The words you are searching are inside this book. To get more targeted content, please make full-text search by clicking here.

กำหนดการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ 1 ม.1

Discover the best professional documents and content resources in AnyFlip Document Base.
Search
Published by rattiya2252, 2022-09-17 06:43:51

กำหนดการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ 1 ม.1

กำหนดการสอน วิชาวิทยาศาสตร์ 1 ม.1

เรยี นเสนอเพ่อื พิจารณาอนุมตั ิ

ลงชื่อ..................................................หัวหนากลุมสาระการเรยี นรวู ทิ ยาศาสตร์
และเทคโนโลยี

(นางรตั ติยา สุธรรม)

ลงช่ือ....................................................หวั หนากลุมงานบริหารวชิ าการ
(นายถาวร ลาวชาง)

( ) อนุมตั ิ ( ) ไมอนมุ ตั ิ

วาท่ี ร.ท..........................................
(วฒุ ิชัย ไปปลอด)

ผอู ํานวยการโรงเรยี นนาคาํ ราษฎรรังสรรค

คําอธิบายรายวิชา

รายวชิ า ว 21101 วทิ ยาศาสตร์ 1 กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
วิชาพื้นฐาน เวลา 60 ชั่วโมง จํานวน 1.5 หน่วยกติ
ช้นั มัธมยมศึกษาปีที่ 1

ศึกษาวิเคราะหค์ วามหมายของวิทยาศาสตรก์ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ลักษณะสําคญั ของนักวทิ ยาศาสตร์
เครื่องมอื และอุปกรณว์ ทิ ยาศาสตร์ ผลของวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี การศกึ ษาโดยอาศยั วธิ ีการทางวิทยาศาสตร์
ศึกษาประเภท โครงสรา้ งและหน้าท่ีของสว่ นประกอบภายในเซลล์สิง่ มชี ีวิตด้วยกล้องจุลทรรศน์ ศึกษากระบวนการ
การลําเลยี งสารเข้าและออกจากเซลล์ด้วยวิธกี ารแพร่และ การออสโมซสิ ศึกษาการดํารงชวี ิตของพชื กระบวนการ
สังเคราะห์ด้วยแสง การลําเลยี งสารในพชื การเจริญเตบิ โตของพืช
การสืบพันธ์ขุ องพืช และเทคโนโลยีชีวภาพของพชื สารรอบตัว สมบัติของสาร การจาํ แนกสารด้วยสถานะ
เน้ือสาร และขนาดอนภุ าคของสาร การเปลีย่ นแปลงของสาร สารบริสทุ ธ์แิ ละสารผสม การใช้ความรู้ทางเคมีให้เป็น
ประโยชน์ต่อการเลือกใชส้ ารเคมีในชีวิตประจําวนั ได้อยา่ งเหมาะสมและปลอดภยั

โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสืบคน้ ข้อมลู การสังเกต วิเคราะห์
เปรยี บเทียบ อธิบาย อภปิ รายและสรุป เพือ่ ให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ และมคี วามสามารถในการตัดสอนใจ
มที ักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ รวมทั้งทกั ษะการเรียนรู้ในศตวรรษท่ี 21 ในดา้ นเทคโนโลยสี ารสเทศ ดา้ นการ
คิดและการแก้ปัญหา ดา้ นการสอ่ื สาร สามารถสอ่ื สารสิง่ ทเี่ รียนร้แู ละนําความร้ไู ปประยกุ ตใ์ ช้ในชีวิตประจาํ วนั มีจติ
วิทยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรม และค่านิยมที่เหมาะสม
รหสั ตวั ชี้วัด

ว 1.2 ม.1/1 เปรียบเทียบรูปรา่ ง ลกั ษณะ และโครงสร้าง ของเซลลพ์ ืชและเซลล์สัตว์รวมท้ังบรรยายหนา้ ที่
ของผนงั เซลลเ์ ยื่อหมุ้ เซลลไ์ ซโทพลาซมึ นิวเคลยี ส แวคิวโอล ไมโทคอนเดรยี และ
คลอโรพลาสต์

ว 1.2 ม.1/2 ใชก้ ลอ้ งจุลทรรศน์ใช้แสงศกึ ษาเซลล์ และโครงสรา้ งต่าง ๆ ภายในเซลล์
ว 1.2 ม.1/3 อธิบายความสัมพันธ์ระหวา่ งรปู รา่ ง กับการทําหน้าท่ีของเซลล์
ว 1.2 ม.1/4 อธบิ ายการจดั ระบบของส่งิ มชี ีวติ โดยเร่มิ จาก เซลล์เนอ้ื เยือ่ อวยั วะ ระบบอวัยวะ เปน็

ส่งิ มีชวี ิต
ว 1.2 ม.1/5 อธิบายกระบวนการแพร่และออสโมซิสจาก หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์และยกตวั อย่างการแพร่

และออสโมซิสในชีวติ ประจาํ วัน
ว 1.2 ม.1/6 ระบปุ ัจจัยท่ีจําเป็นในการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง และผลผลติ ท่ีเกิดขึ้นจากการสังเคราะด้วยแสง

โดยใช้ หลักฐานเชงิ ประจกั ษ์
ว 1.2 ม.1/7 อธิบายความสําคัญของการสงั เคราะหด์ ้วยแสง ของพชื ตอ่ สง่ิ มีชีวติ และส่งิ แวดลอ้ ม
ว 1.2 ม.1/8 ตระหนกั ในคณุ ค่าของพืชท่ีมีต่อสิ่งมีชวี ิตและส่ิงแวดล้อม โดยการร่วมกันปลูกและดแู ลรักษา

ต้นไม้โรงเรยี นและชุมชน
ว 1.2 ม.1/9 บรรยายลกั ษณะและหนา้ ทข่ี องไซเล็มและ โฟลเอม็
ว 1.2 ม.1/10 เขียนแผนภาพท่ีบรรยายทิศทาง การลาํ เลยี งสารในไซเลม็ และโฟลเอม็ ของพชื
ว 1.2 ม.1/11 อธิบายการสืบพันธุแ์ บบอาศยั เพศ และ ไม่อาศยั เพศของพืชดอก
ว 1.2 ม.1/12 อธบิ ายลักษณะโครงสร้างของดอกทม่ี สี ่วน ทาํ ให้เกดิ การถ่ายเรณูรวมท้ังบรรยาย การ

ปฏิสนธขิ องพชื ดอก การเกิดผลและเมล็ด การกระจายเมลด็ และการงอกของเมลด็
ว 1.2 ม.1/13 ตระหนักถึงความสาํ คญั ของสตั ว์ที่ชว่ ยในการ ถ่ายเรณขู องพชื ดอก โดยการไม่ทําลาย

ชีวิต ของสัตว์ทชี่ ว่ ยในการถ่ายเรณู
ว 1.2 ม.1/14 อธิบายความสําคัญของธาตอุ าหาร บางชนดิ ท่ีมผี ลต่อการเจรญิ เติบโต และการ

ดํารงชวี ติ ของพืช
ว 1.2 ม.1/15 เลอื กใช้ป๋ยุ ทมี่ ธี าตอุ าหารเหมาะสมกบั พชื ใน สถานการณ์ทก่ี าํ หนด
ว 1.2 ม.1/16 เลอื กวิธกี ารขยายพนั ธ์ุพืชให้เหมาะสมกับ ความตอ้ งการของมนษุ ย์โดยใช้ความรู้

เกยี่ วกับการสืบพนั ธข์ุ องพชื
ว 1.2 ม.1/17 อธบิ ายความสําคัญของเทคโนโลยี การเพาะเลยี้ งเนอื้ เยอื่ พชื ในการใช้ประโยชน์

ด้านตา่ ง ๆ
ว 1.2 ม.1/18 ตระหนกั ถงึ ประโยชนข์ องการขยายพันธพุ์ ชื โดยการนําความร้ไู ปใชใ้ นชวี ิตประจาํ วัน
ว 2.1 ม.1/1 อธิบายสมบัติทางกายภาพบางประการของ ธาตุโลหะ อโลหะ และกึ่งโลหะ โดยใช้

หลกั ฐาน เชิงประจักษท์ ไ่ี ดจ้ ากการสงั เกตและการทดสอบ และใช้สารสนเทศทไ่ี ดจ้ าก
แหลง่ ขอ้ มลู ต่าง ๆรวมทัง้ จัดกลมุ่ ธาตุเป็นโลหะ อโลหะ และ ก่ึงโลหะ
ว 2.1 ม.1/2 วเิ คราะห์ผลจากการใช้ธาตโุ ลหะ อโลหะ กึ่งโลหะ และธาตกุ ัมมันตรังสีทีม่ ีตอ่ ส่ิงมชี ีวิต
สงิ่ แวดลอ้ ม เศรษฐกจิ และสงั คม จากขอ้ มูลทร่ี วบรวมได้
ว 2.1 ม.1/3 ตระหนักถึงคณุ ค่าของการใช้ธาตุโลหะ อโลหะ ก่ึงโลหะ ธาตกุ ัมมันตรงั สีโดยเสแนวทาง การ
ใชธ้ าตอุ ยา่ งปลอดภยั คุ้มค่า
ว 2.1 ม.1/4 เปรยี บเทียบจุดเดอื ดจุดหลอมเหลวของสารบริสทุ ธ์ิ และสารผสม โดยการวดั อุณหภูมเิ ขยี น
กราฟ แปล ความหมายขอ้ มูลจากกราฟ หรอื สารสนเทศ
ว 2.1 ม.1/5 อธิบายและเปรียบเทียบความหนาแนน่ ของ สารบรสิ ทุ ธิ์และสารผสม
ว 2.1 ม.1/6 ใช้เคร่ืองมือเพ่อื วดั มวลและปรมิ าตรของ สารบริสุทธแ์ิ ละสารผสม
ว 2.1 ม.1/7 อธบิ ายเกีย่ วกบั ความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งอะตอม ธาตุและสารประกอบ โดยใชแ้ บบจําลอง
และสารสนเทศ
ว 2.1 ม.1/8 อธบิ ายโครงสรา้ งอะตอมทปี่ ระกอบดว้ ย โปรตอน นวิ ตรอน และอิเลก็ ตรอน
โดยใช้ แบบจําลอง
ว 2.1 ม.1/9 อธบิ ายและเปรียบเทียบการจัดเรียงอนุภาค แรงยึดเหน่ยี วระหว่างอนภุ าค และการ
เคล่อื นที่ ของอนุภาคของสสารชนดิ เดยี วกนั ในสถานะ ของแข็ง ของเหลว และแก๊ส โดย
ใช้แบบจําลอง
ว 2.1 ม.1/10 อธิบายความสัมพันธ์ระหวา่ ง พลงั งานความรอ้ นกบั การเปลย่ี นสถานะ ของสสาร โดยใช้
หลกั ฐานเชิงประจักษแ์ ละ แบบจําลอง

รวมท้ังหมด 28 ตัวชว้ี ัด

รหสั วิชา ว 21101 โครงสร้างรายวชิ าวทิ ยาศาสตร์
ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เวลาเรียน 60 ชว่ั โมง อตั ราส่วนคะแนน 80 : 20

หน่วยการเรียนรู้ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ ชั่วโมง (เวลา) คะแนน

1 เรียนรวู้ ิทยาศาสตรอ์ ย่างไร 65
- เราเรยี นรวู้ ิทยาศาสตรอ์ ยา่ งไร 44
- กระบวนการทํางานของนกั วิทยาศาสตร์ 21
22 25
2 สารบรสิ ุทธิ์ 43
- สารบริสุทธิแ์ ละสารผสม 22
- จดุ หลอมเหลวของสารบรสิ ุทธแิ์ ละสารผสม 21
- การคํานวณความหนาแน่น 22
- ความหนาแนน่ ของสารบรสิ ุทธแิ์ ละสารผสม 21
- สถานะของสาร 22
- อนภุ าคของสาร 22
- การจาํ แนกสารบรสิ ุทธิ์ 45
- ธาตุและสารประกอบ 27
- การจาํ แนกธาตแุ ละการใช้ประโยชน์
10
สอบกลางภาค
12 15
3 พน้ื ฐานของสงิ่ มชี ีวิต
21
- กล้องจุลทรรศน์ 21
- การศึกษาสิง่ มชี วี ติ ด้วยกลอ้ งจุลทรรศน์ 22
- โลกใต้กล้องจุลทรรศน์ 21
- เซลลพ์ ชื และเซลล์สตั ว์ 23
- โครงสร้างและหน้าท่ีของเซลล์ 11
- การแพร่ 16
- การออสโมซิส

หน่วยการเรียนรู้ ชื่อหน่วยการเรียนรู้ ช่ัวโมง (เวลา) คะแนน

4 หนว่ ยการดาํ รงชีวติ ของพืช 20 15

- การสืบพันธ์ุแบบอาศยั เพศในพชื ดอก 21
- การสบื พันธ์แุ บบไมอ่ าศัยเพศในพชื ดอก 21
- เมล็ดงอกไดอ้ ย่างไร 22
- การขยายพนั ธพุ์ ชื 21
- ปจั จยั ที่จําเป็นในการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง 21
- ผลผลิตท่ไี ด้จากการสังเคราะห์ดว้ ยแสง 44
- ธาตุอาหารของพชื 21
- การลําเลยี งนา้ํ ของพืช 22
- การลาํ เลยี งอาหารของพชื 22

สอบปลายภาค 20

60 100

โครงสร้างรายวชิ าพ้นื ฐาน กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี

วชิ าวทิ ยาศาสตร์ 1 รหสั วิชา ว 21101 ช้นั มัธยมศึกษาที่ 1 ภาคเรียนที่ 1

เวลาเรยี น 60 ชว่ั โมง/ภาคเรยี น จาํ นวน 1.5 หนว่ ยกิต (3 คาบ/สัปดาห)์ คะแนนเต็ม 100 คะแนน

หน่วย มาตรฐาน/ เน้ือสาระ ภาระชิน้ งาน/ จาํ นวน นํ้าหนกั

การเรยี นรู้ ตวั ชีว้ ัด กจิ กรรม ช่วั โมง คะแนน

หน่วยที่ 1 65

หน่วยที่ 1 เรียนรู้ - - วทิ ยาศาสตรเ์ ปน็ ความรู้เก่ยี วกับธรรมชาติ - เราเรยี นรู้ 2 2

วิทยาศาสตร์ ซึง่ สามารถอธิบายได้ด้วยหลกั ฐานและความ วทิ ยาศาสตร์

อย่างไร เปน็ เหตุเป็นผลทางวทิ ยาศาสตร์ เปน็ อยา่ งไร

เร่ือง : เราเรยี นรู้ พน้ื ฐานของเทคโนโลยีท่ตี อบสนองความ - กิจกรรมท่ี

วทิ ยาศาสตร์ ตอ้ งการของมนษุ ยใ์ นดา้ นตา่ งๆ 1.1

อย่างไร - มนุษย์ทกุ คนเกย่ี วขอ้ งกับวิทยาศาสตร์จงึ นักวทิ ยาศาสต

จาํ เปน็ ต้องเรียนรู้เก่ยี วกบั วิทยาศาสตร์ รท์ าํ งาน

เพื่อให้ดาํ รงชีวิตได้อย่างมคี ณุ ภาพในสังคม อย่างไร

หนว่ ยท่ี 1 เรยี นรู้ - -วทิ ยาศาสตรค์ ือความรขู้ องโลกธรรมชาติ - จาํ แนกสิ่งท่ี 2 2

วทิ ยาศาสตร์ หรอื ความรใู้ นสงิ่ ทีเ่ กดิ ขึน้ หรอื มีอยูใ่ น เปน็

อยา่ งไร ธรรมชาติซงึ่ สามารถอธิบายไดด้ ว้ ยหลักฐาน วิทยาศาสตร์

เรอื่ ง : เราเรียนรู้ หรอื ความเป็นเหตเุ ปน็ ผลทางวทิ ยาศาสตร์ และไมใ่ ช่

วทิ ยาศาสตร์ กลา่ วคือสามารถอธิบายสาเหตทุ ่ที ําให้เกิด วิทยาศาสตร์ได้

อย่างไร ส่งิ นัน้ ๆหรือเมอ่ื ทราบสาเหตุก็อาจทํานาย - ปฏิบตั ิ

ผลได้ด้วยดงั เชน่ การเกิดปรากฎการณ์ทาง กจิ กรรมที่ 1.2

ธรรมชาติหลายๆอย่าง นาํ้ สเี คล่ือนท่ี

อย่างไร

หน่วยการ มาตรฐาน/ สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ภาระชิ้นงาน/ จาํ นวน นํ้าหนกั
เรยี นรู้ ตวั ชว้ี ัด กิจกรรม ชัว่ โมง คะแนน
- การสรา้ งความรูท้ างวิทยาศาสตร์ทําไดโ้ ดยผ่าน
หน่วยท่ี 1 - กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ กระบวนการทาง - ใช้ทกั ษะทาง 2 1
เรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ไดแ้ ก่ การสังเกตและระบปุ ัญหา การ วทิ ยาศาสตรใ์ น
ตง้ั สมมตฐิ าน การวางแผน การสาํ รวจ หรือการ การสร้างจรวด
วิทยาศาสตร์ ทดลอง รวมท้งั การเก็บขอ้ มลู การวเิ คราะห์ขอ้ มูล กระดาษพบั
อยา่ งไร และสรา้ งคาํ อธบิ าย และการสรุปผลและการสือ่ สาร
เรือ่ ง กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์สามารถเพิม่ เติม
ลดทอน สลับลาํ ดับได้ ตามความเหมาะสม
กระบวนการ
ทาํ งานของ
นกั วิทยาศาสตร์

หน่วยท่ี 2 22 25
2 1
หน่วยที่ 2 ว 2.1 ม.1/4 - สารบริสทุ ธ์ิประกอบด้วยสารเพยี งชนิดเดยี ว ส่วน จําแนกตวั อยา่ ง
สารบรสิ ุทธ์ิ เปรียบเทียบ สารผสมประกอบด้วยสารต้ังแต่ 2 ชนิดข้ึนไป สาร ระหว่างสาร
บรสิ ทุ ธ์ิและสาร
เรื่อง จุดเดือดจดุ บริสุทธ์แิ ต่ละชนดิ มีสมบตั ิบางประการที่เป็นคา่ ผสม
สารบริสุทธ์ิและ หลอมเหลว เฉพาะตัว เชน่ จุดเดือดและจดุ หลอมเหลวคงท่ี แต่

สารผสม ของสาร สารผสมมีจุดเดือดและจุดหลอมเหลวไม่คงที่ ขน้ึ อยู่
บริสทุ ธ์แิ ละ กับชนดิ และสัดสว่ นของสารที่ผสมอยดู่ ว้ ยกัน
สารผสม
โดยการวัด
อุณหภมู ิ
เขยี นกราฟ
แปล
ความหมาย
ขอ้ มลู จาก
กราฟ หรอื
สารสนเทศ

หน่วยการ มาตรฐาน/ตวั ช้ีวดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ภาระช้นิ งาน/ จํานวน นํา้ หนกั
กิจกรรม ชวั่ โมง คะแนน
เรียนรู้
ปฏบิ ตั ิกิจกรรม 2 2
หนว่ ยท่ี 2 ว 2.1 ม.1/4 - ที่ 2.1 จุดเดือด
ของสารบรสิ ทุ ธ์ิ
สารบริสุทธ์ิ เปรียบเทียบจดุ เดือด กับสารผสม
แตกตา่ งกัน
เรอ่ื ง จุดหลอมเหลวของ อยา่ งไร

สารบรสิ ุทธ์ิ สารบรสิ ทุ ธแิ์ ละสาร

และสาร ผสม โดยการวดั

ผสม อุณหภูมิ เขียนกราฟ

แปลความหมาย

ข้อมลู จากกราฟ หรือ

สารสนเทศ

หนว่ ยท่ี 2 ว 2.1 ม.1/4 ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม 2 2
การบนั ทึก 1
สารบริสทุ ธ์ิ เปรียบเทยี บจดุ เดอื ด กจิ กรรมท่ี 2.2
จดุ หลอมเหลว
เร่อื ง จุดหลอมเหลวของ ของสารบรสิ ทุ ธิ์
กับสารผสมจาก
จุด สารบรสิ ทุ ธิ์และสาร วดิ ิโอสาธติ การ
ทดลองได้
หลอมเหลว ผสม โดยการวัด

ของสาร อุณหภูมิ เขยี นกราฟ

บริสทุ ธแิ์ ละ แปลความหมาย

สารผสม ขอ้ มลู จากกราฟ หรอื

สารสนเทศ

หนว่ ยท่ี 2 ว 2.1 ม 1/5 อธิบาย • สารบริสุทธิ์แต่ละชนดิ มีความหนาแน่น คํานวณหา 2
ความหนาแนน่
สารบริสุทธิ์ เปรียบเทียบความ หรอื มวลต่อหน่ึงหน่วยปรมิ าตรคงท่ี ของวตั ถุ

เร่ือง หนาแน่นของสาร

การคาํ นวณ บริสทุ ธแ์ิ ละสารผสม

ความ

หนาแน่น

หนว่ ยการ มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรูแ้ กนกลาง ภาระชิ้นงาน/กจิ กรรม จาํ นวน นาํ้ หนกั
เรยี นรู้ คะแนน
หน่วยท่ี 2 ว 2.1 ม 1/6 ค่าเฉพาะของสารนน้ั ณ สถานะและ ชว่ั โมง
อุณหภูมิหนึง่ แตส่ ารผสมมคี วาม 2
สารบริสทุ ธิ์ ใชเ้ ครื่องมือเพื่อวัด หนาแน่นไม่คงทข่ี ้นึ อยกู่ บั ชนดิ และ ปฏิบตั ิกจิ ทดลอง 2
เร่อื ง มวลและปรมิ าตรของ สดั ส่วนของสารท่ีผสมอยู่ด้วยกัน 1
ความ สารบรสิ ทุ ธ์ิและสาร กิจกรรมที่ 2.3 ความ

หนาแนน่ ผสม หนาแน่นของสาร
ของสาร
บรสิ ุทธิ์และ บรสิ ทุ ธแ์ิ ละสารผสม
สารผสม
หน่วยท่ี 2 ว 2.1 ม 1/7 อธิบาย - สารบริสุทธิ์แบ่งออกเป็นธาตุและ จาํ แนกไดว้ า่ สิง่ ของใด 2
สารบรสิ ทุ ธิ์ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง
เร่อื ง อะตอม ธาตุและ สารประกอบ ธาตุประกอบดว้ ยอนภุ าค จดั อยู่ในสถานะ
สถานะของ สารประกอบ โดยใช้
ที่เล็กที่สดุ ท่ียังแสดงสมบัตขิ องธาตุน้ัน ของแข็ง ของเหลว
สาร แบบจําลองและ และแกส๊
สารสนเทศ เรียกวา่ อะตอม ธาตุแต่ละชนดิ

ประกอบด้วยอะตอมเพียงชนดิ เดยี ว

หนว่ ยที่ 2 ว 2.1 ม 1/7 อธบิ าย และไม่สามารถแยกสลายเป็นสารอ่ืนได้ ทดลองการจดั เรียงตวั 2 2
สารบรสิ ทุ ธ์ิ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ ง
ด้วยวิธีทางเคมี ธาตุเขียนแทนดว้ ย ของอนุภาคของสารใน
เร่อื ง อะตอม ธาตแุ ละ สญั ลกั ษณธ์ าตุ สารประกอบเกิดจาก สถานะของแข็ง
อนภุ าคของ สารประกอบ โดยใช้ อะตอมของธาตตุ ้งั แต่ 2 ชนดิ ขึ้นไป ของเหลว และแกส๊ โดย
รวมตัวกนั ทางเคมีในอัตราส่วนคงที่ มี ใชแ้ บบจาํ ลองการ
สาร แบบจําลองและ สมบตั แิ ตกตา่ งจากธาตุทเ่ี ป็น จดั เรียงอนุภาค
สารสนเทศ

องค์ประกอบ สามารถแยกเป็นธาตไุ ด้

ด้วยวิธที างเคมี ธาตุและสารประกอบ

สามารถเขียนแทนไดด้ ว้ ยสตู รเคมี

- อะตอมประกอบด้วยโปรตอน
นวิ ตรอน และอิเลก็ ตรอน โปรตอนมี
ประจไุ ฟฟ้าบวก ธาตุชนดิ เดียวกนั มี
จํานวนโปรตอนเทา่ กันและเป็นค่า
เฉพาะของธาตนุ นั้ นิวตรอนเป็นกลาง
ทางไฟฟ้า สว่ นอเิ ล็กตรอนมปี ระจุ
ไฟฟ้าลบ เม่ือ

หน่วยท่ี 2 ว 2.1 ม 1/7 อธบิ าย -สารบริสุทธิ์แบง่ ออกเป็นธาตุและ ปฏิบัตกิ จิ กรรมท่ี 2.4 2 2
สารบริสทุ ธ์ิ ความสัมพันธร์ ะหว่าง สารประกอบธาตุประกอบดว้ ยอนุภาค สารบริสทุ ธมิ์ ี
ท่ีเล็กที่สุดท่ียังแสดง สมบัตขิ องธาตนุ ้นั องค์ประกอบอะไรบา้ ง
เรอื่ ง อะตอม ธาตุและ เรยี กวา่ อะตอม ธาตแุ ตล่ ะชนดิ
การจาํ แนก สารประกอบ โดยใช้ ประกอบดว้ ยอะตอมเพียงชนดิ เดียว
สารบรสิ ทุ ธิ์ แบบจาํ ลองและ และไม่ สามารถแยกสลายเป็นสารอืน่

สารสนเทศ

หนว่ ยที่ 2 ว 2.1 ม 1/7 อธิบาย ไดด้ ว้ ยวธิ ีทางเคมีธาตเุ ขยี นแทนด้วย สามารถทอ่ งธาตุ 20 2 3
สารบรสิ ทุ ธิ์ ความสัมพันธ์ระหวา่ ง สญั ลักษณ์ธาตุ สารประกอบ เกิดจาก ธาตแุ รก
อะตอมของธาตุตง้ั แต่ 2 ชนิดข้ึนไป
เร่อื ง อะตอม ธาตุและ รวมตวั กนั ทางเคมีในอตั ราส่วนคงทีม่ ี
ธาตุและสาร สารประกอบ โดยใช้ สมบตั แิ ตกต่างจากธาตุทเ่ี ป็น
องคป์ ระกอบสามารถแยกเปน็ ธาตุได้
ประ แบบจาํ ลองและ ด้วยวิธที างเคมีธาตุและ สารประกอบ
กอบ สารสนเทศ สามารถเขยี นแทนไดด้ ว้ ยสูตรเคมี
- สารบริสุทธทิ์ ี่มอี งค์ประกอบมากกวา่
1 ชนดิ ในอตั ราส่วนคงที่ เป็น
สารประกอบ
- สารบริสทุ ธ์ทิ ี่มีองค์ประกอบเพียง 1
ชนิด เปน็ ธาตุ

หน่วยการ มาตรฐาน/ตัวชี้วดั สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ภาระช้นิ งาน/ จํานวน นํ้าหนัก

เรยี นรู้ กจิ กรรม ช่วั โมง คะแนน

หนว่ ยที่ 2 ว 2.1 ม.1/8 อธบิ าย • อะตอมประกอบดว้ ยโปรตอน นวิ ตรอน และ นาํ เสนอผลงาน 2 2

สารบรสิ ทุ ธ์ิ โครงสรา้ งอะตอมท่ี อิเลก็ ตรอน โปรตอนมปี ระจุไฟฟา้ บวก ธาตุชนิด การศกึ ษา
แบบจาํ ลอง
เรื่อง ประกอบดว้ ยโปรตอน เดยี วกันมจี ํานวนโปรตอนเทา่ กนั และเปน็ อะตอมใน
กจิ กรรมท่ี 2.5
ธาตแุ ละ นิวตรอน และ คา่ เฉพาะของธาตนุ ัน้ นิวตรอนเปน็ กลางทาง โครงสรา้ ง
สารประกอบ อเิ ล็กตรอน โดยใช้ ไฟฟา้ ส่วนอิเล็กตรอนมปี ระจไุ ฟฟา้ ลบ เม่ือ อะตอมเปน็
อะตอมมีจาํ นวนโปรตอนเท่ากบั จาํ นวน อย่างไร
แบบจําลอง

อเิ ล็กตรอนจะเป็นกลางทางไฟฟ้า โปรตอนและ

นวิ ตรอน

รวมกนั ตรงกลางอะตอมเรยี กวา่ นิวเคลยี สส่วน

อิเล็กตรอนเคลอ่ื นที่อยู่ในทว่ี า่ งรอบนิวเคลยี ส

ว 2.1 ม 1/9 • สสารทกุ ชนดิ ประกอบดว้ ยอนุภาค โดยสาร
ชนดิ เดียวกนั ทม่ี ีสถานะของแข็ง ของเหลว แก๊ส
จะมีการจดั เรียงอนภุ าค แรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ ง
อนุภาค การเคลื่อนทข่ี องอนภุ าคแตกต่างกัน
ซ่งึ มีผลต่อรูปรา่ งและปริมาตรของสสาร
• อนภุ าคของของแข็งเรียงชิดกนั มีแรงยดึ เหน่ยี ว
ระหว่างอนุภาคมากท่ีสุด อนุภาคสัน่ อยกู่ ับทท่ี ํา
ให้มรี ปู รา่ งและปริมาตรคงที่
• อนภุ าคของของเหลวอยใู่ กลก้ ัน มีแรงยึด
เหน่ียวระหว่างอนภุ าคน้อยกวา่ ของแข็งแต่
มากกวา่ แกส๊ อนุภาคเคล่ือนท่ีได้แต่ไมเ่ ปน็ อิสระ
เทา่ แก๊ส

ทาํ ใหม้ รี ูปรา่ งไม่คงท่ี แต่ปรมิ าตรคงที่
• อนภุ าคของแก๊สอยหู่ ่างกันมาก มีแรงยึดเหนยี่ ว
ระหว่างอนภุ าคน้อยทส่ี ดุ อนุภาคเคล่ือนท่ีได้
อย่างอิสระทุก

หนว่ ยการ มาตรฐาน/ตัวชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ภาระช้นิ งาน/ จํานวน นํ้าหนกั
เรียนรู้ กจิ กรรม ชวั่ โมง คะแนน
ว 2.1 ม 1/10 • ความร้อนมผี ลต่อการเปล่ียนสถานะของสสารเม่อื ให้
ความร้อนแก่ของแขง็ อนภุ าคของของแขง็ จะมพี ลังงาน
และอุณหภูมิเพมิ่ ขึ้นจนถึงระดับหนึ่ง
ซึ่งของแขง็ จะใช้ความรอ้ นในการเปล่ียนสถานะเปน็
ของเหลว เรียกความร้อนที่ใชใ้ นการเปลย่ี นสถานะจาก
ของแข็งเป็นของเหลวว่า ความรอ้ นแฝง
ของการหลอมเหลว และอุณหภูมิขณะ
เปลย่ี นสถานะจะคงท่ี เรยี กอณุ หภมู ินี้ว่าจดุ หลอมเหลว

• เม่อื ใหค้ วามรอ้ นแก่ของเหลว อนุภาคของของเหลวจะ
มพี ลงั งานและอณุ หภูมเิ พ่ิมขน้ึ จนถงึ ระดับหนึ่งซ่งึ
ของเหลวจะใช้ความรอ้ นในการเปลย่ี นสถานะ
เปน็ แก๊ส เรยี กความรอ้ นทใ่ี ช้ในการเปลย่ี นสถานะจาก
ของเหลวเป็นแก๊สว่า

ความรอ้ นแฝงของการกลายเป็นไอ และอุณหภูมิขณะ
เปลีย่ นสถานะ
จะคงที่ เรยี กอุณหภมู ิน้ีวา่ จุดเดือด

หนว่ ยการ มาตรฐาน/ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ภาระชน้ิ งาน/ จาํ นวน น้ําหนกั

เรยี นรู้ กจิ กรรม ชวั่ โมง คะแนน

หนว่ ยท่ี 2 ว 2.1 ม.1/1 อธบิ าย • ธาตุแต่ละชนดิ มสี มบัติเฉพาะตัวและ - จาํ แนกสมบตั ิ 2 2

สารบริสทุ ธ์ิ สมบตั ิทางกายภาพ มีสมบตั ิทางกายภาพบางประการเหมอื นกันและ ทางกายภาพ
เรอื่ ง บางประการของธาตุ บางประการต่างกนั ซ่ึงสามารถนํามาจดั กล่มุ ธาตุ บางประการ
โลหะ อโลหะ และก่ึง ของธาตุโลหะ
การจําแนก
ธาตุและการ โลหะ โดยใช้หลักฐาน เป็นโลหะ อโลหะ และก่ึงโลหะ ธาตุโลหะมี อโลหะ และกึ่ง

ใช้ประโยชน์ เชิงประจักษท์ ่ีได้จาก จดุ เดือด จุดหลอมเหลวสูง มีผิวมันวาว นําความ โลหะ ผา่ น
การสังเกตและการ
ทดสอบ และการใช้ รอ้ น นําไฟฟา้ ดงึ เปน็ เสน้ หรือตีเป็นแผ่นบาง ๆ กจิ กรรมที่ 2.6 - 5
สารสนเทศที่ไดจ้ าก
แหลง่ ขอ้ มูลต่างๆ ได้ และมีความหนาแนน่ ท้ังสงู และต่าํ ธาตุอโลหะ เราสามารถ
รวมท้งั จดั กล่มุ ธาตุ จาํ แนกธาตไุ ด้
เปน็ โลหะ อโลหะ มจี ดุ เดือด จุดหลอมเหลวต่ํา
และกึ่งโลหะ อยา่ งไร
มผี วิ ไมม่ ันวาวไมน่ าํ ความรอ้ น ไม่นําไฟฟ้า เปราะ

แตกหกั ง่ายและมีความหนาแน่นต่ํา ธาตกุ ง่ึ โลหะ - สอบเก็บ
มีสมบัติ คะแนน สอบ

บางประการเหมอื นโลหะ และสมบตั ิบาง นอกเวลา

ประการเหมือนอโลหะ

หน่วยการ มาตรฐาน/ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ภาระชน้ิ งาน/ จํานวน นา้ํ หนกั
กจิ กรรม ชว่ั โมง คะแนน
เรยี นรู้

หน่วยที่ 2 ว 2.1 ม.1/2 • ธาตโุ ลหะ อโลหะ และก่ึงโลหะ ท่ีสามารถแผ่

สารบริสทุ ธ์ิ วิเคราะห์ผลจากการ รังสไี ด้จดั เป็นธาตุกมั มนั ตรงั สี

เรอ่ื ง ใช้ธาตโุ ลหะ อโลหะ

การจําแนก กึ่งโลหะ และธาตุกรัม

ธาตุและการ มันตรังสี ทม่ี ีต่อ

ใชป้ ระโยชน์ ส่งิ มชี วี ติ ส่งิ แวดล้อม

(ตอ่ ) เศรษฐกจิ และสงั คม

จากข้อมูลที่รวบรวม

ได้

ว 2.1 ม.1/3 • ธาตมุ ที ้ังประโยชนแ์ ละโทษ การใชธ้ าตุโลหะ
ตระหนักถึงคุณคา่ อโลหะ กึ่งโลหะ ธาตกุ ัมมนั ตรังสี ควรคาํ นงึ ถึง
ของการใชธ้ าตุโลหะ ผลกระทบตอ่ สงิ่ มีชีวติ สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ
อโลหะ กง่ึ โลหะ ธาตุ และสงั คม
กัมมนั ตรังสี โดย

เสนอแนวทางการใช้

ธาตอุ ย่างปลอดภยั

คุ้มคา่

สอบกลางภาคเรียนที่ 1 - 20

หน่วยการ มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด สาระการเรียนรแู้ กนกลาง ภาระชน้ิ งาน/ จํานวน นา้ํ หนกั

เรยี นรู้ กจิ กรรม ช่วั โมง คะแนน

หน่วยท่ี 3 12 15

หน่วยที่ 3 ว 1.2 ม 1/1 ใช้กล้อง • เซลล์เปน็ หนว่ ยพน้ื ฐานของส่งิ มีชีวติ สิ่งมีชีวติ ชีส้ ว่ นประกอบ 2 1

หน่วย จุลทรรศนใ์ ชแ้ สง บางชนิดมีเซลล์เพียงเซลล์เดียว เช่น อะมบี า ของกล้อง
พ้นื ฐานของ ศึกษาเซลลแ์ ละ พารามเี ซียม ยสี ต์ บางชนิดมหี ลายเซลล์ เชน่ จุลทรรศน์
ส่ิงมชี วี ติ โครงสร้างตา่ ง ๆ พืช สัตว์
เรื่อง ภายในเซลล์

กลอ้ ง

จลุ ทรรศน์

หนว่ ยท่ี 3 ว 1.2 ม 1/1 ใชก้ ล้อง • โครงสร้างพน้ื ฐานที่พบทง้ั ในเซลลพ์ ชื และเซลล์ ใชก้ ล้อง 21

หน่วย จลุ ทรรศน์ใชแ้ สง สัตว์และสามารถสงั เกตไดด้ ้วยกลอ้ งจุลทรรศน์ใช้ จลุ ทรรศน์ใน
พ้ืนฐานของ ศึกษาเซลลแ์ ละ
สิ่งมชี ีวิต โครงสรา้ งต่าง ๆ แสง การศึกษา
ได้แก่ เย่ือหมุ้ เซลล์ ไซโทพลาซมึ และนวิ เคลียส สงิ่ มีชวี ิตได้
เร่อื ง ภายในเซลล์ โครงสรา้ งทพี่ บในเซลล์พืชแตไ่ มพ่ บในเซลลส์ ัตว์ อย่างถกู วธิ ีจาก
การศกึ ษา กิจกรรมเสรมิ
สง่ิ มชี วี ติ ดว้ ย ได้แก่ ผนงั เซลล์และคลอโรพลาสต์ เรอื่ งการศกึ ษา

กลอ้ ง • โครงสร้างต่าง ๆ ของเซลลม์ ีหน้าท่ีแตกต่างกัน ส่ิงมชี ีวติ ดว้ ย

จลุ ทรรศน์ - ผนงั เซลล์ ทําหน้าท่ีให้ความแข็งแรงแก่เซลล์ กลอ้ งจุลทรรศน์

- เยื่อห้มุ เซลล์ ทําหน้าที่ห่อหมุ้ เซลล์และควบคมุ

การลาํ เลยี งสารเข้าและออกจากเซลล์

- นวิ เคลยี ส ทําหน้าทีค่ วบคมุ การทํางานของ

เซลล์

- ไซโทพลาซึม มอี อรแ์ กเนลล์ทที่ ําหนา้ ท่แี ตกต่าง

กัน

หนว่ ยการ มาตรฐาน/ตัวช้ีวัด สาระการเรียนร้แู กนกลาง ภาระชิ้นงาน/ จาํ นวน นาํ้ หนกั

เรียนรู้ กิจกรรม ช่ัวโมง คะแนน

หน่วยท่ี 3 ว 1.2 ม 1/1 ใช้ • เซลลเ์ ปน็ หนว่ ยพื้นฐานของสิง่ มีชีวิต ใชก้ ล้องจลุ ทรรศนใ์ น 2 2

หนว่ ย กล้องจลุ ทรรศนใ์ ช้ สง่ิ มชี วี ติ บางชนดิ มเี ซลลเ์ พียงเซลลเ์ ดยี ว การศึกษาสงิ่ มีชวี ติ ได้
พ้ืนฐาน แสงศึกษาเซลล์และ เชน่ อะมบี า พารามีเซียม ยีสต์ บางชนิดมี อยา่ งถกู วธิ ี จาก
ของ โครงสร้างต่าง ๆ กิจกรรมที่ 3.1 โลกใต้
สิง่ มีชีวิต ภายในเซลล์ หลายเซลล์ เชน่ กลอ้ งจุลทรรศนเ์ ปน็
เรอ่ื ง พชื สตั ว์ อย่างไร

โลกใต้

กล้อง

จุลทรรศน์

หนว่ ยที่ 3 ว 1.2 ม.1/2 • โครงสร้างพื้นฐานที่พบทงั้ ในเซลล์พืช เขยี นความแตกต่าง 2 1

หน่วย เปรยี บเทยี บรูปร่าง และเซลล์สตั ว์และสามารถสังเกตได้ด้วย ระหว่างระหว่างเซลล์

พ้ืนฐาน ของเซลล์พืชและ กลอ้ งจลุ ทรรศนใ์ ช้แสง พืชและเซลล์สตั วไ์ ด้
ของ เซลลส์ ัตว์ รวมทัง้ ไดแ้ ก่ เยอื่ หมุ้ เซลล์ ไซโทพลาซึม และ ผ่านกิจกรรมที่ 3.2
สิ่งมีชีวิต บรรยายหน้าทขี่ อง นวิ เคลียส โครงสรา้ งที่พบในเซลล์พืชแต่ไม่ เซลลพ์ ชื และเซลล์
เรอื่ ง ผนังเซลล์ เยือ่ หุ้ม พบในเซลล์สัตว์ ไดแ้ ก่ ผนงั เซลลแ์ ละคลอ สัตว์แตกต่างกัน
เซลลพ์ ืช เซลล์ ไซโทพลาซึม อยา่ งไร
และเซลล์ นิวเคลยี ส แวคิวโอล โรพลาสต์

สตั ว์ ไมโทคอนเดรีย และ • โครงสร้างตา่ ง ๆ ของเซลลม์ ีหนา้ ที่

คลอโรพลาสต์ แตกต่างกัน

- ผนงั เซลล์ ทาํ หน้าท่ีให้ความแข็งแรงแก่

เซลล์

- เยื่อหุม้ เซลล์ ทาํ หน้าที่หอ่ ห้มุ เซลล์และ

ควบคุม

การลาํ เลยี งสารเข้าและออกจากเซลล์

- นวิ เคลยี ส ทําหนา้ ที่ควบคุมการทํางาน

ของเซลล์

- ไซโทพลาซมึ มีออรแ์ กเนลล์ที่ทําหน้าที่

แตกตา่ งกนั

- แวควิ โอล ทาํ หนา้ ทเี่ ก็บนํา้ และสาร

ต่าง ๆ

- ไมโทคอนเดรยี ทําหนา้ ที่เกย่ี วกบั การ

สลายสารอาหารเพือ่ ให้ได้พลังงานแก่เซลล์

- คลอโรพลาสต์ เปน็ แหลง่ ที่เกดิ การ

สังเคราะหด์ ้วยแสง

หนว่ ยการ มาตรฐาน/ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ภาระช้ินงาน/ จาํ นวน น้ําหนัก

เรยี นรู้ กจิ กรรม ชวั่ โมง คะแนน

หน่วยท่ี 3 ว 1.2 ม.1/3 • เซลล์ของส่งิ มีชีวิตมรี ูปรา่ ง ลกั ษณะ ที่ สามารถสร้าง 23

หนว่ ย อธบิ าย หลากหลายและมคี วามเหมาะสมกับหน้าที่ แบบจาํ ลองเซลล์

พืน้ ฐาน ความสมั พันธ์ ของเซลล์นน้ั เช่น

ของ ระหวา่ งรูปร่างกับ เซลล์ประสาทส่วนใหญ่ มีเสน้ ใยประสาท

ส่ิงมีชวี ติ การทาํ หนา้ ท่ีของ เปน็ แขนงยาว นาํ กระแสประสาทไปยัง

เร่ือง เซลล์ เซลลอ์ น่ื ๆ ท่ี

โครงสรา้ ง อยูไ่ กลออกไป เซลลข์ นราก เป็นเซลลผ์ วิ

และหนา้ ท่ี ของรากทม่ี ผี นังเซลล์และเย่อื หุ้มเซลลย์ ่ืน

ของเซลล์ ยาวออกมาลกั ษณะคล้ายขนเส้นเลก็ ๆ

เพอื่ เพ่ิมพ้นื ทผ่ี วิ ใน

การดดู นา้ํ และธาตอุ าหาร

เร่อื ง ว 1.2 ม 1/4 • พชื และสัตวเ์ ปน็ ส่ิงมีชวี ติ หลายเซลลม์ ี วาดภาพพชื และสัตว์

การแพร่ อธิบายการ การจัดระบบ โดยเรม่ิ จากเซลลไ์ ปเป็น
จดั ระบบของ เน้อื เย่ือ อวยั วะ ระบบอวัยวะ และ
สิ่งมีชีวติ โดยเริ่ม สง่ิ มีชวี ิตตามลาํ ดับ เซลลห์ ลาย
จาก เซลลเ์ น้ือเยอ่ื เซลล์มารวมกันเปน็ เนอื้ เย่อื เนือ้ เยื่อหลาย
อวยั วะ ระบบ ชนดิ มา รวมกนั และทาํ งานรว่ มกนั เป็น
อวยั วะ อวัยวะ อวยั วะต่าง ๆ
ทํางานรว่ มกันเป็นระบบอวัยวะ ระบบ

เป็น ส่ิงมีชีวติ อวัยวะทกุ ระบบทาํ งานรว่ มกนั เป็น

สง่ิ มชี ีวติ

หน่วยการ มาตรฐาน/ตวั ชี้วดั สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ภาระช้นิ งาน/ จํานวน น้ําหนกั
กจิ กรรม ชั่วโมง คะแนน
เรยี นรู้
1
หนว่ ยที่ 3 ว 1.2 ม 1/5 ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมท่ี 3.3 1
หนว่ ย อนุภาคของสารมกี าร
พน้ื ฐาน อธบิ ายกระบวนการ • เซลลม์ กี ารนาํ สารเข้าสูเ่ ซลล์ เพ่ือใชใ้ น เคลื่อนทอ่ี ย่างไร
ของ แพร่และออสโมซสิ กระบวนการตา่ ง ๆ ของเซลล์ และมีการ
สิ่งมีชวี ติ จากหลกั ฐานเชิง ขจดั สารบางอย่างท่ีเซลลไ์ มต่ ้องการออก
เร่ือง ประจกั ษ์และ
การแพร่ นอกเซลล์ การนําสารเข้าและออกจาก
ยกตวั อยา่ งการแพร่ เซลล์มหี ลายวิธี เช่น การแพร่
และออสโมซสิ ใน เปน็ การเคล่อื นทีข่ องสารจากบรเิ วณทีม่ ี
ชีวติ ประจาํ วนั ความเข้มขน้ ของสารสูงไปสู่บรเิ วณทม่ี ี

ความเขม้ ขน้ ของสารต่ํา สว่ นออสโมซสิ

เป็นการแพร่ของนํ้าผา่ นเย่ือหุม้ เซลล์ จาก

ด้านทมี่ ีความเขม้ ข้นของ

สารละลายตํ่าไปยงั ดา้ นทมี่ ีความเข้มข้น

ของสารละลายสงู กว่า

หน่วยการ มาตรฐาน/ตวั ช้ีวดั สาระการเรยี นรูแ้ กนกลาง ภาระชิน้ งาน/ จาํ นวน นา้ํ หนัก

เรยี นรู้ กจิ กรรม ชัว่ โมง คะแนน

หน่วยที่ 3 ว 1.2 ม 1/5 ออสโมซิส (osmosis) เป็นกระบวนการแพรโ่ มเลกุล - ปฏบิ ตั ิ 1 1
หน่วย อธบิ าย ของเหลวหรอื นํา้ ผา่ นเย่ือเลอื กผา่ นจากบริเวณทม่ี ี กจิ กรรมท่ี 3.4 - 5
พื้นฐานของ กระบวนการแพร่ ความเข้มขน้ ของนา้ํ มาก (สารละลายความเข้มขน้ ตาํ่ ) นํา้ เคล่อื นที่ผ่าน
สง่ิ มีชวี ติ และออสโมซสิ จาก ไปยังบริเวณท่มี ีความเขม้ ข้นของนาํ้ น้อย (สารละลาย เยอ่ื เลอื กผ่านได้
เร่อื ง ความเข้มข้นสูง) กระจายจนกว่าโมเลกลุ ของนํา้ จะ อยา่ งไร
การออส หลักฐานเชิง - สอบเก็บ
โมซิส คะแนนนอก
ประจักษแ์ ละ เทา่ กนั เปน็ กระบวนการทางกายภาพทตี่ ัวทําละลาย เวลาเรียน
ยกตัวอยา่ งการ จะเคลื่อนท่โี ดยอาศยั พลงั งานความร้อน ผา่ นเย่ือ
แพรแ่ ละออสโมซสิ เลอื กผา่ น

ในชีวติ ประจําวนั

หน่วยท่ี 4 ว 1.2 ม 1/11 อธบิ าย หนว่ ยที่ 4 เขียนความแตกตา่ ง 20 15
หน่วยการ การสืบพันธุแ์ บบอาศยั ระหวา่ งการสบื พันธ์ุ 2 1
ดํารงชีวิตของ เพศ และไมอ่ าศยั เพศ • พชื ดอกทุกชนิดสามารถสบื พนั ธุ์แบบอาศัยเพศได้ แบบอาศยั เพศในพชื
ของพืชดอก และบางชนิดสามารถสบื พันธแ์ุ บบไม่อาศยั เพศได้ ดอกกบั การสืบพนั ธุ์ 2 1
พืช แบบไมอ่ าศยั เพศใน
เรอ่ื ง ว 1.2 ม 1/12 อธบิ าย • การสบื พันธแุ์ บบอาศยั เพศเป็นการสืบพนั ธุ์ทีม่ ี พชื ดอก 2 2
การสืบพันธ์ุ ลกั ษณะโครงสร้างของ การผสมกนั ของสเปริ ์มกับเซลล์ไข่ การสบื พนั ธ์ุ
แบบอาศยั ไม่ ดอกทีม่ สี ่วนทําให้เกิด แบบอาศัยเพศของพืชดอกเกิดขึ้นที่ดอก โดย - ปฏิบตั ิกจิ กรรมท่ี 4.1
เพศในพชื ดอก การถา่ ยเรณูรวมทง้ั ภายใน การถ่ายเรณเู กดิ ข้ึนได้
และการ บรรยายการปฏิสนธิของ อบั เรณูของส่วนเกสรเพศผูม้ ีเรณู ซงึ่ ทําหน้าท่ีสรา้ ง อยา่ งไร
สืบพนั ธุ์แบบ พชื ดอก การเกิดผลและ สเปริ ม์ ภายในออวุลของส่วนเกสรเพศเมยี มีถุง
อาศัยเพศใน เมลด็ การกระจายเมลด็ เอ็มบริโอ ทําหน้าที่สรา้ งเซลลไ์ ข่ -ปฏบิ ัติกจิ กรรมที่ 4.2
พชื ดอก และการงอกของเมลด็ • การสืบพันธแุ์ บบไมอ่ าศัยเพศ เปน็ การสืบพนั ธทุ์ ่ี เมลด็ งอกไดอ้ ย่างไร
พชื ตน้ ใหม่ไมไ่ ดเ้ กิดจากการปฏิสนธิระหว่างสเปิร์ม
เรอ่ื ง กับเซลล์ไข่ แต่เกดิ จากสว่ นต่าง ๆ ของพืช เช่น ราก
เมล็ดงอกได้ ลําตน้ ใบ มกี ารเจรญิ เติบโตและพฒั นาขึ้นมาเปน็
ต้นใหมไ่ ด้
อยา่ งไร

หนว่ ยการ มาตรฐาน/ตัวชี้วดั สาระการเรยี นร้แู กนกลาง ภาระชิ้นงาน/ จํานวน นํ้าหนกั
เรียนรู้ ช่วั โมง คะแนน
ว 1.2 ม 1/13 กิจกรรม
ตระหนกั ถงึ ความสําคญั ของ
สัตวท์ ชี่ ่วยในการ ถา่ ยเรณู • การถา่ ยเรณู คือ การเคลื่อนยา้ ย ปฏบิ ัติกจิ กรรมที่
ของพชื ดอก โดยการไม่ ของเรณูจากอับเรณูไปยังยอดเกสร 4.1 การถา่ ยเรณู
ทาํ ลายชวี ติ ของสัตว์ท่ีชว่ ย เพศเมีย ซ่ึงเกี่ยวข้องกบั ลกั ษณะ เกดิ ข้ึนไดอ้ ย่างไร
ในการถา่ ยเรณู
และโครงสรา้ งของดอก เชน่ สีของ

กลีบดอก ตําแหนง่ ของเกสรเพศผู้

และเกสรเพศ

เมีย โดยมีสิง่ ที่ชว่ ยในการถ่ายเรณู

เชน่ แมลง ลม

• การถา่ ยเรณูจะนาํ ไปสกู่ ารปฏิสนธิ

ซึง่ จะเกิดขึ้นท่ี ถุงเอม็ บรโิ อภายใน

ออวุล หลงั การปฏสิ นธจิ ะได้ ไซโกต

และเอนโดสเปิร์ม ไซโกตจะพฒั นา

ต่อไปเปน็ เอ็มบริโอ ออวุลพฒั นาไป

เป็นเมลด็ และรงั ไข่ พัฒนาไปเปน็

ผล

• ผลและเมล็ดมกี ารกระจายออก

จากต้นเดมิ โดยวิธกี ารต่าง ๆ เมอ่ื

เมลด็ ไปตกในสภาพแวดล้อมที่

เหมาะสมจะเกดิ การงอกของเมล็ด

โดยเอ็มบริโอ

ภายในเมล็ดจะเจรญิ ออกมา โดย

ระยะแรกจะอาศยั อาหารที่สะสม

ภายในเมลด็ จนกระทง่ั ใบแท้พฒั นา

จนสามารถสงั เคราะห์ด้วยแสงได้

เตม็ ท่ี และสร้างอาหารไดเ้ อง

ตามปกติ

หนว่ ยการ มาตรฐาน/ตวั ชี้วดั สาระการเรียนรู้แกนกลาง ภาระช้ินงาน/ จาํ นวน นา้ํ หนกั
เรียนรู้ คะแนน
ว 1.2 ม 1/16 เลอื กวิธีการ • มนษุ ย์สามารถนาํ ความร้เู รอ่ื งการ กจิ กรรม ช่ัวโมง
หน่วยท่ี 4 ขยายพนั ธพุ์ ืชใหเ้ หมาะสม 1
หนว่ ยการ กบั ความต้องการของมนษุ ย์ สืบพนั ธ์แุ บบอาศัยเพศและไม่อาศัย สามารถ 2
ดํารงชีวิต โดยใชค้ วามรเู้ กยี่ วกับการ เพศ มาใช้ในการขยายพนั ธ์ุเพือ่ เพมิ่
ของพชื สืบพันธ์ุของพชื จํานวนพืช เชน่ การใช้เมล็ด ขยายพันธุพ์ ืช

เรื่อง ว 1.2 ม 1/17 อธบิ าย • เทคโนโลยกี ารเพาะเลย้ี ง ตัวอยา่ งได้อยา่ ง
การ ความสําคญั ของเทคโนโลยี
ขยายพันธ์ุ การเพาะเล้ยี งเนอ้ื เย่อื พืชใน เนอ้ื เยอ่ื พืช เป็นการนําความรู้ ถกู วิธี
พืช การใชป้ ระโยชนด์ ้านต่าง ๆ เก่ยี วกับปจั จัยที่จําเป็นตอ่ การ
เจรญิ เตบิ โตของพชื มาใชใ้ นการเพ่ิม ปฏิบัตกิ ิจกรรม
จํานวนพืช และทําให้พืช
สามารถเจริญเติบโตได้ในหลอด ที่ 4.4 ปจั จยั ใน
ทดลอง ซึ่งจะไดพ้ ชื จาํ นวนมากใน
ระยะเวลาสนั้ และสามารถนํา การสร้างอาหาร
เทคโนโลยีการเพาะเลีย้ งเน้อื เยอื่ มา
ประยุกต์เพือ่ การอนรุ กั ษ์พนั ธุกรรม ของพชื มี
พืช ปรบั ปรงุ พนั ธ์พุ ชื ที่มี
ความสาํ คัญทางเศรษฐกิจ การผลิต อะไรบา้ ง
ยาและสารสําคัญในพืช และอืน่ ๆ
ปฏิบตั กิ จิ กรรม

ที่ 4.5 การ

สังเคราะหด์ ้วย

แสงไดผ้ ลผลิตใด

อีกบ้าง

หนว่ ยการ มาตรฐาน/ตัวชี้วัด สาระการเรียนรู้แกนกลาง ภาระชิน้ งาน/ จาํ นวน นาํ้ หนัก
เรยี นรู้ กจิ กรรม ช่วั โมง คะแนน
ว 1.2 ม 1/18 การสืบพนั ธุแ์ บบอาศัยเพศมา
เพาะเลีย้ ง ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมที่
ตระหนกั ถึงประโยชน์ วธิ กี ารน้จี ะไดพ้ ชื ในปริมาณมาก แต่ 4.4 ปจั จยั ในการ
ของการขยายพนั ธพุ์ ืช อาจมีลักษณะทแ่ี ตกต่างไปจากพอ่ แม่ สรา้ งอาหารของ
โดยการนาความรูไ้ ปใช้ สว่ นการตอนกิง่ การปักชํา การตอ่ ก่งิ พืชมอี ะไรบ้าง
ในชีวติ ประจาวนั การติดตา การทาบกิง่ การเพาะเลย้ี ง
เน้ือเยื่อ เป็นการนําความรู้เรื่องการ
สบื พันธ์แุ บบไม่อาศยั เพศของพชื มาใช้
ในการขยายพันธุ์เพอื่ ใหไ้ ดพ้ ชื ที่มี
ลักษณะเหมือนตน้ เดิม ซึ่งการ
ขยายพันธุ์แตล่ ะวิธี มีขั้นตอนแตกตา่ ง
กัน จึงควรเลอื กใหเ้ หมาะสมกับความ
ต้องการของมนษุ ย์ โดยต้องคาํ นงึ ถงึ
ชนดิ ของพชื และลกั ษณะการสบื พันธ์ุ
ของพืช

หน่วยการ มาตรฐาน/ สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ภาระช้นิ งาน/กิจกรรม จาํ นวน น้ําหนัก
เรยี นรู้ ตวั ชวี้ ัด ชั่วโมง คะแนน
หนว่ ยท่ี 4 ว 1.2 • กระบวนการสังเคราะหด์ ว้ ยแสงของพชื ท่ี ปฏิบตั ิกิจกรรมที่ 4.4 ปัจจัย
หนว่ ยการ ม 1/6 เกดิ ข้นึ ในคลอโรพลาสต์ จาํ เปน็ ตอ้ งใชแ้ สง ในการสรา้ งอาหารของพชื มี 2 1
ดาํ รงชีวิตของ แก๊สคารบ์ อนไดออกไซด์ อะไรบา้ ง
พชื ระบปุ ัจจัยท่ี คลอโรฟลิ ล์ และน้ํา ผลผลติ ท่ีได้จาก 4
เรื่อง จาํ เปน็ ในการ การสังเคราะห์ด้วยแสง ได้แก่ น้ําตาลและ
ปัจจยั ท่ีจาํ เป็น สงั เคราะห์ แก๊สออกซิเจน
ในการ ดว้ ยแสง และ
สงั เคราะห์ดว้ ย ผลผลติ ที่
แสง เกดิ ขึ้นจาก
การสังเคราะ
ด้วยแสง โดย
ใชห้ ลกั ฐาน
เชงิ ประจกั ษ์

เรื่อง ว 1.2 ม 1/7 • การสังเคราะห์ดว้ ยแสง เปน็ กระบวนการที่ ปฏบิ ัติกิจกรรมท่ี 4.5 การ 4
ผลผลติ ท่ีได้ สาํ คัญ สงั เคราะหด์ ว้ ยแสงได้ผลผลิต
จากการ อธบิ าย ตอ่ ส่งิ มชี ีวิต ใดอีกบ้าง
สังเคราะห์แสง ความสาํ คญั
การสงั เคราะห์ ของการ
ด้วยแสง สงั เคราะห์
ด้วยแสง ของ
พชื ตอ่
ส่งิ มชี ีวิตและ
สง่ิ แวดล้อม

หนว่ ยการ มาตรฐาน/ตัวช้ีวัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ภาระช้ินงาน/ จํานวน นาํ้ หนกั
เรียนรู้ กิจกรรม ช่วั โมง คะแนน
ว 1.2 ม.1/14 อธิบาย • พชื ต้องการธาตุอาหารท่ีจําเป็น
หนว่ ยที่ 4 ความสําคัญของธาตุอาหาร หลายชนดิ ในการเจรญิ เตบิ โตและ ปฏิบตั ิกิจกรรม 2 1
หนว่ ยการ บางชนิดทม่ี ีผลต่อการ การดํารงชีวติ ท่ี 4.6 ธาตุ
ดาํ รงชีวิต เจริญเตบิ โต และการ
ของพืช ดํารงชีวติ ของพืช • พืชต้องการธาตุอาหารบางชนดิ ใน อาหารพชื สําคัญ
ปริมาณมาก ไดแ้ ก่ไนโตรเจน อย่างไร
เร่อื ง ว 1.2 ม.1/15 เลือกใชป้ ยุ๋ ที่ ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แคลเซียม
มธี าตุอาหารเหมาะสมกบั แมกนเี ซยี ม และกาํ มะถัน ซึ่งในดิน
ธาตุ พืชใน สถานการณ์ที่กําหนด อาจมีไมเ่ พยี งพอสําหรับการ
อาหาร เจรญิ เตบิ โตของพชื จงึ ต้องมกี ารให้
ของพืช ธาตุอาหารในรูปของปุ๋ยกบั พืชอย่าง
เหมาะสม

หนว่ ยการ มาตรฐาน/ตวั ช้ีวัด สาระการเรยี นรู้แกนกลาง ภาระชน้ิ งาน/ จํานวน นํ้าหนัก
กจิ กรรม ชั่วโมง คะแนน
เรยี นรู้ • พชื มีไซเล็มและโฟลเอ็ม ซ่ึงเปน็
เนอื้ เยอ่ื มลี กั ษณะคล้ายท่อ เรยี งตัว ปฏบิ ตั กิ จิ กรรม 2 2
หนว่ ยท่ี 4 ว 1.2 ม.1/9 บรรยาย กนั เป็นกลมุ่ เฉพาะท่ีโดยไซเล็มทาํ ที่ 4.7 พืช
หนา้ ทลี่ ําเลยี งน้ําและธาตุอาหารมี
หนว่ ยการ ลักษณะและหน้าทีข่ อง ทิศทางลําเลียงจากรากไปสู่ลาํ ตน้ ลาํ เลยี งน้ําและ
ดํารงชีวติ ใบ และส่วนตา่ ง ๆ ของพืช เพ่อื ใช้ ธาตุอาหาร
ของพืช ไซเลม็ และ โฟลเอม็ ในการสงั เคราะหด์ ้วยแสงรวมถึง อย่างไร
กระบวนการอน่ื ๆ สว่ นโฟลเอ็มทํา
เรื่อง หนา้ ที่ลําเลียงอาหารที่ได้จากการ
สงั เคราะหด์ ้วยแสงมที ิศทางลําเลียง
การ จากบรเิ วณที่มีการสังเคราะห์ด้วย
แสงไปส่สู ่วนตา่ ง ๆ ของพชื
ลาํ เลียงนาํ้

ของพืช

เร่ือง ว 1.2 ม.1/10 เขียน ทิศทางลําเลียงจากบรเิ วณท่ีมกี าร เขียนการ 2 2
การ แผนภาพท่บี รรยายทิศทาง สงั เคราะห์ด้วยแสงไปส่สู ่วนต่าง ๆ ลําเลียงน้ําและ
ลําเลียงน้ํา การลําเลียงสารในไซเล็ม ของพืช อาหารของพืช
ของพืช และโฟลเอ็ม ของพืช

3.หน่วยการเรียนรู้และ จุดประสงค์การเรียนรู้

สัปดาห์ที่ ช่ัวโมง หนว่ ยการเรียนรู้/เน้อื หา จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ มาตรฐ ภาระชิ้นงาน/

ท่ี าน/ กิจกรรม

ตวั ชี้วัด

1 1-2 หน่วยที่ 1 เรยี นรู้วิทยาศาสตร์ 1)นกั เรียนสามารถอธบิ าย - - เราเรียนรู้

อย่างไร กระบวนการทาํ งานของ วิทยาศาสตร์

เรอ่ื ง : เราเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ นกั วทิ ยาศาสตร์ได้(K) อยา่ งไร
อยา่ งไร 2) นกั เรียนสามารถ - กิจกรรมท่ี
เขียนแผนผงั ความคดิ “เราเรียนรู้ 1.1
วิทยาศาสตรอ์ ยา่ งไร”ได้ (P) นักวทิ ยาศาสต
3)นักเรียนสามารถปฏิบัตกิ ิจกรรม

ท่ี 1.1 นักวิทยาศาสตรท์ ํางาน รท์ าํ งาน

อย่างไรได้ อยา่ งไร

4) นกั เรยี นตระหนกั

ถงึ คุณค่าของวทิ ยาศาสตร์ในการ

ใชช้ ีวติ ประจาํ วนั (A)

2 3-4 หน่วยที่ 1 เรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ 1) นักเรียนสามารถอธบิ าย - - จําแนกสิ่งที่

อย่างไร ธรรมชาติของวทิ ยาศาสตร์ เปน็
เร่อื ง : เราเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ และความรู้ทางวิทยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์
อยา่ งไร ได้ (K) และไม่ใช่
2)นักเรียนสามารถจําแนกส่งิ ท่ี วทิ ยาศาสตร์ได้
เป็นวิทยาศาสตร์ และไมใ่ ช่ - ปฏบิ ัติ
วิทยาศาสตรไ์ ด้ กจิ กรรมที่ 1.2
นกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั กิ จิ กรรมที่

1.2น้ําสเี คลอ่ื นท่ีอยา่ งไรได้ (P) นา้ํ สีเคล่อื นท่ี

2) นกั เรียนสามารถบอกถงึ อย่างไร

ประโยชนข์ องวทิ ยาศาสตรท์ มี่ ีผล

ตอ่ การดาํ รงชวี ติ ประจาํ วนั

ของ นักเรียนได้ (A)

-

สปั ดาหท์ ่ี ชวั่ โมงที่ หนว่ ยการ จุดประสงค์การเรยี นรู้ มาตรฐาน/
2 5-6 เรยี นรู้/เนอ้ื หา ตัวช้วี ัด

หนว่ ยท่ี 1 -
เรียนรู้

วทิ ยาศาสตร์
อยา่ งไร
เรอ่ื ง

กระบวนการ
ทาํ งานของ
นักวทิ ยาศาสตร์

3 7-10 หนว่ ยที่ 2 1) ดา้ นความรู้ (K) ว 2.1 ม.1/4

สารบริสทุ ธ์ิ นกั เรยี นสามารถอธบิ ายความ เปรียบเทยี บจดุ

เรื่อง แตกต่างระหว่างสารบรสิ ทุ ธิ์และ เดือดจุด

สารบริสทุ ธแิ์ ละ สารผสมได้ หลอมเหลวของ

สารผสม 2) ด้านกระบวนการ (P) สารบริสทุ ธ์ิและ

นักเรยี นจําแนกตวั อย่างระหวา่ งสาร สารผสม โดย

บรสิ ุทธิ์และสารผสมได้ การวดั อณุ หภมู ิ

2) ดา้ นเจตคติ (A) นกั เรยี นตง้ั ใจ เขยี นกราฟ

เรยี นวทิ ยาศาสตร์ แปล

ความหมาย

ข้อมูลจากกราฟ

หรอื สารสนเทศ

สปั ดาหท์ ่ี ช่ัวโมงที่ หน่วยการ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ มาตรฐาน/ตัวช้ีวัด
4 11-12
เรยี นรู้/เนอ้ื หา

หน่วยท่ี 2 สาร 1) ดา้ นความรู้ (K) นกั เรยี นสามารถอธบิ าย - ม.1/4 เปรยี บเทยี บ

บรสิ ุทธิ์ ความหมายของจุดหลอมเหลวได้ จุดเดอื ดจุด

เร่อื ง 2) ด้านกระบวนการ (P)นักเรียนสามารถ หลอมเหลวของสาร
จดุ หลอมเหลว ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมการบนั ทกึ กิจกรรมท่ี บรสิ ุทธ์ิและสารผสม
ของ สาร โดยการวดั อณุ หภูมิ
บริสุทธแ์ิ ละ
สารผสม 2.2 จดุ หลอมเหลวของสารบริสุทธก์ิ บั สาร เขยี นกราฟ แปล

ผสมจากวิดิโอสาธิตการทดลองได้ ความหมายขอ้ มลู จาก

3) ด้านเจตคติ (A) นกั เรยี นตง้ั ใจเรียน กราฟ หรือ
วิทยาศาสตร์ สารสนเทศ

5 13-14 หน่วยท่ี 2 สาร 1) ด้านความรู้ (K) นกั เรียนสามารถ ว 2.1 ม 1/5

บริสทุ ธ์ิ อธบิ ายความหมายของความหนาแน่นได้ อธบิ าย

เรอ่ื ง 2) ด้านกระบวนการ (P) นกั เรียน เปรยี บเทียบความ

การคํานวณ สามารถคานวณหาความหนาแน่นของ หนาแน่นของสาร

ความหนาแน่น วตั ถไุ ด้ บริสุทธแิ์ ละสาร

3) ด้านเจตคติ (A) นกั เรียนตงั้ ใจเรยี น ผสม

วทิ ยาศาสตร์

สปั ดาหท์ ี่ ชัว่ โมงที่ หนว่ ยการ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ มาตรฐาน/
5 15-16 ตวั ชว้ี ัด
เรียนรู้/
6 17-18 ว 2.1 ม 1/6 ใช้
7 19-20 เนอ้ื หา เครื่องมอื เพ่อื วดั
21-22 มวลและปรมิ าตร
8 23-26 หนว่ ยท่ี 2 1) ดา้ นความรู้ (K) นกั เรียนสามารถ ของสารบรสิ ุทธิ์
และสารผสม
สาร อธิบายความหมายของความหนาแน่นได้
บรสิ ทุ ธ์ิ 2) ดา้ นกระบวนการ (P)นกั เรียนสามารถ ว 2.1 ม 1/7
เร่อื ง อธบิ าย
ความ ปฏิบตั กิ ิจ ความสมั พนั ธ์
หนาแน่น ทดลองกิจกรรมท่ี 2.3 ความหนาแนน่ ระหว่างอะตอม
ธาตแุ ละ
ของสาร ของสารบรสิ ทุ ธ์ิและสารผสมได้ สารประกอบ โดย
บรสิ ทุ ธ์ิ 3) ดา้ นเจตคติ (A) นกั เรียนเก็บอปุ กรณ์ ใช้แบบจําลอง
และสารสนเทศ
และสาร หลงั จากใชง้ านเสรจ็
ว 2.1 ม.1/8
ผสม อธบิ ายโครงสรา้ ง

หน่วยที่ 2 1) ดา้ นความรู้ (K) นกั เรียนสามารถบอก อะตอมที่
ประกอบด้วย
สาร ไดว้ า่ ส่ิงของใดจดั อยใู่ นสถานะของแขง็
บรสิ ุทธ์ิ ของเหลว และแก๊สได้ โปรตอน
เร่อื ง 2) ดา้ นกระบวนการ (P) นกั เรียน นวิ ตรอน และ
สถานะ สามารถจาแนกไดว้ า่ สิ่งของใดจดั อยใู่ น อเิ ลก็ ตรอน โดย
ของสาร สถานะของแขง็ ของเหลว และแก๊สได้ ใช้แบบจาํ ลอง

เรือ่ ง 3) ดา้ นเจตคติ (A) นกั เรียนใฝ่เรียนรู้
อนุภาค วทิ ยาศาสตร์
ของสาร

เรอื่ ง
ธาตแุ ละ
สารประ
กอบ

สปั ดาหท์ ่ี ชว่ั โมงท่ี หน่วยการ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ มาตรฐาน/ตวั ชี้วัด
9 27-28 เรียนรู้/
เนื้อหา 1) ด้านความรู้ (K) นกั เรียน ว 2.1 ม.1/1 อธบิ าย
หน่วยท่ี 2 สามารถวเิ คราะหผ์ ลจากการใช้ สมบัติทางกายภาพ
สารบริสทุ ธ์ิ ธาตโุ ลหะ อโลหะ ก่ึงโลหะ บางประการของธาตุ
เร่อื ง และธาตกุ รัมมนั ตรงั สี ท่มี ีตอ่ โลหะ อโลหะ และก่ึง
การจาํ แนก ส่ิงมีชีวติ ส่ิงแวดลอ้ ม โลหะ โดยใช้หลักฐาน
ธาตุและการ เศรษฐกิจและสงั คมได้ เชิงประจกั ษ์ที่ไดจ้ าก
ใชป้ ระโยชน์ การสงั เกตและการ
2) ด้านกระบวนการ ทดสอบ และการใช้
(P)นกั เรียนสามารถจาแนก สารสนเทศท่ไี ดจ้ าก
สมบตั ทิ างกายภาพบาง แหลง่ ข้อมลู ต่างๆ
ประการของธาตุโลหะ อโลหะ รวมท้งั จดั กลมุ่ ธาตุ
และก่ึงโลหะ ผา่ นกิจกรรมท่ี เปน็ โลหะ อโลหะ และ
2.6 เราสามารถจาแนกธาตไุ ด้ กึ่งโลหะ
อยา่ งไรได้ ว 2.1 ม.1/2 วเิ คราะห์
ผลจากการใชธ้ าตุ
3) ด้านเจตคติ (A) นกั เรียน โลหะ อโลหะ กึง่ โลหะ
ตระหนกั ถึงคุณค่าของการใช้ และธาตกุ รมั มันตรงั สี
ธาตโุ ลหะ อโลหะ ก่ึงโลหะ ทม่ี ีตอ่ สง่ิ มีชวี ิต
ธาตุกมั มนั ตรังสี โดยเสนอ สิ่งแวดล้อม เศรษฐกจิ
แนวทางการใชธ้ าตุอยา่ ง และสงั คมจากข้อมูลที่
ปลอดภยั คุม้ ค่า รวบรวมได้
ว 2.1 ม.1/3 ตระหนกั
ถึงคณุ คา่ ของการใช้
ธาตโุ ลหะ อโลหะ กึ่ง
โลหะ ธาตกุ ัมมนั ตรงั สี
โดยเสนอแนวทางการ
ใช้ธาตอุ ยา่ งปลอดภยั
คุม้ ค่า

สปั ดาห์ที่ ชัว่ โมงท่ี หน่วยการ จุดประสงค์การเรียนรู้ มาตรฐาน/
10 29-30
เรยี นรู้/ ตัวชีว้ ัด
11 31-32
เนื้อหา

หนว่ ยท่ี 3 1) ด้านความรู้ (K) นักเรียนสามารถอธิบาย ว 1.2 ม 1/1 ใช้
กลอ้ งจลุ ทรรศน์
หนว่ ย วิธีการใชก้ ลอ้ งจุลทรรศนไ์ ด้ ใช้แสงศึกษาเซลล์
2) ดา้ นกระบวนการ (P)นกั เรียนสามารถ และโครงสรา้ ง
พน้ื ฐาน ชสี้ ่วนประกอบของกลอ้ งจุลทรรศน์ไดถ้ กู ต้อง ต่าง ๆ ภายใน
ของ 3) ด้านเจตคติ (A) นกั เรียนตงั้ ใจเรียน เซลล์
สิ่งมชี วี ติ วิทยาศาสตร์
เร่อื ง

กล้อง

จุลทรรศน์

เรอื่ ง 1) ดา้ นความรู้ (K) นกั เรยี นสามารถอธบิ าย

การศึกษา วธิ ีการใชก้ ลอ้ งจลุ ทรรศนไ์ ด้

ส่งิ มีชวี ิต 2) ดา้ นกระบวนการ (P)นกั เรียนสามารถใช้

ด้วยกลอ้ ง กลอ้ งจลุ ทรรศนใ์ นการศกึ ษาสง่ิ มชี ีวติ ไดอ้ ยา่ ง

จุลทรรศน์ ถกู วธิ ีจากกิจกรรมเสรมิ เรื่องการศกึ ษา

สง่ิ มีชีวติ ดว้ ยกลอ้ งจลุ ทรรศนไ์ ด้

3) ด้านเจตคติ (A) นกั เรียนเกบ็ อปุ กรณ์

เขา้ ที่หลงั จากเลกิ ใชง้ าน

12 33-34 เรอ่ื ง 1) ด้านความรู้ (K) นักเรยี นสามารถ
โลกใต้ อธบิ ายวธิ ีการใช้กล้องจลุ ทรรศนไ์ ด้
กล้อง 2) ดา้ นกระบวนการ (P) นักเรยี น
จลุ ทรรศน์ สามารถใชก้ ลอ้ งจุลทรรศนใ์ นการศกึ ษา
สิง่ มชี วี ิตได้อยา่ งถูกวธิ ีจากกจิ กรรมเสริม
เร่ืองการศึกษาสิง่ มชี วี ิตด้วยกล้อง
จุลทรรศน์ได้
3) ด้านเจตคติ (A) นักเรียนเกบ็ อุปกรณ์
เขา้ ท่ีหลังจากเลกิ ใช้งาน

สปั ดาหท์ ่ี ชวั่ โมงที่ หนว่ ยการ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ มาตรฐาน/
13 35-36
เรียนรู้/ ตวั ชีว้ ัด

เนือ้ หา

เรอ่ื ง 1) ดา้ นความรู้ (K) นกั เรียนสามารถ ว 1.2 ม.1/2

เซลลพ์ ชื อธิบายความแตกตา่ งระหวา่ งเซลลพ์ ชื เปรียบเทียบ

และเซลล์ และเซลลส์ ตั วไ์ ด้ รปู รา่ งของเซลล์

สตั ว์ -นกั เรียนสามารถอธิบายโครงสร้างและ พชื และเซลล์สัตว์

หนา้ ท่ีของเซลลไ์ ด้ รวมทงั้ บรรยาย

2) ดา้ นกระบวนการ (P) หนา้ ที่ของผนงั

-นกั เรียนสามารถเขียนความแตกต่าง เซลล์ เยื่อหมุ้
ระหวา่ งระหวา่ งเซลลพ์ ชื และเซลลส์ ตั ว์ เซลล์ ไซโทพลา
ได้ ผา่ นกิจกรรมท่ี 3.2 เซลลพ์ ชื และ ซึม นวิ เคลียส
แวคิวโอล
เซลลส์ ตั วแ์ ตกต่างกนั อยา่ งไร
-นกั เรียนสามารถสรา้ งแบบจาลองเซลล์ ไมโทคอนเดรยี
ได้ และคลอโรพ
ลาสต์
3) ดา้ นเจตคติ (A)

-นกั เรียนต้งั ใจเรียนและมีวนิ ยั ใน

การเรียน

-นกั เรียนต้งั ใจเรียนและมีวนิ ยั ในการ

เรียน

สปั ดาหท์ ี่ ชว่ั โมงท่ี หน่วยการ จุดประสงค์การเรียนรู้ มาตรฐาน/
13 37-38
เรียนรู้/ ตัวชวี้ ัด
39
40 เนื้อหา

หน่วยที่ 3 1) ดา้ นความรู้ (K) ว 1.2 ม.1/3

หน่วย -นกั เรียนสามารถอธิบายโครงสรา้ งและ อธบิ าย

พื้นฐาน หนา้ ที่ของเซลลไ์ ด้ ความสมั พนั ธ์

ของ 2) ดา้ นกระบวนการ (P) ระหว่างรูปร่างกบั

สงิ่ มีชีวิต -นกั เรียนสามารถสร้างแบบจาลองเซลล์ การทําหนา้ ทข่ี อง
เร่อื ง ได้ เซลล์

โครงสร้าง 3) ดา้ นเจตคติ (A)
และหน้าท่ี
ของเซลล์ -นักเรียนต้งั ใจเรียนและมีวนิ ัยในการ
เรียน

เรอ่ื ง 1) ดา้ นความรู้ (K) นกั เรียนจะ ว 1.2 ม 1/5

การแพร่ สามารถอธิบายกระบวนการแพร่ วา่ เป็น อธิบาย

วธิ ีการนาสารเขา้ และออกจากเซลลไ์ ด้ กระบวนการแพร่

2) ดา้ นกระบวนการ (P) นกั เรียน และออสโมซิส

เรื่อง สามารถปฏิบตั ิกิจกรรมท่ี 3.3 อนุภาค จากหลกั ฐานเชิง
ออสโมซสิ ของสารมีการเคล่ือนทอี่ ยา่ งไรได้ ประจักษ์และ
ยกตวั อยา่ งการ
3) ดา้ นเจตคติ (A) นกั เรียนต้งั ใจเรียน แพรแ่ ละ
ออสโมซิสใน
และเมื่อปฏิบตั กิ ิจกรรมเสร็จแลว้ ชวี ติ ประจําวัน

นกั เรียนเกบ็ อุปกรณ์เขา้ ที่

สปั ดาหท์ ่ี ช่ัวโมงท่ี หน่วยการ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ มาตรฐาน/ตัวช้ีวัด
14 41-42
เรยี นรู้/
15 43-44
เน้ือหา

หน่วยท่ี 4 1) ด้านความรู้ (K) ว 1.2 ม 1/11

หน่วยการ นกั เรียนสามารถอธิบายการ อธิบายการสบื พันธ์ุ
ดํารงชวี ิต สืบพนั ธุแ์ บบอาศยั เพศในพชื แบบอาศยั เพศ
ของพืช ดอกได้
เร่ือง 2) ด้านกระบวนการ และไม่อาศยั เพศ
การสืบพันธ์ุ (P)นกั เรียนสามารถเขยี น ของพืชดอก
แบบอาศัย ว 1.2 ม 1/12
เพศในพชื แผนผงั การสืบพนั ธุแ์ บบอาศยั อธบิ ายลกั ษณะ
เพศในพชื ดอกตามหวั ขอ้ ทคี่ รู โครงสรา้ งของดอก
ดอก ทม่ี สี ่วนทําให้เกดิ
เรื่อง กาหนดใหไ้ ดน้ กั เรียนสามารถ การถ่ายเรณูรวมทั้ง
การสบื พันธ์ุ ปฏบิ ตั ิกิจกรรมท่ี 4.1 การถ่าย บรรยายการ

แบบไม่ เรณูเกิดข้ึนไดอ้ ยา่ งไรได้ ปฏิสนธิของพืช

อาศยั เพศใน 3) ด้านเจตคติ (A)
นกั เรียนต้งั ใจเรียนและมีวนิ ยั ใน ดอก การเกดิ ผล
พชื ดอก และเมลด็ การ
กระจายเมล็ด และ
การเรียน

การงอกของเมล็ด

สปั ดาห์ท่ี ชัว่ โมงท่ี หนว่ ยการ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ มาตรฐาน/ตัวชี้วัด
16 45-46
เรียนรู้/

เนอ้ื หา

หน่วยท่ี 4 1) ด้านความรู้ (K) นกั เรียน ม 1/12 อธบิ ายลักษณะ

หน่วยการ สามารถอธิบายการงอกของเมลด็ โครงสรา้ งของดอกที่มี

ดาํ รงชีวติ พืชใบเล้ียงเดย่ี วและเมล็ดพชื ใบ ส่วนทําใหเ้ กิดการถา่ ย

ของพชื เลี้ยงค่ไู ด้ เรณรู วมทั้งบรรยายการ

เรือ่ ง 2) ด้านกระบวนการ (P) นกั เรียน ปฏิสนธิของพืชดอก การ
เมล็ดงอก สามารถปฏิบตั ิกจิ กรรมท่ี 4.2 เมล็ด เกิดผลและเมล็ดการ
ได้อย่างไร งอกได้อยา่ งไรได้ กระจายเมลด็ และการ

3) ดา้ นเจตคติ (A) นักเรียนตง้ั ใจ งอกของเมลด็

เรยี นและเก็บอุปกรณเ์ ข้าทีเ่ มือ่

ปฏิบัติกจิ กรรมเสร็จ

47-48 เร่อื ง 1) ดา้ นความรู้ (K) ว 1.2 ม 1/16 เลอื ก
การ นกั เรียนสามารถเลือกวธิ ีการ วิธีการขยายพนั ธพ์ุ ชื ให้
เหมาะสมกบั ความ
ขยายพนั ธ์ุ ขยายพนั ธุพ์ ชื ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ต้องการของมนษุ ยโ์ ดยใช้
พืช 2) ดา้ นกระบวนการ (P)

นกั เรียนสามารถขยายพนั ธุพ์ ชื ความรู้เกีย่ วกับการ

ตวั อยา่ งไดอ้ ยา่ งถูกวธิ ี สืบพันธขุ์ องพชื

3) ดา้ นเจตคติ (A) ว 1.2 ม 1/17 อธบิ าย

นกั เรียนตระหนกั ถึงพชื หายากและ ความสําคัญของ
ตอ้ งการขยายพนั ธุเ์ พอื่ อนุรกั ษ์ เทคโนโลยีการเพาะเล้ยี ง

เนื้อเยื่อพืชในการใช้

ประโยชน์ดา้ นตา่ ง

สปั ดาหท์ ่ี ชัว่ โมงท่ี หนว่ ยการ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ มาตรฐาน/ตัวชี้วดั
17 49-50 เรยี นรู้/
เน้ือหา 1) ด้านความรู้ (K) นกั เรียน ม 1/6 ระบุปจั จัยที่
หนว่ ยที่ 4 สามารถอธิบายความสําคัญของ จาํ เปน็ ในการ
หนว่ ยการ ปจั จยั ทม่ี ีผลตอ่ กระบวนการ สงั เคราะห์ด้วยแสง
ดํารงชีวติ สังเคราะห์ด้วยแสงของพชื ได้ และผลผลติ ท่ี
ของพืช
เรอื่ ง เกิดขึน้ จากการ
ปจั จัยที่ได้ 2) ดา้ นกระบวนการ (P)นักเรียน สังเคราะหด์ ว้ ยแสง
จากการ สามารถปฏิบตั ิกิจกรรมท่ี 4.4 โดยใชห้ ลักฐานเชิง
สังเคราะห์ ปัจจยั ในการสรา้ งอาหารของพชื มี ประจกั ษ์
ด้วยแสง อะไรบา้ งได้

3) ด้านเจตคติ (A)
นักเรียนมวี นิ ยั และตงั้ ใจเรียน

18 51-54 เรอ่ื ง 1) ด้านความรู้ (K) ว 1.2 ม 1/8

ผลผลิตท่ีได้ นักเรียนสามารถอธิบาย ตระหนักในคุณคา่

จากการ ความสาํ คัญของการสังเคราะห์ ของพืชทมี่ ตี ่อ
สงั เคราะห์ ด้วยแสงของพืชต่อสิ่งมชี วี ิตและ
ดว้ ยแสง สิ่งแวดล้อมได้ ส่ิงมชี วี ติ และ
( ตอ่ ) 2) ดา้ นกระบวนการ (P) ส่ิงแวดลอ้ ม โดยการ
นักเรยี นสามารถวาดภาพทส่ี ื่อ รว่ มกันปลูกและ
ความสําคญั ของการสงั เคราะห์ ดูแลรักษาต้นไมใ้ น
โรงเรียนและชุมชน
ด้วยแสงของพืชต่อส่งิ มชี วี ติ ได้

3) ดา้ นเจตคติ (A)

นกั เรียนมวี นิ ัยและตัง้ ใจเรียน

สปั ดาหท์ ่ี ชวั่ โมงที่ หนว่ ยการ จุดประสงค์การเรยี นรู้ มาตรฐาน/ตัวช้ีวดั
19 55-56 เรียนรู้/
เนื้อหา 1) ด้านความรู้ (K) ว 1.2 ม1/ 14
หนว่ ยท่ี 4
หน่วยการ นกั เรียนสามารถอธิบายธาตุ อธบิ ายความสําคญั
ดํารงชีวติ
ของพืช อาหารทพี่ ชื จาเป็นไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ของธาตุอาหารบาง
เร่อื ง
ธาตอุ าหาร 2) ด้านกระบวนการ (P) ชนดิ ท่ีมีผลตอ่ การ
ของพืช
นกั เรียนสามารถปฏบิ ตั ิกิจกรรมท่ี เจริญเติบโตและการ

4.6 ธาตุอาหารพชื สาคญั อยา่ งไร ดาํ รงชวี ติ ของพืช
ได้ ว 1.2 ม.1/15
เลอื กใช้ปุ๋ยทีม่ ีธาตุ
3) ด้านเจตคติ (A) อาหารเหมาะสมกบั
นกั เรียนมีวนิ ยั และต้งั ใจเรียน พืชในสถานการณ์ที่

กําหนด

57-58 หน่วยท่ี 4 1) ดา้ นความรู้ (K) ว 1.2 ม 1/9

หนว่ ยการ นกั เรียนสามารถอธิบายการ บรรยายลักษณะ
ดํารงชวี ติ
ของพชื ลาเลียงน้าของพชื ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง และหน้าทขี่ องไซ
เรือ่ ง
การลาํ เลยี ง 2) ดา้ นกระบวนการ (P) เลม็ และ
น้ําของพืช
นกั เรียนสามารถปฏิบตั ิกิจกรรมท่ี โฟลเอม็

4.7 พืชลาเลียงน้าและธาตุอาหาร ว 1.2 ม 1/10 เขียน
แผนภาพที่บรรยาย
อยา่ งไรได้
ทศิ ทางการลําเลยี ง
3) ดา้ นเจตคติ (A)
สารในไซเลม็
นกั เรียนมีวนิ ยั และต้งั ใจเรียน และโฟลเอ็มของพืช

สปั ดาหท์ ่ี ชวั่ โมงที่ หน่วยการ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ มาตรฐาน/ตัวชี้วดั
20 59-60 เรียนรู้/
เนื้อหา 1) ด้านความรู้ (K) ว 1.2 ม 1/9
หนว่ ยที่ 4 นกั เรยี นสามารถอธิบายการ บรรยายลกั ษณะ
หนว่ ยการ ลําเลยี งอาหารของพืชไดอ้ ย่าง และหนา้ ที่ของไซ
ดํารงชวี ิต ถูกตอ้ ง เล็มและ
ของพืช 2) ด้านกระบวนการ (P) โฟลเอม็
เรือ่ ง นกั เรยี นสามารถปฏิบตั ิกิจกรรมท่ี ว 1.2 ม 1/10 เขียน
การลาํ เลียง 4.7 พชื ลาํ เลียงนาํ้ และธาตุอาหาร แผนภาพทบี่ รรยาย
อาหารของ อย่างไรได้ ทิศทางการลําเลยี ง
3) ดา้ นเจตคติ (A) สารในไซเล็ม
พชื นักเรยี นมีวนิ ัยและตัง้ ใจเรยี น และโฟลเอ็มของพืช

4. แผนการประเมินผลการเรียนรู้ และการมอบหมายงาน มเี กณฑ์
การสอนรายวชิ า ว21101 วทิ ยาศาสตร์ 1 ประจาํ ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา

ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ดงั น้ี

การประเมิน คะแนน

4.1 ประเมนิ จากแบบฝึกหดั และงานทม่ี อบหมาย 50
4.2 ประเมนิ จากการสอบยอ่ ย 10
4.3 ประเมนิ จากงานกลุ่ม/ ชน้ิ งาน/ ปฏบิ ตั กิ าร 10
4.4 ประเมนิ จากการสอบกลางภาค 10
4.5 ประเมนิ จากการสอบปลายภาค 20
100 คะแนน
รวม

รายละเอยี ดการประเมนิ ผลแตล่ ะหวั ขอ้ เป็นดงั น้ี
4.1 การประเมินจากแบบฝึ กหดั และงานท่ีมอบหมาย

รายการ รปู แบบ กาหนดส่ง เวลา(นาที) คะแนน
งาน
- กิจกรรมที่ 1.1 นกั วทิ ยาศาสตร์ ภายในคาบเรยี น 50
ทํางานอยา่ งไร งานเดย่ี ว
กจิ กรรมที่ 1.2 น้ําสเี คล่อื นที่ งานเดย่ี ว ภายในคาบเรยี น 50 20
อย่างไร งานเดย่ี ว ภายในคาบเรยี น 40
ใชท้ กั ษะทางวิทยาศาสตร์ในการ งานเดย่ี ว
สร้างจรวดกระดาษพับ ภายในคาบเรยี น 50
กิจกรรมท่ี 2.1 จุดเดือดของสาร งานเดย่ี ว
บรสิ ทุ ธิก์ บั สารผสมแตกตา่ งกัน ภายในคาบเรยี น 50
อย่างไร งานเดย่ี ว
กจิ กรรมที่ 2.2 จดุ หลอมเหลวของ งานเดย่ี ว ภายในคาบเรยี น 50
สารบรสิ ทุ ธ์กิ บั สารผสมจากวิดิโอ งานเดย่ี ว
สาธติ การทดลองได้ งานเดย่ี ว ภายในคาบเรยี น 50
กิจกรรมที่ 2.3 ความหนาแน่นของ
สารบริสทุ ธ์ิและสารผสม ภายในคาบเรยี น 50
กจิ กรรมที่ 2.4 สารบรสิ ุทธ์ิมี ภายในคาบเรยี น 50
องค์ประกอบอะไรบา้ ง
สามารถท่องธาตุ 20 ธาตุแรก
กจิ กรรมที่ 2.6 เราสามารถจําแนก
ธาตุไดอ้ ย่างไร

กิจกรรมที่ 3.2 เซลล์พืชและเซลล์ งานเดย่ี ว ภายในคาบเรยี น 50
สตั ว์แตกต่างกนั อย่างไร งานเดย่ี ว ภายในคาบเรยี น 30
ช้ีสว่ นประกอบของกล้อง งานเดย่ี ว ภายในคาบเรยี น 50
จลุ ทรรศน์ งานเดย่ี ว ภายในคาบเรยี น 30
กจิ กรรมที่ 4.1 การถ่ายเรณู
เกิดข้นึ ไดอ้ ย่างไร งานเดย่ี ว ภายในคาบเรยี น 50
เขยี นความแตกตา่ งระหว่างการ งานเดย่ี ว ภายในคาบเรยี น 50
สบื พนั ธุ์แบบอาศัยเพศในพชื ดอก งานเดย่ี ว ภายในคาบเรยี น 50
กับการสบื พันธแุ์ บบไม่อาศัยเพศ งานเดย่ี ว ภายในคาบเรยี น 50
ในพืชดอก งานเดย่ี ว ภายในคาบเรยี น 50
กจิ กรรมที่ 4.2 เมล็ดงอกได้ งานเดย่ี ว ภายในคาบเรยี น 30
อย่างไร
กิจกรรมท่ี 4.4 ปัจจัยในการสร้าง
อาหารของพืชมีอะไรบา้ ง
กิจกรรมท่ี 4.5 การสงั เคราะหด์ ้วย
แสงได้ผลผลติ ใดอีกบ้าง
กจิ กรรมท่ี 4.6 ธาตุอาหารพชื
สําคญั อย่างไร
กจิ กรรมท่ี 4.7 พชื ลําเลียงนํา้ และ
ธาตอุ าหารอยา่ งไร
เขียนการลําเลียงน้าํ และอาหาร
ของพชื

หมายเหตุ เวลาทน่ี กั เรยี นควรใช้ หมายถงึ เวลาทค่ี รไู ด้ พจิ ารณาวา่ ในการทาํ งานหรอื แบบฝึกหดั ชน้ิ นนั้ ๆ
นกั เรยี นควรใชเ้ วลาทาํ ประมาณเทา่ ใดการประมาณดงั กล่าวครไู ดพ้ จิ ารณาจากความยาก ความซบั ซ้อน และ
ปรมิ าณของงานหรอื แบบฝึกหดั ชน้ิ นนั้ ๆ

4.2 ประเมินจากการสอบยอ่ ย

ครผู สู้ อนจะเกบ็ คะแนนจากการสอบย่อยครงั้ ละ 1 คะแนน จาํ นวน 10 ครงั้ ทา้ ยคาบเรยี น ดงั น้ี

ครงั้ ท่ี หวั ข้อ/ เนื้อหาท่ีใช้สอบ ลกั ษณะขอ้ สอบ/จานวนขอ้ สอบ คะแนน

1 สารบรสิ ทุ ธิ ์ อตั นยั จาํ นวน 20 ขอ้ 10

2 พน้ื ฐานของสงิ่ มชี วี ติ อตั นยั จาํ นวน 20ขอ้ 10

3 หน่วยการดํารงชวี ติ ของพชื อตั นยั จาํ นวน 20ขอ้ 10

รวม อตั นยั จาํ นวน 60 ขอ้ 30

4.3 ประเมินจากงานกลุ่ม /ชิ้นงาน/ ปฏิบตั ิการ

ในการเรยี นในรายวชิ าน้ี ไดม้ อบหมายใหน้ กั เรยี นรบั ผดิ ชอบชน้ิ งาน ดงั น้ี

ชื่องาน ประเภทงาน กาหนดส่ง คะแนน
5
กิจกรรมท่ี 2.3 ความหนาแนน่ ของ งานกลุม่ 5
5
สารบรสิ ทุ ธิ์และสารผสม 5

กจิ กรรมที่ 3.2 เซลล์พืชและเซลล์ งานกลุ่ม 20

สัตว์แตกต่างกนั อยา่ งไร

กิจกรรมท่ี 4.7 พชื ลาํ เลยี งนา้ํ และ งานกลมุ่

ธาตุอาหารอยา่ งไร

เขยี นการลาํ เลยี งนาํ้ และอาหารของ งานกลุ่ม

พชื

รวม


Click to View FlipBook Version