดระดับคุณภาพอยู่ที่ 3-6 ระดับ เกณฑ์กำรประเมินแบบแยกส่วน (Analytic Rubrics) เป็นการประเมินที่ต้องการเน้นการตอบสนอง ที่มีลักษณะเฉพาะ ไม่เน้นความคิดสร้างสรรค์ ผลลัพธ์ขั้นต้นจะมีคะแนนหลายตัว ตามด้วยคะแนนรวม ใช้เป็นตัวแทน ของการประเมินหลายมิติ เกณฑ์การประเมินแบบนี้จะได้ผลสะท้อนกลับค่อนข้างสมบูรณ์ เป็นประโยชน์ส าหรับผู้เรียน และผู้สอนมากผู้สอนที่ใช้เกณฑ์การประเมินแบบแยกส่วนนี้ จะสามารถสร้างเส้นภาพ (Profile) จุดเด่น-จุดด้อย ของ ผู้เรียนแต่ละคนได้ ประโยชน์ของเกณฑ์กำรประเมิน (Rubrics) 1. ช่วยให้ความคาดหวังของครูที่มีต่อผลงานของผู้เรียน บรรลุความส าเร็จได้ 2. ช่วยให้ครูเกิดความกระจ่างชัดยิ่งขึ้น ว่าต้องการให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้หรือมีพัฒนาการอะไรบ้าง 3. ผู้เรียนจะเกิดความเข้าใจและสามารถใช้เกณฑ์การประเมินตัดสินคุณภาพผลงานของตนเองและของ คนอื่นอย่างมีเหตุผล 4. ช่วยให้ผู้เรียนระบุคุณลักษณะจากงานที่เป็นตัวอย่างได้โดยใช้เกณฑ์การประเมินตรวจสอบ 5. ช่วยให้ผู้เรียนสามารถควบคุมตนเองในการปฏิบัติงานเพื่อไปสู่ความส าเร็จได้ 6. เป็นเครื่องมือในการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมการปฏิบัติงานต่างๆ ของผู้เรียนได้เป็น อย่างดี 7. ช่วยลดเวลาของครูผู้สอนในการประเมินงานของผู้เรียน 8. ช่วยเพิ่มคุณภาพผลงานของผู้เรียน
หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ | 57 9. สามารถยืดหยุ่นตามสภาพของผู้เรียน 10.ท าให้บุคลากรที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ปกครอง ศึกษานิเทศก์ หรืออื่นๆ เข้าใจในเกณฑ์การตัดสินผลงาน ของผู้เรียนที่ครูใช้ช่วยในการให้เหตุผลประกอบการให้ระดับคุณภาพได้ ขั้นตอนกำรสร้ำงเกณฑ์กำรประเมิน (Rubrics) ปัจจุบันมีการจัดพิมพ์รูบริคในหนังสือต่างๆ ครูอาจน ามาปรับใช้ให้เหมาะสมกับหลักสูตรและการสอน ของตนเองได้ เพื่อช่วยยกระดับการเรียนโดยเพิ่มอิทธิพลของรูบริคก็สามารถท าได้ กระบวนการสร้างรูบริค มี หน่วยงานทางการศึกษาและนักวิชาการหลายท่าน ได้เสนอแนวทางการสร้างไว้หลากหลาย มีทั้งให้นักเรียนมีส่วนร่วม ในการก าหนดเกณฑ์และผู้สอนสร้างเอง ในที่นี้ขอเสนอ 3 แนวทาง ดังนี้ ส านักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เสนอแนวทางการ สร้างเกณฑ์การประเมินดังนี้ ขั้นที่ 1 วิเคราะห์และระบุตัวชี้วัดที่ใช้เกณฑ์การประเมินเป็นเครื่องมือในการวัดและประเมินผล ขั้นที่ 2 อธิบายคุณลักษณะทักษะหรือพฤติกรรมที่ผู้สอนต้องการเห็นรวมทั้งข้อผิดพลาดทั่วๆ ไปที่ไม่ ต้องการให้เกิด ขั้นที่ 3 อธิบายลักษณะการปฏิบัติที่สูงกว่าระดับค่าเฉลี่ยระดับค่าเฉลี่ยและต่ ากว่าระดับค่าเฉลี่ยส าหรับ แต่ละคุณลักษณะที่สังเกตจากขั้นที่ 2 ขั้นที่ 4 ส าหรับเกณฑ์การประเมินแบบภาพรวมเขียนค าบรรยายลักษณะงานที่ดีและงานที่ไม่ดีโดยรวม ทุกเกณฑ์หรือทุกคุณลักษณะเข้าด้วยกันเป็นข้อความเดียวส าหรับเกณฑ์การประเมินแบบแยกส่วนเขียนค าบรรยาย ลักษณะงานที่ดีและงานที่ไม่ดีโดยแยกแต่ละเกณฑ์หรือแต่ละคุณลักษณะ ขั้นที่ 5 ส าหรับเกณฑ์การประเมินแบบภาพรวมเขียนรายละเอียดการปฏิบัติที่อยู่ระหว่างกลางของ ระดับสูงกว่าค่าเฉลี่ยระดับค่าเฉลี่ยและระดับต่ ากว่าค่าเฉลี่ยเพื่อให้เกณฑ์การประเมินสมบูรณ์ส าหรับเกณฑ์การ ประเมินแบบแยกส่วนเขียนรายละเอียดส าหรับการปฏิบัติที่อยู่ระหว่างกลางของทุกเกณฑ์หรือทุกคุณลักษณะ ขั้นที่ 6 รวบรวมตัวอย่างผลงานของผู้เรียนซึ่งเป็นตัวแทนของแต่ละระดับซึ่งจะช่วยการให้คะแนนใน อนาคตของครู ขั้นที่ 7 ทบทวนเกณฑ์การประเมินที่ท าแล้ว กำรสร้ำงเกณฑ์กำรประเมิน จะต้องศึกษำและพิจำรณำจำกตัวอย่ำงงำนหรือผลกำรปฏิบัติหลำยๆ ตัวอย่ำงที่มีระดับควำมแตกต่ำงกันตั้งแต่ดีที่สุดถึงแย่ที่สุด 1. เขียนอธิบายคุณภาพของงานโดยใช้ถ้อยค าที่บอกถึงคุณภาพที่สูงกว่าหรือสิ่งที่ขาดหายไปจากงานนั้น เพื่อให้สามารถแยกแยะความเหมือนหรือความแตกต่างของแต่ละระดับคุณภาพโดยพยายามหลีกเลี่ยงค าขยายเชิง เปรียบเทียบที่เป็นนามธรรม 2. ก าหนดระดับของการประเมินให้พอเหมาะกับความสามารถที่จะก าหนดความแตกต่างตามระดับ คุณภาพได้อย่างพอเพียงไม่มากเกินไปโดยทั่วไปจะอยู่ใน 6 ระดับหรือ 12 ระดับค าอธิบายระดับคุณภาพก าหนดให้เห มะสมกับวัยของผู้เรียนเพื่อที่เขาจะสามารถประเมินตนเองได้และปรับปรุงตัวเองได้ตามระดับคุณภาพนั้นในกรณีนี้มี ข้อแนะน าคือในแต่ละระดับควรมีตัวอย่างงานที่ได้รับการประเมินในระดับนั้นๆให้เห็นชัดเจนสามารถเปรียบเทียบได้ และเป็นรูปธรรม 3. เกณฑ์การประเมินต้องเน้นให้เห็นถึงผลที่เกิดจากการปฏิบัติงานนั้นอย่างแท้จริงรวมถึงผลประโยชน์ ที่เกิดขึ้นจากการที่ผู้เรียนได้สร้างผลงานนั้นโดยเน้นกระบวนการและความพยายามในการปฏิบัติงานนั้น
58 | หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ เทคนิควิธีกำรก ำหนดเกณฑ์กำรประเมิน สิ่งที่จ าเป็นจะต้องก าหนดหรือระบุไว้ในการพิจารณาคุณสมบัติของเกณฑ์การประเมินมีดังนี้ 1. ความต่อเนื่อง ความแตกต่างระหว่างระดับคุณภาพในมาตรวัดจะต้องต่อเนื่องและมีขนาดเท่ากันเช่นความแตกต่าง ระหว่างระดับ 5 กับ 4 จะต้องมีขนาดเท่ากับความแตกต่างระหว่าง 2 กับ 1ซึ่งเป็นคุณสมบัติของตัวเลขในมาตรา อันตรภาค (interval scale) ทั้งนี้คุณภาพของสิ่งที่ประเมินจะมีคุณสมบัติต่อเนื่อง (continuous variable) 2. ความคู่ขนาน ค าอธิบายในแต่ละระดับคุณภาพจะต้องใช้ค าหรือภาษาที่คู่ขนานกันตลอดทุกช่วงของมาตรวัด 3. ยึดสมรรถภาพที่ต้องการประเมิน เกณฑ์การประเมินจะต้องเน้นที่ตัวสมรรถภาพที่ต้องการประเมินสมรรถภาพเดียวกันค าอธิบายในแต่ ละระดับจะแตกต่างกันเฉพาะในคุณภาพของงานหรือการปฏิบัตินั้นของสมรรถภาพที่ใช้เป็นหลักเฉพาะในเกณฑ์การ ประเมินที่พิจารณานั้น 4. ก าหนดน้ าหนักของเกณฑ์การประเมิน เมื่อมีหลายเกณฑ์การประเมินการก าหนดน้ าหนักความส าคัญของเกณฑ์จึงมีความจ าเป็นตามจุดเน้น หนักเบาของผลงานหรือสมรรถภาพที่ได้รับของการประเมินนั้นๆ 5. ความเที่ยงตรง เกณฑ์การประเมินจะต้องมีหลักฐานแสดงให้เห็นถึงความเที่ยงตรงของการพิจารณาผลงานออกมาใน รูปของระดับคะแนนที่เป็นตัวแทนของพฤติกรรมให้เป็นรูปธรรมที่ปกติไม่สามารถมองเห็นได้ง่ายดังนั้นการให้ระดับ คุณภาพที่ต่างกันจะต้อง 5.1 สะท้อนให้เห็นถึงการวิเคราะห์ผลงานตามตัวอย่างในระดับความสามารถต่างๆกัน 5.2 อธิบายคุณภาพของการปฏิบัติงานไม่ใช่ปริมาณงาน 5.3 เกณฑ์การประเมินจะต้องไม่พิจารณาเกี่ยวข้องอื่นๆแต่จะเน้นเกณฑ์การแสดงออกตามสภาพ จริงดังตัวอย่างในการพูดผู้เสนอหลายคนใช้บันทึกย่อในการพูดแต่เกณฑ์การประเมินไม่พิจารณาการใช้หรือไม่ใช้ บันทึกย่อแต่จะพิจารณาประสิทธิภาพของการพูดดังนั้นเกณฑ์การประเมินจะพิจารณาพฤติกรรมการน าเสนอและ การเรียบเรียงข้อสนเทศที่น าเสนอ 6. ความเชื่อมั่น เกณฑ์การประเมินจะต้องมีความคงเส้นคงวาในการตัดสินใจให้ระดับคุณภาพไม่ว่าใครจะเป็น ผู้ประเมินหรือไม่ว่าจะประเมินเวลาใดเกณฑ์การประเมินที่ใช้ค าประเภทการลงความเห็นเชิงสรุป (เช่นผ่าน ไม่ผ่าน) และค าประเภทเปรียบเทียบ (เช่นดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุง) นั้นควรใช้ค าที่เป็นการอธิบายหรือบรรยายลักษณะงาน หรือการกระท าจะช่วยให้เกณฑ์การประเมินมีความเชื่อมั่นมากขึ้น กิ่งกำญจน์ สิรสุคนธ์เสนอแนวทางการสร้างเกณฑ์การประเมิน ดังนี้ 1. ดูรูปแบบหรือดูตัวอย่าง ให้นักเรียนดูตัวอย่างงานที่ดีและงานที่ไม่ดี แล้วให้บอกลักษณะที่ท าให้งานดี หรือไม่ดี 2. ท ารายการเกณฑ์ ให้อภิปรายตัวอย่างงานเพื่อเริ่มท ารายการเกณฑ์ที่จะใช้พิจารณาคุณภาพของงาน 3. ท าระดับคุณภาพให้ชัดเจน อธิบายลักษณะคุณภาพดีที่สุดและแย่ที่สุด แล้วจึงอธิบายคุณภาพของ งานระดับกลาง โดยใช้พื้นฐานความรู้เกี่ยวกับปัญหาทั่วไปและการอภิปรายเกี่ยวกับงานที่คุณภาพไม่ค่อยดี 4. ฝึกให้นักเรียนใช้รูบริคที่สร้างขึ้นกับงาน ตัวอย่าง โดยให้ประเมินงานตัวอย่างที่ให้ดูในขั้นที่ 1
หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ | 59 5. ก าหนดงานให้นักเรียนท าและให้ประเมินโดยตนเองและโดยกลุ่ม ในขณะที่นักเรียนท างานก็ให้มี การประเมินตนเองและประเมินโดยกลุ่มเป็นระยะๆ 6. ทบทวน ให้เวลานักเรียนทบทวนงาน โดยใช้ข้อติชมโดยขั้นตอนที่ 5 7. ให้ครูประเมินของนักเรียนโดยใช้รูบริคเดียวกับที่นักเรียนใช้ขั้นตอนที่ 1 อาจจ าเป็นต้องท า หากงาน ที่ให้นักเรียนท านั้น เป็นงานที่นักเรียนไม่คุ้นเคยขั้นตอนที่ 3 และขั้นตอนที่ 4 มีประโยชน์แต่ต้องเสียเวลา ครูสามารถ ท าเองได้ โดยเฉพาะเมื่อใช้รูบริคนั้นระยะหนึ่ง การให้นักเรียนมีประสบการณ์การประเมินโดยใช้รูบริค อาจเริ่มตั้งแต่ การที่ครูก าหนดระดับคุณภาพ ก าหนดรายการเกณฑ์ ตรวจสอบกับนักเรียน ทบทวนและใช้รูบริคนั้นประเมินตนเอง ประเมินกับกลุ่ม และครูประเมิน ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ 5-7 ดร.ชัยวัฒน์สุทธิรัตน์. คณะศึกษำศำสตร์มหำวิทยำลัยนเรศวรได้เสนอแนวการสร้างเกณฑ์การประเมิน ดังนี้ การสร้างรูบริคต้องให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมเพื่อให้ผู้เรียนมีประสบการณ์ในการใช้รูบริคในการประเมินและ ช่วยพัฒนาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรูบริคให้เหมาะสมยิ่งขึ้นซึ่งขั้นตอนการสร้างรูบริคมีดังนี้ ขั้นที่1 ศึกษำตัวอย่ำงชิ้นงำนโดยให้ผู้เรียนได้เห็นตัวอย่างชิ้นงานที่ดีและไม่ดีระบุคุณลักษณะที่ท าให้ ชิ้นงานดีและลักษณะที่ท าให้ชิ้นงานไม่ดีซึ่งขั้นนี้มีความจ าเป็นในกรณีที่ครูให้ผู้เรียนท างานที่ผู้เรียนยังไม่คุ้นเคยหรือ เป็นงานใหม่ ขั้นที่2 ระบุรำยกำรที่เป็นเกณฑ์โดยการให้ผู้เรียนได้อภิปรายชิ้นงานแล้วน าความเห็นมาลงสรุปเป็น เกณฑ์ที่บอกว่าชิ้นงานที่ดีเป็นอย่างไร ขั้นที่ 3 ระบุระดับของคุณภำพโดยการบรรยายลักษณะของชิ้นงานที่ถือว่ามีคุณภาพที่ดีที่สุดและ บรรยายลักษณะชิ้นงานที่มีคุณภาพต่ าสุดจากนั้นบรรยายลักษณะที่อยู่ระหว่างกลาง ขั้นที่4 ฝึกใช้เกณฑ์โดยให้ผู้เรียนฝึกใช้รูบริคที่สร้างขึ้นในการประเมินชิ้นงานที่นาเสนอเป็นตัวอย่างใน ขั้นที่ 1 ขั้นที่5 ประเมินตนเองและเพื่อนโดยให้ผู้เรียนผลิตชิ้นงานขณะทางานให้หยุดบางช่วงเพื่อให้ผู้เรียนใช้ รูบริคประเมินชิ้นงานของตนเองและของเพื่อน ขั้นที่6 แก้ไขปรับปรุงโดยการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนแก้ไขปรับปรุงชิ้นงานของตนเองจากข้อเสนอแนะที่ ได้จากขั้นที่ 5 ขั้นที่ 7 ประเมินผลงำนโดยผู้สอนใช้รูบริคที่ผู้เรียนพัฒนาขึ้นในการประเมินโดยน ารูบริคที่ผู้เรียน พัฒนาขึ้นและเคยใช้แล้วประเมินชิ้นงานของผู้เรียน
60 | หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ ตัวอย่ำงเกณฑ์กำรให้คะแนน จากกิจกรรมในหน่วยที่ 4 วิชาคณิตศาสตร์ ชั้น ป.6 ตัวชี้วัดที่ 2 เขียนแผนภูมิแท่งเปรียบเทียบและกราฟ เส้นได้น าเสนอตัวอย่างการออกข้อสอบ และแนวทางการตอบมาแล้ว ดังนั้นในหน่วยนี้จึงได้เสนอแนวทางการสร้าง เกณฑ์การให้คะแนน ดังนี้ เกณฑ์กำรประเมินแบบภำพรวม (Holistic Rubrics) สำระที่ 5 กำรวิเครำะห์ข้อมูลและควำมน่ำจะเป็น มำตรฐำน ค 5.1 เข้ำใจและใช้วิธีกำรทำงสถิติในกำรวิเครำะห์ข้อมูล ตัวชี้วัด ค 5.1 ป.6/2 เขียนแผนภูมิแท่งเปรียบเทียบและกรำฟเส้น ปรับปรุง (1 คะแนน) พอใช้ (2 คะแนน) ดี (3 คะแนน) แผนภูมิมีข้อผิดพลาดมากกว่า 1 รายการ แผนภูมิมีข้อผิดพลาด 1 รายการ แผนภูมิมีความถูกต้องครบทุก รายการ ได้แก่ 1. องค์ประกอบส าคัญของแผนภูมิ ครบถ้วน 2. การเปรียบเทียบความแตกต่าง ของข้อมูลชัดเจน 3. แท่งแผนภูมิที่น าเสนอถูกต้องทุก รายการ 4. ขนาดของแท่งแผนภูมิและ ระยะห่างเท่ากันทั้งหมด เกณฑ์กำรประเมินแบบแยกส่วน (Analytic Rubrics) สำระที่ 5 กำรวิเครำะห์ข้อมูลและควำมน่ำจะเป็น มำตรฐำน ค 5.1 เข้ำใจและใช้วิธีกำรทำงสถิติในกำรวิเครำะห์ข้อมูล ตัวชี้วัด ค 5.1 ป.6/1 เขียนแผนภูมิแท่งเปรียบเทียบและกรำฟเส้น คะแนน ประเด็น ปรับปรุง (1 คะแนน) พอใช้ (2 คะแนน) ดี (3 คะแนน) น้ ำหนัก 1. องค์ประกอบของ แผนภูมิ ขาดองค์ประกอบส าคัญ ของแผนภูมิ มากกว่า 1 รายการ ขาดองค์ประกอบส าคัญ ของแผนภูมิจ านวน 1 รายการ มีองค์ประกอบส าคัญของ แผนภูมิครบถ้วนได้แก่ ชื่อแผนภูมิมาตราส่วนชื่อ แกนนอนชื่อแกนตั้ง 2 2. กำรเปรียบเทียบ ควำมแตกต่ำงของแท่ง แผนภูมิ แท่งแผนภูมิแสดงความ แตกต่างไม่ชัดเจน และ ก าหนดสัญลักษณ์แทน ข้อมูลแต่ละชุดไม่ตรงกับ แท่งแผนภูมิ แท่งแผนภูมิแสดงให้เห็น ความแตกต่างชัดเจน แต่ การก าหนดสัญลักษณ์ แทนข้อมูลแต่ละชุดไม่ ตรงกับแท่งแผนภูมิ - แท่งแผนภูมิแสดงให้ เห็นความแตกต่างชัดเจน - มีการก าหนดสัญลักษณ์ แทนข้อมูลแต่ละชุดตรง กับแท่งแผนภูมิ 3. ควำมครบถ้วนและ ถูกต้องของข้อมูล แผนภูมิที่น าเสนอไม่ ครบถ้วนหรือผิดพลาดทั้ง 2 รายการ แผนภูมิที่น าเสนอ ครบถ้วน แต่ผิดพลาด 1 รายการ แผนภูมิที่น าเสนอ ครบถ้วนและถูกต้องทุก รายการ 4 4. ขนำดและระยะห่ำง ของแท่งแผนภูมิ ขนาดและระยะห่างของ แท่งแผนภูมิไม่เท่ากัน มากกว่า1 แห่ง ขนาดและระยะห่างของ แท่งแผนภูมิไม่เท่ากัน 1 แห่ง ขนาดและระยะห่างของ แท่งแผนภูมิเท่ากัน ทั้งหมด 2
หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ | 61 ตัวอย่ำง เกณฑ์การให้คะแนนการเขียนเรียงความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทยชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 (LAS) ของ ส านักทดสอบทางการศึกษา ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน คะแนน ประเด็น 5 4 3 2 1 จุดเน้นของเรื่องที่ น ำเสนอ - ก าหนดจุดมุ่งหมาย ในบทน าด้วยวิธีการที่ เหมาะสมเช่นการใช้ เกร็ดความรู้อ้าง ค าพูดของคนอื่น - เขียนเรื่องได้ สอดคล้องกับประเด็น ที่โจทย์ก าหนดตลอด เรื่อง - ย่อหน้าสุดท้าย เสนอภาพสรุปรวมที่ ส าคัญของเรื่อง - เขียนประเด็นที่ ต้องการน าเสนอได้ ชัดเจน - เขียนภาพรวมของ เรื่องครบตาม ประเด็นที่น าเสนอใน บทน า - น าเสนอประโยคที่ เป็นใจความส าคัญ ของเรื่องในบทน า ของเรื่อง - เขียนเรื่องส่วนใหญ่ ได้สอดคล้องกับ ประเด็นที่โจทย์ ก าหนด - ย่อหน้าสุดท้าย สอดคล้องกับบทน า และเนื้อเรื่อง - น าเสนอภาพรวม ของเรื่องเกินหรือ น้อยกว่าประเด็นที่ น าเสนอในบทน า - มีการระบุประเด็น ส าคัญของเรื่องไว้ใน บทน า - เขียนเรื่องซ้ าไปซ้ า มาและไม่จบสมบูรณ์ - เขียนเรื่องเป็นไป ตามโจทย์ที่ก าหนด แต่มีการเขียนออก นอกประเด็นเป็นบาง จุด - จบการเขียนเรื่อง ด้วยประโยคสั้นๆ - เขียนเรื่อง สอดคล้องกับ บางส่วนของประเด็น ที่ก าหนด - เขียนเรื่องราวซ้ าไป ซ้ ามา - ลักษณะการเขียน ไม่ใช่การเชิญชวน - ไม่มีข้อความที่ แสดงการจบเรื่อง - ประเด็นที่น าเสนอ ไม่ชัดเจน - เรื่องที่เขียนเป็นการ เล่าเรื่องไปเรื่อยๆไม่ แสดงจุดเน้นของเรื่อง - เรื่องที่เขียนไม่เป็น ไปตามโจทย์ที่ ก าหนด รำยละเอียดเนื้อหำ สำระที่น ำเสนอ - การเขียน รายละเอียดเพื่อ ขยายความทุก ประเด็นของเรื่องด้วย ข้อมูลที่ถูกต้องและมี ความสมดุล - มีการใช้ค าหรือวลีที่ น่าสนใจในการเขียน ขยายความประเด็น ส าคัญของเรื่อง - ส านวนการเขียนมี ความเหมาะสมกับชื่อ เรื่องจุดมุ่งหมาย และผู้อ่าน - มีการเขียน รายละเอียดเพื่อ ขยายความประเด็น ส่วนใหญ่ของเรื่อง ด้วยข้อมูลที่ สอดคล้องกัน - ปริมาณข้อมูลที่ใช้ ขยายแต่ละประเด็น ไม่สมดุลกัน - มีการใช้ค าหรือวลีที่ ดึงดูดความสนใจ ผู้อ่าน - ส านวนการเขียน น่าสนใจแต่ขาดความ คงเส้นคงวา - มีการเขียน รายละเอียดเพื่อ ขยายใจความส าคัญ และรายละเอียดมี ใจความสมบูรณ์ - รายละเอียดที่น ามา ขยายใจความส าคัญ ยังขาดความลึกซึ้ง - ใช้ค าง่ายหรือซ้ าๆ - ส านวนการเขียนไม่ เหมาะสมกับเรื่อง และผู้อ่าน - มีการเขียน รายละเอียดเพื่อ ขยายใจความส าคัญ บางประเด็นและมี รายละเอียดน้อยหรือ มีใจความไม่สมบูรณ์ - เขียนรายละเอียด ทั่วๆไปไม่ตรง ประเด็นที่ก าหนด หรือเขียนซ้ าไปซ้ ามา - เขียนข้อความเป็น ประเด็นๆโดยไม่มี รายละเอียดขยาย - มีการเขียน รายละเอียดในบาง ประเด็นแต่มีความ สับสนวกวน - เนื้อหาสาระที่เขียน ต่ ากว่าหนึ่ง หน้ากระดาษ กำรจัดองค์ ประกอบของ เรื่องที่น ำเสนอ - การเรียบเรียงสาระ ที่น าเสนอเหมาะสม และประเด็นที่น า เสนอมีความ สมเหตุสมผล - เรื่องที่เขียนน า เสนอบทน าเนื้อหา และบทสรุปอย่าง - การจัดเรียงเนื้อหา สาระแต่ละย่อหน้ามี ความเหมาะสมทั้งใน ส่วนของบทน าเนื้อหา และบทสรุป - สาระที่น าเสนอส่วน ใหญ่มีความ สมเหตุสมผล - การน าเสนอเรื่อง ราวมีการแบ่งย่อหน้า ได้เหมาะสมแต่ โครงสร้างของเรื่องยัง ไม่ปรากฏส่วนน า เนื้อหาและส่วนสรุป อย่างชัดเจน - การน าเสนอเนื้อหา แบ่งย่อหน้าไม่ เหมาะสม - การน าเสนอเรื่องไม่ ลื่นไหลประเด็นที่ น าเสนอในแต่ละตอน ไม่เชื่อมโยงกัน - การเรียบเรียง เนื้อหาสับสนหรือไม่ ปรากฏ หลักฐานว่ามีการ วางแผนก่อนการ เขียนเรื่อง - การด าเนินเรื่องราว ไม่จบอย่างสมบูรณ์
62 | หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ คะแนน ประเด็น 5 4 3 2 1 ชัดเจนและเสนอ ความคิดเป็นล าดับ - ข้อความในทุกย่อ หน้ามีประโยคที่เป็น ใจความส าคัญและมี การสรุปในตอนท้าย ของย่อหน้า - น าเสนอโครงสร้าง ของประโยคและ ส านวนที่หลากหลาย - การเรียบเรียง เรื่องราวในแต่ละย่อ หน้ามีการร้อยรัดกัน ดี - สาระที่น าเสนอส่วน ใหญ่มีความเชื่อมโยง ระหว่างประเด็น - ข้อความในแต่ละ ย่อหน้าส่วนใหญ่มี ประโยคที่เป็น ใจความส าคัญ - การเรียบเรียง ประโยคและข้อ ความในแต่ละย่อหน้า มีความเหมาะ สม เข้าใจง่ายแต่ยัง ใช้ ซ้ าๆกันหลายจุด - การเชื่อมโยงเรื่อง ราวในแต่ละย่อหน้า สร้างความสับสนหรือ เสนอซ้ าๆ - การเรียบเรียง ประโยคไม่สอดคล้อง กับประโยคที่เป็น ใจความส าคัญ - การเรียงประโยคยัง ไม่มีจุดมุ่งหมายที่ แน่นอน ตามหลักการเขียน เรียงความ ควำมสอดคล้อง และเชื่อมโยง ของเรื่อง - มีการวางโครงสร้าง รูปแบบการเขียน ชัดเจนและใช้รูปแบบ การเขียนเรียงความ เพื่อเชิญชวน - เรื่องที่เขียนมีความ ยากเหมาะสมกับ ระดับชั้นที่เรียน - งานเขียนมีการระบุ รายละเอียดส าคัญ มากและสมดุลช่วยให้ ผู้อ่านเข้าใจเรื่องราว อย่างชัดเจน - การเรียบเรียง ประโยคและเรื่องราว มีความกลมกลืน - มีการวางโครงสร้าง รูปแบบการเขียน ชัดเจนและใช้รูปแบบ การเขียนเรียงความ เพื่อเชิญชวน - เรื่องที่เขียนมีความ ยากเหมาะสมกับ ระดับชั้นที่เรียน - เรื่องที่เขียนใช้ โครงสร้างที่ง่ายและ เหมาะสม - งานที่เขียนมีการ ระบุรายละเอียดที่ ช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจ เรื่องราวได้ - มีการวางโครงสร้าง รูปแบบการเขียน ชัดเจนและใช้รูปแบบ การเขียนเรียงความ เพื่อเชิญชวน - เรื่องที่เขียนมีความ ยากเหมาะสมกับ ระดับชั้นที่เรียน - ผู้อ่านจ าเป็นต้อง อาศัยการนึกภาพ เพิ่มเติมเพื่อท าความ เข้าใจเรื่องที่ผู้เขียน น าเสนอเนื่องจากมี บางส่วนเขียนไม่ สมบูรณ์ - งานเขียนปรากฏ หลักฐานการใช้ รูปแบบการเขียน เรียงความเพื่อเชิญ ชวน - เรื่องที่เขียนยังมี ความสับสนวกวน - เขียนเรื่องวกวน สับสนตลอดเรื่อง - ความเชื่อมโยงของ เรื่องขาดเป็นตอนๆ
หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ | 63 คะแนน ประเด็น 3 2 1 หลักภำษำ - ใช้ประโยคที่มีโครงสร้างที่ หลากหลายและไม่มี ข้อผิดพลาดหรือมีความผิดบ้าง ในส่วนที่ไม่ส าคัญ - มีการสะกดผิดน้อยกว่าร้อย ละ 20 - ใช้ค าได้เหมาะสมกับ ความหมายหน้าที่และบริบท ของเรื่อง - ใช้ประโยคที่มีโครงสร้างที่ หลากหลายและมีข้อผิดพลาด บ้างแต่ไม่ท าให้ผู้อ่านมีความ สับสน - มีการสะกดผิดร้อยละ 20-50 - ใช้ค าได้เหมาะสมกับ ความหมายหน้าที่และบริบท ของเรื่อง - ใช้ประโยคที่ง่ายๆรวมทั้งมี ข้อผิดพลาดมากท าให้ผู้อ่านมี ความสับสน - สะกดค าผิดมากกว่า ร้อยละ 50 - ใช้ค าไม่เหมาะสมกับ ความหมายหน้าที่และบริบท ของเรื่อง เกณฑ์กำรตัดสินให้คะแนน ได้คะแนนระหว่าง 0-3 คิดเป็น 1 คะแนน ได้คะแนนระหว่าง 4-8 คิดเป็น 2 คะแนน ได้คะแนนระหว่าง 9-13 คิดเป็น 3 คะแนน ได้คะแนนระหว่าง 14-18 คิดเป็น 4 คะแนน ได้คะแนนระหว่าง 19-23 คิดเป็น 5 คะแนน ตัวอย่ำง เกณฑ์กำรประเมินในข้อสอบตำมแนวทำงกำรทดสอบระดับนำนำชำติ (PISA) ส าหรับเกณฑ์การประเมินในข้อสอบตามแนวทางการทดสอบระดับนานาชาติ (PISA) แบ่งได้เป็น 2 ประเภท 1. แบบให้คะแนนเป็น 2 ค่า กล่าวคือ ตอบถูกได้ 1 คะแนน ตอบผิดได้ 0 คะแนน ซึ่งจะก าหนด ขอบเขตในการตอบของผู้เข้าสอบ กรณีได้คะแนนและไม่ได้คะแนน 2. ให้คะแนนมากกว่า 2 ค่า ซึ่งจะก าหนดขอบเขตในการตอบของผู้เข้าสอบที่ได้คะแนนในแต่ละระดับ ดังตัวอย่าง แบบที่ 1 แบบให้คะแนนเป็น 2 ค่ำ ข้อค ำถำมข้อความต่อไปนี้มีหลายค าในข้อความถูกขีดเส้นใต้ไว้ “นักดาราศาสตร์ท านายว่าการมองจากดาวเนปจูน จะเห็นการเคลื่อนผ่านของดาวเสาร์ผ่านดวงอาทิตย์ ในช่วงปลายศตวรรษนี้” ค าที่ขีดเส้นใต้ สามค าใด ที่เป็นค าที่มีประโยชน์ที่สุด ในการค้นหาข้อสนเทศจากอินเทอร์เน็ต หรือห้องสมุด เพื่อค้นหาว่าจะเกิดการเคลื่อนผ่านเมื่อใด กำรให้คะแนน คะแนนเต็ม รหัส 1 : ค าตอบประกอบด้วย การเคลื่อนผ่านดาวเนปจูน และดาวเสาร์ ไม่มีคะแนน รหัส 0 : ค าตอบอื่นๆ เช่น มี 4 ค าได้แก่การเคลื่อนที่ผ่าน ดาวเสาร์ ดวงอาทิตย์ ดาวเนปจูนเป็นต้น รหัส 9 : ไม่ตอบ
64 | หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ แบบที่ 2 แบบให้คะแนนมำกว่ำ 2 ค่ำ ค ำถำม: ข้อสารสนเทศใดในตาราง ที่แสดงว่า ม้าในยุคปัจจุบันมีวิวัฒนาการมาจากซากฟอสซิลทั้งสามชนิด ในตาราง จงอธิบาย ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… กำรให้คะแนน คะแนนเต็ม รหัส 2 : ค าตอบที่อ้างถึงการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างของโครงกระดุกขา เช่น โครงกระดูกขาเหมือนกันมาก แต่มีการเปลี่ยนแปลงทีละน้อย นิ้วเท้า/กีบเท้าม้าเชื่อมโยงกันในช่วง 55 ถึง 2 ล้านปีก่อน กีบเท้าม้ามีการเปลี่ยนแปลง จ านวนนิ้วเท้าลดลง คะแนนบางส่วน รหัส 1 : ค าตอบที่อ้างอิงการเปลี่ยนแปลงของรูปร่างทั้งหมด เช่น พวกมันมีรูปร่างที่เหมือนกัน แล้วเริ่มมีรูปร่างที่ใหญ่ขึ้น ม้าตัวใหญ่ขึ้น รหัส 0 : ค าตอบอื่นๆ ขาหลัง ขาของม้ายาวขึ้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา พวกมันถูกเรียกว่า ฮิปปุส เมื่อเวลาผ่านไป ม้าสูญหายไปหลายล้านปี
หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ | 65 ใบกิจกรรมที่ 5.1 กำรพิจำรณำแนวทำงกำรให้คะแนน ค ำชี้แจง ให้ผู้เข้าอบรมพิจารณาสถานการณ์ ข้อค าถาม และแนวทางการให้คะแนนที่ก าหนด แล้วแสดงความคิดเห็นว่า แนวทางการให้คะแนนเหมาะสมหรือไม่ เหมาะสมในประเด็นใด ส าหรับประเด็นที่ระบุว่าไม่เหมาะสม ให้เสนอแนะ แนวทางการปรับปรุงประกอบด้วย สถำนกำรณ์เรื่อง แมรี่ มองตำกู อ่านบทความจากหนังสือพิมพ์ต่อไปนี้ และตอบค าถาม ประวัติของกำรฉีดวัคซีน แมรี่มองตากูเป็นผู้หญิงสวยเธอรอดชีวิตจากการติดเชื้อฝีดาษเมื่อปีค.ศ 1715 แต่ก็มีแผลเป็นปกคลุม บนผิวหนังขณะที่อยู่ในตุรกีในปีค.ศ 1717 เธอสังเกตวิธีการที่เรียกว่าการปลูกฝีซึ่งใช้กันอยู่ทั่วไปวิธีการนี้ใช้การขีดเชื้อ ไวรัสฝีดาษที่อ่อนแอลงบนผิวหนังของคนที่อายุน้อยและมีสุขภาพดีซึ่งต่อมาจะมีอาการไข้แต่ทุกรายจะมีอาการของ โรคอย่างอ่อนๆเท่านั้น แมรี่มองตากูเชื่อมั่นในความปลอดภัยของการปลูกฝีจนยอมให้ลูกชายและลูกสาวของเธอได้ปลูกฝี ในปีค.ศ1796 เอ็ดเวิร์ดเจนเนอร์ใช้วิธีการปลูกฝีด้วยเชื้อโรคที่ใกล้เคียงกันคือฝีดาษในวัวเพื่อผลิตสารต้านทาน โรคฝีดาษเมื่อเปรียบเทียบกับการปลูกฝีด้วยเชื้อฝีดาษวิธีการนี้มีผลข้างเคียงน้อยและผู้ที่ได้รับจะไม่สามารถแพร่เชื้อ ให้ผู้อื่นวิธีการนี้เป็นที่รู้จักกันว่าการฉีดวัคซีน ค ำถำมที่ 3: จงให้เหตุผลหนึ่งข้อว่า ท าไมจึงแนะน าให้ฉีดวัคซีนป้องกันฝีดาษโดยเฉพาะเด็กและคนแก่ ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................... แนวกำรให้คะแนน คะแนนเต็ม รหัส 1 : ค าตอบอ้างถึงประโยชน์ของวัคซีน ที่ช่วยป้องกันเชื้อฝีดาษ วัคซีนท าให้ร่างกายมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง วัควีนป้องกันโรคเชื้อฝีดาษมีผลข้างเคียงน้อย และผู้ที่ได้รับจะไม่สามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้ รหัส 0 : ค าตอบอื่นๆ พวกเขาอ่อนแอกว่า พวกเขาต้องการความช่วยเหลือในการต่อสู้กับเชื้อฝีดาษ เด็กและคนแก่เป็นเชื้อฝีดาษง่าย รหัส 9 : ไม่ตอบ
66 | หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ ค ำถำมที่ 1 แนวทางการให้คะแนนเหมาะสมและไม่เหมาะสมในประเด็นใด และเพราะเหตุใด ประเด็นที่เหมาะสม ............................................................................................................... .............................................................................................................................................................................. ประเด็นที่ไม่เหมาะสม ........................................................................................................ ... .............................................................................................................................................................................. ค ำถำมที่ 2 ในประเด็นที่ไม่เหมาะสม ให้ปรับแก้แนวทางการให้คะแนน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................
หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ | 67 ใบกิจกรรมที่ 5.2 กำรเขียนเกณฑ์กำรให้คะแนน (Rubrics) ค ำชี้แจง ให้ผู้เข้าอบรมน าข้อสอบที่สร้างค าถามไว้ ในใบกิจกรรมที่ 4.1 โดยเลือกค าถามจากตอนที่ 1 หรือ ตอนที่ 2 จ านวน 1 ข้อ มาสร้างเกณฑ์การให้คะแนน (Rubrics) โดยให้ผู้เข้ารับการอบรมเขียนเกณฑ์การให้คะแนน ทั้งในลักษณะองค์รวม (Holistic Rubrics) แบบแยกส่วน (Analytic Rubrics) และเกณฑ์การให้คะแนนตามแนว การทดสอบระดับนานาชาติ (PISA) ในตารางต่อไปนี้ ค าถามข้อที่ ................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 1. เกณฑ์กำรตรวจให้คะแนน แบบ Holistic Rubrics ดี (คะแนน) พอใช้ (คะแนน) ปรับปรุง (คะแนน)
68 | หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ 2. เกณฑ์กำรตรวจให้คะแนน แบบ Analytic Rubrics ประเด็น ดี (คะแนน) พอใช้ (คะแนน) ปรับปรุง (คะแนน) 3. เกณฑ์กำรตรวจให้คะแนน ตามแนวทางการทดสอบระดับนานาชาติ (PISA) แนวกำรให้คะแนน คะแนนเต็ม รหัส 2 : ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… คะแนนบำงส่วน รหัส 1 : ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ไม่มีคะแนน รหัส 0 : ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… รหัส 9 : ไม่ตอบ
หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ | 69 ใบกิจกรรมที่ 5.3 กำรวิพำกษ์เครื่องมือ ชื่อ-สกุล สพป./สพม. เลขที่ ค ำชี้แจง ให้ผู้เข้าอบรมน าเกณฑ์การให้คะแนนในใบกิจกรรมที่ 5.2 แล้วจับกลุ่มกับผู้เข้าอบรมคนอื่นที่ท าข้อสอบข้อ เดียวกัน แลกเปลี่ยนกันตรวจให้คะแนน ทั้ง 3 แบบ (Holistic Rubrics/ Anaytic Rubrics และเกณฑ์การประเมิน ตามแนวทางการทดสอบระดับนานาชาติ PISA) แล้ววิพากษ์ร่วมกันภายในกลุ่ม บันทึกปัญหาหรือจุดที่ควรแก้ไข และแนวทางแก้ไข ปรับปรุงข้อสอบและเกณฑ์การให้คะแนนลงในตาราง รำยกำรตรวจสอบ ปัญหำหรือประเด็นที่ต้องกำรแก้ไข แนวทำงแก้ไข/ปรับปรุง ข้อสอบ ข้อที่ ............. เกณฑ์การให้คะแนน Holistic Rubrics Analy Rubrics PISA
70 | หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ ใบกิจกรรมที่ 5.4 กำรตรวจข้อสอบอัตนัย ค ำชี้แจง ให้ผู้เข้าอบรมท าการตรวจให้คะแนนกระดาษค าตอบของนักเรียนตามข้อค าถามและเกณฑ์การประเมิน คุณภาพที่ก าหนดให้ต่อไปนี้ ข้อค ำถำมจงเขียนอธิบายเกี่ยวกับกล้วยจากแผนผังความคิดที่ก าหนดให้ (ความยาวประมาณ ๑๐ บรรทัด) เกณฑ์กำรให้คะแนน เกณฑ์ที่ 1 กำรใช้ค ำ รำยกำรประเมิน 2 1.5 1 0.5 0 1.เขียนสะกดค าได้ ถูกต้องตามอักขรวิธี เขียนสะกดค า ถูกต้องทุกค า เขียนสะกดค าผิด 1-3 ค า เขียนสะกดค าผิด 4-6 ค า เขียนสะกดค าผิด 7-9 ค า เขียนสะกดค าผิด 10ค า ขึ้นไป 2.ใช้ค าได้ถูกต้อง ตามความหมาย ใช้ค าได้ถูกต้องตาม ความหมายของ เนื้อความ ใช้ค าไม่ตรงตาม ความหมาย1-3 ค า ใช้ค าไม่ตรงตาม ความหมาย4-6 ค า ใช้ค าไม่ตรงตาม ความหมาย7-9 ค า ใช้ค าไม่ตรงตาม ความหมาย10 ค า ขึ้นไป 3.ใช้ค าได้ถูกต้องตรง ตามหน้าที่ ใช้ค าได้ถูกต้องตรง ตามหน้าที่ ใช้ค าไม่ตรงตาม หน้าที่1-3 ค า ใช้ค าไม่ตรงตาม หน้าที่4-6ค า ใช้ค าไม่ตรงตาม หน้าที่7-9 ค า ใช้ค าไม่ตรงตาม หน้าที่10 ค า ขึ้นไป 4.ใช้ระดับภาษาได้ เหมาะสม ใช้ค าได้ถูกต้อง เหมาะสมกับระดับ ภาษาทุกค า ใช้ค าไม่ถูกต้อง เหมาะสมกับระดับ ภาษาตาม สถานการณ์1-3 ค า ใช้ค าไม่ถูกต้อง เหมาะสมกับ ระดับภาษาตาม สถานการณ์4-6 ค า ใช้ค าไม่ถูกต้อง เหมาะสมกับ ระดับภาษาตาม สถานการณ์7-9 ค า ใช้ค าไม่ถูกต้อง เหมาะสมกับระดับ ภาษาตาม สถานการณ์10 ค า ขึ้นไป 5.ใช้วงค าศัพท์ที่ กว้างขวาง มีการใช้ค าศัพท์ใน วงกว้าง ตั้งแต่ 4 ค า ขึ้นไป มีการใช้ค าศัพท์ใน วงกว้างตั้งแต่ 3 ค า ขึ้นไป มีการใช้ค าศัพท์ ในวงกว้างตั้งแต่ 2 ค าขึ้นไป มีการใช้ค าศัพท์ ในวงกว้างตั้งแต่ 1 ค าขึ้นไป ไม่มีการใช้ค าศัพท์ ในวงกว้าง กล้วย ชนิด ส่วนประกอบ การปลูก ประโยชน์ กล้วยหอม กล้วยไข่ กล้วยน้ าว้า เพาะเมล็ด แยกหน่อ ราก ล าต้น ใบ ปลี ผล อาหาร ของใช้ ของเล่น
หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ | 71 เกณฑ์ที่ 2 กำรใช้ประโยค รำยกำรประเมิน ๒ ๑.๕ ๑ ๐.๕ ๐ 1. เขียนประโยคได้ ถูกต้องเหมาะสม ตามหลักโครงสร้าง เขียนประโยคได้ ถูกต้องเหมาะสม ตามหลักโครงสร้าง ทุกประโยค เขียนประโยค ไม่ถูกต้องตามหลัก โครงสร้าง 1 ประโยค เขียนประโยค ไม่ถูกต้องตาม หลักโครงสร้าง 2 ประโยค เขียนประโยค ไม่ถูกต้องตาม หลักโครงสร้าง 3 ประโยค เขียนประโยค ไม่ถูกต้องตามหลัก โครงสร้างตั้งแต่ 4 ประโยคขึ้นไป 2. เขียนประโยคได้ สละสลวยโดยใช้ ค าเชื่อม ค าขยาย เขียนประโยคได้ สละสลวยโดยใช้ ค าเชื่อม ค าขยาย ได้ถูกต้อง เหมาะสม ใช้ค าเชื่อม ค า ขยาย ไม่ถูกต้อง 1 แห่ง ใช้ค าเชื่อม ค า ขยาย ไม่ถูกต้อง 2 แห่ง ใช้ค าเชื่อม ค า ขยาย ไม่ถูกต้อง 3 แห่ง ใช้ค าเชื่อม ค า ขยาย ผิดตั้งแต่ 4 แห่ง ขึ้นไป 3. ความครบถ้วน ต่อเนื่องของการ เขียน เขียนอธิบาย เรื่องราวได้ต่อเนื่อง ไม่สับสนตาม สถานการณ์หรือ ข้อมูลที่ก าหนดได้ ครบถ้วน เขียนอธิบาย เรื่องราวได้ต่อเนื่อง ตามสถานการณ์ หรือข้อมูลที่ ก าหนด เขียนอธิบาย เรื่องราวไม่ ครอบคลุมกับ สถานการณ์หรือ ข้อมูล เขียนอธิบาย เรื่องราวไม่ สอดคล้องกับ สถานการณ์หรือ ข้อมูลที่ก าหนด ไม่เขียนอธิบาย เรื่องราว 4. เขียนได้ครบถ้วน ตามรูปแบบการ เขียน เขียนได้ครบ องค์ประกอบของ การเขียน ๓ ส่วนมี ส่วนน า เนื้อเรื่อง และสรุป เขียนไม่ครบ องค์ประกอบ 1 ส่วน เขียนไม่ครบ องค์ประกอบ 2 ส่วน เขียนไม่ถูกต้อง ตามรูปแบบ ไม่เขียนตอบ 5. มีมารยาทในการ เขียน ตัวอักษรเท่ากัน ช่องไฟสม่ าเสมอ สะอาดเป็น ระเบียบสวยงาม ตัวอักษรเท่ากัน ช่องไฟสม่ าเสมอ สะอาด ตัวอักษรเท่ากัน ช่องไฟสม่ าเสมอ ตัวอักษรไม่ เท่ากัน ช่องไฟไม่ สม่ าเสมอ ตัวอักษรไม่เท่ากัน ช่องไฟไม่สม่ าเสมอ มีรอยลบขีดฆ่า
72 | หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ กระดำษค ำตอบของนักเรียน แบบกรอกคะแนนผลประเมินกำรเขียน ที่ รำยกำรประเมิน คะแนนที่ได้ ด้ำนที่ 1 กำรใช้ค ำ 1 เขียนสะกดค าได้ถูกต้องตามอักขรวิธี 2 ใช้ค าได้ถูกต้องตามความหมาย 3 ใช้ค าได้ถูกต้องตรงตามหน้าที่ 4 ใช้ระดับภาษาได้เหมาะสม 5 ใช้วงค าศัพท์ที่กว้างขวาง ด้ำนที่ 2 กำรใช้ประโยค 1 เขียนประโยคได้ถูกต้องเหมาะสมตามหลักโครงสร้าง 2 เขียนประโยคได้สละสลวยโดยใช้ค าเชื่อม ค าขยาย 3 ความครบถ้วนต่อเนื่องของการเขียน 4 เขียนได้ครบถ้วนตามรูปแบบการเขียน 5 มีมารยาทในการเขียน
หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ | 73 หน่วยที่ 6 กำรตรวจสอบคุณภำพของเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนแบบอัตนัย กิจกรรม เนื้อหำ รูปแบบ กำรอบรม เวลำ สื่อ/ประกอบ รับฟังการบรรยาย การตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือ วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบ อัตนัย บรรยาย 1 ชั่วโมง - ppt: การตรวจสอบ คุณภาพเครื่องมือ - ใบความรู้ที่ 6 การ ตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือ ปฏิบัติกิจกรรม หาคุณภาพของเครื่องมือวัดผล สัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัย ปฏิบัติ 1 ชั่วโมง 30 นาที - กิจกรรมที่ 6.1–6.3 - ใบงานที่ 6.1–6.3
74 | หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ หน่วยที่ 6 กำรตรวจสอบคุณภำพของเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนแบบอัตนัย สำระส ำคัญ การตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัย เป็นสิ่งส าคัญในการพัฒนา เครื่องมือให้มีประสิทธิภาพก่อนน าไปใช้ โดยในล าดับแรกผู้ออกข้อสอบต้องประเมินว่าผู้สอบมีความรู้ในเนื้อหาและ ทักษะเพียงพอในการตอบค าถามข้อนั้นหรือไม่ รวมทั้งการใช้ภาษาในการสื่อความตามวัยของผู้สอบ แล้วจึงด าเนินการ ตรวจสอบค่าความเที่ยงตรง (Validity) โดยการพิจารณาความสอดคล้องของข้อค าถามกับตัวชี้วัดโดยผู้เชี่ยวชาญ (IOC) หาคุณภาพของข้อค าถามรายข้อ ได้แก่ ค่าความยาก (Difficulty) ค่าอ านาจจ าแนก (Discrimination power) และหาคุณภาพรายฉบับได้แก่ ค่าความเชื่อมั่น (Reliability) วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือวัดผล สัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัย 2. เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมสามารถหาค่าความเที่ยงตรง ค่าความยากง่ายและค่าอ านาจจ าแนกของ เครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัย เวลำ ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที บทบำทของผู้เข้ำรับกำรอบรม 1. ฟังการบรรยาย 2. ศึกษาใบความรู้ 3. ปฏิบัติกิจกรรม สื่อ 1. ใบกิจกรรม (6.1–6.3) 2. แบบบันทึกกิจกรรม (6.1–6.3) 3. เอกสารประกอบการบรรยาย - ใบความรู้ที่ 6 การตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัย 4. power point เรื่อง การตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัย วิธีกำรประเมิน 1. ตรวจและประเมินผลงานตามใบกิจกรรมที่ 6.1-6.3 เรื่อง การตรวจสอบคุณภาพของเครื่องมือวัดผล สัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัย 2. สังเกตพฤติกรรมการปฏิบัติงานของผู้เข้ารับการอบรม
หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ | 75 ใบควำมรู้ที่6 เรื่อง กำรตรวจสอบคุณภำพของเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนแบบอัตนัย แบบทดสอบแบบอัตนัย (Essay) เป็นข้อสอบที่ให้ผู้สอบเขียนตอบตามความคิดของตนเอง แม้ว่า โดยทั่วไปจะมีการน าไปใช้น้อย แต่ก็เป็นเครื่องมือที่จ าเป็นในการวัดผล โดยเฉพาะในการวัดเกี่ยวกับการสังเคราะห์ (Synthesis) ความสามารถในการอธิบายให้คนอื่นเข้าใจ และความสามารถในการบูรณาการความรู้ การวัดในลักษณะ เหล่านี้ข้อสอบแบบอัตนัยจะวัดได้ดีมาก เนื่องจากการที่จะตอบข้อสอบชนิดนี้ได้ต้องอาศัยความรอบรู้ ประสบการณ์ และความสามารถในการบูรณาการความรู้ การตรวจสอบคุณภาพของแบบทดสอบแบบอัตนัย มีลักษณะเช่นเดียวกับแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ ทางการเรียนชนิดอื่น ๆ เช่น แบบเลือกตอบ ถูกผิด เติมค า จับคู่ เป็นต้น ซึ่งมีคุณลักษณะส าคัญที่ต้องตรวจสอบ ประกอบด้วย ความเที่ยงตรง (Validity) ความยากง่าย (Difficulty) อ านาจจ าแนก (Discrimination power) และ ความเชื่อมั่น (Reliability) ดังรายละเอียดต่อไปนี้ 1. ควำมเที่ยงตรง (Validity) ความเที่ยงตรง เป็นคุณลักษณะของเครื่องมือที่แสดงถึงความสามารถในการวัดในสิ่งที่ต้องการวัดได้ อย่างถูกต้อง แม่นย าวัดได้ตรงตามสิ่งที่ต้องการวัด คุณสมบัติด้านความเที่ยงตรงถือเป็นหัวใจของการวัดและ ประเมินผล เครื่องมือที่มีความเที่ยงตรงสูงนั้นท าให้ผลการวัดมีความหมาย ถูกต้องแน่นอน ความเที่ยงตรงของเครื่องมือวัดผลมีหลายประเภท แต่ความเที่ยงตรงที่ต้องตรวจสอบเป็นอับดับแรกคือ ความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (Content Validity) ซึ่งการหาค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหาของแบบทดสอบตามวิธีของ โรวิแนลลี่ (Rovinelli) และแฮมเบิลตัน (Hambleton) เรียกว่า ดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อสอบกับจุดประสงค์ เชิงพฤติกรรม (IOC: Index of item Objective Congruence) (พวงรัตน์ ทวีรัตน์. 2543: 137) การหาค่า IOC ด าเนินการโดยให้ผู้เชี่ยวชาญอย่างน้อยจ านวน 3 คน ประเมินความสอดคล้องของ ข้อสอบแต่ละข้อกับจุดประสงค์หรือตัวชี้วัด และพิจารณาให้คะแนนแต่ละข้อ ดังนี้ ให้+1 ถ้าแน่ใจว่าข้อค าถามหรือข้อความสอดคล้องกับจุดประสงค์หรือตัวชี้วัดที่ต้องการวัด ให้ 0 ถ้าไม่แน่ใจว่าข้อค าถามหรือข้อความสอดคล้องกับจุดประสงค์หรือตัวชี้วัดที่ต้องการวัด ให้ -1 ถ้าแน่ใจว่าข้อค าถามหรือข้อความไม่สอดคล้องกับจุดประสงค์หรือตัวชี้วัดที่ต้องการวัด ทั้งนี้อาจเตรียมแบบตรวจสอบความสอดคล้องของข้อสอบกับจุดประสงค์ ดังตัวอย่าง
76 | หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ จากนั้นน าคะแนนของผู้เชี่ยวชาญทุกคนที่ประเมินมาค านวณหาค่า IOC ตามสูตรแปลความหมายค่า IOC ที่ค านวณได้ และกรอกลงในแบบสรุปผลการตรวจสอบความสอดคล้องของข้อค าถามกับจุดประสงค์ดังนี้ สูตรค ำนวณค่ำ IOC IOC = N R เมื่อ IOC แทน ค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อสอบกับจุดประสงค์ (Index of item Objective Congruence) R แทน ผลรวมของคะแนนความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด N แทน จ านวนผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด เกณฑ์กำรแปลควำมหมำยค่ำ IOC IOC ≥ 0.5 แสดงว่า ข้อค าถามวัดได้ตรงตามเนื้อหาและสอดคล้องกับจุดประสงค์ที่ต้องการวัด IOC < 0.5 แสดงว่า ข้อค าถามวัดไม่ตรงตามเนื้อหาและไม่สอดคล้องกับจุดประสงค์ที่ต้องการวัด ตัวอย่ำง แบบตรวจสอบควำมสอดคล้องของข้อสอบกับจุดประสงค์ (รำยบุคคล) ค ำชี้แจง โปรดพิจารณาข้อสอบแต่ละข้อที่แนบมาให้ว่า วัดได้ตรงกับจุดประสงค์/ตัวชี้วัดหรือไม่ พร้อมทั้งแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ โดยท าเครื่องหมาย ลงในช่องความคิดเห็น ของผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งมีความหมายดังนี้ +1 ถ้าแน่ใจว่าข้อค าถามหรือข้อความสอดคล้องกับจุดประสงค์หรือตัวชี้วัดที่ต้องการวัด 0 ถ้าไม่แน่ใจว่าข้อค าถามหรือข้อความสอดคล้องกับจุดประสงค์หรือตัวชี้วัดที่ต้องการวัด -1 ถ้าแน่ใจว่าข้อค าถามหรือข้อความไม่สอดคล้องกับจุดประสงค์หรือตัวชี้วัดที่ต้องการวัด จุดประสงค์/ตัวชี้วัด ข้อสอบข้อที่ ความคิดเห็นของ ผู้เชี่ยวชาญ ความคิดเห็น/ ข้อเสนอแนะ +1 0 -1
หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ | 77 2. ค่ำควำมยำกง่ำย (Difficulty) และค่ำอ ำนำจจ ำแนก (Discrimination Power) การตรวจสอบคุณภาพข้อสอบด้านความยากง่ายและอ านาจจ าแนกของข้อสอบแบบอัตนัย สามารถท า ได้โดยการประยุกต์หลักการวิเคราะห์ข้อสอบแบบเลือกตอบมาใช้ โดยการหาค่าสัดส่วนของคะแนนที่สอบได้ในกลุ่ม เก่งและกลุ่มอ่อนแล้วค านวณค่าความยากง่ายและอ านาจจ าแนกตามหลักการวิเคราะห์ข้อสอบแบบเลือกตอบ (ศิริชัย กาญจนวาสี, 2552:244) ความยากง่ายของข้อสอบ (p) หมายถึงสัดส่วนของจ านวนคนที่ตอบข้อสอบข้อนั้นถูก ซึ่งมีค่าตั้งแต่ 0–1 ถ้าข้อสอบข้อใดมีคนตอบถูกมาก p จะมีค่าสูง (เข้าใกล้ 1) แสดงว่าข้อนั้นง่าย ในทางตรงกันข้ามถ้าข้อสอบข้อใดมีคน ตอบถูกน้อย p จะมีค่าต่ า (เข้าใกล้ 0) แสดงว่าข้อนั้นยาก โดยทั่วไปข้อสอบที่มีความยากง่ายพอเหมาะจะมีค่า p ตั้งแต่ 0.2–0.8 อ านาจจ าแนก (r) หมายถึง ความสามารถของข้อสอบในการจ าแนกความแตกต่างระหว่างผู้สอบที่มี ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่างกันออกจากกันได้ หรือผลต่างระหว่างสัดส่วนจ านวนตอบถูกในกลุ่มสูงกับสัดส่วนจ านวน ตอบถูกในกลุ่มต่ า อ านาจจ าแนกของข้อสอบจะมีค่าตั้งแต่ -1 ถึง 1 แต่ข้อสอบที่มีอ านาจจ าแนกเหมาะสมควรมีค่าเป็น บวก และมีค่าตั้งแต่0.2 เป็นต้นไป การวิเคราะห์ค่าความยากง่ายและอ านาจจ าแนกของข้อสอบตามหลักการดังกล่าวข้างต้น สามารถ กระท าได้โดยการวิเคราะห์ผลการตอบของผู้สอบทุกคน (เทคนิค 50%) แต่ในกรณีมีผู้สอบจ านวนมาก เพื่อความ สะดวกในการวิเคราะห์สามารถใช้ผลการตอบของผู่สอบเพียงบางส่วนได้ เช่น ใช้กลุ่มสูงและกลุ่มต่ าเพียงกลุ่มละ 25%, 27% และ 30% การวิเคราะห์ค่าความยากง่ายและอ านาจจ าแนกของข้อสอบแบบอัตนัย ด าเนินการได้ดังนี้ 1. ตรวจให้คะแนนข้อสอบแต่ละข้อ แล้วรวมคะแนนทุกข้อ 2. เรียงกระดาษค าตอบจากคะแนนสูงสุดลงมาหาต่ าสุด ถ้าใช้เทคนิค 25% ให้คัดเอาเฉพาะผู้ที่ได้ คะแนนสูงสุด 25% ของทั้งหมดเป็นกลุ่มสูง และผู้ที่ได้คะแนนต่ าสุด 25% ของทั้งหมดเป็นกลุ่มต่ า กลุ่มที่เหลือเป็น กลุ่มกลางมีจ านวน 50% ของทั้งหมด ไม่น ามาใช้ในการวิเคราะห์ 3. บันทึกคะแนนของแต่ละคนในแต่ละข้อลงในตาราง โดยแยกตามกลุ่ม จากนั้นให้รวมคะแนนแต่ละ ข้อของแต่ละกลุ่ม ทั้งนี้อาจใช้แบบฟอร์มดังตัวอย่างการวิเคราะห์ข้อสอบแบบอัตนัยวิชาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 6 ดังนี้ ตัวอย่ำงแบบสรุปผลกำรตรวจสอบควำมสอดคล้องของข้อค ำถำมกับจุดประสงค์ จุดประสงค์ ข้อสอบ ข้อที่ คะแนนควำมคิดเห็นของ ผู้เชี่ยวชำญ รวม ค่ำ IOC แปลผล 1 2 3 4 5 1 1.1 1.2 1.3 +1 0 +1 +1 +1 +1 +1 +1 -1 0 0 +1 +1 +1 +1 4 3 3 .80 .60 .60 ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ 2 2.1 2.2 0 +1 -1 -1 -1 0 -1 +1 +1 -1 -2 0 -.40 0 ใช้ไม่ได้ ใช้ไม่ได้
78 | หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ จากตารางจะเห็นว่าข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์มีจ านวนทั้งหมด 5 ข้อ คะแนนเต็ม ข้อละ 10 คะแนน นักเรียนที่สอบมีจ านวนทั้งหมด 16 คน จึงมีกลุ่มสูงและกลุ่มต่ ากลุ่มละ 4 คน ซึ่งเท่ากับ 25% ของ 16 คน ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดท าได้ 42 คะแนน ตอบข้อ 1 ถึง ข้อ 5 ได้คะแนนตามล าดับดังนี้ 9, 8, 7, 8, 10 ผู้ที่ได้คะแนนต่ าสุดท าได้ 16 คะแนน ตอบข้อ 1 ถึงข้อ 5 ได้คะแนนตามล าดับดังนี้ 2, 3, 2, 7, 2 ข้อ 1 มีกลุ่มสูงท าได้ คะแนนรวมทั้งหมด 33 คะแนน กลุ่มต่ าท าได้ 16 คะแนน 4. ค านวณค่าความยากง่ายและอ านาจจ าแนก โดยใช้สูตรดังนี้ ค่าความยากง่ายหาจากสูตร p = 2NM H L ค่าอ านาจจ าแนกหาจากสูตร r = NM H L เมื่อ p แทน ค่าความยาก r แทน ค่าอ านาจจ าแนก H แทน ผลรวมของคะแนนกลุ่มสูง L แทน ผลรวมของคะแนนกลุ่มต่ า N แทน จ านวนคนในแต่ละกลุ่ม M แทน คะแนนเต็มของข้อสอบข้อนั้น หรืออาจเขียนสูตรในรูปข้อความได้ดังนี้ ตัวอย่ำง ตำรำงกำรเครำะห์ข้อสอบแบบอัตนัยวิชำคณิตศำสตร์ ชั้นประถมศึกษำปีที่ 6 กลุ่ม ผู้สอบ ข้อสอบข้อที่ 1 2 3 4 5 รวม กลุ่มสูง 1 2 3 4 9 8 8 8 8 8 7 7 7 6 6 6 8 7 7 6 10 10 9 9 42 38 37 36 รวม 33 30 25 28 38 กลุ่มต่ ำ 1 2 3 4 5 5 4 2 5 5 6 3 5 3 3 2 7 8 6 7 5 4 3 2 27 25 22 16 รวม 16 19 13 28 14 ผลกำรวิเครำะห์รวม p .61 .61 .47 .70 .65 r .42 .27 .30 .00 .60 สรุป ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ได้ ใช้ไม่ได้ ใช้ได้
หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ | 79 ค่าความยาก = ค่าอ านาจจ าแนก = ตัวอย่าง การหาค่าความยากของข้อ 1 p = .61 80 49 8 x 10 33 16 ตัวอย่าง การหาค่าอ านาจจ าแนกของข้อ 1 r = .42 40 17 4 x 10 33 16 5. น าค่าความยากและค่าอ านาจจ าแนกที่ค านวณได้บันทึกลงในตาราง และสรุปคุณภาพข้อสอบข้อนั้น ว่าใช้ได้หรือไม่ โดยข้อสอบที่ใช้ได้ต้องมีค่าที่เหมาะสมทั้งค่าความยากง่ายและอ านาจ จากตัวอย่างวิเคราะห์ข้อสอบ แบบอัตนัยดังกล่าวข้างต้น แสดงว่าข้อ 1, 2, 3, และ 5 มีคุณภาพเหมาะสม ส่วนข้อ 4 ถึงแม้ว่าค่าความยากจะใช้ได้ แต่ไม่มีอ านาจจ าแนก จึงเป็นข้อที่ใช้ไม่ได้ 3. ควำมเชื่อมั่น (Reliability) ความเชื่อมั่นเป็นคุณลักษณะของเครื่องมือที่แสดงว่าเครื่องมือนั้นวัดสิ่งที่ต้องการวัดไม่ว่าจะวัดกี่ครั้งหรือ วัดในสภาพการณ์ที่แตกต่างกันก็ยังคงได้ผลการวัดคงเดิม การตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือด้านความเชื่อมั่น กระท าโดยการค านวณสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ความ เชื่อมั่น ค่าที่ค านวณได้จะมีค่าตั้งแต่ -1 ถึง +1 ค่าความเชื่อมั่นที่เหมาะสมควรมีค่าเป็นบวกและมีค่าสูง โดย แบบทดสอบที่ครูสร้างขึ้นเพื่อใช้ในชั้นเรียนนั้นควรมีค่าสัมประสิทธิ์ความเชื่อมั่นตั้งแต่ 0.60 ขึ้นไป (เยาวดี วิบูลย์ศรี, 2539:102) วิธีการค านวณค่าสัมประสิทธิ์ความเชื่อมั่นมีหลายวิธี ส าหรับวิธีที่เหมาะสมส าหรับแบบทดสอบแบบ อัตนัย คือ วิธีหาค่าแอลฟาของครอนบัค (Cronbach’ s alpha) ซึ่งมีสูตรค านวณในการประมาณค่า จากกลุ่ม ตัวอย่างดังนี้ (ศิริชัย กาญจนวาสี, 2552:71) = 2 2 1 1 x i s s k k เมื่อ แทน สัมประสิทธิ์ความเชื่อมั่นของแบบทดสอบ k แทน จ านวนข้อค าถาม 2 i s แทน ความแปรปรวนของคะแนนข้อที่ i 2 x s แทน ความแปรปรวนของคะแนนรวม x โดย n x x s i 2 2 เมื่อ n คือ จ านวนผู้สอบ ผลรวมของคะแนนกลุ่มสูง + ผลรวมของคะแนนกลุ่มต่ า จ านวนคนทั้งสองกลุ่ม × คะแนนเต็มของข้อสอบข้อนั้น ผลรวมของคะแนนกลุ่มสูง - ผลรวมของคะแนนกลุ่มต่ า จ านวนคนในแต่ละกลุ่ม × คะแนนเต็มของข้อสอบข้อนั้น
80 | หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ ตัวอย่ำง แสดงคะแนนจากการค านวณค่าสัมประสิทธิ์แอลฟา ผู้สอบ ข้อค าถาม คะแนนรวม 1 2 3 4 5 1 6 8 9 1 7 31 2 8 8 8 2 4 30 3 0 3 6 1 3 13 4 2 1 1 0 2 6 รวม 16 20 24 4 16 80 ค่ำเฉลี่ย 4 5 6 1 4 20 ขั้นตอนกำรค ำนวณ 1) k = 5 2) 2 x s = n x x 2 = 4 (31 20) (30 20) (13 20) (6 20) 2 2 2 2 = 116.5 3) 2 1 s = n x x 2 = 4 (6 4) (8 4) (0 4) (2 4) 2 2 2 2 = 10 2 2 s = 9.5 2 3 s = 9.5 2 4 s = 0.5 2 5 s = 3.5 4) 2 i s = 10 + 9.5 + 9.5 + 0.5 + 3.5 = 33.0 5) แทนค่าในสูตร 6) = 116.5 33.0 1 5 1 5 = 0.90
หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ | 81 เนื่องด้วยการให้คะแนนในข้อสอบตามแนวการทดสอบระดับนานาชาติมีการตัดสินผลการวัดตามความเห็น ของผู้ประเมินเป็นหลัก ความถูกต้องและความน่าเชื่อถือของการวัดจึงขึ้นกับผู้ประเมินเป็นหลัก ในการตรวจข้อสอบ อัตนัยจึงก าหนดเกณฑ์การให้คะแนนที่มีความชัดเจน เป็นมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับ เนื่องจากผลงานของผู้เรียนจะ แสดงออกมาในรูปของงานเขียน เกณฑ์การให้คะแนนนิยมใช้เกณฑ์แบบรูบริกส์ (scoring rubrics) การตรวจสอบ ความคงเส้นคงวาของการวัดจึงเป็นการตรวจสอบความคงที่ของการให้คะแนนตามเกณฑ์ ดังนั้นการตรวจสอบความ คงที่ของการวัดจึงสะท้อนคุณภาพของเกณฑ์การให้คะแนนไปด้วย การตรวจสอบความคงที่ของผลการวัดในข้อสอบ อัตนัยจึงนิยมวัดความสอดคล้องของการให้คะแนนของผู้ประเมิน เป็นหลัก ซึ่งมีทั้งการตรวจสอบความสอดคล้อง ระหว่างผู้ประเมิน (inter-rater reliability) หรือภายในผู้ประเมิน (intra-rater reliability) โดยในเอกสารฉบับนี้ น าเสนอผลการตรวจสอบคุณภาพของเกณฑ์การให้คะแนนประเภทการตรวจสอบความสอดคล้องระหว่างผู้ประเมิน โดยใช้ดัชนีความสอดคล้องของเคนดอลล์ (Kendall’s coefficient of concordance: W) ซึ่งเป็นดัชนีที่แสดงความ สอดคล้องหรือความคงที่ของการให้คะแนน โดยผู้ประเมินคนเดียวกันท าการประเมิน ตัดสิน หรือให้คะแนนเป้าหมาย ที่ต้องการประเมินซ้ า ในเวลาที่แตกต่างกัน จ านวนครั้งอาจใช้ 2 ครั้ง หรือมากกว่า น าผลที่ได้มาค านวณหาความคงที่ หรือความสอดคล้องเพื่อใช้เป็นดัชนีของความเที่ยงแบบ Intra-rater Reliability
82 | หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ ใบกิจกรรมที่ 6.1 กำรตรวจสอบควำมสอดคล้องระหว่ำงข้อสอบกับตัวชี้วัด ค ำชี้แจง 1. แบ่งกลุ่มผู้เข้ารับการอบรม กลุ่มละ 3-5 คน 2. ให้ผู้เข้ารับการอบรมทุกคนในกลุ่มน าแบบทดสอบที่พัฒนาไว้แล้วจากหน่วยที่ 4 มาจัดใส่ลงใน ใบกิจกรรมที่ 6.1 ตารางที่ 1 แบบตรวจสอบความสอดคล้องระหว่างข้อสอบกับตัวชี้วัด 3. ผู้เข้ารับการอบรมทุกคนในกลุ่ม ผลัดกันเป็นผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ ประเมินความเหมาะสมของ ข้อสอบ 4. น าผลการประเมินของผู้เชี่ยวชาญทุกคนจากข้อ 3 บันทึกลงในใบกิจกรรมที่ 6.1 ตารางที่ 2 5. ค านวณหาค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อสอบกับตัวชี้วัด แล้วแปลผล 6. สรุปผลการวิเคราะห์ค่าดัชนีความสอดคล้องระหว่างข้อสอบกับตัวชี้วัดใต้ตารางที่ 2
หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ | 83 ชื่อ-สกุล สพป./สพม. เลขที่ ตำรำงที่ 1 แบบตรวจสอบควำมสอดคล้องระหว่ำงข้อสอบกับตัวชี้วัด ตัวชี้วัด ข้อสอบ คะแนนพิจำรณำ ข้อเสนอแนะ +1 0 -1 ตำรำงที่ 2 แบบสรุปผลกำรพิจำรณำควำมสอดคล้องของผู้เชี่ยวชำญ ตัวชี้วัด/ข้อสอบ ผลกำรพิจำรณำของผู้เชี่ยวชำญ ค่ำ IOC คนที่ แปลผล 1 คนที่ 2 คนที่ 3 คนที่ 4 คนที่ 5 ตัวชี้วัด ข้อสอบ สรุปผลกำรวิเครำะห์ค่ำดัชนีควำมสอดคล้องระหว่ำงข้อสอบกับตัวชี้วัด ข้อสอบที่ใช้ได้ …………………………………………………………….............................................................................................
84 | หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ ใบกิจกรรมที่ 6.2 กำรวิเครำะห์หำค่ำควำมยำกง่ำย และอ ำนำจจ ำแนก ชื่อ-สกุล สพป./สพม. เลขที่ ค ำชี้แจง 1. ให้ผู้เข้ารับการอบรมพิจารณาข้อมูลที่ก าหนดให้ แล้วค านวณค่าความยากง่าย ค่าอ านาจจ าแนก และ แปลความหมาย ลงในใบงานที่ 6.2 ตารางที่ 3 2. ให้ผู้เข้ารับการอบรมระบุต าแหน่งของข้อสอบแต่ละข้อลงในกราฟ จากค่าความยากง่ายและค่า อ านาจจ าแนกที่ได้จากการค านวณได้ในใบงานที่ 6.2 ตารางที่ 4 และคัดเลือกข้อสอบที่มีคุณภาพอยู่ในเกณฑ์ ข้อมูลจากผลการสอบวิชาคณิตศาสตร์มีจ านวนทั้งหมด 5 ข้อ คะแนนเต็ม ข้อละ 10 คะแนน นักเรียน ที่สอบมีจ านวนทั้งหมด 40 คน จึงมีกลุ่มสูงและกลุ่มต่ ากลุ่มละ 10 คน ซึ่งเท่ากับ 25% ของ 40 ข้อ ผู้สอบ 1 2 3 4 5 กลุ่มสูง 1 9 10 10 7 8 2 10 9 9 8 8 3 9 10 9 7 8 4 8 9 8 9 9 5 8 9 9 8 8 6 9 10 7 8 7 7 7 10 7 8 8 8 7 10 8 8 7 9 8 8 8 7 8 10 7 8 8 7 8 กลุ่มต่ ำ 1 7 5 7 7 4 2 6 4 7 7 5 3 5 6 6 7 2 4 6 4 5 5 6 5 5 4 7 6 4 6 3 4 6 7 5 7 4 4 6 6 4 8 2 4 5 7 5 9 4 3 6 7 2 10 2 5 5 8 2
หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ | 85 ตำรำงที่ 1 แสดงผลกำรวิเครำะห์ค่ำควำมยำกง่ำยและค่ำอ ำนำจจ ำแนก ข้อ ผู้สอบ 1 2 3 4 5 รวม กลุ่มสูง 1 9 10 10 7 8 44 2 10 9 9 8 8 44 3 9 10 9 7 8 43 4 8 9 8 9 9 43 5 8 9 9 8 8 42 6 9 10 7 8 7 41 7 7 10 7 8 8 40 8 7 10 8 8 7 40 9 8 8 8 7 8 39 10 7 8 8 7 8 38 รวม 82 93 83 77 79 กลุ่มต่ ำ 1 7 5 7 7 4 30 2 6 4 7 7 5 29 3 5 6 6 7 2 26 4 6 4 5 5 6 26 5 5 4 7 6 4 26 6 3 4 6 7 5 25 7 4 4 6 6 4 24 8 2 4 5 7 5 23 9 4 3 6 7 2 22 10 2 5 5 8 2 22 รวม 44 43 60 67 39 p 0.63 0.68 0.72 0.72 0.59 r 0.38 0.50 0.23 0.10 0.40 สรุป
86 | หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ แผนภูมิที่ 1 กราฟแสดงต าแหน่งของข้อสอบแต่ละข้อตามค่าความยากง่ายและค่าอ านาจจ าแนกที่ได้จากการค านวณ หมำยเหตุบริเวณพื้นที่ของข้อสอบที่มีคุณภำพ สรุป 1) ข้อสอบที่มีคุณภาพ คือ ................................................................................................... .. 2) ข้อสอบที่ต้องปรับปรุงในเรื่องของความยากง่าย คือ ........................................................ 3) ข้อสอบที่ต้องปรับปรุงในเรื่องของอ านาจจ าแนก คือ ....................................................... 4) ข้อสอบที่ไม่มีคุณภาพ คือ ............................................................................................... --------------------------------------------------------- ค่ำควำมยำกง่ำย (p) ค่ำอ ำนำจจ ำแนก (r) -1.0 -0.9 -0.8 -0.7 -0.6 -0.5 -0.4 -0.3 -0.2 -0.1 0 0.1 0.2 0.3 0.4 0.5 0.6 0.7 0.8 0.9 1.0 0.1 0.2 0.3 0.4 0.5 0.6 0.7 0.8 0.9 1.0
หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ | 87 บรรณำนุกรม เตือนใจ เกตุษา. กำรสร้ำงแบบทดสอบ 1 แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์.กรุงเทพ : มหาวิทยาลัยรามค าแหง, 2532 ชาญชัย ยมดิษฐ์. เทคนิคและวิธีสอนร่วมสมัย.กรุงเทพ : หลักพิมพ์, 2548. นิค มานนท์. กำรประเมินผลและกำรสร้ำงแบบทดสอบ.กรุงเทพ : ทิพย์วิสุทธิ์, 2534. ทิวัตถ์ มณีโชติ. กำรวัดและกำรประเมินผลกำรเรียนรู้ตำมหลักสูตรกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน. กรุงเทพ : เกรท เอ็ด ดูเคชั่น, 2549. พิมพา สุวรรณฤทธิ์.กำรสร้ำงเครื่องมือวัดผลกำรเรียน.กาญจนบุรี : สถาบันราชภัฏกาญจนบุรี, 2542. เยาวดี วิบูลย์ศรี. กำรวัดและกำรสร้ำงแบบสอบสัมฤทธิ์.พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย, 2545. สมบูรณ์ ตันยะ.กำรประเมินทำงกำรศึกษำ.กรุงเทพ : สุวีริยาสาส์น, 2545. กิ่งกาญจน์ สิรสุคนธ์. วำรสำรวิชำกำร ปีที่ 9 ฉบับที่ 3 กรกฎาคม-กันยายน 2549. ส านักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน. ชุดฝึกอบรมกำรวัดและ ประเมินผลกำรเรียนรู้ หลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพื้นฐำนพุทธศักรำช 2551.โรงพิมพ์ชุมนุม สหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทยจ ากัด, 2553. ดร.ชัยวัฒน์สุทธิรัตน์.คณะศึกษาศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร. ดร. ส.วาสนาประวาลพฤกษ์.กำรสร้ำงเกณฑ์กำรประเมิน Rubric Sampler ของ Relearning by Design, Inc. ส านักทดสอบทางการศึกษาส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกระทรวงศึกษาธิการ http://www.seal2thai.org/sara/207.htm
หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ | 89 คณะท ำงำน ที่ปรึกษำ นายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ดร.อ่องจิต เมธยะประภาส รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน นายกนก อินทรพฤกษ์ ผู้อ านวยการส านักทดสอบทางการศึกษา สพฐ. ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้รับผิดชอบโครงกำร กลุ่มประเมินคุณภำพกำรศึกษำ ส ำนักทดสอบทำงกำรศึกษำ ดร.ชนาธิป ทุ้ยแป ผู้อ านวยการกลุ่มประเมินคุณภาพการศึกษา นางณัฐพร พรกุณา นักวิชาการศึกษาช านาญการพิเศษ นางสาวสุภาภรณ์ เจริญศิริโสภาคย์ นักวิชาการศึกษาช านาญการ นางสาววิจิตรา ศรีค าภา พนักงานจ้างเหมาบริการ นางสาวพัชรี ปันเด พนักงานจ้างเหมาบริการ ผู้ก ำหนดกรอบแนวคิดในกำรจัดท ำหลักสูตรฝึกอบรม นายกนก อินทรพฤกษ์ ผู้อ านวยการส านักทดสอบทางการศึกษา ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ดร.ชนาธิป ทุ้ยแป ผู้อ านวยการกลุ่มประเมินคุณภาพการศึกษา ส านักทดสอบทางการศึกษา นางณัฐพร พรกุณา นักวิชาการศึกษาช านาญการพิเศษ ส านักทดสอบทางการศึกษา ผู้ทรงคุณวุฒิพิจำรณำกรอบแนวคิดของหลักสูตรฝึกอบรม ดร.บุญชู ชลัษเฐียร ข้าราชการบ านาญ ส านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน รศ.ดร.กาญจนา วัธนสุนทร ข้าราชการบ านาญ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ผศ.ดร.เรวดี กระโหมวงศ์ มหาวิทยาลัยทักษิณ นางสุวัณนา ทัดเทียม ข้าราชการบ านาญ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอ่างทอง ผู้ยกร่ำงเอกสำรหลักสูตรฝึกอบรม ดร.ชนาธิป ทุ้ยแป ผู้อ านวยการกลุ่มประเมินคุณภาพการศึกษา ส านักทดสอบทางการศึกษา นางณัฐพร พรกุณา นักวิชาการศึกษาช านาญการพิเศษ ส านักทดสอบทางการศึกษา คณะท ำงำนพิจำรณำร่ำงหลักสูตรฝึกอบรม นางพรทิพย์ธงไชย ข้าราชการบ านาญ นางสุจิตต์ หิรัณยะคุปต์ ข้าราชการบ านาญ ดร.สมเกียรติ ทานอก รองคณบดีคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
90 | หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ นายพิทยุตม์กงกุล รองผู้อ านวยการส านักงานพื้นที่การศึกษา ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 3 นางอารีย์พร อรรถวุฒิกุล ศึกษานิเทศก์เชี่ยวชาญ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์เขต 2 ดร.เพชรัษฎ์ แก้วสุวรรณ ศึกษานิเทศก์ช านาญการพิเศษ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสระแก้ว เขต 2 นายประเสริฐ สุภิรักษ์ ผู้อ านวยการกลุ่มนิเทศติดตามและประเมินผลการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 1 นางสายสวาท รัตนกรรดิ ศึกษานิเทศก์ช านาญการพิเศษ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิจิตร เขต 1 นายสุทธิ สุวรรณปาล ศึกษานิเทศก์ช านาญการพิเศษ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาจันทบุรี เขต 1 ว่าที่พันตรีเทพนา เครือค า ศึกษานิเทศก์ช านาญการ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานี เขต 1 นายนิกร ขวัญเมือง ศึกษานิเทศก์ช านาญการ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรีเขต 2 นางสาวเกษราภรณ์ สิงห์คะมณี ศึกษานิเทศก์ช านาญการ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่เขต 2 นางสาวรัตนา เกียรติเกษม ศึกษานิเทศก์ช านาญการพิเศษ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 2 นางเสนาะ สุขสงวน ศึกษานิเทศก์ช านาญการพิเศษ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 นางสาวไอลดา คล้ายส าริด ศึกษานิเทศก์ช านาญการพิเศษ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 2 นางนวลอนงค์ สุวรรณเรือง ศึกษานิเทศก์ช านาญการพิเศษ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 3 นายชัยมงคล สุขสันต์รุ่งเรือง ศึกษานิเทศก์ช านาญการพิเศษ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามุกดาหาร นายวีระวัฒน์ วัฒนา ผู้อ านวยการโรงเรียนวัดส าราญ ดร.สยาม สุ่มงาม ผู้อ านวยการโรงเรียนอนุบาลสรรพยา ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชัยนาท ดร.จิตตานันท์ สุขสวัสดิ์ รองผู้อ านวยการโรงเรียนวัดหนองเสือ(ประชาอุทิศ) ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาราชบุรี เขต 2 นางสาริศา คงมี ครูช านาญการพิเศษ โรงเรียนพัทลุง ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 12 (พัทลุง) นายแสงเดือน โคตรภูเขียว ครู คศ.3 โรงเรียนชุมชนยอดแก่งสงเคราะห์ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาฬสินธุ์ เขต 3
หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ | 91 นายสุชิน แก้วประเสริฐ ครู คศ.3 โรงเรียนบ้านทับใต้ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 2 นางปริศนา ไชยคช ครู คศ.3 โรงเรียนวัดในกลาง ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเพชรบุรี เขต 1 ดร.ธีระวัฒน์สุขีสาร ครูช านาญการ โรงเรียนอนุบาลพระนครศรีอยุธยา ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1 นางสาวธัญญาภรณ์ คงกระเรียน ครู คศ.3 โรงเรียนวัดนาห้วย ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 2 นางสาวทองระย้า นัยชิต ครูโรงเรียนวัดถนน ดร.อมรรัตน์ พันธ์งาม คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี นายสิทธิพงษ์สุพรม ศึกษานิเทศก์ช านาญการ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษเขต 4 นายณรงค์ศักดิ์ โพธิ์อ่อง ศึกษานิเทศก์ช านาญการ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์เขต 3 นายอนุศักดิ์พันธ์งาม ผู้อ านวยการโรงเรียนบ้านโนนเพ็ก ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาศรีสะเกษ เขต 1 นายสุขวิทย์ ปู้ทอง ผู้อ านวยการโรงเรียนวัดท่ากุ่ม ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรีเขต 2 ดร.มยุรีย์แพร่หลาย ผู้อ านวยการโรงเรียนโยธินบูรณะอ่างทอง ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 5 (อ่างทอง) ดร.วัชรพงษ์ แพร่หลาย รองผู้อ านวยการโรงเรียนสตรีอ่างทอง ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 5 (อ่างทอง) นายอิทธิพล กาญจนโรมนต์ ผู้อ านวยการโรงเรียนบ้านล าอีซู ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 4 น.ส.ธัญญาภรณ์ คงกระเรียน ครูโรงเรียนวัดนาห้วย ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาประจวบคีรีขันธ์ เขต 2 นางพิสมัย กองธรรม ครูโรงเรียนบ้านจับไม้ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคอย เขต 2 นางประภาพรรณ บุญรอด ครูโรงเรียนวัดราษฎร์ศรัทธา ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาชลบุรี เขต 1 ดร.ทิภาวรรณ เลขวัฒนะ ครูโรงเรียนบ้านม่วงค่อม ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลพบุรี เขต 2 นางสาวทองระย้า นัยชิต ครูโรงเรียนวัดถนน ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอ่างทอง นางสาวพักตร์วิภา กลางสอน ครูโรงเรียนอนุบาลท่าตะโก ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครสวรรค์ เขต 3
92 | หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพการสร้างเครื่องมือวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแบบอัตนัยและเขียนตอบ คณะปรับปรุงหลักสูตรฝึกอบรม (ครั้งที่ 1) ดร.ชนาธิป ทุ้ยแป ผู้อ านวยการกลุ่มประเมินคุณภาพการศึกษา ส านักทดสอบทางการศึกษา ดร.วัชราภรณ์ จิตรมาศ ศึกษานิเทศก์ช านาญการพิเศษ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุบลราชธานีเขต 1 ดร.ไอลดา คล้ายส าริด ศึกษานิเทศก์ช านาญการพิเศษ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 2 ดร.รวงทอง ถาพันธุ์ อาจารย์ประจ าบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเจ้าพระยา ว่าที่พันตรีเทพนา เครือค า ศึกษานิเทศก์ช านาญการพิเศษ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 2 นางสุพิชฌาย์ ไกรนรา ศึกษานิเทศก์ช านาญการ ส านักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 2 นางณัฐพร พรกุณา นักวิชาการศึกษาช านาญการพิเศษ ส านักทดสอบทางการศึกษา คณะบรรณำธิกำรกิจหลักสูตรฝึกอบรม ดร.ชนาธิป ทุ้ยแป ผู้อ านวยการกลุ่มประเมินคุณภาพการศึกษา ส านักทดสอบทางการศึกษา นางณัฐพร พรกุณา นักวิชาการศึกษาช านาญการพิเศษ ส านักทดสอบทางการศึกษา นายวิทยา บัวภารังษี นักวิชาการศึกษาช านาญการ ส านักทดสอบทางการศึกษา นางสาวศรีกันยา ธรรมพิทักษ์ นักวิชาการศึกษาปฏิบัติการ ส านักทดสอบทางการศึกษา นายก้องเกียรติ ปิ่นกุมภีร์ นักวิชาการศึกษาปฏิบัติการ ส านักทดสอบทางการศึกษา นางสาววิจิตรา ศรีค าภา พนักงานจ้างเหมาบริการ ส านักทดสอบทางการศึกษา