The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 102 เซลล์ประสาท

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by tiwakanjunsopha, 2021-08-25 00:21:15

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 102 เซลล์ประสาท

แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 102 เซลล์ประสาท

แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 2

รหสั วิชา ว 33241 วชิ าชีววทิ ยา 5 ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6

หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1 ระบบประสาท เรื่อง เซลล์ประสาท เวลา 3 ช่ัวโมง

ผูส้ อน นางสาวชดิ ชญา จันทรโ์ สภา

สาระชวี วิทยา

ขอ้ 4 เขา้ ใจการย่อยอาหารของสตั ว์และมนษุ ย์ การหายใจและการแลกเปลีย่ นแก๊ส การลำเลียงสารและการ
หมนุ เวยี นเลอื ด ภมู ิคุ้มกันของรา่ งกาย การขบั ถา่ ย การรบั รู้และการตอบสนอง การเคลื่อนท่ี การสบื พนั ธ์ุและการ
เจรญิ เตบิ โต ฮอรโ์ มนกับการรักษาดุลยภาพ และพฤติกรรมของสตั ว์ รวมท้ังนำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์

ผลการเรียนรู้

1.1 อธบิ ายเก่ียวกบั โครงสรา้ งและหน้าทีข่ องระบบประสาท

1.2 อธิบายเกี่ยวกับการเปล่ียนแปลงของศักย์ไฟฟ้าที่เยื่อหุ้มเซลล์ของเซลล์ประสาท และกลไกการถ่ายทอด

กระแสประสาท

1.1 ดา้ นความรู้
1.โครงสรา้ งของเซลล์ประสาท

2.ชนดิ ของเซลลป์ ระสาท

3.การทำงานของเซลลป์ ระสาท

1.2 ดา้ นทักษะกระบวนการ

1. ทักษะการคดิ อยา่ งมีวจิ ารณญาณ
2. ทกั ษะการคิดแกป้ ัญหา
3. ทกั ษะการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ
4. ทกั ษะการสอื่ สาร
5. ทักษะการทำงานร่วมกนั เป็นทีมและความเขา้ ใจความแตกต่างของวฒั นธรรม

1.3 ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์
1. ใฝ่เรียนรู้: ความตงั้ ใจในการสบื คน้ ข้อมลู และการรว่ มกจิ กรรม

2. มุ่งมัน่ ในการทำงาน: ความตงั้ ใจในการทำงานใหเ้ สร็จในเวลาท่กี ำหนดและมคี ณุ ภาพตามเปา้ หมาย

3. ซ่ือสตั ยส์ จุ ริต: การทำงานด้วยความสามารถของตนเองและเปน็ ความจริง

2. สาระสำคัญ

เซลล์ประสาทเป็นหน่วยทำงานที่เล็กที่สุดของระบบประสาทท่ีเจริญเปลี่ยนแปลงมาจากเน้ือเย่ือ ชั้นเอก
โทเดิร์ม เซลล์ประสาทประกอบด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วน คือ ตัวเซลล์และใยประสาท เซลล์ประสาท แบ่งตามรูปร่าง
และจำนวนใยประสาทออกเป็น 3 ชนิด คือ เซลล์ประสาทข้ัวเดียว เซลล์ประสาทสองข้ัว และเซลล์ประสาทหลายขั้ว

นอกจากน้ีเซลล์ประสาทยังสามารถแบ่งตามหน้าที่ออกเป็น 3 ชนิด คือ เซลล์ประสาทรับความรู้สึก เซลล์ประสาทส่ัง
การ และเซลลป์ ระสาทประสานงาน

3. เน้อื หา
ข้นั นำ(15 นาที)
ครูใหน้ กั เรียนดูรูปเซลลป์ ระสาท และถามนักเรียน

เซลลป์ ระสาท
คำถาม
- เซลล์ประสาทมสี ว่ นประกอบสำคญั ไดแ้ ก่อะไรบ้าง (ตวั เซลล์และใยประสาท)
- เซลล์ประสาทเกี่ยวข้องกับการรับรู้และการตอบสนองอย่างไร (เซลล์ประสาททำหน้าที่ส่งกระแส
ประสาทที่เกดิ ข้นึ ทง้ั ภายในเซลล์ หรือการส่งกระแสประสาทระหว่างเซลล์)
ข้ันสอน (3 ชั่วโมง 15 นาท)ี
45 นาที
1. ครูให้นักเรยี นศกึ ษาโครงสรา้ งของเซลล์ประสาท ในหนงั สือเรยี นชีววิทยา ม.6 เลม่ 1 หนา้ 8
2. ครูสุ่มให้นักเรียนออกมาจับฉลากเลือกคำศัพท์เก่ียวกับโครงสร้างของเซลล์ประสาท ได้แก่ cell body,
nerve cell, dendrite, axon, nerve fiber, myelin sheath และ node of ranvierจำนวน 1 คำศัพท์ และอธิบาย
ความหมายของคำศัพท์
3. ครใู หน้ ักเรยี นทำใบงานท่ี 1.2 โครงสรา้ งของเซลล์ประสาท
4. ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั สรปุ เรอื่ งโครงสร้างของเซลลป์ ระสาทดังน้ี
“โครงสร้างของเซลล์ประสาทประกอบด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วน คือ ตัวเซลล์ (cell body) ซึ่งประกอบด้วย
นิวเคลียส ไซโทพลาซึม และออร์แกเนลล์ต่าง ๆ มรี ูปร่างแตกต่างกัน และใยประสาท (nerve fiber) ซ่งึ เป็นส่วนที่ยื่น
ออกมาจากตัวเซลล์ มีลักษณะเป็นแขนงเล็ก ๆ แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ เดนไดรต์ (dendrite) เป็นใยประสาทท่ี
นำกระแสประสาทเข้าสู่ตัวเซลล์ และแอกซอน (axon) เป็นใยประสาททน่ี ำกระแสประสาทออกจากตัวเซลล์ แอกซอน
มีความยาวมากกว่า 2 เมตร จึงอาจเรียกว่า เส้นประสาท (nerve fiber) ซ่ึงแอกซอนจะมีเยื่อหุ้มไมอีลิน (myelin
sheath) ซ่ึงมีสารจำพวกลิพิดมาหุ้มใยประสาท หากเซลล์ประสาทอยู่ในระบบประสาทรอบนอก เยื่อไมอีลินจะถูก
สร้างข้ึนจากเซลล์ชวันน์ (Schwann cell) ส่วนของแอกซอนตรงบริเวณรอยต่อระหว่างเซลล์ชวันน์แต่ละเซลล์เป็น
บริเวณทไี่ มม่ เี ยอ่ื ห้มุ ไมอีลิน เรียกว่า โนดออฟแรนเวยี ร์ (node of Ranvier)”

1 ชั่วโมง
5. ครนู ำเขา้ สู่เนื้อหาเร่ืองชนดิ ของเซลล์ประสาท
“การจำแนกชนิดของเซลล์ประสาทข้ึนอยู่กับเกณฑ์ท่ีใช้ในการจำแนก ได้แก่ จำนวนใยประสาทต่อหน่ึง

เซลล์หรือหน้าท่ีของเซลลป์ ระสาท”
6. ครูให้นักเรียนศึกษาการจำแนกชนิดของเซลล์ประสาทโดยใช้จำนวนใยประสาทต่อหน่ึงเซลล์เป็นเกณฑ์ ใน

หนังสือเรียนชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน้า 9 และครูย้ำให้เห็นความแตกต่างของเซลล์ประสาทข้ัวเดียว (unipolar
neuron) เซลลป์ ระสาทสองขว้ั (bipolar neuron) และเซลล์ประสาทหลายขั้ว (multipolar neuron)

“เซลล์ประสาทข้ัวเดียวมีใยประสาทแยกออกจากตัวเซลล์เพียงเส้นเดียวและใยประสาทเดนไดรต์ยาวกว่า
แอกซอน เซลลป์ ระสาทสองขั้วมีใยประสาทแยกออกจากตัวเซลล์ 2 เส้น และใยประสาทเดนไดรต์กับแอกซอนมคี วาม
ยาวใกล้เคยี งกัน เซลล์ประสาทหลายขั้วมีใยประสาทแยกออกจากตัวเซลล์หลายเส้น และใยประสาทแอกซอนเปน็ เส้น
ยาวแต่ใยประสาทเดนไดรต์เปน็ เสน้ สัน้ ๆ”

7. ครูให้นักเรียนศึกษาการจำแนกชนิดของเซลล์ประสาทโดยใช้หน้าท่ีเป็นเกณฑ์ ในหนังสือเรียนชีววิทยา ม.6
เล่ม 1 หน้า 10 และครูย้ำให้เห็นความแตกต่างของเซลล์ประสาทรับความรู้สึก (sensory neuron) เซลล์ประสาท
ประสานงาน (association neuron) และเซลล์ประสาทสั่งการ (motor neuron)

“เซลล์ประสาทรับความรู้สึกจะมีเดนไดรต์ต่อกับหน่วยรับความรู้สึกหรืออวัยวะรับความรู้สึก ขณะท่ีแอก
ซอนต่อกับเซลล์ประสาทอ่ืน ๆ เซลล์ประสาทประสานงานจะมีเดนไดรต์ต่อกับแอกซอนของเซลล์ประสาทรับ
ความรู้สึก ขณะที่แอกซอนต่ออยู่กับเดนไดรต์ของเซลล์ประสาทสั่งการ (ซ่ึงกระแสประสาทอาจถูกส่งผ่านเซลล์
ประสาทประสานงานหรือไม่ผ่านก็ได้) เซลล์ประสาทส่ังการจะมีเดนไดรต์ต่อกับเซลล์ประสาทอื่น ๆ ขณะที่แอกซอน
ตอ่ อย่กู ับหนว่ ยปฏิบัติงาน”

8. ครูให้นกั เรยี นทำใบงานที่ 1.3 ชนดิ ของเซลลป์ ระสาท

1 ช่ัวโมง
9. ครูนำเขา้ สูเ่ นอ้ื หาเรื่องการทำงานของเซลล์ประสาท
“เซลล์ประสาททำหน้าที่ส่งกระแสประสาทท่ีเกิดขึ้นทั้งภายในเซลล์ซ่ึงเป็นการส่งกระแสประสาทจาก

บรเิ วณหนง่ึ ไปยังอีกบริเวณหนึ่งของเซลล์ หรอื การสง่ กระแสประสาทระหวา่ งเซลล์โดยกระแสประสาทจะอยู่ในรปู ของ
สัญญาณไฟฟ้าท่ีเกิดจากการเคล่ือนท่ีของไอออนผ่านเย่ือหุ้มเซลล์ โดยอาศัยพลังงานจากกระบวนการ เมแทบอลิซึม
ของเซลล์ประสาทโดยตรง”
10. ครูให้นักเรียนจับคู่ศึกษาการเกิดกระแสประสาท ในหนังสือเรียนชีววิทยา ม.6 เล่ม 1 หน้า 11 -14 และสุ่ม
นักเรียนตอบคำถามจากชดุ คำถามต่อไปน้ี

คำถาม
- เซลล์ประสาทในภาวะปกติท่ยี งั ไม่ถกู กระตุน้ เรยี กว่าระยะใด (ระยะโพลาไรเซชันหรอื ระยะพกั )
- ในระยะพักมีไอออนและประจุไฟฟ้าของสารละลายภายนอกเซลล์และภายในเซลล์ต่างกันอย่างไร
(ภายนอกเซลล์มี Na+มากกวา่ และมีประจไุ ฟฟ้าเปน็ บวก ส่วนภายในเซลลม์ ี K+มากกวา่ และมีประจไุ ฟฟ้าเป็นลบ)

- ในระยะพกั ศักย์เยอ่ื เซลล์มคี า่ เท่าไร (–70 มิลลโิ วลต)์
- กระบวนการโซเดียม-โพแทสเซียมปั๊มคืออะไร เพื่อประโยชน์ใด (การขับ Na+ออกจากเซลลแ์ ละดงึ K+เข้า
สู่เซลล์ เพื่อรักษาความเข้มข้นของไอออนใหม้ ี K+อยภู่ ายในเซลล์มากกวา่ และมี Na+อย่ภู ายนอกเซลลม์ ากกว่า)
- เซลลป์ ระสาทในภาวะท่ถี กู กระตนุ้ เรยี กวา่ ระยะใด (ระยะดโี พลาไรเซชนั )
- ในระยะดีโพลาไรเซชันเกิดการเปลี่ยนแปลงท่ีเยื่อหุ้มเซลล์อย่างไร (ช่องโซเดียมเปิด Na+แพร่เข้าไปใน
เซลล์มากขนึ้ ทำใหภ้ ายนอกเซลล์มีประจุไฟฟา้ เปน็ ลบและภายในเซลล์มีประจไุ ฟฟา้ เป็นบวก)
- ในระยะดโี พลาไรเซชันเกิดกระบวนการโซเดยี ม-โพแทสเซยี มปั๊มหรอื ไม่ (ไม่เกดิ )
- ในระยะดโี พลาไรเซชนั ศกั ย์เยือ่ เซลลม์ ีค่าเท่าไร (+50 มลิ ลิโวลต์)
- ในระยะรโี พลาไรเซชันเกิดจากเปลี่ยนแปลงที่เย่ือหุ้มเซลล์อย่างไร (ชอ่ งโซเดียมปิด Na+จึงไม่สามารถผ่าน
เข้าไปในเซลล์ได้ ช่องโพแทสเซียมเปิด K+จึงแพร่ออกนอกเซลล์ได้ และเกิดกระบวนการโซเดียม-โพแทสเซียมปั๊ม ทำ
ให้ภายนอกเซลล์มีประจเุ ป็นบวกและภายในเซลลม์ ปี ระจเุ ปน็ ลบ)
- ในระยะรีโพลาไรเซชันศกั ยเ์ ยื่อเซลล์มคี า่ เท่าไร (–70 มลิ ลโิ วลต)์
11. ครูและนกั เรียนร่วมกันสรุปเร่ืองการเกิดกระแสประสาทดังนี้
“การเกิดกระแสประสาทเกิดขึน้ 3 ระยะ คือ ระยะโพลาไรเซชันหรือระยะพักเป็นระยะที่อยู่ในสภาวะก่อน
ถูกกระตุน้ ศักย์เย่ือเซลล์มีค่าประมาณ –70 มิลลิโวลต์ เกดิ จากความแตกตา่ งของประจุไฟฟา้ ภายนอกเซลล์ทีเ่ ป็นบวก
กับภายในเซลลท์ ี่เป็นลบ ระยะดีโพลาไรเซชนั เปน็ ระยะท่ไี ด้รับการกระตุ้นดว้ ยแรงท่มี ากพอจนถึงระดบั ที่เซลล์สามารถ
ตอบสนองได้ มีผลให้เย่ือหุ้มเซลล์เปล่ียนแปลงชั่วคราว ทำให้ภายนอกเซลล์มีประจุไฟฟ้าเป็นลบและภายนอกเซลล์มี
ประจุไฟฟ้าเป็นบวก ศักย์เยื่อเซลล์เปลี่ยนจาก –70 มิลลิโวลต์เป็น +50 มิลลิโวลต์ ระยะรีโพลาไรเซชันเป็นระยะท่ี
เซลล์กลบั สู่สภาวะปกติ ทำให้ภายนอกเซลล์มีประจุไฟฟ้าเป็นบวกและภายในเซลลม์ ีประจุไฟฟ้าเป็นลบ ศักย์เยอื่ เซลล์
เปล่ียนจาก +50 มิลลิโวลต์กลับมาเป็น –70 มิลลิโวลต์เช่นเดิม การเปลี่ยนแปลงประจุบวกและประจุลบระหว่าง
ภายนอกกับภายในเซลล์จะเกิดขึ้นเป็นวัฏจักร เรียกว่า แอกชันโพเทนเชียล (action potential) การเปล่ียนแปลงที่
เกิดข้ึนในบริเวณที่ถูกกระตุ้นจะชักนำให้เกิดแอกชันโพเทนเชียลในบริเวณถัดไป จึงเกิดการเคล่ือนท่ีของกระแส
ประสาท ซ่ึงการเคลื่อนทีข่ องกระแสประสาทจะเกิดขึน้ ได้อยา่ งรวดเรว็ ในใยประสาทท่ีมีเย่ือไมอีลินหมุ้ เน่อื งจากเยื่อไม
อีลินท่ีหุ้มใยประสาทนั้นมีสมบัติเป็นฉนวนก้ันประจุไฟฟ้า ทำให้ประจุไฟฟ้าไม่สามารถผ่านเย่ือหุ้มเซลล์บริเวณที่มีเยื่อ
ไมอีลินหุ้ม บริเวณดังกล่าวจึงไม่มีกระแสประสาทแต่จะเกิดเฉพาะบริเวณโนดออฟแรนเวียร์ กระแสประสาทจึง
เคลื่อนทแี่ บบกระโดดจากโนดออฟแรนเวยี รห์ นงึ่ ไปยังโนดออฟแรนเวยี รห์ นึ่ง”
30 นาที
12. ครอู ธิบายการถ่ายทอดกระแสประสาทระหว่างเซลล์ ตามรูปที่ 1.8 การเกิดไซแนปส์ที่เกิดขึ้นระหว่างเซลล์
ประสาท ในหนังสอื เรียนชวี วิทยา ม.6 เล่ม 1 หน้า 15
“เซลล์ประสาทแต่ละเซลล์จะมีการสานต่อกัน โดยส่วนปลายของแอกซอนของเซลล์ประสาทหน่ึงจะอยู่ชิด
กับเดนไดรต์ของอีกเซลล์ประสาทหน่ึง บริเวณท่ีอยู่ชิดกันเป็นช่องแคบ ๆ เรียกว่า ไซแนปส์ (synapse) ซึ่งเป็นจุด
ประสานประสาท เมื่อกระแสประสาทเคล่ือนท่ีจากจุดกระตุ้นมาถึงปลายแอกซอน ถุงเล็ก ๆ ท่ีบรรจุสารสื่อประสาท
จะเคลื่อนท่ีไปรวมตัวกับเยื่อหุ้มเซลล์บริเวณไซแนปส์ แล้วปล่อยสารส่ือประสาทออกสู่ช่องว่างระหว่างเซลล์ สารส่ือ
ประสาทจะไปรวมตัวกับโปรตีนซึ่งเป็นตัวรับท่ีเยื่อหุ้มเซลล์ของเซลล์ประสาทหลังไซแนปส์ ทำให้มีกระแสประสาท

เกิดขึ้นที่เดนไดรต์ของเซลล์ประสาทหลังไซแนปส์แล้วถ่ายทอดไปยังตัวเซลล์ การถ่ายทอดของกระแสป ระสาทจะ
เกิดขึ้นต่อเน่ืองจนถึงปลายทางในทิศทางเดียว”

13. ครใู หน้ กั เรยี นศกึ ษาใบความรู้ที่ 1.1 สารสอ่ื ประสาท
ข้นั สรปุ (30 นาท)ี

1. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรปุ องค์ความร้ดู ังนี้
“โครงสร้างของเซลล์ประสาทประกอบด้วยส่วนสำคัญ 2 ส่วน คือ ตัวเซลล์และใยประสาทซ่ึงแบ่งออกเป็น

2 ชนิด คือ เดนไดรต์ท่ีนำกระแสประสาทเข้าสู่ตัวเซลล์และแอกซอนที่นำกระแสประสาทออกจากตัวเซลล์ การจำแนก
ชนิดของเซลล์ประสาทโดยใช้จำนวนใยประสาทต่อหนึ่งเซลล์เป็นเกณฑ์แบ่งออกเป็นเซลล์ประสาทข้ัวเดียว เซลล์
ประสาทสองขั้ว เซลล์ประสาทหลายข้ัว หรือใช้หน้าที่เป็นเกณฑ์แบ่งออกเป็นเซลล์ประสาทรับความรู้สึก เซลล์
ประสาทประสานงาน เซลล์ประสาทสั่งการ การเกดิ กระแสประสาทเกิดจากการเปลี่ยนแปลงคา่ ความต่างศักยไ์ ฟฟ้าท่ี
เกิดขึ้นระหว่างภายนอกกับภายในเซลลป์ ระสาท เรียกว่า แอกชัน- โพเทนเชยี ล ซ่งึ เกิดขน้ึ 3 ระยะ คือ ระยะโพลาไร
เซชนั หรือระยะพัก ระยะดโี พลาไรเซชนั ระยะรีโพลาไรเซชัน การถา่ ยทอดกระแสประสาทระหว่างเซลล์เกดิ ขึ้นบรเิ วณ
ไซแนปส์ โดยอาศยั สารสือ่ ประสาท ”

2. ครใู หน้ ักเรียนทำกจิ กรรมตรวจสอบการเรยี นรูท้ ี่ 1.2
4. ชนิ้ งาน/ภาระงาน

4.1 ใบงานท่ี 1.2 โครงสรา้ งของเซลลป์ ระสาท
4.2 ใบงานที่ 1.3 ชนดิ ของเซลลป์ ระสาท
4.3 กจิ กรรมตรวจสอบการเรียนรู้ท่ี 1.2

5. สอื่ การเรียนรแู้ ละแหลง่ การเรียนรู้
5.1 สื่อการเรียนรู้
1.หนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6 เล่ม 1 ของ

บรษิ ทั แมค็ เอด็ ดูเคชนั่ จำกดั
2. ใบความรทู้ ่ี 1.1 สารสือ่ ประสาท
3. ใบงานที่ 1.2-1.3

5.2 แหลง่ การเรยี นรู้
1. ห้องสมดุ ของโรงเรยี น
2. ห้องสมุดกลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์
3. อนิ เทอรเ์ นต็ จากเวบ็ ไซต์ต่างๆ

6.การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้
6.1 การตอบคำถามใบงานที่ 1.2
6.2 การตอบคำถามใบงานท่ี 1.3
6.3 การตอบคำถามกิจกรรมตรวจสอบการเรียนรู้ 1.2

6.4 แบบประเมินผลการเรียนรู้ด้วยตนเอง(นักเรยี นประเมนิ ผลท่ีได้จากการสะท้อนตนเองจากการเรยี นรู้ลงใน
แบบประเมินข้อ 11 ซง่ึ ครูเปน็ ผูจ้ ัดทำให)้

6.5 แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการเรยี นรู้
6.6 แบบประเมนิ ทกั ษะทจ่ี ำเป็นในศตวรรษที่ 21
6.7 แบบประเมินคุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์


Click to View FlipBook Version