แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 5
รหัสวชิ า ว 33241 วชิ าชีววิทยา 5 ช้ันมัธยมศึกษาปีท่ี 6
หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ระบบประสาท เร่อื ง อวัยวะรับความรูส้ กึ เวลา 4 ช่ัวโมง
ผูส้ อน นางสาวชิดชญา จันทร์โสภา
สาระชวี วทิ ยา
ขอ้ 4 เข้าใจการย่อยอาหารของสัตวแ์ ละมนษุ ย์ การหายใจและการแลกเปล่ยี นแก๊ส การลำเลยี งสารและการ
หมุนเวียนเลอื ด ภมู คิ ุม้ กันของรา่ งกาย การขับถ่าย การรบั รู้และการตอบสนอง การเคล่ือนท่ี การสบื พนั ธแ์ุ ละการ
เจริญเตบิ โต ฮอร์โมนกบั การรักษาดลุ ยภาพ และพฤตกิ รรมของสัตว์ รวมท้ังนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์
1.ผลการเรียนรู้
1. สืบคน้ ขอ้ มูล อธิบายโครงสร้างและหนา้ ที่ของตา หู จมูก ลิ้น และผิวหนงั ของมนุษย์ ยกตวั อยา่ งโรคตา่ ง ๆ
ท่ีเก่ียวขอ้ ง และบอกแนวทางในการดูแลป้องกนั และรักษา
2. สังเกตและอธิบายการหาตาแหน่งของจุดบอดโฟเวยี และความไวในการรับสัมผสั ของผิวหนงั
1.1 ด้านความรู้
1. โครงสรา้ งและหนา้ ที่ของตา
2. โครงสร้างและหน้าที่ของหู
3. โครงสรา้ งและหน้าที่ของจมูก
4. โครงสรา้ งและหน้าทีข่ องล้ิน
5. โครงสร้างและหนา้ ที่ของผิวหนัง
1.2 ดา้ นทักษะกระบวนการ
1. ทักษะการคดิ อย่างมวี ิจารณญาณ
2. ทกั ษะการคิดแก้ปญั หา
3. ทักษะการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
4. ทกั ษะการส่อื สาร
5. ทักษะการทำงานร่วมกันเป็นทีมและความเขา้ ใจความแตกต่างของวฒั นธรรม
1.3 ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์
1. ใฝ่เรยี นรู้: ความต้ังใจในการสบื ค้นขอ้ มลู และการร่วมกจิ กรรม
2. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน: ความตง้ั ใจในการทำงานให้เสรจ็ ในเวลาท่กี ำหนดและมคี ณุ ภาพตามเป้าหมาย
3. ซ่ือสัตย์สุจรติ : การทำงานดว้ ยความสามารถของตนเองและเปน็ ความจรงิ
2. สาระสำคญั
อวัยวะรับความรู้สึก ได้แก่ ตา จมูก หู ล้ิน และผวิ หนัง ทำหน้าที่รับการกระตุ้นจากส่ิงเร้าในรูปแบบต่าง ๆ เช่น
แสง กล่ิน เสียง การรับรส สารเคมี อวัยวะรับสัมผัสจะมีหน่วยรับความรู้สึก ซึ่งทำหน้าที่เปล่ียนกระแสความรู้สึกเป็น
กระแสประสาทส่งไปยังเซลล์ประสาทรับความรู้สึก และส่งต่อไปยังสมอง จากนั้นสมองจะวิเคราะห์ข้อมูลจากการรับ
ความรู้สึกเปน็ การรับรู้ เช่น การมองเห็น การได้กล่นิ การรรู้ ส
3. เน้อื หา
ข้นั นำ (1 ช่วั โมง)
1. ครถู ามนักเรียน
คำถาม
- อวยั วะรบั ความรู้สกึ ของมนุษย์ได้แก่อะไรบา้ ง (ตา หู จมกู ลิ้น และผวิ หนงั )
- ตาทำหนา้ ท่ีอะไร (รบั ภาพ)
- หูทำหนา้ ทีอ่ ะไร (รับเสียงและทรงตัว)
- จมกู ทำหนา้ ทอี่ ะไร (เปน็ ทางผา่ นของลมหายใจเข้าออกและดมกลิน่ )
- ลิ้นทำหนา้ ทอ่ี ะไร (รับรส)
- ผิวหนงั ทำหน้าทีอ่ ะไร (หมุ่ ห้มุ รา่ งกาย รกั ษาดุลยภาพของร่างกาย รับความรู้สกึ )
2. ครเู กรน่ิ นำ
“อวัยวะรับความรู้สึก ได้แก่ ตา หู จมูก ล้ิน และผิวหนงั ทำหน้าที่รบั การกระตนุ้ จากสง่ิ เร้า อวัยวะรับสัมผัส
จะมีหน่วยรับความรู้สึกซึ่งทำหน้าที่เปลี่ยนกระแสความรู้สึกเป็นกระแสประสาทส่งไปยังเซลล์ประสาทรับความรู้สึก
และสง่ ต่อไปยงั สมองหรอื ไขสันหลงั จากนน้ั สมองจะวิเคราะห์ข้อมูลจากการรบั ความรสู้ ึกเป็นการรับรู้ แลว้ ส่ังการไปยัง
หนว่ ยปฏบิ ัติงานซง่ึ เปน็ กล้ามเนื้อ”
3. ครูใหน้ กั เรยี นแบง่ กลุ่มออกเปน็ 5 กลมุ่ เพือ่ นำเสนอเกย่ี วกับอวัยวะรบั ความรู้สึก
4. ครกู ำหนดหัวข้อในการนำเสนอหน้าชน้ั เรียน
- ตากับการมองเหน็
- หกู บั การไดย้ ิน
- จมกู กับการดมกลนิ่
- ลิน้ กับการรับรส
- ผิวหนงั กับการรบั ความรูส้ ึก
5. ครูใหน้ ักเรียนเลือกหวั ข้อทสี่ นใจเพ่ือสุ่มเลือกในการนำเสนอช่ัวโมงละ 1 กลุ่ม ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที
ในแต่ละหัวขอ้ โดยแต่ละกลุม่ ต้องอธิบายถึงส่วนประกอบ หน้าท่ี กลไกการรับความรสู้ ึกของอวัยวะรับความรูส้ ึก และ
จดั ทำเป็นปา้ ยนเิ ทศ
ขั้นสอน (3 ชว่ั โมง 30 นาที)
1 ชวั่ โมง
1. ครใู หน้ กั เรียน 1 กลุ่ม ท่ีนำเสนอในหวั ข้อ ตากบั การมองเห็น นำเสนอหน้าชน้ั เรียน (ใช้เวลา 15-20 นาที)
2. ครใู หน้ ักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน ทำกิจกรรมการทดลอง กิจกรรมท่ี 1.1 การหาตำแหน่งของจดุ บอด
และจุดโฟเวยี
3. ครอู ธิบายเร่อื งตากบั การมองเหน็ เพมิ่ เติมเพ่ือใหเ้ นื้อหาครบถ้วน
4. ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ เรอ่ื งตากับการมองเหน็ ดงั น้ี
“ตา (eyes) เป็นอวัยวะที่ทำหน้าท่ีรับภาพ มีรูปร่างลักษณะค่อนข้างกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2.5
เซนติเมตร อยู่ภายในเบ้าตา มีโครงสร้างภายนอก คือ ค้ิวและขนตาช่วยป้องกันฝุ่นละออง เปลือกตาบนและล่างช่วย
ป้องกันอนั ตรายให้กับลูกตา ต่อมน้ำตาและทอ่ น้ำตาทำหน้าที่หลงั่ นำ้ ตาชว่ ยใหน้ ัยนต์ าชุ่มช้นื และเอนไซม์ในน้ำตาชว่ ย
ทำลายเชอื้ โรคบางชนิดและขับฝุ่นละอองออกจากตาได้
ผนงั ลกู ตาประกอบด้วยเนอื้ เยอ่ื 3 ชน้ั คือ สเคลอรา โครอยด์ และเรตนิ า
สเคลอรา (sclera) อยู่ด้านนอกสุดเป็นเยื่อเหนียวท่ีไม่มีความยืดหยุ่นโดยท่ัวไปเรียกว่า ตาขาว ส่วนที่อยู่
ด้านหน้าสุดของเยื่อนี้จะนูนออกมาและมีลักษณะโปร่งใสเรียกว่า กระจกตา (cornea) ทำหน้าท่ีเป็นทางผ่านของแสง
เข้าไปภายในลูกตาและชว่ ยในการหักเหแสงเพือ่ ใหภ้ าพตกลงบนเรตนิ า
โครอยด์ (choroid) เป็นผนังชั้นกลางที่มีหลอดเลอื ดมาหล่อเล้ียง สีสารสกี ระจายจำนวนมาก ทำให้สีตาของแต่
ละคนแตกต่างกัน ในช้ันโครอยดบ์ รเิ วณด้านหน้าเลนสต์ ามีม่านตา (iris) ซ่ึงชอ่ งตรงกลามมลี ักษณะกลม เรยี กว่า รมู ่าน
ตา (pupil) ทำหน้าที่ควบคมุ ปรมิ าณแสงทีผ่ า่ นเขา้ ส่ตู า
เรตินา (retina) เป็นผนังชั้นในสุด ทำหน้าที่รับภาพและทำให้เกิดภาพที่มองเห็นได้ โดยเซลล์รูปแท่งและเซลล์
รูปกรวยจะรับแสงและส่งไปยังเส้นประสาทตาแล้วส่งต่อไปยังสมองส่วนเซรีบรัมเพื่อแปลภาพตามท่ีเห็น จุดท่ีภาพตก
ลงบนกระจกตาแล้วทำให้เกิดภาพชัดที่สุดเรียกว่า จุดโฟเวีย (fovea)ส่วนจุดท่ีไม่มีเซลล์รูปแท่งและเซลล์รูปกรวยอยู่
เรยี กว่า จดุ บอด (blind spot) แสงท่ีตกกระทบบริเวณนจี้ ะไม่มภี าพเกดิ ขึน้
เลนส์ตา (lens) หรือเรยี กว่า แก้วตาทำหน้าที่รวมแสงเขา้ ส่ตู าและทำให้เกดิ การหักเหของแสงเพื่อให้ภาพตกลง
บนเรตนิ า
กลไกการมองเห็น คือ เมื่อแสงสะท้อนจากวัตถุเข้าสู่นัยน์ตาจะเกิดการหักเหท่ีกระจกตา แล้วไปหักเหอีกครั้งที่
เลนสต์ า จากนั้นแสงจะตกที่เรตินาซ่ึงเปน็ บริเวณที่มีเซลล์รบั แสง ทำใหเ้ กิดกระแสประสาทถ่ายทอดไปยังเส้นประสาท
ตาเข้าสูส่ มองเพอื่ แปลให้เปน็ ภาพ
ความผิดปกติของสายตา เช่น สายตาส้ัน สายตายาว และสายตาเอียง ในปัจจุบันสามารถแก้ไขได้โดยการสวม
แว่นตาที่ประกอบดว้ ยเลนส์ทีเ่ หมาะสมกับสภาพปัญหาของสายตา”
5. ครูให้นักเรียนทำใบงานที่ 1.7 ตากับการมองเห็น
6. ครูให้นกั เรยี นศกึ ษาเพ่มิ เติมจากใบความรู้ที่ 1.2 การทำงานของเซลล์รปู กรวยกบั ตาบอดสี
1 ชว่ั โมง
7. ครูให้นกั เรียน 1 กลุม่ ทนี่ ำเสนอในหัวข้อ หูกับการได้ยนิ นำเสนอหน้าชั้นเรยี น (ใชเ้ วลา 15-20 นาท)ี
8. ครอู ธิบายเร่ืองหูกับการได้ยนิ เพิ่มเติมเพ่ือให้เนื้อหาครบถ้วน
9. ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ เรอ่ื งหูกบั การไดย้ นิ ดงั น้ี
“หู (ears) เป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่รับสัมผัสในการได้ยินเสียงและการทรงตัว หูของมนุษย์ประกอบด้วย 3
สว่ น คอื หูส่วนนอก หูส่วนกลาง และหสู ว่ นใน
หูส่วนนอก (external ear) ประกอบด้วยใบหู (pinna) ทำหน้าท่ีรับคลื่นเสียงจากภายนอกเข้าสู่รูหู (ear
canal) ซึ่งเป็นทางผ่านของคล่ืนเสียง ภายในรูหูมีขนและต่อมสร้างไขเพ่ือป้องกันไม่ให้ผนังรูหูแห้งและป้องกันไม่ให้
แมลงหรือฝุ่นละอองเข้าไปในหูส่วนกลางและหูส่วนใน และตรงรอยต่อระหว่างหูส่วนนอกกับหูส่วนกลางมีเยื่อบาง ๆ
ก้ันอยู่เรียกว่า เย่ือแก้วหู (ear drum หรือ tympanic membrane) ซ่ึงสามารถส่ันได้เม่ือได้รับคลื่นเสียงเพ่ือส่งคลื่น
เสยี งเข้าไปยังหูสว่ นกลาง
หูส่วนกลาง (middle ear) มีลักษณะเป็นโพรงติดต่อกับโพรงจมูก โครงสร้างภายในประกอบด้วยท่อยูสเต
เชียน (eustachian tube) เป็นท่อท่ีเช่ือมต่อระหว่างหูส่วนกลางกับคอหอย ทำหน้าที่ปรับความดันอากาศภายนอก
และภายในโพรงของหูส่วนกลางให้เท่ากัน นอกจากนี้ยังประกอบด้วยกระดูกหู 3 ชน้ิ คอื กระดูกคอ้ น กระดูกท่ัง และ
กระดูกโกลน ทำหน้าท่ีเพิ่มความแรงของการสน่ั สะเทอื นของคลนื่ เสียงท่ีมาจากเยื่อแกว้ หู โดยคล่ืนเสยี งท่ีผา่ นเข้ามาใน
หูส่วนในจะมีแอมพลิจดู ขยายเพ่มิ จากหูสว่ นนอกถงึ 22 เทา่
หสู ว่ นใน (inner ear) เปน็ ส่วนที่อยถู่ ดั จากกระดกู โกลน ทำหน้าที่รับฟงั เสยี งและการทรงตัว โดยอวัยวะท่ีใช้
ฟังเสียง คือ คอเคลีย (cochlea) โดยภายในมีของเหลวท่ีสามารถส่ันเพื่อเปลี่ยนสัญญาณเสียงเป็นสัญญาณประสาท
ส่งไปยังสมองเพื่อแปลความหมาย ส่วนอวัยวะท่ีใช้ในการทรงตัว คือ เซมิเซอร์คิวลาร์แคแนล (semicircular canal)
ลักษณะเป็นหลอดครึ่งวงกลม 3 หลอด วางตั้งฉากกัน ภายในบรรจุของเหลว โคนหลอดพองออกเรียกว่า แอมพูลลา
(ampulla) ภายในมีเซลล์รับความร้สู ึกที่มีขนเรียกว่า เซลล์ขน (hair cell) เม่ือมีการเคลื่อนไหวของร่างกายของเหลว
จะไหลไปมา สง่ ผลใหเ้ ซลลข์ นเกดิ การเบนด้วย ซ่ึงการเบนของเซลล์ขนทำใหเ้ กิดกระแสประสาทส่งไปตามเส้นประสาท
และไปยงั สมองเพอ่ื แปลผล แลว้ ส่งคำสง่ั ไปควบคุมการทรงตวั ใหอ้ ยูใ่ นตำแหนง่ ที่เหมาะสม”
10. ครใู หน้ กั เรียนทำใบงานท่ี 1.8 หูกบั การไดย้ ิน
11. ครูใหน้ กั เรยี น 1 กลมุ่ ที่นำเสนอในหัวขอ้ จมูกกับการดมกลิน่ นำเสนอหน้าชั้นเรยี น (ใชเ้ วลา 15-20 นาท)ี
12. ครอู ธบิ ายเรื่องจมกู กับการดมกลนิ่ เพ่ิมเติมเพื่อให้เน้ือหาครบถว้ น
13. ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรุปเรื่องจมูกกับการดมกลิ่นดงั นี้
“จมูก (nose) เป็นอวัยวะที่ทำหน้าท่ีเป็นทางผ่านของลมหายใจและดมกล่ิน ภายในโพรงจมูกประกอบด้วย
ขนจมูก เยื่อบุท่ีประกอบด้วยเซลล์ที่มีซิเลีย ต่อมสร้างเมือก (mucus gland) ทำหน้าท่ีดักจับเชื้อโรคและฝุ่นละออง
โครงสร้างที่ทำหน้าท่ีในการรับกล่ินอยู่ท่ีบริเวณรับกลิ่น (olfactory region) ซึ่งประกอบด้วยเยื่อบุจมูก (olfactory
membrane)ทมี่ ีเซลล์ประสาทรบั กลิ่น (olfactory neuron) ทำหน้าท่ีเปล่ียนสารท่ีทำใหเ้ กิดกล่นิ เป็นกระแสประสาท
เพื่อส่งไปยังเส้นประสาทสมองคู่ท่ี 1 ซึ่งเป็นเส้นประสาทรับกล่ิน (olfactory nerve) จากน้ันกระแสประสาทจะถูก
สง่ ผ่านออลแฟกทอรบี ลั บ์ไปยงั สมองสว่ นเซรบี รัม เพอื่ แปลผลของกลน่ิ ที่ได้รับ”
14. ครใู หน้ ักเรียนทำใบงานที่ 1.9 จมกู กับการดมกล่ิน
1 ชว่ั โมง
15. ครูให้นกั เรยี น 1 กลมุ่ ที่นำเสนอในหวั ข้อ ลนิ้ กับการรับรส นำเสนอหน้าช้ันเรียน (ใช้เวลา 15-20 นาที)
16. ครอู ธบิ ายเรื่องลิ้นกบั การรับรสเพิม่ เตมิ เพอ่ื ให้เน้ือหาครบถว้ น
17. ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรปุ เร่ืองลิ้นกบั การรับรสดังน้ี
“ล้ิน (tongue)เปน็ อวัยวะที่ทำหนา้ ทีเ่ ก่ียวกับการรบั รส บริเวณด้านบนของผิวลิ้นมีปมุ่ ล้นิ (papilla) ซ่ึงเป็น
ท่ีอยู่ของตุ่มรับรส (taste bud) ที่ภายในมีเซลล์รับรส (gustatory cell) ซ่ึงแปรสภาพมาจากเซลล์บุผิว การรับรสบน
ลน้ิ จะรบั รสได้ 5 ชนดิ คือ รสเปรย้ี ว รสหวาน รสเค็ม รสขม และรสอมู ามิ
ตอนบนของตุ่มรับรสมีช่องเปิด (taste pore) ทำให้ขนเซลล์ของเซลลร์ ับรสสามารถรบั รสของอาหารได้ เม่ือ
ตุ่มรับรสได้รับการกระตุ้นจากรสอาหาร จะทำให้เกิดกระแสประสาทส่งไปยังเส้นประสาทสมอง โดยกระแสประสาท
จากการรบั รสบริเวณปลายล้ินและด้านข้างลิ้นจะถกู ส่งเข้าเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 สว่ นกระแสประสาทจากการรบั รส
บริเวณโคนล้ินจะถกู ส่งเขา้ เสน้ ประสาทสมองคทู่ ี่ 9 เพือ่ นำกระแสประสาทเข้าสศู่ ูนยร์ บั รสในสมองสว่ นเซรบี รัม”
18. ครูให้นักเรยี นทำใบงานที่ 1.10 ลิน้ กับการรับรส
19. ครูใหน้ กั เรียน 1 กลุ่ม ที่นำเสนอในหวั ข้อ ผิวหนังกบั การรับความรสู้ กึ นำเสนอหน้าชนั้ เรยี น (ใช้เวลา 15-20
นาที)
20. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 5-6 คน ทำกิจกรรมเพ่ือการเรียนรู้ กิจกรรมท่ี 1.2 ความไวสัมผัสของ
ผวิ หนัง
30 นาที
21. ครูอธบิ ายเรอ่ื งผิวหนังกบั การรบั ความรสู้ กึ เพมิ่ เตมิ เพื่อใหเ้ นื้อหาครบถ้วน
22. ครูและนักเรียนรว่ มกันสรปุ เรื่องผิวหนงั กับการรบั ความรู้สกึ ดังนี้
“ผิวหนังเป็นอวัยวะทท่ี ำหนา้ ทีห่ ่อหุม้ ร่างกาย รกั ษาดลุ ยภาพของร่างกาย และรับความร้สู ึก ประกอบด้วย 2
ส่วน คือ หนงั กำพรา้ และหนังแท้
หนังกำพร้า (epidermis) คลุมอยู่บนหนังแท้ ความหนาของหนังกำพร้าแตกต่างกันตามส่วนต่าง ๆ ของ
ร่างกาย ไม่มีหลอดเลือด ประกอบด้วยเซลล์รูปรา่ งต่าง ๆ กันหลายช้ัน ช้ันต้ืนท่ีสุดท่ีผิวเป็นเซลล์แบน ๆ และตายแล้ว
จะลอกหลดุ ออกไปเปน็ ขไ้ี คล
หนังแท้ (dermis) ประกอบดว้ ยเส้นใยพงั ผืดเป็นส่วนใหญ่ประสานไขว้กนั ไปมา ส่วนต้ืนของชั้นน้ียื่นเป็นปุ่ม
นูนขึ้นมาสวมกับช่องทางด้านลึกของหนังกำพร้า ในปุ่มนูนมีหลอดเลือดและปลายประสาทรับความรู้สึก ส่วนลึกของ
หนังแทจ้ ะมแี ต่เสน้ ใยพังผดื ประสานกันคอ่ นข้างแน่น”
23. ครใู ห้นกั เรียนทำใบงานที่ 1.11 ผวิ หนังกบั การรบั ความรสู้ ึก
ขัน้ สรุป(30 นาที)
1. ครแู ละนักเรียนร่วมกนั สรุปองคค์ วามรดู้ ังน้ี
“อวัยวะรับความรู้สกึ ได้แก่ ตา หู จมูก ล้นิ และผวิ หนัง ทำหนา้ ที่รับการกระตุ้นจากสิ่งเร้าในรูปแบบต่าง ๆ
เชน่ แสง เสียง กล่ิน รส และสารเคมี อวัยวะรับสัมผัสจะมหี น่วยรับความรสู้ กึ เมื่อหน่วยรับความรู้สึกไดร้ บั การกระตุ้น
จากสิง่ เร้าจะเปลี่ยนกระแสความรสู้ ึกเปน็ กระแสประสาทส่งไปยังสมองหรอื ไขสันหลงั จากนั้นสมองจะวิเคราะหข์ ้อมูล
จากการรับความรสู้ กึ (sensation) เปน็ การรบั รู้ (perception) แลว้ สง่ั การไปยงั หน่วยปฏิบัติงานซง่ึ เป็นกล้ามเน้อื ”
2. ครใู หน้ ักเรยี นทำใบงานท่ี 1.12 อวยั วะรับความรูส้ ึก
3. ครใู ห้นักเรียนทำกิจกรรมตรวจสอบการเรียนรทู้ ่ี 1.5
4. ครใู หน้ ักเรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรียน 15 ขอ้ (ใชเ้ วลา 15-20 นาท)ี
5. ครใู ห้นกั เรียนทำคำถามทา้ ยหน่วยการเรียนรู้ เพือ่ สง่ ท้ายชว่ั โมง
6. ครูให้นักเรียนเลือกทำกิจกรรมเพ่ือส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ ภาคเรียนละ 1 กิจกรรม และนำเสนอใน
นทิ รรศการ
4. ชนิ้ งาน/ภาระงาน
4.1 ใบงานที่ 1.7 ตากับการมองเหน็
4.2 ใบงานท่ี 1.8 หกู ับการได้ยนิ
4.3 ใบงานที่ 1.9 จมูกกบั การได้กลิ่น
4.4 ใบงานที่ 1.10 ลิ้นกบั การรบั รส
4.5 ใบงานท่ี 1.11 ผวิ หนงั กบั การรับความรู้สกึ
4.6 ใบงานท่ี 1.12 อวยั วะรับความรสู้ ึก
4.7 กจิ กรรมตรวจสอบการเรียนรู้ที่ 1.5
4.8 กิจกรรมการทดลอง กิจกรรมที่ 1.1 การหาตำแหน่งของจดุ บอดและจดุ โฟเวยี
4.9 กิจกรรมเพื่อการเรียนรู้ กจิ กรรมท่ี 1.2 ความไวสมั ผัสของผวิ หนงั
4.10 แบบทดสอบหลังเรยี น
4.11 คำถามทา้ ยหน่วยการเรยี นรู้
5. ส่ือการเรยี นรู้และแหล่งการเรยี นรู้
5.1 สือ่ การเรียนรู้
1. หนังสอื เรียนรายวิชาเพ่ิมเตมิ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชีววิทยา ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 6 เล่ม 1 ของ
บริษทั แม็คเอด็ ดูเคช่ัน จำกดั
2. ใบความร้ทู ่ี 1.2
3. ใบงานท่ี 1.7-1.12
5.2 แหล่งการเรยี นรู้
1. ห้องสมดุ ของโรงเรียน
2. หอ้ งสมดุ กลุม่ สาระการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตร์
3. อนิ เทอร์เน็ตจากเวบ็ ไซตต์ ่างๆ
6.การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้
6.1 การตอบคำถามใบงานท่ี 1.7-1.12
6.2 การตอบคำถามกิจกรรมตรวจสอบการเรียนรู้ 1.5
6.3 การตอบคำถามท้ายหน่วยการเรียนรู้
6.4 แบบทดสอบหลังเรียนแบบเลือกตอบ (4 ตัวเลือก) จำนวน 15 ขอ้
6.5 แบบประเมนิ ชิ้นงาน
6.6 แบบประเมินผลการเรียนรู้ด้วยตนเอง(นักเรียนประเมนิ ผลท่ีได้จากการสะท้อนตนเองจากการเรยี นรู้ลงใน
แบบประเมนิ ขอ้ 11 ซง่ึ ครูเป็นผจู้ ัดทำให้)
6.7 แบบประเมินพฤติกรรมการเรียนรู้
6.8 แบบประเมนิ ทักษะทีจ่ ำเปน็ ในศตวรรษท่ี 21
6.9 แบบประเมนิ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์